ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Part 1
Part 1
“วันเสาร์นี้พี่ว่างมั้ยครับ? ผมจะชวนพี่ไปดูหนังด้วยกันน่ะ” ร่างหนาเอ่ยปากชวนรุ่นพี่หน้าสวยพร้อมกับยิ้มจนตาหยี
ฮันคยองพยายามตั้งสมาธิกับหนังสือเศรษฐศาสตร์พื้นฐานตรงหน้า แต่ก็ไม่เป็นผล เพราะถึงแม้ว่าจะมองไม่เห็น เสียงหัวเราะของคนทั้งคู่
ก็ยังลอยตามสายลมมากระทบกับโสตประสาทของเขาอยู่ดี
ก็ยังลอยตามสายลมมากระทบกับโสตประสาทของเขาอยู่ดี
‘ไปจีบกันไกลๆไม่ได้หรือไง? ฉันอ่านหนังสือไม่รู้เรื่องนะ’ ทันใดนั้น ความคิดของร่างบางก็ต้องหยุดลงเมื่อเขารู้สึกถึงน้ำหนักที่วางลงบนไหล่
“คิดอะไรอยู่ครับ พี่ฮันเกิง?” น้ำเสียงทุ้มต่ำเอ่ยถามเขาเป็นภาษาจีนอย่างคล่องแคล่ว
“ซีวอน...พี่อ่านหนังสืออยู่น่ะ มันน่าเบื่อพี่ก็เลยเหวอๆไปหน่อย” ฮันคยองตอบเป็นภาษาเกาหลีกลับไปบ้าง
“เหม่อครับพี่ ไม่ใช่เหวอ” ร่างสูงแก้ให้พร้อมกับมอบรอยยิ้มอ่อนโยนที่ทำให้เห็นลักยิ้มเด่นชัดซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของเจ้าตัวให้ร่างบาง
“แหะๆ พี่นี่มันแย่จังเลยนะ อยู่เกาหลีมาตั้งหกปีแล้ว ยังพูดภาษาเกาหลีไม่คล่องเลย นายเรียนภาษาจีนแค่สามปี ยังพูดเก่งอย่างกับเป็นภาษาของ
ตัวเองเลย” ร่างบางยิ้มอายๆ
ตัวเองเลย” ร่างบางยิ้มอายๆ
“เพราะผมได้ครูดีน่ะสิครับ” ซีวอนส่งยิ้มทะเล้นไปให้ฮันคยองซึ่งตอนนี้หน้าแดงไปเรียบร้อยแล้ว
“เฮ้อ~ ยากชะมัดเลย เลิกอ่านดีกว่า” มือบางทำท่าจะปิดหนังสือแต่ร่างสูงก็รีบห้ามเอาไว้ก่อน
“เดี๋ยวสิครับพี่ อย่าเพิ่งยอมแพ้สิ! มา เดี๋ยวผมช่วยเองครับ พี่ไม่เข้าใจตรงไหน?” รุ่นน้องผู้แสนดีและชาญฉลาดเอ่ยถามพร้อมกับนั่งลงข้างๆร่างบาง
“เอ่อ...อืม...พี่ไม่เข้าใจตรงนี้น่ะ” นิ้วเรียวจิ้มไปที่หน้ากระดาษ
“หืม? เงินเฟ้อ? ทำไมเหรอครับ?” ร่างสูงเลิกคิ้ว
“ก็เงินเฟ้อมันหมายถึงการที่มีเงินในระบบเศรษฐกิจมากเกินไปใช่มั้ยล่ะ? มีเงินเยอะๆแล้วมันไม่ดีตรงไหน? ทำไมต้องมีมาตรการแก้ไข
กันด้วย? เงินเยอะก็บ่น เงินน้อยก็บ่น คนเรานี่มันเอาแน่เอานอนไม่ได้เลยเนาะ” สิ่งที่รุ่นพี่ร่างบางพูดออกมานั้นทำให้ซีวอนกลั้นหัวเราะ
เอาไว้ไม่อยู่ แต่แล้วก็ต้องรีบหยุดเพราะอีกฝ่ายส่งสายตาเคืองๆมาให้
กันด้วย? เงินเยอะก็บ่น เงินน้อยก็บ่น คนเรานี่มันเอาแน่เอานอนไม่ได้เลยเนาะ” สิ่งที่รุ่นพี่ร่างบางพูดออกมานั้นทำให้ซีวอนกลั้นหัวเราะ
เอาไว้ไม่อยู่ แต่แล้วก็ต้องรีบหยุดเพราะอีกฝ่ายส่งสายตาเคืองๆมาให้
“ฮะๆ ผมขอโทษครับพี่ ที่พี่พูดเมื่อกี๊มันน่ารักมากจนผมอดเอ็นดูไม่ได้น่ะครับ” พูดพลางเช็ดน้ำตาจากการหัวเราะอย่างหนักเมื่อสักครู่นี้
“อะ...อะไรกันเล่า! นายเป็นรุ่นน้องนะ มาใช้คำว่า ‘เอ็นดู’ กับรุ่นพี่ได้ยังไงกัน? ถึงพี่จะไม่เก่งภาษาเกาหลีแต่เรื่องนี้พี่ก็พอรู้นะ” ร่างบางโวยวาย
หวังจะให้ร่างสูงเปลี่ยนเรื่อง แต่ผลที่ได้กลับตรงกันข้าม
หวังจะให้ร่างสูงเปลี่ยนเรื่อง แต่ผลที่ได้กลับตรงกันข้าม
“ก็พี่ฮันเกิงน่าเอ็นดูจริงๆนี่ครับ” ซีวอนยิ้มให้ฮันคยองอย่างอ่อนโยน ก่อนที่จะยื่นหน้าเข้าไปใกล้จนสามารถรู้สึกได้ถึงลมหายใจของกันและกัน
ดวงตาคมสีดำสนิทจ้องลึกเข้าไปในดวงตาใสซื่อของอีกฝ่ายราวกับจะค้นหาอะไรบางอย่าง แต่แล้วร่างบางก็รีบหลบสายตาและยืนขึ้นเสียก่อน
ดวงตาคมสีดำสนิทจ้องลึกเข้าไปในดวงตาใสซื่อของอีกฝ่ายราวกับจะค้นหาอะไรบางอย่าง แต่แล้วร่างบางก็รีบหลบสายตาและยืนขึ้นเสียก่อน
“พี่...พี่ต้องไปเข้าเรียนแล้วล่ะซีวอน” ฮันคยองหน้าแดง
“ครับ...เมื่อกี๊ผมขอโทษนะครับพี่...ผมทำให้พี่กลัวหรือเปล่า?” ซีวอนเอ่ยถามด้วยความกังวลจนฮันคยองอดไม่ได้ที่จะก้มลงไปกอดเขาเบาๆ
ก่อนที่จะยืนขึ้นอีกครั้ง
ก่อนที่จะยืนขึ้นอีกครั้ง
“ไม่เป็นไรน่าซีวอน อย่าคิดมากสิ พี่แค่ตกใจน่ะ ไม่เอาน่าอย่าทำหน้าเศร้าแบบนั้นสิ ยิ้มออกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ ยิ้มสิ” ร่างบางไม่พูดเปล่า มือเรียว
ยังดึงริมฝีปากเรียวของร่างสูงให้ฉีกยิ้มตามที่เขาต้องการอีกด้วย จนในที่สุดร่างสูงก็ต้องยอมแพ้และเผยรอยยิ้มอ่อนโยนอย่างเคยออกมา
ยังดึงริมฝีปากเรียวของร่างสูงให้ฉีกยิ้มตามที่เขาต้องการอีกด้วย จนในที่สุดร่างสูงก็ต้องยอมแพ้และเผยรอยยิ้มอ่อนโยนอย่างเคยออกมา
“ดีมาก อย่างงี้สิถึงจะสมกับเป็นนาย...งั้น...พี่ไปก่อนนะ ป่านนี้คังอินคงรอพี่แล้วล่ะ” ฮันคยองพูดพร้อมรอยยิ้ม ก่อนที่จะหันไปมองยังที่ๆเพื่อน
ของเขานั่งอยู่ แล้วก็ต้องหุบยิ้มเมื่อพบว่าคนสองคนที่นั่งอยู่ด้วยกันเมื่อสักครู่นี้หายไปแล้ว ความรู้สึกเจ็บแปลบแล่นขึ้นมาในหัวใจของขาทันที
ของเขานั่งอยู่ แล้วก็ต้องหุบยิ้มเมื่อพบว่าคนสองคนที่นั่งอยู่ด้วยกันเมื่อสักครู่นี้หายไปแล้ว ความรู้สึกเจ็บแปลบแล่นขึ้นมาในหัวใจของขาทันที
ไม่ได้ว่าอะไรหรอกนะ ถ้านายจะไปไหนต่อไหนกับเขาสองคน เพราะฉันก็เคยเจอแบบนี้มาแล้วตอนที่นายไปจีบ ดงแฮ กับ ซองมิน
แต่ช่วยบอกฉันสักนิดไม่ได้เหรอ? นายรีบมากหรือว่านายลืมฉันไปแล้วกันแน่?
แต่ช่วยบอกฉันสักนิดไม่ได้เหรอ? นายรีบมากหรือว่านายลืมฉันไปแล้วกันแน่?
ซีวอนเห็นว่าร่างบางท่าทางไม่คอยดีจึงเอื้อมมือไปคว้ามือบางมาจับเอาไว้พร้อมกับบีบแน่นๆ ราวกับจะย้ำถึงการมีตัวตนของตัวเอง อยากให้ร่างบาง
รู้ว่ายังมีเขาอยู่ตรงนี้ ยังมีเขาที่ห่วงใยและรักร่างบางด้วยความจริงใจอยู่ตรงนี้เสมอ
รู้ว่ายังมีเขาอยู่ตรงนี้ ยังมีเขาที่ห่วงใยและรักร่างบางด้วยความจริงใจอยู่ตรงนี้เสมอ
“วันนี้ให้ผมขึ้นไปส่งนะครับพี่ฮันเกิง” ร่างสูงพูด มืออีกข้างที่ยังว่างอยู่ดึงหนังสือและกระเป๋าจากมือของอีกฝ่ายมาถือเอาไว้เอง
“เอาสิ ขอบคุณมากนะ ซีวอน” ฮันคยองยิ้ม แต่มันช่างเป็นรอยยิ้มที่ดูเศร้าสร้อยเหลือเกินในสายตาของอีกฝ่าย
“ช่วงนี้ดงแฮเป็นยังไงบ้างล่ะ? ไม่ได้เจอกันตั้งนานแล้ว” ร่างบางเอ่ยถามขึ้นระหว่างเดินไปยังห้องเรียน
“ฮะๆๆ หมอนั่นเหรอครับ ตั้งแต่ที่ถูกพี่คังอินตามจีบ มันก็ดูจะขาดความมั่นใจเรื่องความแมนของมันไปมาก ตอนนี้เลยตั้งหน้าตั้งตาจีบเจ้ากระต่าย
ซองมินเพื่อกู้ศักดิ์ศรีลูกผู้ชายอยู่น่ะครับ” ซีวอนหัวเราะอย่างอารมณ์ดีเมื่อถูกถามถึงเพื่อนสนิท
ซองมินเพื่อกู้ศักดิ์ศรีลูกผู้ชายอยู่น่ะครับ” ซีวอนหัวเราะอย่างอารมณ์ดีเมื่อถูกถามถึงเพื่อนสนิท
“ฝากขอโทษดงแฮด้วยแล้วกันนะซีวอน เพื่อนพี่มันก็จีบใครไปทั่ว ไม่ดูตาม้าตาเรือแบบนี้แหละ ไม่เห็นเคยจริงจังกับใครสักคน......
ยกเว้นพี่ลีทึก” ประโยคสุดท้ายฮันคยองเอ่ยเบาๆให้ตัวเองได้ยินเท่านั้น ยังไม่ทันจะได้คิดอะไรต่อ พวกเขาก็เดินมาถึงห้องเรียนแล้ว
ยกเว้นพี่ลีทึก” ประโยคสุดท้ายฮันคยองเอ่ยเบาๆให้ตัวเองได้ยินเท่านั้น ยังไม่ทันจะได้คิดอะไรต่อ พวกเขาก็เดินมาถึงห้องเรียนแล้ว
ฮันคยองเอื้อมมือไปรับกระเป๋าของตัวเองจากร่างสูงพร้อมกับยิ้มให้เป็นการขอบคุณ
“ตั้งใจเรียนนะซีวอน แล้วเจอกัน”
“ครับ เย็นนี้ผมจะแวะไปทานไอศกรีมที่ร้านนะครับ” รุ่นน้องหน้าหล่อยิ้มกว้างจนเห็นลักยิ้มโดดเด่น
“วันนี้พี่ทำงานถึงหกโมงเย็น ถ้าไปช้าก็ช่วยไม่ได้นะ” ร่างบางยิ้มทะเล้นก่อนที่จะหายเข้าห้องเรียนไป ทิ้งให้ร่างสูงยืนอึ้งอยู่ตรงนั้น
...ก็แหม พี่ฮันเกิงโหมดทะเล้นๆแบบนี้น่ะ ไม่ได้มีให้เห็นทุกวันนะครับ...
คุณเคยได้ยินไหมครับ? ที่เขาว่ากันว่าหากคุณรักใครสักคน คุณจะต้องสามารถจดจำใบหน้าของเขาได้อย่างน้อยหนึ่งพันรูปแบบ ใบหน้าของเขา
เวลามีความสุข เวลาโกรธ เวลาเศร้า วันนี้ผมได้รู้จักใบหน้าของพี่ฮันเกิงเพิ่มขึ้นอีกแบบหนึ่งแล้ว ไม่รู้เหมือนกันว่าอีกนานไหมกว่าที่ผมจะจดจำ
ใบหน้าของพี่เขาได้ครบทุกรูปแบบ แต่ถึงแม้ว่ามันจะต้องใช้เวลาทั้งชีวิต ผมก็ยินดี...ก็มันป็นสิ่งที่ทำให้ทุกๆวันของผมมีความหมายนี่ครับ...
เวลามีความสุข เวลาโกรธ เวลาเศร้า วันนี้ผมได้รู้จักใบหน้าของพี่ฮันเกิงเพิ่มขึ้นอีกแบบหนึ่งแล้ว ไม่รู้เหมือนกันว่าอีกนานไหมกว่าที่ผมจะจดจำ
ใบหน้าของพี่เขาได้ครบทุกรูปแบบ แต่ถึงแม้ว่ามันจะต้องใช้เวลาทั้งชีวิต ผมก็ยินดี...ก็มันป็นสิ่งที่ทำให้ทุกๆวันของผมมีความหมายนี่ครับ...
ร่างบางเดินเข้าห้องเรียนพร้อมกับรอยยิ้มเล็กๆบนใบหน้า ตั้งแต่ที่รู้จักกับรุ่นน้องหน้าหล่อนั่น ชีวิตของเขาก็ดูจะมีสีสันขึ้นมาก
นอกจากซีวอนจะเป็นคนร่าเริงและเป็นสุภาพบุรุษแล้ว การที่เขาสามารถสื่อสารเป็นภาษาจีนได้อย่างคล่องแคล่วก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้
ฮันคยองรู้สึกดีกับรุ่นน้องคนนี้
นอกจากซีวอนจะเป็นคนร่าเริงและเป็นสุภาพบุรุษแล้ว การที่เขาสามารถสื่อสารเป็นภาษาจีนได้อย่างคล่องแคล่วก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้
ฮันคยองรู้สึกดีกับรุ่นน้องคนนี้
บางครั้ง การที่มีคนคอยดูแล เอาใจใส่และเข้าใจกัน มันก็ทำให้เขามีความสุขจนลืมคิดถึงเรื่องของคนอีกคนไปได้บ้าง ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงแค่ชั่วอึดใจ
ก็ตาม และตอนนี้ช่วงเวลานั้นก็ได้สิ้นสุดลงแล้ว เขากำลังจะต้องเผชิญหน้ากับคนที่ได้ชื่อว่าเป็นเพื่อนสนิท คนๆเดียวที่อยู่ในห้วงคำนึงของเขา
มาตลอดหกปี คนที่ถึงแม้ว่าจะทำร้ายจิตใจของเขาครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เขาก็ไม่เคยโกรธได้นานสักที ครั้งนี้ก็เช่นกัน เขากำลังพยายามปรับสีหน้า
และควบคุมจิตใจของตัวเองเพื่อไม่ได้แสดงอาการโกรธหรือน้อยใจออกไป
ก็ตาม และตอนนี้ช่วงเวลานั้นก็ได้สิ้นสุดลงแล้ว เขากำลังจะต้องเผชิญหน้ากับคนที่ได้ชื่อว่าเป็นเพื่อนสนิท คนๆเดียวที่อยู่ในห้วงคำนึงของเขา
มาตลอดหกปี คนที่ถึงแม้ว่าจะทำร้ายจิตใจของเขาครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เขาก็ไม่เคยโกรธได้นานสักที ครั้งนี้ก็เช่นกัน เขากำลังพยายามปรับสีหน้า
และควบคุมจิตใจของตัวเองเพื่อไม่ได้แสดงอาการโกรธหรือน้อยใจออกไป
ทั้งๆที่เขาเองก็รู้ว่าเขามีสิทธิ์ที่จะโกรธเพื่อนรัก แต่ทุกครั้งที่เพื่อนคนนี้ทำเสียงอ่อยๆพร้อมกับตีหน้าเศร้าแล้วถามเขาว่า ‘โกรธฉันเหรอ?’
กลับกลายเป็นว่าเป็นตัวเขาเองที่รู้สึกผิด รู้สึกแย่ที่ทำให้รอยยิ้มของอีกฝ่ายต้องหม่นหมอง
กลับกลายเป็นว่าเป็นตัวเขาเองที่รู้สึกผิด รู้สึกแย่ที่ทำให้รอยยิ้มของอีกฝ่ายต้องหม่นหมอง
...คงเป็นเพราะผมรักเขามากเกินไปล่ะมั้งครับ เขาแค่รู้สึกผิดทั้งๆที่สิ่งที่เขาทำ ถ้อยคำที่เขาพูด แทบจะทำให้หัวใจของผมแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
ส่วนผมแค่เห็นเขารู้สึกผิด เห็นรอยยิ้มทะเล้นต้องจางหายไปจากใบหน้าของเขา มันก็ทำให้ผมปวดใจจนแทบบ้า เขารู้สึกผิดที่ทำร้ายผม
แต่ผมเสียใจมากที่ทำให้เขารู้สึกผิด ผมมันบ้าดีใช่มั้ยล่ะครับ?...
ส่วนผมแค่เห็นเขารู้สึกผิด เห็นรอยยิ้มทะเล้นต้องจางหายไปจากใบหน้าของเขา มันก็ทำให้ผมปวดใจจนแทบบ้า เขารู้สึกผิดที่ทำร้ายผม
แต่ผมเสียใจมากที่ทำให้เขารู้สึกผิด ผมมันบ้าดีใช่มั้ยล่ะครับ?...
ฮันคยองกวาดสายตามองไปทั่วห้องเพื่อหาร่างของเพื่อนสนิท แล้วก็พบว่าเพื่อนร่างหนานั้นกำลังชะเง้อมองหาเขาอยู่เช่นกัน
“ฮันคยอง~ อยู่นี่ๆ” คังอินโบกมือให้ ฮันคยองเพียงแค่พยักหน้ารับแล้วเดินไปนั่งข้างร่างหนาเงียบๆ
“............”
“ฮัน...โกรธฉันเหรอ?” อา~ เอาอีกแล้ว น้ำเสียงแบบนี้ สีหน้าแบบนี้ ผมทำให้เขารู้สึกแย่อีกแล้วเหรอเนี่ย?
“ฉันขอโทษนะที่ออกไปทั้งๆที่ยังไม่ได้บอกนาย ฉันคุยกับพี่ลึทึกจนลืมเวลา ก้มดูนาฬิกาอีกทีก็ได้เวลาเรียนของพี่เขาแล้ว ฉันเลยต้องรีบไปส่งน่ะ”
แววตาที่เปี่ยมไปด้วยความรู้สึกผิดคู่นั้นทำให้ร่างบางใจหายอีกครั้ง
แววตาที่เปี่ยมไปด้วยความรู้สึกผิดคู่นั้นทำให้ร่างบางใจหายอีกครั้ง
“ไม่เป็นไรน่าคังอิน อย่าคิดมากสิ นายไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอก ฉันไม่หลงทางในมหา’ลัยอยู่แล้ว”
“ฮัน...”
“แล้วอีกอย่าง ซีวอนก็อยู่กับฉันทั้งคน” ร่างบางพูดออกไปด้วยหวังว่าจะทำให้คังอินสบายใจ แต่อีกฝ่ายถึงกับอึ้งไปชั่วขณะ แต่ไม่นานก็
หัวเราะออกมาพร้อมกับเอ่ยแซวเพื่อน
หัวเราะออกมาพร้อมกับเอ่ยแซวเพื่อน
“เจ้าเด็กนั่นมันรักจริงหวังแต่งกับนายจริงๆนะเนี่ย ตื๊อนายมาเป็นปีแล้วนี่”
“เขาไม่ได้ตื๊บฉันนะ เราไม่เคยทะเลาะกันสักหน่อย แค่ตีฉันเบาๆเขายังไม่เคยทำเลย แล้วนายมาหาว่าเขาตื้บฉันได้ยังไงกัน?”
“............” ร่างหนาถึงกับพูดอะไรไม่ออกเมื่อได้ยินเพื่อนรักชาวต่างชาติพูดจบ
“............”
“อุ๊บ...ฮ่าๆๆๆๆ ฮันคยอง ภาษาเกาหลีของนายนี่มันแย่เข้าขั้นวิกฤตแล้วนะ ฉันพูดว่า ‘ตื๊อ’ หมายถึงอาการที่คอยตามรับตามส่ง ตามตอแยนาย
แบบนี้น่ะ ไม่ใช่ ‘ตื้บ’ ที่หมายถึงกระทืบหรืออะไรแบบนั้น” คังอินอธิบายขณะที่พยายามกลั้นหัวเราะไปด้วยหลังจากที่ถูกร่างบางทำตาขวางใส่
แบบนี้น่ะ ไม่ใช่ ‘ตื้บ’ ที่หมายถึงกระทืบหรืออะไรแบบนั้น” คังอินอธิบายขณะที่พยายามกลั้นหัวเราะไปด้วยหลังจากที่ถูกร่างบางทำตาขวางใส่
“ก็เสียงมันใกล้กันนี่ ฉันจะไปรู้ได้ยังไงเล่า? ฉันเป็นคนจีนนะ” ฮันคยองเถียงด้วยน้ำเสียงอ่อยๆ เพราะถึงแม้ว่าจะไม่อยากยอมรับเท่าไหร่
แต่เขาก็รู้ตัวดีว่ายังต้องปรับปรุงภาษาเกาหลีอีกมาก
แต่เขาก็รู้ตัวดีว่ายังต้องปรับปรุงภาษาเกาหลีอีกมาก
...เฮ้อ~ นี่เราเอ๋อขนาดนี้จริงๆเหรอเนี่ย? เช้านี้พูดผิด ฟังผิดมาตั้งสองครั้งแล้ว ขนาดสุภาพบุรุษอย่างซีวอนยังอดขำไม่ได้เลย
อ๊าก คนจีนเครียด! ทำยังไงเราถึงจะเก่งภาษาเกาหลีกับเขาบ้างนะ?...
อ๊าก คนจีนเครียด! ทำยังไงเราถึงจะเก่งภาษาเกาหลีกับเขาบ้างนะ?...
คังอินเหงื่อตกเมื่อเห็นเพื่อนรักทำหน้าเครียดแถมยังดูเพ้อๆอีกต่างหาก
...นี่คิดอะไรไปถึงไหนแล้วเนี่ย?...
มือใหญ่วางบนไหล่ของฮันคยองแล้วบีบเบาๆ
“ไม่ต้องเครียดขนาดนั้นหรอกน่า มันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรนักหรอก”
“แต่เช้านี้ฉันพูดผิดหนึ่งครั้ง ฟังผิดไปอีกหนึ่งครั้งแล้วนะ ถึงตอนเย็นฉันคงพูดผิดเป็นสิบๆครั้งแน่เลย”
‘นั่นมันก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่เหรอ?’ ร่างหนาคิดในใจ
“แต่นายก็ยังสื่อสารกับฉันรู้เรื่องนี่” คังอินปลอบ
“มันก็ใช่อยู่หรอก แต่นั่นมันก็เป็นเพราะนายพยายามที่จะเข้าใจฉันนี่ ฉันโตเป็นผู้ใหญ่แล้วนะคังอิน อีกสองปีก็เรียนจบแล้วก็ต้องทำงาน
ฉันคงจะต้องปรับปรุงตัวเองอย่างจริงจังซะแล้วล่ะมั้ง” ฮันคยองถอนหายใจยาว เขาเริ่มจะเครียดขึ้นมาจริงๆแล้วนะเนี่ย
ฉันคงจะต้องปรับปรุงตัวเองอย่างจริงจังซะแล้วล่ะมั้ง” ฮันคยองถอนหายใจยาว เขาเริ่มจะเครียดขึ้นมาจริงๆแล้วนะเนี่ย
“...งั้นฉันจะติวเข้มให้นายเอง!...” คังอินยืดอกพูดอย่างมั่นใจ แต่อีกฝ่ายกลับมองเขาแบบหวั่นๆ
“ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้นเลย ฉันรู้นะว่านายกำลังคิดอะไรอยู่ ถึงวิชาอื่นฉันจะไม่เอาไหน แต่ภาษาเกาหลีน่ะฉันพูดมาตั้งแต่เกิดนะ”
“............” ร่างบางทำท่าครุ่นคิด
“ว่าไงล่ะ? คิดนานชะมัด งั้นฉันเปลี่ยนใจไม่สอนแล้วนะ” ร่างหนาทำท่าจะก้มไปหยิบหนังสือแต่ร่างบางก็รีบห้ามไว้เสียก่อน
“ก็ได้ๆ...แล้วอย่ามัวแต่ไปตามจีบคนอื่นจนลืมสอนฉันล่ะ” ร่างบางปล่อยมือร่างหนาก่อนที่จะแสร้งทำเป็นสนใจหนังสือของตัวเองทั้งๆที่
ตอนนี้จิตใจของเขาไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลยสักนิดเดียว
ตอนนี้จิตใจของเขาไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลยสักนิดเดียว
แค่คิดว่าจะได้ใช้เวลาร่วมกับคังอิน ฮันคยองก็กลั้นยิ้มไม่ไหว แค่ได้อยู่ใกล้ๆ แค่อีกฝ่ายเห็นความสำคัญของเขาบ้าง เป็นห่วงเขาบ้าง
แค่นี้ก็ทำให้เขามีความสุขมากมายแล้ว
แค่นี้ก็ทำให้เขามีความสุขมากมายแล้ว
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น