ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Love You Forever รักเธอชั่วนิรันดร์{WonYe,HaeRyeo}

    ลำดับตอนที่ #6 : Charpter 5

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 627
      0
      11 ต.ค. 53

    Charpter 5

     

    เยซองนั่งรออยู่ที่หน้าห้องตรวจ จิตใจของเขาระส่ำระส่ายอยากเข้าไปตรวจเร็วๆเหลือเกินเมื่อได้อ่านแผ่นพับที่เรียวอุคหยิบมาจากเคาท์เตอร์ มันเป็นแผ่นพับเกี่ยวกับเรื่องโรคหัวใจ

    อาการของพี่มันตรงทั้งหมดเลยใช่มั๊ยครับ

    เรียวอุคถามตรงๆ เยซองเพียงแค่หันไปยิ้มให้บางๆ เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาเป็นโรคหัวใจหรือเปล่าแต่อาการทั้งหมดจากที่ได้อ่านมามันตรงหมดเลย เรียวอุคเงยหน้าขึ้นมองซีวอนที่นั่งอยู่ข้างๆ ดวงตาคมเย็นชาเช่นเดิมแต่เรียวอุคมองก็รู้ว่าอีกคนกำลังคิดมากแค่ไหน เขาหันมามองรุ่นพี่ข้างๆ

    หมออีทึกบอกผมมา ผมเลยกะว่าจะพาพี่ไปตรวจสักสามแห่ง เพื่อป้องกันความผิดพลาด ถ้าผลออกมาตรงหมดว่าพี่เป็นโรคหัวใจ ผมว่าพี่ต้องทำใจและยอมรับให้ได้

    เยซองอยากจะแย้ง แต่เขากลับกลัวมากกว่า ทำไม ทำไมเขาถึงต้องเป็นอย่างนี้ ทำไมเขาต้องเป็นโรคหัวใจด้วย

    เขาบอกกันว่ามันรักษาได้ยากหรือรักษาไม่หาย แต่มันก็พอทุเลาลงได้บ้างถ้าดูแลดีๆ

    เรียวอุคพูดขึ้น เขาไม่รู้ว่าเยซองกำลังคิดอะไรแต่ในเมื่อนี่คือเรื่องจริงที่คนข้างๆต้องยอมรับ คนข้างๆเขาก็ควรจะยอมรับและทำใจตั้งแต่เนิ่นๆ

    เชิญคุณคิม จงอุนเข้าไปตรวจได้แล้วค่ะ

    เยซองมองเรียวอุคก่อนที่จะเดินเข้าไปด้วยกัน ซีวอนทำท่าจะไม่ตามเข้าไปแต่ในที่สุดเขาก็เดินตามเข้าไป เขาต้องรับรู้เรื่องนี้เผื่อจะใช้ขู่อะไรคนตัวเล็กได้บ้าง

    สวัสดีครับ คุณหมอ

    ครับสวัสดีครับ คุณคิม จงอุนสินะครับ

    เยซองพยักหน้า คุณหมออ่านประวัติคนไข้เล็กน้อยก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาแล้วยิ้มให้ เยซองยิ้มไม่ออกแต่ก็ยังฝืนยิ้ม อาจจะไม่ใช่ก็ได้นะเยซอง อย่าคิดมากสิ

    อืม...คุณจะมาตรวจร่างกายประจำเดือนเหรอครับ

    เอ่อ...เปล่าครับ ผมจะมาตรวจโรคหัวใจน่ะครับ

    คุณหมอดูเหมือนจะนิ่งเงียบไป เขาเงยหน้าขึ้นมองผู้ตรวจแล้วส่งยิ้มไปให้บางๆ

    โอเคครับ งั้นคุณช่วยตอบคำถามของผมต่อไปนี้ตามความจริงนะครับ

    ครับ

    เยซองตั้งสมาธิก่อนจะเริ่มตอบคำถามของหมอทีละข้อ ทีละข้อจนครบ เรียวอุคและซีวอนต่างก็นั่งเงียบๆแต่ใช้ความคิดแตกต่างกันออกไป

    เรียวอุคกำลังกังวลกับสิ่งที่รุ่นพี่คนสนิทของเขากำลังจะเจอ ถึงแม้ภายนอกเขาจะดูเย็นชาใส่แต่จริงๆแล้วเขาเป็นห่วงรุ่นพี่ที่เขาเคารพและรักเหมือนพี่ชายคนนี้เอาเสียมากๆ

    ซีวอนกำลังนั่งคิดอยู่ว่าจะเอาเรื่องนี้ไปบอกฮยอกแจดีหรือไม่ ถ้าบอกไปแล้วฮยอกแจจะเลิกยุ่งกับเด็กคนนี้หรือเปล่า ถ้าบอกไปแล้วการแก้แค้นของเขาจะสำเร็จมั๊ย

    ส่วนเยซองก็นั่งรอผลตรวจที่หมอเพิ่งยื่นไปได้ไม่นาน เขาใจจดใจจ่อและใจเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะ ความคิดในจิตใจมันกำลังพุ่งพล่านไปทั่วว่าเขาจะเป็นโรคหัวใจหรือเปล่า หรืออาจจะแค่เป็นโรคหอบธรรมดาๆ

    คุณหมอคะ ผลตรวจมาแล้วค่ะ

    นางพยาบาลในชุดสีขาวสะอาดตาเคาะประตูสองสามครั้งก่อนจะเดินนำผลตรวจคร่าวๆมาให้คุณหมอ หมอหนุ่มรับมันมาถือก่อนจะกล่าวขอบคุณแล้วเปิดอ่าน สีหน้าท่าทางของหมอเปลี่ยนไปเล็กน้อยก่อนที่เขาจะวางมันลงที่เดิมแล้วส่งยิ้มให้เยซอง

    ผมว่าคุณน่าจะตรวจมากกว่านี้ดีกว่านะครับ งั้นเดี๋ยวผมจะนัดวันตรวจให้คุณ เอ่อ...มาตามนัดด้วยนะครับ และทางที่ดีก็พาคนในครอบครัวมาด้วยก็ดีครับ

    หมอหนุ่มก้มหน้าลงจดอะไรบางอย่างที่เยซองคิดว่าคงเป็นใบนัดตรวจ เขาอยากจะเอ่ยถามข้อมูลด้านในให้รู้ชัดๆไปเลย แต่คุณหมอกลับยื่นใบนัดให้เขาแล้วส่งยิ้มให้เหมือนจะบอกว่า คุณหมดธุระแล้วไปซะ ยังไงอย่างนั้น

    พวกเขาทั้งสามเดินออกมาจากห้องตรวจ ไม่มีใครพูดอะไรออกมา พวกเขาทั้งสามเดินออกไปเพื่อขึ้นรถแท็กซี่เพื่อไปห้องสมุด

     

     

    พวกนายไปไหนกันมาน่ะ นานเชียว

    ซองมินเอ่ยทัก เยซองเดินไปนั่งลงเงียบๆเขากำลังใช้ความคิดและกำแผ่นนัดตรวจเอาไว้แน่น ซองมินมองมาก่อนจะเอ่ยถาม

    อะไรน่ะ ใบอะไร ใบปลิวพิซซ่าหรือเปล่า

    ซองมินเอื้อมตัวไปหยิบกระดาษแผ่นนั้นออกมาจากมือของเยซอง เขาส่งยิ้มไปให้อีกคนอย่างได้ชัยก่อนจะก้มลงอ่าน จากใบหน้าที่เคยยิ้มแย้มกลับเปลี่ยนเป็นสงสัยก่อนจะเงยขึ้นมองเยซอง

    นัดตรวจโรคหัวใจ วันศุกร์หน้า นาย นายเป็นโรคหัวใจเหรอ

    ...

    เยซองนั่งเงียบ เรียวอุคนั่งลงข้างๆโดยมีซีวอนมายืนอยู่ด้านหลัง เขาจ้องมองคนตัวเล็กก่อนจะยิ้มเยาะออกมา

    เยซอง นายอย่ามาล้อเล่นนะ เรื่องแบบนี้น่ะ...

    ทงเฮชะงักเมื่อซองมินตะโกนขึ้นมา เขาวางหนังสือลงบนโต๊ะแล้วมองว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนจะยิ้มบางๆ เยซองนั่งเงียบแล้วมองไปทางอื่น ซองมินวางแผ่นกระดาษนั้นลงไปบนโต๊ะ เรียวอุคจ้องมองเขาก่อนจะเบือนไปสบตากับซองมินและซีวอนที่หันมามองเขางงๆ

    มีอะไรกันเหรอครับ ดูแปลกๆ

    สายตาของเขาเหลือบไปเห็นใบกระดาษที่เขาวางหนังสือทับเอาไว้ เขาหยิบมันขึ้นมาดูก่อนจะอ่านแล้วดวงตาเบิกกว้าง เขาจ้องมองเยซองก่อนจะเดินไปจับร่างของเยซองเอาไว้

    พี่ พี่ นี่พี่

    ...

    ทงเฮมองไปยังซองมินและคนอื่นๆเหมือนจะบอกว่า ใครก็ได้อธิบายให้ผมฟังที

    แล้วคุณป้ากับคุณลุงรู้หรือยัง

    เยซองส่ายหน้า เขายกมือขึ้นปิดใบหน้าก่อนจะร้องไห้ออกมา เสียงสะอื้นดังลั่นห้องสมุดที่เงียบสนิท โชคดีที่วันนี้ไม่ค่อยมีคนเข้านักเลยทำให้ไม่มีใครว่าพวกเขา ซองมินทำอะไรไม่ถูกเพราะไม่เคยเห็นเยซองร้องไห้หนักขนาดนี้มาก่อน ทงเฮก็กอดพี่ชายของเขาก่อนจะลูบหลัง เขารู้ว่าพี่ชายของเขาคงจะรู้สึกกดดันแน่ๆและคงจะทำใจไม่ได้ที่รู้ว่าตัวเองอาจจะเป็นโรคหัวใจ เขาลูบหลังอีกคนเพื่อปลอบโยน เขาเองก็อยากร้องไห้ตาม เรียวอุคมองคนสองคนที่กอดกันก่อนจะเบือนหน้าออกไป เขาไม่เคยร้องไห้มาก่อนแต่ตอนนี้น้ำตามันกลับปริ่มที่ขอบตาและพร้อมจะไหลลงมา เขาถอยเก้าอี้ลุกขึ้นแล้วเดินออกไปจากห้องสมุด ซีวอนดูจะชะงักไม่น้อยที่เห็นคนตัวเล็กร้องไห้ขนาดนี้

    ฉันไม่ได้เป็นโรคหัวใจ ฉันต้องไม่เป็นโรคหัวใจ ฉันต้องไม่เป็นโรคหัวใจ ฮือๆ ฮึก ฉันต้องไม่เป็นโรคหัวใจ

    ซองมินพุ่งเข้ามาลูบหัวของอีกคนก่อนจะมองใบหน้าของเพื่อนรัก น้ำตาของเขากำลังจะไหลลงมา ส่วนทงเฮนั้นร้องไห้ตามไปแล้ว ซีวอนจ้องมองคนสามคนที่กำลังร้องไห้และกอดกันอยู่ ความเศร้าในจิตใจเพิ่มขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว เขาอยากจะเบือนหน้าไปทางอื่นเพื่อไม่ให้เห็นภาพละครชีวิตที่แสนเศร้า แต่ก็ทำไม่ได้ เขาจดจ้องใบหน้าหวานที่ร้องไห้ฟูมฟายอยู่ภายในอ้อมกอดของคนที่เขาไม่รู้จักและซองมิน

     

     

    แม่ของเยซองเงยหน้าขึ้นมองลูกชายหลังจากอ่านใบนัดตรวจของเยซองแล้ว เธอหันไปมองทางอื่นก่อนจะพยายามฉีกยิ้ม ใบหน้าที่ดูตกใจทำให้ทงเฮสงสัยและอยากเอ่ยถามแต่เยซองกลับบีบมือเอาไว้

    ลูกคงจะเหนื่อยน่าดู ไปทานข้าวก่อนดีกว่านะ

    เยซองไม่ยอมเดินตามหลังแม่ของเขาไป คนเป็นแม่หันมามองลูกชายตัวเองแล้วเดินเข้ามาหา

    แม่ไม่ตกใจเลยเหรอครับ ผมอาจจะเป็นก็ได้

    ...

    แม่ ทำไม่แม่ไม่ตกใจเลยครับ หรือว่าแม่รู้อยู่แล้ว

    เธอส่งยิ้มกว้างให้ลูกชาย ก่อนจะดันหลังเจ้าลูกตัวดีให้ไปกับเธอ แต่เยซองฝืนตัวเองเอาไว้

    แม่ครับ!!”

    ...

    น้ำตาของเธอเริ่มไหลลงมาช้าๆทำให้เยซองตกใจรวมไปถึงทงเฮด้วย เธอพูดออกมาทั้งๆที่ริมฝีปากสั่นระริก

    ได้โปรดไปกินข้าวก่อนเถอะนะลูก เดี๋ยวพ่อกลับมาแล้วเราค่อยมาคุยกัน

    เธอส่งยิ้มให้ลูกชายด้วยความเศร้า เยซองยอมเดินตามไปเพราะความสงสารในตัวของแม่ถึงแม้จะยังงงอยู่ก็ตาม

     

     

    งั้นเหรอ ถึงเวลาแล้วใช่มั๊ย

    คุณคิมที่นั่งอยู่หัวโต๊ะวางแผ่นนัดตรวจลงกับโต๊ะอาหาร เขาส่งยิ้มให้ลูกชาย

    พวกเราขอโทษที่ปกปิดเรื่องนี้มาโดยตลอด เยซอง พ่อรู้ว่าลูกอาจจะทำใจไม่ได้ แต่พ่อก็อยากจะบอกให้ลูกได้รู้เอาไว้

    คุณคะ

    คุณนายคิมเอ่ยขัดก่อนที่จะเงียบเสียงลงเมื่อสามียกมือขึ้นเป็นเชิงห้ามเอาไว้

    มันถึงเวลาแล้วคุณ ลูกจำเป็นต้องรู้ในสิ่งที่เราปกปิดเอาไว้ได้แล้ว เขาโตแล้ว

    เยซองนั่งมองใบหน้าของผู้เป็นพ่อที่ฉายแววอ่อนโยนเสมอ คุณคิมยิ้มให้ลูกชายและหลานชายที่นั่งร่วมโต๊ะอยู่เงียบๆ

    ลูกเป็นโรคหัวใจขาดเลือดมาตั้งแต่กำเนิด ในวันแรกที่พ่อและแม่รู้นั้น พวกเรายอมรับว่าทำใจไม่ได้เลย แต่เพราะว่าลูกได้ถือกำเนิดมาแล้ว เราก็ต้องทำใจให้ได้เพื่อที่จะดูแลลูกให้ดีที่สุด พวกเราช่วยกันปิดบังลูกเอาไว้ เพราะกลัวลูกจะเก็บเอาไปเป็นปมด้อย พ่อคิดว่าเมื่อถึงเวลาพวกเราจะบอกลูกเอง แต่ไม่คิดว่ามันจะเร็วขนาดนี้ สำหรับลูกน่ะมันใช่ พ่อควรจะบอกลูกให้เร็วกว่านี้แต่สำหรับคนเป็นพ่อเป็นแม่ มันยังเร็วเกินไปเสียด้วยซ้ำ

    คุณคิมกล้ำกลืนก้อนสะอื้นที่ขึ้นมาจุกในลำคอลงไป คุณนายคิมนั่งร้องไห้เงียบๆส่วนเยซองก็นั่งรับฟังน้ำตานองหน้า ทงเฮหันไปมองทางอื่นเพราะไม่อยากรับรู้อะไรทั้งนั้น

    แล้วทำไม...ทำไมมันถึงต้องเป็นผม ทำไมมันถึงไม่เป็นคนอื่น ทำไมต้องเป็นคนอย่างผม

    เยซอง

    เยซองมองไปยังมารดาด้วยสายตาเศร้าและสิ้นหวัง น้ำตาไหลลงมามากกว่าเดิม คนเป็นแม่โผเข้ากอดลูกชายด้วยความรักก่อนจะลูบหัวเบาๆ

    ทำไมต้องเป็นผม ทำไมโรคนี้มันถึงเลือกผม ทำไมมันถึงไม่เลือกคนอื่น คนที่เขาทำแต่ความชั่ว ทำไมเขาถึงมาเลือกคนที่ทำแต่ความดีอย่างผม

    เยซองก้มหน้าซบอกมารดาร้องไห้ออกมาอย่างไม่อายใคร ความเจ็บปวดที่จิตใจเริ่มกัดกินความสดใสของเขาไปทีละนิด เขาทำใจไม่ได้เมื่อมารู้ด้วยตัวเองแบบนี้ เขายอมรับไม่ได้สำหรับเรื่องโรคที่เขาเป็น เขายังไม่อยากจะตาย เขายังไม่อยากตาย เขายังมีเรื่องที่ต้องทำอีกมากมาย ยังมีพ่อแม่ที่ต้องคอยดูแล มีทงเฮที่ต้องคอยเลี้ยงดู มีเพื่อนๆที่เขายังไม่ได้รู้จักหรือสนิทด้วย ยังไม่ได้ร้องเพลงคู่กับเรียวอุค และสิ่งสำคัญที่สุด เขายังไม่ได้บอกความในใจกับรุ่นพี่ฮยอกแจเลย

    ทำไมต้องเป็นผม ทำไมกันครับ!!”

    เยซองเริ่มขึ้นเสียงและดิ้นไปมา เขาอาละวาดขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ความกดดันก่ออยู่ในจิตใจฝังลึกลงไปจนยากเกินกว่าที่จะยอมรับได้ในตอนแรก คนเป็นพ่อและแม่ทำได้แค่นั่งมองลูกชายและโอบกอดเอาไว้ด้วยความรัก ทงเฮมองมายังครอบครัวที่เขามาอาศัยอยู่ด้วยก่อนจะร้องไห้ออกมาเงียบๆ เขาเรียบเรียงเรื่องไม่ทันที่อยู่ๆก็มารู้ว่าพี่ชายคนสำคัญของเขาเป็นโรคหัวใจขาดเลือด เขาได้ยินมาว่ามันรักษาไม่หาย อีกอย่าง...เขาเพิ่งจะย้ายมาอยู่ที่นี่ไม่ถึงวันด้วยซ้ำ ทำไมถึงต้องมารับรู้เรื่องเลวร้ายแบบนี้ด้วย

    ผมได้ยินมาว่ามันรักษาไม่หาย มีทางเดียวที่ให้ผมเลือกเดิน...นั่นคือรอความตายใช่มั๊ยครับ

    คุณคิมและคุณนายคิมไม่ได้ตอบอะไร พวกเขาเบือนหน้าไปทางอื่น เยซองยิ้มออกมาบางๆท่ามกลางน้ำตา เขาก้มหน้าลงต่ำ

    ไม่!!!!!!!!!!!!!!!!”

    แล้วกรีดร้องลั่นบ้านด้วยความเสียใจ สิ่งที่ไม่ทันตั้งตัวอยู่ๆก็เกิดขึ้นมาอย่างไม่อยากยอมรับ ทำไมพระเจ้าถึงได้ใจร้ายกับเขาขนาดนี้ ทำไมโรคนี้ถึงต้องเลือกเขา ทำไมถึงไม่เลือกคนอื่น คนที่อยากจะตาย ทำไมถึงเลือกเขาคนที่ยังไม่อยากตาย

    ท่ามกลางเสียงร้องไห้ที่ดังภายในบ้านหลังเล็กๆ ซีวอนแอบมองอยู่ตลอดเวลา ความสงสารก่อขึ้นในจิตใจที่ด้านชาก่อนมันจะหายไป เขาเดินออกมาจากบ้านหลังนั้น เสียงร้องไห้ของคนในบ้านยังดังก้องอยู่ภายในหัว

    ภายในจิตใจกำลังถกเถียงกันว่าจะเอายังไงต่อไป จะเลือกเดินบนทางแก้แค้นโดยใช้เจ้าคนมีโรคนั่นต่อดีมั๊ย หรือจะเลิกไปดี

    ซีวอนหันกลับไปมองบ้านหลังนั้นใหม่ ก่อนจะตัดสินใจเลือกเดินไปทางแรก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเขาก็จะแก้แค้นฮยอกแจโดยใช้เจ้าเด็กนั่นต่อไป เขาไม่สนใจอยู่แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ความแค้นของเขามันมากเกินกว่าที่จะหยุดถอย

     

     

    หลังจากที่สงบสติได้แล้ว เยซองก็ค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าของผู้เป็นพ่อและแม่ที่โอบกอดเขาเอาไว้ ใบหน้าของทั้งคู่นองไปด้วยหยาดน้ำตามากมาย คงจะเจ็บกว่าเขาหลายสิบเท่าเลยสินะ คงจะทรมานกว่าเขาหลายร้อยเท่าเลยสินะ คงจะทุกข์กว่าเขาหลายพันเท่าเลยสินะ

    เยซอง ลูกต้องใช้ชีวิตอยู่ต่อไปให้ได้นะลูก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ต้องใช้ชีวิตต่อไป ลูกไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว ลูกยังมีพ่อกับแม่อยู่อีกนะลูก

    พี่ ฮึก พี่ยังมีผมด้วยนะ ฮือ ยังมีทงเฮอยู่ด้วยนะ

    ทงเฮวิ่งเข้ามากอดเยซองอีกคน พวกเขาเริ่มจะร้องไห้กันขึ้นมาอีกครั้ง ถึงแม้จะรับไม่ได้แต่นายก็ต้องอยู่ต่อไปนะ อยู่ต่อสู้กับมัน เยซอง เลิกเศร้าเสียที อย่าทำให้คนอื่นเป็นห่วงสิ นายจะต้องยิ้มสู้ ต้องเป็นเยซองคนเดิม ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น นายก็ยังมีพ่อและแม่ที่คอยอยู่ข้างๆนายนะ ไหนจะเจ้าเด็กทงเฮและเพื่อนๆอีก

    ที่จริงแล้ว....

    พระเจ้าไม่เคยใจร้าย แต่คนเราต่างหากที่ใจร้ายต่อกันและกัน

    พระเจ้าไม่เคยไม่ใส่ใจมนุษย์ เพียงแต่ท่านยื่นมือลงมาช่วยมากไม่ได้

    มนุษย์ต่างหากที่ต้องรู้จักช่วยตัวเอง ธรรมชาติลิขิตมาให้มนุษย์ต้องตายอยู่แล้ว

    อยู่ที่ว่าจะช้า...หรือ...เร็วเท่านั้น

    ตายเร็ว ก็จะได้ไม่ต้องมาทรมานกับชีวิตที่ทุกข์ทรมาน

    ตายช้า ก็เพราะทำบาปมามากเลยต้องชดใช้

    เห็นมั๊ยเยซอง พระเจ้าไม่ได้ใจร้ายเสียหน่อย ท่านแค่ไม่อยากเห็นนายต้องทรมานนานเท่านั้นเอง ใช้ชีวิตต่อจากนี้ให้มีความสุขที่สุดก่อนเวลาจะหมดลงเถอะนะ...เยซอง นายต้องทำได้เยซอง

    พ่อครับ แม่ครับ ทงเฮ ร้องไห้ให้พอนะ ร้องไห้ออกมาให้พอ แล้วพรุ่งนี้ให้ลืมไปว่าเราเคยคุยกันเรื่องนี้ พรุ่งนี้เราจะใช้ชีวิตเหมือนคนธรรมดา เราจะไม่ร้องไห้อีกต่อไป เราจะไม่เสียใจอีกต่อไป สัญญากับผมนะ

    คนทั้งสามมองหน้ากันก่อนจะพยักหน้ารับ พ่อและแม่ของเยซองลูบหัวลูกชายของตัวเองเบาๆด้วยความรัก ยังไงเยซองก็ยังคงเป็นเยซอง

    เยซองที่แสนสดใส เยซองที่แสนร่าเริง เยซองที่แสนน่ารัก เยซอง...ที่ไม่ใช่คนอ่อนแอ

     

    - - - - - - - - >

    แต่งตอนนี้ไปปวดหัวใจได้อีก ฟังเพลงของสองเรื่องไปแล้วจะร้องไห้ค่ะพี่น้องเอ๋ย

    ตอนแต่งนึกถึงตัวละครในเรื่องบันทึกน้ำตาหนึ่งลิตรแล้วแทบร้องไห้ออกมา อยากดูอีก

    เราจะแต่งให้เศร้าเป็นพักๆ เป็นตอนๆไป เราจะค่อยๆเพิ่มความน่ารักก่อนจะมาเศร้าอีก

    จะได้ไม่รู้สึกหดหู่กับฟิคเรื่องนี้เนอะ ^^

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×