ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic SJ Yaoi] AllHan, SiHan, Chulhan, KyuHan, MiHan, etc.

    ลำดับตอนที่ #12 : [Fic] [MiHan] รักนะ...คุณลูกค้าตัวยุ่ง Part 2

    • อัปเดตล่าสุด 11 มี.ค. 55


    Title: รักนะ...คุณลูกค้าตัวยุ่ง

    Author: imazawa

    Pairing: Zhoumi/Hangeng

    Rate: PG-13

     

    Part 2

     

    “กรุ๊งกริ๊ง~” เสียงจากโมบายหน้าร้านซึ่งดังขึ้นเมื่อประตูถูกเปิดทำให้โจวมี่ละสายตาจากเครื่องชงกาแฟแล้วหันไปมอบรอยยิ้มอบอุ่นให้กับลูกค้าหน้าหวานซึ่งตอนนี้ได้กลายเป็นลูกค้าประจำอีกคนหนึ่งของร้านไปแล้ว

     

    “สวัสดีครับคุณลูกค้า คุณบอดี้การ์ดทั้งสองคนด้วย” ร่างสูงก้มศีรษะทักทายคนที่เข้ามาใหม่ทั้งสามคนอย่างสุภาพ

     

    ฮันเกิงเชิดหน้าขึ้นอย่างเย่อหยิ่งเช่นเคย ส่วนบอดี้การ์ดร่างใหญ่ในชุดสูทสีดำก็ก้มศีรษะให้เจ้าของร้านร่างสูงอย่างเงอะงะเพราะ
    ไม่ค่อยชินกับสถานการณ์แบบนี้สักเท่าไหร่

     

    “เอาช็อกโกแลตปั่นใส่วิปครีมเยอะๆแล้วก็เค้กชาเขียว เร็วๆด้วยล่ะ” เสียงหวานสั่งด้วยท่าทางเหวี่ยงเล็กๆซึ่งเจ้าของร้านรวมไปถึงลูกค้าประจำหลายคนเริ่มชินกับมันบ้างแล้ว โดยเฉพาะโจวมี่ที่ยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดู

     

    เขารู้ว่าถึงร่างบางจะเหวี่ยงอยู่ตลอดเวลาและหยิ่งไปบ้าง แต่จริงๆแล้วไม่ได้มีพิษภัยอะไร เหมือนกับเด็กที่ต้องการเรียกร้องความสนใจจากผู้อื่นมากกว่าที่จะเป็นคนร้ายกาจ

     

    “ได้ครับ แต่วันนี้ต้องรอนานหน่อยนะ พอดีว่าเมื่อสักครู่นี้มีลูกค้ามาสั่งกาแฟไว้สิบห้าแก้ว ทั้งร้านนี้ก็มีผมทำอยู่แค่คนเดียวด้วย”
    เจ้าของร้านหนุ่มยิ้มแหยๆ

     

    ช่วงนี้กิจการร้านของเขาไปได้สวยมากซึ่งนั่นถือว่าเป็นเรื่องดี แต่มันก็ทำให้เขาต้องเหนื่อยเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

     

    ฮันเกิงเองก็สังเกตเห็นเหมือนกันว่าวันนี้ใบหน้าหล่อเหลาของเจ้าของร้านร่างสูงดูเหนื่อยล้ากว่าปกติ

     

    “รู้ว่าคนไม่พอแล้วทำไมถึงไม่จ้างพนักงานเพิ่มฮะ?! ทำอยู่คนเดียวแบบนี้จะประหยัดให้ได้แชมป์โลกเลยหรือไง?” ร่างบางถามด้วย
    น้ำเสียงไม่พอใจ

     

    “ร้านผมมันเป็นร้านเล็กๆเองครับ ผมไม่อยากจ้างใครให้ยุ่งยาก อีกอย่างถ้าผมเลิกทำขึ้นมาก็จะได้ไม่ต้องเป็นห่วงใคร” โจวมี่ตอบ
    ขณะที่มือเรียวปิดฝาแก้วอย่างระมัดระวัง

     

    ใบหน้าหวานของฮันเกิงหม่นลงไปเมื่อได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย

     

    “นายคิดจะเลิกทำร้านนี้อย่างงั้นเหรอ?” ฮันเกิงถามเสียงแผ่ว

     

    ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งหัวเราะร่วน

     

    “เปล่าครับ ผมก็แค่คิดเผื่อไว้ อนาคตมันไม่แน่ไม่นอนใช่มั้ยล่ะ? ทำไมครับ? คุณเสียใจเหรอถ้าผมจะปิดร้าน?” โจวมี่ถามแซวๆ

     

    “ใครบอกว่าฉันเสียใจ?! อย่ามามั่วนะ!” ฮันเกิงมองอีกฝ่ายอย่างเอาเรื่อง

     

    “ฮะๆๆ โอเคครับ ไม่เสียใจก็ไม่เสียใจสิ” โจวมี่ยิ้มกว้างพลางทำงานของตัวเองต่อไปเรื่อยๆจนลูกค้าหน้าสวยที่รออยู่ถอนหายใจพรืดเพราะความไม่ได้ดั่งใจ

     

    “ชักช้าชะมัดเลย! พรุ่งนี้ฉันจะได้กินมั้ยเนี่ย?! ให้ฉันช่วยดีกว่า” พูดจบฮันเกิงก็เดินอ้อมไปยังด้านหลังเคาท์เตอร์โดยไม่ขออนุญาต
    จากชายหนุ่มร่างสูงผู้เป็นเจ้าของร้าน

     

    โจวมี่ดูงงๆเล็กน้อย แต่ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรชายร่างยักษ์สองคนที่คอยประกบฮันเกิงไม่เคยห่างก็ถามในสิ่งที่เขากำลังสงสัยขึ้นมาเสียก่อน

     

    “คุณหนูเกิงชงกาแฟเป็นเหรอครับ?” บอดี้การ์ดหนึ่งในสองคนเอ่ยถามขึ้น

     

    “ไม่เป็นก็ฝึกสิ ฉันไม่ได้โง่นะ!

     

    “ถึงอย่างนั้นก็เถอะครับ คุณผู้ชายต้องไม่พอใจแน่ถ้าท่านรู้ว่าพวกเราปล่อยให้คุณหนูต้องมาลำบากแบบนี้” บอดี้การ์ดอีกคนเอ่ยปรามบ้าง

     

    “ป๊าไม่สนใจหรอกว่าฉันจะเป็นยังไง วันๆป๊าก็ทำแต่งานแล้วก็ใช้เงินฟาดหัวไม่ให้ฉันตายไปง่ายๆแค่นั้นแหละ!” ฮันเกิงตวาด
    เสียงเขียว ดวงตากลมสวยรื้นไปด้วยน้ำตาหลังจากพูดจบประโยค

     

    “นายสองคนไปนั่งที่อื่นก่อนไป ฉันยังไม่อยากเห็นหน้าพวกนายตอนนี้” คนหน้าหวานสั่งเรียบๆ ส่วนชายร่างใหญ่ในชุดสูทสีดำ
    ทั้งสองคนก็ต้องจำใจเดินไปนั่งที่มุมร้านเพราะขัดคำสั่งของผู้เป็นนายไม่ได้

     

    ฮันเกิงหันหลังให้เจ้าของร้านหนุ่มเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายเห็นน้ำตาของเขา

     

    โจวมี่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างร่างบางกับผู้เป็นพ่อ เขาจึงไม่สามารถเอ่ยคำว่า “ไม่เป็นไรนะครับ” ออกมาได้ง่ายๆอย่างที่ใจต้องการ

     

    “ขออนุญาตนะครับ” เสียงทุ้มต่ำพูดก่อนที่มือเรียวจะเอื้อมไปจับไหล่บางของคนหน้าหวานเป็นการให้กำลังใจจนกระทั่งแรงสั่นไหวหยุดลง เขาจึงปล่อยมือออก

     

    ฮันเกิงหันกลับมาหาอีกฝ่ายด้วยท่าทางเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

     

    “เดี๋ยวฉันช่วยชงกาแฟก็แล้วกัน ขืนปล่อยให้นายทำคนเดียววันนี้ฉันคงไม่ได้กินช็อกโกแลตปั่นแน่ๆ” ลูกค้าหน้าหวานพูดพร้อมกับ
    ตั้งท่ารอให้อีกฝ่ายสอนเขาอย่างกระตือรือร้น

     

    “เอาอย่างนั้นก็ได้ รบกวนด้วยนะครับ” ร่างสูงยิ้มรับก่อนที่จะสาธิตวิธีชงกาแฟให้อีกฝ่ายอย่างใจเย็น

     

    ฮันเกิงเรียนรู้ได้ไวมาก เพียงไม่นานเขาก็สามารถจำขั้นตอนรวมไปถึงส่วนผสมของเครื่องดื่มชนิดต่างๆในร้านนี้ได้เกือบหมด

     

    ร่างบางช่วยเจ้าของร้านหนุ่มทำนู่นทำนี่ไปเรื่อยๆ รู้ตัวอีกทีก็เป็นเวลาปิดร้านแล้ว

     

    “เฮ้อ เหนื่อยชะมัดเลย นายทำงานแบบนี้ทุกวันได้ยังไงฮะ? ฉันเห็นนายทำไปยิ้มไป คิดว่าจะสนุกกว่านี้ซะอีก” ร่างบางทำหน้ามุ่ย
    ขณะที่ฟุบลงบนเคาท์เตอร์อย่างเหนื่อยล้า ตรงกันข้ามกับเจ้าของร้านร่างสูง

     

    โจวมี่หัวเราะเบาๆกับความน่ารักของคนตรงหน้าขณะที่มือเรียวยังคงเก็บล้างอุปกรณ์ต่างๆต่อไปอย่างแข็งขัน

     

    “คงเป็นเพราะว่ามันเป็นงานที่ผมรักล่ะมั้งครับ ถ้าทำแล้วมีความสุข ยังไงก็ไม่เหนื่อย”

     

    ฮันเกิงลอบมองใบหน้าเปื้อนยิ้มของชายหนุ่มด้วยความรู้สึกชื่นชมเล็กๆ อีกใจก็รู้สึกอิจฉาที่โจวมี่ดูจะคุ้นเคยกับสิ่งที่เรียกว่า “ความสุข” ผิดกับเขาซึ่งแทบจำไม่ได้แล้วว่าครั้งล่าสุดที่มีความสุขจริงๆมันคือเมื่อไหร่

     

    “ใช้แรงงานคุณหนูอย่างฉันทั้งวันแบบนี้ ให้ค่าจ้างแค่ช็อกโกแลตปั่นหนึ่งแก้วกับเค้กหนึ่งชิ้นคงไม่พอหรอกนะ” คนหน้าหวาน
    พูดขึ้นมาด้วยท่าทางเอาแต่ใจ

     

    โจวมี่เช็ดมือเข้ากับผ้ากันเปื้อนก่อนที่จะถอดมันออกแล้วโยนลงในตะกร้าผ้า จากนั้นจึงเดินมาหาเด็กน้อยที่นั่งรออยู่

     

    “ถ้างั้นผมแถมอาหารค่ำให้อีกมื้อนึง ตกลงมั้ยครับ?” ร่างสูงถามแล้วยิ้มให้อีกฝ่ายอย่างใจดี

     

    รอยยิ้มของโจวมี่ทำให้หัวใจของฮันเกิงเต้นรัว ใบหน้าหวานเบือนไปอีกทางเพื่อปกปิดความเขิน

     

    “อะ...เอางั้นก็ได้ นี่เป็นเพราะว่าฉันหิวมากหรอกนะถึงยอมไปกินข้าวกับคนจนๆอย่างนายน่ะ”

     

    โจวมี่หัวเราะ

     

    “ขอบคุณที่ให้เกียรติครับ”

     

    ฮันเกิงเชิดหน้าขึ้นอย่างหยิ่งๆก่อนที่เดินไปยังโต๊ะที่อยู่ด้านในสุดของร้านซึ่งลูกน้องร่างยักษ์ทั้งสองคนนั่งรออยู่อย่างอดทนตลอด
    ทั้งวัน

     

    “ลุกได้แล้ว ฉันจะไปกินข้าวกับนายเจ้าของร้าน” เสียงหวานสั่ง

     

    “แต่ว่าคุณหนูครับ...ถ้ากลับบ้านช้าคุณผู้ชายจะเป็นห่วง...”

     

    “ช่างป๊าสิ! ถึงรีบกลับไปป๊าก็ไม่อยู่บ้านอยู่ดี” ร่างบางสวนขึ้นโดยที่ไม่รอให้บอดี้การ์ดร่างใหญ่พูดจบประโยค

     

    ชายชุดดำทั้งสองได้แต่มองหน้ากันและกันแล้วถอนหายใจอย่างปลงๆ

     

    เวลาที่คุณหนูของพวกเขากำลังเหวี่ยง ต่อให้พูดยังไงก็ไม่ฟังหรอก

     

    หลังจากที่คุยกับลูกน้องแล้ว ร่างบางก็สาวเท้ากลับไปหาเจ้าของร้านร่างสูงที่เตรียมตัวเสร็จพอดี

     

    “ไปกันเถอะ ฉันหิวจนไส้จะขาดแล้ว” ฮันเกิงพูดก่อนที่จะฉุดมืออีกฝ่ายออกไปจากร้าน โจวมี่เองก็เดินไปตามแรงลากด้วย
    ใบหน้ายิ้มแย้ม

     

    ชีวิตผมสดใสขึ้นมากเลยตั้งแต่ที่คุณก้าวเข้ามา รู้ตัวหรือเปล่าครับว่าคุณมีอิทธิพลต่อผมมากขนาดไหน คุณลูกค้าตัวยุ่ง

     

    To be continued…

     

    -*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-

     

    Talk: Talk: ขอโทษที่เว้นไปนาน(กว่าที่คิด)นะคะ T^T ตอนแรกคิดว่าสอบมิดเทอมเสร็จแล้วจะว่างขึ้นมาหน่อย
    ที่ไหนได้ ยุ่งกว่าเดิมอีก
    T0T


    เป็นไทจากการสอบมิดเทอมแล้วก็ต้องมาเป็นทาสรายงาน+งานกลุ่มต่ออีก หนียังไงก็ไม่พ้น

    ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะคะ ^w^

     

    Ps. mgmgmg ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะคะ ต้องยอมรับเลยว่าเรื่องพิมพ์ผิดนี่เป็นอยู่บ่อยๆ
    บางทีตรวจคำผิดแล้วก็ยังมองไม่เห็น
    = =” ขอบคุณที่ช่วยดูให้ค่ะ ^^ ส่วนเรื่องเสียงของโจวมี่ยิ้มจะค่อยๆแก้ไปทีละจุดนะคะ
    ขอบคุณสำหรับคำแนะนำอีกครั้งค่ะ
    ^^

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×