คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : Charpter 15
Charpter 15
เยซองมาซ้อมกับซีวอนที่เดิม บรรยากาศเดิมๆ ต้นไม้ที่นั่งก็ต้นเดิม แต่ที่เปลี่ยนไปคงเป็นความรู้สึกของคนทั้งสอง เยซองวางเนื้อร้องลงบนพื้นหญ้า เขาสูดเอาอากาศบริสุทธิ์เข้าไปในปอด อยากอยู่ที่นี่นานๆเผื่อว่าจะได้รับพลังชีวิตเพิ่ม ฟังดูประหลาดชะมัด แต่เขาคิดอย่างนั้นจริงๆ
“หยุดร้องทำไม”
“เปล่าๆ แค่อยากพักเสียงหน่อย ความหมายมันดีมากเลยนะเพลงนี้น่ะ”
“ฉันไม่ชอบฟังเพลง ฉันเกลียดเสียงดนตรี”
เยซองหันมายิ้มให้ซีวอนก่อนจะหลุดขำ คนอะไรไม่ชอบเสียงดนตรี แสดงว่าเป็นคนเย็นชาแต่กำเนิดแน่เลย
“ขำอะไร”
“ขำนายน่ะแหละ ทำไมถึงเกลียดมันล่ะ มันทำให้นายสบายใจได้นะ”
ซีวอนเชิดริมฝีปากแต่พอเยซองเขยิบไปใกล้ๆอีกคน เขาก็รู้สึกเหมือนโดนไฟฟ้าช็อตก่อนจะชะงักแล้วถอยออกห่างเล็กน้อย ซีวอนหันหน้ามามองบรรยากาศอย่างนี้อีกแล้วที่ทำให้เขาเผลอไปจูบคนร่างเล็ก บรรยากาศที่ค่อยๆทำให้เขาเผลอไผล
“แสงแดดร้อนเกินไปหรือเปล่า”
เยซองส่ายหัวไปมาเพราะก้มหน้าอยู่ ซีวอนเองก็ไปไม่ถูกเลยเช่นกัน เขากระแอมไอเบาๆ ความรู้สึกแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในชีวิต
“ไม่หรอก แสงแดดมันอบอุ่นสำหรับฉันเสมอ”
“ไร้สาระ”
เยซองอมยิ้มแล้วมองไปยังดอกไม้สีฟ้าดอกหนึ่งที่ขึ้นมาเองตามธรรมชาติตอนนี้มันกำลังเบ่งบาน เขาจ้องมันด้วยความสงสัย
‘‘อันนี้คืออะไรเหรอ’’
‘‘อย่าถามมากได้มั๊ย รำคาญ’’
‘’ทำไมนายเย็นชาจังล่ะ’’
‘‘…’’
‘‘หรือว่านายไม่เคยได้รับแสงแดดที่สดใสเลย’’
‘‘…’’
‘‘ถ้างั้นเอาอย่างนี้มั๊ย ให้ฉันเป็นแสงแดดของซีวอน นะ นะๆๆ’’
เยซองเขยิบเข้ามาแล้วเอาหน้าถูแขนของอีกคน หัวใจของซีวอนเต้นแรงอย่างที่ไม่เคยเป็น ความรู้สึกร้อนผะผ่าวที่ใบหน้าทำให้เขาพูดอะไรต่อไม่ออก
“นายไม่มีทางเป็นแสงแดดได้หรอก กำลังจะตายไม่ใช่เหรอไง”
เยซองเงียบ ซีวอนสะอึกเมื่อรู้ว่าตัวเองเพิ่งพูดอะไรออกไป เขาอยากจะแก้สถานการณ์ให้มันดีขึ้นแต่ก็ไม่รู้ว่าควรจะทำยังไง
“ใช่ ฉันกำลังจะตาย แต่ฉันก็ไม่อยากตายไปโดยเปล่าประโยชน์ หรือเอาแต่มานั่งเครียดเพราะยอมรับความจริงไม่ได้ ฉันบอกแล้วไงว่าฉันมีแสงแดดที่สดใสอยู่ในใจเสมอ ฉันชอบท้องฟ้า ฉันชอบก้อนเมฆ ชอบแสงแดดที่อบอุ่น ถ้านายไม่อยากให้ฉันทำแบบนั้น ก็บอกกันดีๆสิ พูดแบบนี้มันเจ็บนะ”
ซีวอนสะอึก เขาเหมือนตัวเองเป็นใบ้พูดอะไรไม่ออกได้แต่นั่งอ้ำๆอึ้งๆ เยซองส่งยิ้มให้เขา
“ฉันรู้ว่านายไม่มีทางพูดกับฉันดีๆหรอก แต่ฉันก็แค่อยากทำอะไรให้นายบ้าง เพื่อเป็นการขอบคุณที่คอยดูแลและอยู่เป็นเพื่อนในยามที่ฉันท้อ”
หัวใจของซีวอนเต้นแรงกว่าเดิม เยซองมองไปทางอื่นแล้วถอนหายใจออกมา
“นายกับฮยอกแจเป็นอะไรกัน”
“...”
“แฟนกันเหรอ?”
“ฉัน....แอบชอบพี่เขามานานแล้วล่ะ สี่ปีได้แล้วมั้ง แต่พี่เขาไม่เคยรู้หรอกนะ มีแต่ฉันที่ชอบไปดูการซ้อมบอลของพี่เขาทุกๆกลางวัน ฉันไม่เคยไปกินข้าวกับซองมินเพราะอยากไปเจอพี่ฮยอกแจ เรื่องมันก็ดีโดยเสมอมา ถ้าไม่ติดว่า...ฉันมาเป็นโรคแบบนี้”
“...”
“ความกังวลใจของฉันมันมีมากเหลือเกิน โรคที่ฉันเป็น ทุกสิ่งทุกอย่างที่กำลังไปได้ดี ความสัมพันธ์ของฉันกับพี่ฮยอกแจ”
“ทำไมนายไม่ลองบอกเขาไปล่ะ”
“เคยมีคนพูดแบบนายกับฉันเหมือนกัน แต่มันยังไม่ถึงเวลา”
“แล้วเมื่อไหร่ล่ะที่มันจะถึงเวลา ต้องรอให้โรคของนายมันแดงออกมาก่อนแล้วให้เจ้าบ้าฮยอกมันค่อยๆห่างหายไปอย่างนั้นเหรอไง”
“เป็นอย่างนั้น...จะดีกว่ามั๊ยนะ”
“อย่ามาตลกน่า!!!นายลองคิดดูสิว่าถ้าเขามารู้ด้วยตัวเองเขาจะรู้สึกยังไง นายต้องยอมรับในสิ่งที่จะเกิด เขาบอกนายเองไม่ใช่เหรอว่าอยากให้นายอยู่ข้างๆเขาจนกว่าเขาจะแน่ใจ แล้วเมื่อไหร่ที่เขาจะแน่ใจล่ะ ถ้าเขารักนายจริงเขาก็ต้องรับเรื่องโรคที่นายเป็นได้ เขาต้องรับเรื่องที่จะเกิดในอนาคตได้ถ้าหากเขาอยากจะเป็นแฟนกับนาย!!!!”
เยซองสบตากับซีวอน เขายิ้มออกมา
“ฉันจะไปบอกเขา คิดอยู่เหมือนกันแต่ไม่รู้จะเริ่มยังไง ขอบใจนะ”
เยซองลุกขึ้นเดินไปรอซีวอนที่จักรยาน ซีวอนมองตามหลังของคนตัวเล็กจนหายลับไปทำไมเขาถึงรู้สึกแปลกๆที่เห็นรอยยิ้มนั้น มันไม่ใช่รอยยิ้มที่เยซองชอบยิ้ม แต่เป็นเหมือนอีกด้านหนึ่งที่เขายังไม่เคยเห็นและคิดว่าคนอื่นๆก็เช่นกัน ความเศร้าที่เจือมากับรอยยิ้มนั้นทำให้เขาปวดใจเหลือเกิน
“ฉันโทรนัดพี่เขาแล้วล่ะ ไปส่งฉันที่สวนในโรงเรียนทีสิ”
เยซองตะโกนแข่งกับเสียงลมที่พัดผ่านร่างของเขาและซีวอนไป ซีวอนเร่งจักรยานให้เร็วขึ้นเพื่อไปส่งคนตัวเล็กตามที่ต้องการ
“ฉันจะเข้าไปด้วย เผื่อมีอะไรเกิดขึ้น...”
“ไม่ต้องหรอก ฉัน...อยากเข้าไปคนเดียว”
“แต่ฉันเป็นห่วง....”
ซีวอนเงียบเสียงลง นี่เขากำลังจะพูดอะไรออกไป เป็นห่วงงั้นเหรอ...
“...”
“เอาเป็นว่าฉันจะเข้าไปด้วย”
“ไม่เป็นไรหรอก แต่ยังไงก็ขอบใจนะ ถ้าฉันหายไปนานแล้วนายค่อยเข้าไปดูก็แล้วกัน”
ซีวอนพยักหน้ารับ เขามองจนร่างเล็กเดินหายเข้าไปในสวนของโรงเรียน
“ไงเยซอง วันนี้มีเรื่องด่วนอะไรถึงต้องนิดพี่มาถึงที่นี่เนี่ย”
ฮยอกแจเอ่ยทักเมื่อเห็นเยซองเดินเข้ามาหาเขา เยซองส่งยิ้มมาให้
“ผมมีเรื่องสำคัญจะบอกพี่ครับ”
“อะไรเหรอ”
“...”
ฮยอกแจเดินเข้ามาหาเขาจนใกล้ทั้งคู่ต่างยืนจ้องมองกันและกัน เยซองเป็นฝ่ายก้มหน้าลงมองพื้นหญ้าอย่างต้องการกำลังใจทั้งๆที่มันไม่ได้ช่วยอะไรเลย ความเงียบปกคลุมไปทั่วบริเวณ สายลมเย็นพัดผ่านร่างทั้งสองไป เยซองสูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าคม
“เรื่องที่ผมจะบอก ผมคิดว่าพี่คงจะหาว่าผมโกหกพี่ แต่ขอให้พี่รู้ว่าผมชอบพี่นะครับ”
“...”
“ผมทำใจกับเรื่องนี้มานานแล้ว จนวันนี้...ผมถึงกล้ามาบอก มันดูโง่มากที่มาบอกเอาวันที่เรากำลังจะไปได้ดี”
“...”
“แต่ผมไม่รู้จะทำยังไง ผมไม่กล้าปกปิดมันต่อไปอีกแล้ว”
“นาย...นายต้องการจะบอกอะไรกันแน่”
“ผมเป็นโรคหัวใจขาดเลือด ไม่มีทางรักษาให้หายขาด ไม่มีทางที่ผมจะหายขาด”
“...”
ฮยอกแจตกใจเบิกตามองคนตัวเล็ก เขาพูดอะไรไม่ออก
“ผมขอโทษที่เก็บความลับนี้เอาไว้มานาน ขอโทษจริงๆครับ”
เยซองโค้งตัวลงขอโทษฮยอกแจ เขาค้างอยู่อย่างนั้นเป็นเวลานานก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าคม ฮยอกแจได้แต่มองคนตัวเล็กก่อนจะหลุดยิ้มออกมาดวงตาเต็มไปด้วยความตกใจ
“นายจะเล่นมุขใช่มั๊ย”
“ผมพูดจริงๆครับ พี่จำวันที่เราไปเที่ยวด้วยกันได้ใช่มั๊ยครับ”
“อื้ม”
“ตอนที่ผมล้มลงเป็นเพราะผมหายใจไม่ออกเนื่องจากโรคที่เป็น ผมต้องเข้าไปตรวจร่างกายเป็นประจำทำให้พี่ไม่ค่อยเห็นผม”
“นะ...นายเป็นจริงๆน่ะเหรอ”
เยซองพยักหน้าทั้งรอยยิ้ม ฮยอกแจหุบยิ้มแล้วก้าวถอยหลังไปก้าวหนึ่งเหมือนจะวางตัว
“ขอ...ขอโทษนะ ต่อจากนี้ไปนายกับฉันคิดซะว่าเราไม่รู้จักกันมาก่อนก็แล้วกัน”
ก่อนที่คนตัวสูงจะวิ่งจากออกไป เยซองยืนนิ่งมองตามหลังของร่างสูงที่หายลับไปแล้ว ใบหน้านิ่งเฉยแต่เขาค่อยๆปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาทีละน้อย สายลมพัดผ่านร่างของเขาไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า
‘ขอ...ขอโทษนะ ต่อจากนี้ไปนายกับฉันคิดซะว่าเราไม่รู้จักกันมาก่อนก็แล้วกัน’
คำพูดที่ตอกย้ำจิตใจยังคงดังก้องอยู่ในหัว และแล้ววันนี้ก็มาถึง วันที่เขาจะเจ็บปวดหัวใจมากที่สุด
ซีวอนเดินไปมารอบรถจักรยานของตัวเอง กอดอกมองว่าเมื่อไหร่คนตัวเล็กจะเดินกลับมา เขารู้ว่ามันต้องใช้เวลาในการพูดคุยเรื่องแบบนี้ แต่นี่มันนานเกินไป
‘ถ้าฉันหายไปนานแล้วนายค่อยเข้าไปดูก็แล้วกัน’
ซีวอนตัดสินใจวิ่งเข้าไปตามทางที่เยซองเดินเข้าไปก่อนจะพบคนตัวเล็กยืนอยู่นิ่งๆคนเดียว เยซองหันหลังให้เขาและดูท่าว่าจะไม่รู้ตัวเลยว่ามีใครเดินเข้าไปใกล้ๆตัวแล้วแบบนี้ แล้วไหนล่ะฮยอกแจ
“นี่...”
ซีวอนเรียกเบาๆเพื่อจะถามว่าเกิดอะไรขึ้นแต่พอเยซองหันมาหาเขาก็ต้องตกใจ ใบหน้าหวานเต็มไปด้วยน้ำตา มือเล็กกำเข้าหากันแน่นจนเส้นเลือดปูดขึ้นมา
“ฉันขอเดานะ ฮยอกแจรับไม่ได้ใช่มั๊ย”
“อื้ม”
เยซองตอบเบาๆ ริมฝีปากสั่นจากการกลั้นเสียงสะอื้น ซีวอนจับมือเล็กเอาไว้ให้คลายออกจากกันเพราะกลัวว่าเลือดของอีกคนจะไม่เดิน
“และถ้าฉันจะขอเดาอีก ฮยอกแจคงจะไม่อยากเจอนายอีกเลย”
“ไม่ใช่ไม่อยากเจอนะ แต่เขาบอกว่าให้เราทำเป็นไม่รู้จักกัน”
เยซองก้มหน้าลงร้องไห้หนักกว่าเดิม ความเจ็บแล่นริ้วทำให้หัวใจเต้นแรงเกินควร แต่เขาไม่สนอีกแล้ว ตอนนี้มันช็อกและพูดอะไรไม่ออก ซีวอนดึงตัวของเยซองเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด เขาลูบกลุ่มผมของอีกคนเบาๆอย่างปลอบโยน
“กลับกันเถอะ ฉันดีมากแล้ว”
นานพอควรก่อนที่เยซองจะพูดเสียงอู้อี้ในอ้อมกอด ตอนแรกเขาคิดว่าตัวเองจะร้องไห้มากกว่านี้เสียอีก แต่พอได้รับอ้อมกอดที่แสนอบอุ่นของคนตัวสูง ความเจ็บที่มีก็ค่อยๆทุเลาลงไป
“นายไม่ร้องไห้แล้วเหรอไง ไม่เห็นเหมือนคนรักกันที่บอกเลิกกันเลยแฮะ”
“ไม่แล้วล่ะ ขอบใจนะที่นายมาเป็นเพื่อนฉัน ถ้าไม่มีนายฉันยังไม่รู้เลยว่าจะเป็นยังไงต่อไป”
“ก็ไม่ได้อยากมานักหรอก”
ซีวอนหันไปทางอื่นแล้วพูดเบาๆแต่เยซองได้ยินชัดเจน เขาหัวเราะกับท่าทางของคนตัวสูงก่อนจะขึ้นไปนั่งซ้อนท้ายอีกคน ซีวอนปั่นจักรยานออกไป
ขอบใจนะ ที่ทำให้ฉันมีกำลังใจดีๆ ซีวอน...
ทงเฮวางเนื้อเพลงลงบนพื้นไม้กระดานแผ่บเรียบ เขามองเรียวอุคที่หลับไปคาเปียโน สงสัยเมื่อวานกลับไปซ้อมร้องเพลงที่หอพักจนดึกแน่เลย เขาลุกขึ้นเดินไปอุ้มร่างของคนหลับเป็นตายให้มานอนลงบนพื้น จัดการเอาผ้าเช็ดตัวในห้องอาบน้ำออกมาพับเป็นทบใหญ่ๆให้คนตัวเล็กใช้ต่างหมอน
“เวลาหลับดูไม่มีพิษมีภัยดีจัง”
ทงเฮจ้องมองคนหน้าสวยที่กำลังหลับตาพริ้ม ใบหน้าของเขาค่อยๆเลื่อนเข้าไปมองใกล้ๆก่อนจะต้องสะดุ้งเมื่อคนตัวเล็กลืมตาโพลงแล้วประเคนหมัดเข้าที่มุมปากของเขา ทงเฮล้มลงไปนอนกับพื้น ความเจ็บที่มุมปากทำให้เขาต้องร้องซี้ด
“จะทำอะไร”
“แค่จะมองหน้าของนายใกล้ๆเท่านั้นเอง”
เรียวอุคเหล่ตามองอย่างไม่ไว้ใจ เขาลุกขึ้นนั่งแล้วบิดขี้เกียจไปมาสองสามครั้งก่อนจะลุกขึ้นเดินไปยังเปียโนตัวประจำ
“ซ้อมต่อได้แล้ว”
“เดี๋ยวก่อนสิ นายไม่พักอีกหน่อยเหรอไง”
พูดจบก็ต้องจับที่มุมปาก เห็นตัวเล็กๆอย่างนี้แต่หมัดหนักเป็นบ้า
“พรุ่งนี้วันงานโรงเรียน มันจะทันมั๊ย”
ทงเฮส่ายหน้าก่อนจะยิ้มให้เหมือนเดิม เรียวอุคส่ายหน้าช้าๆแล้วเริ่มบรรเลงทำนองแล้วร้องออกมา ทงเฮจ้องมองคนเล่นเปียโนที่ดูจะพูดมากขึ้นเฉพาะกับเขา มันรู้สึกดีเล็กๆที่เห็นว่าเขาทำให้คนตัวเล็กเริ่มจะเปิดใจได้บ้างแล้ว
ซองมินมาหาเยซองที่บ้านเพื่อบอกแผนงานเรื่องวันโรงเรียนที่จะจัดในวันพรุ่งนี้ เยซองเดินไปรับของที่อีกคนซื้อมาให้เพื่อนำไปวางบนโต๊ะทานอาหารแล้วสั่งให้ซองมินเดินไปนั่งรอที่ห้องรับแขก
“ห้องเราจะเปิดซุ้มขายของกิ๊ฟช็อปนะ แต่นายต้องไปร้องเพลงใช่มั๊ย งั้นให้ฉันไปจัดการแต่งตัวให้นายนะ”
“แน่นอนอยู่แล้ว แต่ฉันขอเอาซีวอนไปด้วยนะ”
ซองมินตาเบิกกว้าง ซีวอนคนเย็นชาเนี่ยนะจะไปอยู่ในที่ๆมีแต่เสียงดนตรี ช่างเป็นอะไรที่ไม่เข้ากันเสียเลย
“ตามใจนายเถอะ”
แต่เมื่อเห็นสีหน้าเปี่ยมสุขของเพื่อนที่คงจะไม่รู้ตัวก็ไม่อยากขัดเลยต้องยอมๆไป
“แล้วนายหายไปไหนบ่อยๆเนี่ย พักนี้ไม่ค่อยเห็นไปโรงเรียนเลย”
ซองมินพูดขณะอ่านหนังสือการ์ตูนที่เขาเพิ่งไปหยิบมาจากชั้นหนังสือของเยซอง เยซองชะงักแล้วเงียบเสียง ซองมินจึงเงยหน้ามอง
“เป็นอะไรหรือเปล่า”
“เปล่าๆ ฉันแค่มีธุระน่ะเลยต้องหยุดเรียนบ่อยหน่อย”
ซองมินพยักหน้ารับรู้ก่อนจะขอตัวนอนกลางวัน เยซองเลยบอกให้ซองมินไปนอนบนห้องของเขาแทน
ขอโทษนะ ซองมิน...
- - - - - - - - >
เอาล่ะ เจ็บกันไปเลยทีเดียว ไม่ได้ต้องการแต่งฮยอกออกมาแบบนี้นะ แต่เพราะเนื้อเรื่องพาไปต่างหาก คุคุคุคุคุ(ติดเสียงหัวเราะไอ้ตัวคุๆจากเคะโระแล้วฉัน(_ _^))
ความคิดเห็น