ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    กุหลาบพันธ์มังกร

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 234
      2
      23 มิ.ย. 54

    บทนำ

                    “หยุด! นะ ฉันบอกให้หยุดไง ไอ้เด็กบ้าหยุดเดี๋ยวนี้นะ” เสียตะโกนแผดเสียงดังขึ้นดังเสือคำราม สีหน้าเครียดจัด แววตาดุดันราวกับจะขย่ำร่างเล็กที่วิ่งปลิวลมนำหน้าห่างไกลอยู่หลายเมตร เท้าแข็งแรงพยายามเร่งให้เร็วขึ้นหวังตามให้ทัน

                    ใช่! เด็กจริงๆ อย่างที่คนร่างใหญ่ตะโกนเรียกนั่นแหละแถมยังเป็นเด็กผู้หญิงซะด้วย เวลานี้ร่างเล็กยังคงวิ่งลัดเลาะตลาดอยู่อย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ผู้คนที่อยู่ระแวกนั้นเห็นภาพเช่นนี้บ่อยครั้ง หรือจะเรียกว่าเกือบทุกครั้งเลยก็ว่าได้ที่เด็กหญิงคนนี้ย่างกายเข้าไปในบ่อนย่านนั้น และด้วยความแตกต่างของทั้งสองคนและความสงสารเด็กทำให้ผู้คนระแวกนั้นต้องยื่นมือช่วยเหลือคนตัวเล็กทุกครั้งไป

                    “โอ๊ย!” เสียงเล็กๆ ร้องดังขึ้นเมื่อร่างเล็กปะทะเข้ากับร่างสูงใหญ่ราวกับกำแพงของใครคนหนึ่งทำให้ร่างเล็กเซเล็กน้อยแต่ไม่ถึงกับล้มลงไปกองกับพื้น ทว่าคนวิ่งมาชนไม่ได้โอดครวญอยู่นานเมื่อตั้งตัวได้ก็ตั้งท่าจะวิ่งเอาตัวรอดต่อ หากแต่ยังไม่ได้พ้นคนร่างสูง ร่างเล็กลอยละลิ่วขึ้นมาอยู่ที่เอวของคนที่เจ้าตัวชนเมื่อครู่

    “ปล่อยนะ ไอ้พวกนั้นมันจะเอาหนูไปขัง ปล่อยนะ บอกให้ปล่อยไง” เด็กน้อยทั้งทุบทั้งตีทว่าดูเหมือนมือเล็กๆ นั้นจะเจ็บซะเปล่า เพราะคนที่หิ้วร่างเล็กอยู่นั้นไม่ไหวติงแต่อย่างใด

                    ร่างเล็กยิ่งดิ้นรนมากขึ้นเมื่อน้ำเสียงเหี้ยมดังเข้ามาใกล้จนเริ่มฟังชัดเจนขึ้น

                    “อยู่เฉยๆ ไม่ต้องกลัวอยู่กับฉันไม่มีใครทำอะไรหนูได้ฉันรับประกัน” เสียงนุ่มแฝงด้วยอำนาจ แม้ไม่ดังมากแต่ก็ทำให้ร่างเล็กในวงแขนแข็งแรงนั้นหยุดดิ้นไปอย่างว่าง่าย

                    “อยู่นี่เองไอ้ตัวแสบ”  คนร่างใหญ่หยุดนิ่งหอบเล็กน้อยก่อนชี้หน้าคนตัวเล็กแล้วปรี่เข้าหา หวังเอาตัวคนที่กำลังตามอยู่ ทว่ายังไม่ทันถึงตัวเท้าใหญ่ต้องชะงักนิ่งซะก่อนเมื่อเห็นอีกสองร่างที่แม้จะไม่ใหญ่ไปกว่ากันเท่าไหร่ขยับออกมาบังทั้งตัวคนอุ้มและตัวเด็กไว้จนมิด

                    “พวกนายเป็นใคร ส่งเด็กมาให้ฉันเดี๋ยวนี้”

                    “ฉันจะเป็นไม่ต้องสนใจ ฉันสนใจแต่ว่าเด็กคนนี้ทำอะไรให้ถึงต้องไล่ตามกันขนาดนี้” เสียงทรงอำนาจดังขึ้น ทำให้สองร่างต้องขยับออกไปด้านข้างเปิดทางให้เจ้าของเสียงได้เผชิญหน้ากับอีกฝ่าย

                    “ฉันว่าพวกนายไม่เกี่ยวอย่างยุ่งดีกว่า ฉันต้องเอาไอ้เด็กคนนี้ไปให้นาย” จบประโยคก็เตรียมเข้าชาร์ตตัวเด็กอีกครั้ง แต่ก็หยุดอีกครั้งเมื่อสายตาเหลือบเห็นสองหนุ่มเหมือนกำลังหยิบอะไรสักอย่างในเสื้อสูทสีดำสนิทนั้น

                    “เด็กผิดอะไร” คำถามสั้นๆ ได้ใจความจากเสียงเดิม

                    “มันทำให้เจ้ามือในบ่อนเกือบทุกโต๊ะเสียเงินเป็นแสนๆ ทุกวันส่วนตัวมันเองก็ได้เงินมาอีกเป็นพันฉันต้องเอาตัวมันไปให้นายทำโทษ” ชายหนุ่มร่างใหญ่พยายามเจรจา

                    “เอาเป็นว่าฉันขอตัวเด็กคนนี้ ส่วนไอ้ที่เสียไปฉันรับผิดชอบให้เอง” พูดจบการ์ดหนุ่มคนหนึ่งก็ควักสมุดเช็คที่มีลายเซ็นพร้อมตัวเลขจำนวนเงิน 10 ล้าน ยื่นให้คนตัวใหญ่อย่างรู้หน้าที่

                    “หวังว่าตัวเลขในกระดาษแผ่นนั้นน่าจะมากพอกับค่าเสียหายที่เด็กคนนี้ทำไว้ ถ้าไม่พอโทรติดต่อฉันได้” พูดจบเจ้าของเช็ค 10 ล้านก็ยื่นนามบัตรส่งให้อีกใบ ก่อนวางตัวเด็กลงและพาเดินขึ้นรถสปอร์ตสีดำคันหรูไป

    *************************************

                    “ฮ้วงจุ้ยดีมากครับมิสเตอร์เหลียง” ซินแสชื่อดังเอ่ยขึ้นเมื่อได้เห็นทำเลที่เป็นเกาะส่วนตัว ซึ่งอยู่เลยออกไปทางฝั่งน่านน้ำของประเทศสิงค์โปร

                    เหลียง จวิ้น เจี๋ย หรือที่เรียกกันติดปากว่ามิสเตอร์เหลียง อภิมหาเศรษฐีหลายพันล้านระดับเจ้าพ่อ นักธุรกิจที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในแถบเอเชีย อีกทั้งยังแผ่กว้างไปยังโซนยุโรป ด้วยความเก่ง ฉลาด กว้างขวาง และกล้าเสี่ยง ทำให้เขาผู้นี้มีธุรกิจหลายประเภทอยู่กว่า 10 ประเทศทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ โรงแรม น้ำมัน การคมนาคม ฯลฯ              และอีกหนึ่งธุรกิจที่กำลังจะก่อตัวขึ้นในอีกไม่ช้านี้คือ กาสิโนขนาดใหญ่บนเกาะส่วนตัว

                    “และจะให้เกาะแห่งนี้สามารถทำเงินให้ได้หลายหลานท่านต้องให้ผู้หญิงเป็นคนดูและควบคุมกาสิโน และธุรกิจอื่นๆ ทุกอย่างบนเกาะนั้น” ซินแสกล่าวขึ้นต่อ

                    “ผู้หญิงงั้นเหรอ” เศรษฐีพันล้านขมวดคิ้วเล็กน้อย นับเป็นอีกครั้งที่เขาต้องให้ผู้หญิงเข้ามาดูแลธุรกิจสำคัญของเขา ซึ่ง 3 ธุรกิจสำคัญของเขา ก็ต้องให้ผู้หญิงเป็นคนดูแลจัดการ

                    บนพื้นฐานความรวยล้นฟ้าของมิสเตอร์ลีผู้นี้ นอกจากเขาจะทำธุรกิจด้วยความกล้าเสี่ยง ซื่อสัตย์ และมีสติแล้ว นอกเหนือจากสามสิ่งนี้แล้วเขายังเชื่อเรื่องฮ้วงจุ้ยเป็นอย่างมาก ทุกธุรกิจของเขาดำเนินขึ้นพร้อมๆ กับการปรับแต่งฮ้วงให้เข้ากับธุรกิจนั้นๆ อีกด้วย

                    “ใช่ครับ”

                    “แล้วลูกสาวคนไหนของผมจะไปดูแลได้”

                    “ลูกสาวของท่านทั้งสามคน ไม่สามารถเข้าไปควบคุมได้ครับเพราะทั้งสามคนดวงไม่ถูกกับสถานที่แห่งนี้” คำตอบนั้นทำให้อภิมหาเศรษฐี ถึงกับถอนหายใจ

                    “แต่ยังไม่สิ้นหวังครับ เมื่อหลายวันก่อนผมเจอเด็กผู้หญิงคนหนึ่งแต่ยังเด็กอยู่มากนะครับ อายุราวๆ 7-8 ปีได้ ผมเห็นช่วงแป็บเดียวเด็กคนนี้โง้วเฮ้งดีมากครับแต่อยู่เมืองไทยนะครับ ผมว่ามิสเตอร์เหลียงลองไปตามตัวเด็กคนนี้ดูครับ ถ้าผมดูไม่พลาดผมมันใจว่าเด็กคนนี้จะเข้ามาเสริมให้ธุรกิจกาสิโนแน่นอน” ซินแสรีบบอกเมื่อนึกถึงเด็กผู้หญิงที่วิ่งหนีคนคุมบ่อนหลายต่อหลายครั้ง

                    “ยังเด็กอยู่กว่าจะเข้ามาดูแลกาสิโนได้ธุรกิจผมจะไม่ล่วงซะก่อนเหรอ”

                    “ไม่ครับตอนนี้ทำได้เงินไม่รั่วไหลไปไหนได้บ้างเสียบ้างแต่ไม่ถึงกับล่วง แต่ถ้าเมื่อไหร่ผู้หญิงคนนี้เข้ามากาสิโนนี้จะเรียกเงินให้ได้อีกหลายพันล้าน” ทั้งแววตามและรอยยิ้มนั้นสร้างความมั่นใจให้กับผู้เป็นเจ้าของกาสิโนเป็นอย่างยิ่ง

                    “น่าสน ผมจะลองไปตามตัวเด็กคนนั้นมา”

                    “ครับ แล้วพามาหาผมอีกครั้งนะครับ”

                    นับจากคำบอกกล่าวของซินแสชื่อดังในวันนั้นทำให้มิสเตอร์ลีผู้ยิ่งใหญ่ก็ลัดฟ้าไปเมืองไทย และไปแถวบ่อนการพนันตามที่ซินแสบอกว่าเคยเจอบ่อยครั้ง จนกระทั้งได้เจอในวันนั้น

                    จากนั้นเกาะส่วนตัวก็ถูกเนรมิตรให้เป็นกาสิโนขนาดใหญ่ มีทุกสรรพสิ่งพร้อม ไม่ว่าจะเป็นโรงแรม สนามกอล์ฟ ร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้าขนาดกลาง ตลอดจนเครื่องอำนวยความสะดวกต่างๆ ภายใต้ชื่อ เกาะ เหม่ย จู ที่แปลว่าไข่มุกอันงดงาม ซึ่งชื่อที่ได้มานั้นก็ไม่พ้นซินแสเป็นคนตั้งให้อีกเช่นกัน

    *************************************

                    จากวันนั้นชีวิตเด็กผู้หญิงตัวน้อยที่ไม่มีแม้ที่อยู่ ต้องเที่ยวไปขออาศัยนอนตามบ้านพนักงานในบ่อน หรือตามตลาดนั้นได้เปลี่ยนไปอย่างที่ไม่มีใครอาจจะเชื่อได้ ทว่าฟ้าหลังฝนเป็นเช่นไรเด็กผู้นี้สามารถสัมผัสมันได้ เพราะจากวันนั้นเธอก็ถูกให้ไปอยู่ที่บ้านรับเลี้ยงเด็กกำพร้า ซึ่งจริงๆ แล้วในครั้งแรกที่ได้รู้ว่าตัวเองต้องเข้าไปอยู่สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้านั้นเธอไม่ยินดีเลยแม้แต่น้อย ด้วยเพราะความที่ตัวเองเพิ่งหนีออกมาจากสถานที่แห่งนั้นมาได้เพียงไม่กี่เดือนเท่านั้น

                    ทว่าบ้านแห่งใหม่ที่เธอได้เข้าไปอยู่นั้นแตกต่างโดยสิ้นเชิงกับที่เก่าที่เคยอยู่ เด็กหญิงรับรู้ถึงความอบอุ่นที่โหยหามานานแสนนาน และไม่เคยคิดฝันว่าจะได้สัมผัสกันมัน เมื่อที่นี่สามารถให้ในสิ่งที่โหยหาและต้องการมานานแสนนานทำให้เธอยินยอมที่จะอยู่ที่นี่ ความน่ารักสดใส ประจวบความแก่นแก้วที่ติดตัวมานานนั้นทำให้เธอกลายเป็นที่รักของบรรดาพี่ๆ น้องๆ ร่วมบ้านเดียวกันรวมทั้งครูและแม่ที่เด็กๆ ทุกคนต่างพากันเรียกเช่นนั้นด้วย

                    บ้านไม้หลังใหญ่ทามกลางธรรมชาติ เต็มไปด้วยแมกไม้นานาพรรณ มีป้ายเด่นชัดว่าเป็นสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าซึ่งเป็นสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าที่มีภรรยาของมิสเตอร์ลีที่เสียชีวิตไปแล้ว เป็นคนอุปถัมป์ไว้

    มินตรา เด็กสาววัยแรกรุ่น เครื่องหน้าสวยเด่น ไม่ว่าจะเป็นปากเรียวเล็กเป็นกระจับได้รูป จมูกโด่งเป็นสัน นัยน์ตาโตคมกริบสีน้ำตาลเข้ม รับกับเรียวคิ้วโก่ง ทุกอย่างถูกรวมเข้ากันด้วยดีเสมือนถูกคัดสันให้มาอยู่บนใบหน้ารูปไข่นั้น แม้เจ้าหล่อนยังไม่โตเป็นสาวเต็มตัว แต่ก็สามารถทำให้คนที่ผ่านไปมาแล้วได้เห็นถึงกับต้องเหลียวกับมามองอีกครั้งได้เช่นกัน

                    “คุณแม่ขา มินต้องไปเรียนต่อต่างประเทศจริงๆ เหรอคะ” เสียงใสดังขึ้นขณะที่วงแขนเรียวเล็กโอบรอบเอวหนาของผู้เป็นมารดาไว้อย่างประจบ

                    “ใช่จ้ะแด๊ดหนูบอกแม่ไว้ว่าหนูจบ ม.6 เมื่อไหร่จะมารับให้ไปเรียนต่อต่างประเทศ” มารดาของเด็กๆ ทุกคนในบ้านบอกมือพลางลูบศีรษะเล็กนั้นด้วย

                    “มินไม่อยากไปเลยค่ะ มินอยากอยู่กับคุณแม่ และพี่ๆ น้องๆ ที่นี่” น้ำเสียงนั้นไม่เจื้อยแจ้ว อย่างคนช่างเจรจากเหมือนแต่ก่อน

                    “แม่ก็ไม่อยากให้หนูไปเหมือนกัน แต่ขัดแด๊ดเขาไม่ได้สิ ไปเรียนไม่กี่ปีเองลูกกลับมาแล้วค่อยแวะมาหาแม่ก็ได้” มารดายังคงยืนยันคำเดิมแม้ใจไม่อยากให้ไป

                    “เหม่ย จู” น้ำเสียงนุ่มลึกฟังแล้วอบอุ่น และเป็นเช่นนี้ทุกครั้งที่เจ้าของชื่อได้ยิน

                    “แด๊ดมารับเหมยเหรอคะ เอ๊ะยังไม่ถึงกำหนดเลยนี่คะ” เสียงดังขึ้นพร้อมๆ กับร่างเล็กรีบโผเข้าหาต้นเสียงอบอุ่นทันที

                    “พอดีวันนี้แด๊ดมาธุระแถวนี้เลยแวะมาดูว่าลูกสาวพ่อเป็นไงบ้างเตรียมตัวพร้อมหรือยัง ขาดเหลืออะไรหรือเปล่า” มิสเตอร์เหลียง กอดร่างเล็กไว้อย่างทะนุถนอมรักใคร่เอ็นดู

                    คร่าแรกมิสเตอร์เหลียงผู้นี้ตั้งใจรับอุปการะเด็กนี้เป็นบุญธรรมคนที่ 4 นั้นด้วยเพราะธุรกิจ ทว่าด้วยความน่ารัก สดใส ช่างพูดช่างเจรจา อีกทั้งด้วยเจ้าหล่อนมีนิสัยอะไรหลายๆ อย่างค่อนข้างเหมือนเขา ไม่ว่าจะเป็นความใจกล้า ไม่กลัวคน เก่งฉลาดและไม่คาดความเฉลียว นั้นยิ่งทำให้เขารู้สึกรักและผูกพันกับมินตรามากขึ้น จากที่เคยคิดว่าจะรับเลี้ยงเพียงเพื่อธุระกิจ หากแต่ความคิดเหล่านั้นได้จางหายไปจนเหลือเพียงแค่ว่าเด็กคนนี้คือลูกสาวคนเล็กของเขาจริงๆ เท่านั้น และธุรกิจที่ทำนั้นยังไงเสียมันต้องเป็นของเธอแน่นอน

                    “เหมยต้องไปเรียนต่อต่างประเทศจริงๆ เหรอคะแด๊ด” เด็กสาวเงยหน้าขึ้นถาม แววตาฉายชัดว่าไม่อยากจากที่แห่งนี้ไป

                    “ใช่ เหม่ย จู ต้องไปเรียนต่อที่อเมริกา” คำตอบหนักแน่นพ่อที่จะให้เด็กสาวไม่ถามหรือออนวอนอะไรต่อ

                    “ค่ะ”

                    “เก่งมากลูกสาวแด๊ด แล้วอาทิตย์หน้าแด๊ดจะมารับนะวันนี้แด๊ดไปก่อนนะจ๊ะคนเก่ง” เขาพูดพร้อมๆ กับจับศีรษะเล็กนั้นโยกเล็กน้อย เด็กสาวได้ยิ้มบางๆ ให้ หากแต่ก็ไม่ได้เศร้าสร้อยอะไร

                    มินตรา ใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านหลังนี้มาหลายปี และถึงแม้ว่าบิดาบุญธรรมจะไม่ได้มาอยู่ด้วย แต่ก็แวะเวียนมาเยี่ยมและพาไปเที่ยวหลายครั้ง ทำให้เธอรู้จักนิสัยใจคอบิดบุญธรรมผู้นี้ดีว่าหากลงพูดคำไหนคำนั้น ไม่มีทางที่จะเปลี่ยนความคิดได้ และอีกอย่างเธอก็พอจะรู้อยู่ว่าทำไมเธอถึงต้องถูกส่งไปเรียนที่ลาสเวกัส ประเทศอเมริกา เพราะมิสเตอร์ลีไม่เคยมีอะไรปิดบังไม่ว่าจะใคร ฉะนั้นไม่ผิดอะไรที่เธอจะรู้ว่าอนาคตต่อไปของเธอจะเป็นเช่นไรหลังจากกลับมาจากลาสเวกัส

    *****************************************

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×