คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : Charpter 13
Charpter 13
แสงแดดตอนเช้าทำให้ใครหลายคนต่างสดใสต่างจากเยซองที่มีใบหน้าบูดบึ้งเล็กน้อย เขาต้องมาที่โรงพยาบาลเพื่อตรวจร่างกายอีกแล้ว และมันก็ถี่ขึ้นจนเพื่อนๆในห้องต่างเริ่มสงสัย และเขาคิดว่าพี่ฮยอกแจเองก็คงเช่นกัน
“เสร็จแล้วล่ะ เยซอง”
เยซองกล่าวขอบคุณคุณหมออีทึกที่ทำการตรวจและดูแลเขาอย่างดีมาตลอด ชีวิตของเขายืดยาวได้ก็เพราะฝีมือของคุณหมอ แต่จะว่าดีเลยก็ไม่ได้จะว่าร้ายลงก็ไม่เชิง
เยซองเดินตามหลังพ่อและแม่ของเขาออกจากโรงพยาบาล เขากำลังจมอยู่ในความคิดของตัวเองจนไม่ทันระวังเห็นลูกบอลยางกระเด็นมาตกใส่ เขาผงะถอยหลังและมึนงงเล็กน้อย
“ขอโทษนะคะ”
หญิงสาววัยกลางคนเอ่ยกล่าว เยซองโค้งตัวตามเมื่อเธอโค้งตัวลง ทันทีที่หญิงคนนั้นหันหลังเดินกลับไปหาเด็กคนหนึ่งที่นั่งอยู่บนรถเข็น เยซองก็เห็นใบหน้าซีดเซียวดูไร้ชีวิตชีวาแต่กลับมีรอยยิ้มที่แสนจะสดใส เด็กคนนั้นเป็นผู้ชายน่าจะอายุน้อยกว่าเขามากๆ อาจจะแค่ห้าหรือหกขวบเท่านั้นเอง
“เยซอง มองอะไรอยู่ลูก”
เยซองหันไปตามเสียงเรียกแล้วเดินไปขึ้นรถ รถค่อยๆเคลื่อนตัวไปช้าๆก่อนจะหายลับไปจากโรงพยาบาล
ทงเฮวางดอกฟอร์เก็ตมีนอทสีฟ้าสวยดอกหนึ่งลงบนหลังเปียโนแล้วส่งยิ้มให้มัน เขาหวังว่าเจ้าของเปียโนตัวนี้จะมาเจอมันและเก็บมันเอาไปโดยไม่สงสัยนะว่าใครเอามาให้
“เอามันออกไป”
เขาสะดุ้งเมื่อเสียงเย็นๆดังขึ้นข้างหลัง เขาหันกลับไปมองแล้วทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
“ฉันไม่รู้เรื่องนะ ดอกไม้นี่มันมาอยู่บนนี้เอง”
“ฉันไม่สนหรอกนะ แต่เอามันออกไป ฉันเกลียดดอกไม้”
“หยิ่งเป็นบ้า”
ทงเฮพูดเบาๆกับตัวเองเขาไม่สนว่าเรียวอุคจะพูดอะไรต่อ เขาเดินไปยังวิทยุที่มีแผ่นเพลงซ้อมเต้นอยู่แล้วกดเปิด เรียวอุคปรายสายตามองก่อนจะหยิบดอกไม้นั้นแล้วจะปาลงถ้าสายตาไม่เห็นกระดาษแผ่นเล็กๆผูกติดด้วยเชือกสีเงินสวยกับก้านของมัน เขาพลิกกระดาษออกอ่าน
‘ดอกไม้ลบความทรงจำ ให้คุณนะ^ ^’
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใครเป็นคนให้ เขาถอนหายใจแล้วเดินนำมันไปทิ้งลงถังขยะภายในห้องต่อหน้าต่อตาเจ้าของมัน เรียวอุคไม่อยากจะสนใจหรือคิดจะสนใจเลยสักนิด
“ทำไมนายถึงทิ้งมันไป”
“ฉันบอกแล้วว่าฉันไม่ชอบดอกไม้”
“อย่าเอาเรื่องของตัวเองไปลงกับคนอื่นสิ ฉันรู้นะที่นายไม่ชอบดอกไม้ก็เพราะว่าเขาคนนั้นเคยให้มันกับนายใช่มั๊ยล่ะ”
เรียวอุคชะงักปลายนิ้วที่กำลังจะไล้ไปตามคีย์บอร์ด เขาหันสายตามาจ้องทงเฮที่ลุกขึ้นยืนอย่างเอาเรื่อง
“อีกอย่าง ฉันก็ไม่ชอบคนให้มันด้วย และมันก็ไม่เกี่ยวกับคนๆนั้น”
เขาทำท่าจะหันไปไล้คีย์บอร์ดต่อ แต่เสียงของทงเฮก็ทำเอาชะงักอีกครั้ง
“ถึงยังไงนายก็ควรจะเก็บมันเอาไว้ มันเป็นดอกไม้ที่ฉันตั้งใจเอามาให้นาย ฉันแค่อยากจะเห็นนายมีรอยยิ้มอีกครั้งได้เพราะมัน แต่ฉันทำอะไรมันก็ผิดไปหมดในสายตาของนาย ทำไมนายถึงยังไม่ยอมเปิดใจ หรือนายจะโกหกตัวเองต่อไปว่านายเลิกรักเขาได้แล้ว”
“หยุดพูดเดี๋ยวนี้”
“ฉันไม่หยุดและจะพูดต่อไป นายมันเห็นแก่ตัว นายมันเป็นคนมองโลกในแง่ร้าย เพียงแค่เขาทิ้งนายไปหาคนใหม่นายต้องทำกับหัวใจของตัวเองแบบนี้เลยเหรอไง นายไม่สงสารหัวใจของตัวเองที่กำลังร้องไห้อยู่ตอนนี้เลยหรือไง”
เรียวอุคลุกขึ้นมาก่อนจะเดินเข้ามาหาทงเฮ สายตาเย็นมองอีกคนเหมือนจะเตือนอีกครั้ง
“นายมันเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้น ฉันไม่สงสัยเลยถ้าหากว่าเขาคนนั้นเลือกที่จะทิ้งนายไปหาคนใหม่ นายมันเห็นแก่ตัวจริงๆ ทำอะไรไม่คิดถึงคนอื่น มองแต่เปลือกนอกของคนอื่น ปิดกั้นตัวเองเหมือนพวกกบในกะลา นายน่ะมันไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง”
เรียวอุคกำหมัดแน่น เขาจะไม่ทนอีกแล้วนะ
“ฉันขอเตือนอีกครั้งว่าให้หยุดพูด เดี๋ยวนี้”
“นายก็คงจะไม่มีเพื่อนเลยล่ะสิ เพราะอะไรนายรู้หรือเปล่า ก็เพราะว่านายมันเป็นพวกจมอยู่แต่กับความฝันและเรื่องราวในอดีต นายมันไม่ยอมเปิดใจรับสิ่งใหม่ๆเข้ามา เลิกเพ้อฝันแล้วมองความเป็นจริงได้แล้ว อย่าเอาแต่โกหกตัวเองว่านายมันอยู่ได้โดยไม่ต้องมีใคร ที่จริงแล้วนายน่ะเหงามากๆและต้องการใครสักคน แต่เพราะเอาแต่ปิดกั้นตัวเองเลยไม่เคยจะรู้ว่าใครเขามองนายยังไง นายมันไร้ความปราณีและการเห็นใจที่สุด!!!”
“ลี ทงเฮ!!!!!!!!!”
เรียวอุคตะโกนลั่นก่อนจะมองหน้าอีกคนทั้งน้ำตา เขาไม่เคยโดนใครว่าอะไรแรงๆแบบนี้มาก่อน เพียงแค่เขาไม่อยากจะเจ็บอีกแล้วมันเลยทำให้เขาผิดมากงั้นสิ เพียงแค่เขายังเหลือเยื่อใยกับรักครั้งแรกอยู่เขาเลยผิดงั้นสิ
“นายเองมันก็เห็นแก่ตัวเหมือนกันนั่นแหละ เอาแต่ว่าคนอื่นแล้วไม่ดูตัวเอง นายมันพวกมองชาวบ้านในทางผิดๆ”
“นายต่างหาก ทำไมนายถึงไม่เปิดรับใครสักคนเข้าไปในหัวใจของนายบ้าง”
“...”
“อย่างเช่นผม....เพี๊ยะ!!!”
ทงเฮหน้าหันไปตามแรงตบ เรียวอุคตาแดงก่ำจากการร้องไห้ เขาไม่อยากได้ยินในสิ่งที่อีกคนกำลังจะพูดออกมา เขาไม่อยากให้ตัวเองอ่อนไหวไปมากกว่านี้
“หยุดพูดเดี๋ยวนี้ ลี ทงเฮ ถ้ายังพูดอีกฉันจะไม่ทนกับนายอีกแล้วนะ!!!!!”
“เอาสิ ฉันจะพูดต่อจนกว่านายจะยอมเปิดใจ ฉันจะใช้คำพูดของฉันทำลายกำแพงโง่ๆของตัวนายลงไปให้หมด ฉันจะ...เพี๊ยะ!!!!”
อีกครั้งที่ทงเฮหน้าหันแต่คนละฝั่งกับเมื่อครู่ เรียวอุคมองอีกคนด้วยความไม่พอใจ ในเมื่ออีกคนท้ามาเขาก็พร้อมสนองให้อย่างสามสม
“นายตบฉันได้ก็ตบไป แต่ฉันไม่มีทางเลิกยุ่งกับนายแน่นอน”
หมับ!!!
ทงเฮจับมือที่กำลังจะฟาดลงมาบนแก้มของเขาอีกครั้ง ดวงตาที่เขาไม่เคยคิดจะใช้กลับถูกดึงให้มาใช้ สายตาคมและเย็นเฉียบอย่างที่เรียวอุคไม่เคยเห็นกำลังจ้องมองเขาอยู่ เรียวอุคชะงักแต่ก็ยังไม่หยุดร้องไห้
“ฉันไม่ยอมให้นายตบฉันหรือทำฉันฝ่ายเดียวแน่ๆ”
“...”
เรียวอุคขัดขืนตัวเองไปมาแต่มือก็ไม่ยอมหลุดจากมือของอีกคน เขากำลังหวาดกลัวต่อคนตรงหน้าอย่างบอกไม่ถูก
“ฉันก็แค่อยากให้นายมองคนใหม่ ในเมื่อเขามีคนใหม่ได้ นายก็ต้องมีได้ ฉันเชื่ออย่างนั้นนะ”
“นายไม่เข้าใจ ฮึก ลี ทงเฮ”
“ทำไมฉันจะไม่เข้าใจ ฉันเข้าใจสิ ก็นายน่ะทำให้ฉันอยากเข้าใจนาย”
เรียวอุคก้มหน้าลงมองพื้นก่อนจะปล่อยโฮออกมาอย่างสุดกลั้น ทงเฮดึงตัวของอีกคนเข้ามากอดแล้วลูบหลังปลอบใจ เขาหวังว่าพรุ่งนี้หรือต่อๆไปคนในอ้อมกอดของเขาจะมองมาทางเขาบ้าง
ทงเฮเรียกร้องให้เรียวอุคออกมาซื้อของกลับเขาก่อนกลับบ้าน แต่คนตัวเล็กกลับแย้งว่าต้องไปซื้อของใช้ของตัวเองทำให้ทงเฮต้องติดสอยห้อยตามมาด้วยอย่างตั้งใจ หลังจากเรื่องเมื่อกลางวันเรียวอุคก็ยังไม่ได้พูดกับเขาอะไรมากกว่าที่เคยเป็น แต่สายตาที่ใช้มองเริ่มจะแสดงอะไรออกมามากกว่าเดิม อย่างเช่นเมื่อเขาพูดอะไรที่ไม่เข้าหูออกไป สายตาก็จะตวัดมองอย่างรังเกียจหรือโกรธ หรืออะไรก็ตามที่แสดงออกว่ามันน่ารำคาญเพียงใด
“พี่คยูฮะ ผมว่าเราไปซื้อของใช้เด็กกันดีกว่ามั๊ย”
เรียวอุคชะงักเมื่อเห็นคนร่างสูงที่เคยอยู่ในความทรงจำเมื่อหลายปีก่อนเดินควงมากับชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งและดูดีมากๆมาด้วย และมันก็ทำให้ทงเฮต้องหยุดชะงักและมองตามอย่างสงสัย ตอนแรกเขาก็งงว่าอีกคนมองใครแต่พอเห็นก็ถึงบางอ้อในทันที
“อื้ม พี่ว่าก็ดีนะแทมิน ซื้อไปให้หลานของนาย”
พวกเขาทั้งสองคนหัวเราะต่อกระซิกกันก่อนที่เรียวอุคจะก้มหน้าลงแล้วเดินเข็นรถเข็นที่มีของใช้ของเขาอยู่เต็มไปด้วย เขาพยายามกลั้นน้ำตาที่กำลังจะไหลลงมา ทั้งๆที่เขาทำใจมานานแต่พอมาเห็นแบบนี้มันก็เจ็บจนเขาทนดูไม่ได้
“โอ๊ะ!”
“ขอโทษครับ”
แต่เพราะความไม่ระวังทำให้เขาเข็นไปชนขาของใครคนหนึ่ง เรียวอุคเงยหน้าขึ้นขอโทษแต่พอได้สบตากับคนที่ยืนอยู่ข้างๆคนโดนชนใบหน้าของเขาก็ค้างอยู่อย่างนั้น ขอบตามันร้อนผ่าวๆและรู้สึกถึงม่านน้ำตาที่ไหลมาบังใบหน้าคมของอีกคน
“ขอโทษแทนแฟนของผมด้วยนะครับ เขาซุ่มซ่ามไปหน่อย”
ทงเฮยิ้มกว้างให้คยูฮยอนก่อนจะหันไปจับมือเล็กแล้วดึงเบาๆให้อีกคนเดินตามไป แต่เรียวอุคเหมือนแข็งเป็นหินขยับไปไหนไม่ได้
“นี่ใครฮะ พี่คยู”
“เอ่อ...เพื่อนน่ะ”
คยูฮยอนหันไปตอบคนตัวเล็กข้างๆ เมื่อได้ยินว่าเป็นเพื่อนกันดูเหมือนแทมินจะเบาใจมากๆเลยทีเดียว คนที่ยืนอยู่ข้างๆอดีตแฟนของเรียวอุคหันมาโค้งตัวทักทาย
“สวัสดีฮะ”
“แฟนพี่น่ารักดีนะครับ นิสัยก็ดีด้วย”
เรียวอุคพูดตอกย้ำจิตใจของตัวเอง แทมินหน้าแดงเพราะโดนชมซึ่งๆหน้าเขาก้มหน้าลงโดยไม่ได้มองเลยว่าใบหน้าของคนพูดเป็นเช่นไร คยูฮยอนพูดไม่ออก
“เร็วๆหน่อยสิเรียวจัง เดี๋ยวกลับบ้านช้าฉันจะโดนคุณป้าว่าเอานะ”
“นายก็มีแฟนน่ารักดีนะ”
สงครามสายตาเกิดขึ้น เรียวอุคค่อยๆปล่อยให้น้ำตาไหลลงมา เขาก้มหน้าลงแล้วฝืนยิ้มไปให้อีกคน ฟังจากน้ำเสียงแล้วคยูฮยอนคงจะดีใจกับเขามากโข
“พี่เป็นยังไงบ้าง สบายดีหรือเปล่า”
คยูฮยอนพยักหน้า แทมินมองคนสองคนสลับกันไปมา
“ผมลืมแนะนำชื่อของตัวเอง ผมชื่อลี แทมินนะฮะ”
“ผมชื่อลี ทงเฮและแฟนของผมชื่อคิม เรียวอุคครับ”
แทมินพยักหน้ารับ เขามองดูแฟนของเขาและเรียวอุคที่จ้องตากันไม่กระพริบ เรียวอุคร้องไห้ซึ่งมันทำให้เขาแปลกใจและตกใจ แต่ความแปลกใจมันมีมากกว่า
“คุณคงคิดถึงพี่คยูฮยอนเขามากๆ ขอโทษแทนพี่เขาด้วยนะฮะ ที่ไม่ค่อยได้โทรหาพวกเพื่อนๆเท่าไหร่ เขาเอาแต่หมกตัวอยู่กับผม”
พูดออกมาด้วยความใสซื่อแต่กลับตอกย้ำอีกคนมากจนเจ็บลึกไปถึงขั้วหัวใจ เรียวอุคหันไปยิ้มให้แทมินอ่างจริงใจ
“ครับ งั้นผมไปก่อนนะครับ”
เรียวอุคเข็นรถเข็นชนเข้าที่ข้อเท้าของแทมินเต็มแรงทำเอาอีกคนร้องลั่นด้วยความเจ็บ เขาเอ่ยขอโทษอย่างตั้งใจก่อนจะหันไปมองคยูฮยอนที่ทำหน้าไม่พอใจใส่ เขาเดินออกมาแล้วและทิ้งคยูฮยอนที่ก้มดูแผลที่ข้อเท้าของแทมินอย่างห่วงใยไว้ด้านหลัว เพียงแค่นี้ เรียวอุคก็รู้แล้วว่าเขามันไร้ค่าสำหรับร่างสูงแค่ไหน
“ไม่เห็นหล่อเลย ฉันหล่อกว่าตั้งเยอะ”
เมื่อมาถึงในรถโดยสารแล้วพวกเขาก็ขึ้นไปนั่งที่เรียบร้อยทงเฮก็พูดออกมาหวังช่วยเรียวอุคให้หลุดจากความเศร้าแต่กลับทำให้อีกคนเศร้ากว่าเดิม เรียวอุคเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างทิ้งน้ำตาให้ไหลลงมาเงียบๆ ทงเฮเอื้อมมือมาจับมือของเรียวอุคเอาไว้แต่คนโดนจับกลับหันมามองอย่างไม่ค่อยพอใจ
“ปล่อยมือของฉัน ฉันกับนายเราไม่ได้เป็นอะไรกัน”
“ถึงเราไม่ได้เป็นอะไรกัน แต่ฉันคิดว่ารุ่นพี่คยูฮยอนบ้าบออะไรของนายคงจะเข้าใจผิดไปแล้ว ก็แกล้งๆเล่นต่อไปมันเสียหายตรงไหน”
“มือของฉันไม่ใช่ของสาธารณะที่จะมาจับได้ง่ายๆ”
ทงเฮยังคงจับต่อและไม่สนใจว่าอีกคนจะดึงมือออกไปยังไง รอยยิ้มเล็กๆปรากฏขึ้นบนใบหน้าทะเล้น
“จับมือนุ่มๆของนายแล้วอุ่นดีจริงๆ ในรถหนาวเกินไปแล้ว ถ้าเกิดว่าคนโสดๆขึ้นมาคนเดียวคงจะหนาวใจตายเลย”
พูดเปรยๆออกมาเหมือนไม่ได้ตั้งใจให้อีกคนรับรู้แต่ความนัยที่แฝงทำให้เรียวอุคต้องเงยหน้าขึ้นมอง น้ำตายังไม่ยอมหยุดไหล
“ฉันขอเช็ดน้ำตาให้นายได้มั๊ย”
เรียวอุคชะงักตาโต เขาไม่เข้าใจว่าคนข้างๆตัวต้องการอะไรแต่เขาก็ไม่ได้ขัดขืนเมื่อมือของอีกคนเอื้อมมาจับเบาๆที่แก้มของเขาแล้วไล้นิ้วโป้งไปตามพวงแก้ม น้ำตาค่อยๆหายไปทีละน้อย
“หน้าตาเศร้าๆแบบนี้ไม่เหมาะกับนายเลย อย่างนายมันต้องเย็นชาแบบนี้ต่างหาก”
ทงเฮทำหน้าเลียนแบบเรียวอุคที่ชอบตีหน้าขรึมแล้วหันมามองทำเอาอีกคนหลุดขำออกมา ทงเฮยิ้มกว้างเมื่ออีกคนยิ้มออกมาได้บ้างแล้ว
“นายยิ้มแบบนี้นี่แหละน่ารักที่สุดเลย ฉันชอบใบหน้าแบบนี้ของนาย”
เรียวอุคมองทงเฮก่อนจะทำหน้าเอือมๆใส่
“แต่ยังไงก็ขอบใจมากนะสำหรับวันนี้ ทั้งเรื่องค่าใช้จ่ายและเรื่อง...พี่คยูฮยอนน่ะ”
“ไม่เป็นไร ยังไงเราก็เป็นแฟนกัน”
“บ้าเหอะ”
“แต่นายน่ากลัวชะมัดเลยตอนที่เข็นรถไปชนขาเด็กนั่น จงใจใช่มั๊ย”
“มือน่ะปล่อยได้แล้ว”
ไม่ได้ตอบแต่กลับสั่งอีกคนแทน ทงเฮไม่ยอมปล่อยเอาแต่อมยิ้มอยู่อย่างนั้นสร้างความหมันไส้ให้แก่คนโดนแต๊ะอั๋งเหลือเกิน
“ฉันไม่ปล่อยมือของนายหรอก ไม่ว่านายจะผลักไสไล่ส่งให้ฉันไปไกลๆยังไง ฉันก็จะไม่ปล่อยมือของนายเป็นอันขาด ฉันให้สัญญา”
ทงเฮยื่นนิ้วก้อยไปเกี่ยวกับนิ้วก้อยของอีกคนทั้งๆที่อีกคนไม่ได้เต็มใจเลยสักนิดก่อนจะส่งยิ้มไปให้ ฉันสัญญา...เรียวจัง
- - - - - - - - >
ก่อนอื่นต้องบอกว่าขอกราบขอบพระคุณนักอ่านทุกท่านที่ติดตามเรื่องนี้มาจนถึงตอนนี้
เฮเรียวก็หวานซึ้งกันไป คยูแทมก็ทำให้เรียวเจ็บปวดได้อีก แต่มีเฮมาดามใจให้ก็คงจะเบาใจกันไป
เย่ก็เริ่มจะเข้าสูโหมดสดใสและเศร้าๆกันต่อไป ระวัง!!!! วอนเย่กำลังจะมา(ฮา)
ความคิดเห็น