คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : The Perfect Boy Next Door Part 10
Title: The perfect boy next door
Author: imazawa
Pairing: Kyuhyun/Hangeng
Rate: PG-13
Part 10
ณ ห้องทำงานบนตึกสูงแห่งหนึ่งใจกลางกรุงโซล ร่างสูงใหญ่ในชุดสูทสีดำท่าทางภูมิฐานกำลังนั่งอยู่หน้าโต๊ะทำงานที่ทำจากไม้เนื้อดี เขาถอนหายใจยาวด้วยความเหนื่อยล้าเนื่องจากการทำงานหนักตลอดทั้งวัน มือหนาหยิบแว่นสายตาออกจากใบหน้าหล่อเหลาก่อนที่จะใช้นิ้วนวดคลึงบริเวณสันจมูก
ดวงตาคมเข้มเหลือบไปมองเครื่องมือสื่อสารเครื่องเล็กที่ถูกวางอยู่ข้างแฟ้มเอกสารเกือบสิบแฟ้มที่เขาเพิ่งจะสะสางเสร็จไปเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา
“คุณชายซีวอนคะ ท่านประธานให้ดิฉันมาเรียนว่าคืนนี้เวลาสองทุ่มคุณชายมีนัดรับประทานอาหารค่ำกับท่านรัฐมนตรีคิม จะมีรถมารับตอน
หนึ่งทุ่มครึ่ง กรุณาเตรียมตัวให้พร้อมด้วยนะคะ” น้ำเสียงหวานหูของเลขาหน้าสวยเอ่ยกับร่างสูงผู้เป็นเจ้านาย
ซีวอนพยักหน้ารับนิ่งๆ
เมื่อหญิงสาวเดินออกไปจากห้อง ร่างสูงก็กลับมาให้ความสนใจกับโทรศัพท์มือถือบนโต๊ะอีกครั้ง เขาหยิบมันขึ้นมาไว้ในมือก่อนที่จะกดปุ่มตัวเลขต่างๆจนกระทั่งมันเรียงกันเป็นเบอร์ที่เขาคุ้นเคยและจำได้ขึ้นใจถึงแม้จะไม่ได้บันทึกเอาไว้ในเครื่องก็ตาม นิ้วโป้งของเขาวางนิ่งอยู่บนปุ่มโทรออกแต่ไม่ได้กดลงไป ไม่กี่อึดใจต่อมาเขาก็ตัดสินใจกดลบเบอร์นั้นทิ้ง เรียวปากหยักเหยียดยิ้มราวกับจะเยาะเย้ยตัวเอง
‘เมื่อก่อน...ตอนที่ผมยังไม่มีเบอร์โทรศัพท์ของพี่ ตอนนั้นผมว่าผมทรมานมากแล้วนะ แต่มันเทียบกับที่ผมรู้สึกอยู่ในตอนนี้ไม่ได้เลย ทั้งๆที่ผมมีเบอร์ของพี่ ทั้งๆที่ผมคิดถึงพี่จนแทบจะบ้า แต่ผมกลับโทรหาพี่ไม่ได้ มันทรมานกว่าตอนที่ผมไม่รู้เบอร์ของพี่เสียอีก หลายวันที่ผ่านมาผมให้เวลากับงานจนแทบไม่ได้หลับไม่ได้นอน คิดว่ามันจะทำให้ผมเลิกคิดถึงพี่ได้ แล้วผมก็อาจจะรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง แต่ไม่รู้ว่าทำไม สิ่งเดียวที่ผมรู้สึกได้ในตอนนี้ถึงมีแต่ความเหนื่อยล้ากับความเจ็บปวด การใช้ชีวิตไปวันๆโดยไม่มีจุดหมายแล้วก็ขาดกำลังใจนี่มันเหนื่อยมากจริงๆนะครับ ผมคิดถึงพี่ อยากกอดพี่
อยากรักพี่เหมือนเดิม แต่...ผมทำอย่างนั้นไม่ได้จริงๆ ผมรักพี่มากนะครับ...พี่ฮันคยอง’
-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-
ตอนสายอันแสนจะร้อนอบอ้าวของวันทำงานแบบนี้เป็นช่วงเวลาที่น่าเบื่อที่สุดสำหรับฮันคยอง
หลังจากที่เขาแปลเอกสารสองสามฉบับที่ลูกค้ารายย่อยส่งมาให้เสร็จเรียบร้อยแล้ว หน้าที่ในฐานะนักแปลเอกสารของเขาในวันนี้ก็หมดลง
เขามีเวลาว่างตลอดทั้งวันจนกว่าจะถึงตอนเย็นที่จะต้องไปทำหน้าที่เป็นครูสอนเปียโนให้เด็กหนุ่มร่างสูงข้างๆบ้าน
ใครหลายๆคนอาจจะพยายามไขว่คว้าหาเวลาว่าง แต่ไม่ใช่สำหรับฮันคยองคนนี้
ฮันคยองคิดว่าเวลาว่างทำให้เขาฟุ้งซ่านได้ง่ายกว่าปกติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาแบบนี้เขายิ่งอยากทำตัวให้ยุ่งเข้าไว้ เพราะทุกครั้งที่เขาว่าง มันจะทำให้เขาคิดถึง...ซีวอน
ร่างบางมองนาฬิกาที่ถูกแขวนไว้บนผนังห้องก่อนที่จะหันกลับมามองโทรศัพท์มือถือเครื่องเล็กที่อยู่ในมือ ริมฝีปากอวบอิ่มเหยียดยิ้มราวกับ
จะเยาะเย้ยตัวเอง
‘ผมมันน่าสมเพชที่สุดเลย ทั้งๆที่ผมบอกกับทุกคนว่าตัวเองเข้มแข็ง ผมบอกซีวอนว่าคงจะไม่ได้โทรคุยกันอีก บอกเขาว่าไม่ต้องเป็นห่วงผม แต่พอเขาไม่โทรมาหาผมจริงๆ ผมกลับรู้สึกเหงาจนแทบทนไม่ได้ เหมือนกับก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายมันลดขนาดลง เมื่อก่อนนี้ ตอนที่เรายังไม่มีเบอร์ของ
กันและกัน ผมต้องรอจนถึงเช้ากว่าที่จะได้เห็นหน้าและได้ยินเสียงของเขา ตอนนั้นผมคิดว่ามันทรมานแล้วนะครับ แต่มันเทียบกับที่ผมรู้สึกอยู่ใน
ตอนนี้ไม่ได้เลย ผมมีเบอร์ของเขาแต่ผมโทรหาเขาไม่ได้ และที่ยิ่งไปกว่านั้น ผมรู้ว่าเขามีเบอร์ของผม แต่...เขาไม่โทรหาผม ผมคิดถึงเขา อยากให้เขากอด อยากให้เขารักผมเหมือนเดิม แต่ผมจะทำอย่างนั้นได้ยังไงในเมื่อเขา...เชว ซีวอน...ไม่ได้รักผมอีกต่อไปแล้ว’
“ครืดๆ” แรงสั่นสะเทือนจากโทรศัพท์มือถือในมือทำเอาร่างบางที่กำลังปล่อยความคิดให้ล่องลอยไปถึงกับสะดุ้งด้วยความตกใจ นิ้วเรียวกดปุ่มรับสายทั้งๆที่ยังไม่ได้ดูชื่อของคนที่โทรมาด้วยซ้ำ
“ฮัลโหลซีวอน?” ฮันคยองเผลอพูดชื่อของคนที่เขากำลังคิดถึงออกไป
“เอ่อ ผมคิบอมครับ” น้ำเสียงงงๆจากปลายสายเอ่ยขึ้นหลังจากที่ร่างบางพูดจบ
ร่างบางสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อรู้ตัวว่าพูดอะไรออกไป
‘สติของผมหายไปไหนหมดแล้วเนี่ย? แค่มีโทรศัพท์เข้ามาตอนสิบโมงสามนาที ผมก็เหมาเอาว่าเป็นซีวอนที่โทรมาอย่างงั้นเหรอ?’
“พี่ฮันคยอง? เป็นอะไรหรือเปล่าครับ?” คิบอมถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเงียบไปนานผิดปกติ
“อ๋อ ปะ เปล่าหรอกคิบอม ขอโทษทีนะ คือเมื่อกี๊พี่รอโทรศัพท์จากเพื่อนอยู่น่ะ เขาบอกว่าจะโทรมา พี่ก็เลยคิดว่าเป็นเขา ขอโทษจริงๆที่เข้าใจผิด”
ร่างบางรีบเอ่ยปากแก้ตัวด้วยน้ำเสียงที่บอกไม่ถูกว่ากำลังรู้สึกผิดหรือรู้สึกเศร้ากันแน่
“ครับ ไม่เป็นไรครับพี่ฮันคยอง” เด็กหนุ่มตอบทั้งๆที่ยังรู้สึกสงสัยว่าทำไมอีกฝ่ายถึงต้องรู้สึกผิดกับเรื่องเล็กน้อยแค่นี้
“โทรมามีอะไรหรือเปล่า? หืม?” ฮันคยองถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน น้ำเสียงที่ทำให้หัวใจของ คิม คิบอม ไหววูบทุกครั้งที่ได้ยิน
“เอ่อ คือ วันนี้ผมมีเรียนแค่ช่วงเช้า ตอนบ่ายผมว่างน่ะครับ เลยอยากชวนพี่ฮันคยองไปดูหนังด้วยกัน” คิบอมพูดพร้อมกับยิ้มกว้างโชว์ฟันขาวถึงแม้จะรู้ว่าคู่สนทนาไม่มีทางได้เห็นก็ตาม
“หื๊อ? แล้วโจวมี่กับคยูฮยอนล่ะ? นายไปกับเพื่อนๆจะไม่สนุกกว่าเหรอ?” ร่างบางเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจที่จู่ๆก็ถูกเด็กหนุ่มที่เพิ่งรู้จักกันชวนไปดูหนัง ถึงเขาจะเป็นผู้ชายก็เถอะ แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่ามันเร็วไปหน่อยสำหรับการออกไปเที่ยวกันเพียงสองต่อสองแบบนี้
“โจวมี่กับคยูฮยอนเขาติดสอบน่ะครับ ผมอยากดูหนังเรื่องนี้มากๆเลยแล้วมันก็ใกล้จะออกจากโรงแล้วด้วย ไปดูเป็นเพื่อนผมหน่อยนะครับ นะครับ
พี่ฮันคยอง?” เด็กหนุ่มอ้อนจนร่างบางใจอ่อนในที่สุด
ดวงเขามันคงจะต้องแพ้ทางเด็กไปตลอดชีวิตสินะ?
“ก็ได้ จะให้พี่ไปเจอนายที่ไหนดีล่ะ?” หนุ่มชาวจีนถามพร้อมรอยยิ้มบางๆ
“เดี๋ยวผมไปรับพี่ที่บ้านเองครับ” ร่างสูงตอบตอบด้วยเสียงมั่นใจ
“เอ๋?! นายรู้เหรอคิบอมว่าบ้านพี่อยู่ที่ไหนน่ะ?” ฮันคยองถามด้วยความสงสัย
“ไม่รู้หรอกครับ แต่ผมรู้ว่าบ้านของคยูฮยอนอยู่ไหน บ้านพี่ฮันคยองก็อยู่ข้างๆบ้านเขาใช่มั้ยล่ะครับ? พี่ออกมายืนรอผมหน้าบ้านก็แล้วกัน เดี๋ยวใกล้ๆถึงแล้วผมจะโทรไปหาอีกทีนะครับ” คิบอมพูดด้วยน้ำเสียงสบายๆก่อนที่จะกดปุ่มวางสายเมื่อได้รับคำตอบจากอีกฝ่ายเรียบร้อยแล้ว
รอยยิ้มอ่อนโยนไม่ได้จางหายไปจากใบหน้าของเด็กหนุ่มแก้มป่องเลยตลอดระยะทางที่เขาขับรถมาถึงบ้านของฮันคยอง มันเป็นรอยยิ้มที่เขามีไว้ให้สำหรับคนๆเดียวเท่านั้นบนโลกใบนี้
ไม่กี่นาทีต่อมารถยนต์สีดำคันหรูก็มาจอดหน้าบ้านของฮันคยองโดยที่ร่างบางผู้เป็นเจ้าของบ้านยืนรออยู่ก่อนแล้ว
คิบอมเดินลงมาจากรถก่อนที่จะอ้อมมายังอีกฝั่งหนึ่งเพื่อเปิดประตูรถให้กับรุ่นพี่หน้าหวาน
ฮันคยองทำหน้างงๆ ไม่ยอมก้าวขึ้นรถเสียที จนคิบอมต้องสะกิดที่ต้นแขนเรียวเบาๆ
“พี่ฮันคยองครับ?”
“คิบอม” ดวงตาเรียวที่เต็มไปด้วยความสงสัยสบตาร่างสูง
“ครับ?” เด็กหนุ่มเลิกคิ้ว
“พี่เป็นผู้ชาย”
“ครับ?” คิบอมงง
‘ผมรู้ครับว่าพี่เป็นผู้ชาย ถึงพี่จะหน้าหวานขนาดนี้ก็ตามอ่ะนะ’
“แล้วพี่ก็อายุมากกว่านายด้วยนะ”
“เอ่อ...” คิบอมยิ่งงงหนัก
‘อันนั้นผมก็รู้ครับ ถึงพี่จะหน้าเด็กจนผมไม่อยากจะเชื่อว่าพี่อายุมากกว่าผมก็ตามอ่ะนะ’
“......” ฮันคยองเงียบ
“เอ่อ...พี่ฮันคยองอยากจะบอกอะไรกับผมเหรอครับ?” คิบอมถามด้วยความไม่เข้าใจกับท่าทางและคำพูดแปลกๆของร่างบาง
“นายไม่ต้องบริการพี่ขนาดนี้ก็ได้ มันทำให้พี่รู้สึกแปลกๆนะรู้มั้ย?” ฮันคยองพูดด้วยสีหน้าลำบากใจ
เด็กหนุ่มถอนหายใจอย่างโล่งอกก่อนที่จะยิ้มออกมาเมื่อได้รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังกังวลเรื่องอะไรอยู่
“พ่อกับแม่ผมสอนให้ผมดูแลคนอื่นมาตั้งแต่ผมจำความได้แล้วล่ะครับ มันติดเป็นนิสัยไปแล้วล่ะ อย่าคิดมากเลยนะครับพี่ฮันคยอง”
ฮันคยองพยักหน้ารับ ถึงแม้ว่าจะยังรู้สึกแปลกๆแต่ก็ไม่อยากต่อความยาวสาวความยืดให้เสียบรรยากาศ แล้วอีกอย่างเด็กหนุ่มแก้มป่องคนนี้ก็ดูจะ
ไม่ได้มีเจตนาร้ายกับเขาด้วย
ขาเรียวก้าวขึ้นรถก่อนจะเงยหน้าพูดกับเด็กหนุ่มร่างสูงที่กำลังจะปิดประตูรถให้
“ขอบคุณนะที่ดูแลพี่ แต่คราวหน้าไม่ต้องทำขนาดนี้หรอก พี่ดูแลตัวเองได้” ฮันคยองพูดพร้อมรอยยิ้มที่สามารถทำให้คนทั้งโลกหลงรักเขาได้ รวมทั้งคิบอมด้วย
เด็กหนุ่มแก้มป่องอดไม่ได้ที่จะเคลิบเคลิ้มไปกับรอยยิ้มหวานบาดใจนั่น เขายืนนิ่งอยู่นานจนร่างบางต้องเขย่าแขนเขาเพื่อเรียกสติ
“คิบอม? จะไปกันหรือยัง? เคอร์ฟิวของพี่ห้าโมงเย็นนะ เดี๋ยวก็ไม่ทันหรอก” ชายหนุ่มพูดด้วยท่าทางขี้เล่น
“อ่ะ ครับ ไปเดี๋ยวนี้แหละครับ” พูดจบคิบอมก็ปิดประตูรถอย่างรวดเร็วเสียจนตัวเองเกือบจะถูกประตูหนีบก่อนที่จะรีบวิ่งไปนั่งอีกฝั่งแล้วขับรถ
คันสวยออกไป
-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-
เป็นเวลาเกือบห้าโมงเย็นแล้วกว่าที่คิบอมและฮันคยองจะเดินออกมาจากโรงภาพยนตร์ในห้างสรรพสินค้าชื่อดังแห่งหนึ่ง
รอยยิ้มสดใสปรากฏอยู่บนใบหน้าของชายทั้งสองคนอย่างชัดเจน
“พี่ไม่ยักรู้นะเนี่ยว่าคิบอมชอบดูหนังแนวนี้ด้วย” ร่างบางพูดพร้อมรอยยิ้มทะเล้นๆ
“หน้าตาผมมันเหมือนคนที่จะดูหนังรักโรแมนติกไม่ได้หรือไงครับเนี่ย?” คิบอมแกล้งงอน แก้มที่ป่องอยู่แล้วยิ่งพองขึ้นไปอีก การกระทำของ
เด็กหนุ่มมันน่ารักมากเสียจนฮันคยองอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้
“ไม่ใช่อย่างง้าน~ พี่ก็แค่คิดว่าเด็กผู้ชายอย่างนายน่าจะชอบดูหนังแอ็คชั่นหรืออะไรแบบนั้นมากกว่าน่ะ โอ๋ๆอย่างอนนะเด็กน้อย” นิ้วเรียวจิ้มแก้มป่องๆของเด็กหนุ่มเบาๆ
คิบอมยิ้มกว้างก่อนที่จะยกมือแกร่งของตัวเองขึ้นมาวางทาบทับบนมือบางของชายหนุ่มรุ่นพี่ ทั้งคู่สบตากันนิ่งๆ
ถ้าใครได้มาเห็นภาพของชายหนุ่มทั้งสองคนตอนนี้แล้วล่ะก็ คงจะต้องเข้าใจว่าพวกเขาเป็นคนรักกันอย่างแน่นอน
ร่างบางสะดุ้งเล็กน้อยทำให้เด็กหนุ่มได้สติ เขารีบปล่อยมือบางของอีกฝ่ายให้เป็นอิสระ ก่อนที่จะยกมือขึ้นมาเกาแก้มของตัวเองอย่างเขินๆ
‘นี่ผมรุกพี่ฮันคยองเขาหนักเกินไปหรือเปล่าครับเนี่ย? ทั้งๆที่เราเพิ่งจะรู้จักกันแต่ผมกลับทำแบบนี้ ไม่ได้การล่ะ ต่อไปนี้ผมจะต้องรู้จักควบคุมตัวเองให้ดีขึ้น ไม่งั้นพี่เขาคงกลัวผมแล้วหนีไปที่ก่อนที่เราจะได้คบกันแน่ๆ’
“ปกติผมก็ไม่ค่อยชอบดูหนังแนวนี้หรอกครับ แต่ที่ผมอยากดูหนังเรื่องนี้ เป็นเพราะว่า...ผมชอบชื่อเรื่องน่ะครับ” คิบอมพูดด้วยรอยยิ้ม
“นายอยากดูหนังเพราะชอบชื่อเรื่องเนี่ยนะ?” ร่างบางถามแล้วหัวเราะเบาๆ
มองจากภายนอกแล้วดูเหมือนจะเป็นผู้ใหญ่ แต่ทำไมนิสัยถึงได้เหมือนเด็กๆแบบนี้นะคิบอม?
“ครับ ชื่อเรื่องมันตรงกับชีวิตของผมตอนนี้น่ะ” เด็กหนุ่มยิ้มกว้างเผยให้เห็นฟันขาวที่เรียงตัวกันอย่างสวยงาม
“Love At First Sight? รักแรกพบงั้นเหรอ?” ฮันคยองขมวดคิ้ว
คิบอมได้แต่ยิ้ม ไม่ได้พูดอะไรตอบเพียงแต่พยักหน้ารับเบาๆเป็นการบอกว่าร่างบางเข้าใจถูกแล้ว ชื่อของหนังเรื่องนี้มันตรงกับชีวิตของเขา รักแรกพบที่เขามีให้กับคนตรงหน้า รักที่เกิดขึ้นอย่างไร้เหตุผลทันทีที่เขาได้พบกับร่างบาง
ฮันคยองยิ้มแหยๆ ไม่รู้ว่าตัวเองควรจะพูดอะไรต่อดี คำพูดกับสายตาหวานเยิ้มแปลกๆที่ร่างสูงส่งมาทำให้เขารู้สึกลำบากใจไม่น้อย...ก็มันเหมือนกับว่าเด็กหนุ่มกำลังสารภาพรักกับเขายังไงอย่างงั้นเลยนี่นา
ร่างบางสะบัดหัวไล่ความคิดแปลกๆออกไป
‘ผมคงคิดมากไปเองแหละ เราเพิ่งจะรู้จักกันแค่ไม่กี่วัน เขาจะมาสารภาพรักกับผมได้ยังไง? อีกอย่าง ผมมีอะไรให้เขารักกัน? คนอย่างผมไม่คู่ควรให้เขามารักหรอก ตอนนี้ ผมรู้สึกว่าผมไม่คู่ควรกับใครสักคน แม้แต่คนที่สัญญาว่าจะอยู่ด้วยกันตลอดไป เขายังทิ้งผมเลย แล้วแบบนี้ ผมจะกล้าคิดว่าคนที่ดีพร้อมอย่างคิบอมรักผมได้ยังไง?’
“ใกล้จะได้เวลาที่พี่จะต้องไปสอนเปียโนคยูฮยอนแล้วสินะครับ? ให้ผมไปส่งนะ” เด็กหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงสุภาพ
ร่างบางพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย แต่ยังไม่ทันที่ทั้งคู่จะได้เดินออกไปยังลานจอดรถ โทรศัพท์มือถือของร่างบางก็สั่นขึ้นเสียก่อน
คิ้วของร่างบางขมวดมุ่นเมื่อเห็นชื่อของคนที่โทรเข้ามา...คยูฮยอน...
“สวัสดีคยูฮยอน?” ฮันคยองรับสาย
“อือ ตอนนี้ฉันอยู่หน้ามหา’ลัย มาหาฉันที่นี่ด่วน” น้ำเสียงทุ้มต่ำแข็งกระด้างเอ่ยขึ้น
“ไปทำไม?” ร่างบางถามด้วยความไม่เข้าใจ
“จะอยากรู้ไปทำไมกัน? ฉันบอกให้มาก็รีบๆมาเถอะ” ร่างสูงที่อยู่อีกฝั่งของสายโทรศัพท์ถอนหายใจแรงๆด้วยความไม่พอใจ
“ไม่ไป ถ้านายไม่บอกว่าให้ไปทำไมฉันก็ไม่ไปหรอกนะ” ชายหนุ่มจากแผ่นดินใหญ่ยื่นคำขาด บางครั้งเด็กหนุ่มคนนี้ก็สมควรจะถูกดัดนิสัยเสียบ้าง
“......” คยูฮยอนเงียบไป แต่ร่างบางสาบานได้ว่าเขาได้ยินเสียงอีกฝ่ายกัดฟันกรอดด้วยความเจ็บใจ
“ว่าไง?” ฮันคยองถามย้ำ
“ฉันอยากได้ซีดีเพลงอยู่แผ่นนึง นายต้องไปซื้อกับฉัน” เด็กหนุ่มพูดอีกครั้งด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว
“เฮ้อ~ นั่นมันประโยคคำสั่งนี่ นายขอร้องคนอื่นไม่เป็นหรือยังไงกันนะคยูฮยอน?” ร่างบางถอนหายใจ แต่รอยยิ้มบางๆก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า
เด็กหนุ่มคนนี้ทำให้เขาคิดถึงอดีตคนรักอีกแล้ว คยูฮยอนตอนนี้ เหมือนกับซีวอนเมื่อก่อนไม่มีผิดเลย
ทันทีที่รู้ตัวว่าตัวเองกำลังคิดอะไรอยู่ ฮันคยองก็รีบส่ายหน้าทันที
‘นี่ผมกำลังเอาคยูฮยอนมาเปรียบเทียบกับซีวอนอย่างงั้นเหรอ?’
“ตกลงนายจะมามั้ย?” ร่างสูงถามอย่างหมดความอดทน
“อืมๆ ก็ได้ๆ เดี๋ยวฉันไปหานายที่หน้ามหา’ลัย รอหน่อยก็แล้วกันนะคุณชาย ตอนนี้ฉันไม่ได้อยู่แถวบ้าน” ร่างบางตอบตกลงในที่สุด
“อือ” เด็กหนุ่มร่างสูงตอบแล้ววางสายไป
ฮันคยองหันไปหาคิบอมที่ยืนรออยู่
“ขอโทษนะคิบอม ช่วยไปส่งพี่ที่หน้ามหา’ลัยของนายหน่อยได้มั้ย? คยูฮยอนเขาอยากให้พี่ไปซื้อซีดีด้วยกันน่ะ” ร่างบางเอ่ยถามด้วยท่าทางเกรงใจ เขารู้สึกว่าตัวเองกำลังทำให้เด็กหนุ่มตรงหน้ากลายเป็นคนขับรถของเขาไปเสียแล้ว
“สบายมากครับพี่ฮันคยอง ไม่ต้องเกรงใจผมหรอก” คิบอมตอบพร้อมรอยยิ้มจริงใจที่ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้าง
อย่างน้อยเขาก็คงไม่ได้ทำให้คิบอมลำบากมากเกินไปนะ
-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-
เด็กหนุ่มหน้าหล่อคนหนึ่งกำลังยืนอยู่หน้าป้ายชื่อมหาวิทยาลัยด้วยท่าทางหงุดหงิดอย่างไม่คิดจะปิดบัง ข้างๆกันนั้นมีร่างสูงของเด็กหนุ่มอีกคนยืนอยู่ด้วย
‘สิบห้านาที! ฉันรอนายมาสิบห้านาทีแล้วนะฮันคยอง! นายรู้บ้างมั้ยว่าตั้งแต่ที่ฉันจำความได้ ฉันไม่เคยรอใครนานขนาดนี้มาก่อนเลย?! นายไปอยู่
ที่ไหนของนายเนี่ย? ทั้งๆที่ก็รู้ตัวอยู่ว่าห้าโมงเย็นนายต้องมาสอนเปียโนให้ฉัน นายยังจะกล้าออกไปไหนไกลๆอีกเหรอ? หงุดหงิดโว้ย!
คอยดูนะ ถ้ามาถึงเมื่อไหร่พ่อจะด่าให้ลืมภาษาจีนเลย’
“นายจะหงุดหงิดไปทำไมเนี่ย? พี่ฮันคยองเขาก็บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าเขาไม่ได้อยู่แถวบ้านน่ะ?” โจวมี่เอ่ยถามเพื่อนที่ยืนทำหน้าเหมือนหมาป่าอดกินกระต่ายอยู่ข้างๆ
คยูฮยอนหันมามองโจวมี่ด้วยสายตาดุๆปนประหลาดใจ เพราะไม่บ่อยครั้งนักที่เพื่อนร่างสูงคนนี้จะกล้าถามเขาด้วยท่าทางท้าทายอย่างที่กำลังทำอยู่
“ถ้าไม่ชอบการรอคอยนักล่ะก็ ทำไมถึงไม่ไปคนเดียวล่ะ? ปกตินายก็ไม่เคยใส่ใจคนอื่นอยู่แล้วนี่”
ร่างสูงนิ่งเงียบเมื่อได้ยินคำถามจากเพื่อน เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงจะต้องโทรไปขอร้อง(?)ให้ร่างบางไปเป็นเพื่อนเขาด้วย และทั้งๆที่เขาเกลียดการรอคอยมากขนาดนี้ ทำไมเขาถึงยังทนนั่งรอร่างบางนั้นได้อีกนะ?
ยังไม่ทันที่เด็กหนุ่มร่างสูงจะได้คิดอะไรต่อ รถยนต์สีดำที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดีเพราะมันเป็นรถของเพื่อนสนิทก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าเขา
คยูฮยอนมองร่างของเพื่อนรักที่เดินลงมาจากรถด้วยท่าทางนิ่งๆ แต่แล้วเขาก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อเห็นว่าร่างบางที่เดินลงมาจากอีกฝั่งหนึ่งของรถนั้นเป็นครูสอนเปียโนของเขาเอง
ความรู้สึกเจ็บจี๊ดแปลกๆแล่นเข้ามาในอกข้างซ้ายของคยูฮยอนเมื่อเขาได้เห็นภาพของชายหนุ่มหน้าหวานกำลังเงยหน้าคุยกับเด็กหนุ่มที่เป็นเพื่อนของเขาด้วยรอยยิ้มสดใส
“ขอบคุณมากนะคิบอมที่มาส่ง วันนี้พี่สนุกมากเลย คราวหน้าให้พี่พานายไปเลี้ยงข้าวบ้างนะ” ฮันคยองพูดแล้วยิ้มให้เด็กหนุ่มแก้มป่องตรงหน้า
“ได้เลยครับพี่ฮันคยอง เฮ้อ~ ผมอยากอยู่กับพี่ต่อจังเลย นี่ถ้าไม่ติดว่าวันนี้ผมมีนัดทานอาหารค่ำกับคุณพ่อล่ะก็น๊า~” คิบอมพูดด้วยท่าทางเสียดาย
“ฮะๆๆ เดี๋ยวเราก็ได้เจอกันอีกน่า มหา’ลัยของนายก็อยู่ใกล้บ้านพี่แค่นี้เอง วันนี้นายไปทานข้าวกับคุณพ่อก่อนเถอะ เดี๋ยวถูกตัดออกจากกองมรดกไม่รู้ด้วยนะ” ร่างบางแซวอีกฝ่ายเล่น
“โอ้ นั่นสิครับ มรดกสำคัญยิ่งชีพ ฮ่าๆๆ งั้นผมไปก่อนล่ะครับพี่ฮันคยอง กลับบ้านระวังๆนะครับ” คิบอมโบกมือให้รุ่นพี่ร่างบางก่อนที่จะก้าวขึ้นรถแล้วขับออกไป
“ไปกันเลยมั้ยคยูฮยอน?” ฮันคยองหันมาถามเด็กหนุ่มที่ยังคงยืนนิ่งราวกับวิญญาณหลุดออกจากร่าง
ร่างบางหันไปหาโจวมี่แล้วทำหน้าเป็นเชิงถามว่า ‘เกิดอะไรขึ้นเหรอ?’ แต่คำตอบที่ได้รับกลับเป็นเพียงการส่ายหน้าช้าๆของเด็กหนุ่มร่างสูงเท่านั้น
คยูฮยอนจ้องมองใบหน้าหวานของชายชาวจีนนิ่ง ความรู้สึกเจ็บแปล๊บๆยังคงโจมตีเขาอย่างต่อเนื่อง ราวกับว่ามีกระแสไฟฟ้าอ่อนๆจี้ไปยังก้อนเนื้อที่เต้นตุบๆอยู่ในอกข้างซ้ายของเขา
‘ผมเป็นอะไรไปเนี่ย? ผมไม่แปลกใจเลยที่ผมรู้สึกหงุดหงิด เพราะผมเกลียดการรอคอย ผมหงุดหงิดมากที่เขาปล่อยให้ผมต้องรอถึงสิบห้านาที ผมไม่แปลกใจเลยที่ผมรู้สึกโมโห เพราะฮันคยองไปเที่ยวกับคิบอมทั้งๆที่รู้อยู่ว่าจะต้องมาสอนเปียโนผมต่อ ผมโมโหมากที่เขาพากันไปเที่ยวไกลๆแบบนั้น ถ้ากลับมาสอนผมไม่ทันจะว่าไง? แต่ที่ผมแปลกใจก็คือ ทำไมผมถึงรู้สึกเสียใจที่เห็นฮันคยองยิ้มให้คิบอมด้วย? นี่ผมเสียใจ เพราะเขายิ้มให้คนอื่นที่ไม่ใช่ผมอย่างนั้นเหรอ?’
To be continued
-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-*-
Talk: ก่อนอื่นก็ต้องขอโทษด้วยนะคะที่หายไปนานมากกกกกกกก นานกว่าที่คิดไว้ซะอีก ช่วงที่ผ่านมายุ่งอยู่กับการสอบตรงน่ะค่ะ
ตอนนี้อาจจะดูขัดๆไปหน่อยนะคะ ไม่ได้แต่งต่อนาน อารมณ์มันก็เริ่มจางๆไปอีกแล้ว กว่าจะต่อติดใหม่ได้ คงต้องใช้เวลาสักระยะนึง แหะๆๆ =o=”
หลังจากนี้ก็ยังคงจะยุ่งต่อไปอีกสักพักใหญ่ๆ แต่ยังไงก็ไม่ทิ้งฟิคเรื่องนี้แน่ๆค่ะ รับรอง
จะพยายามมาต่อให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้นะคะ ขอบคุณสำหรับทุกๆคอมเม้นท์และทุกคนที่คลิกเข้ามาอ่านจนถึงตอนนี้ค่ะ ^^
Ps. Happy Birthday to คุณ fanaticsj ย้อนหลังค่ะ ขอให้มีความสุขมากๆนะคะ เอาของขวัญวันเกิดมาส่งให้ ถึงจะช้าไปแต่ก็หวังว่าจะชอบนะคะ
ขอบคุณที่ติดตามอ่านฟิคเรื่องนี้ค่ะ ^0^
ความคิดเห็น