ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic SJ Yaoi] AllHan, SiHan, Chulhan, KyuHan, MiHan, etc.

    ลำดับตอนที่ #3 : [SF] [ChulHan] You Are Not My Type!!! Part 2

    • อัปเดตล่าสุด 11 พ.ย. 54


    Title: You Are Not My Type!!!

    Author: imazawa

    Pairing: Heechul/Hangeng

    Rate: PG-17

    Warning: มีฉากที่ไม่เหมาะสำหรับเยาวชนอยู่นิดนึงค่ะ >///<

     

     

    Part 2

     

    “ไอ้ฮัน~ เอาการบ้านมาให้กูลอกเดี๋ยวนี้เลยมึง ฮ้าว~” ฮีชอลหาวแบบไม่ปิดปากซึ่งเป็นการกระทำที่ฮันคยองเห็นจนชินตา

     

    มือบางหยิบหนังสือเรียนภาษาญี่ปุ่นเล่มใหญ่ออกมาจากกระเป๋าแล้วส่งให้อีกฝ่ายโดยที่ไม่ปริปากบ่น เขาเลิกคิดจะตำหนิเรื่องที่
    ร่างโปร่งไม่ยอมทำการบ้านด้วยตัวเองแล้ว

     

    “ขอบจาย~” คนหน้าสวยพูดด้วยสะลึมสะลือจนคนฟังอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสัย

     

    “ท่าทางนายจะง่วงมากจริงๆนะ ปกติไม่เห็นเคยขอบคุณฉันสักคำ เมื่อคืนไปทำอะไรมาล่ะ?” ร่างเพรียวถามอย่างไม่ไว้ใจ

     

    “อย่ามองกูด้วยสายตาแบบนั้นสิมึง กูไม่ได้ไปทำเรื่องไม่ดีสักหน่อย เมื่อคืนกูช่วยกิ๊กทำการบ้านอยู่ต่างหาก แม่งง่วงจะตายห่า
    กิ๊กกูก็อ้อนให้ช่วยอยู่นั่นแหละ กูก็เลยไม่รู้จะปฏิเสธยังไง ฮ้าว
    ~” ฮีชอลตอบพร้อมกับหาวปิดท้ายอีกครั้ง

     

    ฮันคยองส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ เพื่อนเขาไม่เคยมีเวลาทำการบ้านของตัวเองแต่กลับมีเวลาไปช่วยกิ๊กทำการบ้านเสียดึกดื่นเนี่ยนะ?
    เป็นความผิดพลาดครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิตของเขาจริงๆที่ได้มาเจอกับคนอย่างคิมฮีชอล

     

    “นิสัยอย่างนายนี่ยังหากิ๊กได้อีกเหรอ?” เด็กหนุ่มชาวจีนถามด้วยความหมั่นไส้

     

    ฮีชอลเงยหน้าขึ้นจากหนังสือเรียนแล้วมองเพื่อนรักตาขวาง

     

    “มึงอย่าดูถูกกูนะ คนอย่างกูมีสาวๆวิ่งเข้ามาหาไม่เคยขาด กูหล่อเลือกได้โว้ย”

     

    “เออๆ แล้วแฟนนายเขาไม่ว่าหรือไง?” ร่างเพรียวถาม ถึงแม้เขาจะไม่ได้อยากยุ่งกับเรื่องส่วนตัวของเพื่อนคนนี้มากเท่าไหร่
    แต่ก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยจริงๆ

     

    “ก็อย่าให้แฟนรู้สึกมึง อย่าโง่” ฮีชอลตอบหน้าตาย

     

    ฮันคยองถอนหายใจกับคำตอบของคู่สนทนาก่อนที่จะฟุบลงบนโต๊ะ ดวงตาคู่สวยทอดมองออกไปนอกห้องเรียน

     

    เมื่อฮีชอลเห็นว่าฮันคยองเงียบไปเขาก็เงยหน้าขึ้นจากการบ้านที่กำลังลอกอยู่แล้วหันมาลอบสังเกตอาการของเพื่อน เป็นอีกครั้งที่เขาพบว่าสาตาของร่างเพรียวจับจ้องอยู่ที่รุ่นน้องหน้าหล่อ และก็เป็นอีกครั้งที่มันทำให้เขาหงุดหงิดจนควบคุมอารมณ์ไม่อยู่

     

    “มึงเลิกมองผัวมึงด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์แบบี้สักทีจะได้มั้ยวะ?! เชี่ยเอ๊ย! กูเห็นแล้วจะอ้วก!” คนหน้าสวยกระฟัดกระเฟียด

     

    คำพูดและน้ำเสียงแข็งกร้าวของร่างโปร่งทำให้ฮันคยองไม่พอใจอย่างมาก ทำไมคนคนนี้ถึงชอบทำให้เขาอารมณ์เสียอยู่เรื่อยเลยนะ?

     

    “จะต้องให้ฉันบอกอีกกี่ครั้ง คำพูดนี้ถึงจะซึมเข้าไปตามรอยหยักในสมองของนาย? ก็บอกแล้วไงว่าฉันกับซีวอนไม่ได้เป็นอะไรกัน” ร่างเพรียวพยายามพูดอย่างใจเย็นที่สุด หวังจะให้อีกฝ่ายเลิกยุ่งกับเรื่องของเขาเสียที แต่ผลที่ได้รับกลับตรงกันข้าม

     

    “มึงไม่ต้องมาตอแหลเลยไอ้ฮัน! ถ้ามึงไม่ได้เป็นอะไรกับมัน ทำไมมึงถึงมองมันด้วยแววตาลึกซึ้งแบบนั้น?!

     

    “ฉันมองซีวอน แต่ซีวอนเขาไม่ได้มองฉันสักหน่อย!” ฮันคยองหลุดปากออกมาอย่างหมดความอดทน

     

    “มึง...หมายความว่าไง?” ร่างโปร่งมองเพื่อนสนิทด้วยท่าทางช็อคๆราวกับเพิ่งได้ยินเรื่องที่ทำให้เขาตกใจที่สุดในชีวิตมา

     

    “ฉันชอบซีวอน...ข้างเดียว เขาไม่รู้เรื่องนี้หรอก” พูดจบฮันคยองซุกหน้าเข้ากับท่อนแขนของตัวเอง เขาไม่ต้องการได้ยินคำพูดถากถางหรือเสียงหัวเราะเยาะจากคนที่ได้ชื่อว่าเป็นเพื่อน แต่แล้วก็ต้องแปลกใจที่อีกฝ่ายไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบรับใดๆเลย

     

    ร่างเพรียวลอบมองใบหน้าสวยของฮีชอลด้วยความสงสัยแล้วก็ต้องประหลาดเมื่อได้เห็นร่องรอยของความเจ็บปวดฉายอยู่บนใบหน้าของอีกฝ่ายอย่างเด่นชัด

     

    “มึง...ชอบซีวอนจริงๆเหรอวะ?” ฮีชอลถามเสียงแผ่วโดยที่ไม่ยอมหันไปสบตาคนที่นั่งอยู่ข้างกัน

     

    “นายไม่ได้รู้อยู่แล้วหรอกเหรอ? ก็เห็นแซวฉันอยู่ทุกวัน” ร่างเพรียวย้อนถามก่อนที่จะหันหน้าหนีไปอีกด้าน

     

    ฮีชอลขยับปากราวกับจะพูดอะไรบางอย่างแต่สุดท้ายก็ไม่กล้าพอที่จะพูดออกมา

     

    จะให้ผมบอกฮันคยองได้ยังไงว่าทุกคำที่ผมพูด ผมก็แค่พูดพล่อยๆไปอย่างงั้นเพราะหมั่นไส้ที่เขาเอาแต่มองซีวอนแล้วไม่สนใจผม
    ผมไม่ได้ต้องการให้ฮันคยองชอบซีวอนจริงๆเลยสักนิด ความรู้สึกที่เหมือนกับถูกผลักลงมาจากที่สูงๆนี่มันอะไรกัน?

     

    -*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-

     

    “วันนี้กูจะพาแฟนไปกินเค้กที่ร้านเปิดใหม่ใกล้ๆโรงเรียน มึงสนใจจะไปกับกูป่ะ?” คนหน้าสวยเอ่ยถามเพื่อนสนิทที่นั่งอยู่ข้างกันขณะที่พวกเขากำลังอยู่ในชั้นเรียนวิชาประวัติศาสตร์

     

    ฮันคยองถอนหายใจพรืดเนื่องจากไม่พอใจที่ถูกรบกวนสมาธิ

     

    “ไม่ไป” ร่างเพรียวตอบเสียงห้วน สายตาจับจ้องอยู่ที่กระดานหน้าห้องเรียนและพยายามรวบรวมสมาธิอีกครั้ง

     

    “ทำไมวะ? เขาบอกว่าเค้กร้านนี้อร่อยมากเลยนะเว้ย ปกติมึงก็ชอบของหวานอยู่แล้วนี่” ฮีชอลพูดพร้อมกับกุมมืออีกฝ่ายแล้วก็ต้องประหลาดใจที่มือนุ่มของคนที่ได้ชื่อว่าเพื่อน แถมยังเป็นผู้ชาย สามารถทำให้หัวใจของเขาเต้นรัวแรงได้มากกว่าเวลาจับมือ
    กับแฟนสาวเสียอีก

     

    สัมผัสเนียนนุ่มทำให้เขารู้สึกเพลิดเพลิน ฮีชอลลูบไล้มือของฮันคยองอยู่นานอย่างลืมตัวจนร่างเพรียวเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติและ
    ชักมือกลับ ตอนนั้นเองฮีชอลถึงได้สติ

     

    “ฉันไม่ได้ชอบของหวานสักหน่อย” ฮันคยองพูด คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันน้อยๆด้วยความไม่เข้าใจในการกระทำของอีกฝ่ายเมื่อสักครู่

     

    “ไอ้เชี่ย! มึงไม่ต้องมาตอแหลเลย เมื่อวันก่อนแพนด้าตัวไหนวะที่นั่งดูดอมยิ้มไปอ่านการ์ตูนไปในห้องชมรมอ่ะ? หรือมึงจะบอกว่า
    กูตาฝาด?” ฮีชอลพูดเสียงดังจนฮันคยองหันมาทำตาเขียวใส่

     

    “นายก็ไปกับแฟนสิ จะให้ฉันไปเป็นก้างขวางคอทำไม?”

     

    “ก็กูอยากให้มึงไปด้วย ทำไมวะ? แค่กูจะพาเพื่อนไปกินขนมด้วยกันมันไม่เห็นจะแปลกเลย แฟนกูไม่ว่าอะไรหรอก”
    ฮีชอลคะยั้นคะยอ

     

    “เย็นนี้ฉันไม่ว่าง จะกลับบ้านกับซีวอน เชิญนายตามสบายเถอะ แล้วก็เลิกเซ้าซี้ฉันได้แล้ว” ฮันคยองสรุปแล้วกลับไปตั้งใจเรียนอีกครั้งโดยที่ไม่รู้เลยว่าเพื่อนสนิทมีสีหน้าแบบไหนหลังจากที่ได้ยินคำพูดของเขา

     

    ดวงตากลมสวยของฮีชอลฉายแววเจ็บปวดแต่เพียงไม่นานประกายไฟแห่งความมุ่งมั่นก็ถูกจุดขึ้น มือเรียวหยิบโทรศัพท์มือถือ
    ของตัวเองขึ้นมาก่อนที่จะพิมพ์อะไรบางอย่างลงไปแล้วกดปุ่มส่งข้อความ

     

    ยุนอา...เย็นนี้พี่มีงานด่วนต้องทำที่ชมรม คงพาเราไปกินเค้กไม่ได้แล้ว ขอโทษนะ เอาไว้วันหลังจะพาไป คราวนี้ไม่เบี้ยวแน่ๆ
    ฮีชอล
    o(=v=)o’

     

    -*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-

     

    เย็นวันนั้นหลังเลิกเรียน คิมฮีชอลได้แปลงร่างจากนักเรียนเป็นนักสืบแอบตามดูเพื่อนสนิทของเขาที่กำลังเดินคุยกับรุ่นน้อง
    ร่างสูงใหญ่ระหว่างทางกลับบ้าน เขาไม่ได้ติดงานที่ชมรมอย่างที่บอกแฟนสาวหรอก

     

    “นี่กูมาทำห่าอะไรอยู่ตรงนี้วะเนี่ย? เหมือนพวกโรคจิตเลยให้ตายเหอะ!” หนุ่มหน้าสวยที่ยืนหลบอยู่หลังเสาไฟฟ้าบ่น เขาก็ไม่เข้าใจการกระทำของตัวเองเหมือนกัน ทั้งๆที่เวลานี้เขาควรจะกำลังกินเค้กกับแฟนสาวอย่างมีความสุขแต่ทำไมเขาถึงต้องมาทำให้ตัวเองลำบากอยู่แบบนี้

     

    “ไอ้เชี่ยซีวอน! มึงยื่นหน้าเข้าไปใกล้ไอ้ฮันขนาดนั้นมึงไม่จูบกันไปเลยล่ะ! ไอ้ฮันก็เสือกหน้าแดงอีก เขินอะไรกันนักหนาวะ?! แรดนักนะมึง!” ฮีชอลสบถพลางใช้เล็บข่วนเสาไฟฟ้าด้วยความหงุดหงิดจนคนที่เดินผ่านไปผ่านมาพากันมองเขาด้วยแววตาหวาดระแวง

     

    ร่างโปร่งเดินตามคนทั้งคู่ไปพร้อมกับความหงุดหงิดที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเดินไปได้พักใหญ่ ฮีชอลก็เริ่มสังเกตเห็นความผิดปกติของเด็กหนุ่มทั้งสองคนที่เดินนำหน้าเขาอยู่ โดยเฉพาะเพื่อนสนิทของเขาอย่างฮันคยองที่มีสีหน้าเจ็บปวดอย่างเห็นได้ชัดและ
    ดูเหมือนกำลังจะร้องไห้แต่ร่างเพรียวก็พยายามฝืนยิ้มเพื่อไม่ให้เด็กหนุ่มร่างสูงไม่สบายใจ

     

    “ไอ้เด็กเปรต! มึงทำอะไรเพื่อนกูวะ?! ทำไมไอ้ฮันทำหน้าอย่างงั้น ไอ้เชี่ยซีวอน! อย่าอยู่เลยมึง!” ฮีชอลเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วย
    ความโกรธพร้อมกับกระโจนออกไปจากพุ่มไม้ที่เขาซ่อนตัวอยู่ จังหวะเดียวกันนั้นซีวอนก็เดินแยกไปอีกทางพอดี
    ตอนนี้ตรงหน้าเขาจึงเหลือเพียงแค่ร่างเพรียวบางของเด็กหนุ่มชาวจีนเท่านั้น

     

    คนหน้าสวยมองตามแผ่นหลังกว้างของซีวอนไปอย่างอาฆาตแค้นแต่ก็ต้องข่มใจเอาไว้ก่อนแล้วหันมาหาเพื่อนรักที่มีอาการแปลกๆด้วยความเป็นห่วง

     

    “เป็นอะไรของมึงวะ? ทะเลาะกับผัวอีกแล้วหรือไง?” ฮีชอลถามด้วยประโยคเดิมๆซึ่งตอนนี้เขารู้สึกว่ามันขัดกับสิ่งที่อยู่ในใจของเขาเสียเหลือเกิน

     

    ปฏิกิริยาตอบรับจากฮันคยองเปลี่ยนไป เขาไม่ได้ตำหนิฮีชอลเหมือนกับทุกครั้ง

     

    “ฉันรู้แล้วนะว่าทำไมช่วงนี้ซีวอนถึงดูแปลกไป ตื๊อถามตั้งนาน ในที่สุดเขาก็บอกความจริงจนได้” ร่างเพรียวพูดด้วยรอยยิ้มขมขื่น

     

    “......”

     

    “เขากำลังทะเลาะกับแฟนอยู่น่ะ” พูดจบน้ำตาของฮันคยองก็ไหลอาบแก้ม ไม่มีเสียงสะอื้นจากร่างเพรียวแต่มันกลับทำให้ฮีชอลรู้สึกเหมือนหัวใจของเขากำลังจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ

     

    “ฉันนี่มันหลงตัวเองจริงๆ แค่จะพูดว่าสนิทกับเขาฉันยังพูดไม่ได้เลย ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขามีแฟนแล้ว ไม่เคยรู้อะไรเกี่ยวกับเขาเลย
    สักอย่าง” คนหน้าหวานพูดปนสะอื้น

     

    ฮีชอลหันรีหันขวางอยู่สักพักก่อนที่จะตัดสินใจคว้าตัวอีกฝ่ายเข้ามากอดอย่างเก้ๆกังๆ

     

    “มึง...ยังมีกูอยู่นะไอ้ฮัน” คนหน้าสวยพูดด้วยท่าทางขัดเขิน ใบหน้าของเขาแดงซ่านขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้

     

    เขาไม่ใช่คนอ่อนโยน ไม่ละเอียดอ่อน ไม่อบอุ่น มันจึงทำให้เขารู้สึกลำบากอย่างมากในเวลาที่ต้องการปลอบใจใครสักคนแบบนี้

     

    “ฮีชอล...” ร่างเพรียวพูดได้แค่นั้นก่อนที่จะปล่อยให้น้ำตาไหลรินต่อไปอย่างเงียบๆภายในอ้อมกอดของเพื่อนสนิท

     

    -*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-

     

    คนหน้าหวานที่เพิ่งล้างหน้าล้างตาเสร็จเดินออกมาจากห้องน้ำแล้วไปนั่งข้างเพื่อนสนิทที่กำลังอ่านนิตยสารอยู่บนโซฟา ฮีชอลที่นั่งอยู่ก่อนหันมาสำรวจใบหน้าของอีกฝ่ายด้วยความเป็นห่วง

     

    “ตาแดงจมูกแดงหมดเลยมึง ไหวมั้ยเนี่ย?” ร่างโปร่งถาม มือเรียวไล้ไปตามขอบตาบวมช้ำอย่างแผ่วเบา

     

    “ไหว” ฮันคยองตอบสั้นๆแล้วเบือนหน้าหนีสัมผัสของฮีชอล ไม่รู้ว่าเขาคิดไปเองหรือเปล่าแต่เขารู้สึกว่าช่วงนี้ร่างโปร่งสัมผัสร่างกายเขาบ่อยขึ้น สัมผัสที่ทำให้เขารู้สึกแปลกๆทุกครั้งที่ได้รับ

     

    ฮีชอลมีท่าทางหัวเสียเมื่อนึกถึงคนซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เพื่อนของเขาตกอยู่ในสภาพเช่นนี้

     

    “พรุ่งนี้กูจะไปเคลียร์กับไอ้เด็กเวรนั่นให้รู้เรื่อง ทำไมแม่งเลวอย่างงี้วะ!” ร่างโปร่งพูดด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวจนฮันคยองต้องรีบปราม

     

    “ซีวอนเขาไม่ได้ทำอะไรผิดนะฮีชอล”

     

    “เชี่ย! หุบปากไปเลยมึง! ถึงขั้นนี้แล้วมึงยังจะปกป้องมันอยู่อีกเหรอ?!

     

    “ฉันไม่ได้ปกป้องเขา แต่เรื่องนี้ซีวอนไม่ผิดจริงๆ ฉันก็บอกนายแล้วนี่ว่าฉันรักเขาข้างเดียวมาตลอด เขาไม่เคยรู้ด้วยซ้ำว่าฉันคิดยังไงกับเขา ขนาดนายที่แซวฉันอยู่ทุกวันก็ยังไม่รู้เลยใช่มั้ยล่ะว่าฉันรักซีวอนจริงๆน่ะ?” ฮันคยองพยายามโน้มน้าวให้อีกฝ่ายใจเย็นลง
    เขาล่ะกลัวใจเพื่อนคนนี้จริงๆ ถ้าไม่ห้ามเสียตั้งแต่ตอนนี้อาจจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับซีวอนก็ได้

     

    ฮีชอลนิ่งไปพักใหญ่ก่อนที่จะถอนหายใจออกมาอย่างยอมจำนนในที่สุด

     

    “ก็จริงของมึง”

     

    “เดี๋ยววันนี้นายอยู่กินข้าวเย็นกับฉันก่อนก็แล้วกันนะ แล้วค่อยกลับบ้าน อยากกินอะไรล่ะ? จะทำให้เป็นการตอบแทนที่ให้ยืมอก
    ซับน้ำตา” ฮันคยองถามร่างโปร่งด้วยรอยยิ้ม

     

    “กูอยากกินข้าวผัดกิมจิว่ะ”

     

    “ได้ งั้นรอแป๊บนึงนะ” ร่างเพรียวลุกจากโซฟาเพื่อที่จะไปทำอาหารเย็นแต่ก็ถูกฮีชอลรั้งข้อมือเอาไว้ เด็กหนุ่มหันกลับมามองอีกฝ่ายเป็นเชิงถาม

     

    “อีกอย่าง...วันนี้กูไม่กลับบ้าน กูจะค้างกับมึงที่นี่แหละ” ฮีชอลพูดเรียบๆโดยที่ไม่สนใจสักนิดว่าเพื่อนสนิทเต็มใจที่จะให้เขาค้างด้วยหรือไม่

     

    “เฮ้ย! ได้ไง! แล้วนายจะเอาเสื้อผ้าที่ไหนเปลี่ยน? ไม่ได้เตรียมมาไม่ใช่เหรอ?”

     

    “กูไม่อาบน้ำก็ได้ พรุ่งนี้วันหยุด เดี๋ยวตอนเช้ากูกลับไปอาบที่บ้าน”

     

    “แต่ว่า...”

     

    “คืนนี้กูไม่อยากปล่อยให้มึงอยู่คนเดียว...จริงๆนะ” ร่างโปร่งพูดพร้อมกับลูบไล้มือนิ่มของอีกฝ่าย สายตาจริงจังของฮีชอลที่ไม่ได้ปรากฏให้เห็นบ่อยนักทำให้หัวใจของฮันคยองเต้นผิดจังหวะได้ไม่ยาก

     

    “เอางั้นก็ได้ งั้นเดี๋ยวฉันไปทำกับข้าวให้กินก่อนนะ”

     

    ฮีชอลพยักหน้ารับแล้วปล่อยมืออีกฝ่ายอย่างเสียดาย หลังจากที่เพื่อนรักเดินออกไปจากห้องนั่งเล่นแล้วร่างโปร่งก็ยกมือของตัวเอง
    ขึ้นมาสูดดมความหอมจากร่างกายของเพื่อนสนิทที่ยังหลงเหลืออยู่เข้าไปเต็มปอด

     

    “ไอ้ฮัน มึงทำให้กูกลายเป็นคนโรคจิตไปจริงๆแล้วนะ รู้ตัวหรือเปล่า?”

     

    -*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-

     

    หลังจากทานอาหารเย็นเสร็จแล้ว ฮันคยองก็พาเพื่อนรักขึ้นไปยังห้องนอนที่อยู่บนชั้นสอง ฮีชอลนั่งจุ้มปุ๊กอยู่บนพื้นห้องอย่างเซ็งๆขณะที่เจ้าของห้องกำลังอาบน้ำอยู่ ฮันคยองกำชับซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าไม่ให้เขาขึ้นไปบนที่นอนและเขาก็ไม่อยากขัดใจอีกฝ่ายในเวลา
    แบบนี้จึงทำได้แค่นั่งรอด้วยความอดทน

     

    “แกร๊ก” เมื่อเสียงเปิดประตูห้องน้ำดังขึ้น ฮีชอลก็หันไปหาต้นเสียงอย่างรวดเร็วหมายจะบ่นอีกฝ่ายที่ปล่อยให้เขานั่งเซ็งอยู่ตั้งนานสองนาน แต่แล้วคำพูดทั้งหมดก็ถูกกลืนลงคอไปเมื่อได้เห็นภาพตรงหน้า

     

    “เชี่ยฮัน! ทำไมมึงออกมาด้วยสภาพแบบนี้วะ?!” ฮีชอลตะโกนลั่น

     

    ร่างเพรียวที่มีเพียงผ้าขนหนูผืนเล็กพันรอบเอวเพื่อปกปิดช่วงล่างเลิกคิ้วขึ้นก่อนจะก้มสำรวจตัวเอง

     

    “ฉันออกมาด้วยสภาพแบบนี้แล้วมันแปลกตรงไหนล่ะ?” ฮันคยองถามด้วยความไม่เข้าใจ

     

    “ก็ผ้าขนหนู...มึง...” ฮีชอลเรียบเรียงคำพูดไม่ถูก ใบหน้าร้อนผ่าวอย่างควบคุมไม่ได้

     

    “ผ้าขนหนูฉัน? เอ๋~ ก็ไม่เห็นจะมีอะไรผิดปกตินี่นา ผู้ชายเขาก็พันผ้าขนหนูแบบนี้กันทั้งนั้นไม่ใช่เหรอ? ถ้าฉันนุ่งกระโจมอกแบบผู้หญิงมันก็ตลกสิ” ฮันคยองขมวดคิ้วมุ่น บางทีเขาก็รู้สึกว่าเพื่อนคนนี้พูดคนละภาษากับเขา หรือเป็นเพราะเขาไม่ค่อยเข้าใจวัฒนธรรมเกาหลี มันเลยทำให้เขาไม่เข้าใจฮีชอลไปด้วย

     

    “นี่ผ้าเช็ดตัวกับชุดนอนของนาย ไปอาบน้ำซะ ฉันไม่อยากให้นานมานอนเน่าอยู่ในห้องฉัน” พูดจบร่างเพรียวก็โยนชุดนอนของฮีชอลลงบนเตียงก่อนที่จะเดินตรงไปยังตู้เสื้อผ้าโดยที่มีสายตากลมโตของเด็กหนุ่มชาวเกาหลีมองตามไปอย่างไม่ลดละ

     

    หัวใจของฮีชอลเต้นโครมครามจนตัวเขาเองรู้สึกหนวกหู อาการร้อนวูบวาบและความรู้สึกแปลกๆบริเวณส่วนกลางลำตัวทำให้เขารู้สึกอึดอัดและหายใจลำบากมากขึ้นทุกที ในที่สุดความอดทนของฮีชอลก็ขาดผึงเมื่อเพื่อนรักก้มลงหยิบกางเกงในซึ่งอยู่ในลิ้นชัก
    ชั้นล่างสุดของตู้เสื้อผ้า

     

    ผ้าขนหนูสั้นขนาดนั้น...ก้มต่ำขนาดนั้น...แล้วมันจะไปเหลืออะไรล่ะ?!

     

    บั้นท้ายกลมกลึงปรากฏให้ฮีชอลเห็นเต็มสองตา ถึงจะเป็นเวลาเพียงไม่นานแต่มันก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้สติของฮีชอล
    กระเจิดกระเจิง

     

    ไอ้เชี่ยฮ้าน~ ทำไมมึงไม่ใส่กางเกงในในห้องน้ำวะ?! มาโชว์ตูดให้กูดูแบบนี้อยากเสียความบริสุทธิ์ใช่มั้ยมึง?! เชี่ย! ตูดเสือกสวยอีก ทั้งขาวทั้งเนียนแถมงอนกำลังดี อ๊าก~ ใครก็ได้ช่วยลบภาพตูดมึงออกไปจากสมองกูที~’

     

    ฮันคยองรู้สึกได้ถึงความผิดปกติของคนอีกคนที่อยู่ในห้อง เมื่อสวมชุดนอนเสร็จเรียบร้อยเขาจึงหันไปดูแล้วก็ต้องตกใจที่เห็นเพื่อน
    อยู่ในสภาพเปื้อนเลือดอีกครั้ง เหมือนกับตอนที่อยู่ในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าที่โรงเรียนเมื่อวันก่อนไม่มีผิด

     

    “ฮีชอล! นายเลือดกำเดาไหล!” ร่างเพรียวพูดเสียงดังเพื่อเรียกสติคนที่นั่งเหม่อจมกองเลือดอยู่

     

    ร่างโปร่งเหมือนจะเพิ่งรู้สึกตัว เขายกมือขึ้นปิดจมูกของตัวเองอย่างลนลานก่อนที่จะพยายามเดินไปหยิบชุดนอนกับผ้าเช็ดตัวที่
    ร่างเพรียวเตรียมไว้ให้

     

    “ไม่ต้องแล้ว! นายวิ่งเข้าห้องน้ำไปก่อนเลย เดี๋ยวฉันหยิบชุดตามไปให้” ฮันคยองบอกเพื่อน ขืนปล่อยไว้นานกว่านี้เตียงของเขาต้องเปื้อนเลือดไปด้วยแน่ๆ

     

    ฮีชอลพยักหน้าถี่ๆแล้ววิ่งเข้าห้องน้ำไปด้วยความเร็วแสงตามที่เจ้าของห้องสั่ง เขาเดินตรงไปยังอ่างล้างหน้าแล้วจัดการล้างคราบเลือดออกจนใบหน้าสวยกลับมาสะอาดหมดจดเหมือนเดิมในที่สุด

     

    “ก๊อกๆๆ ฮีชอล ผ้าขนหนูกับชุดนอน” เสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมกับสำเนียงภาษาเกาหลีแปร่งๆของร่างเพรียว

     

    ฮีชอลแง้มประตูออกมานิดหนึ่งเพื่อรับของจากเพื่อนรัก

     

    “ขอบใจ” คนหน้าสวยพูดสั้นๆก่อนที่จะปิดประตูแล้วใส่กลอนอย่างรวดเร็ว แผ่นหลังเนียนพิงเข้ากับบานประตูก่อนที่ร่างโปร่งจะเหลือบตาลงไปมองส่วนกลางลำตัวของเขาที่กำลังตื่นตัวอยู่

     

    ฮีชอลถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วขยี้ผมตัวเองแรงๆด้วยความอัดอั้น ตอนนี้ในหัวของเขามีแต่ภาพใบหน้าของเพื่อนร่างเพรียวกับ
    บั้นท้ายขาวที่เพิ่งปรากฏต่อสายตาเขาเมื่อสักครู่ ยิ่งคิดถึงเขาก็ยิ่งรู้สึกทรมานมากขึ้นเรื่อยๆจนในที่สุดความต้องการตามธรรมชาติก็เป็นฝ่ายชนะ

     

    ร่างโปร่งบางเดินไปยืนใต้ผักบัวก่อนที่มือเรียวจะเริ่มทำหน้าที่ปลดปล่อยความต้องการของตัวเอง

     

    “อือ~ อื้อ~” ฮีชอลพยายามเม้มปากเพื่อไม่ให้เสียงครางหลุดลอดออกมาให้คนที่อยู่ด้านนอกสงสัย

     

    “อา~ อื้ม~ ไอ้ฮัน~” ร่างโปร่งเผลอครางชื่อของคนที่อยู่ในห้วงความคิดของเขาออกมาเมื่ออารมณ์พุ่งทะยานถึงจุดสูงสุด เขาทรุดลงนั่งกับพื้น ปล่อยให้สายน้ำจากฝักบัวไหลลงมาดับความร้อนรุ่มที่ยังหลงเหลืออยู่

     

    มันเกิดอะไรขึ้นกับกูวะ? เชี่ย! กูไม่ใช่เกย์สักหน่อยแต่กูมีอารมณ์กับผู้ชายสองครั้งแล้ว เดี๋ยวนะ กูไม่ได้มีอารมณ์กับผู้ชายนี่หว่า
    กูมีอารมณ์กับไอ้ฮันคนเดียวต่างหาก ไอ้ฮันมันเป็นตุ๊ด กูมีอารมณ์กับตุ๊ด แล้วกูแม่งเป็นเชี่ยอะไรเนี่ย?
    !’ ฮีชอลคิดในใจอย่างสับสน ความรู้สึกที่เขามีต่อเพื่อนรักมันแปลกไปมากขึ้นทุกทีจนเขาไม่สามารถที่จะละเลยมันได้อีกต่อไป แต่ถ้าจะให้ยอมรับง่ายๆว่าตัวเอง
    เริ่มมีใจให้เพื่อนสนิทที่เป็นผู้ชายก็คงจะไม่ใช่วิสัยของคิมฮีชอล

     

    “แกร๊ก” เสียงเปิดประตูห้องน้ำดังขึ้นพร้อมกับร่างโปร่งบางที่ปรากฏตัวในชุดนอนสีฟ้าอ่อนและกางเกงขายาวสีน้ำตาลซึ่งดูจะยาวเกินไปสักนิดสำหรับเขา

     

    “นายเตี้ยกว่าที่ฉันคิดนะ” ฮันคยองพูดยิ้มๆขณะที่สายตาจับจ้องอยู่ที่ขากางเกงซึ่งยาวจนลากพื้น

     

    ฮีชอลค้อนขวับแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรโต้ตอบ ฮันคยองจึงชวนคุยเรื่องอื่น

     

    “ปกตินายอาบน้ำนานขนาดนี้เลยเหรอ?” เสียงทุ้มหวานถามเรียบๆ ไม่รู้ว่าฮันคยองคิดไปเองหรือเปล่าแต่เขารู้สึกเหมือนเห็นฮีชอลสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำถามของเขา

     

    “อ๋อ...เอ่อ...ก็...แบบว่า...อือ...พอดีตอนกูกำลังจะอาบน้ำเสร็จเลือดกำเดามันไหลออกมาอีกไงมึง กูก็เลยต้องอาบน้ำใหม่อีกรอบ
    แม่งเสียเวลาชิบหาย ปกติกูอาบห้านาทีก็เสร็จแล้ว” คนหน้าสวยพูดโดยที่ไม่ยอมสบตาเพื่อนร่างเพรียว

     

    “นายเป็นโรคร้ายอะไรเหรอเปล่า? ช่วงนี้เลือดกำเดาไหลบ่อยนะ” ฮันคยองตั้งข้อสังเกตซึ่งฮีชอลรู้สึกขอบคุณเป็นอย่างมากที่อีกฝ่ายไม่ได้สังเกตด้วยว่าเขาจะเลือดกำเดาไหลเฉพาะตอนที่เห็นเรือนร่างของอีกฝ่ายเท่านั้น

     

    “ไอ้เชี่ยฮัน! มึงแช่งกูเหรอ?! กูไม่ได้เป็นโรคอะไรเว้ย! ก็บอกแล้วไงว่าอากาศแม่งร้อนเว่อร์ กูก็เลยเป็นอย่างงี้” ฮีชอลเถียงด้วยท่าทางจริงจังจนฮันคยองต้องพยักหน้ารับในที่สุด

     

    “ไม่ได้เป็นอะไรก็ดีแล้ว”

     

    “มึงเป็นห่วงกูเหรอ?” ร่างโปร่งบางถามพร้อมกับนั่งลงข้างๆอีกฝ่ายแล้วโอบไหล่บางอย่างถือวิสาสะ มือเรียวลูบไล้ผิวเนียนของ
    เพื่อนสนิทอย่างเคลิบเคลิ้ม ไม่รู้ว่าทำไมร่างกายของคนคนนี้ถึงดึงดูดเขาได้มากเหลือเกิน

     

    ฮันคยองรู้สึกแปลกกับสัมผัสที่ได้รับ มันทำให้เขารู้สึกหวิวๆในอกข้างซ้ายอย่างบอกไม่ถูก อะไรบางอย่างบอกเขาว่านี่ไม่ใช่สัมผัสที่เพื่อนควรจะมอบให้กับเพื่อน แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่ได้ขยับตัวหนีหรือแสดงท่าทางรังเกียจแต่อย่างใด

     

    “ไม่ได้ห่วง แต่จะให้ดูนายตายไปต่อหน้าต่อหน้าก็คงจะใจร้ายเกินไปมั้ง” ร่างเพรียวตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉยจนคนฟังอดไม่ได้ที่จะ
    เขกหัวเขาด้วยความหมั่นไส้

     

    “เออ! วันไหนถ้าไม่มีกูมึงจะรู้สึก”

     

    “รู้สึกดีใช่ป่ะ?”

     

    “ไอ้ห่านี่! หลับไปเลยมึง ถ้าคุยกันนานกว่านี้มึงได้หลับเพราะกำปั้นกูแน่ๆ” ฮีชอลผลักอีกฝ่ายให้นอนลงบนเตียงก่อนที่ตัวเองจะคว้าหมอนมาใบหนึ่งแล้วล้มตัวลงนอนบนพื้นข้างเตียงโดยที่มีสายตาของฮันคยองคอยมองการกระทำของเขาด้วยความไม่เข้าใจ

     

    “นอนด้วยกันบนนี้ก็ได้ นายอาบน้ำแล้วนี่” คนน่ารักพูดพลางชะโงกหน้ามองคนที่นอนคุดคู้อยู่บนพื้น

     

    “ไม่อ่ะ ก็ไม่อยากฟังเสียงสะอื้นของมึงตอนดึกๆ กูหลอน นอนแบบนี้แหละดีแล้ว” ฮีชอลตอบปัดๆ อันที่จริงแล้วเขาไม่กล้านอนข้างอีกฝ่ายเพราะเหตุผลอื่นมากกว่า เป็นเหตุผลที่บอกใครไม่ได้เสียด้วยสิ

     

    “ฉันมีผ้าห่มผืนเดียวนะ” ร่างเพรียวบอกอีกครั้งเผื่อว่าเพื่อนสนิทจะเปลี่ยนใจ

     

    “กูไม่หนาว” ฮีชอลตัดบทก่อนที่จะหันหลังให้อีกฝ่ายเป็นเชิงบอกให้เลิกเซ้าซี้เขาได้แล้ว

     

    ฮันคยองล้มตัวลงไปนอนนิ่งๆในที่สุด ดวงตาคู่สวยมองเพดานห้องอย่างเหม่อลอย ภาพของรุ่นน้องหน้าหล่อยังวนเวียนอยู่ในหัวอย่างเด่นชัด

     

    “ไอ้ฮัน มึงรักไอ้เด็กเปรตนั่นจริงๆเหรอวะ?” จู่ๆคนที่ฮันคยองคิดว่าหลับไปแล้วก็เอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง

     

    “ไม่รู้สิ” ฮันคยองตอบตรงๆ

     

    “มึงหมายความว่าไง?” ฮีชอลถามด้วยความไม่เข้าใจ เขารู้สึกร้อนรนจนแทบจะนอนต่อไม่ได้

     

    “ฉันไม่เคยรักใครแบบนี้มาก่อน ไม่รู้ว่าจริงๆแล้วความรักมันเป็นความรู้สึกแบบไหน แต่ถ้าการที่เราคิดถึงใครบางคนบ่อยๆแล้วก็ยิ้มออกมาได้ทุกครั้ง การที่ได้อยู่ใกล้คนคนนั้น ได้พูดคุย ได้รับสัมผัสจากเขาแล้วหัวใจเต้นรัว การที่ได้เห็นรอยยิ้มของเขาแล้วมีความสุขและทุกข์เวลาที่เห็นสีหน้าไม่สบายใจของเขามันเรียกว่าความรัก...ถ้าอย่างงั้น ฉันก็คงรักซีวอน” ร่างบางตอบก่อนที่จะยกมือขึ้นมาปิดหน้า ซ่อนน้ำตาที่กำลังรินไหลออกมาอย่างช้าๆ

     

    คำตอบของร่างเพรียวทำให้ฮีชอลรู้สึกปวดหนึบในอกอย่างบอกไม่ถูก ดวงตากลมโตเบิกโพลงฉายแววสับสนอย่างเห็นได้ชัด

     

    ถ้าอย่างงั้น...การที่กูคิดถึงแต่มึงตลอดเวลา ใจเต้นรัวทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้มึง ได้สัมผัสมึง และการที่กูอยากเห็นมึงยิ้ม ไม่อยากให้มึงร้องไห้ มันก็หมายความว่ากูรักมึงอย่างงั้นสิไอ้ฮัน?

     

    To be continued…

     

    Talk: อีกตอนเดียวก็จบแล้วค่ะ จะรีบมาต่อเร็วๆนี้ค่ะ ^^

     

    ขอบคุณสำหรับทุกๆคอมเม้นท์และทุกคนที่คลิกเข้ามาอ่าน ขอให้ปลอดภัยจากน้ำท่วมกันด้วยนะคะ ^^

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×