คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : Charpter 9
Charpter 9
เรียวอุควางขวดน้ำลงข้างๆตัว เมื่อวานเขาลืมเก็บภาพของเขาและคนที่อยากลืมได้ยังไง ทั้งๆที่คิดว่าเก็บไปแล้วแท้ๆ แต่ไหงกลายเป็นว่าลืมซะได้ ดีนะที่ไม่มีใครสนใจ
เขาวางมือลงบนเปียโนก่อนจะเริ่มดีดแป้นไปตามตัวโน้ต เสียงร้องหวานๆดังก้องห้องซ้อม ทงเฮที่เดินผ่านมาพอดีหยุดยืนดูก่อนจะตัดสินใจเปิดประตูเข้ามาแล้วปิดเบาๆ เขาจำได้ว่านี่ไม่ใช่เพลงที่คนตัวเล็กร้องไปวันก่อน
~...어디서 어떻게 자꾸만 맺히는지 나도 모르죠
ออ-ดี-ซอ ออ-ตอ-เก จา-กุ-มัน แม-จี-นึน-จี นา-โด โม-รือ-จโย
จะอยู่ที่ไหนนะ? จะทำอย่างไรดี? มันหลายต่อหลายครั้ง แม้ฉันไม่ค่อยรู้อะไรมาก
그냥 내가 많이 아픈 것만 알아요
คือ-นยัง แน-กา มา-นี อา-พึน กอซ-มัน นา-รา-โย
แต่สิ่งเดียวที่ฉันรู้คือฉันเจ็บปวดเหลือเกิน
뜨거웠던 가슴이 점점 싸늘하죠
ตือ-กอ-วอซ-ดอน คา-ซึม-มี จอม-จอม ชา-นึล-ฮา-จโย
หัวใจที่เคยอบอุ่นของฉัน กลายเป็นหนาวเหน็บจนด้านชา
뭐라고 말할지, 어떻게 붙잡을지 나도 모르겠잖아
มวอ-รา-โก มัล-รัล-จี ออ-ตอ-เค บุท-จา-บึล-จี นา-โด โม-รือ-เกซ-ชา-นา
ฉันควรจะพูดอะไรดี? หรือทำอย่างไรดีเพื่อจะรั้งคุณไว้ …~
เสียงของเรียวอุคขาดช่วงไป น้ำตาไหลรินลงมา เพลงที่เขาไม่เคยร้องได้เลยสักครั้ง เพลงที่เขาพยายามจะลืมเลือนมันแต่ทำไม ทำไมเขาถึงไม่เคยทำได้เสียที นายควรจะลืมคนใจร้ายไปได้แล้ว นายควรจะทิ้งเขาเอาไว้ด้านหลังแล้วเริ่มชีวิตใหม่
แต่จิตใจกลับกลัวเหลือเกิน กลัวเกินกว่าที่จะเริ่มใหม่กับใคร กลัวว่าใครคนนั้นจะทำให้เขาเจ็บซ้ำแผลเก่า หัวใจบอกว่ายังไม่พร้อมแต่ร่างกายกลับตรงกันข้าม
เรียวอุคยกมือขึ้นปิดหน้าแล้วร้องไห้ออกมาเงียบๆ เขาไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่ามีใครอีกคนอยู่ในห้องด้วย ทงเฮดูตกใจไม่น้อยที่เห็นคนตัวเล็กร้องไห้ เขาเดินเข้าไปใกล้ๆก่อนจะวางมือลงบนไหล่เล็กที่สั่นสะท้าน เรียวอุคดูจะตกใจเขาชะงักก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามอง แต่พอเห็นว่าเป็นใครดวงตาก็กลับมาเย็นชา แต่น้ำตากลับไหลลงมามากกว่าเดิม เรียวอุคหันหน้าหนี ทำไมเขาถึงต้องให้ใครเห็นน้ำตาของเขาด้วยล่ะ ยิ่งเป็นเจ้าคนช่างถามด้วยแล้วยิ่งแย่เข้าไปใหญ่
“เฮ้ นายเป็นอะไรหรือเปล่า ร้องไห้ทำไม”
เรียวอุคสะบัดตัวทำให้มือของทงเฮตกลงไปอยู่ข้างลำตัวของเจ้าของ แต่ทงเฮไม่สนใจกลับเดินไปอยู่หน้าของเรียวอุคแล้วจับหน้าอีกคนให้เงยขึ้นมา
“คนส่วนใหญ่บอกว่าฉันแพ้น้ำตาของผู้หญิง”
“แต่ฉันไม่ใช่ ฮึก ผู้หญิง”
“แต่นายสวยเหมือนผู้หญิง บอกฉันมาสิว่าเป็นอะไร ทำไมอยู่ๆร้องเพลงแล้วถึงร้องไห้ล่ะ”
“อย่ามายุ่ง!!! ฮึก”
เรียวอุคผลักตัวของทงเฮให้ล้มลงไปนอนกับพื้นแล้วลุกขึ้นยืน
“ที่ร้องไห้เพราะเกี่ยวกับคนเมื่อวานหรือเปล่า”
เรียวอุคชะงักหันสายตาเชือดเฉือนมามองทงเฮที่นอนอยู่ ทงเฮค่อยๆยันตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งแล้วชี้ไปยังเปียโน
“เมื่อวานฉันเห็นภาพของนายกับใครคนหนึ่งอยู่บนนั้น”
เรียวอุดกำหมัดแน่น เขาย่างเท้าเข้าไปหาคนจอมยุ่งแล้วตวาดลั่น
“นายมีสิทธิ์อะไรมาจับของบนนี้ ฉันสั่งเอาไว้แล้วไม่ใช่เหรอไง!!!”
ทงเฮชะงักและตกใจ เขายอมรับว่าร่างเล็กน่ากลัวมากแต่เขาชอบอยู่แล้ว เจ้าพวกเสื้อร้ายๆที่มาน่ารักตอนหลังเนี่ย
“ฉันบอกนายหรือยังนะ ว่าฉันเป็นคนชอบยุ่งเรื่องของชาวบ้าน”
“นาย!!!”
“กลับมาเป็นคนเดิมแล้วสินะ เรียวจัง^^”
เรียวอุคสะอึกกับคำพูดของอีกคน เรียวจัง งั้นเหรอ ไอ้หมอนี่มันกล้ามากเกินไปแล้ว
“ก็แค่บอกมาว่านายร้องไห้ทำไมเรื่องมันก็จบแล้ว ไม่เห็นจำเป็นต้องวางท่าให้มากเลย”
เรียวอุคยกนิ้วขึ้นชี้หน้าอีกคน เมื่อไหร่ไม่รู้ที่ความเศร้าหายไป น้ำตาหยุดไหล ความเจ็บในจิตใจทุเลาลงจนหาย
ทงเฮส่งยิ้มให้เรียวอุคแล้วก้าวเดินเข้ามาหาคนตัวเล็ก ทำท่าตกใจเสียเต็มประดากับใบหน้าของอีกคน
“โว้ๆ ตีนกาขึ้นเลยเห็นมั๊ยครับคุณผู้หญิง”
“ไอ้!!!”
“อ๊ะๆ ผมก็ไม่ชอบนะคนที่ก้าวร้าวน่ะ กรุณาใช้คำสุภาพด้วยครับคุณผู้หญิง”
“ลี ทงเฮ!!!”
ทงเฮชะงักแล้วส่งยิ้มไปให้อีกคน เรียวอุคโกรธจนไม่รู้จะพูดยังไงแล้ว ตั้งแต่เกิดมาก็มีแต่ไอ้บ้านี่แหละที่ทำเขาโกรธจนจุดเดือดทะลุปรอทแบบนี้
“นายมันจะกล้ามากไปแล้วนะ ลี ทงเฮ”
“แล้วไง ทีคุณยังกล้าว่าผมแรงๆเลย ผมก็แค่แซวคุณเล่นๆเอง ไม่เป็นไรหรอกเนอะ”
เรียวอุคกัดฟันแน่นก่อนจะต่อยเข้าที่ปากของอีกคนแล้วหันหลังเดินจากไป ทงเฮหงายหลังล้มลงไปนอนกับพื้น ความมึนทำให้เขาลุกตามคนตัวเล็กไปไม่ทัน หมัดหนักเป็นบ้าเลย
ลูกบอลกระเด้งออกมาจากเสาที่ฮยอกแจยังเตะไม่เข้าเลยสักรอบ เพื่อนๆในทีมมองคนที่ไม่มีสมาธิและทำแต้มไม่ได้เลยสักลูกของวันนี้ ฮยอกแจสบถอย่างอารมณ์เสีย เรื่องที่ซีวอนพูดกับเขาวันนั้นมันทำให้เขาพูดไม่ออกและทำอะไรไม่ได้ สิ่งที่ซีวอนต้องการคืออะไรกันแน่
“ไอ้ฮยอกโว้ย!!น้องเยซองมาหา”
ฮยอกแจเงยหน้าขึ้นแล้วเดินออกไปหาเยซอง เขาพยายามฉีกยิ้มแต่ดูเหมือนไม่สามารถตบตาของเยซองได้เลย
“พี่ฮยอกดูเครียดๆไปนะครับ ช่วงนี้”
“อื้ม พี่กังวลเรื่องเรียนนิดหน่อย”
เยซองพยักหน้ารับ แต่เรื่องที่เขากังวลที่สุดก็คงจะเป็นความลับเรื่องโรคของเขากับฮยอกแจนั่นแหละ
“เยซอง/พี่ฮยอกครับ!!”
ทั้งคู่พูดออกมาพร้อมกัน เยซองชะงักแล้วเงียบเสียงเพื่อให้ฮยอกแจพูดก่อน แต่ฮยอกแจกลับผายมือให้เยซองพูดก่อน ทั้งคู่ต่างเงียบไปนานจนฮยอกแจเริ่มพูดก่อนแทน
“ซีวอนไม่มาเหรอ”
เยซองน้อยใจเล็กน้อยที่เห็นฮยอกแจถามหาคนอื่น เขาส่ายหน้าไปมาก่อนจะก้มหน้าลงต่ำกว่าเดิม
“อื้ม ดีแล้วที่เขาไม่มา พี่จะได้มีโอกาสอยู่กับนายสองคน”
“เอ๋?”
“เยซอง พี่ไม่รู้นะว่าพี่คิดยังไงกับเรา แต่เราคงไม่ว่าใช่มั๊ยถ้าพี่จะให้เรามาอยู่ข้างๆพี่ก่อน”
“หมาย หมายความว่ายังไงครับ”
ฮยอกแจเอื้อมมือมาจับมือของเยซองแล้วบีบเบาๆ เยซองมองอย่างไม่เข้าใจ
“ช่วยอยู่ข้างๆพี่จนกว่าพี่จะรู้ได้มั๊ยว่าพี่คิดยังไงกับนาย”
เยซองมองดวงตาของฮยอกแจก่อนจะเบือนหน้าไปทางอื่น ถ้าเขารอจนพี่ฮยอกแจแน่ใจว่าคิดยังไงกับเขาแล้วถ้าเกิดว่าผลมันออกมาเป็นว่าพี่ฮยอกแจไม่ได้รักเขาล่ะ เขาจะทำยังไง เขาคงจะเจ็บจนเกินกว่าจะรับไหวหรือเปล่า
“ไม่ได้เหรอ”
เยซองเงยหน้าขึ้นมอง น้ำเสียงแบบนี้อีกแล้วที่ชอบทำให้เขาใจอ่อน
“เอ่อ...ได้ครับ ผมจะอยู่ข้างๆพี่จนกว่าพี่จะแน่ใจ”
ซองมินนั่งมองเยซองที่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียวแล้วอดที่จะแซวไม่ได้
“ซีวอนขอคบกับนายเหรอไง”
“ไม่ใช่ แต่เป็นพี่ฮยอกแจต่างหาก”
“หา!!!”
“ก็ไม่เชิงหรอกนะ แต่พี่เขาพูดว่าอยากให้ฉันอยู่ข้างๆเขาจนกว่าเขาจะแน่ใจว่าเขาคิดยังไงกับฉัน”
“เอาเปรียบกันชัดๆเลย ถ้าเกิดพี่เขาไม่ได้รักนายขึ้นมา นายก็เหมือนต้องเจ็บสองเด้ง”
“...”
“แต่เขาพูดเหมือนเขารู้เลยนะ ว่านายแอบชอบเขาอยู่”
เยซองนั่งก้มหน้า เจ็บจี๊ดที่ใจยังไงไม่รู้ มันก็ถูกอย่างที่ซองมินพูด แต่เขาตอบรับไปแล้วนี่นา จะมาถอนตัวตอนนี้ก็คงจะไม่ทันแล้ว เยซองนั่งเอามือท้าวคางมองออกไปนอกหน้าต่าง ก่อนที่จะมีร่างสูงของคนคุ้นตามานั่งลงข้างๆ
“เมื่อวันนั้นขอบใจมากนะ ที่นายไปเป็นเพื่อนฉัน”
“อื้ม”
เยซองตอบรับ ซีวอนดูเงียบแบบแปลกๆ เหมือนไม่ใช่ซีวอนในความคิดของเยซอง ซีวอนหันมามองคนตัวเล็กที่นั่งมองหน้าเขาไม่ยอมขยับไปไหน ซีวอนเลิกคิ้วข้างหนึ่ง
“มองอะไรนักหนา”
“ก็ปกติเห็นนายจะชอบมากวนฉันไม่ใช่เหรอไง”
“หุบปากแล้วนั่งนิ่งๆไปเลย”
เยซองอยากตีอีกคนให้หายหมันไส้จริงๆ แต่เขาก็เลือกที่จะไม่ทำดีกว่า เขาหันไปมองหน้าครูที่กำลังอ้าปากสอนในสิ่งที่ไม่เคยเข้าหัวเลย วิชาเลขที่น่าขยาดที่สุด
พอหันมาอีกที คนตัวสูงข้างๆก็หลับไปอีกแล้ว อะไรกัน นี่จะมาเรียนหรือมาหลับกันแน่เนี่ย ให้ตายถ้าใครได้เป็นสามีคงจะลำบากแย่
“เยซอง นี่ เยซอง”
“หืม?”
หันไปมองซองมินที่เรียกเสียงเบา เขาขมวดคิ้วใส่ก่อนซองมินจะยกมือขึ้นป้องปาก
“มีแต่คนสงสัยว่านายกับซีวอนรู้จักกันได้ยังไง ตอนนี้ทั้งโรงเรียนเขาลือกันไปหมดแล้วว่านายกับซีวอนเป็นแฟนกัน”
เยซองทำหน้าตกใจ ถึงแม้จะรู้อยู่แล้วก็เถอะ แต่เรื่องแบบนี้มันฟังกี่ทีก็ยังน่าตกใจอยู่ดี
“แล้วตกลงเป็นกันจริงๆหรือเปล่า”
“ไม่ได้เป็น แค่เขาเหงาฉันเลยยอมเป็นเพื่อน”
ซองมินเหลือบมองซีวอน คนเย็นชาคล้ายปิศาจอย่างนี้น่ะนะจะอยากมีเพื่อน ไม่อยากจะเชื่อ
“ฉันไม่อยากเชื่อเลย มันต้องมีอะไรสักอย่างที่เขาเข้าใกล้นาย”
เยซองชะงัก คำพูดของซองมินมันถูกต้องอย่างเป๊ะๆ แต่เขาก็หัวเราะแห้งๆแล้วยักไหล่ ก่อนจะหันตัวไปเพื่อฟังที่ครูสอน แต่แล้วความรู้สึกเจ็บแปลบที่หน้าอกก็จี๊ดขึ้นมา เยซองยกมือขึ้นกุมหน้าอกซ้ายแล้วบีบกล้ามเนื้อส่วนนั้นแน่น มันเจ็บคล้ายหัวใจกำลังจะฉีกขาดออกจากกัน มืออีกข้างกำขอบโต๊ะจนเส้นเลือดปูด เขาค่อยๆหายใจเข้าปอดลึกๆสองสามครั้งก่อนที่อาการมันจะทุเลาลง เยซองค่อยๆคลายมือออกจากหน้าอกของตัวเอง ใบหน้าของเขาชื้นไปด้วยเหงื่อ
เมื่อกี้ มันอะไรกัน อาการของเขามันกำลังจะบอกอะไรกัน
ซีวอนขี่จักรยานพาเยซองไปที่สวนนั้นอีกครั้ง เยซองจ้องมองแผ่นหลังของคนตัวสูง เขาจำไม่ได้ว่าตัวเองไปจ้างให้ซีวอนมาขี่จักรยานไปส่งเขาที่บ้านตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ยังไงก็ขอบคุณนะ
เมื่อจักรยานจอดแล้ว เยซองก็สูดเอาอากาศบริสุทธิ์เข้าไปปอด เขารู้สึกดีจริงๆที่ได้มาที่นี่ ที่ๆมีแต่ธรรมชาติ ที่ๆเขาเหมือนได้พลังชีวิตกลับคืนมาอีกครั้ง เยซองเดินไปนั่งที่เดิมที่ซีวอนเคยพาเขาไป ซีวอนเดินล้วงกระเป๋ามาก่อนจะหย่อนตัวลงนั่งข้างๆ
“ชอบใช่มั๊ยล่ะ ที่นี่น่ะ”
“อืม มันเหมือนฉันไม่ต้องคิดมากเรื่องอะไรเลย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องโรคที่ตัวเองเป็น เรื่องของคนที่ฉันรักถ้าเกิดฉันต้องจากเขาไปจะเป็นยังไง และก็เรื่องของพี่ฮยอกแจ”
ซีวอนกระตุกยิ้ม เขาเขยิบไปใกล้ๆทำหน้าเหมือนไม่รู้เรื่องอะไรแล้วเอ่ยถาม
“มีอะไรงั้นเหรอไง”
“ฉันกังวลน่ะ เรื่องที่ว่าถ้าพี่ฮยอกแจรู้เรื่องโรคของฉัน แล้วเขาจะยังอยากให้ฉันเข้าใกล้เขาหรือเปล่า ถ้าเขารู้แล้วเขาจะยังคุยกับฉันดีๆมั๊ย หรือเขาจะทิ้งฉันไปเงียบๆ”
“แต่ความลับมันไม่มีในโลกไม่ใช่เหรอไง”
เยซองยิ้ม น้ำปริ่มที่ขอบตา เขาหันไปมองทางต้นไม้ที่อยู่ตรงข้ามกับเขา ใบไม้ของต้นนั้นลู่ลมตอนมันพัดผ่านไปจนเกิดเสียงดัง เยซองถอนหายใจออกมา
“ฉันอยากได้เวลาทำใจนานกว่านี้ หรืออาจจะตอนตายไปแล้วเลยก็ได้ ขอแค่อยากเก็บเกี่ยวเวลาแห่งความสุขเอาไว้ให้นานที่สุดเท่าที่คนต้องตายในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้าจะทำได้”
น้ำตาไหลลงอาบแก้ม เยซองก้มหน้าลงก่อนจะปล่อยให้น้ำตามันไหลลงมา ถึงแม้จะทำใจเรื่องที่ตัวเองเป็นโรคได้แล้ว แต่เขากลับทำใจที่จะบอกฮยอกแจไม่ได้เลย เขากลัว กลัวเกินกว่าจะเก็บมันเอาไว้ในใจได้อีกต่อไป
ซีวอนชะงักแล้วเขยิบเข้ามาใกล้กว่าเดิม น้ำตาอีกแล้ว น้ำตาของคนตัวเล็กไหลลงมาอีกแล้ว ทำไม ทำไมคนตัวเล็กถึงยอมร้องไห้ให้คนอื่นเห็นง่ายๆ ทำไม...!!!
“เลิกร้องได้แล้ว ร้องอยู่ได้ ทำอย่างกับว่าจะตายในนาทีต่อไปอย่างนั้นแหละ”
“ฮึก ฮือ”
เยซองยกมือขึ้นปิดปาก เขาเองก็ไม่ได้อยากร้อง แต่มันห้ามไม่ได้ ความเจ็บปวดที่ใจไม่ใช่เพราะโรคที่เป็นทำให้เขาต้องร้องไห้ออกมา เขายังไม่อยากตายถ้าพูดกันตามความจริง เขายังไม่ได้อยู่ร่วมชีวิตกับพี่ฮยอกแจเลย เขายังไม่อยากตายไปแบบนี้
“นายเคยคิดหรือเปล่า ว่าพระเจ้ามักใจร้ายกับคนที่ดี”
อยู่ๆซีวอนก็พูดขึ้น เยซองเงยหน้ามอง ใบหน้าคมหันมามองเขาแล้วหันไปมองทางเดิม
“พระเจ้ามักจะใจร้ายกับคนดีเสมอ เพราะอะไรรู้มั๊ย”
“...”
“เพราะท่านอยากให้มนุษย์จำเอาไว้เป็นบทเรียน ยิ่งทำความชั่วก็ต้องยิ่งอยู่ชดใช้ไปเรื่อยๆไม่เหมือนคนดีที่ได้จากไปอยู่บนสวรรค์อย่างสุขสบาย และเพราะถ้าได้เกิดชาติหน้ามนุษย์จะได้ไม่ทำความชั่วอีกไงล่ะ”
- - - - - - - - >
เอาล่ะ เย่ร้องไห้อีกแล้ว ร้องมันทั้งเรื่อง เรียวก็ร้องอีกแล้ว ตอนนี้มีทั้งเศร้าทั้งหวาน(?)เนอะ
เฮเรียวก็ค่อยๆเป็นค่อยๆไป แต่ตอนนี้วอนเย่กำลังจะเกิดขึ้นอย่างมากมาย
ตอนต่อไปชีวิตของเรียวค่อยๆเปิดเผยไปทีละอย่างนะ มาดูกันว่าตอนนี้เรียวร้องไห้
เพราะอะไร เพราะใคร แล้วทำไม อาจจะยังเปิดไม่หมดนะ
กวามีอะไรจะบอกอ่ะ กวานั่งอ่านเรื่องนี้ไปเกือบๆสิบรอบแล้ว อ่านกี่ทีก็น้ำตาคลอ={ }=
อ่า...ถึงได้เตือนว่าควรหาผ้ามาซับน้ำตา(ฮา)
ความคิดเห็น