ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC EXO] KAI X DO 'Distance'

    ลำดับตอนที่ #2 : UNIT : ONE - THE RESIDENT 100%

    • อัปเดตล่าสุด 15 มี.ค. 56





     

    'การพบกันของเรามันดูตลก... แต่มันเป็นดั่งโชคชะตาลิขิตว่าต้องเป็นนาย'

     



      UNIT : ONE - THE RESIDENT
     

                    ณ ดินแดนฝั่งซานตาน
     

    เสียงนกกาทำให้ผมตื่นสะดุ้งตื่นขึ้นจากความฝัน ผมรีบลุก

    ออกจากเตียงเก่าแข็งนี่ทันที บ้านที่ผมอยู่มันเป็นบ้านที่เก่าและสกปรกทีเดียว

    แต่ผมก็ชินกับมันแล้วเพราะผมใช้มันแค่นอนให้คืนหนึ่งผ่านไปและเริ่มต้นวันใหม่

    เท่านั้น ผมออกไปข้างนอกบ้านทั้งที่ยังไม่ได้ทานข้าว จัดปีกที่อยู่กลางหลังให้เข้าที่



    อ่ะ.. คุณฟังไม่ผิดหรอกครับ มันคือปีกจริง ๆ เป็นปีกสำดำทมิฬเหมือนปีกกา

    และผมก็ยังได้ยินมาว่า ดินแดนข้างบนนั้น มีปีกสีขาวเหมือนหงส์อีกด้วย

    แต่ผมก็ไม่ได้สนใจเท่าไร เราไม่เคยเห็นหน้าและรู้จักกันและกัน และ

    เรายังโดนห้ามให้รู้จักกันและกันอีกด้วย มีหลายคนต้องการพิสูจน์ว่า


    มันมีอยู่จริงหรือเปล่า เพราะเวลาผ่านไปนานสิ่งที่บันทึกไว้ในหนังสือมันก็เป็นแค่

    ตำนานเท่านั้น แต่ผมไม่ได้สนใจนักหรอก เพราะผมแค่ใช้ชีวิตของผมให้ผ่านไปในแต่ละวัน



    ชีวิตของผมแค่ ต้องตื่นเช้าขึ้นมาออกไปทานข้าวข้างนอก เพราะผมทำอาหารเอง

    ไม่เป็นหรอกครับ แล้วก็ไปทำงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ตามแต่ละวัน แล้วกลับมานอนก็เท่านั้น

    วันนี้ผมเดินออกไปตามทางปกติของผม ซึ่งเป็นทางเลียบกำแพงเมือง

    ผมต้องเดินทางนี้ทุกวันผมจึงได้เห็นกำแพงที่
    เชื่อกันว่าเป็นกำแพงกั้นระหว่า

    เรากับดินแดนสีขาว และแล้วผมก็ต้องตกใจเพราะว่า



    มีสิ่งมีชีวิตบางอย่างโผล่ออกมาจากพุ่มไม้ข้าง ๆ กำแพงใหญ่ที่ผมยืนอยู่ สิ่งมีชีวิตที่หน้าตาเหมือนเรา

    แต่ผิวของเขาสีขาวสะอาดสะอ้านดูเกลี้ยงเกลาต่างจากคนในเมืองผมจึงรู้ทันทีว่า

    เขาไม่ใช่คนในเมืองนี้แน่ ๆ ด้วยความอยากรู้อยากเห็นแม้มันจะไม่เกี่ยวอะไรกับ

    ชีวิตประจำวันผมเลยก็ตาม ผมเลยเดินเข้าไปใกล้ ๆ




    โดยที่ผมไม่รู้ว่า 'นั่น' จะเป็นสิ่งที่เปลี่ยนชีวิตประจำวันของผมไปตลอดกาล...




     

    นี่ คุณ โอเคมั้ย ?



     

    ผมถามเค้าในขณะที่ก้มมอง ผมไม่มั่นใจด้วยซ้ำว่าเราจะพูดภาษาเดียวกันหรือเปล่า

    ตากลมโตของเขามองมาที่ผมหน้าของเขาแอบคล้ายผู้หญิงอยู่นิดหน่อย



     

    ผมโอเค..


     

    เขาตอบในขณะที่ตะเกียกตะกายออกมาจากรูนั่น


     

    ตึก ๆๆ


     

    ผมได้ยินเสียงฝีเท้าที่คาดว่าน่าจะเป็น ผู้ตรวจตรา มาแต่ไกลผมเลยก้มมองเขาแล้วบอกเขา


     

    เดี๋ยวนายก็จะไม่โอเคแล้วหล่ะ !’


     

    ผมพูดพลางหยิบผ้าที่คลุมตัวเองอยู่คลุมให้เขาเพื่อปกปิดปีกสีขาวนั่น

    ปกติแล้วเวลาออกจากบ้าน บางคนในเมืองก็จะเอาผ้าสีดำคลุมตัวอยู่แล้ว

    เพราะอากาศในเมืองค่อนข้างแปรปรวน นั่นเลยทำให้ไม่รู้สึกแปลกเท่าไร

    และถึงผมจะไม่ได้คลุมมันก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกแปลกเท่าไรอยู่ดี



     

    หนาวจัง เขาบ่นพึมพำก่อนที่จะเอาตัวเข้ามาใกล้ ๆ ผมเพื่อรับไออุ่นจากผม


     

    ก่อนที่ผมจะได้เอ่ยถามเขาว่าเขาเป็นใครเขาก็เอ่ยแนะนำตัวกับผมก่อนด้วยท่าทางสดใสและใบหน้ายิ้มแย้ม


     

    สวัสดีครับ ผมชื่อคยองซูแล้วคุณ ชื่ออะไรหรอครับ ?


     

    ผมแอบคิดว่าโชคดีที่เราใช้ภาษาเดียวกัน แต่เดี๋ยวเอ๊ะ !?

    เดี๋ยวหมอนี่ต้องเป็นตัวปัญหาให้ผมน่าดูเลยนี่หน่า ผมรู้สึกเหมือนทำพลาดสุด ๆ แล้วหล่ะ


    ผมจะทำยังไงดีเนี่ยย !!??



     

    ผมชื่อ จงอิน คิมจงอิน


     

    เมื่อกี้ขอบคุณนะครับ ที่ช่วยผม


     

    เด็กหนุ่มก้มหัวลงมองเท้าตัวเองก่อนจะหันไปมองหน้าร่างสูง
     

    ร่างสูงไม่ได้ถามอะไรต่อเพราะรู้แน่ว่าถ้าหากเขามา

    ที่นี่ต้องมีเหตุผลอะไรแน่และเขาก็ไม่ต้องการจะรู้เหตุผลของร่างบาง



     

    คุณกำลังจะไปไหนหรอครับ


     

    ตากลมโตหันไปมองร่างสูงแววตานั้นเต็มไปด้วยความสงสัย


     

    ทานข้าวเช้า แล้วก็ไปทำงาน


     

    ผมตอบเขา ในขณะที่เขาหันหน้ามองไปรอบ ๆ ด้วยความตื่นเต้น

    แววตาของเขาส่อแววอยากรู้อยากเห็น เมืองที่ผมอยู่มีแต่ตลาดเต็มไปหมด

    แต่ตลาดเป็นตลาดแห้ง ๆ สกปรกเนื่องจากอากาศ ของเมืองตลาดเก่า ๆ

    ที่แผงขายของดูจะพังแหล่มิพังแหล่ดูไม่น่าสนใจแต่เขาก็ทำหน้าตาสนใจสิ่งรอบข้างไปซะหมด

    คงเป็นเพราะว่ามันคงเป็นสิ่งแปลกใหม่สำหรับเขาหล่ะมั้ง





     

        ณ ร้านอาหาร

     

    ผมมองดูผู้ชายตรงหน้าที่ทำท่าราวกับเด็ก ๆเมื่อผมสั่งข้าวเผื่อเขาด้วย

    ความจริง แล้วเขาทานมาแล้วแต่เขาอยากลองทานสิ่งที่ผมทานดูผมจึงสั่งมาให้เขาอีกที่นึง

     

    นี่อะไรอ่ะครับ จงอิน *O*’ เขาทำหน้าตาตื่นเต้นเมื่อคีบปลาหมึกปีศาจ

    ขึ้นมาตัวหนึ่งแล้วยื่นมาตรงหน้าผมเพื่อถามมัน ผมก็พอจะรู้อยู่หรอกนะว่า

    ข้างบนไม่มีของแบบนี้หรอก ผมตักเจ้าปลาหมึกนั่นในจานผมเข้าปากแล้วบอกเขา



     

    มัน กินได้ นะ มันกินอย่างงี้ไง แล้วผมก็ทำท่าทางสาธิตเขา


     

    เรานั่งทานอาหารกันอยู่ครู่ใหญ่ผมรู้สึกดีใจเล็กน้อยที่เขาไม่ถามเหตุผล

    ว่าทำไมผมถึงมาอยู่ที่นี่แล้วทำราวกับว่า ผมอยู่ในชีวิตประจำวันปกติเขามานานแล้ว

     

    พูดตามตรงผมตื่นเต้นที่ได้มาที่นี่ แม้จะรู้ว่า โทษของการมาที่นี่คือประการชีวิต

    แต่เพราะผมเป็นลูกชายคนเดียวของพระเจ้าผมจึงมั่นใจว่า ผมคงไม่โดนประหารชีวิต

    และถึงเวลาที่เราจับได้ผมคงต้องหนีจากผู้ชายตรงหน้า หรือไม่ก็ร้องขอชีวิตเขาด้วยอีกคน



     

    ผมรู้ว่ามันอาจไร้สาระ ที่ผมทำอะไรขนาดนี้เพื่อประชดพ่อของผม

    แต่ผมกลับรู้สึกสนุกกับดินแดนนี้ มันไม่เหงาเท่าทื่ ๆ ผมเคยอยู่ ที่นั่นเป็นที่ ๆ

    ดูบริสุทธ์สะอาดกว่าที่นี่ก็จริงแต่ถ้าคุณไม่เคยมาที่นี่คุณก็จะไม่มีทางรู้หรอกว่า

    ที่นั่นสะอาดเพราะเราอยู่ที่นั่นจนชินแล้ว เมืองนี้เป็นเมืองเล็ก ๆ ค่อนข้างวุ่นวาย

    ลองจินตนาการดูสิครับ มันเหมือนกับ ตลาดเก่า ๆ
    (ของฝรั่งอ่านะ เหมือนใน

    หนังฝรั่งที่เป็นหนังประวัติศาสตร์อ่ะ อย่าง
    Les Miserable ประมาณนั้น – ไรเต้อ)

    ดูสกปรกนิดหน่อย ชาวเมืองดูไม่ค่อยอุดมสมบูรณ์แต่พวกเขาก็มีอาหารทานกันครบทุกมื้อ

    เป็นชนชั้นแบบไม่มีใครใหญ่กว่าใคร อาหารที่นี่หน้าตาแปลกนิดหน่อย



    แต่มันก็อร่อยดีแบบหาทานข้างบนไม่ได้แน่ ๆ และความรู้สึกอบอุ่นแบบแปลกประหลาดนี่ก็ดีเหมือนกัน ?

     

    ผมอยู่ที่นี่ไม่ได้นานหรอก พ่อต้องส่งคนลงมาตามผมแน่ ๆ...


     

    เป็นอะไรไป ? จงอินถามผมขึ้นมาในขณะที่ผมกำลังนั่งเหม่อเขี่ยอาหารตรงหน้า


     

    ป่าวครับ.. ผมตอบพร้อมก้มหน้าทานต่อ จงอินเองก็ก้มหน้าทานต่อเช่นกัน



    ตอนนี้เริ่มสายแล้วพระอาทิตย์ส่องลงมาแดดจ้า แต่อากาศกลับหนาว

    อย่างกับหิมะตกผมกระชับผ้าคลุมที่จงอินให้มาแน่น



     

    หนาวหรอ ? จงอินเงยหน้าขึ้นมาอย่างสงสัย


     

    ก็นิดหน่อยครับ ผมตอบเขาตามตรง ทั้งที่ผมไม่ค่อยอยากรบกวนเขาซักเท่าไร


     

    งั้นก็รีบ ๆ ทานซะเดี๋ยวฉันจะพานายไปส่งที่บ้าน เข้าใจไหม ? จงอินบอกผมอย่างใจดี


     

    ครับ ขอบคุณนะครับที่ช่วยผม ผมพูดต่อ จงอินไม่พูดอะไรต่อเราทานอาหารจนเสร็จแล้ว



    จงอินก็พาผมไปที่บ้านของเขา บ้านของเขาดูโทรมทีเดียวสำหรับผมที่เกิดในวังแต่ผมก็คิดว่าผมน่าจะอยู่ได้

    ถ้าแค่ชั่วคราวหน่ะนะ และผมก็ไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหนอีกแล้วถ้าไม่ใช่บ้านของเขา

    พอเขามาส่งผมเสร็จเขาก็ไปทำงานต่อ ผมเดินสำรวจนู่นสำรวจนี่ไปทั่ว ๆ บ้าน


     

    -------------

    50 %


     

    บ้านเรียบ ๆ ที่ไม่มีแม้กระทั่งรูปแปะข้างฝาผนังกลับดูอบอุ่นอย่างน่าประหลาด

    ผมสังเกตเห็นว่ามันไม่สะอาดเท่าไรเนื่องจากไม่ได้ทำความสะอาดมานาน

    และผมก็ไม่คิดว่าคนอย่างจงอินจะทำงานบ้านของเขาเอง

    ผมเริ่มทำความสะอาดบ้านให้เขาก่อนที่เขาจะกลับมาจากการทำงาน

     

    .
     

    .
     

    .

     

    ตอนนี้ท้องฟ้ามืดแล้ว ดวงอาทิตย์สีแดงที่ทำท่าจะลับขอบฟ้าดูสวยดีพิลึก

    แม้มันจะไม่เหมือนที่เด็กหนุ่มเคยอยู่มาก่อนก็เถอะ

    เขานั่งเท้าคางอยู่ริมหน้าต่างรอให้ผู้เป็นเจ้าของบ้านกลับมา

    และแล้วก็มีเสียงประตูดังขึ้นมาเจ้าของบ้านที่เขารอคอยกลับมาแล้ว

     

     

    กลับมาแล้วหรอครับ จงอินร่างบางพูดทักทายเจ้าของบ้านตามมารยาท

    ร่างสูงถอดผ้าคลุมออกแล้วพาดไว้ในที่ ๆ เป็นที่พาด

     

     

    ร่างสูงเบิกต้ากว้างเมื่อเห็นว่า บ้านของเขาถูกทำ

    ความสะอาดอย่างดีอย่างที่มันไม่เคยเป็นมาก่อนตั้งแต่เขาอยู่มา


     

     

    ผมทำความสะอาดให้ครับจงอิน เพราะผมมาขออาศัยอยู่บ้านจงอิน

    ผมเลยอยากทำอะไรให้จงอินบ้างครับ



     

    ผมมองเขาอย่างตะลึงเล็กน้อย เพราะว่าตั้งแต่ที่พบกันมา

    เขาดูเป็นคุณหนูเอามาก ๆ ผมเลยไม่คิดว่าเขาจะทำงานบ้านได้ซะอีก

    แต่บางทีนี่อาจเป็นธรรมดาของคนฝั่งนั้นก็ได้มั้ง






     

    ผมไม่ได้ตอบอะไรเขาเพียงแต่พยักหน้าเบา ๆ สองสามที

    เพราะผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะตอบอะไรเขาดี...





     

    หิวมั้ย ? นายอยากทานข้าวไหม ?



     

    ครับ ...
     

     

    ร่างบางตอบรับร่างสูง ด้วยเสียงแผ่วเบา เขาทำที่ทางเหมือนมีอะไรอยากจะพูดต่อ



     

    จงอินไม่ต้องไปทานกับข้าวนอกบ้านก็ได้นะครับ ผมทำอาหารให้จงอินทานได้นะครับ

     

     

    ทำไมหล่ะ ? ไม่เป็นไร เราไปทานกันนอกบ้านก็ได้ ร่างสูงพูดด้วยน้ำเสียงดูใจดี

     


     

    ผ.. ผมอยากทำตัวให้เป็นประโยชน์ กับจงอินบ้างนะครับ ร่างบางก้มหน้านิ่ง


     

    นายทำประโยชน์ให้ฉันเยอะแล้วนะ ร่างสูงพูดพลางยิ้ม บาง ๆ ให้กับร่างเล็ก ร่างเล็กหันมามองเขา


     

    ไปเถอะ ไปทานข้าวกัน ....
     

    .
     

    .
     

    .
     

    .
     

    .

     

    ตอนนี้เราอยู่ข้างนอกและกำลังจะกลับบ้านกัน จงอินซื้อผ้าคลุมเพื่อให้ผมคลุมตัวเอาไว้

    และผมก็โวยวายให้จงอินพาเดินดูตลาดตอนกลางคืนต่อ

     

     
     

    เพราะที่นี่มีตลาดแทบทั้งวันทั้งคืน แต่ตลาดกลางคืนจะมี

    บรรยากาศต่างจากตลาดตอนกลางวันเล็กน้อย คือจะมีไฟสีเหลือง ๆ

    สว่างไสวประดับประดา ราวกับเป็นเทศการอะไรซักอย่าง

     


     

    ผมกับจงอินเดินเลียบตลาดไปเรื่อย ๆ ในขณะที่

    เราทั้งคู่ดูสิ่งของที่อยู่ข้างทางกันอย่างตื่นเต้น ผมหันหน้าไปมองจงอิน

    เขาก็ดูตื่นเต้นไม่แพ้กันกับผม แม่ค้าพ่อค้าในตลาดทักทายเขาเล็กน้อยแล้วเขา

    ก็ทักทายพ่อค้าแม่ค้าเหล่านั้นตอบ

     


     

    คงเป็นเพราะเขาอยู่คนเดียวเขาจึงคงไม่จำเป็นต้องมาเดินในที่แบบนี้หล่ะมั้ง ?

     

     

    จงอิน ! ผมอยากทานไอ้นั่นจังเลยครับ ผมเรียกเพื่อเรียกความสนใจจากจงอิน

    พร้อมชี้ไปที่ร้าน ๆ หนึ่ง มันเป็นร้านที่เหมือนกับร้านขายขนม แต่มันดูน่าแปลกตาดีสำหรับผม


     


     

    เอาสิ อยากกินหรอ จงอินก้มหน้าลงมามองผมที่ตัวเตี้ยกว่าเขา

    เขาพูดและยิ้มอย่างใจดีราวกับผมเป็นเด็กตัวเล็ก ๆ

     


     

    ผมพยักหน้าน้อย ๆ จงอินพาผมไปและผมซื้อขนมประหลาดนี่กินถุงหนึ่ง

     


     

    นายไม่กินหรอ ? ผมถามพลางหยิบ มันไปใกล้ ๆ ปากจงอิน


     

    ไม่หล่ะฉันไม่ชอบมันเท่าไร จงอินปฏิเสธ ผมเบ้ปากเพราะเห็นว่าคนตัวสูงไม่ยอมกิน

     

     

    หน่านะ ซักคำนึง ผมอ้อนเขา

     

     

    ก็ฉันไม่ชอบมันนี่ ร่างสูงปฏิเสธร่างบาง ร่างบางยังคงเคี้ยวขนมที่อยู่ในปากนี่ตุ้ย ๆ

     

     

    ของที่เราเคยไม่ชอบ ถ้าได้กินอีกครั้ง มันอาจจะเป็นของโปรดของเราเลยก็ได้นะ

    ร่างบางพูดพางยื่นมันไปที่ปากร่างสูงอีกครั้ง ร่างสูงต้องกินมันอย่างช่วยไม่ได้

     


     

    เป็นไงหล่ะครับ ? คยองซูถามผมหลังจากที่คะยั้นคะยอให้ผมทานไอ้ขนมที่ผมเคยทานมันแล้วไม่อร่อยเอาซะเลย


     

     

    ไม่รู้สิ.. ผมตอบอย่าไม่ค่อยมั่นใจ เพราะเมื่อกี้ผมรู้สึกว่า...

     

     

    ทำไมรสชาติของมันถึงได้หวานจ๋อยทั้งที่ปกติมันจืดแท้ ๆ

     
     


    อย่าตอบว่าไม่รู้สิครับ จงอิน !’ เขาหันหน้ามาพูดกับผมแล้วป่องแก้ม
     

     

    ก็ได้ อร่อยก็อร่อย ผมพูดพลางหยิบขนมประหลาดในถุงของคยองซู ขึ้นมาทานอีกชิ้น

     
     

    หวา จงอินอย่าขโมยสิครับ
     

     

    นั่นเงินฉันนี่หน่าร่างสูงพูดหยอกล้ออย่างขี้เล่นกับร่างบาง เขาทั้งคู่เดินหยอกล้อกันจนถึงหน้าบ้านของจงอิน
     

     

    ทั้งคู่เข้าไปในบ้าน และร่างสูงก็คิดอะไรได้
     

     
     

    คยองซู บ้านฉันมีแค่เตียงเดียวเองนะ ?

     

     

    ไม่เป็นไรครับ ผมนอนที่พื้นก็ได้ ร่างบางตอบอย่างคิดเอาไว้แล้ว

     
     

    ฉันนอนที่พื้นเองดีกว่า


     

    จงอินเป็นเจ้าของบ้านนะครับ จะนอนที่พื้นได้ไง


     

     

    ก็นี่บ้านฉันนี่ ฉันจะนอนตรงไหนก็เรื่องของฉัน

    แล้วฉันจะปล่อยให้แขกของฉันนอนที่พื้นได้ยังไงหล่ะ ?

     

     

    แต่ว่า ผมไม่อยากให้จงอินลำบากนี่ครับ

     
     

    ฉันบอกนายตอนไหนว่าฉันลำบาก ?

     
     

    แต่.. จงอิน....

     
     

    ไม่มีต่งไม่มีแต่ทั้งนั้นแหละ !’

     
     

    ร่างสูงพูดพลางนอนลงที่พื้น เป็นการบังคับให้ร่างบางนอนบนเตียง

     
     

    ราตรีสวัสดิ์ครับ จงอิน ร่างบางพูดเสียงแผ่วราวกับกลัวว่าร่างสูงที่อยู่ที่พื้นจะตื่น

     
     

    ราตรีสวัสดิ์... ผมพูดพลางหันหน้าไปมองแขกที่อยู่บนเตียง

     

     

    คุณก็รู้ใช่ไหมครับว่าผมเป็นคนที่พูดไม่เก่งและไม่ค่อยเข้าหาใครด้วย

    จะว่าผมเป็นคนอัธยาศัยไม่ดีก็ได้ แค่ว่า...

     

     

    ทั้งอย่างงั้น ทำไมผมถึงเข้ากับเขาได้อย่างปละหลาด


    -----------------------------------  


     

    TALK :: again 55555 ร้อยเปอร์เซนต์แล้ว จบแล้วตอนนึง T^T เบื่อกันยัง แย่ใช่ไหม ?

    ไม่รู้ว่าดีป่าว เม้นติชมกันหน่อยเร้ววว จะได้ปรับปรุงตัว

    ไม่เม้นเค้าไม่อัพจริง ๆ นะ <3

    รักรีดเด้อทุกคนค่ะ



                                                                  แบล็กสมิธ'

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×