คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : The Perfect Boy Next Door Part 5
Title: The perfect boy next door
Author: imazawa
Pairing: Kyuhyun/Hangeng
Rate: PG-13
Part 5
“ตี๊ดๆๆๆ” เสียงแหลมแสบแก้วหูดังขึ้นจากเครื่องมือสื่อสารเครื่องเล็กที่ถูกสอดเอาไว้ใต้หมอน
คยูฮยอนคว้าโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นมาแล้วกดปุ่มยกเลิกการปลุกทั้งๆที่ยังหลับตาอยู่
“อืม~” ร่างสูงส่งเสียงครางในลำคอก่อนที่จะลุกขึ้นนั่งบนเตียงแล้วบิดขี้เกียจ
ดวงตาคมเหลือบไปมองร่างบางที่ยังคงนอนนิ่งอยู่บนเตียงข้างๆ
‘ให้ตายเถอะ ขี้เซาชะมัดเลยนะนายเนี่ย ขนาดเสียงแปดหลอดของนาฬิกาปลุกเมื่อกี๊ยังทำให้นายตื่นไม่ได้เลยเหรอ?’
ร่างสูงก้าวลงจากเตียงขนาดคิงส์ไซส์ของตัวเองแล้วเดินตรงไปหาร่างบางที่ยังคงหลับไม่รู้เรื่องอย่างเงียบกริบ ก่อนที่จะนั่งลงข้างเตียงของอีกฝ่าย
การที่ได้เห็นใบหน้าหวานใกล้ๆแบบนี้ทำให้หัวใจของเด็กหนุ่มเต้นผิดจังหวะได้ไม่ยาก
ตอนแรกก็คิดว่าจะมาปลุก แต่เมื่อเห็นร่องรอยความอ่อนล้าของอีกฝ่ายแล้ว เขาจึงตัดสินใจว่าจะปล่อยให้ร่างบางได้พักผ่อนต่อไปอีกสักหน่อย
คยูฮยอนถอนสายตาออกจากร่างที่นอนอยู่บนเตียงอย่างอ้อยอิ่งก่อนที่จะลุกขึ้นแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป
รอยยิ้มเย่อหยิ่งอันเป็นเอกลักษณ์ของเจ้าตัวปรากฏขึ้นบนใบหน้าหล่อเหลา
‘ผมเพิ่งสังเกตเห็นนะว่าเขาก็น่ารักดีเหมือนกัน เขาบอบบางแล้วก็อ่อนไหวกว่าที่ผมคิดเอาไว้ เขาทำให้ผมรู้สึกอยากปกป้องเขามาก...มากเสียจน
ผมต้องอยู่ให้ห่างจากเขาที่สุดเท่าที่จะทำได้’
“ปัง!” เมื่อเสียงปิดประตูห้องน้ำดังขึ้น ดวงตาที่ปิดสนิทของร่างบางที่นอนอยู่บนเตียงสีขาวก็เบิกโพลง
อันที่จริงฮันคยองตื่นตั้งแต่ตอนที่เขาได้ยินเสียงนาฬิกาปลุกของอีกฝ่ายแล้ว แค่อยากจะนอนหลับตาบนเตียงนุ่มต่อไปอีกสักพักแล้วค่อยลุก
แต่ยังไม่ทันจะได้ทำอะไร เด็กหนุ่มร่างสูงก็เดินลงจากเตียงของตัวเองเพื่อมานั่งจ้องหน้าของเขาที่(ร่างสูงคิดว่า)กำลังหลับใหลอยู่เสียแล้ว
ระยะห่างอันน้อยนิดระหว่างเขากับเด็กหนุ่มจนเขาสามารถรับรู้ได้ถึงไออุ่นจากลมหายใจของอีกฝ่าย เพียงแค่นั้นก็ทำให้หัวใจของเขาเต้นแรงจน
อดที่จะกลัวไม่ได้ว่าอีกฝ่าจะได้ยินมันหรือเปล่า
ร่างบางต้องใช้ความพยายามอย่างสูงเพื่อทำให้ร่างสูงคิดว่าตัวเองยังคงอยู่ในห้วงนิทรา
เขารู้สึกตื่นเต้นและประหม่ามากจนอยากจะลืมตาขึ้นมาแล้ววิ่งกลับบ้านเสียให้มันรู้แล้วรู้รอด
‘ผมเพิ่งจะรู้นะว่าเขาก็เท่ห์ดีเหมือนกัน เขาเข้มแข็งแต่ในขณะเดียวกันก็อ่อนโยนกว่าที่ผมคิด ถึงแม้ว่าการแสดงออกของเขามันจะดูกวนประสาท
ไปหน่อยก็เถอะ เขาเป็นคนที่เพอร์เฟ็คมาก...มากเสียจนผมต้องอยู่ให้ห่างจากขาที่สุดเท่าที่จะทำได้’
“แอ๊ด~” เสียงเปิดประตูห้องน้ำดึงร่างบางกลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง
เด็กหนุ่มร่างสูงในเครื่องแบบนักศึกษาสีขาวสะอาดตาเดินออกมาจากห้องน้ำ เขาใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กเช็ดผมอย่างลวกๆ
“นายตื่นเร็วจัง วันนี้มีเรียนตอนเช้าเหรอ?” ฮันคยองเอ่ยถามแก้เก้อเมื่อคนที่เขากำลังคิดถึงเมื่อสักครู่มายืนอยู่ตรงหน้า
คยูฮยอนไม่ตอบอะไร สายตาคมกริบเหลือบมองร่างบางเล็กน้อยราวกับไม่ได้ใส่ใจการมีตัวตนอยู่ของคนๆนี้สักเท่าไหร่นัก
“ไปอาบน้ำแต่งตัวซะสิ เดี๋ยวจะพาไปส่งที่บ้าน” ร่างสูงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“......” ร่างบางพยักหน้ารับเบาๆแล้วยิ้มกับตัวเองก่อนที่จะเดินเข้าห้องน้ำไปอย่างว่าง่าย
‘ในเมื่อรู้ตอนจบดีอยู่แล้ว...ในเมื่อมันไม่มีทางจบอย่างสวยงาม...ถ้าอย่างนั้นก็อย่าให้มันมีจุดเริ่มต้นเสียเลยดีกว่า...จะได้ไม่ต้องเจ็บกันทั้งสองฝ่าย’
-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-
ร่างสูงเดินมาส่งร่างบางถึงหน้าบ้าน โดยที่ระหว่างทางทั้งสองไม่ได้คุยอะไรกันเลยแม้แต่คำเดียว
“ขอบคุณมากนะที่มาส่ง แล้วก็ขอบคุณสำหรับที่พักเมื่อคืนนี้ด้วย” ฮันคยองก้มศีรษะให้ร่างสูงน้อยๆเพื่อแสดงความขอบคุณ
“อืม ฉันไปล่ะนะ” คยูฮยอนพูดแล้วทำท่าจะเดินจากไปแต่กลับก้าวขาไม่ออก
สมองของเขากำลังทำงานอย่างหนัก ราวกับว่ามีคนสองคนกำลังทะเลาะกันอยู่ในหัวของเขา
ใจหนึ่งก็อยากจะเดินออกไปจากตรงนี้เร็วๆ แต่อีกใจหนึ่งก็รู้สึกว่าตัวเองยังมีเรื่องที่อยากจะพูดมากกว่านี้
“นาย...” ในที่สุดจิตใจฝ่ายที่อยากจะพูดก็ชนะ
“หืม?” ร่างบางเลิกคิ้วเป็นเชิงถามอีกฝ่ายขณะที่มือก็ควานหากุญแจบ้านในกระเป๋าไปด้วย
“...อย่าทำอะไรโง่ๆอีกนะ...” เด็กหนุ่มพูดแล้วทำสีหน้าดุๆใส่ร่างบางเพื่อปกปิดความเขินที่ก่อตัวขึ้นโดยที่เขาไม่ทราบสาเหตุ
‘ทำไมผมถึงรู้สึกเขิน? ทำไมถึงรู้สึกประหม่าเมื่ออยู่ต่อหน้าคนๆนี้? เมื่อคืนผมก็นอนคิดจนปวดหัวไปหมดแต่สุดท้ายก็คิดไม่ออก ทำไมสมองอัจริยะของผมถึงเกิดอาการแฮงค์ขึ้นมาได้นะ?’
“ไม่ทำหรอกน่า เมื่อวานนี้ฉันไม่ได้ตั้งใจจะฆ่าตัวตายสักหน่อย ฉันก็บอกนายไปแล้วนี่” ฮันคยองพูดยิ้มๆ มือบางหยิบพวงกุญแจออกมาถือไว้
ร่างสูงพยักหน้ารับด้วยสีหน้าเรียบเฉยก่อนที่จะเดินจากไปอย่างเงียบๆ ทิ้งให้ร่างบางยืนมองแผ่นหลังของเขาด้วยความสงสัย
‘ท่าทางแปลกๆของเขาเมื่อกี๊มันหมายความว่ายังไงกันน่ะ? ทำไมผมถึงรู้สึกค้างคาใจอย่างงี้นะ? ให้ตายสิ ผมไม่เข้าใจเด็กวัยรุ่นสมัยนี้เลยจริงๆ’
ร่างบางเปิดประตูเข้าไปในบ้านของตัวเองเพื่อพบกับบรรยากาศเดิมๆอีกครั้ง
โรงจอดรถที่ว่างเปล่า ไร้วี่แววรถยนต์คันหรูของเขา
ทุกๆมุมของบ้านที่ยังปรากฏภาพความทรงจำเกี่ยวกับเขาอย่างเด่นชัด
ลมอ่อนๆที่พัดกลิ่นของเขาเข้ามากระทบประสาทสัมผัสของผม
‘ทุกอย่างไม่ต่างอะไรกับตอนที่ผมเปิดประตูบ้านเข้ามาเมื่อวานนี้ จะต่างกันนิดหน่อยก็ตรงที่ผมไม่รู้สึกเจ็บปวดมากมายเหมือนกับเมื่อวานแล้ว...
อย่างน้อยก็ไม่เจ็บปวดถึงขนาดต้องวิ่งออกไปร้องไห้หน้าบ้านก็แล้วกัน’
ร่างบางวางของใช้ส่วนตัวลงบนโต๊ะในห้องนั่งเล่นก่อนที่จะทิ้งตัวลงบนโซฟาอย่างเหนื่อยล้า
เขายังคิดไม่ออกว่าจะเริ่มต้นใช้ชีวิตในวันแรกที่ไม่มีซีวอนอยู่ด้วยอย่างไรดี
มือบางกดรีโมทเพื่อเปิดทีวีดูฆ่าเวลาระหว่างที่คิดว่าควรจะทำอะไรเป็นอย่างแรกในวันนี้
“ในวันนี้รัฐบาลมีมติปรับขึ้นค่าไฟฟ้าจาก...” เสียงผู้ประกาศข่าวสาวทำให้ร่างบางคิดอะไรขึ้นได้
‘จริงสิ เดือนนี้ผมยังไม่ได้จ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ แล้วก็ค่าโทรศัพท์เลยนี่ ออกไปจ่ายตอนนี้เลยก็ดีเหมือนกันนะ จะได้ไม่ได้นั่งจับเจ่าอยู่กับบรรยากาศเดิมๆแบบนี้ ถึงจะไม่เจ็บปวดเท่ากับเมื่อวาน แต่ก็ใช่ว่าผมจะหายเจ็บปวดแล้วซะเมื่อไหร่ล่ะ’
ร่างบางปิดทีวีแล้วเดินไปหยิบกระเป๋าสตางค์กับโทรศัพท์มือถือใส่กระเป๋ากางเกงก่อนที่จะเดินออกจากบ้านอย่างรวดเร็วเมื่อตัดสินใจได้แล้วว่าจะทำอะไรในเช้าวันนี้
-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-
“เฮ้อ~” ชายหนุ่มร่างบางถอนหายใจยาวเมื่อเห็นตัวเลขที่ปรากฏอยู่บนใบแจ้งหนี้ในมือ
เขาตรวจดูจำนวนเงินในกระเป๋าอย่างละเอียดก่อนที่จะถอนหายใจออกมาอีกครั้ง
‘เฮ้อ~ ผมเพิ่งจะรู้นะเนี่ยว่าไอ้ค่าใช้จ่ายจุกจิกในบ้านแต่ละเดือนมันเยอะขนาดนี้ ลำพังรายได้จากการแปลเอกสารของผมคงไม่พอจ่ายแน่ๆ เมื่อก่อนผมไม่เคยต้องเดือดร้อนเรื่องเงินๆทองๆเลย คงเป็นเพราะว่ามีซีวอนอยู่ด้วยล่ะมั้งครับ อิอิ เป็นแฟนกับคนรวยมันก็มีข้อดีตรงนี้แหละ อ๊า~ ช่างเถอะๆ ผมก็ไม่ได้คิดจะพึ่งพาเขาไปตลอดชีวิตสักหน่อย...จริงๆนะครับ’
ระหว่างทางร่างบางก็เอาแต่กังวลเรื่องรายได้ของตัวเองกับค่าใช้จ่ายในบ้าน
ตอนนี้เขามีเงินในกระเป๋าสตางค์แค่สองแสนวอน ต้องจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์รวมกันก็ปาเข้าไปหนึ่งแสนห้าหมื่นวอนแล้ว นั่นหมายความว่าเขาจะมีเงินเหลือติดกระเป๋าแค่ห้าหมื่นวอนเท่านั้น
สมองของเขาถูกใช้งานอย่างหนักไปตลอดทางเพื่อคิดหาทางออก แต่เมื่อไปถึงเคาท์เตอร์จ่ายเงินเขาก็ต้องแปลกใจเมื่อเจ้าหน้าที่บอกเขาว่า
“ขอโทษนะคะ คือว่าก่อนหน้านี้มีคนมาทำการชำระเงินให้เรียบร้อยแล้วน่ะค่ะ” พนักงานสาวบอกด้วยสีหน้ายิ้มๆ
‘ปกติเจอแต่ลูกค้าที่เบี้ยว ไม่ยอมจ่ายค่าบริการ แต่รายนี้จะจ่ายสองครั้งเหรอเนี่ย? แปลกดีแฮะ ตั้งแต่ทำงานมาก็เพิ่งจะเจอนี่แหละ’
ร่างบางขมวดคิ้วด้วยความสงสัยแต่ทันใดนั้นใบหน้าหล่อเหลาที่เขาคุ้นเคยก็แวบเข้ามาในห้วงความคิด
ฮันคยองตัดสินใจหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาก่อนที่จะต่อหาเบอร์ที่เขาจำได้ขึ้นใจ
หัวใจดวงน้อยเต้นรัวเมื่อได้ยินเสียงสัญญาณรอสาย เพียงไม่กี่อึดใจอีกฝ่ายก็รับสายของเขา
“พี่เกิง? เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ? พี่เป็นอะไรหรือเปล่า?” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยถามอย่างร้อนรน
กระแสความห่วงใยที่ถูกส่งผ่านมาตามสายโทรศัพท์ทำให้ร่างบางแทบกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่
ความรู้สึกหลากหลาย ทั้งตื้นตัน คิดถึง เสียใจ...และความรู้สึกรักเข้าโจมตีจิตใจของเขาพร้อมๆกัน
‘คิดถึงเสียงของนายจัง ฉันคิดถึงนายมากเลยนะซีวอน ขอบใจที่ยังเป็นห่วงกัน แต่รู้อะไรมั้ย? ยิ่งนายห่วง ยิ่งนายใส่ใจฉันมากเท่าไหร่ ฉันก็ยิ่ง
ไม่เข้าใจมากเท่านั้น...นายทิ้งฉันไปทำไม ซีวอน?’
ฮันคยองยิ้มเยาะตัวเองแล้วส่ายหน้า
‘ถึงปากจะบอกว่าเข้าใจ ถึงจะบอกว่าไม่อยากคาดคั้นเอาความจริงจากเขาให้เสียความรู้สึก เพราะถึงยังไงก็ต้องเลิกกัน แต่ลึกๆแล้วผมเองก็อยากจะรู้สินะ...เหตุผลจริงๆของเขาน่ะ’
“พี่เกิง...พี่เกิงครับ?!” เสียงจากปลายสายร้อนรนยิ่งขึ้นเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเงียบไปนาน
“อ่ะ...ซีวอน” ร่างบางขานรับเก้อๆ
“ครับ...พี่เป็นอะไรหรือเปล่า? เสียงพี่แปลกไปนะ ให้ผมไปหามั้ย?”
ร่างบางยิ้มเมื่อได้ยินคำพูดของอีกฝ่ายซึ่งแสดงออกว่าเป็นห่วงเขาอย่างมากจนเขาอดที่จะเอ่ยแซวไม่ได้
“ถ้าเป็นห่วงกันขนาดนี้น่ะ กลับมาคบกันเลยดีกว่ามั้ย?”
“พี่เกิง...”
“ฮะๆๆ ฉันล้อเล่นน่าซีวอน อย่าทำเสียงเครียดอย่างงั้นสิ” ฮันคยองหัวเราะเสียงดังถึงแม้ว่าลึกๆจะยังรู้สึกเจ็บปวดอยู่ก็ตาม
“พี่น่ะ~ แล้วนี่โทรหาผมมีอะไรเหรอครับ?” เสียงทุ้มต่ำของซีวอนคลายความกังวลลงเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของอีกฝ่าย
แค่ได้รู้ว่าอีกฝ่ายยังหัวเราะได้ ยังยิ้มได้ อยู่ได้อย่างมีความสุขถึงแม้ว่าจะไม่มีเขา...แค่นี้เขาก็สบายใจแล้ว
“อ๋อ คือวันนี้พี่มาจ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ แล้วก็ค่าโทรศัพท์น่ะ แต่พนักงานที่นี่เขาบอกว่ามีคนมาจ่ายไปก่อนหน้านี้แล้ว...นายใช่มั้ยซีวอน?” ร่างบางถามด้วยน้ำเสียงเครียดๆ
“ครับ ปกติผมก็ไปจ่ายให้ทุกเดือนอยู่แล้วนี่” ร่างสูงพูดราวกับว่ามันเป็นเรื่องปกติ
“ก็จริง แต่ตอนนี้เราเลิกกันแล้วนะซีวอน อย่าลืมสิ”
คำพูดของร่างบางบาดลึกลงไปทั้งในหัวใจของเขาเองและหัวใจของอีกคนที่อยู่ปลายสาย
ความจริงอันแสนเจ็บปวดที่ต่างฝ่ายต่างไม่อยากจะยอมรับ...ใช่ ซีวอนก็ไม่อยากจะยอมรับเช่นกัน
“ผมไม่อยากให้พี่ต้องลำบาก...เพราะการตัดสินใจของผม” ร่างสูงเอ่ยอย่างเหนื่อยใจ
ฮันคยองรู้ดีว่าอีกฝ่ายรู้สึกยังไงในตอนนี้ ระยะเวลาที่พวกเขาคบกันทำให้ร่างบางรู้จักตัวตนที่แท้จริงของอีกฝ่ายและเข้าใจเขามากกว่าใครๆ
“ฉันรู้ ซีวอน แต่นายเองก็น่าจะเข้าใจฉันเหมือนกันนี่ ฉันไม่ใช่สาวน้อยเวอร์จิ้นที่นายจะต้องมาคอยจ่ายค่าเลี้ยงดูให้นะ ฉันเป็นผู้ชาย
แถมอายุยี่สิบสาม เรียนจบ มีงานทำแล้วด้วย ถึงมันจะได้เงินไม่มากก็เถอะ แต่ฉันก็รับผิดชอบตัวเองได้นะ การที่นายทำแบบนี้มันเหมือนกับดูถูกฉันรู้มั้ย?” ร่างบางพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
ไม่ได้ตัดพ้อ ไม่ได้ต่อว่า แค่อยากให้อีกฝ่ายรู้เท่านั้นว่าเขารู้สึกยังไง
คนที่อยู่ปลายสายถอนหายใจยาว
“เอาอย่างงี้ก็แล้วกันนะครับพี่เกิง เราพบกันครึ่งทางก็แล้วกัน ถ้าพี่หางานที่มั่นคงกว่านี้ได้เมื่อไหร่ ผมจะเลิกช่วยพี่ ตกลงนะครับ? ขอร้องล่ะ
ผมทนไม่ได้จริงๆถ้าพี่ต้องลำบากเพราะผม” ซีวอนเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจังและหนักแน่นจนอีกฝ่ายไม่กล้าปฏิเสธ
“ตกลงซีวอน...ขอบคุณนายมากนะ” ฮันคยองพูดแล้วยิ้มบางๆ
“ครับ พี่ก็ดูแลตัวเองดีๆนะ ผมจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง”
“อื้ม งั้นแค่นี้นะซีวอน” พูดจบร่างบางก็กดปุ่มวางสาย
‘ดูแลตัวเองดีๆ นายจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงอย่างงั้นเหรอ? แล้วถ้าฉันไม่ทำอย่างงั้นล่ะ? ถ้าฉันไม่ดูแลตัวเอง นายจะเป็นห่วงฉันตลอดไปมั้ยซีวอน? หึๆ ทำไมผมถึงคิดอะไรเห็นแก่ตัวแบบนี้ได้นะ?’
-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-
ร่างสูงของเด็กหนุ่มกับร่างของหญิงวัยกลางคนผู้เป็นแม่เดินคู่กันมาตามถนนหลังจากที่เสร็จสิ้นภารกิจจ่ายตลาดของวันนี้
“เมื่อคืนพี่ฮันคยองเขามานอนด้วยไม่ใช่เหรอ? คุยอะไรกันบ้างล่ะ?” แจวอนถามลูกชายด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ไม่มีอะไรพิเศษหรอกครับ พี่เขาก็เล่นเปียโนให้ฟัง แล้วก็คุยเรื่องทั่วๆไปน่ะ” ร่างสูงตอบเรียบๆ
“เออใช่ พูดถึงเปียโนแล้วแม่นึกขึ้นได้ เมื่อไหร่ลูกจะเรียนเปียโนเสียทีล่ะ? ซื้อมาไม่ใช่ถูกๆนะ จะเอามาเป็นของประดับตกแต่งห้องหรือไง?”
“ก็ผมไม่รู้จะเรียนไปทำไมแล้วนี่ พี่ซองมินก็ปฏิเสธผมไปแล้ว ผมเองก็ใช่ว่าจะชอบเปียโนซะเมื่อไหร่ ถ้าไม่มีแรงบันดาลใจน่ะผมไม่เล่นหรอกนะ” คยูฮยอนบ่นออดแอดราวกับเด็กเอาแต่ใจ
“ทำไมถึงพูดจาไม่มีความรับผิดชอบอย่างงี้ล่ะคยูฮยอน? ลูกไม่ใช่เด็กๆแล้วนะ อีกไม่ถึงสองปีลูกก็จะบรรลุนิติภาวะแล้ว จะทำอะไรก็คิดหน้าคิดหลังให้ดีซะก่อน แล้วถ้าตัดสินใจทำอะไรไปแล้วก็ต้องรู้จักรับผิดชอบการกระทำของตัวเองด้วย” แจวอนเอ่ยเสียงดุ
“แม่ต้องการให้ผมทำอะไรกันแน่ครับเนี่ย?” เด็กหนุ่มถามเสียงห้วนเพราะความหงุดหงิดที่ควบคุมไม่อยู่
“เรียนเปียโนไง ซื้อมาแล้วก็ต้องเล่นให้เป็นสิ” แจวอนตอบเรียบๆ
“ห๊า?! หมายถึงเรียนแบบจริงจังเลยน่ะเหรอครับ?” คยูฮยอนตาโตด้วยความตกใจ
“ก็ใช่น่ะสิ อัจฉริยะอยู่แล้วไม่ใช่เหรอเราน่ะ รางวัลคณิตศาสตร์โอลิมปิกก็ได้มาแล้ว แค่เล่นเปียโนให้เก่งอีกอย่างจะไปยากอะไร”
ร่างสูงหน้าเบ้เมื่อได้ยินคำพูดของผู้เป็นแม่
“มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับความยากง่ายนะแม่ แต่ผมไม่ชอบเปียโน มันดูไม่เหมาะกับผม”
“รู้ว่าไม่ชอบ ไม่เหมาะกับตัวเอง แล้วซื้อมาทำไม?”
“ก็พี่ซองมินเขาชอบนี่”
“แล้วยังไงล่ะ? ตอนนี้พี่ซองมินของลูกเขาก็ไม่ได้ใส่ใจมันแล้ว แต่ลูกยังต้องรับผิดชอบการกระทำของตัวเองอยู่นะ เรียนเปียโนซะ ถึงแม้ว่าลูกจะ
ไม่ชอบแต่ก็ห้ามปฏิเสธ จะได้เก็บเอาไว้เป็นบทเรียน คราวหน้าก่อนจะตัดสินใจทำอะไรจะได้รอบคอบกว่านี้” แจวอนพูดเสียงเข้มพร้อมกันหันมาทำตาดุใส่ลูกชาย
“แม่~ ผมเอาเปียโนไปขายแล้วเอาเงินมาคืนแม่ไม่ได้เหรอ?” คยูฮยอนพยายามทำเสียงออดอ้อน เรียกคะแนนความเห็นใจจากผู้เป็นแม่
“ลูกคิดเหรอว่าเปียโนที่ถูกเพ้นท์เป็นสีชมพูหวานแหววแบบนั้นจะขายออกง่ายๆน่ะ?”
คำพูดของแจวอนทำให้เด็กหนุ่มถึงกับเถียงไม่ออก จนในที่สุดก็ต้องยอมก้มหน้ารับความจริง
“แล้วจะให้ใครมาสอนผมล่ะ?” ร่างสูงเอ่ยถามเสียงอ่อย
“อืม นั่นสินะ” แจวอนทำท่าครุ่นคิด ทันใดนั้นเอง ร่างบางของชายหนุ่มชาวจีนข้างบ้านก็ปรากฏให้เห็นไกลๆ
“หนูฮันคยองจ๊า~” แจวอนส่งเสียงเรียกอีกฝ่าย
เมื่อร่างบางเห็นว่าผู้ใหญ่เรียกก็รีบเร่งฝีเท้าเข้ามาหา ก่อนที่จะโค้งตัวให้อย่างอ่อนน้อม
“สวัสดีครับคุณป้า มีอะไรให้ผมช่วยเหรอครับ?” ฮันคยองถามพร้อมรอยยิ้มจริงใจ
ถึงตอนนี้ เด็กหนุ่มร่างสูงพอจะเดาออกแล้วว่าแม่เรียกคนตรงหน้านี้มาทำไม แต่ยังไม่ทันที่ร่างสูงจะได้เอ่ยค้าน หญิงวัยกลางคนผู้เป็นแม่ก็ฉวยโอกาสพูดกับร่างบางเสียก่อน
“เจ้าคยูบอกป้าว่าเมื่อคืนหนูเล่นเปียโนให้เขาฟังน่ะจ้ะ แสดงว่าหนูเล่นเปียโนได้ใช่มั้ย? ป้าอยากให้เจ้าคยูเรียนเปียโนจริงๆจังๆสักทีน่ะ แต่ก็ไม่รู้จะไปหาครูที่ไหน หนูฮันคยองช่วยสอนน้องหน่อยได้มั้ยจ๊ะ?” แจวอนถามด้วยน้ำเสียงเชิงขอร้องจนฮันคยองถึงกับทำตัวไม่ถูก
“อ่ะ เอ่อ คือว่า ผมไม่ได้เก่งถึงขนาดจะสอนใครได้หรอกมั้งครับ” ร่างบางอึกอัก
“หนูฮันคยองไม่สะดวกเหรอจ๊ะ? ติดงานประจำอะไรหรือเปล่า?”
“ปะ เปล่าครับ ตอนนี้ผมมีแค่งานแปลเอกสารน่ะครับ ไม่ได้มีงานประจำหรอก” ฮันคยองตอบอย่างอายๆ
‘อายุป่านนี้แล้วยังหางานเป็นหลักเป็นแหล่งไม่ได้ คนอื่นเขาจะมองเรายังไงนะ?’
“งั้นก็เหมาะเลยสิจ๊ะ ป้าจ้างหนูวันละหนึ่งแสนห้าหมื่นวอน ให้มาสอนน้องทุกเย็นเลยได้มั้ย?”
ยังไม่ทันที่ร่างบางจะได้ตอบอะไร ร่างสูงก็ขัดขึ้นเสียก่อน
“เดี๋ยวครับแม่! ถ้าผมเรียนเปียโนทุกเย็น แล้วชมรมคณิตศาสตร์ของผมล่ะ?” คยูฮยอนขมวดคิ้วถามผู้เป็นแม่ด้วยความสงสัย
“ไม่เห็นยากเลย ก็ไปลาออกซะสิ” แจวอนตอบราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“เฮ้ย?! ได้ไงล่ะครับแม่? ผมเป็นประธานชมรมนะ ถ้าผมลาออกแล้วคนอื่นจะทำยังไง?”
“ก็ให้รองประธานชมรมขึ้นมาเป็นประธานชมรมแทนลูกสิ แม่เชื่อนะว่าถึงลูกจะลาออก ชมรมคณิตศาสตร์สุดที่รักของลูกก็ไม่ถึงกาลอวสานหรอก”
“แต่ผม...”
“ตกลงมั้ยจ๊ะหนูฮันคยอง?” แจวอนทิ้งให้ลูกชายโมโหต่อไปส่วนตัวเองก็กลับมาให้ความสนใจกับชายหนุ่มร่างบางต่อ
ฮันคยองยิ้มแหยๆเมื่อเห็นสายตาของเด็กหนุ่มที่จ้องมองเขาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
“เอ่อ...ผมไม่ค่อยแน่ใจนะครับว่าคยูฮยอนเขาจะอยากเรียนกับผมหรือเปล่า? ถ้ามันฝืนใจเขามากเกินไปก็ไม่ดีนะครับ”
“ไม่หรอกจ้ะ แม่เชื่อว่าหนูฮันคยองนี่แหละ เหมาะที่จะเป็นครูของเจ้าคยูที่สุดแล้ว ไม่มีปัญหานะ โจ คยูฮยอน?” ประโยคสุดท้าย แจวอนหันมาถามลูกชายที่ยังทำหน้าบูดบึ้งอยู่
“ตกลงครับ เรียนก็ได้” คยูฮยอนยอมจำนนในที่สุด
‘ถ้าแม่เรียกชื่อพร้อมนามสกุลของผมเมื่อไหร่ นั่นหมายความว่าผมไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธหรือคัดค้านอะไรทั้งนั้น เฮ้อ~ คนหล่อเครียด ทำไมถึงต้องเป็นเขาด้วยนะ ทั้งๆที่อยากจะอยู่ให้ห่างเอาไว้แท้ๆ ไหนยังจะเรื่องที่ต้องลาออกจากชมรมอีก ว๊ากกกกก ผมล่ะกลุ้มจริงๆ แต่...คิดๆดูอีกที มันอาจจะดีก็ได้นะ ถ้าเป็นเขาคงไม่ค่อยมีปากมีเสียงเท่าไหร่ ผมคงจะโดดเรียนเปียโนได้ไม่ยากหรอก จะได้แอบไปชมรมคณิตศาสตร์ได้ด้วย ก็ดีเหมือนกันนี่’
ร่างบางยิ้มฝืดๆเมื่อเห็นสองแม่ลูกตกลงกันได้แล้ว...แต่ตัวเขาล่ะ?
“ตกลงนะจ๊ะฮันคยอง? สอนน้องทุกเย็น วันละหนึ่งแสนห้าหมื่นวอน” แจวอนหันมาถามร่างบางอีกครั้ง
“สอนทุกวันน่ะไม่มีปัญหาครับ แต่วันละหนึ่งแสนห้าหมื่นวอน มันจะไม่มากเกินไปเหรอครับ?” ฮันคยองถามด้วยสีหน้าเป็นกังวล
“ไม่หรอกจ้ะ ถ้าหนูได้สอนคยูฮยอนแล้ว หนูจะรู้ว่าการสอนเจ้านี่น่ะมันเหนื่อยขนาดไหน เงินเท่านี้แหละ เหมาะสมที่สุดแล้ว” หญิงวัยกลางคนยิ้มให้ร่างบางอย่างใจดี
ชายหนุ่มชั่งใจสักพัก ก่อนที่จะพยักหน้ารับ
“ตกลงครับ ขอบคุณมากนะครับคุณป้าที่ให้ความกรุณาผม” ร่างบางโค้งต่ำด้วยความรู้สึกซาบซึ้ง
‘ทำไมผมจะไม่รู้ล่ะว่าคุณป้าเขาอยากจะช่วยผม?...หนึ่งแสนห้าหมื่นวอนต่อวัน...ถึงจะบอกว่าคยูฮยอนสอนยากก็เถอะ แต่เงินขนาดนี้ยังไงมันก็มากเกินไปอยู่ดี เฮ้อ~ ผมอยากได้งาน อยากได้เงินมากๆก็จริงอยู่หรอก แต่ทำไมถึงต้องเป็นเขานะ? ทั้งๆที่คิดจะอยู่ให้ห่างเอาไว้แท้ๆ แต่...จะว่าไปมันก็ดีเหมือนกันนะครับ เพราะดูจากท่าทางแล้วเขาคงไม่ค่อยอยากจะยุ่งกับผมสักเท่าไหร่หรอก แล้วผมก็ยังได้งานที่เงินดีขนาดนี้ ซีวอนจะได้เลิกกังวลเรื่องของผมด้วย ผมไม่อยากจะเกาะเขากินไปตลอดชีวิตหรอกนะ’
To be continued
-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-
Ps. มาต่อแล้วนะคะ ขอโทษด้วยนะคะสำหรับคนที่รออ่าน หายไปตั้งสามอาทิตย์เลย =_=”
ตอนหน้าก็คงจะหายไปอีกสักพักอ่ะค่ะ ช่วงนี้การบ้านเยอะ สอบเยอะมาก อยู่ม.6แล้ว ก็เลยยุ่งเป็นพิเศษ
ถ้าอ่านตอนนี้แล้วรู้สึกมึนๆ(จริงมันก็มึนทุกตอนอยู่แล้ว=_=”)ก็ขอโทษด้วยนะคะ
เพิ่งปั่นเสร็จเมื่อคืนตอนตีสอง ตาจะปิดแล้ว แต่มือยังพิมพ์ได้อยู่(รู้สึกเหมือนหลับใน =o=”)
ขอบคุณทุกคอมเม้นท์และทุกคนที่คลิกเข้ามาอ่านค่ะ จะรีบมาต่อตอนหน้าให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้นะคะ รักคนอ่านทุกคนค่ะ^^
ความคิดเห็น