คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #27 : Charpter 26
Charpter 26
‘ผมเกิดมาเพื่ออะไรกันครับ...?’
คำถามมากมายผุดขึ้นในจิตใจของเยซอง เขาลืมตาขึ้นมองใบหน้าของพ่อและแม่ที่มองเขาทั้งน้ำตา บางที...บางทีนะ เขาอาจจะเห็นไม่ชัดและคิดว่าพวกท่านร้องไห้อยู่ก็เป็นได้ ม่านน้ำตามันทำให้เขามองอะไรไม่ชัดเลยจริงๆ
“ผม...เป็นอะไรไปครับ”
“...”
“แม่ครับ พ่อครับ”
“...ลูกไม่ได้เป็นอะไรหรอกจ้ะ สบายใจเถอะนะ”
คุณนายคิมเดินเข้ามาลูบไหล่ของลูกชายเบาๆก่อนจะส่งยิ้มไปให้ทั้งน้ำตา เธอหันไปมองผู้เป็นสามีก่อนจะเดินออกจากห้องไป คุณคิมส่งยิ้มให้ลูกชายแล้วเดินเข้าไปหา
“ซีวอนล่ะครับ”
“พ่อยังไม่เห็นเขาเลย ตั้งแต่เมื่อวานแล้วมั้ง”
เยซองยิ้มเจื่อนก่อนจะหันไปมองทางอื่น ความกลัวเริ่มเกาะกุมจิตใจที่บอบช้ำไปเรื่อยๆ
“เขา...คงทนผมมาพอ...”
ครืด~!!!!
“แฮ่กๆ เยซอง”
เยซองและคุณคิมหันไปมองก่อนจะเห็นซีวอนที่ยืนท้าวขอบประตูหายใจเร็วอย่างเหนื่อยหอบ ดวงตาเรียวเล็กเบิกกว้างจ้องมองคนตัวสูงที่เดินเข้ามาอย่างไม่เข้าใจ คุณคิมเดินออกไปจากห้องอย่างรู้งานก่อนออกไปก็หันมามองซีวอนก่อนจะก้มหัวลงให้เล็กน้อยเป็นเชิงขอบคุณ ซีวอนตัวเกร็งก่อนจะโค้งตัวลงเล็กน้อยเช่นกัน
“นึกว่า...จะทิ้งกันไปเสียแล้ว”
“ไม่มีทางหรอกน่า ฉันแค่ไปทำธุระมาเท่านั้นเอง”
“ธุระ?”
“กับพระเจ้าน่ะ ไปขออะไรบางอย่างจากท่านที่โบสถ์มา”
“ขออะไรเหรอ”
“....ปาฏิหาริย์ ปาฏิหาริย์ที่ขอให้นายยังไม่จากฉันไป ขอให้นายยังอยู่กับฉันอีกนานเท่านาน ขอปาฏิหาริย์”
“...ซีวอน”
“หืม?”
เยซองเหลือบสายตามามองอีกคนนิ่ง รอยยิ้มเล็กๆปรากฏที่มุมปากก่อนมันจะกว้างขึ้น
“ฉันเกิดมา...เพื่อเจอซีวอนจริงๆสินะ”
‘ผมรู้แล้วว่าผมเกิดมาทำไม เกิดมาเพื่ออะไร ขอบคุณนะ...ซีวอน’
“หึ งั้นเหรอ”
ซีวอนยกมือขึ้นลูบไปมาเพื่อให้ความอบอุ่น เยซองมองด้วยความสงสัยแล้วพยายามลุกขึ้นนั่ง ซีวอนปรี่เข้าไปพยุงก่อนจะหันไปมองอีกคนที่ยังยิ้มให้เขาอยู่
“ขอบใจนะ สำหรับทุกอย่างเลย”
“...”
“ฉันเคยคิดนะ ว่าทำไมซีวอนถึงต้องเข้ามายุ่งวุ่นวายกับฉันด้วย ทำไมต้องเข้ามาทำดีด้วยทั้งๆที่คนอย่างซีวอนกับคนอย่างฉันมันต่างกัน ต่างกันมากเลย”
“...ไม่เห็นต่างเลย”
“ซีวอนมีโลกที่สดใสรออยู่ แต่ฉันมีแค่ความมืดที่คอยนำทางเวลาเดินไปไหนมาไหน”
“...”
“พอคิดอย่างนี้ว่าโลกของเราต่างกัน ฉันก็อยากจะร้องไห้แต่พอฉันร้องไห้ซีวอนก็จะมาปลอบฉัน กอดฉันเอาไว้ ฉันอยากร้องไห้ทุกวันเพื่อให้ซีวอนปลอบฉัน กอดฉัน ฮึก...”
เยซองน้ำตาไหลลงมาอาบแก้มทั้งสองข้างเขาหันไปมองซีวอนก่อนจะยิ้มออกมา ซีวอนจ้องมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มที่สดใสและน้ำตาที่เศร้าสร้อย
“...นายเคยขอฉันไม่ใช่เหรอ ว่าอยากจะเป็นแสงอาทิตย์ให้ฉัน นายเคยบอกไม่ใช่เหรอว่าคนเราทุกคนมีแสงอาทิตย์ที่สดใสคอยนำทาง แล้วทำไมนายถึงยังคิดล่ะว่าตัวเองมีแต่ความมืดมนนำทาง ฉันไม่สนหรอกนะว่าโลกของเราแต่ก่อนมันจะต่างกันยังไง แต่ตอนนี้ เวลานี้ ความรู้สึกของฉันมันไม่ใช่เรื่องโกหก ฉันมั่นใจว่าฉันคิดแบบนี้กับนาย ต่อให้นายจะพยายามตีตัวออกห่าง ฉันก็จะทำตัวให้ใกล้กับนายเหมือนเดิม”
“...”
“ฉันมั่นใจว่าฉันรักนาย รักอย่างไม่ต้องสงสัยเลยสักนิด ฉันไม่สนว่านายจะรักฉันมั๊ย แต่ฉันแค่อยากบอกก่อนที่มันจะสายเกินไป”
ดวงตาเรียวหันมาสบกับดวงตาคม ซีวอนจ้องลึกลงไปในดวงตาที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำใส เยซองหันไปมองทางอื่นก่อนจะหลุดขำแล้วยิ้มกว้าง
“ขอบใจนะ...ที่นายรักคนอย่างฉัน”
“เลิกดูถูกตัวเองเสียทีเถอะ นายเป็นแสงอาทิตย์ให้ฉันจริงๆ เยซอง”
เยซองหันมามองคนตัวสูงก่อนริมฝีปากจะถูกช่วงชิงไป รสจูบที่ไม่หวือหวามากนักเจือไปด้วยความรัก ความอบอุ่น และความเศร้า
‘ขอบใจจริงๆนะ ซีวอน’
ซองมินกดตัดสายโทรศัพท์ทิ้งทุกครั้งที่ฮยอกแจโทรหา เขาวางโทรศัพท์ลงข้างตัวก่อนจะตัดสินใจปิดมันไป ดวงตาทอดมองไปยังท้องฟ้าที่กว้างใหญ่ไม่รู้จุดสิ้นสุด เขาคลี่ยิ้ม
‘เยซอง นายชอบอะไรมากที่สุด’
‘ก้อนเมฆน่ะ’
‘เอ๋?’
‘ไม่รู้สิ ฉันว่ามันดูเป็นอิสระและน่าหลงใหลดีออก ก้อนเมฆมีสีขาวบริสุทธิ์และให้ความร่มเย็นกับคนอื่นตลอดเวลา ฉันน่ะอยากเป็นได้เหมือนก้อนเมฆ เป็นที่พักพิงให้คนอื่น’
“เยซอง...นายคือก้อนเมฆของฉัน จะมีอีกมั๊ยที่เราจะได้ไปนั่งคุยกันอย่างเมื่อวาน จะมีมั๊ยที่ฉันจะได้เห็นรอยยิ้มของนายอีกครั้ง”
ซองมินจ้องมองก้อนเมฆอีกครั้งก่อนจะยิ้มออกมา เมื่อมองมันก็ทำให้นึกถึงเพื่อนคนเก่งที่มีรอยยิ้มสดใส ไม่เข้าใจจริงๆนะว่าทำไมพระเจ้าถึงได้เลือกให้เยซองเป็นคนโชคร้าย
เพราะทรงต้องการกลั่นแกล้ง .. หรือ .. เพราะต้องการให้คนดีๆอย่างเยซองไม่ต้องเจ็บปวด
แต่ไม่ว่าจะเพราอะไร เขาก็ไม่อยากจะเข้าใจ
“พระเจ้าครับ ถ้าหากเป็นไปได้ ลูกขอให้เยซองอยู่กับลูกไปอีกนานๆได้มั๊ยครับ ทรงให้ลูกได้หรือเปล่า”
ดวงตาเศร้าจ้องมองท้องฟ้าสีฟ้าสดใสนิ่งงัน ผมขอได้มั๊ยครับ
“กินอะไรหน่อยเถอะนะ”
“...”
“...”
เรียวอุคเลื่อนจากอาหารไปให้ทงเฮที่เอาแต่นั่งเหม่อ คนตัวสูงเลื่อนออกแล้วหันไปมองทางอื่น ตัวของทงเฮผอมลงจนเขาสังเกตได้ ไม่รู้จริงๆว่าทำไมถึงได้ดื้ออะไรขนาดนี้ ข้าวปลาไม่ได้กินมาหลายวันแล้วสินะ
“กินหน่อยเถอะ เอ้าฉันป้อน”
เรียวอุคตักข้าวมาคำหนึ่งยื่นไปจ่อที่ปากอีกคน ทงเฮเบือนหน้าหนีแต่ถึงอย่างนั้นเรียวอุคก็ยื่นช้อนไปตามทงเฮ
“บอกว่าไม่กินไงล่ะ!!!”
ในที่สุดความอดทนของทงเฮก็หมดลง เขาปัดช้อนข้าวของเรียวอุคจนมันตกพื้นก่อนจะลุกขึ้นมองอีกคนที่มองเขาด้วยสายตานิ่งเฉย เขาพยายามควบคุมตัวเองไม่ให้ร้องไห้ออกมาแต่อย่างนั้นน้ำตามันก็ยังไหลลงมาอยู่ดี
เรียวอุคลุกขึ้นมองทงเฮก่อนจะเอื้อมมือไปจับไหล่ที่กำลังสั่นเพราะแรงสะอื้น เขาถอนหายใจเบาๆ
“คิดเหรอไงว่าทำแบบนี้แล้วอะไรมันจะดีขึ้น อย่ามาทำตัวโง่ไปหน่อยเลย แทนที่จะยิ้มเข้าไว้เพื่อไม่ให้พี่เยซองลำบากใจแต่นายกลับกำลังทำร้ายที่เยซองอยู่ คิดเหรอไงว่าพี่เยซองจะชอบถ้าเกิดรู้ว่านายไม่ยอมกินอะไรเลย เอาแต่นั่งเศร้าเพราะเขา ร้องไห้เพราะเขา”
“ฮึก...แล้วทำไม ทำไม!!!!”
“...”
“ทำไมต้องเป็นพี่เยซอง ฮือ ทำไม”
ทงเฮกระชากเอาตัวของเรียวอุคมากอดแน่นแล้วร้องไห้ออกมา ทำไมเขาถึงต้องสูญเสียคนสำคัญของเขาไปด้วย พี่ขายที่แสนดีของเขา เขาขอได้มั๊ย ขอให้พระเจ้าทรงเมตตาและทำให้พี่เยซองหาย
ขอได้มั๊ย...
“ฉันซื้อดอกไม้มาฝาก”
“อื้ม ขอบใจนะ”
เยซองจ้องมองดอกไม้ในกระถางที่ซีวอนเอามันไปวางลงบนโต๊ะตรงหน้าเตียงของเขา รอยยิ้มเล็กๆผุดขึ้นก่อนเยซองจะลุกลงไปจากเตียงเพื่อดูดอกไม้ เขาเดินตรงไปยังโต๊ะก่อนจะก้มหน้าลงจ้องมองมัน ดวงตาฉายแววสดใสร่าเริงเหมือนเดิม
“...”
“ถึงแม้ว่าฝนจะตกหรือโดนเหยียบก็อดทนอยู่ที่ตรงนั้นตลอดและสามารถออกดอกให้บานได้”
“...”
“ถ้าฉันเข้มแข็งได้แบบแก มันคงจะดี”
ซีวอนสวมกอดเยซองจากทางด้านหลังทำให้เยซองตกใจไม่น้อย เขายิ้มก่อนจะเอนหัวซบลงไปบนอกแกร่ง เขาหลับตาลง
“อยากอยู่อย่างนี้ได้ตลอดไปจัง อยากอยู่ในอ้อมกอดของซีวอนตลอดไป”
“...บ้าน่า จะเป็นอย่างนั้นได้ยังไงล่ะ”
“ฉันรักซีวอนนะ”
“!!!”
เยซองลืมตาจ้องมองออกไปนอกหน้าต่างก่อนจะหันไปยิ้มให้ซีวอน คนโดนบอกรักดูจะอึ้งไปเล็กน้อยพอสติกลับมาก็หัวเราะเบาๆ
“ยังลืมไอ้ฮยอกแจไม่ได้ไม่ใช่เหรอไง”
“อื้ม แต่ฉันเพิ่งรู้น่ะว่าที่จริงแล้วฉันแค่ปลื้มพี่เขา อาจจะเป็นเพราะตอนนั้นฉันเป็นวัยรุ่นเลยหลงระเริงไปเรื่อย แต่ตอนนี้น่ะ หัวใจของฉันมันบอกออกมาแล้วว่าฉันน่ะรักซีวอน รักซีวอนจริงๆนะ รักที่สุดเลย”
“อื้ม...รู้แล้วน่า”
ซีวอนหน้าแดงไปตามระเบียบ เขากระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นก่อนจะจ้องมองออกไปนอกหน้าต่าง แสงอาทิตย์ยามเย็นสาดส่องเข้ามาในห้องให้ความอบอุ่น...และความหวัง
“ฉันมาเยี่ยมเยซอง”
“อ้าว ซองมิน”
เสียงทักที่สดใสเป็นประจำของซองมินทำให้เยซองที่อ่านหนังสือสอบอยู่ต้องเงยหน้าขึ้นมามอง เขายิ้มกว้างเมื่อเห็นเพื่อนรักที่ไม่ได้เจอกันมานานมาเยี่ยมเยียนเขา ซองมินตรงเข้ามากอดและกล้ำกลืนน้ำตาเอาไว้ภายใน
“สะ...สวัสดีเยซอง”
“...รุ่นพี่ฮยอกแจ”
“ขอโทษนะ เขาตามฉันมาน่ะ”
คนตัวอวบกระซิบข้างหูเพื่อนรักก่อนจะส่งสายตาเชือดเฉือนไปให้ ฮยอกแจเองก็ยืนอยู่เงียบๆมองเยซองท่าทางเก้ๆกังๆด้วยความรู้สึกผิดจากครั้งที่แล้ว
“เรื่องคราวนั้นน่ะ”
“ติดธุระใช่มั๊ยครับ ผมว่าแล้วเชียว”
“อะ...อืม”
เยซองส่งยิ้มถึงแม้ภายในใจจะแอบเจ็บอยู่ก็ตาม ฮยอกแจและซองมินยิ้มเจื่อนอย่างรู้สึกผิด
นั่นสินะ...ใครเขาอยากจะให้วันเกิดตัวเองต้องมาอยู่กับคนป่วยล่ะ
อีกอย่าง...ดูท่าจะไปได้ดีกับซองมินจริงๆสินะ
“...ซองมิน”
“หืม?”
“มีเรื่องอยากขอร้องน่ะ”
“ว่ามาเลย ฉันเต็มใจช่วยเพื่อนอยู่แล้ว”
“ช่วยอยู่ข้างๆพี่ฮยอกแจ...ตลอดไปได้มั๊ย”
“...”
ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบงัน ซองมินและฮยอกแจหันไปมองหน้ากันก่อนจะหันกลับมามองเยซอง ทั้งคู่คิ้วขมวดเข้าหากันจนเกือบเป็นปม
“ก็ดูเหมือนว่าซองมินและพี่ฮอยกแจจะไปกันได้ดีนี่นา ถ้าทั้งคู่คบกันก็คงจะดีสินะ”
“แต่เยซอง...”
“ซองมิน ขอร้องล่ะนะ นายอย่ายอมเจ็บเพราะฉันสิ”
“ฉันไม่ได้...”
“อยากเห็นนายและรุ่นพี่มีความสุขจัง ไม่อยากให้ใครต้องมาร้องไห้หรือทุกข์ใจเพราะฉันอีกแล้ว ทำเถอะนะ”
ซองมินกลืนน้ำลายก่อนจะฝืนยิ้มแล้วบีบเบาๆที่มือเล็กของเพื่อน เขาจ้องมองใบหน้าของเยซองที่ดูจะเป็นห่วงจริงๆ
“อื้ม เพื่อนายเลยนะเนี่ย”
เยซองส่งยิ้มไปให้เพื่อนสนิทแล้วจับมือของเพื่อนตัวเองบ้าง
“ซองมิน....ขอบคุณนะ”
- - - - - - - - >
ไม่ค่อยเรียกน้ำตาเท่าไหร่แต่ก็คงพอทำให้ซึมไปได้ล่ะเนอะ
ฮ่าๆ ออกแนวโรคจิตแฮะกวาเนี่ย แต่ฟิคเรื่องต่อจากเรื่องนี้รับรองเลยว่า
ไม่เศร้าแล้วนะจ๊ะ ออกแนวหวานแหววๆหรือไม่ก็ฮาเล็กๆเน่าหน่อยๆ(ฮา)
เราจะไปย้อนยุคตำนานกรีกกันค่ะ ขอบอกไว้เลยเน้อ:3
เป็นการท้าทายกวามากที่ต้องแต่งแนวแฟนตาซี แบบว่า...ต้องศึกษาอะไรอีกเยอะ(ฮา)
แต่เรื่องนี้จบแล้วกวาจะลงF4ให้จบแบบรวดเดียวแถมตอนพิเศษด้วยเลยค่ะ รออีกนิดน้า~
ความคิดเห็น