ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic SJ Yaoi] The Perfect Boy Next Door (KyuHan)

    ลำดับตอนที่ #6 : The Perfect Boy Next Door Part 6

    • อัปเดตล่าสุด 16 ส.ค. 53


    Title: The perfect boy next door

    Author: imazawa

    Pairing: Kyuhyun/Hangeng

    Rate: PG-13

     

    Part 6

     

    ร่างโปร่งบางของฮันคยองเปิดประตูเข้ามาในบ้านของตัวเองด้วยท่าทางอ่อนล้าเป็นครั้งที่สองของวันนี้ หากแต่ครั้งนี้ความอ่อนล้าที่เกิดขึ้นไม่ได้มีสาเหตุมาจากคนรักเก่า

    สองวันที่ผ่านมานี่ชีวิตผมมันวุ่นวายชะมัดเลยนะครับ อย่างแรกก็โดนแฟนบอกเลิก หลังจากนั้นก็ได้รับการดูแลอย่างดีจากคนข้างบ้านที่แทบไม่เคยคุยกันด้วยซ้ำ ตอนนี้...ผมกลายเป็นครูสอนเปียโนที่มีค่าตัวแพงที่สุดในเกาหลีใต้ไปซะแล้ว ก่อนหน้านี้ชีวิตของผมมันราบเรียบเกินไปหรือยังไงกันนะ? โชคชะตาถึงได้เล่นตลกกับผมขนาดนี้

     

    “Tululu~” เสียงเรียกเข้าจากมือถือเครื่องเล็กดึงร่างบางออกจากห้วงความคิด

     

    ฮันคยองมองชื่อของผู้ที่โทรเข้ามาแล้วก็ต้องถลึงตาด้วยความตกใจ

     

    หม่าม้า...แย่ล่ะสิ ม้าคงเป็นห่วงผมแย่แล้วตอนนี้ ปกติผมจะโทรหาท่านวันละไม่ต่ำกว่าสองครั้ง แต่สองวันที่ผ่านมานี่ผมไม่ได้โทรหาท่านเลย ก็แหม มันยุ่งๆน่ะครับพวกคุณก็รู้นี่

     

    นิ้วเรียวกดรับสายอย่างรวดเร็ว

     

    สวัสดีครับม้า ฮันคยองเอ่ยทักอย่างร่าเริงเพราะไม่ต้องการให้ผู้เป็นแม่รู้สึกเป็นห่วงเขามากไปกว่านี้

     

    อาเกิง...เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าลูก? ทำไมไม่โทรหาม้าเลยล่ะ? น้ำเสียงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความกังวลเอ่ยถามลูกชาย

     

    แหะๆ พอดีมีเรื่องยุ่งๆที่นี่นิดหน่อยน่ะครับม้า ขอโทษนะฮะที่ทำให้เป็นห่วง

     

    เรื่องยุ่งๆที่ว่านี่...อยากเล่าให้ม้าฟังมั้ยลูก?

     

    ฮันคยองยิ้มบางๆเมื่อได้ยินคำถามจากปลายสาย

     

    ถึงแม้ว่าผมจะเสแสร้งทำเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่หม่าม้าของผมก็ยังจับได้อยู่ดีว่ามีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นกับผม เบื่อจริงจริ๊งคนรู้ทันเนี่ย 
    แต่ก็นะ เขาเป็นแม่ของผมนี่นา

     

    หนุ่มชาวจีนเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับซีวอนให้ผู้เป็นแม่ฟังทั้งหมด ส่วนอีกฝ่ายก็รับฟังลูกชายระบายความรู้สึกอย่างตั้งอกตั้งใจพร้อมกับ
    พูดปลอบโยนบ้างเป็นระยะ

     

    ลูกไม่เป็นไรแน่นะอาเกิง? คุณนายฮันถามขึ้นอีกครั้งเมื่อลูกชายเล่าจบ

     

    ไม่เป็นไรครับม้า...คิดว่านะ ฮะๆๆ ร่างบางพูดติดตลก

     

    อาเกิง~”

     

    หม่าม้า~”

     

    อาเกิง! เล่นเป็นเด็กๆไปได้นะเรา แม่ของร่างบางดุ

     

    ก็แหม ม้าอ่ะ ผมเครียดมาตั้งสองวันแล้วนะ ขอผมรีแลกซ์บ้างไม่ได้เหรอครับ? ฮันคยองเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงน่ารักออดอ้อน

     

    ม้าแค่อยากจะแน่ใจว่าลูกไม่เป็นอะไรจริงๆ อยู่ไกลหูไกลตาแบบนี้ม้ายิ่งเป็นห่วงนะลูกก็รู้

     

    ผมไม่เป็นไรครับม้า วางใจได้เลย ตอนนี้ผมแค่ยังไม่ชิน มันเหงาๆโหวงๆ เหมือนกับชีวิตมันขาดอะไรไปน่ะฮะ

     

    ก็แน่ล่ะ ลูกอยู่กับเขาทุกวันมาตั้งสามปีนี่ กว่าจะทำใจให้ชินได้มันคงต้องใช้เวลา เข้มแข็งเข้าไว้นะลูก คุณนายเกิงพูดกับลูกชายด้วยความเป็นห่วงอย่างที่สุด

     

    ครับม้า ลูกชายของม้าเข้มแข็งอยู่แล้ว

     

    น้ำเสียงทะเล้นของฮันคยองทำให้ผู้เป็นแม่ยิ้มออกในที่สุด

     

    เอ้อ! แล้วเรื่องค่าใช้จ่ายล่ะลูก มีพอใช้หรือเปล่า? จะให้ป๊ากับม้าช่วยอะไรมั้ย? คุณนายฮันเอ่ยถามขึ้นเมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าลูกชายอาจจะลำบากเพราะตอนนี้เขาไม่มีซีวอนคอยช่วยรับผิดชอบเรื่องค่าใช้จ่ายอีกต่อไปแล้ว

     

    อ๋อ เรื่องนั้นก็ไม่ต้องห่วงครับ วันนี้ผมเพิ่งได้งานใหม่ เป็นครูสอนเปียโนเด็กข้างบ้านน่ะฮะ

     

    เด็กข้างบ้าน? ใครเหรอลูก?

     

    ก็ลูกชายของเจ้าของคฤหาสน์ข้างๆบ้านที่ผมเคยเล่าให้ม้าฟังไงครับ แม่ของน้องเขาให้เงินผมดีมากเลยแหละ คงจะเป็นเพราะเขาสงสารผมมั้งฮะ ผมยังลำบากใจอยู่เลยเนี่ย

     

    แล้วลูกไปสนิทชิดเชื้อกับเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ล่ะอาเกิง?

     

    เมื่อวานนี้เองแหละครับ พวกเขาดีกับผมมากเลยล่ะ ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้เราแทบจะไม่ได้คุยกันเลยแท้ๆ พวกเขาทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นมากเลยครับม้า 
    ฮันคยองพูดด้วยน้ำเสียงที่เจือไปด้วยความสุขจากใจจริงเป็นครั้งแรกจนคนที่ฟังอยู่ที่ปลายสายรู้สึกเบาใจขึ้นมาก

     

    ขอบคุณสวรรค์ที่ทำให้ลูกได้เจอคนดีๆแบบพวกเขานะ แต่อย่าไปรบกวนพวกเขามากนักก็แล้วกัน งั้นวันนี้แค่นี้ก่อนนะลูก ม้าต้องไปทำงานต่อ
    ใกล้เที่ยงแล้ว ลูกค้าเริ่มเยอะแล้วล่ะ ดูแลตัวเองดีๆนะลูก

     

    ครับม้า พรุ่งนี้ผมจะโทรไปหานะครับ

     

    ร่างบางวางสายพร้อมกับเก็บมือถือเข้ากระเป๋าตามเดิม รอยยิ้มบางๆปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาอีกครั้ง

     

    ความห่วงใยจากมารดาที่ถูกส่งผ่านมาทางสายโทรศัพท์ทำให้เขารู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย รู้สึกเหมือนได้กลับบ้าน

     

    เอาล่ะ ได้เวลาเริ่มต้นชีวิตของนายอีกครั้งแล้วนะหานเกิง ร่างบางพูดกับตัวเองก่อนที่จะเดินไปยังโต๊ะทำงานของเขาซึ่งมีกองเอกสารที่กำลัง
    รอการแปลจากเขาวางอยู่อย่างเป็นระเบียบ

     

     หนุ่มชาวจีนเริ่มต้นทำงานของตัวเองด้วยความตั้งอกตั้งใจ การที่เขาตั้งสมาธิอยู่กับงานก็ทำให้เขาลืมเรื่องเศร้าๆไปได้มากทีเดียว

     

    หลังจากที่แปลเอกสารกองโตเสร็จแล้วฮันคยองก็นำมันไปส่งให้กับบริษัทที่เป็นคนจ้างเขาได้อย่างตรงเวลา

     

    ร่างบางถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกเมื่อสามารถจัดการภารกิจของตัวเองในวันนี้ได้อย่างราบรื่น เขาก้มดูนาฬิกาข้อมือเรือนสวยที่บอกให้เขารู้ว่าตอนนี้เป็นเวลาสี่โมงเย็นแล้ว

     

    ฮันคยองตัดสินใจแวะไปซื้อของที่ซูเปอร์มาร์เก็ตใกล้ๆเพื่อซื้อข้าวของที่จำเป็นเข้าบ้าน 

    ระหว่างทางเขาต้องเดินผ่านมหาวิทยาลัยชื่อดังอันดับหนึ่งของประเทศเกาหลีใต้

     

    ร่างบางมองเด็กๆที่ทยอยเดินออกจากประตูมหาวิทยาลัยด้วยรอยยิ้มพลางคิดไปถึงตัวเองสมัยที่ยังเป็นนักศึกษาอยู่ ในขณะที่ร่างบางกำลังคิดอะไรเพลินๆอยู่นั้น เสียงหัวเราะทุ้มต่ำที่คุ้นหูก็ลอยมากระทบโสตประสาทของเขาจนเขาต้องหันไปมอง

     

    รอยยิ้มร่าเริงปรากฏบนใบหน้าหวานทันทีเมื่อเห็นคนรู้จัก

     

    คยูฮยอน~” ร่างบางเอ่ยทักร่างสูงด้วยเสียงอันดังอย่างลืมตัว

     

    คนที่ถูกเรียกหันมาตามต้นเสียง เมื่อสองสายตาประสานกัน ดวงตาคมก็ส่งสายตาดุๆมาให้ฮันคยองทันทีจนร่างบางหน้าเสียแล้วก็ต้องรีบก้มหัวให้
    คนอายุน้อยกว่าเป็นเชิงขอโทษที่ตะโกนเรียกชื่ออีกฝ่ายออกไปท่ามกลางคนมากมายขนาดนี้

     

    ขอโทษที ฉันลืมคิดไปว่านายคงจะอายถ้าคนอื่นรู้ว่านายรู้จักกับคนอย่างฉัน

     

    นายมาทำอะไรแถวนี้? น้ำเสียงทุ้มนุ่มแต่ทว่าเย็นชาเอ่ยถามเรียบๆ

     

    ฉันเอาเอกสารมาส่งบริษัทน่ะ แล้วก็กะว่าจะไปซื้อของต่ออีกนิดหน่อย นายเรียนที่นี่เหรอ? ฮันคยองยิ้มกว้างทำใจดีสู้เสือ เผื่อว่าโชคดีคนตรงหน้าอาจจะอารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง

     

    ก็เห็นอยู่ว่าฉันเดินออกมาจากประตูมหาลัยเมื่อกี๊ ยังจะต้องถามอีกเหรอ? เด็กหนุ่มยังคงกวนประสาทคู่สนทนาเช่นเคย

     

    ก็ถามไว้ก่อนไง นายอาจจะเดินเข้าไปรับเพื่อนก็ได้ใครจะไปรู้ ร่างบางกวนร่างสูงกลับบ้างแล้วก็ดูจะได้ผลดีเสียด้วยในเมื่อตอนนี้เด็กหนุ่มร่างสูงที่มักจะตีหน้านิ่งพร้อมกับส่งสายตาเย็นชาให้ผู้อื่นอยู่ตลอดเวลากำลังจ้องมองเขาด้วยท่าทางราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ในขณะที่เพื่อนๆของเด็กหนุ่มที่เดินมาด้วยกันต่างก็พยายามกลั้นหัวเราะกันสุดฤทธิ์

     

    ฮะๆๆ ท่าทางของเขามันออกจะดูน่ากลัวก็จริงอยู่ แต่ผมขำมากกว่านะ ทำไมผมถึงจะไม่รู้ล่ะว่าเด็กผู้ชาย โดยเฉพาะเด็กผู้ชายที่มีบุคลิกอย่างเขาน่ะเกลียดการถูกทำให้หน้าแตกต่อหน้าเพื่อนฝูงที่สุด ยิ่งมีผมเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาหน้าแตกด้วยแล้ว เขาคงยิ่งโกรธผมไปใหญ่เลยล่ะ ไอ้สีหน้านิ่งๆแบบเจ้าชายน้ำแข็งนั่นก็เหมาะกับเขาอยู่หรอกนะ แต่ผมรู้สึกว่าเขายังเป็นเด็กอยู่เลย น่าจะแสดงความรู้สึกให้มันหลากหลายกว่านี้หน่อย ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกันแต่ผมอยากเห็นสีหน้าของเขาหลายๆแบบก็เลยลองแกล้งดูน่ะ แหะๆ

     

    คยู...คนนี้ใครเหรอ? เด็กหนุ่มแก้มป่องผู้ที่มีรอยยิ้มบาดใจสะกิดถามเพื่อนพร้อมกับแสดงออกว่าสนอกสนใจในตัวรุ่นพี่ร่างบางอย่างไม่ปิดบัง

     

    เจ้าของบ้านหลังที่อยู่ข้างๆบ้านของฉัน!” คยูฮยอนตอบเสียงห้วน

     

    เพื่อนบ้านสินะ? คิบอมถามย้ำหลังจากที่ใช้สมองประมวลผลคำตอบที่ได้รับจากเพื่อนตัวดีเรียบร้อยแล้ว

     

    เจ้าของบ้านหลังที่อยู่ข้างๆบ้านของฉัน...สรุปก็คือเพื่อนบ้านใช่มั้ยล่ะ? มันจะพูดให้เข้าใจยากไปเพื่ออะไรเนี่ย? ผมไม่ค่อยจะเข้าใจเพื่อนคนนี้เลยจริงๆ

     

    ไม่ใช่เพื่อนบ้าน! ก็บอกว่าเป็นเจ้าของบ้านหลังที่อยู่ข้างๆบ้านของฉัน ร่างสูงหันไปตวาดเพื่อนก่อนที่จะหันกลับมาจ้องร่างบางด้วยแววตาเย็นชา
    อีกครั้ง

     

    คิบอมเห็นว่าบรรยากาศเริ่มไม่ค่อยดีจึงรีบเปลี่ยนเรื่องโดยการหันไปทำความรู้จักกับหนุ่มชาวจีนแทน

     

    “ผมชื่อคิบอมครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณ...

     

    ผมชื่อหานเกิงครับ แต่คนเกาหลีเรียกผมว่าฮันคยองน่าจะถนัดกว่า ฮันคยองตอบพร้อมส่งรอยยิ้มเอ็นดูไปให้เด็กหนุ่มผิวสีแทน

     

    ครับ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับพี่ฮันคยอง คิบอมก้มศีรษะให้อีกฝ่ายเพื่อแสดงความเคารพ

     

    เช่นกันครับ

     

    พี่คนนี้หรือเปล่าคยูที่นายบอกว่าจะมาเป็นครูสอนเปียโนของนายน่ะ? เด็กหนุ่มร่างสูงอีกคนหนึ่งในกลุ่มของคยูฮยอนเอ่ยถามขึ้น

     

    เออ! นี่แหละต้นเหตุที่ทำให้ฉันต้องออกจากชมรมคณิตศาสตร์ คยูฮยอนตอบด้วยท่าทางเซ็งสุดขีด

     

    ทำไมแกทำหน้าเซ็งโลกอย่างงั้นวะ? พี่เขาก็ท่าทางใจดีออก ถ้าได้เรียนด้วยคงมีความสุขน่าดูเลย คิบอมเอ่ยถามร่างสูงแต่ทว่าสายตากลับจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าหวานๆของหนุ่มชาวจีนจนฮันคยองได้แต่ส่งยิ้มแห้งๆกลับไปให้

     

    วัยรุ่นสมัยนี้เข้าใจยากม๊ากกกก จริงๆนะ คนนึงก็เย็นชา นิ่ง เงียบ ไม่แสดงความรู้สึกอะไรเล้ย ส่วนอีกคนก็แสดงออกซะชัดเจนเลย ผมคงแก่เกินกว่าที่จะเข้าใจพวกเขาแล้วล่ะมั้ง T-T’

     

    นี่นาย จะไปซื้อของต่อใช่มั้ย? คยูฮยอนไม่สนใจคำพูดของคิบอมที่ยืนอยู่ข้างๆแต่กลับถามร่างบางที่ยืนอยู่ตรงหน้าแทน

     

    อืม ฮันคยองพยักหน้ารับ

     

    ที่ไหน?

     

    ซูเปอร์มาร์เก็ตตรงนั้นน่ะ นิ้วเรียวชี้ไปยังอีกฝั่งถนน

     

    ไม่ต้องพูดพล่ามทำเพลง คยูฮยอนหันไปหากลุ่มเพื่อนพร้อมกับยักคิ้วและโบกมือให้สองสามทีก่อนที่จะเดินปลีกตัวออกมา

     

    ฮันคยองได้แต่มองการกระทำของเด็กหนุ่มด้วยความไม่เข้าใจ

     

    การอ้าปากพูดว่าบ๊ายบายเพื่อนๆเนี่ยมันยากนักหรือไงนะคยูฮยอน?

     

    ไป!” เด็กหนุ่มร่างสูงพูดกับร่างบางสั้นๆ

     

    ไปไหน? ร่างบางขมวดคิ้ว

     

    ไปสนามบินอินชอนมั้งนาย! ซื่อบื้อขนาดนี้จับแพ็คใส่กระเป๋าส่งกลับจีนซะเลยดีมั้ยเนี่ย?

     

    ฮันคยองเบ้ปาก

     

    ผมทำอะไรผิดเนี่ย? เขาต่างหากที่พูดไม่รู้เรื่อง

     

    นายจะไปซื้อของที่ซูเปอร์มาร์เก็ตก็ไปสิ ฉันก็จะไปด้วย แม่ใช้ให้ไปซื้อชาเขียวเหมือนกัน ร่างสูงอธิบายเมื่อเห็นว่าร่างบางเงียบไปนาน

     

    ก็แค่นั้นแหละ คราวหน้าคราวหลังก็บอกตรงๆเลยสิว่าจะไปด้วยกัน ไปๆ นี่ก็เย็นมากแล้ว รีบไปกันเถอะเดี๋ยวคุณป้าจะรอนาน ฮันคยองยิ้มให้เด็กหนุ่มนิดหนึ่งก่อนที่จะเดินนำไป

     

    เมื่อเข้าไปในซูเปอร์มาร์เก็ต เด็กหนุ่มร่างสูงก็ตรงไปที่แผนกเครื่องดื่มทันที ฮันคยองก็เลยตัดสินใจเดินตามไปด้วยเพราะเขาเองก็ต้องซื้อเครื่องดื่มกลับบ้านเหมือนกัน

     

    คยูฮยอนหยิบชาเขียวสองแพ็คใหญ่ใส่รถเข็นของร่างบางด้วยสีหน้าเรียบนิ่งเช่นเคย ร่างบางเองก็ไม่ได้ถือสาอะไรกับท่าทางเย่อหยิ่งของเด็กเอาแต่ใจคนนี้ เขาเริ่มชินเสียแล้วล่ะ

     

    ฝากด้วยแล้วกันฉันขี้เกียจถือ เดี๋ยวตอนคิดเงินค่อยแยก ร่างสูงพูดง่ายๆแค่นั้น

     

    นายจะเอาไปคิดเงินก่อนมั้ยล่ะ? ถ้ารอฉันก็อีกนานเลยนะ เพราะฉันต้องซื้อของอีกเยอะ นอกจากฮันคยองจะไม่ถือสาอะไรแล้วยังแสดงความเป็นห่วงเด็กหนุ่มอีกด้วย

     

    จริงๆผมก็พูดได้ไม่เต็มปากหรอกครับว่าห่วงเขา ผมห่วงความปลอดภัยของตัวเองด้วยต่างหาก คุณชายเขาเกลียดขี้หน้าผมจะตาย ถ้าเกิดผมเดินเลือกของนานแล้วเขาเกิดรำคาญ ฆาตกรรมผมกลางซูเปอร์มาร์เก็ตขึ้นมาจะว่าไง อย่างน้อยเขาก็ต้องรู้สึกอึดอัดบ้างแหละถ้าต้องมาเดินกับคนอย่างผมน่ะ

     

    ไม่เป็นไรฉันรอได้ นายจะซื้ออะไรก็รีบซื้อไปสิ เด็กหนุ่มตอบก่อนที่จะหันหน้าไปมองทางอื่น ปล่อยให้ร่างบางยืนขมวดคิ้วด้วยความสงสัย

     

    ผมว่าเด็กนี่คงเป็นโรคจิตอ่อนๆแล้วล่ะครับ เขาถึงได้ชอบทรมานตัวเองด้วยการอยู่ใกล้ๆคนที่ตัวเองเกลียดน่ะ

     

    งั้นก็ตามใจ แล้วอย่ามาดุฉันทีหลังก็แล้วกัน ฮันคยองพูดแล้วหันไปตั้งใจกับการเลือกซื้อของ

     

    มือบางเอื้อมไปหยิบน้ำอัดลมสองสามแพ็คมาวางในรถเข็น ดวงตาหวานตวัดไปมองกระป๋องเบียร์หลากหลายยี่ห้อที่วางอยู่ไม่ไกลกันนักก่อนที่เขาจะหยิบเบียร์แพ็คหนึ่งใส่รถเข็นด้วยความเคยชิน

     

    จะซื้อไปทำไม? ร่างสูงถามเสียงเขียวจนฮันคยองสะดุ้งเฮือก เกือบปล่อยเบียร์ตกพื้น

     

    ฉันเป็นผู้ใหญ่แล้วนะ จะดื่มเบียร์บ้างมันแปลกตรงไหนเหรอ? ร่างบางพูดแล้ววางแพ็คเบียร์ลงในรถเข็นอย่างระมัดระวังหลังจากตั้งสติได้ แต่แล้วก็ต้องตกใจเมื่อมือเรียวของร่างสูงหยิบมันขึ้นไปเก็บบนชั้นวางอย่างหน้าตาเฉย

     

    เฮ้ย! นี่นายทำอะไรของนายน่ะ? หนุ่มชาวจีนโวยวาย

     

    แล้วนายจะซื้อไปทำไมล่ะ?คยูฮยอนถามซ้ำอีกครั้ง

     

    นอกจากใช้ดื่มแล้วนายคิดว่าเบียร์มันยังทำอย่างอื่นได้อีกเหรอ? อ๋อ หรือนายคิดว่าฉันจะซื้อไปหมักผม? ฮันคยองเริ่มขึ้นเสียงบ้าง

     

    เด็กนี่มันชักจะยุ่มย่ามกับชีวิตเขามากเกินไปแล้วนะ เขาจะซื้ออะไรมันก็เป็นเรื่องส่วนตัวของเขาไม่ใช่เหรอ?

     

    หึ แค่ดูฉันก็รู้แล้วว่าปกตินายไม่ชอบดื่มเบียร์ เมื่อวานจิบไปนิดเดียวยังทำหน้าบูดซะขนาดนั้นเลย หรือว่านายจะซื้อไปให้เขา? ยังแอบหวังว่าเขา
    จะกลับมาหานายใช่มั้ย? ซีวอนอะไรของนายน่ะ

     

    คำพูดโหดร้ายที่เป็นเหมือนกับมีดแหลมกรีดลงบนหัวใจของร่างบางหลุดออกมาจากปากของร่างสูงก่อนที่เขาจะห้ามตัวเองไว้ได้ทัน

     

    ฮันคยองมองใบหน้าหล่อเหลาของเด็กหนุ่มด้วยแววตาเย็นชาที่อีกฝ่ายไม่เคยได้เห็นมาก่อนสักพัก ก่อนที่จะเข็นรถออกไปจากบริเวณนั้นโดยที่ไม่ได้พูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว

     

    ผมไม่ได้โกรธเขาหรอกนะ ก็บอกแล้วไงว่าผมไม่ถือสาเด็ก แต่คำพูดของเขามันแทงใจดำของผมจริงๆนี่นา ตอนที่ผมหยิบเบียร์ใส่รถเข็นนั่น ผมเองก็ไม่รู้ตัวเหมือนกันว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ มันอาจจะเป็นความเคยชินหรือไม่...จิตใต้สำนึกลึกๆของผม อาจจะหวังว่าเขาจะกลับมาจริงๆก็ได้ เพราะงั้นผมก็เลยทนไม่ได้ล่ะมั้งที่ถูกเด็กอย่างเขารู้ทัน

     

    ร่างบางเดินมาเรื่อยๆจนถึงแผนกของสด เขาตั้งหน้าตั้งตาเลือกผักผลไม้ต่างๆอย่างใจเย็น

     

    ตุ้บ!” เสียงของบางอย่างที่ถูกวางลงในรถเข็นทำให้ร่างบางเงยหน้าจากแผงวางมันฝรั่งที่เขากำลังเลือกดูอยู่

     

    เมื่อฮันคยองมองไปที่รถเข็นของตัวเองก็พบกับเบียร์สองกระป๋องวางอยู่ด้านบนสุด เขาเงยหน้าขึ้นมองเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างๆรถเข็นด้วยแววตาสงสัย

     

    ดื่มเยอะๆเดี๋ยวก็ตับแข็งตายก่อนได้แก่หรอก ซื้อไปแค่นี้แหละ หมดแล้วค่อยมาซื้อใหม่ ซูเปอร์ฯก็อยู่ใกล้บ้านแค่นี้เอง คยูฮยอนพูดแค่นั้น เขายังคงปากหนักและไม่กล้าที่จะเอ่ยคำขอโทษเช่นเคย

     

    ฮันคยองถอนหายใจแล้วส่งยิ้มบางๆให้คนตรงหน้าเพื่อให้อีกฝ่ายสบายใจว่าเขาไม่ได้โกรธเลยแม้แต่น้อย

     

    ร่างบางเดินเลือกของต่อโดยที่มีเด็กหนุ่มร่างสูงเดินตามไปอย่างเงียบๆ จนในที่สุดก็ได้ของครบตามที่ต้องการ

     

    เมื่อจ่ายเงินเสร็จฮันคยองก็หอบหิ้วถุงหลายถุงที่บรรจุของของเขาออกมาจากซูเปอร์มาร์เก็ตอย่างทุลักทุเลจนเด็กหนุ่มร่างสูงที่เดินมาด้วยทนดูไม่ได้

     

    เอามานี่มา!” คยูฮยอนพูดพร้อมกับคว้าถุงของร่างบางสองสามถุงมาช่วยถือ

     

    ไม่ต้องๆ นายถือของนายก็หนักแล้ว เอาคืนมานี่ ร่างบางคัดค้าน ตอนนี้ในมือของเขามีเพียงถุงใส่กระดาษทิชชูกับถุงใส่ผักผลไม้ซึ่งต่างก็มีน้ำหนักเบามากเมื่อเทียบกับถุงใส่เครื่องดื่มและอาหารกระป๋องที่อีกฝ่ายแย่งไปถือ

     

    ถ้าให้นายถือแล้วของมันจะอยู่รอดปลอดภัยไปจนถึงบ้านมั้ย? ตัวแค่นี้อย่าทำมาอวดเก่งหน่อยเลย

     

    ร่างบางขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคำสบประมาทจากปากของเด็กหนุ่ม

     

    เขากล้าดียังไงนะถึงพูดกับผมแบบนี้ ตัวเขาเองก็ไม่ได้ใหญ่ไปกว่าผมเลยสักนิด ส่วนสูงก็พอๆกัน แถมเขายังดูจะผอมแห้งกว่าผมด้วยซ้ำ แต่...ทำไมแขนแห้งๆนั่นถึงถือถุงหนักๆได้นิ่งอย่างนั้นนะ เมื่อกี๊ผมถือแล้วแขนสั่นเป็นเจ้าเข้าเลย สงสัยผมจะแก่จริงๆซะแล้วล่ะมั้งนี่

     

    ฮันคยองถอนหายใจ คงต้องยอมรับแล้วล่ะว่าร่างสูงช่วยเขาได้มากจริงๆ ถ้าให้เขาถือเองแขนคงเดี้ยงไปหลายวันเลยล่ะ

     

    งั้นแลกกัน อ่ะนี่ นายเอาถุงทิชชูไปถุงนึง แล้วเอาถุงเครื่องดื่มมาให้ฉันถือ จะได้เบาลงหน่อย เดี๋ยวใครเขาเห็นจะหาว่าฉันรังแกเด็ก ร่างบางพูดพร้อมกับจัดแจงหยิบถุงเครื่องดื่มกลับมาถือเองแล้วยัดเยียดถุงทิชชูใส่มือของร่างสูงแทน

     

    คยูฮยอนจิ๊ปากด้วยความไม่พอใจแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร ทั้งสองคนเดินกลับบ้านไปด้วยกันอย่างเงียบๆ

     

    เมื่อถึงบ้านของฮันคยองร่างสูงก็วางของทั้งหมดลงที่โต๊ะหินอ่อนหน้าบ้านพร้อมกับบิดตัวไล่ความเมื่อยล้า

     

    ขอบคุณมากนะที่อุตส่าห์ถือมาให้ ช่วยได้มากเลยล่ะ ร่างบางพูดพร้อมกับยิ้มจนตาหยี

     

    เด็กหนุ่มพยักหน้ารับ

     

    งั้นฉันไปล่ะ อ่อ พรุ่งนี้นายต้องไปสอนเปียโนฉันตอนสี่โมงเย็น อย่ามาสายตั้งแต่วันแรกก็แล้วกันนะครับ คุณครู คยูฮยอนพูดพร้อมกับส่งรอยยิ้มท้าทายมาให้อีกฝ่าย

     

    ครับผม คุณนักเรียนก็อย่าโดดเรียนตั้งแต่วันแรกก็แล้วกันครับ ฮันคยองพูดจบก็ยกยิ้มอย่างเป็นต่อ

     

    เขารู้สึกภูมิใจไม่น้อยที่ตอกกลับร่างสูงได้ถึงสองครั้งแล้วในวันนี้

     

    ฮึ! ชักจะได้ใจใหญ่แล้วนะนาย อือๆ พรุ่งนี้เจอกันสี่โมงฉันไม่เบี้ยวแน่ เตรียมการสอนไปดีๆล่ะคุณครู ฉันกลับบ้านล่ะ เด็กหนุ่มร่างสูงเดินออกจากบ้านของอีกฝ่ายเพื่อไปยังบ้านของตัวเอง

     

    บ๊ายบายคยูฮยอน พรุ่งนี้เจอกัน ร่างบางตะโกนไล่หลังเด็กหนุ่มแล้วโบกมือให้ทั้งๆที่รู้ว่าอีกฝ่ายคงไม่ได้หันกลับมามอง

     

    รอยยิ้มสดใสปรากฏบนใบหน้าหวานอย่างเด่นชัด

     

    ถึงแม้ว่าเด็กหนุ่มร่างสูงที่เพิ่งเดินจากไปจะเย็นชา กวนประสาท และเอาแต่ใจตัวเองไปบ้าง แต่การที่ได้อยู่กับเขาก็ทำให้ผมรู้สึกดีไม่น้อยเลยนะครับ เหมือนได้น้องชายอะไรประมาณนั้นน่ะ การที่ได้อยู่กับเขานี่มันสนุกกว่าที่ผมคิดนะ

     

    ทางด้านคยูฮยอน เมื่อเขาเดินเข้าไปในตัวบ้านคนรับใช้ก็รับถุงใส่ชาเขียวจากมือของร่างสูงไปเก็บอย่างรู้หน้าที่

     

    เด็กหนุ่มเดินขึ้นไปยังห้องนอนของตัวเอง มือเรียวที่สั่นเทาเนื่องจากความเมื่อยล้าที่ต้นแขนเปิดประตูห้องอย่างช้าๆ

     

    ดวงตาคมมองไปยังเปียโนสีชมพูตัวใหญ่ที่ตั้งอยู่กลางห้องแล้วรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลา

     

    ถึงแม้ว่าคนจีนที่เป็นเจ้าของบ้านหลังข้างๆบ้านของผมจะซื่อบื้อ ดื้อเงียบ แล้วก็ฉลาดน้อยไปนิด แต่การที่ได้อยู่กับเขาก็ทำให้ผมรู้สึกดีเหมือนกันนะ เหมือนมีคนเอาไว้ให้แกล้งอะไรประมาณนั้น การที่ได้อยู่กับเขานี่มันสนุกกว่าที่ผมคิดแฮะ

     

    To be continued…

     

    -*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-

     

    Talk: มาต่อแล้วค่ะ ต้องขอโทษผู้อ่านทุกคนจริงๆนะคะที่หายไปนานมาก(20วันพอดีเป๊ะเลย =_=”) โดยเฉพาะคนที่ติดตามมาตลอดแล้วก็คอยทวงฟิค
    อยู่ ขอโทษที่ปล่อยให้รอนานค่ะ แหะๆ ช่วงนี้ผ่านมายุ่งๆกับเรื่องเรียนอ่ะค่ะ ปีนี้ม.6แล้วก็เลยยุ่งเป็นพิเศษ ช่วงปิดเทอมจะพยายามมาลงต่อให้
    สม่ำเสมอทุกอาทิตย์นะคะ

     

    ตอนนี้กว่าจะเขียนเสร็จก็เกือบสองวันแน่ะค่ะ ยอมรับเลยว่าพอไม่ได้เขียนนานแล้วมันต่อไม่ค่อยติด ขอโทษด้วยนะคะถ้าตอนนี้มันจะฝืดๆไปบ้าง(หรือมันเป็นเรื่องปกติของฟิคเราหว่า =_=”)

     

    ขอบคุณสำหรับทุกๆคอมเม้นท์ที่เป็นกำลังใจให้เราแล้วก็ขอบคุณทุกคนที่คลิกเข้ามาอ่านนะคะ เจอกันตอนหน้าค่ะ ^^

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×