คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : The Perfect Boy Next Door Part 2
Title: The perfect boy next door
Author: imazawa
Pairing: Kyuhyun/Hangeng
Rate: PG-13
Part 2
ร่างโปร่งบางของฮันคยองเดินตามสองแม่ลูกตระกูลโจเข้าไปในคฤหาสน์หลังใหญ่อย่างว่าง่าย
บรรยากาศภายในบริเวณบ้านตั้งแต่ก้าวผ่านประตูรั้วเข้าไปนั้นช่างสวยงาม ไม่ว่าจะเป็นสนามหญ้าสีเขียวสด แปลงดอกไม้นานาชนิด น้ำพุใหญ่ที่ตั้งอยู่หน้าบ้านอย่างโดดเด่นเป็นสง่า และที่สำคัญคือตัวบ้าน(หรือที่ฮันคยองเรียกว่าคฤหาสน์)ที่ออกแบบได้อย่างวิจิตรงดงาม
ภาพที่เห็นทำให้ฮันคยองอดที่จะตะลึงไม่ได้
‘สวยจัง อย่างกับคนละโลกแน่ะ ทั้งๆที่อยู่ข้างบ้านเราแท้ๆแต่ทำไมถึงไม่เคยสังเกตเลยนะ’ ร่างบางคิดในใจ
โจ แจวอนหรือคุณนายโจ แม่ของคยูฮยอนยิ้มออกมาเมื่อเห็นว่าฮันคยองประทับใจกับบรรยากาศตรงหน้ามากเพียงใด
“ชอบบ้านของเรามั้ยจ๊ะ ฮันคยอง?” แจวอนถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“อ่ะ ครับ สวยมากเลยครับ” ฮันคยองตอบแล้วยิ้มเขินๆ
เมื่อสักครู่นี้เขามัวแต่ดื่มด่ำอยู่กับบรรยากาศรอบๆจนเพลิน รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่แจวอนพูดกับเขานั่นแหละ
‘น่าอายชะมัดเลย ทำตัวเป็นบ้านนอกเข้ากรุงไปได้นะหานเกิง’
“ถ้าชอบวันหลังก็มาบ่อยๆนะจ๊ะ จะได้เป็นเพื่อนคุยกับเจ้าคยูมันด้วย อยู่ที่บ้านนี่ก็มีแค่ป้ากับลุง คุยกับมันไม่รู้เรื่องหรอก”
ฮันคยองยิ้มขำๆเมื่อเห็นสีหน้าบูดบึ้งของร่างสูงที่เดินอยู่ใกล้ๆ
“ครับ” ร่างบางพูดพร้อมพยักหน้ารับ
‘พวกคุณคงคิดว่าผมน่ะไม่มีความเกรงใจเลยใช่มั้ยที่ตอบรับคำชวนของเขาง่ายๆแบบนั้น? ผมรู้ว่ามันอาจจะดูเห็นแก่ตัวไปหน่อย แต่ผมไม่อยากอยู่
คนเดียวจริงๆนะ ในเวลาแบบนี้ เมื่อมีคนยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ ไม่ว่าเขาจะเต็มใจหรือไม่ ผมก็ไม่อยากปล่อยมือนั้นไป’
ทันทีที่ทั้งสามคนเดินเข้าไปในบ้านก็มีสาวใช้สองสามคนมารับของที่คยูฮยอนถือไว้ไปเก็บในห้องครัวอย่างรู้หน้าที่
ภายในบ้านถูกตกแต่งอย่างหรูหรามีสไตล์ แม้ว่าฮันคยองจะไม่มีความรู้เรื่องของแต่งบ้านแต่ก็พอจะรู้ได้ว่าเฟอร์นิเจอร์ทั้งหลายในบ้านหลังนี้
คงมีราคาแพงชนิดที่เขาต้องทำงานสักสามปีกว่าจะมีเงินพอซื้อโซฟาสักตัวในบ้านหลังนี้แน่ๆ
“ฮันคยองไปอยู่กับคยูฮยอนที่ห้องนั่งเล่นก่อนนะจ๊ะ เดี๋ยวป้าไปทำกับข้าวให้” แจวอนพูดกับฮันคยองอย่างใจดี
“เอ่อ...ให้ผมช่วยมั้ยครับ? คือ...ผมทำอาหารเป็นครับ ปกติผมก็ทำทานเองเป็นประจำอยู่แล้ว” ร่างบางอาสาช่วย
แค่มารบกวนที่บ้านนี่ก็มากพอแล้ว ถ้าจะให้นั่งดูผู้ใหญ่ระดับนี้ทำอาหารให้เขาทานเฉยๆ เขาคงจะรู้สึกผิดมากแน่ๆ
แจวอนยิ้มให้ฮันคยองอย่างเอ็นดู
“ขอบใจมากนะจ๊ะ แต่วันนี้หนูคงเหนื่อยมากแล้ว เอาไว้วันหลังป้าจะให้โอกาสหนูแสดงฝีมือนะ”
ฮันคยองยิ้มบางๆแล้วพยักหน้ารับก่อนที่จะเดินตามเด็กหนุ่มร่างสูงไปยังห้องนั่งเล่นเงียบๆ
“เล่นเกมมั้ย?” คยูฮยอนพูดกับร่างบางเป็นครั้งแรก
“อืม” ฮันคยองตอบสั้นๆ
ร่างสูงเดินไปเปิดโทรทัศน์และเครื่องเล่นแผ่นเกมก่อนที่จะเดินกลับมานั่งที่โซฟาพร้อมกับยื่นจอยสติกใส่มือร่างบาง
“นั่งสิ ต้องให้เชิญด้วยรึไง?” เด็กหนุ่มประชดขึ้นเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ยอมนั่งลงข้างๆเขาเสียที
“อ่ะ...โทษที โซฟาบ้านนายมันหรูซะจนฉันไม่กล้านั่งน่ะ” ฮันคยองยิ้มเขินๆก่อนที่จะนั่งลงในที่สุด
คยูฮยอนถอนหายใจพรืดเหมือนกับเด็กโดนขัดใจ
‘จะบอกว่าโลกของเรามันแตกต่างกันใช่มั้ยล่ะ? โอ๊ย หงุดหงิดเว้ย ทำไม? ของมันมีไว้ให้นั่ง จะเป็นโซฟาหรูๆหรือเก้าอี้ไม้ผุๆมันก็นั่งได้เหมือนกัน ทำไมต้องทำให้ฉันรู้สึกว่าเราแตกต่างกันด้วยนะ?’
“เล่นเกมอะไรเป็นบ้างเนี่ย?” ร่างสูงพยายามเปลี่ยนเรื่องเพราะไม่อยากทำให้ตัวเองรู้สึกแย่ไปมากกว่านี้
“เอ่อ...ปกติฉันไม่ค่อยเล่นเกมหรอก นายเลือกเถอะ”
“เอ๊า ถ้าฉันเลือกแล้วนายเล่นไม่เป็นล่ะ? นายนั่นแหละเลือกมาเร็วๆ ฉันเล่นเป็นหมดทุกเกมอยู่แล้ว”
‘ผมไม่ได้โม้นะ เกมในแผ่นนี้ผมเล่นเป็นหมดทุกเกมจริงๆ และที่สำคัญผมก็เล่นเก่งทุกเกมด้วย’
“งั้น...เกมแข่งรถมั้ย?” ฮันคยองหยั่งเชิงถามอีกฝ่าย
‘เกิดพูดอะไรขัดใจคุณชายเขาอีกผมคงโดนกินหัวแน่ๆล่ะครับคราวนี้’
คยูฮยอนเงียบไปนานจนร่างบางที่นั่งอยู่ข้างๆใจเสีย
“อืม ก็ดี อารมณ์แบบนี้เล่นเกมแข่งรถแล้วขับรถชนนู่นชนนี่หน่อย คงจะทำให้อารมณ์ดีขึ้นมาได้บ้างล่ะ”
คำตอบของเด็กหนุ่มทำเอาฮันคยองเสียวสันหลังวาบ
‘ทำไมเด็กนี่มันถึงโรคจิตอย่างงี้นี่ย?’
คยูฮยอนกดปุ่มเลือกเกมช้าๆขณะที่อีกฝ่ายก็นั่งรออย่างใจเย็น
เมื่อเด็กหนุ่มกดปุ่มเริ่มเกมแล้วฮันคยองก็พยายามตั้งใจเล่นเต็มที่ ถึงแม้ว่าจะมีอุปสรรคอยู่บ้างเพราะการเล่นเกมไม่ใช่เรื่องถนัดของเขา
และจอยสติกของที่นี่ก็มีปุ่มอะไรต่อมิอะไรมากเหลือเกิน
‘ซวยล่ะ แล้วปุ่มนี้มันใช้ทำอะไรล่ะเนี่ย ว๊ากกก ไปข้างหน้าสิ ข้างหน้าน่ะ ทำไมมันถอยหลังล่ะ โอ๊ะ รถเหาะได้ด้วย O_o’
ขณะที่ฮันคยองตั้งอกตั้งใจกับการพารถของเขาไปให้ถึงจุดหมาย เด็กหนุ่มข้างๆกลับตั้งอกตั้งใจกับการขับรถชนสิ่งกีดขวางทุกชนิดในเกมมากกว่า
ในที่สุดฮันคยองก็พารถของตัวเองเข้าเส้นชัยได้อย่างทุลักทุเล
ใครจะเชื่อ...ตอนนี้ฮันคยองกลายเป็นผู้ชนะไปแล้ว ถึงแม้ว่าเวลาจะเป็นรองสถิติที่ร่างสูงทำไว้ก่อนหน้านี้ชนิดไม่ติดฝุ่นก็ตาม
‘ก็คุณชายเขาเล่นขับชนนู่นชนนี่อยู่นั่นแหละครับ เป็นแบบนี้ต่อให้คู่แข่งเล่นเกมห่วยแค่ไหนก็ต้องชนะ’
“เฮ้อ~ ทำแบบนั้นแล้วมันทำให้นายรู้สึกดีขึ้นรึไง?” ร่างบางถอนหายใจแล้วถามขึ้นด้วยน้ำเสียงกังวลเมื่อเห็นว่ามือเรียวของอีกฝ่ายกำจอยสติกแน่นเสียจนปลายนิ้วเป็นสีขาวแล้ว
“......” ร่างสูงไม่ตอบอะไรเพียงแต่วางจอยสติกในมือลงช้าๆก่อนที่จะกดรีโมทปิดทั้งทีวีและเครื่องเล่นแผ่นเกม
ทั้งคู่เงียบกันไปสักพักจนในที่สุดเสียงของฮันคยองก็เอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ
“นายชื่อคยูฮยอนใช่มั้ย?” ร่างบางเริ่มต้นทำความรู้จักอีกฝ่ายด้วยคำถามทั่วๆไป
“อืม”
“เรียนมหา’ลัยแล้วใช่มั้ย? อยู่ปีอะไร?”
“ปีหนึ่ง”
“คณะอะไรเหรอ?”
“บริหารธุรกิจ”
ฮันคยองไม่ได้รู้สึกหงุดหงิดกับท่าทางกวนประสาท ถามคำตอบคำของเด็กหนุ่มเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้าม เขากลับรู้สึกเอ็นดูเสียด้วยซ้ำ อาจจะเป็นเพราะว่าเด็กหนุ่มคนนี้เหมือนกับใครอีกคนที่เขามีความรู้สึกดีๆให้ล่ะมั้ง
‘ตอนที่ผมรู้จักซีวอนครั้งแรก เขาก็เป็นแบบนี้แหละครับ...พูดจาขวานผ่าซาก กวนประสาท ขวางโลก แต่ผมไม่ถือหรอกนะ ก็เขายังเป็นเด็กอยู่นี่’
“คยูฮยอน...เพิ่งอกหักมาเหรอ?” ร่างบางถามขึ้นหลังจากที่คุยกันไปได้สักพัก
“อืม” ร่างสูงยังคงตอบอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงห้วนๆเช่นเคย
“ฉันก็เหมือนกัน”
สิ่งที่ฮันคยองพูดออกมาทำให้อีกฝ่ายที่ทำหน้าเบื่อโลกอยู่นานอดไม่ได้ที่จะหันมามองอย่างอึ้งๆ
‘อะไรกันเนี่ยคนคนนี้? จู่ๆมาบอกเรื่องส่วนตัวแบบนี้ให้ผมรู้ทำไม?’
“เหรอ? กับคนที่ชื่อซีวอนอะไรนั่นอ่ะนะ?” คยูฮยอนเอ่ยถามอีกฝ่ายเป็นครั้งแรกตั้งแต่เริ่มการสนทนา
ฮันคยองยิ้มน้อยๆเมื่อเห็นว่าเจ้าชายน้ำแข็งเริ่มเปิดรับเขามากขึ้นแล้ว
“อืม” คราวนี้เป็นฝ่ายร่างบางบ้างที่ตอบเพียงสั้นๆ
“ทะเลาะกันเหรอ?” เด็กหนุ่มถามต่อโดยที่ไม่มองหน้าคู่สนทนา
“เปล่าหรอก แต่เราเลิกกันแล้ว” ฮันคยองตอบเรียบๆ เขาแปลกใจตัวเองไม่น้อยเหมือนกันที่ยอมเปิดเผยเรื่องส่วนตัวให้คนที่ไม่คุ้นเคยได้รู้แบบนี้
“เหตุผลล่ะ?” ร่างสูงยังคงซักต่อไป แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกอึดอัดหรือลำบากใจเลยแม้แต่น้อย
“ไม่รู้เหมือนกัน ฉันไม่ได้ถาม” ร่างบางตอบตรงๆด้วยท่าทางที่เหมือนกับไม่ใส่ใจนัก แต่อีกฝ่ายถึงกับถลึงตามองเขาด้วยความประหลาดใจ
“นายปล่อยให้เขาทิ้งนายไปโดยที่ไม่ถามเหตุผลอะไรเลยเนี่ยนะ? บ้ารึเปล่า?”
“ฉันไม่ได้บ้านะ!” ฮันคยองรีบแก้ตัวก่อนที่จะพูดต่อ
“แต่นายคิดดูสิ ถ้าฉันถามไปแล้วมันจะได้อะไรขึ้นมา? มันจะทำให้อะไรๆดีขึ้นอย่างงั้นเหรอ? มันจะทำให้เขาเปลี่ยนใจไม่ทิ้งฉันอย่างงั้นเหรอ?”
“......”
“แล้วถ้าเหตุผลของเขามันเป็นเรื่องที่ฉันรับไม่ได้ขึ้นมา ฉันไม่ยิ่งรู้สึกแย่กว่าเดิมเหรอ?”
“ก็จริง” เหตุผลที่อีกฝ่ายพูดมาทำให้คนหัวแข็งอย่างคยูฮยอนยอมจำนนในที่สุด
“ใช่มั้ยล่ะ? แทนที่จะคาดคั้นเอาเหตุผลจากเขา สู้ปล่อยให้เขาไปแบบนี้ แล้วเก็บความทรงจำดีๆระหว่างเราเอาไว้มันน่าจะดีกว่า” ฮันคยองพยายามยิ้มให้กว้างที่สุด พยายามทำให้ตัวเองดูเข้มแข็ง แต่ร่างสูงก็ยังรู้สึกได้ถึงความขมขื่นในรอยยิ้มนั้นอยู่ดี
“เสียใจมากสินะ?”
คำถามของเด็กหนุ่มทำให้รอยยิ้มของร่างบางจางไปนิดหน่อยแต่ก็ไม่ถึงกับเลือนหาย
ฮันคยองพยักหน้ารับเบาๆ
“อืม......คิดว่าจะได้อยู่ด้วยกันตลอดไปซะอีก”
ท่าทางและคำพูดที่เหมือนกับเด็กๆนั่นทำให้คยูฮยอนรู้สึกสงสารร่างบางขึ้นมาจับใจ
‘ถึงจะพยายามทำตัวเข้มแข็ง ถึงจะพยายามทำตัวให้ดูร่าเริง แต่ลึกๆแล้วนายเจ็บปวดมากเลยสินะ?’
“เฮ้อ~ เทียบกับนายแล้วเนี่ย ความเจ็บปวดของฉันมันคงถือเป็นเรื่องเล็กน้อยไปเลยสินะ?” ร่างสูงเอ่ยขึ้นลอยๆ
“ทำไมถึงคิดอย่างงั้นล่ะ?” ฮันคยองขมวดคิ้ว
“ก็นายกับเขาคบกันมาตั้งนานไม่ใช่เหรอ? แถมยังอยู่ด้วยกันตลอดเวลาอีก ความรู้สึกของนายมันก็ต้องลึกซึ้งกว่าของฉันอยู่แล้วล่ะ” เด็กหนุ่มตอบง่ายๆ
“อย่าดูถูกความรู้สึกของตัวเองแบบนั้นสิ ความรักน่ะ มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับเวลาหรืออายุหรอกนะ เด็กอย่างนายก็มีความรักที่ลึกซึ้งได้เหมือนกับผู้ใหญ่อย่างฉันนี่แหละ อาจจะลึกซึ้งกว่าก็ได้ใครจะไปรู้”
คยูฮยอนมองหน้าอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มบางๆเป็นครั้งแรก
‘ถึงแม้ว่าเขาจะพูดอย่างงั้น แต่ผมก็รู้ว่าความรู้สึกที่เขามีให้ซีวอนต้องลึกซึ้งกว่าความรู้สึกที่ผมมีให้พี่ซองมินแน่ๆ เพราะอะไรน่ะเหรอ? ผมเห็นได้จากดวงตาของเขาน่ะสิ ถึงแม้ว่าเขาจะยิ้ม แต่ดวงตาของเขากลับมีแต่ความเศร้าหมอง อาลัยอาวรณ์อยู่เต็มเปี่ยม ตรงข้ามกับผมที่เอาแต่แสดงออก
ว่าเจ็บปวด แต่จริงๆแล้วในใจผมกลับไม่ได้รู้สึกอะไรสักเท่าไหร่เลย’
“พูดแบบนี้ ต้องการให้ฉันรู้สึกดีขึ้นรึไง?” คยูฮยอนถามอีกฝ่าย
“เปล่านะ ก็แค่อยากบอกให้รู้เอาไว้ เพราะเด็กแบบนายชอบคิดอะไรตื้นๆอยู่เรื่อย” ร่างบางบ่นด้วยสีหน้าเซ็งๆ
‘ใช่ เด็กแบบเขาน่ะชอบคิดอะไรตื้นๆ ต้องการอะไรก็บอกโดยที่ไม่คิดเลยว่าจะเกิดอะไรตามมาบ้าง ถ้าวันนั้น ซีวอนคิดให้รอบคอบกว่านี้ คิดดูให้ดีว่าเรื่องของเรามันไม่มีทางเป็นไปได้ เขาก็คงจะไม่ขอคบกับผม แล้วผมก็คงไม่ต้องเจ็บปวดอย่างตอนนี้...ผมไม่ได้โทษเขานะครับ แค่ไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับใครอีกก็เท่านั้นเอง’
“หึ ผู้ใหญ่แบบนายก็ชอบคิดอะไรมากเกินไปเหมือนกันแหละ” ร่างสูงเถียงกลับบ้าง
‘ใช่ ผู้ใหญ่แบบเขาน่ะชอบคิดมาก ต้องการอะไรก็ไม่ยอมบอกทั้งๆที่ผมไม่เห็นว่ามันจะเสียหายตรงไหนที่จะทำให้ตัวเองมีความสุข ถ้าพี่ซองมินไม่คิดมากขนาดนี้ ถ้าพี่เขามองข้ามความแตกต่างของเราแล้วคิดแค่ว่าอยู่กับผมแล้วจะมีความสุข ป่านนี้เราสองคนคงจะได้คบกันไปแล้ว...ผมไม่ได้โทษเขานะ แค่ไม่อยากให้ใครคิดแบบนี้อีกก็เท่านั้นเอง’
“หนุ่มๆทำอะไรกันอยู่จ๊ะ? มาทานข้าวกันได้แล้ว คุณลุงกลับมาจากที่ทำงานพอดีเลยนะฮันคยอง ไปๆ ป้าจะพาไปแนะนำให้รู้จัก” แจวอนมาตามทั้งสองคนออกไปจากห้องนั่งเล่น
เมื่อทั้งสามคนเดินไปถึงโต๊ะอาหาร ชายร่างใหญ่ท่าทางใจดีก็นั่งรออยู่ก่อนแล้ว
“ฮันคยองจ๊ะ นี่คุณลุง เป็นพ่อของคยูฮยอนจ้ะ” แจวอนแนะนำร่างบางให้รู้จักกับสามีของตัวเอง
“สวัสดีครับ ผมฮันคยอง อยู่บ้านหลังข้างๆ ขอโทษที่มารบกวนนะครับ” ฮันคยองแนะนำตัวพร้อมกับโค้งให้อีกฝ่ายอย่างสุภาพ
โจ มุนอุนหรือคุณโจ พ่อของคยูฮยอนหัวเราะอย่างใจดี
“ฮะๆๆ อย่าทำตัวเหมือนคนอื่นคนไกลอย่างนั้นสิฮันคยอง เราเป็นเพื่อนบ้านกันแท้ๆ แล้วก็รบกงรบกวนอะไรกัน เธอมาที่นี่แล้วบ้านเราดูมีสีสันขึ้นเยอะเลย ฉันเองก็เห็นแต่หน้ากวนๆของเจ้าคยูมันทุกวัน เบื่อจะแย่อยู่แล้ว หน้าหวานๆของเธอน่ามองกว่าเป็นไหนๆ”
ชายร่างใหญ่พูดจบแล้วก็ระเบิดหัวเราะออกมาเมื่อเห็นว่าฮันคยองตกใจแค่ไหนเมื่อได้ยินคำพูดของเขา
“คุณคะ อย่าไปแกล้งฮันคยองเขาสิ ดูสิ หน้าซีดหมดแล้วเห็นมั้ย” แจวอนพูดปรามสามีพร้อมกับส่งสายตาดุๆไปให้
“ฮะๆๆ โทษทีๆ เห็นเด็กน่ารักแล้วมันอดแกล้งไม่ได้น่ะ ฮะๆๆ ไม่ต้องกลัวนะฮันคยอง ลุงล้อเล่น”
ฮันคยองยิ้มรับด้วยความโล่งใจที่รู้ว่าสิ่งที่ชายร่างใหญ่พูดเป็นเพียงการล้อเล่น
บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเป็นไปอย่างสนุกสนานและเรียบง่าย เต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ
ตอนแรกฮันคยองเองก็เกร็งกับการวางตัวบนโต๊ะอาหารไม่น้อย ช้อนส้อมมากมายที่ถูกวางไว้ข้างจานทำให้ฮันคยองสับสนว่าควรจะใช้อันไหนก่อน แต่คำพูดของมุนอุนก็ทำให้เขารู้สึกดีขึ้นมาก
“ไม่ต้องกังวลหรอกฮันคยอง ถนัดอันไหนก็ใช้ไปเถอะ วันไหนที่อาหารเป็นขนมปัง คยูฮยอนมันใช้มือหยิบกินเลยด้วยซ้ำ”
อาหารและบรรยากาศที่หรูหราไม่ได้ส่งผลอะไรกับท่าทางสบายๆของสมาชิกตระกูลโจทั้งสามคนเลยแม้แต่น้อย
ฮันคยองเองก็เพิ่งจะได้รู้ว่าจริงๆแล้วคนที่เขาเคยคิดว่าเป็นชนชั้นสูง อยู่คนละระดับกับเขา แท้จริงแล้วก็เป็นเพียงสามัญชนธรรมดาๆนี่เอง
ร่างบางรู้สึกแปลกใจอยู่ไม่น้อยที่เขารู้สึกคุ้นเคยกับบรรยากาศใหม่ๆได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้ อาจเป็นเพราะความอบอุ่นและจริงใจจากคนทั้งสามคนที่ทำให้เขารู้สึกดีเสียจนแทบจะลืมเรื่องทุกข์ใจไปได้ล่ะมั้ง
อีกเรื่องที่เขาแปลกใจไม่แพ้กันก็คือเพื่อนบ้านทั้งสามคนให้การต้อนรับเขาอย่างดี ถึงแม้ว่าในรายของคยูฮยอนจะกวนประสาทไปบ้าง แต่นั่นก็เพราะเขายังเป็นแค่เด็กผู้ชายคนหนึ่งเท่านั้น
ทุกคนในตะกูลโจดูจะไว้ใจเขามากทั้งๆที่เขาแทบจะเป็นคนแปลกหน้าสำหรับพวกเขาเลยก็ว่าได้
‘หน้าตาของผมมันเหมือนคนไม่มีพิษสงขนาดนั้นเลยเหรอครับ? ถ้าผมเกิดคิดไม่ซื่อแล้วยกเค้าบ้านพวกเขาขึ้นมาจะว่ายังไงเนี่ย? อย่ามองหน้าผมแบบนั้นสิครับ ผมไม่คิดจะทำหรอก ผมแค่สงสัยว่าทำไมพวกเขาถึงได้ไว้ใจผมง่ายเหลือเกินเท่านั้นแหละ แต่ก็ดีแล้วล่ะครับ เพราะความรู้สึกดีๆที่พวกเขามีให้ผมทำให้ผมรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยมาก น่าเสียดายจัง อีกไม่นานผมก็ต้องกลับไปพบกับบรรยากาศเดิมๆที่บ้านของผมอีกแล้วล่ะ’
“ขอบคุณมากเลยนะครับสำหรับอาหาร ผมรบกวนคุณลุงกับคุณป้ามากจริงๆ” ฮันคยองโค้งให้มุนอุนกับแจวอนอย่างสุภาพด้วยความรู้สึกขอบคุณจากใจจริง
“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ ฮันคยองก็ต้องมาหาพวกเราบ่อยๆนะ พวกเรายินดีต้อนรับเสมอ” แจวอนยิ้มให้ร่างบางอย่างใจดี
ร่างบางพยักหน้ารับพร้อมรอยยิ้มเช่นกัน
“งั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับ ราตรีสวัสดิ์ครับคุณลุงคุณป้า กู๊ดไนท์นะคยูฮยอน” ฮันคยองกล่าวลาทุกคนพร้อมรอยยิ้มก่อนที่จะหันหลังเตรียมตัวเดินกลับบ้าน
“คยู แกเดินไปส่งพี่เขาสิ” มุนอุนพูดกับลูกชาย
“อะไรอ่ะพ่อ? ทำไมผมถึงต้องไปส่งเขาด้วยล่ะ? บ้านก็อยู่แค่นี้เอง” ร่างสูงบ่นอุบอิบ
“นั่นสิครับ บ้านผมอยู่แค่นี้เอง ผมกลับคนเดียวได้ครับ ไม่เป็นไรหรอก” ร่างบางช่วยพูดอีกแรงหนึ่ง เขาไม่อยากรบกวนไปมากกว่านี้แล้ว
“ให้คยูฮยอนไปส่งน่ะดีแล้วแหละจ้ะฮันคยอง ให้น้องหัดดูแลคนอื่นบ้าง จะได้โตเป็นผู้ใหญ่สักที” แจวอนยิ้มพร้อมกับดันหลังลูกชายให้ไปยืนข้างๆร่างบาง
ฮันคยองไม่พูดอะไรเพียงแต่หันไปมองหน้าของร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างๆ...ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเจ้าตัวไม่สบอารมณ์ขนาดไหน
“ครับๆ ไปส่งก็ไปส่ง” คยูฮยอนตอบตกลงอย่างจำใจเพราะรู้ดีว่าถึงยังไงก็ไม่สามารถขัดคำสั่งของพ่อกับแม่ได้อยู่แล้ว
“......”
“จะยืนอยู่ตรงนั้นจนถึงเช้าเลยมั้ย? รีบๆเดินตามมาซะทีสิ” ร่างสูงหันมาดุเมื่ออีกฝ่ายเอาแต่ยืนนิ่ง
“อ่ะ อืม”
ฮันคยองรีบเดินให้ทันอีกฝ่ายก่อนที่ทั้งคู่จะเดินออกจากรั้วบ้านหลังใหญ่ไปด้วยกัน
To be continued
-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-
Talk : จบไปอีกหนึ่งตอนแล้วค่ะ แล้วก็แต่งสดลงสดอีกแล้ว ฟิคเรื่องนี้เป็นฟิคตำข้าวสารกรอกหม้อจริงๆเลย =_=”
ตอนหน้าไม่รู้เหมือนกันว่าจะได้มาต่อเมื่อไหร่ แต่ถ้าคิดออกจะพยายามมาต่อทุกอาทิตย์นะคะ ^^
ขอบคุณสำหรับทุกๆคอมเม้นท์และทุกคนที่คลิกเข้ามาอ่านค่ะ ปลื้มใจจริงๆที่มีคนอ่าน >o<
Ps. น้องเฟียตจ๋า สนใจช่วยพี่แต่งมั้ย วิ้งๆ *v*
ความคิดเห็น