ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic SJ Yaoi] Dear Friend, Please Love Me (KangHan)

    ลำดับตอนที่ #7 : Part 5 END

    • อัปเดตล่าสุด 28 พ.ค. 53



    ตอนบ่ายของวันที่อากาศสดใสวันหนึ่ง

     
    ชายหนุ่มชาวจีนกำลังนั่งเขียนไดอารี่อยู่ที่ระเบียงห้องนอนด้วยรอยยิ้ม

     
    สายลมอ่อนๆของประเทศบ้านเกิดทำให้เขารู้สึกอบอุ่นในหัวใจอย่างบอกไม่ถูก

     
    ...สงสัยวันนี้จะมีอะไรดีๆล่ะมั้ง?...

     
    มือบางบรรจงเขียนแต่ละตัวอักษรลงไปในสมุดสีฟ้าเล่มหนา

     

    ถึงคังอิน...

     

             นี่ก็ผ่านมาได้หกเดือนแล้วนะที่เราไม่ได้เจอกัน ฉันแทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามันนานขนาดนี้แล้ว เพราะความรู้สึกต่างๆที่ฉันมีต่อนายมันไม่ได้จางหายไปเลยสักนิด ความรักที่ฉันมีให้นายมันไม่เคยน้อยลง มิหนำซ้ำฉันยังรู้สึกคิดถึงและเป็นห่วงนายมากขึ้นทุกวันๆอีก ซีวอนพูดถูกจริงๆ บางสิ่งในชีวิตของเรามันได้ถูกกำหนดเอาไว้แล้ว และจิตใจของเราก็ไม่เข้มแข็งพอที่จะเปลี่ยนแปลงมันด้วยความรู้สึกที่ฉันมีให้นายก็คงจะถูกกำหนดเอาไว้แล้วเหมือนกัน แล้วฉันก็ไม่เข้มแข็งพอที่จะเปลี่ยนแปลงมัน หรือจะพูดให้ถูก ฉันไม่เคยคิดที่จะเปลี่ยนแปลงมันด้วยซ้ำ ซีวอนเองก็คงไม่ต่างจากฉัน ฉันรู้ว่าเขารักฉันมากจนบางทีฉันเองก็รู้สึกผิด แต่ทำไงได้ล่ะ ฉันรักนายแค่คนเดียวนี่

     

    ก๊อกๆๆ

     
    เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นทำให้ร่างบางชะงักมือไปชั่วขณะ

     
    คนที่จะมาหาเขาที่นี่ก็มีแต่ซีวอนคนเดียวเท่านั้น แต่รุ่นน้องร่างสูงไม่เคยมาในเวลาแบบนี้โดยที่ไม่โทรมาบอกก่อนเลย

     
    ร่างบางขมวดคิ้วด้วยความสงสัยแต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก

     
    เปิดเข้ามาได้เลยซีวอน ประตูไม่ได้ล็อค ฮันคยองตะโกนออกไปก่อนที่จะหันกลับมาสนใจไดอารี่ตรงหน้าอีกครั้ง

     
    ตึกๆๆ

     
    เสียงฝีเท้าและจังหวะการก้าวเท้าที่ไม่เหมือนกับรุ่นน้องหน้าหล่อทำให้ร่างบางเริ่มเอะใจ

     
    สายลมวูบหนึ่งหอบเอากลิ่นน้ำหอมที่เขาไม่เคยลืมมาด้วยและนั่นเป็นสิ่งสุดท้ายที่เขาสัมผัสได้ก่อนที่จะถูกมือแกร่งของใครบางคนปิดตาเอาไว้

     
    แทนที่จะกลัวแต่เขากลับรู้สึกดีใจจนแทบจะกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่

     
    เขาไม่เคยลืมสัมผัสจากมือคู่นี้ กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆที่เป็นเอกลักษณ์นี้ และความอบอุ่นจากร่างกายที่โอบกอดเขาจากทางด้านหลังอยู่ตอนนี้
    แต่เขาเองก็ยังไม่แน่ใจ

     
    จะเป็นไปได้ยังไงกัน?

     
    ซีวอน เล่นอะไรแบบนี้?! พี่ไม่สนุกด้วยนะ!” ร่างบางเอ่ยเสียงเข้ม

     
    ถึงแม้ว่าจะพูดออกไปแบบนั้น แต่ในใจของเขายังคงหวังอยู่ลึกๆว่าคนคนนี้จะไม่ใช่รุ่นน้องหน้าหล่อที่เขาเรียกชื่อไป

     
    ...อะไรกัน ไม่ได้เจอกันแค่หกเดือนเอง นายลืมฉันไปแล้วเหรอฮันคยอง?... เสียงทุ้มต่ำเอ่ยด้วยภาษาที่เขาไม่ได้ฟังมาเป็นเวลาร่วมหกเดือน
    เพียงแค่นั้น น้ำตาที่เขากลั้นไว้ก็ไหลลงมาอย่างห้ามไม่ได้จนมือใหญ่ที่ใช้ปิดตาเขาอยู่เมื่อสักครู่นี้ต้องเปลี่ยนมาทำหน้าที่เช็ดน้ำตาแทน

     
    ร่างบางรีบหันหลังไปหาชายปริศนาทันที และภาพที่เขาเห็นก็ทำให้หยดน้ำตาไหลออกมาอีกครั้ง แต่คราวนี้มีรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนดวงหน้าหวานด้วย

     
    ร่างหนาที่เขาแสนจะรักกำลังยืนมองเขาด้วยรอยยิ้มทะเล้นอันเป็นเอกลักษณ์ของเจ้าตัว

     
    มือเรียวยื่นไปสัมผัสใบหน้าของอีกฝ่ายอย่างรักใคร่และโหยหา

     
    คังอินยิ้มอย่างอ่อนโยน ปล่อยให้อีกฝ่ายได้สัมผัสและสบตาเขาตรงๆ

     
    ฮันคยองสังเกตได้ถึงบางอย่างในดวงตาคู่นั้น แต่เขาเองก็ยังไม่แน่ใจจึงเอ่ยถามออกไป

     
    นาย...ฉัน...ไม่ได้ฝันไปใช่มั้ย? ฉันไม่ได้คิดไปเองใช่หรือเปล่า?

     
    คังอินยิ้มกับคำถามของอีกฝ่าย

     
    เขาไม่ได้ตอบอะไรเพียงแต่ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ร่างบางมากขึ้น

     
    ลมหายใจอุ่นที่เป่ารดแก้มทำให้ร่างบางสะดุ้งนิดหนึ่งแต่ก็ไม่ได้เบี่ยงตัวหลบ

     
    คังอินหยุดมองฮันคยองเป็นเชิงขออนุญาต

     
    ร่างบางยิ้มอย่างเขินๆก่อนที่จะหลับตาลง

     
    ริมฝีปากอุ่นนุ่มของร่างหนาสัมผัสกับริมฝีปากของอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา

     
    จุมพิตที่อ่อนโยนดำเนินไปพักหนึ่งจนกระทั่งร่างบางเริ่มขาดอากาศหายใจแล้วทุบอกแกร่งของร่างหนาเป็นการประท้วง ร่างหนาจึงยอมถอนจูบออก

     
    คังอินมองใบหน้าหวานด้วยความเอ็นดู

     
    ใครสั่งใครสอนให้นายทำหน้าตาน่ารักแบบนี้นะ ฮันคยอง?

     
    เดี๋ยวก่อนนะ...นี่มันเป็นการทักทายแบบใหม่ของคนเกาหลีหรือไงฮึ? ไม่คิดจะพูดอะไรก่อนเลยเหรอ? ร่างบางถามด้วยน้ำเสียงงอนๆ
    เพื่อปกปิดความเขิน แต่ใบหน้าที่แดงระเรื่อของเขาก็บอกให้ร่างหนารู้อยู่ดีว่าเขารู้สึกยังไง

     
    ก็ได้ๆ งั้น...สวัสดีตอนบ่าย วันนี้อากาศดีจริงๆเลยเนาะ!” คังอินพูดด้วยท่าทางร่าเริง แต่อีกฝ่ายกลับทำหน้าเบ้

     
    คิดว่าตลกนักเหรอฮะ? หกเดือนที่ผ่านมานี่นายไม่เคยติดต่อฉันเลย จดหมายสักฉบับก็ไม่มี โทรหากันสักครั้งก็ไม่มี แล้ววันนี้โผล่มาถึงก็
    จูบฉันเลยเนี่ยนะ?
    !ไม่คิดจะอธิบายอะไรให้ฉันฟังหน่อยเหรอ? ฮันคยองแกล้งโวยวาย

     
    คังอินอดยิ้มกับท่าทางที่เหมือนกับเด็กถูกขัดใจของร่างบางไม่ได้

     
    ฉันขอโทษนะฮันคยองที่ใช้คำว่าเพื่อนสนิททำร้ายจิตใจของนายมาตลอด ฉันมันโง่เองที่คิดว่ามิตรภาพกับความรักมันไม่มีทางไปด้วยกันได้
    ขอโทษที่เคยละเลยความรู้สึกของนาย ขอโทษที่เคยปฏิเสธหัวใจของตัวเอง ขอโทษนะ
    ร่างหนาเอ่ยด้วยเสียงทุ้มนุ่ม อ่อนโยน

     
    ร่างบางน้ำตาคลอก่อนที่จะส่ายหน้าไปมาแรงๆ

     
    อื้อ ไม่เป็นไรหรอกคังอิน ฉันไม่มีวันโกรธนายได้ลงอยู่แล้วนายก็รู้ ว่าแต่ว่า ทำไมนายถึงเปลี่ยนความคิดซะล่ะ? ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้นายคิดว่า
    เพื่อนสนิทรักกันไม่ได้ แล้วทำไมตอนนี้นายถึง...
    ฮันคยองหยุดพูดแค่นั้นแล้วช้อนตาขึ้นมองอีกฝ่าย

     
    หกเดือนที่ผ่านมาเนี่ย มันทำให้ฉันได้รู้จักตัวเองมากขึ้น หัวใจของฉันมันร้องบอกว่าอยากอยู่กับนายไปตลอดชีวิต พอเราอายุมากขึ้น
    ความสัมพันธ์กุ๊กกิ๊กโรแมนติกมันก็คงจะหายไป ถึงเวลานั้น สิ่งที่เราต้องการก็คือเพื่อนไม่ใช่เหรอ? แล้วทำไมฉันถึงจะรักเพื่อนสนิท
    อย่างนายไม่ได้ล่ะ?
    คังอินพูดแล้วยิ้มจนตาปิด

     
    อื้อ เพิ่งจะคิดได้นะ ร่างบางแอบกัด

     
    แล้วหกเดือนที่ผ่านมาเนี่ย มันทำให้นายเปลี่ยนใจจากฉันไปหรือยัง? นายยังรักฉันอยู่มั้ยฮันคยอง? คังอินถามด้วยน้ำเสียงจริงจังแล้วมองตา
    อีกฝ่ายตรงๆจนร่างบางต้องรีบก้มหน้าหนีด้วยความเขิน

     
    ตั้งหกเดือนใครจะไปรอล่ะ?! ฉันเปลี่ยนใจไปรักซีวอนแล้ว!” ร่างบางประชดด้วยเสียงอู้อี้เพราะก้มหน้าอยู่

     
    ร่างหนาหัวเราะในลำคอเบาๆก่อนที่จะคว้าไดอารี่บนโต๊ะที่ร่างาบางยังเขียนค้างไว้ขึ้นมาอ่าน

     
    ร่างบางพยายามจะแย่งสมุดไดอารี่คืนมาแต่ก็ไม่สามารถสู้แรงอีกฝ่ายได้ สุดท้ายก็ต้องต่อสู้ด้วยคำพูดแทน

     
    เสียมารยาท! มาอ่านไดอารี่ของคนอื่นโดยที่ไม่ขออนุญาตแบบนี้ได้ยังไงกัน? ฮันคยองบ่น แต่คังอินดูจะไม่สะทกสะท้านเลยแม้แต่น้อย

     
    เขายิ้มออกมาอีกครั้งเมื่ออ่านข้อความทั้งหมดในนั้นจบ

     
    ข้อแรก นายนั่นแหละที่เสียมารยาท...ฮันคยอง เพราะทุกตัวอักษรในนี้น่ะมันถูกเขียนถึงฉัน เพราะฉะนั้นฉันก็ต้องมีสิทธิ์อ่านสิ นายจะมาว่าฉัน
    ได้ยังไง?
    ร่างหนาพูดพร้อมส่งสายตาเจ้าเล่ห์มาให้ร่างบาง ส่วนอีกฝ่ายก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากหลบตา

     
    คุ้นๆนะประโยคนี้ เหมือนเราจะเคยพูด ให้ตายเถอะ โดยย้อนเข้าซะแล้วสิ

     
    ข้อสอง ร่างหนาเริ่มพูดต่อ

     
    นายเป็นเด็กไม่ดีเลยนะ ใครสั่งใครสอนให้นายโกหกกัน หืม? พูดออกมาได้ยังไงว่าไม่รักฉันแล้วในเมื่อหลักฐานก็ชัดเจนซะขนาดนี้
    คังอินชูสมุดไดอารี่ในมือขึ้นแล้วยกยิ้มอย่างเป็นต่อ

     
    ร่างบางก้มหน้าต่ำกว่าเดิม แค่ดูก็รู้ว่าเขินมากขนาดไหน

     
    ร่างหนาอดที่จะจำออกมาไม่ได้เมื่อเห็นทางทางแบบนั้น

     
    ...นายยิ่งเขิน ฉันยิ่งอยากแกล้งนะรู้มั้ย?...

     
    และข้อสุดท้าย นายไม่ใช่คนอื่นสำหรับฉันนะ...ฮันคยอง คังอินพูดพร้อมกับเชยคางอีกฝ่ายขึ้นให้ได้สบตากับเขาตรงๆ

     
    ร่างหนาพยายามสื่อความรู้สึกทั้งหมดออกไปให้ดีที่สุด จะไม่ยอมให้มันเป็นเหมือนครั้งก่อนๆอีกแล้ว

     
    ร่างบางหน้าแดงอย่างควบคุมไม่ได้เมื่อถูกมองด้วยสายตาแบบนั้น

     
    ถึงตอนนี้ เขาค่อนข้างจะแน่ใจแล้วว่าอีกฝ่ายรู้สึกยังไงกับเขา และมันก็เป็นความจริงที่ทำให้เขามีความสุขอย่างมาก แต่ไม่ว่ายังไง เขาก็ยังอยาก
    ได้ยินคำนั้นจากปากร่างหนาอยู่ดี และก็เหมือนว่าอีกฝ่ายจะอ่านความคิดของเขาได้

     
    ...ฉันรักนายนะ...ฮันเกิง... ถ้อยคำรักที่ถูกถ่ายทอดออกมาด้วยภาษาที่ฉันคยองสามารถเข้าใจได้โดยไม่ต้องแปล

     
    หยาดน้ำตาแห่งความปลื้มปิติไหลอาบแก้มเนียนของร่างบาง

     
    คังอินรับหน้าที่ซับน้ำตานั่นอีกครั้ง แต่คราวนี้แทนที่จะเป็นนิ้วแกร่ง ร่างหนากลับใช้ริมฝีปากของตัวเองจูบซับน้ำตาของร่างบางอย่างแผ่วเบา
    ก่อนที่จะเลื่อนมาประทับบนริมฝีปากได้รูปของอีกฝ่าย

     
    จุมพิตอ่อนโยนร้อนแรงขึ้นเมื่อลิ้นอุ่นของร่างหนาเริ่มสอดเข้าไปในปากของร่างบาง เรียวลิ้นของทั้งคู่เกี่ยวกระหวัดกันอย่างกล้าๆกลัวๆในตอนแรก
    แต่ก็เริ่มดีขึ้นเมื่อพวกเขาปล่อยมันไปตามความรู้สึก

     
    เมื่อเห็นว่าร่างบางเริ่มขาดอากาศหายใจร่างหนาจึงยอมถอนจูบออกมาอย่างเสียดาย

     
    คังอินเลียริมฝีปากพร้อมกับส่งสายตาเจ้าเล่ห์ไปให้ร่างบางที่กำลังหอบหายใจด้วยใบหน้าแดงก่ำ

     
    ฮันคยองตีแผ่นหลังกว้างของอีกฝ่ายดังตุ้บด้วยความเขิน

     
    โอ๊ย! เจ็บนะ ตีเข้ามาได้ ร่างหนาบ่นอุบอิบก่อนที่จะคว้ามือบางแล้วรวบตัวอีกฝ่ายเข้ามากอดเอาไว้หลวมๆ

     
    เขาฝังจมูกลงบนไหล่บางอย่างโหยหา

     
    ฉันคิดถึงนายแทบแย่แน่ะรู้มั้ย? คังอินเอ่ยแล้วกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น

     
    แล้วคิดว่าฉันไม่คิดถึงนายหรือไงฮะ? เจ้าบ้า!” ฮันคยองก้มหน้างุด ยกมือขึ้นกอดร่างหนาแน่นด้วยความคิดถึงเช่นกัน

     
    ร่างหนายิ้มกว้าง รู้สึกว่าหัวใจพองโตด้วยความสุข

     
    นี่เองสินะ สิ่งที่ตามหามาตลอด สิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต

     
    ทำไมล่ะคังอิน? ทำไมถึงเป็นตอนนี้? อย่าบอกนะว่าไม่ได้เจอฉันหกเดือนแล้วถึงคิดได้น่ะ? ร่างบางถามด้วยแววตาตัดพ้อน้อยๆ

     
    คังอินรู้สึกสงสารคนตรงหน้าจับใจ

     
    เขาคลายอ้อมกอดแล้วจับไหล่อีกฝ่ายให้เผชิญหน้ากับเขาตรงๆ

     
    ฉันรู้ใจตัวเองตั้งแต่วันที่ฉันแอบอ่านไดอารี่ของนายครั้งแรกแล้ว

     
    ถ้างั้น...ทำไมวันนั้นถึงไม่รั้งฉันไว้ล่ะ? แล้วหกเดือนที่ผ่านมานี่ ทำไมนายถึงไม่ติดต่อฉันเลย? ร่างบางขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ

     
    นายไม่มีวันรู้หรอกว่าฉันทรมานแค่ไหนกับการที่จะห้ามใจตัวเองไม่ให้รั้งนายเอาไว้วันนั้น ฉันรู้ว่าทุนนี่มันเป็นความฝันของนาย แล้วฉันจะ
    ยอมให้นายทิ้งความฝัน ทิ้งคนที่เขารักนาย ทิ้งทุกอย่างในชีวิตเพื่อคนที่เอาแต่ทำร้ายนายมาตลอดอย่างฉันได้ยังไงกัน? ช่วงที่เราไม่ได้เจอกันเนี่ย
    ฉันก็เอาแต่เรียนภาษาจีนเพื่อที่จะสอบชิงทุนให้ได้แล้วมาอยู่กับนายที่นี่ ฉันถือว่ามันเป็นการพิสูจน์ความมั่นคงของความรู้สึกที่ฉันมีต่อนาย
    และก็เป็นการให้โอกาสซีวอนด้วย ฉันรู้ว่าหมอนั่นมันรักแล้วก็จริงจังกับนายมากขนาดไหน ถ้านายเปลี่ยนใจไปรักมัน ฉันก็จะยอมถอย

    ร่างหนาสาธยาย

     
    ให้โอกาสซีวอนงั้นเหรอ?

     
    อืม

     
    แค่หกเดือนเนี่ยนะ? ร่างบางเบ้ปาก

     
    ร่างหนาได้แต่ยิ้มแห้งๆ

     
    ก็แหม...เด็กนั่นมันทั้งหล่อ ทั้งรวย ทั้งฉลาด แล้วฉันก็แอบเห็นนะว่าหลังๆมาเนี่ยนายเขียนไดอารี่ถึงมันบ่อยเหลือเกิน ถ้าปล่อยให้มัน
    นานกว่านี้แล้วนายเปลี่ยนใจไปฉันจะทำยังไงล่ะ?

     
    ชิ! แล้วไหนบอกว่าถ้าฉันเปลี่ยนใจนายจะยอมถอยไง? ร่างบางบ่นเสียงอู้อี้

     
    โธ่ ฉันทนไม่ได้หรอกฮันคยองถ้าจะต้องเสียนายไปให้คนอื่นน่ะ

     
    แล้วถ้าฉันรักซีวอนล่ะ?

     
    จบคำถาม ร่างบางก็ถูกอ้อมแขนแข็งแกร่งรวบเข้าไปกอดเอาไว้แน่นอีกครั้ง

     
    ถ้านั่นจะทำให้นายมีความสุข ฉันก็จะยอมปล่อยนายไป แต่ฉันคงจะเสียใจจนไม่อยากมีชีวิตอยู่เลยล่ะ

     
    น้ำเสียงสั่นเครือของร่างหนาที่ปกติมักจะเข้มแข็งอยู่ตลอดเวลาทำให้ร่างบางต้องรีบยกมือขึ้นโอบกอดอีกฝ่ายเอาไว้

     
    อย่าทำเสียงแบบนั้นสิคังอิน นายก็รู้ว่าฉันไม่มีวันเปลี่ยนใจจากนายได้หรอก ฮันคยองพูดพร้อมรอยยิ้มที่ทำให้ร่างหนารู้สึกมั่นใจขึ้น

     
    คังอินยิ้มออกมาบ้าง

     

    นายรู้อะไรมั้ยฮันคยอง? หกเดือนที่ผ่านมาฉันแทบไม่เป็นผู้เป็นคนเลย ทุกอย่างในชีวิตของฉันยังเหมือนเดิม ทุกคนยังอยู่ข้างฉันเหมือนเดิม
    ยกเว้นแต่นาย นายหายไปคนเดียว แต่ฉันรู้สึกเหมือนสูญเสียทุกอย่าง มันเป็นช่วงเวลาที่ทรมานที่สุดในชีวิตของฉันเลย ขอร้องล่ะฮันคยอง
    อย่าจากฉันไปไหนอีกนะ
    ร่างหนาเอ่ยด้วยน้ำเสียงและแววตาอ้อนวอนที่ไม่ว่าใครเห็นก็ต้องยอมใจอ่อน

     

    ฉันจะไม่มีวันจากนายไปไหน คังอิน ไม่มีวัน ร่างบางตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่นแล้วซุกหน้าลงกับแผงอกแกร่งของอีกฝ่าย

     

    นี่~ฉันก็บอกไปแล้วนะว่าฉันรู้สึกยังไงกับนาย แล้วนายไม่คิดจะบอกฉันบ้างเหรอ? ร่างหนาอ้อน

     

    แอบอ่านไดอารี่ของฉันไปตั้งสองครั้งแล้ว ยังไม่รู้อีกหรือไง? ร่างบางบ่นอุบอิบ

     

    ก็อยากฟังจากปากนายนี่ นะๆๆ ร่างหนาพยายามทำเสียงให้ดูน่ารักจนร่างบางทนไม่ได้ในที่สุด

     

    พอๆๆ หยุดทำเสียงกับท่าทางแบบนั้นได้แล้ว ขนลุกชะมัดเลย

     

    ร่างหนาขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจเมื่ออีกฝ่ายพูดจบ

     

    งั้นก็พูดออกมาสิ

     

    ร่างบางเงยหน้าขึ้นสบตากับอีกฝ่ายตรงๆ มือเรียวลูบไล้ใบหน้าของอีกฝ่ายช้าๆก่อนที่จะเลื่อนหน้าเข้าไปใกล้อีกฝ่ายแล้วประทับจูบบนริมฝีปาก
    ของร่างหนาอย่างแผ่วเบา

     
    ฉันรักนายนะคังอิน ร่างบางพูดด้วยใบหน้าแดงก่ำซึ่งดูงดงามเหลือเกินในสายตาของอีกฝ่าย

     
    คังอินยิ้มกว้างอย่างมีความสุข

     
    เขากอดร่างบางแน่นก่อนที่จะเริ่มขับร้องบทเพลงที่ฝึกซ้อมมาอย่างดีเป็นเวลาหกเดือน

     

    ฉันกลัวเหลือเกิน กลัวว่าจะเสียเธอไป

    ฉันอยากจะกอดเธอไว้ จนริ้วรอยแห่งกาลเวลาแจ่มชัดบนใบหน้านั้น

    นานจนกว่าจะแน่ใจว่าเธอเป็นของฉันจริงๆ

    จนกระทั่งหมดแรง แต่เพื่อเธอแล้ว ฉันยินดี

     

    ฉันไม่อยากจะไปไหน อยากจะอยู่ตรงนี้เพื่อมองเธอเท่านั้น

    อยากจะมองเธอ จนกระทั่งผมสวยนั้นกลายเป็นสีหิมะ

    มองจนสายตาของฉันมันขุ่นมัว ตราบถึงวันที่ฉันไม่หายใจ

    จะไม่ให้เราสองคนต้องพรากจากกัน

     

    ขอแค่มีเธอเท่านั้น ไม่ว่าสิ่งใดก็ไม่สำคัญอีกต่อไป

    ขอแค่มีเธอเท่านั้น เธอที่มีค่าควรให้ฉันดูแลและทะนุถนอม ไว้

    ขอแค่เธออยู่ตรงนี้เท่านั้น นั่นแหละคือปาฏิหาริย์ของฉัน

    บางที ฉันอาจจะลืมทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้ได้

    แต่เฉพาะเรื่องของเธอเท่านั้นที่จะไม่ยอมให้มันลบเลือนไป

    ทุกเรื่องของเธอเท่านั้นที่ฉันจำได้ดี

     

    ฉันกลัวเหลือเกิน กลัวว่าจะเสียเธอไป

    ฉันอยากจะกอดเธอไว้ จนกระทั่งผมสวยนั้นกลายเป็นสีหิมะ

    จนสายตาของฉันมันขุ่นมัว ตราบถึงวันที่ฉันไม่หายใจ

    จะไม่ให้เราสองคนต้องพรากจากกัน

     

    ขอแค่มีเธอเท่านั้น ไม่ว่าสิ่งใดก็ไม่สำคัญอีกต่อไป

    ขอแค่มีเธอเท่านั้น เธอที่มีค่าควรให้ฉันดูแลและทะนุถนอม ไว้

    ขอแค่เธออยู่ตรงนี้เท่านั้น นั่นแหละคือปาฏิหาริย์ของฉัน

    บางที ฉันอาจจะลืมทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้ได้

    แต่เฉพาะเรื่องของเธอเท่านั้นที่จะไม่ยอมให้มันลบเลือนไป

    ทุกเรื่องของเธอเท่านั้นที่ฉันจำได้ดี

     

    แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะเราไม่อาจกำหนดชะตาชีวิตของตัวเองได้

    ฉันกลัวเหลือเกินกับเวลาที่ไม่เคยรอใคร กลัวเวลาจะไม่พอให้มองเธออย่างนี้

    แต่ละวินาทีที่ผ่านไปนี้ ฉันกลัวที่จะต้องเสียเธออยู่ตลอด

    อยากให้เราแก่เฒ่าไปด้วยกันในชั่วข้ามคืน จะได้ไม่พรากจากกันชั่วนิรันดร์

     

    ขอแค่มีเธอเท่านั้น ไม่ว่าสิ่งใดก็ไม่สำคัญอีกต่อไป

    ขอแค่มีเธอเท่านั้น เธอที่มีค่าควรให้ฉันดูแลและทะนุถนอม ไว้

    ขอแค่เธออยู่ตรงนี้เท่านั้น นั่นแหละคือปาฏิหาริย์ของฉัน

    บางที ฉันอาจจะลืมทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้ได้

    แต่เฉพาะเรื่องของเธอเท่านั้นที่จะไม่ยอมให้มันลบเลือนไป

    ทุกเรื่องของเธอเท่านั้นที่ฉันจำได้ดี

     

    ฉันจำมันได้ดี

     
    หยดน้ำตาใสไหลรินออกมาจาดวงตาดำขลับคู่สวยเมื่อร่างหนาร้องจบ

     
    คังอินจูบซับน้ำตาของอีกฝ่ายด้วยความอ่อนโยนอีกครั้ง

     
    ทำไมวันนี้ขี้แยจังล่ะ? ร่างหนาอดแซวไม่ได้

     
    ร่างบางค้อนขวับ

     
    ก็นายนั่นแหละ ฮึก เล่นอะไรก็ไม่รู้ ฮันคยองพูดปนสะอื้น

     
    แล้วเพลงที่ฉันร้องไปล่ะ? เป็นไงบ้าง? คังอินถามพร้อมรอยยิ้ม

     
    เพลงต้นฉบับเขาออกจะเพราะ แต่สำเนียงภาษาจีนเห่ยๆของนายน่ะทำเสียหมด ร่างบางบ่นทั้งๆที่หัวใจเต้นแรงด้วยความสุข

     
    ว้า~ งั้นเหรอ? ทำไงดีล่ะ? นายช่วยสอนฉันหน่อยสิ ได้มั้ย? นะคร้าบ~คุณครูฮันเกิง คังอินส่งสายตาอ้อนวอน

     
    ทึ่มขนาดนายเนี่ย ต้องสอนกี่สิบปีล่ะกว่าจะรู้เรื่องน่ะ? ร่างบางก้มหน้างุดเพื่อหลบสายตาของอีกฝ่าย

     
    คังอินหัวเราะอย่างมีความสุข

     
    ไม่ต้องห่วงหรอกฮันเกิง ฉันมีเวลาให้นายตลอดชีวิตของฉันนั่นแหละ นายอย่าเบื่อฉันก่อนก็แล้วกัน

     

    -END-


    Talk: จบแล้วค่า ฟิคเรื่องแรกที่เขียนคนเดียว อิๆๆ ตอนจบก็น้ำเน่าได้อีกนะเนี่ย =_="
    ขอบคุณทุกๆคนที่ติดตามมาจนถึงตอนจบนะคะ 
    ขอโทษด้วยจริงๆที่ไม่ได้ตอบคอมเม้นท์ของใครเลยเวลามันไม่เอื้ออำนวยจริงๆอ่ะค่ะ T-T

    ตอนนี้มีพล็อตฟิคอยู่ในหัวเต็มเลย แต่ไม่มีเวลาได้จรดปากกาแต่งสักที 
    ม.ปลายปีสุดท้ายนี่มันหนักหนาสาหัสกว่าที่คิดอ่ะค่ะ
    ธุรกิจรัดตัวมากๆ อาจารย์สั่งงาน นัดสอบเป็นว่าเล่นเลย ToT

    ขอบคุณคนอ่านทุกคนที่เป็นกำลังใจให้กันมาตลอดนะคะ m(_ _)m 
    รักทุกคนจริงๆค่ะ ^3^ เจอกันเรื่องหน้า(??)นะคะ ^o^ 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×