คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : The Perfect Boy Next Door Part 11 100%
Title: The perfect boy next door
Author: imazawa
Pairing: Kyuhyun/Hangeng
Rate: PG-13
Part 11
เสียงก้องกังวานใสจากเปียโนตัวใหญ่ดังขึ้นอย่างไม่เป็นจังหวะ ช้าบ้าง เร็วบ้าง แล้วก็หยุดไปเสียเฉยๆบ้าง จนในที่สุดความอดทนของคุณครู
หน้าหวานที่ตั้งใจฟังอยู่นานก็หมดลง
“เป็นอะไรหรือเปล่าคยูฮยอน? ทำไมถึงดูไม่มีสมาธิเลยล่ะ?” ร่างบางเอ่ยถามแล้วถอนหายใจด้วยความเหนื่อยล้า
ทั้งๆที่เขาตั้งใจสอนแทบตาย แต่ทำไมเจ้าลูกศิษย์ตัวแสบนี่ถึงยังเล่นเหมือนไร้วิญญาณอย่างนี้ล่ะ?
“มีปัญหาอะไรหรือเปล่า? อยากเล่าอะไรให้ฉันฟังมั้ย?” ฮันคยองเอ่ยถามอีกครั้งเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังก้มหน้านิ่ง
ร่างสูงเข่นยิ้มแล้วเงยหน้ามองคู่สนทนาที่กำลังจ้องมองเขาด้วยท่าทางเป็นห่วง
‘มีปัญหาอะไรหรือเปล่า? อยากเล่าอะไรให้นายฟังหรือเปล่างั้นเหรอ? ถ้าฉันจะบอกว่าฉันมีปัญหาเรื่องนาย แล้วก็อยากเล่าให้นายฟังว่าฉันเสียใจที่เห็นนายยิ้มให้คิบอมล่ะ? นายจะว่าไงฮันคยอง?’
“ไม่มีอะไรหรอก ฉันคงจะเหนื่อยเกินไป วันนี้พอก่อนก็แล้วกัน นายกลับไปได้แล้ว” เด็กหนุ่มร่างสูงเอ่ยเรียบๆก่อนที่จะลุกจากเก้าอี้หน้า
แกรนด์เปียโนสีชมพูไปยังเตียงกว้างของตัวเองแล้วล้มตัวลงนอนหลับตาอย่างเหนื่อยล้า
“อะไรกัน เราเพิ่งจะเรียนกันได้ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงเลยนะ” ร่างบางบ่นอุบอิบ
เขาอุตส่าห์เตรียมตัวมาอย่างดีเพื่อสอนคยูฮยอน แล้วท่าทางแบบนี้ของเด็กหนุ่มมันหมายความว่ายังไงกันเนี่ย? ความตั้งใจของเขามันไม่สามารถสื่อไปถึงอีกฝ่ายได้เลยเหรอ?
“หึ กลัวว่าสอนไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงแล้วจะไม่ได้ค่าจ้างหรือไง? ถ้าเป็นเรื่องนั้นล่ะก็ไม่ต้องกังวลหรอกนะ ไม่ว่านายจะสอนฉันห้านาที สิบนาที หรือสามชั่วโมง แม่ฉันก็จ่ายให้นายหนึ่งแสนห้าหมื่นวอนเท่าเดิมนั่นแหละ”
คำพูดและรอยยิ้มที่แสดงความดูถูกเหยียดหยามอย่างไม่ปิดบังของคยูฮยอนทำให้หนุ่มชาวจีนฟิวส์ขาดในที่สุด
“โครม!” ฮันคยองลุกขึ้นด้วยความรวดเร็วจนทำให้เก้าอี้ไม้เนื้อดีที่เขาใช้นั่งอยู่เมื่อครู่นี้ล้มลงบนพื้นอย่างแรง แต่เขาก็ไม่ใส่ใจแล้ว
“ฉันไม่ใช่คนหน้าเงินนะ!” ร่างบางเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ดวงตาเรียวเล็กรื้นไปด้วยน้ำตาแห่งความโกรธและเสียใจ
“......” เปลือกตาของร่างสูงเปิดขึ้นเพียงเล็กน้อยพลางจ้องมองชายหนุ่มที่ยืนอยู่ปลายเตียงด้วยสีหน้าเย็นชา เรียบเฉย ยากที่จะคาดเดาว่าเจ้าตัวกำลังคิดอะไรอยู่
“ฉันตั้งใจสอนนายเต็มที่แล้ว ฉันอยากบอกให้นายรู้เอาไว้ว่าฉันพยายามสุดความสามารถแล้วจริงๆ แต่ถ้านายไม่อยากเรียนเปียโนขนาดนี้ ถ้านายเกลียดฉันมากขนาดนี้ ฉันคิดว่านายไปบอกคุณป้าให้เลิกจ้างฉันเลยดีกว่า!” พูดจบฮันคยองก็รีบเดินจ้ำอ้าวออกจากห้องนอนสีโมโนโทนของเด็กหนุ่มร่างสูงทันที
เด็กหนุ่มที่นอนแผ่หลาอยู่บนเตียงปิดเปลือกตาลงอีกครั้ง มือเรียวถูกยกขึ้นก่ายหน้าผาก มุมปากของร่างสูงยกยิ้มเยาะเย้ยตัวเอง
‘เห็นมั้ยล่ะคยูฮยอน? นายน่ะมันดีแต่ทำให้เขาเสียใจ ดีแต่ทำให้เขากลัว แล้วแบบนี้นายยังจะกล้าเสียใจที่เห็นเขายิ้มให้คิบอมอีกเหรอ? รู้ตัวเอาไว้ซะว่านายทำให้เขายิ้มไม่ได้ นายทำให้เขามีความสุขไม่ได้หรอก’
-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-
“อ้าว หนูฮันคยอง จะรีบไปไหนเหรอจ๊ะ? ป้ากำลังจะเอาขนมขึ้นไปให้อยู่พอดีเลย” หญิงวัยกลางคนเอ่ยทักชายหนุ่มร่างบางที่วิ่งสวนทางลงมาจากบันได
“เอ่อ...คือพอดีว่าวันนี้ผมมีธุระนิดหน่อยน่ะครับ คงต้องขอตัวกลับก่อน ขอโทษนะครับคุณป้า” ร่างบางพยายามกัดฟันเพื่อกลั้นน้ำตาที่รื้นอยู่บริเวณขอบตาคู่สวย
“อ้าว อย่างงั้นเหรอจ๊ะ? งั้นก็ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ หนูไปทำธุระเถอะ อ่ะ นี่ค่าจ้างของหนู รวมของเมื่อวานนี้ด้วย” แจวอนพูดแล้วยิ้มให้ชายหนุ่ม
หน้าหวานอย่างใจดี
“ไม่เป็นหรอกครับคุณป้า ผมสอนน้องแค่แป๊บเดียวเอง คงจะรับมันไว้ไม่ได้ ผมขอตัวก่อนนะฮะ สวัสดีครับ” พูดจบร่างบางก็ก้มหัวให้แจวอนแล้ววิ่งออกไปทันที
ท่าทางแปลกๆของชายหนุ่มชาวจีนทำให้ผู้หญิงวัยกลางคนอย่าง โจ แจวอน เดาได้ไม่ยากว่าลูกชายของตัวเองต้องไปก่อเรื่องอะไรเข้าแล้วเป็นแน่
เมื่อคิดได้เช่นนั้นแจวอนก็ส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจแล้วค่อยๆเดินตรงไปยังห้องนอนของเจ้าลูกชายตัวดี
“ก๊อกๆๆ คยูฮยอน แม่เข้าไปนะ” แจวอนเคาะประตูห้องของลูกชายก่อนที่จะเปิดเข้าไปหลังได้ยินเสียงตอบรับเบาๆจากเจ้าของห้อง
เมื่อเดินเข้าไปภายในห้อง หญิงวัยกลางคนก็พบกับเด็กหนุ่มที่ผงกหัวขึ้นมาจากที่นอนเพียงเล็กน้อยซึ่งกำลังมองเขาอยู่เป็นเชิงถามว่า
‘แม่มีธุระอะไรกับผม? รีบๆว่ามาเลย คนหล่อกำลังเซ็ง...มาก’
“ลูกไปทำอะไรฮันคยองเขา?” แจวอนถามลูกชายตรงๆก่อนจะนั่งลงที่ปลายเตียง
เด็กหนุ่มร่างสูงขมวดคิ้วมุ่นแล้วลุกขึ้นนั่งทันทีที่ผู้เป็นแม่พูดจบ
“นี่แม่เข้าข้างคนอื่นมากกว่าผมเหรอ?!” คยูฮยอนถามเสียงแข็ง
“ก็แล้วมันจริงมั้ยล่ะ?” แจวอนสวนกลับทันควันจนเด็กหนุ่มต้องเป็นฝ่ายเงียบ
“แม่อยู่ในวงการธุรกิจมายี่สิบกว่าปีแล้วนะคยูฮยอน นักธุรกิจที่ว่าดูยากแม่ยังดูออกเลย แล้วทำไมเรื่องแค่นี้แม่จะดูไม่ออก บอกแม่มาตรงๆดีกว่าว่าพูดอะไรกับฮันคยอง เขาถึงวิ่งร้องห่มร้องไห้ออกไปแบบนั้นน่ะ” ขณะพูดประโยคสุดท้าย หญิงวัยกลางคนแอบไขว้นิ้วเอาไว้ข้างหลังด้วย
‘ขอโทษนะจ๊ะหนูฮันคยองที่ป้าพูดอะไรเว่อร์ไปหน่อย แต่ถ้าจะเค้นความจริงจากปากเจ้าเด็กดื้อนี่ก็ต้องใช้วิธีนี้แหละ’
แล้ววิธีของแจวอนก็ได้ผลตามที่คาดไว้ คยูฮยอนถึงกับหน้าเสีย ดวงตาแข็งกร้าวไหววูบไปชั่วครู่เมื่อได้ยินว่าคำพูดของเขาทำให้อีกฝ่ายต้องเสียน้ำตา
“ทีนี้จะบอกแม่ได้หรือยังว่าพูดอะไรกับพี่เขา?” แจวอนถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนแต่แฝงไปด้วยอำนาจจนคนที่ถูกถามต้องยอมสารภาพความจริง
ออกมา
“ผมพูดกับเขาว่า ไม่ต้องสนใจหรอกว่าเขาจะสอนผมวันละกี่ชั่วโมง เพราะยังไงแม่ก็จ่ายให้เขาหนึ่งแสนห้าหมื่นวอนเท่าเดิมอยู่แล้ว” พูดจบร่างสูงก็หลับตาลง เตรียมพร้อมที่จะรับฟังคำตำหนิจากผู้เป็นแม่
‘ผมมีจิตสำนึกพอที่จะรู้น่าว่าสิ่งที่ตัวเองทำลงไปมันผิด’
แจวอนถอนหายใจยาวแล้วใช้มือลูบผมของลูกชายเบาๆ
“คำพูดนั้นมันโหดร้ายไม่เบาเลยนะลูก มันแทบไม่ต่างอะไรกับการพูดว่า ‘นายมันไอ้หน้าเงิน’ เลยนะ”
“อืม ผมรู้” คยูฮยอนพยักหน้ารับ
“แล้วฮันคยองเขาว่ายังไงบ้างล่ะ?” แจวอนถามต่อไปอย่างใจเย็น
“เขาบอกว่าเขาพยายามสอนผมเต็มที่แล้ว แต่ถ้าผมเกลียดการเรียนเปียโน ถ้าผมเกลียดเขามากขนาดนั้น ก็ให้ผมบอกแม่ให้เลิกจ้างเขาซะ”
หญิงวัยกลางคนจับไหล่ของลูกชายให้หันมาสบตากับตัวเองตรงๆ
“ที่แม่จ้างหนูฮันคยองเขามาก็เพราะแม่เห็นว่ามันเป็นสิ่งที่ดีสำหรับลูก แต่ก็อย่างที่พี่เขาพูดนั่นแหละ ถ้าลูกเกลียดการเรียนเปียโนกับเขามาก
ขนาดนั้น แม่ก็จะเลิกจ้างเขา แล้วพวกเราก็กลับไปเป็นแค่คนข้างบ้างกันเหมือนเดิม”
ดวงตาของเด็กหนุ่มเบิกกว้างเมื่อได้ยินคำพูดของผู้เป็นแม่ ร่างกายของเขาเกร็งขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้หลังจากที่ถูกความรู้สึกแปลกๆเข้าโจมตี
มือเรียวแต่ทว่าแข็งแกร่งบีบแขนของหญิงวัยกลางคนราวกับจะทักท้วงอะไรสักอย่างซึ่งแจวอนดูจะเข้าใจมันดีกว่าตัวของเด็กหนุ่มเองเสียอีก
“ครั้งนี้แม่ให้ลูกตัดสินใจเองนะคยูฮยอน แต่อย่าลืมล่ะว่าต้องรับผิดชอบการตัดสินใจของตัวเองด้วย ถ้าลูกอยากให้แม่เลิกจ้างฮันคยองเขาจริงๆก็บอก แม่จะเลิกจ้างเขาทันทีและจะไม่ให้เขามายุ่งกับชีวิตของลูกอีก แต่ถ้าลูกไม่ต้องการให้มันเป็นแบบนั้นก็ไปจัดการเคลียร์กับพี่เขาซะ” แจวอนพูดแล้วตบไหล่ของลูกชายเบาๆสองสามที
เด็กหนุ่มรู้สึกราวกับว่ามีก้อนหินหนักๆพุ่งเข้าใส่กลางอก
‘เจ็บ...เจ็บชะมัดเลย ทำไมกันนะ? แค่ผมคิดว่าเขาจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับชีวิตของผมอีกแล้ว ผมถึงรู้สึกเจ็บได้มากขนาดนี้ ผมควรจะดีใจไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้...ผมรู้สึกเหมือนอกหักเลย แต่คนเราจะอกหักได้ยังไงกัน ในเมื่อเราไม่ได้รักอีกฝ่าย?’
“คยูฮยอน แม่รู้นะว่าลูกน่ะฉลาดเข้าขั้นอัจฉริยะ ทำอะไรก็ต้องใช้สมองคิด แต่แม่ว่าบางครั้งลองทำอะไรตามความรู้สึก ลองทำตามหัวใจดูบ้างมันก็
ไม่เสียหายหรอกนะลูก”
คำพูดของแจวอนทำให้ร่างสูงตัดสินใจได้ในที่สุด เขาลุกขึ้นจากเตียงกว้างแล้วเดินตรงไปยังตู้เสื้อผ้า หยิบของใช้ส่วนตัวใส่กระเป๋าเป้ยี่ห้อดังโดยที่มี
ผู้เป็นแม่นั่งมองการกระทำของเขาอยู่เงียบๆ
“คืนนี้ผมไม่กลับบ้านนะ” คยูฮยอนพูดแค่นั้นแล้วก็ก้าวยาวๆออกจากห้องไป
แจวอนยิ้มออกมาเมื่อลูกชายเดินจากไปแล้ว ภายในจิตใจที่อ่อนโยนของผู้เป็นแม่ได้แต่หวังว่าการตัดสินใจของลูกชายจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับตัวเขาเอง
เด็กหนุ่มร่างสูงวิ่งออกจากคฤหาสน์หลังใหญ่ ฝ่าความมืดในช่วงหัวค่ำที่เริ่มโรยตัวลงมาปกคลุมละแวกบ้านนั้น อากาศร้อนอบอ้าวในตอนนี้ยังเทียบ
ไม่ได้กับความร้อนรุ่มในใจของเด็กหนุ่ม เขาเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นอีกเพื่อที่จะไปถึงจุดหมายให้เร็วที่สุด
ทั้งๆที่ระยะทางระหว่างบ้านของเขากับร่างบางห่างกันไม่ถึงหนึ่งร้อยเมตร แต่ร่างสูงกลับรู้สึกว่ามันไกลเป็นสิบกิโลเมตรเลยทีเดียวในเวลาแบบนี้
‘ผมไม่รู้ว่าตอนนี้ผมกำลังคิดอะไรอยู่ ผมไม่รู้ว่าผมจะทำยังไงหรือพูดอะไรเมื่อเจอหน้าเขา ผมไม่รู้อะไรทั้งนั้น ตอนนี้...ผมรู้แค่เพียงว่าผมปล่อยเขาไปจากชีวิตผมไม่ได้จริงๆ ไม่ว่าด้วยจะเหตุผลใดก็ตาม ผมรู้แค่นั้นแหละ’
-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-
ร่างโปร่งบางของชายหนุ่มชาวจีนกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้ามาในบ้านหลังเล็กด้วยน้ำตานองหน้าซึ่งเขาไม่ได้ใส่ใจที่จะเช็ดมันออกเสียด้วยซ้ำ
“โธ่โว้ย!” ฮันคยองสบถอกมาด้วยภาษาบ้านเกิดพร้อมกับขว้างกุญแจบ้านลงบนโต๊ะอย่างแรงจนทำให้เกิดรอยถลอกเล็กๆบนแผ่นไม้เนื้อดี
มือบางยกขึ้นกุมขมับ ดวงตาเรียวเล็กปิดแน่นแต่ก็ไม่สามารถหยุดน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างต่อเนื่องได้
‘ทำไมฮะ? ผมไปทำอะไรให้เขาเจ็บช้ำน้ำใจตอนไหนเหรอ? ทำไมเขาถึงต้องพูดกับผมแบบนั้น? ผมไม่เคยโกรธที่เขาพูดจาไม่ดีกับผม เพราะผมรู้ว่ามันเป็นธรรมชาติของเด็กผู้ชายอย่างเขา แต่ผมโกรธ...ผมเสียใจมากเลยจริงๆที่เขาดูถูกผม ผมไม่อยากให้เขาเข้าใจผิด ผมอยากจะบอกให้เขารู้ว่าที่ผมสอนเขาไม่ใช่เพราะเงิน จริงอยู่ว่าผมต้องทำมาหากิน แต่เงินมันไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับผม ผมแค่อยากจะตั้งใจสอนเขาให้ดีที่สุด...แค่อยากจะเป็นเพื่อนกับเขาเท่านั้นเอง’
ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์มือถือเครื่องเล็กออกมาจากกระเป๋ากางเกง ในใจคิดถึงบุพการีทั้งสองคนที่อยู่บนแผ่นดินใหญ่
‘ป๊ากับม๊าจะคิดยังไงนะถ้ารู้ว่าลูกชายโดนไล่ออกตั้งแต่วันที่สองของการทำงาน?’
“ก๊อกๆๆๆ” เสียงเคาะประตูทำให้ไหล่บางกระตุกด้วยความตกใจ
‘ใครที่ไหนจะมาหาเราในเวลาแบบนี้กัน?’ ฮันคยองคิดในใจ เขาลองเงี่ยหูฟังอีกครั้งแต่ก็ไม่ได้ยินเสียงเคาะประตูซ้ำ
ร่างบางส่ายหน้า เขาคงจะเหนื่อยมากจนหูแว่วไปเองสินะ
ชายหนุ่มยืนขึ้นเต็มความสูง ตั้งใจว่าจะพาตัวเองไปอาบน้ำแล้วเข้านอนเสียที เขาเหนื่อยมากเหลือเกิน
แต่ยังไม่ทันที่ร่างบางจะก้าวพ้นประตูห้องนั่งเล่น โทรศัพท์ในมือก็สั่นอย่างบ้าคลั่งเสียก่อน นิ้วเรียวเตรียมจะกดตัดสายทิ้งทั้งๆที่ยังไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าคนที่โทรเข้ามาเป็นใคร แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อเห็นชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอ
‘คยูฮยอน’
แค่เห็นชื่อของอีกฝ่ายเท่านั้น ความรู้สึกโกรธและเสียใจก็ถาโถมเข้ามาอีกครั้ง
“ตกลงว่าฉันถูกไล่ออกแล้วใช่มั้ย?! ก็ดี พรุ่งนี้ฉันจะได้ไม่ต้องโผล่หน้าไปให้นายเห็นอีก!” เสียงทุ้มสะบัดห้วนเอ่ยขึ้นทันทีหลังจากกดรับสาย
“......” ร่างสูงที่อยู่ปลายสายถึงกับเงียบไปเพราะเขาไม่เคยเห็นร่างบางโกรธมากขนาดนี้มาก่อน แต่เขาก็สมควรที่จะถูกโกรธแล้วล่ะ
“......” ฮันคยองขบกรามแน่นเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายได้ยินเสียงสะอื้น
“ตอนนี้ฉันอยู่หน้าบ้านนาย” คยูฮยอนพูดด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบเช่นเคย
“......”
“ฉันจะไม่สั่งหรือขอร้องให้นายเปิดประตูให้หรอกนะ แต่ฉันจะนั่งรออยู่ตรงนี้”
“......”
“......จนกว่านายจะยอมคุยกับฉัน” ร่างสูงพูดจบแล้วก็กดปุ่มวางสายทันทีก่อนที่จะทรุดตัวลงนั่งพิงประตูไม้สีขาวบริสุทธิ์ อากาศร้อนอบอ้าวทำให้เหงื่อเม็ดเล็กๆซึมออกมาตามไรผมสีน้ำตาลเข้มก่อนที่จะรวมตัวกันเป็นหยดน้ำใสไหลย้อยผ่านใบหน้าหล่อเหลา แต่เด็กหนุ่มกลับไม่รู้สึกรำคาญ
แต่อย่างใด อาจะเป็นเพราะตอนนี้เขากำลังตั้งสมาธิจดจ่ออยู่กับเรื่องเพียงเรื่องเดียวจนไม่มีเวลาใส่ใจกับเรื่องอื่นก็เป็นได้
เสียงกระแทกปิดประตูปึงปังที่ดังออกมาจากในบ้านตามด้วยเสียงสายน้ำตกกระทบพื้นดังซ่าๆทำให้เด็กหนุ่มร่างสูงที่นั่งอยู่หน้าบ้านรับรู้ได้ว่าร่างบาง
ผู้เป็นเจ้าของบ้านคงจะกำลังอาบน้ำอยู่แน่ๆ
‘นายใจแข็งได้ขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย? แล้วนี่ฉันจะต้องรอต่อไปอีกนานแค่ไหนกัน?’ คยูฮยอนคิดพลางถอนหายใจยาว ถึงแม้ว่าเขาจะมีความมั่นใจ
ในตัวเองสูงแค่ไหนก็ตาม แต่เมื่อถูกอีกฝ่ายปฏิบัติด้วยแบบนี้แล้ว ความมั่นใจของเขามันก็หดหายไปไม่น้อยเหมือนกัน
ใบหน้าหล่อเหลาคมคายก้มต่ำลงซุกเข้ากับหัวเข่าทั้งสองข้างของตัวเองอย่างหมดเรี่ยวแรง ความเปียกชื้นจากหยาดเหงื่อที่ซึมออกมาเรื่อยๆจน
แผ่นหลังของเขาเปียกชุ่มทำให้คุณชายเจ้าระเบียบอย่างเขาเริ่มรู้สึกไม่สบายตัวขึ้นมานิดๆแล้ว
เสียงน้ำจากฝักบัวที่ดังขึ้นอย่างต่อเนื่องเมื่อครู่ใหญ่ที่ผ่านมาเงียบลงไปแล้ว ไม่นานนักเสียงกระแทกเปิดปิดประตูก็ดังขึ้นอีกครั้ง
คยูฮยอนหลับตาแน่นแล้วขยี้ผมตัวเองแรงๆด้วยความหมั่นเขี้ยว
‘ฉันรู้แล้วน่าว่านายโกรธมาก ไม่ต้องตอกย้ำกันขนาดนั้นก็ได้ว้อย!’
เสียงจากภายในบ้านเงียบไป นานมากเสียจนร่างสูงอดที่จะคิดไม่ได้ว่าชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของบ้านอาจจะหลับไปเรียบร้อยแล้วก็เป็นได้
นิ้วเรียวสอดไปตามกลุ่มผมเส้นหนาของตัวเอง ความกลุ้มใจปรากฏชัดบนใบหน้าคมเข้ม
ตอนเก็บกระเป๋าออกมาจากบ้านเขาก็ไม่ได้คิดอะไรนอกจากจะต้องคุยกับร่างบางให้รู้เรื่อง คิดแต่ว่าจะต้องรั้งร่างบางเอาไว้ให้ได้เท่านั้น แต่เขาไม่ได้คำนึงถึงวิธีและปฏิกิริยาตอบรับจากอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย
‘คนฉลาดอย่างฉัน ต้องมานั่งกลุ้มใจหัวแทบแตกเพราะคนธรรมดาๆอย่างนายเนี่ยนะ? หึๆ รู้ถึงไหนคงได้อายถึงนั่น’
ไม่รู้ว่าเป็นเวลานานเท่าไหร่ที่ร่างสูงๆของเด็กหนุ่มนั่งกอดเข่าพิงประตูอย่างหมดอาลัยตายอยาก แต่เขามั่นใจว่ามันจะต้องนานกว่าเวลาสิบห้านาทีที่เขารอใช้ร่างบางเมื่อตอนเย็นหลายเท่านัก
น่าแปลกที่การรอคอยครั้งนี้ไม่ได้ทำให้เขาเกิดความรู้สึกหงุดหงิดหรือรำคาญ แต่กลับทำให้เขารู้สึกท้อถอยอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
‘ถ้าเขาไม่ยอมออกมาคุยกับผมจริงๆ ผมจะทำยังไงดีล่ะ? ผมไม่ได้คิดแผนสำรองเอาไว้ล่วงหน้าซะด้วยสิ จะว่าไปแล้วผมไม่ได้คิดแผนหลักด้วยซ้ำไป ก็บอกแล้วไงว่าผมไม่ได้คิดอะไรในหัวเลย นี่ผม...กลายเป็นคนโง่ไปตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ?’
“แปะๆๆ” เสียงหยดน้ำที่ตกกระทบพื้นโลกทำให้คยูฮยอนต้องเงยหน้าขึ้นมาจากหัวเข่าของตัวเอง
‘งานเข้าคนหล่อ(ฉลาดด้วย)แล้วมั้ยล่ะ?! ทำไมจู่ๆฝนถึงตกลงมาได้วะเนี่ย? ทำไงดีล่ะคราวนี้? ร่มก็ไม่ได้เอามา เสื้อกันฝนก็ไม่ได้เอามา ไหนพยากรณ์อากาศบอกว่า ‘วันนี้อากาศแจ่มใสเหมาะแก่การไปเที่ยวนอกบ้านนะคะ’ ไงล่ะ? เหมาะมากเลยนะเนี่ย!’
เสียงเปาะแปะของหยดน้ำที่ตกลงมาจากฟากฟ้าเริ่มถี่ขึ้นเรื่อยๆจนกลายเป็นเสียงซ่า ร่างสูงลุกขึ้นแล้วแนบแผ่นหลังกว้างให้ติดกับบานประตูมากที่สุดเพื่อให้ร่างกายของตัวเองพ้นจากละอองน้ำเย็นๆที่สาดเข้ามา
“แกร๊ก...พลั่ก!” ร่างสูงถึงกับเซไปเล็กน้อยเมื่อถูกกระแทกจากบานประตูที่เปิดสวนออกมา
คยูฮยอนสาบานได้ว่าแวบหนึ่งเขาเห็นริมฝีปากอวบอิ่มของชายหนุ่มร่างบางกระตุกยิ้มด้วยความสะใจที่ได้เห็นใบหน้าที่บิดเบี้ยวเพราะความเจ็บปวดของเขา
ฮันคยองมองเด็กหนุ่มร่างสูงด้วยแววตาเรียบเฉยอย่างที่อีกฝ่ายไม่เคยเห็นมาก่อน
‘แววตาเย็นชาแบบนี้ฉันสงวนลิขสิทธิ์นะเฟ้ย! นายอย่ามองฉันแบบนี้เซ่!’
“มีอะไรก็รีบๆพูดมา” ร่างบางเอ่ยเป็นเชิงสั่ง น้ำเสียงที่แหบแห้งและขาดห้วงของเขาบวกกับดวงตาที่ยังคงบวมช้ำอย่างเห็นได้ชัดทำให้คยูฮยอนรู้
ได้ไม่ยากว่าร่างบางตรงหน้าเพิ่งจะผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก
‘ฉันทำให้นายเสียใจมากขนาดนี้เลยเหรอ?’
ทันใดนั้นเอง ร่างสูงก็ได้ทำในสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดขึ้น เขานั่งคุกเข่าลงต่อหน้าชายหนุ่มหน้าหวานราวกับนักโทษที่ต้องการจะสารภาพบาป
ดวงตาเรียวเล็กเบิกกว้างเมื่อเห็นการกระทำของคนตรงหน้า มือบางเลื่อนไปจับหัวไหล่แกร่งของเด็กหนุ่มเพื่อดึงให้ลุกขึ้นอย่างลืมตัว
“ลุกขึ้นเถอะคยูฮยอน!” ชายหนุ่มจากแผ่นดินใหญ่ลนลานจนทำอะไรไม่ถูก เขาพยายามดึงอีกฝ่ายให้ลุกขึ้นยืนแต่ทว่าแรงของเด็กหนุ่มมีมากกว่าที่เขาคิดจนเขาต้องยอมปล่อยมือจากไหล่กว้างในที่สุด
“ฮันคยองฉันขอ...” คยูฮยอนพูดทั้งๆที่ยังก้มหน้าอยู่
“???” ฮันคยองเลิกคิ้ว รอฟังคำพูดของอีกฝ่ายอย่างตั้งใจ แต่แล้วสิ่งที่เขาได้ยินต่อจากนั้นกลับทำให้เขารู้สึกเสียใจเป็นที่สุดที่แอบใจอ่อนไปกับ
การกระทำของคนตรงหน้า
“...ขออาบน้ำที่นี่หน่อยนะ นั่งอยู่ข้างนอกอากาศมันร้อน ดูสิเหงื่อฉันออกเต็มเลยเห็นมั้ยเนี่ย?” ร่างสูงบ่นพลางก้มลงสำรวจเสื้อผ้าที่ชื้นไปด้วยเหงื่อและละอองฝนของตัวเอง
‘ไอ้เด็กเว้นนนน! ในพจนานุกรมของนายนี่มันมีคำว่า ‘จิตสำนึก’ บัญญัติอยู่บ้างมั้ยเนี่ย? รู้อย่างงี้ปล่อยให้นอนตากฝนเป็นปอดบวมตายไปซะก็ดีหรอก!’
“อยากทำอะไรก็ทำไปสิ! คนต้อยต่ำอย่างฉันมันจะมีสิทธิ์อะไรไปปฏิเสธคนสูงส่งอย่างนายล่ะ?!” ร่างบางประชดเสียงห้วนแล้วหมุนตัวหมายจะเดินกลับเข้าไปในบ้านแต่ก็ไม่สามารถทำได้ดั่งใจเมื่อมือบางของเขาถูกมือเรียวของอีกฝ่ายรั้งไว้เสียก่อน
ฮันคยองหันกลับมาหาอีกฝ่ายแล้วทำท่าจะกระตุกมือกลับ เด็กหนุ่มจึงรีบฉวยโอกาสพูดขึ้นทันที
“ฉันขอโทษ ฮันคยอง!” ร่างสูงพูดพร้อมกับก้มหัวลงต่ำทั้งๆที่ยังอยู่ในท่าคุกเข่า
คยูฮยอนก้มหัวแถมคุกเข่าขอโทษคนอื่นเนี่ยนะ?! โลกใบนี้คงถึงกาลอวสานแล้วแน่ๆ!
“นาย...เป็นอะไรมากมั้ยเนี่ย?” ร่างบางถามด้วยสีหน้าที่แสดงออกอย่างเด่นชัดว่าไม่ไว้ใจอีกฝ่าย
“หึๆๆ ฉันไม่แปลกใจหรอกนะที่นายจะไม่เชื่อฉัน ขนาดฉันยังไม่อยากเชื่อเลยว่าตัวเองจะทำอะไรแบบนี้ได้”
“......” ชายหนุ่มรอฟังคำพูดของอีกฝ่ายอย่างใจเย็นถึงแม้ว่าจะยังไม่ค่อยเข้าใจสถานการณ์ตรงหน้าก็ตาม
“เย็นวันพรุ่งนี้ช่วยมาสอนเปียโนฉันเหมือนเดิมด้วยนะ...ขอร้อง” พูดจบเด็กหนุ่มก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกก่อนจะหลับตาลงเพื่อรอคำตอบจากรุ่นพี่หน้าหวาน
“......ฉันเสียใจมากนะที่นายพูดแบบนั้น......” ฮันคยองพูดด้วยเสียงเบาหวิว น้ำใสๆรื้นขึ้นมาบริเวณขอบตาของเขาอีกครั้ง
“อืม ฉันรู้ ฟังนะ ฉันจะพูดแค่ครั้งเดียว ฉันขอโทษกับสิ่งที่ทำลงไป ฉันรู้ว่ามันผิด รู้ว่ามันทำให้นายเสียใจ ตอนนั้นฉันกำลังหงุดหงิดก็เลยพลั้งปากพูดไป แต่ฉันอยากให้นายรู้ว่าจริงๆแล้วฉันไม่ได้คิดอย่างงั้น ฉันไม่ได้ดูถูกนาย และฉันก็จะไม่มีวันดูถูกนายด้วย แล้วก็อย่าคาดคั้นเอาเหตุผลจากฉัน เพราะฉันหามาให้นายไม่ได้” เด็กหนุ่มหลุบตาลงหลังจากพูดจบ รอฟังคำตอบจากชายหนุ่มอย่างเงียบๆ
“ฉันไม่ชอบให้นายพูดแบบนั้น คราวหน้า...อย่าทำอีกนะ” ร่างบางเอ่ยความต้องการของตัวเองออกไปให้อีกฝ่ายได้รับรู้
คยูฮยอนยิ้มรับบางๆแล้วลุกขึ้นยืน
“สัญญา...จะไม่ทำอย่างนั้นอีกแล้ว”
ชายหนุ่มทั้งสองคนมองหน้ากันนิ่งๆสักพัก รอยยิ้มบนใบหน้าของคนทั้งคู่เป็นสัญลักษณ์ที่แสดงให้เห็นว่าความขัดแย้งระหว่างพวกเขาได้ยุติลงแล้ว
“คืนนี้ฉันขอค้างที่นี่เลยแล้วกัน นี่มันก็ดึกมากแล้ว ขี้เกียจกลับไปที่บ้าน” เด็กหนุ่มพูดพร้อมกับชูกระเป๋าเป้ในมือให้ร่างบางดู
“เอาสิ ถือว่าตอบแทนที่นายให้ฉันไปค้างบ้านนายละกัน แต่...เอ่อ...”
“อะไร?” คยูฮยอนเลิกคิ้วถามเมื่อเห็นท่าทางอึกอักของร่างบาง
“บ้านฉัน...มีเตียงแค่เตียงเดียวอ่ะนะ คือตอนซีวอน...”
“ฉันนอนพื้นได้!” ร่างสูงสวนขึ้นโดยที่ไม่รอให้อีกฝ่ายพูดจบ
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรเขาถึงรู้สึกไม่ชอบใจเวลาที่ได้ยินร่างบางพูดถึงชื่อของคนอื่น โดยเฉพาะคนที่เคยเป็นเจ้าของทั้งตัวและหัวใจของร่างบางอย่าง เชว ซีวอน
ฮันคยองขมวดคิ้วมองอีกฝ่ายด้วยความไม่เข้าใจ ก่อนที่จะเอ่ยขึ้นอย่างกล้าๆกลัวๆ
“เอ่อ...นายนอนบนเตียงไปเถอะ ฉันนอนพื้นเองก็ได้”
“ก็บอกว่านอนได้ไง! นายน่ะแก่แล้ว ลงมานอนบนพื้นแข็งๆเดี๋ยวกระดูกสันหลังก็เคลื่อนหรอก” คยูฮยอนพูดพร้อมกับส่งรอยยิ้มกวนๆมาให้อีกฝ่าย
ฮันคยองเองก็ยิ้มออกมาบ้าง
‘คุณชาย โจ คยูฮยอน คนเดิมกลับมาแล้วสินะ’
“เออๆ ไม่แก่บ้างให้มันรู้ไปนะ ไปอาบน้ำเถอะไป เหม็นเหงื่อจะแย่อยู่แล้ว เป็นคุณชายประสาอะไรเนี่ย ซกมกชะมัด” ร่างบางยกมือขึ้นมาบีบจมูกแกล้งให้อีกฝ่ายหน้าเสียเล่น
“ก็ที่เหงื่อออกขนาดเนี้ยะ เป็นเพราะใครกันล่ะ? ปล่อยให้ฉันนั่งรอได้ตั้งนาน” เด็กหนุ่มโวย
“นั่นสิน้า~ นั่งไปได้ตั้งเกือบสามชั่วโมง ฉันยังอึ้งเลย”
“ห๊า! สามชั่วโมง?!! นายคิดว่านายเป็นใครกันเนี่ย?! รู้อะไรมั้ย? ตั้งแต่เกิดมาฉันไม่เคยรอใครนานเกินสิบห้านาทีเลยนะ!”
“เหรอ? งั้นตอนนี้นายก็เคยแล้วไง รอฉันได้ตั้งสามชั่วโมงนี่”
“นายนี่มัน...”
เสียงหัวเราะของชายหนุ่มทั้งสองคนดังออกมาจากบ้านหลังเล็กแต่ทว่าเต็มเปี่ยมไปด้วยบรรยากาศแห่งความอบอุ่น สัญญาณแห่งสิ่งดีๆได้เริ่มขึ้น...
คยูฮยอน...คุณชายที่สุดแสนจะเย่อยิ่ง ไม่เคยก้มหัวให้ใคร ไม่เคยขอร้องใคร ไม่เคยเสียสละ...แต่คืนนี้เขาทำแล้ว
ฮันคยอง...ชายหนุ่มแสนดีที่ไม่เคยเปิดเผยความต้องการของตัวเอง ไม่เคยเรียกร้องจากใคร...แต่คืนนี้เขาทำแล้ว
-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-
ณ อีกมุมหนึ่งของกรุงโซล เด็กหนุ่มแก้มป่องในชุดสูทสีดำสนิทกำลังแหงนหน้ามองท้องฟ้ายามค่ำคืนที่ถูกแต่งแต้มด้วยแสงไฟระยิบระยับจากตึกระฟ้าในมหานครใหญ่
รอยยิ้มอบอุ่นถูกวาดลงบนใบหน้าหล่อเหลาเมื่อเจ้าตัวนึกถึงดวงหน้าหวานๆของรุ่นพี่ที่เพิ่งรู้จักกันไม่นานแต่ทว่ากลับได้หัวใจทั้งดวงของเขาไปครอบครองเรียบร้อยแล้ว
ถ้าใครได้มาเห็น คิม คิบอม ตอนนี้ ก็คงต้องคิดว่าเขาเป็นบ้าไปแล้วแน่นอน
เด็กหนุ่มยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้กับพระจันทร์และดวงดาวซึ่งในสายตาของเขามองเห็นเป็นใบหน้าหวานที่กำลังส่งยิ้มให้ เขาสูดอากาศบริสุทธิ์ภายนอกโรงแรมหรูและรู้สึกเหมือนกับว่ากลิ่นหอมของร่างบางลอยมาตามสายลม
ตั้งแต่เกิดมา...นี่เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกดื่มด่ำกับบรรยากาศรอบตัวมากขนาดนี้
‘พี่จะรู้ตัวมั้ยนะว่าพี่ทำให้ผมหลงใหลได้มากถึงขนาดนี้? พี่ฮันคยอง’
“ตึกๆๆ” เสียงฝีเท้าที่ดังขึ้นจากด้านหลังทำให้เด็กหนุ่มที่กำลังทอดความคิดไปไกลได้สติ คิบอมหันไปมองตามต้นเสียง
“อ้าว คุณซีวอน ออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์เหมือนกันเหรอครับ?” เด็กหนุ่มเอ่ยถามอย่างสุภาพ
“ครับ อยู่ในนั้นนานๆมันรู้สึกเหมือนกับโดนดูดพลังยังไงอย่างงั้นเลยนะ ทั้งๆที่ไม่ได้ทำอะไรนอกจากนั่งยิ้มแล้วก็ตอบคำถามผู้ใหญ่เล็กๆน้อยๆ
แต่ทำไมถึงได้รู้สึกเหนื่อยขนาดนี้ก็ไม่รู้” ชายหนุ่มร่างสูงพูดยิ้มๆ
“มันเป็นเรื่องธรรมดาของวงการนี้ครับ บรรยากาศในรัฐสภาน่ะยิ่งกดดันกว่านี้อีกนะ ผมถึงไม่เคยใฝ่ฝันจะเป็นนักการเมืองไง วันๆต้องนั่งปั้นหน้าทั้งๆที่ในใจอาจจะไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นก็ได้ ไหนยังจะต้องระวังความประพฤติทุกย่างก้าวอีก อิสระก็ไม่มี เป็นผมคงอึดอัดแย่” คิบอมพูดด้วยท่าทางสุขุมสมกับที่ได้รับการฝึกมาอย่างดีจากตระกูลนักการเมืองเก่าแก่
“ครับ ขนาดแค่จะอยู่กับคนที่เรารัก......ยังทำไม่ได้เลย”
To be continued
-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-
Talk: ครบ100%แล้วค่ะ เฮ้อ~ เอาตัวรอดไปได้อีกตอนนึง โล่งอกอย่างบอกไม่ถูก 555+
สำหรับคนที่สงสัยว่าทำไมชายเชวถึงต้องเลิกกับฮันนี่ ตอนนี้น่าจะเริ่มรู้กันแล้วเนาะ ^o^
ชายเชวคนดี๊คนดีไม่เคยสมหวังกับฮันนี่ในฟิคของไรเตอร์เลย(เรื่องที่แล้วก็รักฮันนี่แทบตาย แต่คังอินดันได้ใจฮันนี่ไปซะงั้น) ถ้าซีวอนได้มาอ่านคงต้องคิดว่าไรเตอร์เกลียดซีวอนแน่ๆเลย 555+ ไรเตอร์รักซีวอนน้า~ แต่เห็นว่าเป็นสุภาพบุรุษผู้เสียสละไง เพราะงั้นเรื่องนี้ก็เสียสละฮันนี่ให้คยูไปเถอะเนาะ XD
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นท์และทุกคนที่คลิกเข้ามาอ่านนะคะ ^^ เจอกันตอนหน้า(หวังว่าจะอีกไม่นาน)ค่ะ ^3^
ความคิดเห็น