ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic SJ Yaoi] AllHan, SiHan, Chulhan, KyuHan, MiHan, etc.

    ลำดับตอนที่ #13 : [Fic] [MiHan] รักนะ...คุณลูกค้าตัวยุ่ง Part 3

    • อัปเดตล่าสุด 25 มี.ค. 55


    Title: รักนะ...คุณลูกค้าตัวยุ่ง

    Author: imazawa

    Pairing: Zhoumi/Hangeng

    Rate: PG-13

     

    Part 3

     

    ภายในร้านอาหารฝรั่งเศสแห่งหนึ่งใจกลางย่านการค้าซึ่งมีผู้คนพลุกพล่าน ฮันเกิงกำลังขมวดคิ้วมองคนที่นั่งยิ้มแฉ่งอย่างไม่รู้สึกรู้สาอยู่ฝั่งตรงข้าม

     

    “นายพาฉันมากินอาหารในร้านหรูๆแบบนี้มันจะดีเหรอ? มีปัญญาจ่ายป่ะเนี่ย? หวังว่าคงไม่ชักดาบแล้วทิ้งให้ฉันล้างจานใช้หนี้
    หรอกนะ” ร่างบางถามด้วยท่าทางไม่ไว้ใจ

     

    อาชีพเจ้าของร้านกาแฟ ถึงจะขายดีแค่ไหนแต่มันก็ไม่น่ารวยถึงขั้นที่จะพาเขามาเลี้ยงอาหารในร้านระดับนี้ได้ อาหารที่นี่ราคาต่ำสุดก็สามร้อยหยวนเข้าไปแล้ว และร่างสูงก็น่าจะรู้ว่าคนอย่างเขาไม่มีทางสั่งอาหารที่ถูกที่สุดมากินแน่

     

    โจวมี่หัวเราะอย่างอารมณ์ดีก่อนที่จะตอบคำถามของอีกฝ่าย

     

    “ไม่ต้องกังวลหรอกครับ เห็นอย่างนี้แต่ผมก็มีเงินเก็บนะ เชิญคุณสั่งตามสบายเลย”

     

    “อวดดีนักนะ คอยดูเถอะ ถ้าไม่มีตังค์จ่ายขึ้นมาฉันไม่รับผิดชอบจริงๆด้วย” ฮันเกิงเชิดใส่อีกฝ่ายก่อนที่จะหันไปสั่งอาหารกับ
    บริกรหนุ่มที่ยืนรออยู่

     

    “เอาซุปกุ้งล็อปสเตอร์ ฟัวร์กราร์ ซี่โครงแกะย่าง เอสคาโก้อบเนยกระเทียม แล้วก็สปาเก็ตตี้ซอสหมึกดำ” รายการอาหารยาวเหยียด
    ดูปราดเดียวก็รู้ว่าร่างบางจงใจแกล้งเจ้ามืออย่างโจวมี่ให้ต้องตกที่นั่งลำบาก แต่แทนที่โจวมี่จะตกใจหรือแสดงอาการลำบากใจ
    ออกมาอย่างที่ฮันเกิงหวังไว้ ร่างสูงกลับยิ้มให้อีกฝ่ายด้วยความเอ็นดูเสียนี่

     

    “จะยิ้มปัญญาอ่อนแบบนั้นอีกนานมั้ย? รีบๆสั่งอาหารของนายเข้าสิ!” ร่างบางเริ่มเหวี่ยงเมื่อเห็นท่าทางไม่สะทกสะท้านของอีกฝ่าย มันทำให้เขารู้สึกเหมือนตกเป็นฝ่ายถูกแกล้งอย่างบอกไม่ถูก

     

    “ผมไม่สั่งอะไรเพิ่มแล้วครับ รอทานของที่คุณทานเหลือดีกว่า” โจวมี่พูดยิ้มๆ ส่วนฮันเกิงก็หัวเราะเยาะทันทีที่ได้ยินอย่างนั้น

     

    “ฮะๆๆ นายเป็นหมาหรือไงถึงต้องมาคอยกินของเหลือน่ะ? ไม่มีปัญญาจ่ายก็บอกมาเหอะ เดี๋ยวฉันเลี้ยงเองก็ได้”

     

    โจวมี่ส่ายหน้า รอยยิ้มใจดีไม่เคยเลือนหายไปจากใบหน้าของเขาถึงแม้ว่าจะโดนอีกฝ่ายพูดดูถูกครั้งแล้วครั้งเล่าก็ตาม

     

    “ไม่ใช่หรอกครับ แต่ผมมั่นใจว่ายังไงคุณก็ทานของพวกนี้คนเดียวไม่หมดแน่ ทานเหลือมันไม่ดีรู้มั้ย? มีคนตั้งมากมายที่ต้องอดอยากนะครับ”

     

    ฮันเกิงจ้องอีกฝ่ายตาเขียว รู้สึกไม่พอใจอย่างมากที่ร่างสูงทำเหมือนกับว่าเขาเป็นเด็กอยู่ตลอดเวลา

     

    “เป็นแค่เจ้าของร้านกาแฟกระจอกๆ อย่าบังอาจมาสั่งสอนฉัน!  อยากกินเศษอาหารของฉันก็ตามใจนาย ฉันไม่ยุ่งด้วยแล้ว!” พูดจบ
    ร่างบางก็สะบัดหน้าไปอีกด้านด้วยความหงุดหงิด

     

    โจวมี่หันไปพยักหน้าให้บริกรเป็นเชิงบอกว่าเขาไม่ขอสั่งอะไรเพิ่มอีกแล้ว บริกรหนุ่มโค้งให้ลูกค้าทั้งสองคนอย่างนอบน้อมก่อนที่จะเดินจากไป

     

    ขณะที่อารมณ์ของฮันเกิงยังคุกกรุ่นอยู่นั้น เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าถือราคาแพงลิบลิ่วของเขาก็ดังขึ้น

     

    ร่างบางหยิบเครื่องมือสื่อสารเครื่องเล็กออกมาจากกระเป๋าด้วยท่าทางกระฟัดกระเฟียดก่อนที่จะโยนมันกลับเข้าไปในกระเป๋าตามเดิมเมื่อเห็นชื่อของคนที่โทรเข้ามา

     

    โจวมี่ขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วเอ่ยถามอีกฝ่ายอย่างไม่แน่ใจนัก

     

    “ใช่พ่อของคุณหรือเปล่าครับ?”

     

    ฮันเกิงสะดุ้งซึ่งนั่นก็ทำให้โจวมี่มั่นใจว่าเขาเดาถูก

     

    “อย่ามายุ่งเรื่องส่วนตัวของฉัน! ร่างบางพูดห้วนๆ แต่เสียงโทรศัพท์ของเขาก็ยังดังอย่างต่อเนื่อง

     

    “ขอโทษที่เสียมารยาทนะครับ แต่ผมว่าคุณควรจะรับสาย ท่านต้องเป็นห่วงคุณมากแน่ๆ” ช่ายหนุ่มร่างสูงพูดด้วยน้ำเสียงขอร้อง

     

    “ป๊าไม่เป็นห่วงฉันหรอก ถ้าจะห่วงก็คงห่วงว่าฉันจะไปก่อเรื่องอะไรให้เขาลำบากอีกมากกว่า” ฮันเกิงเถียงอย่างดื้อรั้นจนโจวมี่
    อยากจะยอมแพ้ แต่เสียงเรียกเข้าที่ดังไม่หยุดนั้นทำให้โจวมี่รู้ว่าคนที่อยู่อีกฝั่งของสายโทรศัพท์กำลังร้อนใจมากแค่ไหน
    ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องเกลี้ยกล่อมให้อีกฝ่ายรับสายให้ได้

     

    “รับเถอะนะครับ ถือว่าผมขอร้อง ถ้าผมเป็นพ่อของคุณผมก็คงจะเป็นห่วงลูกชายน่ารักๆแบบคุณมากเหมือนกัน” โจวมี่พูดพร้อมกับ
    ส่งตายตาอ้อนวอนไปให้อีกฝ่าย

     

    ฮันเกิงหน้าแดงวาบเมื่อได้ยินร่างสูงพูดว่าเขา “น่ารัก” และแววตาคู่นั้นก็ทำให้เขาขัดขืนต่อไปไม่ได้

     

    ทำไมฉันถึงต้องยอมแพ้หมอนี่ด้วยนะ?!’ ฮันเกิงบ่นในใจด้วยความหงุดหงิด

     

    ร่างบางหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาก่อนที่จะรับสายด้วยท่าทางกระอักกระอ่วน

     

    “ฮัลโหลป๊า?”

     

    “เกิงอยู่ไหนลูก? เมื่อกี๊ป๊าโทรไปที่บ้าน แม่บ้านบอกว่าลูกยังไม่กลับ มืดค่ำป่านนี้แล้วมัวทำอะไรอยู่?” เสียงทุ้มต่ำจากปลายสาย
    ละล่ำละลักถามลูกชายด้วยความเป็นห่วง แต่ฮันกิงกลับตีความความเป็นห่วงของผู้เป็นพ่อเป็นอย่างอื่นไป

     

    “เกิงไม่ทำอะไรให้ป๊าต้องเดือดร้อนหรือขายหน้าหรอกครับ ป๊าไม่ต้องห่วงหรอก!

     

    “ป๊าไม่ได้ระแวง แต่นี่มันก็มืดแล้ว ป๊าเป็นห่วงเกิงนะ” ฮันเต๋อหมิง พ่อของฮันเกิงพยายามอธิบาย

     

    “เกิงกำลังกินข้าวอยู่กับเจ้าของร้านกาแฟ อาหยินกับอาหยางก็อยู่ด้วย ป๊าไม่ต้องเป็นห่วงเกิงหรอก ห่วงแต่งานของป๊าเถอะ!” พูดจบร่างบางก็ตัดสายทิ้งก่อนจะปิดโทรศัพท์อย่างรวดเร็ว

     

    โจวมี่ลอบมองสีหน้าของอีกฝ่ายด้วยความเป็นห่วง ถึงฮันเกิงจะปฏิบัติตัวไม่เหมาะสมกับผู้เป็นพ่อ แต่เขารู้ว่าร่างบางเพียงแค่ต้องการเรียกร้องความสนใจ

     

    ชายหนุ่มร่างสูงต้องการทำให้สถานการณ์ระหว่างฮันเกิงกับพ่อดีขึ้น แต่เขาก็รู้ว่าตอนนี้คงไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม จังหวะเดียวกันนั้นอาหารที่ร่างบางสั่งก็ถูกยกมาเสิร์ฟพอดี

     

    ร่างบางลงมือกินอาหารตรงหน้าอย่างรวดเร็วในตอนแรกเพราะต้องการเอาชนะอีกฝ่ายที่ตราหน้าเขาเอาไว้ว่าเขาต้องกินอาหารพวกนี้คนเดียวไม่หมดแน่ โดยที่มีโจวมี่นั่งรอเฉยๆด้วยความอดทน เมื่อเวลาผ่านไปสักพัก ความเร็วในการกินของร่างบางก็ตกลงเรื่อยๆ
    จนในที่สุดเขาก็ต้องยอมวางมีดกับส้อมลงทั้งๆที่ยังเหลืออาหารอีกกว่าครึ่ง

     

    คนน่ารักทำหน้ามุ่ย ยิ่งเห็นคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามกันกำลังยิ้มอย่างพอใจใบหน้าหวานก็ยิ่งงอง้ำมากขึ้นไปอีก

     

    “ถ้าคุณอิ่มแล้ว ผมขออนุญาตทานต่อนะครับ?” โจวมี่ขออนุญาตอีกฝ่ายก่อนที่จะเลื่อนจานใส่ซี่โครงแกะย่างมาไว้ตรงหน้าของตัวเองแล้วเริ่มลงมือทาน

     

    ฮันเกิงมองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกไม่ค่อยสบายใจนัก เขาไม่คิดว่าผู้ชายคนนี้จะกล้ากินของที่เขากินเหลือจริงๆ มันทำให้เขา
    รู้สึกผิดอย่างบอกไม่ถูก

     

    “นี่...นายสั่งใหม่เถอะ เดี๋ยวฉันเลี้ยงเอง ส่วนของพวกนี้ถ้านายไม่อยากให้มันเสียของ ฉันห่อกลับไปกินต่อที่บ้านก็ได้นะ” ฮันเกิงพูดด้วยท่าทางเหมือนกับเด็กที่สำนึกผิด แต่โจวมี่กลับอมยิ้มแก้มตุ่ยก่อนจะจิ้มเนื้ออีกชิ้นเข้าปากโดยไม่มีท่าทีรังเกียจ

     

    “ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ถือ”

     

    ร่างบางทำท่าจะเอ่ยปากห้ามอีกครั้ง แต่เมื่อเห็นชายหนุ่มร่างสูงตั้งหน้าตั้งตากินอาหารที่เหลืออย่างเอร็ดอร่อย เขาก็พูดอะไรไม่ออก

     

    ฮันเกิงได้แต่นั่งมองคนตรงหน้าด้วยความรู้สึกผิดที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

     

    ไม่ถึงสิบห้านาที ภาชนะที่เคยมีอาหารอยู่ก็ว่างลงทั้งหมด

     

    “ผมขอตัวสักครู่นะครับ” โจวมี่พูดับร่างบางก่อนที่จะเดินตรงไหยังแคชเชียร์หน้าร้าน เขาทำอะไรอยู่ตรงนั้นสักพักแล้วเดินกลับมา
    ที่โต๊ะ

     

    “ไปขอผ่อนค่าอาหารมาใช่มั้ยเนี่ย?” ร่างบางพูดเป็นเชิงเยาะเย้ย ถึงจะยังรู้สึกผิดอยู่มากแต่การยอมรับผิดและเอ่ยปากขอโทษนั้น
    ไม่ใช่นิสัยของฮันเกิง เขาแทบจะจำไม่ได้แล้วว่าตัวเองขอโทษคนอื่นครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่

     

    “ผมจ่ายเรียบร้อยแล้วครับ ไม่ต้องเป็นห่วง”

     

    “คะ ใครบอกว่าฉันเป็นห่วงนายกัน?! ฉันก็แค่กลัวว่าตัวเองจะเสียเครดิตไปด้วยต่างหาก!” ร่างบางปฏิเสธเสียงแข็ง ใบหน้าหวาน
    ที่แดงซ่านนั้นทำเอาคนมองอดไม่ได้ที่จะอมยิ้มอย่างเอ็นดู

     

    “เอ่อ ผมต้องขอโทษอีกครั้งนะครับที่เข้าไปก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของคุณ แต่ผมว่าคุณน่าจะลองคุยกับพ่อคุณดีๆ มองท่านในแง่ดีบ้าง” น้ำเสียงแหบห้าวเอ่ยขึ้นอย่างใจเย็น เมื่อเขาเห็นว่าร่างบางไม่ได้มีท่าทีต่อต้านอะไรจึงพูดต่อ

     

    “พ่อแม่เป็นห่วงลูกทุกคนนั่นแหละครับ มีลูกน่ารักก็ยิ่งห่วง และถ้ามีลูกน่ารักแต่ไม่มีเวลาดูแลใกล้ชิดก็ยิ่งเป็นห่วงเข้าไปกันใหญ่
    พ่อของคุณก็น่าจะอยู่ในประเภทสุดท้าย”

     

    คนฟังยังก้มหน้านิ่ง ไม่แสดงความรู้สึกอะไรออกมาเป็นพิเศษ

     

    “พยายามเข้าใจท่านหน่อยเถอะนะครับ ผมอยากให้คุณมีความสุขมากกว่านี้จริงๆ”

     

    เสียงอบอุ่นกับแววตาอ้อนวอนที่กำลังขอร้องเขาอยู่นั้นทำให้ฮันเกิงไม่สามารถปฏิเสธได้ ตอนนี้เขาได้ยินเพียงแค่เสียงหัวใจ
    ของตัวเองที่ดังกึกก้องราวกับมีใครมาตีกลองอยู่ในหู

     

    ในที่สุด คนหัวแข็งอย่างฮันเกิงก็พยักหน้ารับไปโดยที่ไม่รู้ตัว

     

    To be continued…

     

    -*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×