ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Love You Forever รักเธอชั่วนิรันดร์{WonYe,HaeRyeo}

    ลำดับตอนที่ #16 : Charpter 15

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 450
      0
      15 ต.ค. 53

    Charpter 15

     

    เยซองมาซ้อมกับซีวอนที่เดิม บรรยากาศเดิมๆ ต้นไม้ที่นั่งก็ต้นเดิม แต่ที่เปลี่ยนไปคงเป็นความรู้สึกของคนทั้งสอง เยซองวางเนื้อร้องลงบนพื้นหญ้า เขาสูดเอาอากาศบริสุทธิ์เข้าไปในปอด อยากอยู่ที่นี่นานๆเผื่อว่าจะได้รับพลังชีวิตเพิ่ม ฟังดูประหลาดชะมัด แต่เขาคิดอย่างนั้นจริงๆ

    หยุดร้องทำไม

    เปล่าๆ แค่อยากพักเสียงหน่อย ความหมายมันดีมากเลยนะเพลงนี้น่ะ

    ฉันไม่ชอบฟังเพลง ฉันเกลียดเสียงดนตรี

    เยซองหันมายิ้มให้ซีวอนก่อนจะหลุดขำ คนอะไรไม่ชอบเสียงดนตรี แสดงว่าเป็นคนเย็นชาแต่กำเนิดแน่เลย

    ขำอะไร

    ขำนายน่ะแหละ ทำไมถึงเกลียดมันล่ะ มันทำให้นายสบายใจได้นะ

    ซีวอนเชิดริมฝีปากแต่พอเยซองเขยิบไปใกล้ๆอีกคน เขาก็รู้สึกเหมือนโดนไฟฟ้าช็อตก่อนจะชะงักแล้วถอยออกห่างเล็กน้อย ซีวอนหันหน้ามามองบรรยากาศอย่างนี้อีกแล้วที่ทำให้เขาเผลอไปจูบคนร่างเล็ก บรรยากาศที่ค่อยๆทำให้เขาเผลอไผล

    แสงแดดร้อนเกินไปหรือเปล่า

    เยซองส่ายหัวไปมาเพราะก้มหน้าอยู่ ซีวอนเองก็ไปไม่ถูกเลยเช่นกัน เขากระแอมไอเบาๆ ความรู้สึกแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในชีวิต

    ไม่หรอก แสงแดดมันอบอุ่นสำหรับฉันเสมอ

    ไร้สาระ

    เยซองอมยิ้มแล้วมองไปยังดอกไม้สีฟ้าดอกหนึ่งที่ขึ้นมาเองตามธรรมชาติตอนนี้มันกำลังเบ่งบาน เขาจ้องมันด้วยความสงสัย

    ‘‘อันนี้คืออะไรเหรอ’’

    ‘‘อย่าถามมากได้มั๊ย รำคาญ’’

    ‘’ทำไมนายเย็นชาจังล่ะ’’

    ‘‘…’’

    ‘‘หรือว่านายไม่เคยได้รับแสงแดดที่สดใสเลย’’

    ‘‘…’’

    ‘‘ถ้างั้นเอาอย่างนี้มั๊ย ให้ฉันเป็นแสงแดดของซีวอน นะ นะๆๆ’’

    เยซองเขยิบเข้ามาแล้วเอาหน้าถูแขนของอีกคน หัวใจของซีวอนเต้นแรงอย่างที่ไม่เคยเป็น ความรู้สึกร้อนผะผ่าวที่ใบหน้าทำให้เขาพูดอะไรต่อไม่ออก

    นายไม่มีทางเป็นแสงแดดได้หรอก กำลังจะตายไม่ใช่เหรอไง

    เยซองเงียบ ซีวอนสะอึกเมื่อรู้ว่าตัวเองเพิ่งพูดอะไรออกไป เขาอยากจะแก้สถานการณ์ให้มันดีขึ้นแต่ก็ไม่รู้ว่าควรจะทำยังไง

    ใช่ ฉันกำลังจะตาย แต่ฉันก็ไม่อยากตายไปโดยเปล่าประโยชน์ หรือเอาแต่มานั่งเครียดเพราะยอมรับความจริงไม่ได้ ฉันบอกแล้วไงว่าฉันมีแสงแดดที่สดใสอยู่ในใจเสมอ ฉันชอบท้องฟ้า ฉันชอบก้อนเมฆ ชอบแสงแดดที่อบอุ่น ถ้านายไม่อยากให้ฉันทำแบบนั้น ก็บอกกันดีๆสิ พูดแบบนี้มันเจ็บนะ

    ซีวอนสะอึก เขาเหมือนตัวเองเป็นใบ้พูดอะไรไม่ออกได้แต่นั่งอ้ำๆอึ้งๆ เยซองส่งยิ้มให้เขา

    ฉันรู้ว่านายไม่มีทางพูดกับฉันดีๆหรอก แต่ฉันก็แค่อยากทำอะไรให้นายบ้าง เพื่อเป็นการขอบคุณที่คอยดูแลและอยู่เป็นเพื่อนในยามที่ฉันท้อ

    หัวใจของซีวอนเต้นแรงกว่าเดิม เยซองมองไปทางอื่นแล้วถอนหายใจออกมา

    นายกับฮยอกแจเป็นอะไรกัน

    ...

    แฟนกันเหรอ?

    ฉัน....แอบชอบพี่เขามานานแล้วล่ะ สี่ปีได้แล้วมั้ง แต่พี่เขาไม่เคยรู้หรอกนะ มีแต่ฉันที่ชอบไปดูการซ้อมบอลของพี่เขาทุกๆกลางวัน ฉันไม่เคยไปกินข้าวกับซองมินเพราะอยากไปเจอพี่ฮยอกแจ เรื่องมันก็ดีโดยเสมอมา ถ้าไม่ติดว่า...ฉันมาเป็นโรคแบบนี้

    ...

    ความกังวลใจของฉันมันมีมากเหลือเกิน โรคที่ฉันเป็น ทุกสิ่งทุกอย่างที่กำลังไปได้ดี ความสัมพันธ์ของฉันกับพี่ฮยอกแจ

    ทำไมนายไม่ลองบอกเขาไปล่ะ

    เคยมีคนพูดแบบนายกับฉันเหมือนกัน แต่มันยังไม่ถึงเวลา

    แล้วเมื่อไหร่ล่ะที่มันจะถึงเวลา ต้องรอให้โรคของนายมันแดงออกมาก่อนแล้วให้เจ้าบ้าฮยอกมันค่อยๆห่างหายไปอย่างนั้นเหรอไง

    เป็นอย่างนั้น...จะดีกว่ามั๊ยนะ

    อย่ามาตลกน่า!!!นายลองคิดดูสิว่าถ้าเขามารู้ด้วยตัวเองเขาจะรู้สึกยังไง นายต้องยอมรับในสิ่งที่จะเกิด เขาบอกนายเองไม่ใช่เหรอว่าอยากให้นายอยู่ข้างๆเขาจนกว่าเขาจะแน่ใจ แล้วเมื่อไหร่ที่เขาจะแน่ใจล่ะ ถ้าเขารักนายจริงเขาก็ต้องรับเรื่องโรคที่นายเป็นได้ เขาต้องรับเรื่องที่จะเกิดในอนาคตได้ถ้าหากเขาอยากจะเป็นแฟนกับนาย!!!!”

    เยซองสบตากับซีวอน เขายิ้มออกมา

    ฉันจะไปบอกเขา คิดอยู่เหมือนกันแต่ไม่รู้จะเริ่มยังไง ขอบใจนะ

    เยซองลุกขึ้นเดินไปรอซีวอนที่จักรยาน ซีวอนมองตามหลังของคนตัวเล็กจนหายลับไปทำไมเขาถึงรู้สึกแปลกๆที่เห็นรอยยิ้มนั้น มันไม่ใช่รอยยิ้มที่เยซองชอบยิ้ม แต่เป็นเหมือนอีกด้านหนึ่งที่เขายังไม่เคยเห็นและคิดว่าคนอื่นๆก็เช่นกัน ความเศร้าที่เจือมากับรอยยิ้มนั้นทำให้เขาปวดใจเหลือเกิน

    ฉันโทรนัดพี่เขาแล้วล่ะ ไปส่งฉันที่สวนในโรงเรียนทีสิ

    เยซองตะโกนแข่งกับเสียงลมที่พัดผ่านร่างของเขาและซีวอนไป ซีวอนเร่งจักรยานให้เร็วขึ้นเพื่อไปส่งคนตัวเล็กตามที่ต้องการ

    ฉันจะเข้าไปด้วย เผื่อมีอะไรเกิดขึ้น...

    ไม่ต้องหรอก ฉัน...อยากเข้าไปคนเดียว

    แต่ฉันเป็นห่วง....

    ซีวอนเงียบเสียงลง นี่เขากำลังจะพูดอะไรออกไป เป็นห่วงงั้นเหรอ...

    ...

    เอาเป็นว่าฉันจะเข้าไปด้วย

    ไม่เป็นไรหรอก แต่ยังไงก็ขอบใจนะ ถ้าฉันหายไปนานแล้วนายค่อยเข้าไปดูก็แล้วกัน

    ซีวอนพยักหน้ารับ เขามองจนร่างเล็กเดินหายเข้าไปในสวนของโรงเรียน

     

     

    ไงเยซอง วันนี้มีเรื่องด่วนอะไรถึงต้องนิดพี่มาถึงที่นี่เนี่ย

    ฮยอกแจเอ่ยทักเมื่อเห็นเยซองเดินเข้ามาหาเขา เยซองส่งยิ้มมาให้

    ผมมีเรื่องสำคัญจะบอกพี่ครับ

    อะไรเหรอ

    ...

    ฮยอกแจเดินเข้ามาหาเขาจนใกล้ทั้งคู่ต่างยืนจ้องมองกันและกัน เยซองเป็นฝ่ายก้มหน้าลงมองพื้นหญ้าอย่างต้องการกำลังใจทั้งๆที่มันไม่ได้ช่วยอะไรเลย ความเงียบปกคลุมไปทั่วบริเวณ สายลมเย็นพัดผ่านร่างทั้งสองไป เยซองสูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าคม

    เรื่องที่ผมจะบอก ผมคิดว่าพี่คงจะหาว่าผมโกหกพี่ แต่ขอให้พี่รู้ว่าผมชอบพี่นะครับ

    ...

    ผมทำใจกับเรื่องนี้มานานแล้ว จนวันนี้...ผมถึงกล้ามาบอก มันดูโง่มากที่มาบอกเอาวันที่เรากำลังจะไปได้ดี

    ...

    แต่ผมไม่รู้จะทำยังไง ผมไม่กล้าปกปิดมันต่อไปอีกแล้ว

    นาย...นายต้องการจะบอกอะไรกันแน่

    ผมเป็นโรคหัวใจขาดเลือด ไม่มีทางรักษาให้หายขาด ไม่มีทางที่ผมจะหายขาด

    ...

    ฮยอกแจตกใจเบิกตามองคนตัวเล็ก เขาพูดอะไรไม่ออก

    ผมขอโทษที่เก็บความลับนี้เอาไว้มานาน ขอโทษจริงๆครับ

    เยซองโค้งตัวลงขอโทษฮยอกแจ เขาค้างอยู่อย่างนั้นเป็นเวลานานก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าคม ฮยอกแจได้แต่มองคนตัวเล็กก่อนจะหลุดยิ้มออกมาดวงตาเต็มไปด้วยความตกใจ

    นายจะเล่นมุขใช่มั๊ย

    ผมพูดจริงๆครับ พี่จำวันที่เราไปเที่ยวด้วยกันได้ใช่มั๊ยครับ

    อื้ม

    ตอนที่ผมล้มลงเป็นเพราะผมหายใจไม่ออกเนื่องจากโรคที่เป็น ผมต้องเข้าไปตรวจร่างกายเป็นประจำทำให้พี่ไม่ค่อยเห็นผม

    นะ...นายเป็นจริงๆน่ะเหรอ

    เยซองพยักหน้าทั้งรอยยิ้ม ฮยอกแจหุบยิ้มแล้วก้าวถอยหลังไปก้าวหนึ่งเหมือนจะวางตัว

    ขอ...ขอโทษนะ ต่อจากนี้ไปนายกับฉันคิดซะว่าเราไม่รู้จักกันมาก่อนก็แล้วกัน

    ก่อนที่คนตัวสูงจะวิ่งจากออกไป เยซองยืนนิ่งมองตามหลังของร่างสูงที่หายลับไปแล้ว ใบหน้านิ่งเฉยแต่เขาค่อยๆปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาทีละน้อย สายลมพัดผ่านร่างของเขาไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า

    ขอ...ขอโทษนะ ต่อจากนี้ไปนายกับฉันคิดซะว่าเราไม่รู้จักกันมาก่อนก็แล้วกัน

    คำพูดที่ตอกย้ำจิตใจยังคงดังก้องอยู่ในหัว และแล้ววันนี้ก็มาถึง วันที่เขาจะเจ็บปวดหัวใจมากที่สุด

     

     

    ซีวอนเดินไปมารอบรถจักรยานของตัวเอง กอดอกมองว่าเมื่อไหร่คนตัวเล็กจะเดินกลับมา เขารู้ว่ามันต้องใช้เวลาในการพูดคุยเรื่องแบบนี้ แต่นี่มันนานเกินไป

    ถ้าฉันหายไปนานแล้วนายค่อยเข้าไปดูก็แล้วกัน

    ซีวอนตัดสินใจวิ่งเข้าไปตามทางที่เยซองเดินเข้าไปก่อนจะพบคนตัวเล็กยืนอยู่นิ่งๆคนเดียว เยซองหันหลังให้เขาและดูท่าว่าจะไม่รู้ตัวเลยว่ามีใครเดินเข้าไปใกล้ๆตัวแล้วแบบนี้ แล้วไหนล่ะฮยอกแจ

    นี่...

    ซีวอนเรียกเบาๆเพื่อจะถามว่าเกิดอะไรขึ้นแต่พอเยซองหันมาหาเขาก็ต้องตกใจ ใบหน้าหวานเต็มไปด้วยน้ำตา มือเล็กกำเข้าหากันแน่นจนเส้นเลือดปูดขึ้นมา

    ฉันขอเดานะ ฮยอกแจรับไม่ได้ใช่มั๊ย

    อื้ม

    เยซองตอบเบาๆ ริมฝีปากสั่นจากการกลั้นเสียงสะอื้น ซีวอนจับมือเล็กเอาไว้ให้คลายออกจากกันเพราะกลัวว่าเลือดของอีกคนจะไม่เดิน

    และถ้าฉันจะขอเดาอีก ฮยอกแจคงจะไม่อยากเจอนายอีกเลย

    ไม่ใช่ไม่อยากเจอนะ แต่เขาบอกว่าให้เราทำเป็นไม่รู้จักกัน

    เยซองก้มหน้าลงร้องไห้หนักกว่าเดิม ความเจ็บแล่นริ้วทำให้หัวใจเต้นแรงเกินควร แต่เขาไม่สนอีกแล้ว ตอนนี้มันช็อกและพูดอะไรไม่ออก ซีวอนดึงตัวของเยซองเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด เขาลูบกลุ่มผมของอีกคนเบาๆอย่างปลอบโยน

    กลับกันเถอะ ฉันดีมากแล้ว

    นานพอควรก่อนที่เยซองจะพูดเสียงอู้อี้ในอ้อมกอด ตอนแรกเขาคิดว่าตัวเองจะร้องไห้มากกว่านี้เสียอีก แต่พอได้รับอ้อมกอดที่แสนอบอุ่นของคนตัวสูง ความเจ็บที่มีก็ค่อยๆทุเลาลงไป

    นายไม่ร้องไห้แล้วเหรอไง ไม่เห็นเหมือนคนรักกันที่บอกเลิกกันเลยแฮะ

    ไม่แล้วล่ะ ขอบใจนะที่นายมาเป็นเพื่อนฉัน ถ้าไม่มีนายฉันยังไม่รู้เลยว่าจะเป็นยังไงต่อไป

    ก็ไม่ได้อยากมานักหรอก

    ซีวอนหันไปทางอื่นแล้วพูดเบาๆแต่เยซองได้ยินชัดเจน เขาหัวเราะกับท่าทางของคนตัวสูงก่อนจะขึ้นไปนั่งซ้อนท้ายอีกคน ซีวอนปั่นจักรยานออกไป

    ขอบใจนะ ที่ทำให้ฉันมีกำลังใจดีๆ ซีวอน...

     

     

    ทงเฮวางเนื้อเพลงลงบนพื้นไม้กระดานแผ่บเรียบ เขามองเรียวอุคที่หลับไปคาเปียโน สงสัยเมื่อวานกลับไปซ้อมร้องเพลงที่หอพักจนดึกแน่เลย เขาลุกขึ้นเดินไปอุ้มร่างของคนหลับเป็นตายให้มานอนลงบนพื้น จัดการเอาผ้าเช็ดตัวในห้องอาบน้ำออกมาพับเป็นทบใหญ่ๆให้คนตัวเล็กใช้ต่างหมอน

    เวลาหลับดูไม่มีพิษมีภัยดีจัง

    ทงเฮจ้องมองคนหน้าสวยที่กำลังหลับตาพริ้ม ใบหน้าของเขาค่อยๆเลื่อนเข้าไปมองใกล้ๆก่อนจะต้องสะดุ้งเมื่อคนตัวเล็กลืมตาโพลงแล้วประเคนหมัดเข้าที่มุมปากของเขา ทงเฮล้มลงไปนอนกับพื้น ความเจ็บที่มุมปากทำให้เขาต้องร้องซี้ด

    จะทำอะไร

    แค่จะมองหน้าของนายใกล้ๆเท่านั้นเอง

    เรียวอุคเหล่ตามองอย่างไม่ไว้ใจ เขาลุกขึ้นนั่งแล้วบิดขี้เกียจไปมาสองสามครั้งก่อนจะลุกขึ้นเดินไปยังเปียโนตัวประจำ

    ซ้อมต่อได้แล้ว

    เดี๋ยวก่อนสิ นายไม่พักอีกหน่อยเหรอไง

    พูดจบก็ต้องจับที่มุมปาก เห็นตัวเล็กๆอย่างนี้แต่หมัดหนักเป็นบ้า

    พรุ่งนี้วันงานโรงเรียน มันจะทันมั๊ย

    ทงเฮส่ายหน้าก่อนจะยิ้มให้เหมือนเดิม เรียวอุคส่ายหน้าช้าๆแล้วเริ่มบรรเลงทำนองแล้วร้องออกมา ทงเฮจ้องมองคนเล่นเปียโนที่ดูจะพูดมากขึ้นเฉพาะกับเขา มันรู้สึกดีเล็กๆที่เห็นว่าเขาทำให้คนตัวเล็กเริ่มจะเปิดใจได้บ้างแล้ว

     

     

    ซองมินมาหาเยซองที่บ้านเพื่อบอกแผนงานเรื่องวันโรงเรียนที่จะจัดในวันพรุ่งนี้ เยซองเดินไปรับของที่อีกคนซื้อมาให้เพื่อนำไปวางบนโต๊ะทานอาหารแล้วสั่งให้ซองมินเดินไปนั่งรอที่ห้องรับแขก

    ห้องเราจะเปิดซุ้มขายของกิ๊ฟช็อปนะ แต่นายต้องไปร้องเพลงใช่มั๊ย งั้นให้ฉันไปจัดการแต่งตัวให้นายนะ

    แน่นอนอยู่แล้ว แต่ฉันขอเอาซีวอนไปด้วยนะ

    ซองมินตาเบิกกว้าง ซีวอนคนเย็นชาเนี่ยนะจะไปอยู่ในที่ๆมีแต่เสียงดนตรี ช่างเป็นอะไรที่ไม่เข้ากันเสียเลย

    ตามใจนายเถอะ

    แต่เมื่อเห็นสีหน้าเปี่ยมสุขของเพื่อนที่คงจะไม่รู้ตัวก็ไม่อยากขัดเลยต้องยอมๆไป

    แล้วนายหายไปไหนบ่อยๆเนี่ย พักนี้ไม่ค่อยเห็นไปโรงเรียนเลย

    ซองมินพูดขณะอ่านหนังสือการ์ตูนที่เขาเพิ่งไปหยิบมาจากชั้นหนังสือของเยซอง เยซองชะงักแล้วเงียบเสียง ซองมินจึงเงยหน้ามอง

    เป็นอะไรหรือเปล่า

    เปล่าๆ ฉันแค่มีธุระน่ะเลยต้องหยุดเรียนบ่อยหน่อย

    ซองมินพยักหน้ารับรู้ก่อนจะขอตัวนอนกลางวัน เยซองเลยบอกให้ซองมินไปนอนบนห้องของเขาแทน

    ขอโทษนะ ซองมิน...

     

    - - - - - - - - >

    เอาล่ะ เจ็บกันไปเลยทีเดียว ไม่ได้ต้องการแต่งฮยอกออกมาแบบนี้นะ แต่เพราะเนื้อเรื่องพาไปต่างหาก คุคุคุคุคุ(ติดเสียงหัวเราะไอ้ตัวคุๆจากเคะโระแล้วฉัน(_  _^))

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×