คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : Part 4/2
ร่างหนารู้สึกปวดหนึบที่อกข้างซ้าย
ตัวอักษรแต่ละตัวในสมุดไดอารี่เล่มใหญ่ทั้งเจ็ดเล่มเป็นตัวถ่ายทอดอารมณ์และความรู้สึกทั้งหลายของร่างบาง ทั้งเสียงหัวเราะ รอยยิ้ม
หรือแม้กระทั่งหยาดน้ำตา ซึ่งทุกอย่างล้วนแต่มีเขาเป็นสาเหตุ
ข้อความที่ถูกบันทึกลงไปในแต่ละวันนั้นล้วนมีชื่อเขาเป็นผู้รับ ลงท้ายด้วยคำบอกรักและคำภาวนาของร่างบาง จนกระทั่งเมื่อเร็วๆนี้
มีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้นกับฉันวันนี้ อย่างแรก ฉันตื่นมาแล้วไม่เจอนาย ฉันตกใจมากเลยโทรไปหานาย แล้วก็ถูกนายตะคอกใส่เพราะนายกำลังอยู่กับพี่ลีทึก จริงอย่างที่นายพูด...คังอิน ฉันไม่ใช่เด็กๆแล้วที่จะต้องตกใจเวลาตื่นขึ้นมาแล้วไม่เจอพ่อแม่ แต่นายรู้อะไรมั้ย? สำหรับคนที่มีแค่นายเพียงคนเดียว แล้วก็ตื่นขึ้นมาเจอนายทุกเช้าตลอดหกปีที่ผ่านมาอย่างฉันน่ะ มันปรับตัวกับความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วแบบนี้ไม่ได้ง่ายๆหรอกนะ หลังจากนั้นโทรศัพท์ของซีวอนก็ทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย ฉันทำงานอยู่กับซีวอนสองคนสักพักนายกับพี่ลีทึกก็เข้ามา ฉันรู้ว่านายคงรู้สึกผิดอยู่ลึกๆเหมือนกัน ฉันไม่อยากให้นายไม่สบายใจ ไม่อยากให้นายรู้สึกแย่กับฉันไปมากกว่านี้เลยต้องทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งๆที่เจ็บปวดจนใจแทบสลาย แต่แล้วคำพูดของซีวอนก็ทำให้ฉันคิดได้ ฉันยังไม่ได้บอกนายสินะว่าตอนไปเข้าค่ายเมื่อสามวันก่อน
ซีวอนเขามาสารภาพรักกับฉัน แน่นอนว่าเขารู้ว่าฉันรักนายและเขาก็ไม่ได้เรียกร้องอะไรจากฉันด้วย ฉันถามซีวอนว่าเขาทนได้ยังไงที่ต้องเห็นว่าฉันรักนายไม่ใช่เขา เขาตอบฉันว่าภาพที่เขาเห็นไม่ใช่ภาพฉันรักนาย แต่เป็นภาพฉันที่กำลังมีความสุข ฉันก็เลยคิดได้ว่าถ้านายอยู่กับฉันแล้วต้องเป็นทุกข์ ฉันก็ขอให้นายอยู่กับคนที่นายรักอย่างมีความสุขจะดีกว่า เพราะสำหรับฉัน มันไม่มีสิ่งใดที่จะสำคัญมากไปกว่าความสุขของนายอีกแล้ว ต้องขอบคุณซีวอนจริงๆ พระเจ้าครับ...สิ่งที่ผมขอไปทุกวันก่อนหน้านี้น่ะ ท่านอย่ารับฟังนะครับ ผมขอเปลี่ยนคำขอใหม่ ผมรักเขา...และผมขอให้เขามีความสุขกับคนที่เขารักตลอดไป
หนึ่งสัปดาห์แล้วที่ฉันเริ่มห่างออกมาจากชีวิตของนาย การเห็นนายอยู่กับคนอื่นยังเป็นเรื่องยากสำหรับฉันอยู่ดี เลยขอออกมาห่างๆ
สักพักจะดีกว่า โชคดีที่มีซีวอนอยู่ด้วย เขาทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้นมาก แต่อย่าเข้าใจผิดนะ ฉันยังคิดกับเขาแค่พี่น้องอยู่ดี ฉันรักนายเหมือนเดิมนะ
คังอิน...ขอให้นายมีความสุข Ps. วันนี้ฉันกับซีวอนลองไปสอบชิงทุนรัฐบาลจีนกันมาแหละ ข้อสอบยากชะมัดเลย แต่ซีวอนบอกว่าธรรมดา
ให้ตายเถอะ เขาเป็นคนเกาหลีแท้ๆ ทำไมถึงรู้ภาษาจีนมากกว่าฉันล่ะ T-T
น้ำตาลูกผู้ชายของคังอินไหลพรากเมื่อได้อ่านข้อความทั้งหมด
ไดอารี่ของฮันคยองตลอดระยะเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมายังคงเขียนถึงเขา แต่คำขอร้องให้เขารักกลับถูกแทนที่ด้วยคำอวยพรให้เขามีความสุข
ฮันคยอง...ฉันขอโทษ ฉันมันโง่เอง ฉันเพิ่งเข้าใจว่าฉันรู้สึกยังไงกับนาย มันคงไม่สายเกินไปนะ
“อ๊ะ” ร่างหนาอุทานเมื่อซองจดหมายสีขาวปลิวออกมาจากสมุดไดอารี่ที่เขาถืออยู่ในมือ
มันถูกจ่าหน้าถึงเพื่อนรักร่างบางของเขา มุมด้านบนของซองพิมพ์ว่า ‘มหาวิทยาลัยปักกิ่ง’
คังอินถือวิสาสะหยิบจดหมายที่อยู่ในซองนั้นออกมาอ่าน
ข้อความในนั้นถูกเขียนด้วยภาษาอังกฤษที่เขาพอจะแปลได้คร่าวๆว่า
“เรียนคุณฮันเกิง วิทยาลัยศิลปะการเต้นแห่งมหาวิทยาลัยปักกิ่งขอแสดงความยินดี คุณสอบชิงทุนของรัฐบาลได้คะแนนเป็นอันดับหนึ่งในสาขาวิชานี้
กรุณารายงานตัวภายในวันที่ 13 ตุลาคม 2005 ขอแสดงความนับถือ” คังอินอ่านข้อความในจดหมายด้วยน้ำเสียงเบาหวิว
นี่มันอะไรกันเนี่ย? ศิลปะการเต้น? มันเป็นความฝันของนายนี่ นายจะไปอย่างงั้นเหรอฮันคยอง? ทำไมฉันถึงไม่รู้เรื่องอะไรเลยล่ะ? 13 ตุลาฯ
วันพรุ่งนี้! ไม่นะ มาคุยกันให้รู้เรื่องก่อนสิ!
ร่างหนาหยิบมือถือขึ้นมากดปุ่มโทรด่วนหมายเลขหนึ่งอีกครั้งอย่างร้อนรน
“Tululu~”
ร่างหนาแทบหยุดหายใจเมื่อได้ยินเสียงเรียกเข้าที่คุ้นเคยดังขึ้นจากด้านหลัง
เขาค่อยๆหันไป ภาวนาว่าอย่าให้เป็นอย่างที่เขากลัวเลย แต่แล้ว...
“ฮันคยอง...” ร่างหนาพูดด้วยน้ำเสียงที่เบามากจนแทบจะไม่ได้ยินเมื่อเห็นว่าเพื่อนรักร่างบางที่เขากำลังโทรหายืนอยู่ตรงหน้าประตูแล้ว
และกำลังมองเขาด้วยสีหน้าหวาดหวั่น
“ฉันขอโทษฮันคยอง ฉันไม่ได้ตั้งใจที่จะแอบอ่านไดอารี่ของนายนะ ฉันรู้ว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัว ฉัน...” คังอินพยายามหาข้อแก้ตัว
“ไม่เป็นไรหรอกคังอิน เดิมที่มันก็เป็นสิ่งที่ฉันอยากบอกนายอยู่แล้ว นายก็เห็นชื่อผู้รับไม่ใช่เหรอ? เพราะฉะนั้นนายก็มีสิทธิ์ที่จะรู้ทั้งหมดนั่นแหละ”
ฮันคยองพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ น้ำตาคลอดเพราะความสับสนและหวาดกลัว
ทำยังไงดีล่ะ? นายรู้ทุกอย่างแล้ว นายจะรังเกียจฉันมั้ย? ขอร้องล่ะ อย่าให้มันเป็นอย่างนั้นเลยนะ แค่ต้องห่างออกมาฉันก็เจ็บจะแย่แล้ว
ถ้าจะไม่ได้เจอนายอีกเลย ฉันจะมีชีวิตอยู่ได้ยังไงกัน?
“เอ่อ...เรื่องทุนนี้น่ะ นายจะไปหรือเปล่า?” ร่างหนาถามอย่างกล้าๆกลัวๆ
จะพูดออกไปตรงๆว่าไม่อยากให้ไปก็ใช่ที่
เขาทำผิดต่อร่างบางตรงหน้ามากมายเหลือเกิน คดีล่าสุดก็คือแอบอ่านไดอารี่ แล้วจะให้พูดจาเห็นแก่ตัวแบบนั้นออกไปได้ยังไงกัน?
แต่ร่างหนาหารู้ไม่ว่าการที่เขาไม่พูดนั้นทำให้อีกฝ่ายเข้าใจผิด และมันอาจจะเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญสำหรับพวกเขาเลยก็ได้
ร่างบางนิ่งเมื่อได้ยินคำถามของเพื่อนรัก
โลกทั้งใบของเขาหยุดนิ่ง แม้กระทั่งลมหายใจและการเต้นของหัวใจก็เหมือนจะหยุดไปด้วย
ถามแบบนี้ แสดงว่านายอยากให้ฉันไปสินะ? คงทนที่จะเห็นหน้าฉันต่อไปไม่ได้อีกแล้วใช่มั้ย? ฮึก คราวนี้จะทำยังไงดีล่ะฮันเกิง?
ร่างบางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ กลืนก้อนสะอื้นลงไปก่อนที่จะฝืนยิ้มทั้งๆที่น้ำตาคลอเบ้า
“ไม่ต้องห่วงนะคังอิน ฉันจะไปแน่ๆ จะไม่อยู่ที่นี่ต่อให้นายลำบากใจหรอก”
ร่างหนาพูดอะไรไม่ออกเมื่อได้ยินอย่างนั้น
เขาอยากตะโกนออกไปว่าเขาไม่ได้รังเกียจหรือต้องการให้อีกฝ่ายจากไปเลยแม้แต่น้อย
เขาอยากจะบอกว่ารักอีกฝ่ายมากเพียงใด แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ริมฝีปากของเขาจึงหนักจนไม่สามารถเอ่ยคำพูดเหล่านั้นออกมาได้
“แล้ว...นายจะไปอยู่ยังไง?” คังอินถามเพื่อถ่วงเวลาให้ตัวเองได้ตั้งสติและเรียบเรียงความคิด
“ประเทศจีนน่ะบ้านเกินฉันนะ นายลืมไปแล้วเหรอ? ครอบครัวฉันก็อยู่ที่นั่น ส่วนเรื่องเพื่อนนายไม่ต้องห่วงนะ ซีวอนก็ได้ทุนคณะบริหารเหมือนกัน”
ฮันคยองพูดออกไปด้วยจิตใจที่ปั่นป่วน
ถึงตอนนี้เขาไม่สามารถฝืนยิ้มหรือทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้อีกต่อไปแล้ว
“แล้วฉันล่ะ?” คังอินถามอย่างหมดเรี่ยวแรง
ฮันคยองขมวดคิ้วด้วยความสงสัยก่อนที่จะตอบออกไปทั้งๆที่ยังไม่แน่ใจว่า
“ถ้านายหมายถึงเรื่องค่าเช่าบ้าน ฉันจะช่วยนายออกครึ่งนึงเหมือนเดิมจนกว่านายจะหาที่อยู่ใหม่ที่ราคาถูกกว่านี้ได้”
“ฉันไม่ได้หมายถึงเรื่องนั้น!” ร่างหนาสวนทันควันด้วยน้ำเสียงแหบพร่า
ดวงตาของเขาเริ่มพร่ามัวเพราะน้ำตาหยดโตๆที่เริ่มไหลมารวมกันและพร้อมที่จะไหลออกมาทุกเมื่อ ซึ่งอีกฝ่ายก็มีอาการไม่ต่างกัน
“เรื่องเพื่อนน่ะ ฉันมั่นใจว่านายต้องหาเพื่อนสนิทคนใหม่ที่ดีกว่าฉันได้แน่ๆ คนที่เขาพร้อมที่จะอยู่ในฐานะเพื่อนสนิทของนายมากกว่าฉัน
คนที่จะไม่ทำให้นายลำบากใจแบบฉัน นายเป็นคนดีคังอิน มันไม่ใช่เรื่องยากหรอก” ร่างบางใช้นิ้วเรียวปาดน้ำตาที่ตัวตาออกก่อนที่มันจะไหลลงมา
ร่างหนาเห็นแบบนั้นยิ่งรู้สึกปั่นป่วน
อยากอธิบายให้คนตรงหน้าเข้าใจ อยากดึงอีกฝ่ายเข้ามากอด แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ร่างกายของเขาจึงไม่ยอมทำตามที่ใจคิด
“แต่คนอื่น...มันไม่ใช่นายนะฮันคยอง”
ดวงตาที่รื้นไปด้วยน้ำตาของคังอินสบตาอีกฝ่ายตรงๆเป็นครั้งแรก พยายามส่งความรู้สึกออกไปให้มากที่สุด
ฮันคยองเองก็พอจะรับรู้ได้
ร่างบางรวบรวมเรี่ยวแรงเฮือกสุดท้ายแล้วพูดออกไป
“แค่นายพูดออกมาคำเดียวว่าอยากให้ฉันอยู่ แค่นายพูดว่านายต้องการฉัน ฉันก็จะไม่ไป ฉันจะยอมทิ้งความฝัน ทิ้งซีวอน ทิ้งทุกๆอย่างเพื่อนาย
แต่ถ้านายอยากให้ฉันไป...ไม่ต้องพูดอะไรหรอก แค่เดินออกไปจากห้องก็พอ แล้วฉันจะไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด” ร่างบางสบตาร่างหนาสักพัก
พอให้อีกฝ่ายได้เห็นว่าเขาจริงจังมากเพียงใด ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นเพื่อนกลั้นน้ำตาอย่างสุดความสามารถ
ร่างหนารู้สึกเหมือนถูกผลัดตกจากหน้าผาสูงชันเมื่อร่างบางพูดจบ
นายจะยอมทิ้งความฝัน ทิ้งคนที่เขารักนายมาก ทิ้งทุกๆอย่าง เพื่อฉันอย่างงั้นเหรอฉันคยอง? นายจะยอมเสียสละมากมายขนาดนั้นเพื่อคนที่
เอาแต่ทำร้ายนายมาตลอดหกปีอย่างฉันเนี่ยนะ? ฉันไม่ยอมให้นายทำแบบนั้นหรอก ฉันไม่อยากเป็นคนเห็นแก่ตัวอีกต่อไปแล้ว
ร่างหนาเดินออกจากห้องนอนของเพื่อนรักช้าๆราวกับไร้จิตวิญญาณ
ฮันคยองหลับตาแน่นเมื่ออีกฝ่ายเดินผ่านไป
“ปัง!”
ทันทีที่เสียงประตูปิดดังขึ้นร่างบางก็ทรุดตัวลงกับพื้นแล้วเริ่มร้องไห้ทันที ไม่ต่างอะไรกับร่างหนาที่เพิ่งเดินออกไปเมื่อสักครู่นี้ที่นั่งพิงประตูห้อง
ของร่างบางอย่างหมดเรี่ยวแรง
ผมฝันไปใช่มั้ย? นี่มันเกิดอะไรขึ้นระหว่างผมกับเขากันเนี่ย? ทุกอย่างมันสายเกินไปแล้วจริงๆน่ะเหรอ?
หลายวันที่ผ่านมาคังอินแทบจะไม่ได้เห็นหน้าหรือพูดคุยกับเพื่อนร่างบางของเขาเลย
ฮันคยองอ้างว่าเขายุ่งอยู่กับการเตรียมเอกสารและการย้ายบ้านเพราะเขาแจ้งว่าจะขอรับทุนอย่างกะทันหัน
ซีวอนยังคงให้ความช่วยเหลือร่างบางอยู่อย่างสม่ำเสมอซึ่งนั่นก็ทำให้ร่างหนาอุ่นใจพอๆกับกระวนกระวายใจ
เขาเริ่มจะเข้าใจแล้วว่าอีกฝ่ายรู้สึกยังไงเวลาเห็นเขาอยู่กับคนอื่น
ถึงแม้ว่าทั้งสองคนแทบจะไม่ได้เห็นหน้ากันแต่สิ่งหนึ่งที่ยังคงเหมือนเดิมก็คือร่างบางจะทำอาหารเช้าไว้ให้ร่างหนาทุกวันไม่เคยขาด
วันนี้ก็เช่นกัน คังอินเดินลงมาที่ห้องครัวชั้นล่าง แล้วก็พบกับจานอาหารเช้าหน้าตาน่ากินและส่งกลิ่นหอมชวนให้ลิ้มลองวางอยู่บนโต๊ะเช่นเคย
แต่วันนี้เขาพบว่ามีบางสิ่งที่แปลกออกไป
มีซองจดหมายสีฟ้าอ่อนที่ถูกจ่าหน้าซองถึงเขาวางอยู่ข้างๆจานด้วย
คังอินหยิบมันขึ้นมาด้วยมือที่สั่นเทา น้ำตาของเขาหยดลงมาทันทีถึงแม้ว่าจะยังไม่ได้เปิดอ่าน
ถึงคังอิน
นี่อาจจะเป็นอาหารเช้าจานสุดท้ายที่ฉันจะได้ทำให้นายกินแล้วนะ ฉันตั้งใจทำสุดฝีมือเลย กินให้หมดล่ะ
ขอโทษด้วยที่หลบหน้านายมาตลอดหลายวันที่ผ่านมา เหตุผลนึงมันก็เป็นเพราะว่าฉันยุ่งจริงๆนั่นแหละ โดนอาจารย์ดุไปหลายยกเหมือนกันที่มาบอกรับทุนกะทันหันแบบนี้ (ซีวอนเองก็พลอยซวยไปด้วย =_=”) และอีกเหตุผลนึงที่ฉันหลบหน้านายก็คือ...บอกตรงๆนะ
ฉันไม่รู้จะทำหน้ายังไงหรือจะพูดอะไรกับนายถ้าเราเจอกัน ฉันรู้ว่าหลังจากที่นายรู้ความรู้สึกของฉันแล้ว ทุกอย่างมันคงจะเปลี่ยนไป ฉันคนนึงล่ะคงทนไม่ได้ถ้าเห็นว่านายจะต้องลำบากใจเวลาอยู่กับฉัน สู้ให้ฉันใช้เวลาที่เหลืออีกไม่กี่วันในเกาหลีดูแลนายอยู่ห่างๆแบบนี้ ให้ฉันจินตนาการถึงนายตอนกำลังกินอาหารฝีมือฉันอย่างมีความสุขยังจะดีกว่า
เขาอยากจะอ่านข้อความต่อไปให้จบแต่ม่านน้ำตาที่ทำให้เขาแทบจะมองอะไรไม่เห็นก็เป็นอุปสรรคเหลือเกิน หรือจริงๆแล้วม่านน้ำตานี้กำลัง
ทำหน้าที่ปกป้องเขาจากความจริงอันโหดร้ายที่เขากำลังจะได้อ่านก็ไม่รู้
ร่างหนาสูดหายใจลึกๆแล้วพยายามอ่านต่อ
ฉันเสียใจนะคังอินที่ต้องจากนายไป หลายวันทีผ่านมานี่ฉันร้องไห้บ่อยมาก แค่คิดว่าต่อไปนี้ชีวิตของฉันจะ
ไม่มีนายฉันก็แทบจะไม่มีแรงหายใจแล้ว ฉันอยากให้นายมีความสุขจริงๆนะ ถึงแม้ว่าฉันจะต้องทนเห็นนายรักคนอื่นที่ไม่ใช่ฉัน
แต่ถ้านั่นจะทำให้นายมีความสุข มันก็เป็นความสุขที่สุดของฉันเหมือนกัน แต่ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะอยู่ใกล้ๆนาย
นี่มันหนักหนาเกินไปสำหรับฉัน แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้วล่ะ นายไม่มีวันหายไปจากชีวิตของฉัน ตราบใดที่ฉันยังรักและคิดถึงนาย
นายจะอยู่ในหัวใจจองฉัน และฉันก็สามารถพบนายได้ตลอดเวลาที่นั่น นายไม่มีวันหายไปไหน
สุดท้ายนี้นะคังอิน ฉันต้องขอโทษจริงๆที่ออกมาโดยที่ไม่ได้บอกนาย แต่ฉันทำใจไม่ได้ที่จะต้องบอกลานายหรือถูกนายบอกลา
กว่านายจะได้อ่านจดหมายฉบับนี้ฉันก็คงจะอยู่บนเครื่องบินเรียบร้อยแล้ว ต่อไปนี้นายต้องดูแลตัวเองดีๆนะ เพราะฉันคงไม่มีโอกาสทำหน้าที่นั้นอีกแล้ว ฉันรักนาย
ฉันจะขอพรให้นายมีความสุขตลอดไป
Ps.ฉันแนบที่อยู่กับเบอร์โทรศัพท์ที่ประเทศจีนของฉันไว้ให้ด้วย เมื่อไหร่ก็ตามที่นายต้องการฉัน ติดต่อฉันได้ตลอดเวลาเลยนะ
รักนายที่สุด
ฮันคยอง
ร่างหนาพับจดหมายพร้อมกับเก็บกระดาษแผ่นเล็กที่มีที่อยู่กับเบอร์โทรศัพท์ของร่างหนาใส่ซองอย่างระมัดระวัง
เขาหันมาสนใจจานอาหารตรงหน้า เพียงแค่มองหัวใจของเขาก็บีบรัดจนรู้สึกปวด
มือสั่นเทาจับช้อนแล้วตัดข้าวผัดคำใหญ่เข้าปาก
น้ำตาหยดโตๆไหลออกมามากขึ้นเรื่อยๆทุกครั้งที่เขาเคี้ยวอาหาร
มือแกร่งทั้งสองข้างถูกยกขึ้นมาปิดหน้าก่อนที่ร่างหนาจะปล่อยโฮออกมาอย่างสุดกลั้น
ทั้งๆที่มีความสุขจนลืมเวลาทุกครั้งที่ได้อยู่กับนาย...แล้วทำไมตอนนั้นฉันถึงต้องดิ้นรนไปหาความสุขจากที่อื่น?
ทั้งๆที่รู้สึกภูมิใจทุกครั้งที่ได้เป็นคนดูแลนาย...แล้วทำไมตอนนั้นฉันถึงคิดว่ามันเป็นภาระ?
ทั้งๆที่หงุดหงิดทุกครั้งที่เห็นนายอยู่กับคนอื่น ทั้งๆที่หึงนายจนแทบทนไม่ได้...แล้วทำไมตอนนั้นฉันถึงไม่อยู่ข้างๆนายเสียเอง?
ทั้งๆที่ไม่ได้เจอแค่ไม่กี่ชั่วโมงก็รู้สึกคิดถึง...แล้วทำไมตอนนั้นฉันถึงไม่ใช้เวลาอยู่กับนายให้มากๆ?
ทั้งๆที่แค่คิดว่าต่อไปนี้จะไม่มีนายอีกแล้วก็ถึงกับร้องไห้ฟูมฟาย แค่หายใจก็รู้สึกเหนื่อยแบบนี้...แล้วทำไมตอนนั้นฉันถึงอยากจะผลักไสนาย
ไปให้พ้นๆ?
ทั้งๆที่ดีใจทุกครั้งที่เห็นนายยิ้มและเจ็บปวดทุกครั้งที่เห็นนายร้องไห้ ทั้งๆที่ทุกอย่างในชีวิตของฉันขึ้นอยู่กับนาย...แล้วทำไมตอนนั้นฉันถึงไ
ม่เข้าใจว่ามันคือ...ความรัก?
ร่างหนาร้องไห้อยู่พักใหญ่กว่าจะตั้งสติได้
เขาใช้มือยันร่างกายที่อ่อนแรงให้ลุกยืนขึ้นก่อนที่จะเดินไปยังโต๊ะเขียนหนังสือ
คังอินหยิบใบปลิวสีแดงสดใบหนึ่งขึ้นมาแล้วกดหมายเลขโทรศัพท์ที่ปรากฏอยู่ในนั้นโดยไม่ลังเล
นี่ไม่ใช่เวลาที่เขาจะมาทำตัวอ่อนแอ
“สวัสดีครับ สถาบันสอนภาษาจีนCNSCสาขาโซล ยินดีให้บริการครับ” เสียงจากปลายสายเอ่ยขึ้น
“สวัสดีครับ ผมขอสมัครเรียนภาษาจีนสำหรับสอบชิงทุนรัฐบาล ขอหลักสูตรที่เร่งรัดที่สุด แล้วก็เริ่มเรียนได้เร็วที่สุดด้วยครับ” ร่างหนา
กรอกเสียงลงไปอย่างมาดมั่น
รอหน่อยนะฮันคยอง รอฉันก่อนนะ
ขณะเดียวกัน ร่างบางที่กำลังมองแผ่นดินเกาหลีที่เล็กลงเรื่อยๆจากหน้าต่างเครื่องบินก็ร้องไห้ออกมาอย่างหนัก
แม้กระทั่งอ้อมกอดอบอุ่นของซีวอนก็ไม่สามารถทำให้ร่างบางใจเย็นลงได้
ฉันจะรอนายนะคังอิน ไม่ว่ามันจะนานสักเท่าไหร่ ฉันก็จะรอนายตลอดไป
To be continued
Talk: โฮกกกก ตอนที่4นี่ยาวเว่อร์เลยอ่ะค่ะ ต้องแบ่งเป็นสองตอนอีกทีนึง T-T ถือว่าเป็นการชดเชยที่มาต่อช้าก็แล้วกันนะคะ^^
ตอนหน้าก็จะจบแล้วน้า~ ขอบคุณสำหรับทุกๆคอมเม้นท์และทุกคนที่แวะเข้ามาอ่านจนถึงตอนนี้นะคะ
เหลืออีกตอนเดียว ช่วยติดตามกันต่อไปอีกหน่อยน้า~ ^o^
ความคิดเห็น