คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : UNIT : ONE - THE RESIDENT 100%
'การพบกันของเรามันดูตลก... แต่มันเป็นดั่งโชคชะตาลิขิตว่าต้องเป็นนาย'
UNIT : ONE - THE RESIDENT
ณ ดินแดนฝั่งซานตาน
เสียงนกกาทำให้ผมตื่นสะดุ้งตื่นขึ้นจากความฝัน ผมรีบลุก
ออกจากเตียงเก่าแข็งนี่ทันที บ้านที่ผมอยู่มันเป็นบ้านที่เก่าและสกปรกทีเดียว
แต่ผมก็ชินกับมันแล้วเพราะผมใช้มันแค่นอนให้คืนหนึ่งผ่านไปและเริ่มต้นวันใหม่
เท่านั้น ผมออกไปข้างนอกบ้านทั้งที่ยังไม่ได้ทานข้าว จัดปีกที่อยู่กลางหลังให้เข้าที่
อ่ะ.. คุณฟังไม่ผิดหรอกครับ มันคือปีกจริง ๆ เป็นปีกสำดำทมิฬเหมือนปีกกา
และผมก็ยังได้ยินมาว่า ดินแดนข้างบนนั้น มีปีกสีขาวเหมือนหงส์อีกด้วย
แต่ผมก็ไม่ได้สนใจเท่าไร เราไม่เคยเห็นหน้าและรู้จักกันและกัน และ
เรายังโดนห้ามให้รู้จักกันและกันอีกด้วย มีหลายคนต้องการพิสูจน์ว่า
‘มันมีอยู่จริงหรือเปล่า’ เพราะเวลาผ่านไปนานสิ่งที่บันทึกไว้ในหนังสือมันก็เป็นแค่
ตำนานเท่านั้น แต่ผมไม่ได้สนใจนักหรอก เพราะผมแค่ใช้ชีวิตของผมให้ผ่านไปในแต่ละวัน
ชีวิตของผมแค่ ต้องตื่นเช้าขึ้นมาออกไปทานข้าวข้างนอก เพราะผมทำอาหารเอง
ไม่เป็นหรอกครับ แล้วก็ไปทำงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ตามแต่ละวัน แล้วกลับมานอนก็เท่านั้น
วันนี้ผมเดินออกไปตามทางปกติของผม ซึ่งเป็นทางเลียบกำแพงเมือง
ผมต้องเดินทางนี้ทุกวันผมจึงได้เห็นกำแพงที่ ‘เชื่อกันว่า’เป็นกำแพงกั้นระหว่า
เรากับดินแดนสีขาว และแล้วผมก็ต้องตกใจเพราะว่า
มีสิ่งมีชีวิตบางอย่างโผล่ออกมาจากพุ่มไม้ข้าง ๆ กำแพงใหญ่ที่ผมยืนอยู่ สิ่งมีชีวิตที่หน้าตาเหมือนเรา
แต่ผิวของเขาสีขาวสะอาดสะอ้านดูเกลี้ยงเกลาต่างจากคนในเมืองผมจึงรู้ทันทีว่า
เขาไม่ใช่คนในเมืองนี้แน่ ๆ ด้วยความอยากรู้อยากเห็นแม้มันจะไม่เกี่ยวอะไรกับ
ชีวิตประจำวันผมเลยก็ตาม ผมเลยเดินเข้าไปใกล้ ๆ
โดยที่ผมไม่รู้ว่า 'นั่น' จะเป็นสิ่งที่เปลี่ยนชีวิตประจำวันของผมไปตลอดกาล...
‘นี่ คุณ โอเคมั้ย ?’
ผมถามเค้าในขณะที่ก้มมอง ผมไม่มั่นใจด้วยซ้ำว่าเราจะพูดภาษาเดียวกันหรือเปล่า
ตากลมโตของเขามองมาที่ผมหน้าของเขาแอบคล้ายผู้หญิงอยู่นิดหน่อย
‘ผมโอเค..’
เขาตอบในขณะที่ตะเกียกตะกายออกมาจากรูนั่น
ตึก ๆๆ
ผมได้ยินเสียงฝีเท้าที่คาดว่าน่าจะเป็น ‘ผู้ตรวจตรา’ มาแต่ไกลผมเลยก้มมองเขาแล้วบอกเขา
‘เดี๋ยวนายก็จะไม่โอเคแล้วหล่ะ !’
ผมพูดพลางหยิบผ้าที่คลุมตัวเองอยู่คลุมให้เขาเพื่อปกปิดปีกสีขาวนั่น
ปกติแล้วเวลาออกจากบ้าน บางคนในเมืองก็จะเอาผ้าสีดำคลุมตัวอยู่แล้ว
เพราะอากาศในเมืองค่อนข้างแปรปรวน นั่นเลยทำให้ไม่รู้สึกแปลกเท่าไร
และถึงผมจะไม่ได้คลุมมันก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกแปลกเท่าไรอยู่ดี
‘หนาวจัง’ เขาบ่นพึมพำก่อนที่จะเอาตัวเข้ามาใกล้ ๆ ผมเพื่อรับไออุ่นจากผม
ก่อนที่ผมจะได้เอ่ยถามเขาว่าเขาเป็นใครเขาก็เอ่ยแนะนำตัวกับผมก่อนด้วยท่าทางสดใสและใบหน้ายิ้มแย้ม
‘สวัสดีครับ ผมชื่อคยองซูแล้วคุณ ชื่ออะไรหรอครับ ?’
ผมแอบคิดว่า’โชคดีที่เราใช้ภาษาเดียวกัน’ แต่เดี๋ยวเอ๊ะ !?
เดี๋ยวหมอนี่ต้องเป็นตัวปัญหาให้ผมน่าดูเลยนี่หน่า ผมรู้สึกเหมือนทำพลาดสุด ๆ แล้วหล่ะ
ผมจะทำยังไงดีเนี่ยย !!??
‘ผมชื่อ จงอิน คิมจงอิน’
‘เมื่อกี้ขอบคุณนะครับ ที่ช่วยผม’
เด็กหนุ่มก้มหัวลงมองเท้าตัวเองก่อนจะหันไปมองหน้าร่างสูง
ร่างสูงไม่ได้ถามอะไรต่อเพราะรู้แน่ว่าถ้าหากเขามา
ที่นี่ต้องมีเหตุผลอะไรแน่และเขาก็ไม่ต้องการจะรู้เหตุผลของร่างบาง
‘คุณกำลังจะไปไหนหรอครับ’
ตากลมโตหันไปมองร่างสูงแววตานั้นเต็มไปด้วยความสงสัย
‘ทานข้าวเช้า แล้วก็ไปทำงาน’
ผมตอบเขา ในขณะที่เขาหันหน้ามองไปรอบ ๆ ด้วยความตื่นเต้น
แววตาของเขาส่อแววอยากรู้อยากเห็น เมืองที่ผมอยู่มีแต่ตลาดเต็มไปหมด
แต่ตลาดเป็นตลาดแห้ง ๆ สกปรกเนื่องจากอากาศ ของเมืองตลาดเก่า ๆ
ที่แผงขายของดูจะพังแหล่มิพังแหล่ดูไม่น่าสนใจแต่เขาก็ทำหน้าตาสนใจสิ่งรอบข้างไปซะหมด
คงเป็นเพราะว่ามันคงเป็นสิ่งแปลกใหม่สำหรับเขาหล่ะมั้ง
ณ ร้านอาหาร
ผมมองดูผู้ชายตรงหน้าที่ทำท่าราวกับเด็ก ๆเมื่อผมสั่งข้าวเผื่อเขาด้วย
ความจริง แล้วเขาทานมาแล้วแต่เขาอยากลองทานสิ่งที่ผมทานดูผมจึงสั่งมาให้เขาอีกที่นึง
‘นี่อะไรอ่ะครับ จงอิน *O*’ เขาทำหน้าตาตื่นเต้นเมื่อคีบปลาหมึกปีศาจ
ขึ้นมาตัวหนึ่งแล้วยื่นมาตรงหน้าผมเพื่อถามมัน ผมก็พอจะรู้อยู่หรอกนะว่า
ข้างบนไม่มีของแบบนี้หรอก ผมตักเจ้าปลาหมึกนั่นในจานผมเข้าปากแล้วบอกเขา
‘มัน กินได้ นะ มันกินอย่างงี้ไง’ แล้วผมก็ทำท่าทางสาธิตเขา
เรานั่งทานอาหารกันอยู่ครู่ใหญ่ผมรู้สึกดีใจเล็กน้อยที่เขาไม่ถามเหตุผล
ว่าทำไมผมถึงมาอยู่ที่นี่แล้วทำราวกับว่า ผมอยู่ในชีวิตประจำวันปกติเขามานานแล้ว
พูดตามตรงผมตื่นเต้นที่ได้มาที่นี่ แม้จะรู้ว่า โทษของการมาที่นี่คือประการชีวิต
แต่เพราะผมเป็นลูกชายคนเดียวของพระเจ้าผมจึงมั่นใจว่า ผมคงไม่โดนประหารชีวิต
และถึงเวลาที่เราจับได้ผมคงต้องหนีจากผู้ชายตรงหน้า หรือไม่ก็ร้องขอชีวิตเขาด้วยอีกคน
ผมรู้ว่ามันอาจไร้สาระ ที่ผมทำอะไรขนาดนี้เพื่อประชดพ่อของผม
แต่ผมกลับรู้สึกสนุกกับดินแดนนี้ มันไม่เหงาเท่าทื่ ๆ ผมเคยอยู่ ที่นั่นเป็นที่ ๆ
ดูบริสุทธ์สะอาดกว่าที่นี่ก็จริงแต่ถ้าคุณไม่เคยมาที่นี่คุณก็จะไม่มีทางรู้หรอกว่า
ที่นั่นสะอาดเพราะเราอยู่ที่นั่นจนชินแล้ว เมืองนี้เป็นเมืองเล็ก ๆ ค่อนข้างวุ่นวาย
ลองจินตนาการดูสิครับ มันเหมือนกับ ตลาดเก่า ๆ (ของฝรั่งอ่านะ เหมือนใน
หนังฝรั่งที่เป็นหนังประวัติศาสตร์อ่ะ อย่าง Les Miserable ประมาณนั้น – ไรเต้อ)
ดูสกปรกนิดหน่อย ชาวเมืองดูไม่ค่อยอุดมสมบูรณ์แต่พวกเขาก็มีอาหารทานกันครบทุกมื้อ
เป็นชนชั้นแบบไม่มีใครใหญ่กว่าใคร อาหารที่นี่หน้าตาแปลกนิดหน่อย
แต่มันก็อร่อยดีแบบหาทานข้างบนไม่ได้แน่ ๆ และความรู้สึกอบอุ่นแบบแปลกประหลาดนี่ก็ดีเหมือนกัน ?
ผมอยู่ที่นี่ไม่ได้นานหรอก พ่อต้องส่งคนลงมาตามผมแน่ ๆ...
‘เป็นอะไรไป ?’ จงอินถามผมขึ้นมาในขณะที่ผมกำลังนั่งเหม่อเขี่ยอาหารตรงหน้า
‘ป่าวครับ..’ ผมตอบพร้อมก้มหน้าทานต่อ จงอินเองก็ก้มหน้าทานต่อเช่นกัน
ตอนนี้เริ่มสายแล้วพระอาทิตย์ส่องลงมาแดดจ้า แต่อากาศกลับหนาว
อย่างกับหิมะตกผมกระชับผ้าคลุมที่จงอินให้มาแน่น
‘หนาวหรอ ?’ จงอินเงยหน้าขึ้นมาอย่างสงสัย
‘ก็นิดหน่อยครับ’ ผมตอบเขาตามตรง ทั้งที่ผมไม่ค่อยอยากรบกวนเขาซักเท่าไร
‘งั้นก็รีบ ๆ ทานซะเดี๋ยวฉันจะพานายไปส่งที่บ้าน เข้าใจไหม ?’ จงอินบอกผมอย่างใจดี
‘ครับ ขอบคุณนะครับที่ช่วยผม’ ผมพูดต่อ จงอินไม่พูดอะไรต่อเราทานอาหารจนเสร็จแล้ว
จงอินก็พาผมไปที่บ้านของเขา บ้านของเขาดูโทรมทีเดียวสำหรับผมที่เกิดในวังแต่ผมก็คิดว่าผมน่าจะอยู่ได้
ถ้าแค่ชั่วคราวหน่ะนะ และผมก็ไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหนอีกแล้วถ้าไม่ใช่บ้านของเขา
พอเขามาส่งผมเสร็จเขาก็ไปทำงานต่อ ผมเดินสำรวจนู่นสำรวจนี่ไปทั่ว ๆ บ้าน
-------------
บ้านเรียบ ๆ ที่ไม่มีแม้กระทั่งรูปแปะข้างฝาผนังกลับดูอบอุ่นอย่างน่าประหลาด
ผมสังเกตเห็นว่ามันไม่สะอาดเท่าไรเนื่องจากไม่ได้ทำความสะอาดมานาน
และผมก็ไม่คิดว่าคนอย่างจงอินจะทำงานบ้านของเขาเอง
ผมเริ่มทำความสะอาดบ้านให้เขาก่อนที่เขาจะกลับมาจากการทำงาน
.
.
.
ตอนนี้ท้องฟ้ามืดแล้ว ดวงอาทิตย์สีแดงที่ทำท่าจะลับขอบฟ้าดูสวยดีพิลึก
แม้มันจะไม่เหมือนที่เด็กหนุ่มเคยอยู่มาก่อนก็เถอะ
เขานั่งเท้าคางอยู่ริมหน้าต่างรอให้ผู้เป็นเจ้าของบ้านกลับมา
และแล้วก็มีเสียงประตูดังขึ้นมาเจ้าของบ้านที่เขารอคอยกลับมาแล้ว
‘กลับมาแล้วหรอครับ จงอิน’ ร่างบางพูดทักทายเจ้าของบ้านตามมารยาท
ร่างสูงถอดผ้าคลุมออกแล้วพาดไว้ในที่ ๆ เป็นที่พาด
ร่างสูงเบิกต้ากว้างเมื่อเห็นว่า บ้านของเขาถูกทำ
ความสะอาดอย่างดีอย่างที่มันไม่เคยเป็นมาก่อนตั้งแต่เขาอยู่มา
‘ผมทำความสะอาดให้ครับจงอิน เพราะผมมาขออาศัยอยู่บ้านจงอิน
ผมเลยอยากทำอะไรให้จงอินบ้างครับ’
ผมมองเขาอย่างตะลึงเล็กน้อย เพราะว่าตั้งแต่ที่พบกันมา
เขาดูเป็นคุณหนูเอามาก ๆ ผมเลยไม่คิดว่าเขาจะทำงานบ้านได้ซะอีก
แต่บางทีนี่อาจเป็นธรรมดาของคนฝั่งนั้นก็ได้มั้ง
ผมไม่ได้ตอบอะไรเขาเพียงแต่พยักหน้าเบา ๆ สองสามที
เพราะผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะตอบอะไรเขาดี...
‘หิวมั้ย ? นายอยากทานข้าวไหม ?’
‘ครับ ...’
ร่างบางตอบรับร่างสูง ด้วยเสียงแผ่วเบา เขาทำที่ทางเหมือนมีอะไรอยากจะพูดต่อ
‘จงอินไม่ต้องไปทานกับข้าวนอกบ้านก็ได้นะครับ ผมทำอาหารให้จงอินทานได้นะครับ’
‘ทำไมหล่ะ ? ไม่เป็นไร เราไปทานกันนอกบ้านก็ได้’ ร่างสูงพูดด้วยน้ำเสียงดูใจดี
‘ผ.. ผมอยากทำตัวให้เป็นประโยชน์ กับจงอินบ้างนะครับ’ ร่างบางก้มหน้านิ่ง
‘นายทำประโยชน์ให้ฉันเยอะแล้วนะ’ ร่างสูงพูดพลางยิ้ม บาง ๆ ให้กับร่างเล็ก ร่างเล็กหันมามองเขา
‘ไปเถอะ ไปทานข้าวกัน’ ....
.
.
.
.
.
ตอนนี้เราอยู่ข้างนอกและกำลังจะกลับบ้านกัน จงอินซื้อผ้าคลุมเพื่อให้ผมคลุมตัวเอาไว้
และผมก็โวยวายให้จงอินพาเดินดูตลาดตอนกลางคืนต่อ
เพราะที่นี่มีตลาดแทบทั้งวันทั้งคืน แต่ตลาดกลางคืนจะมี
บรรยากาศต่างจากตลาดตอนกลางวันเล็กน้อย คือจะมีไฟสีเหลือง ๆ
สว่างไสวประดับประดา ราวกับเป็นเทศการอะไรซักอย่าง
ผมกับจงอินเดินเลียบตลาดไปเรื่อย ๆ ในขณะที่
เราทั้งคู่ดูสิ่งของที่อยู่ข้างทางกันอย่างตื่นเต้น ผมหันหน้าไปมองจงอิน
เขาก็ดูตื่นเต้นไม่แพ้กันกับผม แม่ค้าพ่อค้าในตลาดทักทายเขาเล็กน้อยแล้วเขา
ก็ทักทายพ่อค้าแม่ค้าเหล่านั้นตอบ
คงเป็นเพราะเขาอยู่คนเดียวเขาจึงคงไม่จำเป็นต้องมาเดินในที่แบบนี้หล่ะมั้ง ?
‘จงอิน ! ผมอยากทานไอ้นั่นจังเลยครับ’ ผมเรียกเพื่อเรียกความสนใจจากจงอิน
พร้อมชี้ไปที่ร้าน ๆ หนึ่ง มันเป็นร้านที่เหมือนกับร้านขายขนม แต่มันดูน่าแปลกตาดีสำหรับผม
‘เอาสิ อยากกินหรอ’ จงอินก้มหน้าลงมามองผมที่ตัวเตี้ยกว่าเขา
เขาพูดและยิ้มอย่างใจดีราวกับผมเป็นเด็กตัวเล็ก ๆ
ผมพยักหน้าน้อย ๆ จงอินพาผมไปและผมซื้อขนมประหลาดนี่กินถุงหนึ่ง
‘นายไม่กินหรอ ?’ ผมถามพลางหยิบ มันไปใกล้ ๆ ปากจงอิน
‘ไม่หล่ะฉันไม่ชอบมันเท่าไร’ จงอินปฏิเสธ ผมเบ้ปากเพราะเห็นว่าคนตัวสูงไม่ยอมกิน
‘หน่านะ ซักคำนึง’ ผมอ้อนเขา
‘ก็ฉันไม่ชอบมันนี่’ ร่างสูงปฏิเสธร่างบาง ร่างบางยังคงเคี้ยวขนมที่อยู่ในปากนี่ตุ้ย ๆ
‘ของที่เราเคยไม่ชอบ ถ้าได้กินอีกครั้ง มันอาจจะเป็นของโปรดของเราเลยก็ได้นะ’
ร่างบางพูดพางยื่นมันไปที่ปากร่างสูงอีกครั้ง ร่างสูงต้องกินมันอย่างช่วยไม่ได้
‘เป็นไงหล่ะครับ ?’ คยองซูถามผมหลังจากที่คะยั้นคะยอให้ผมทานไอ้ขนมที่ผมเคยทานมันแล้วไม่อร่อยเอาซะเลย
‘ไม่รู้สิ..’ ผมตอบอย่าไม่ค่อยมั่นใจ เพราะเมื่อกี้ผมรู้สึกว่า...
ทำไมรสชาติของมันถึงได้หวานจ๋อยทั้งที่ปกติมันจืดแท้ ๆ
‘อย่าตอบว่าไม่รู้สิครับ จงอิน !’ เขาหันหน้ามาพูดกับผมแล้วป่องแก้ม
‘ก็ได้ อร่อยก็อร่อย’ ผมพูดพลางหยิบขนมประหลาดในถุงของคยองซู ขึ้นมาทานอีกชิ้น
‘หวา จงอินอย่าขโมยสิครับ’
‘นั่นเงินฉันนี่หน่า’ ร่างสูงพูดหยอกล้ออย่างขี้เล่นกับร่างบาง เขาทั้งคู่เดินหยอกล้อกันจนถึงหน้าบ้านของจงอิน
ทั้งคู่เข้าไปในบ้าน และร่างสูงก็คิดอะไรได้
‘คยองซู บ้านฉันมีแค่เตียงเดียวเองนะ ?’
‘ไม่เป็นไรครับ ผมนอนที่พื้นก็ได้’ ร่างบางตอบอย่างคิดเอาไว้แล้ว
‘ฉันนอนที่พื้นเองดีกว่า’
‘จงอินเป็นเจ้าของบ้านนะครับ จะนอนที่พื้นได้ไง’
‘ก็นี่บ้านฉันนี่ ฉันจะนอนตรงไหนก็เรื่องของฉัน
แล้วฉันจะปล่อยให้แขกของฉันนอนที่พื้นได้ยังไงหล่ะ ?’
‘แต่ว่า ผมไม่อยากให้จงอินลำบากนี่ครับ’
‘ฉันบอกนายตอนไหนว่าฉันลำบาก ?’
‘แต่.. จงอิน....’
‘ไม่มีต่งไม่มีแต่ทั้งนั้นแหละ !’
ร่างสูงพูดพลางนอนลงที่พื้น เป็นการบังคับให้ร่างบางนอนบนเตียง
‘ราตรีสวัสดิ์ครับ จงอิน’ ร่างบางพูดเสียงแผ่วราวกับกลัวว่าร่างสูงที่อยู่ที่พื้นจะตื่น
‘ราตรีสวัสดิ์...’ ผมพูดพลางหันหน้าไปมองแขกที่อยู่บนเตียง
คุณก็รู้ใช่ไหมครับว่าผมเป็นคนที่พูดไม่เก่งและไม่ค่อยเข้าหาใครด้วย
จะว่าผมเป็นคนอัธยาศัยไม่ดีก็ได้ แค่ว่า...
ทั้งอย่างงั้น ทำไมผมถึงเข้ากับเขาได้อย่างปละหลาด
-----------------------------------
TALK :: again 55555 ร้อยเปอร์เซนต์แล้ว จบแล้วตอนนึง T^T เบื่อกันยัง แย่ใช่ไหม ?
ไม่รู้ว่าดีป่าว เม้นติชมกันหน่อยเร้ววว จะได้ปรับปรุงตัว
ไม่เม้นเค้าไม่อัพจริง ๆ นะ <3
รักรีดเด้อทุกคนค่ะ
แบล็กสมิธ'
ความคิดเห็น