คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Wedding Dress - 2
“เฮ้ย พ่อเมิงมารับวะ” ชานซองพยักเพยิดให้อูยองต้องหันไปมองตาม ไม่เพียงแค่เขา แต่คนทั้งคณะที่นั่งอยู่ในโถงของอาคารต่างก็หันไปในทางเดียวกัน จะเพราะอะไรได้อีก ถ้าไม่ใช่ว่าผู้ที่มาเยือนจะเป็น...นิชคุณ ชายหนุ่มร่างสูงโปร่ง ผิวขาวราวหิมะ ดวงหน้าคมเข้ม และอ่อนโยนอยู่ในที ไม่แปลกหรอก ที่มันจะเพียงพอที่ทำให้คนทั้งคณะตื่นตัวไปกับการมาเยือนของเทพบุตร—ที่สำหรับจางอูยอง- มันน่าหมั่นไส้ซะมากกว่า
“พี่คุณมาทำไมครับ” จางอูยองเอ่ยปากถาม เมื่อนิชคุณเดินมานั่งลงบนโต๊ะข้างหน้าเขา ด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ อาจเป็นเพราะสายตาของคนทั้งคณะที่จับจ้องมาที่พวกเขา มันทำให้อูยองรู้สึกอาย ทำยังไงก็ไม่คุ้นชินสักที เขาเองก็อยากจะถามนิชคุณดูสักครั้ง ว่าทนได้ยังไงกับสายตาที่คอยจ้องมองอยู่ในทุกๆการกริยาบท
“มาเช็คเรตติ้ง” นิชคุณตอบหน้าเรียบเฉย แต่แววตาแฝงแววล้อเล่นที่ปิดไม่มิด เสียงผู้หญิงกระซิบกระซาบสลับกับเสียงหัวเราะคิกๆ ดังแว่วมาให้ยิน จางอูยองเหยียดยิ้ม
“ก็ยังไม่ตกนี่”
“ของมันแน่อยู่แล้ว” นิชคุณยิ้มกลับ พลางเอามือขยี้หัวคนเป็นน้อง “นี่เรียนเสร็จรึยังเรา”
“ครับ ก็ว่าจะกลับพอดี”
“อืม งั้นก็ดี ป่ะ”
อูยองเอียงคอมองนิชคุณที่กระโดดลงมายืนด้วยความแปลกใจ
“ไม่ต้องทำหน้างงหรอกน่า ไปเร็ว” ไม่รอให้เขาได้ถามอะไร นิชคุณก็คว้าเป้ของเขาขึ้นสะพายแล้วเดินนำออกไปเสียก่อน ทิ้งให้อูยองมีทางเลือกอยู่ทางเดียวคือวิ่งตามให้ทัน
“เออ... งั้นฉันไปละนะ” อูยองหันไปโบกมือให้ชานซองที่กลั้นหัวเราะจนหน้าเริ่มเปลี่ยนสี
รถขับทะลุผ่านเข้าย่านธุรกิจที่จราจรติดขัดจนพาให้นิชคุณต้องขมวดคิ้วขุ่นเคือง นิชคุณกดเปลี่ยนเพลงไปเรื่อยๆ จนอูยองนึกสงสัยว่าการฟังแต่ละเพลงไม่เกินสิบวินาทีจะช่วยทำให้ใจเย็นขึ้นได้หรือไง แต่เขาก็เหนื่อยเกินกว่าที่จะบ่นอะไรให้มากความ ดีไม่ดีคงโดนนิชคุณกวนประสาทชวนทะเลาะแก้เซ็งเข้าให้ เขาปรับเบาะเอนลง แล้วหลับตานอน รับรู้ว่ารถเคลื่อนที่ได้เร็วขึ้นเรื่อยๆเป็นสัญญาณว่าเริ่มออกจากในเมือง เลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวาอยู่สองสามที เมื่ออูยองลืมตาอีกครั้งก็ไม่มีวี่แววของตึกสูงที่ปลูกสร้างกันเบียดเสียด และการจราจรแออัดของกรุงโซล
“เราจะไปไหนกันครับ” อูยองอ้าปากหาว พลางเหลือบมองนาฬิกาที่บอกเวลาห้าโมงเย็น
นิชคุณอมยิ้ม ฮัมเพลง แทนคำตอบ
เขาล่ะ อยากจะรู้จริงๆว่าอะไรกัน ที่ทำให้นิชคุณอารมณ์ดีพอจะแกล้งยั่วโมโหเขาได้แบบนี้ จู่ๆก็โผล่ไปลากเขาออกมาจากมหาลัย ถามอะไรก็ไม่ตอบ เอาแต่นั่งอมยิ้ม สนุกอยู่คนเดียว
นิชคุณเริ่มขับช้าลงเมื่อเขาพารถเข้ามาในซอยเล็กๆที่มีบ้านเดี่ยวขนาดปานกลางวางอยู่เรียงราย และเขาก็หยุดรถลงในที่สุดที่หน้าบ้านสีขาวหลังหนึ่งที่รายล้อมด้วยรั้วไม้เตี้ยๆ ถึงแม้ขนาดจะดูเล็กกว่าหลังอื่นๆในละแวกเดียวกัน แต่นั่นไม่ได้ทำให้บ้านหลังนี้ดูคับแคบแต่อย่างใด กลับให้ความรู้ว่ามันพอดี และเหมาะสมอย่างที่มันควรเป็น
นิชคุณหยิบโทรศัพท์โทรหาใครสักคน ไม่นานจากนั้น หญิงวัยกลางคนที่หน้าตาใจดีก็โผล่มาจากบ้านหลังข้างๆ เธอยิ้มให้พวกเขาก่อนจะยื่นลูกกุญแจให้แก่นิชคุณ
“ขอโทษด้วยนะครับคุณป้า ที่ผมมาซะเย็นเลย”
“ไม่เป็นไรจ้ะๆ เดินดูกันตามสบายเลยนะ” เธอยิ้มให้อีกครั้งก่อนจะเดินจากไป
“นี่มันอะไรกันครับ” อูยองถาม ขณะที่นิชคุณกำลังไขกุญแจเพื่อเข้าไปในบ้านหลังสีขาวนั้น นิชคุณยังไม่พูดอะไร จนเมื่อเขาเข้าไปยืนอยู่ภายในได้สำเร็จ
“สวยมั้ย” เขาอ้าแขนพรีเซ้นตัวบ้านอย่างภูมิใจ
“อื้อ” อูยองหันมองไปรอบๆบ้าน อดคิดไปไม่ได้ว่าถ้าตกแต่งแล้วจะน่าอยู่ขนาดไหน
“อย่าบอกนะว่าเรือนหอ” ในที่สุดอูยองก็แทงตรงจุด รอยยิ้มของนิชคุณแทนคำตอบ คนจะแต่งงานนี่มันมีความสุขขนาดนี้เชียวหรอ เขาชักจะสงสัย
“เพิ่งขอแต่งงานไป หาเรือนหอแล้วหรอ”
“ก็ดูๆไว้ กว่าจะตกแต่งเสร็จอะไรเสร็จ จะได้พอดีไง” คนโดนแซวชี้แจง ฟังยังไง อูยองก็ยังขำอยู่ดี ท่าทางคุณฮยองของเขาคงตื่นเต้นล่ะสิ
“นี่ยังไม่ใช่ทีเด็ดนะ” พูดจบ ก็ลากแขนอูยองขึ้นไปที่ชั้นบนของตัวบ้าน ห้องนอนขนาดใหญ่ว่างเปล่า แสงสีส้มทอผ่านประตูระเบียง เขาเปิดประตูนั่น แล้วพาอูยองออกมายืนข้างตัว
ภาพที่เห็นจากตรงนั้นทำให้อูยองตะลึงไปชั่วขณะ สวย มันสวยมากจริงๆ ผ่านหลังแมกไม้นั่น กรุงโซลทั้งเมืองถูกย่อขนาดเป็นเมืองจิ๋วอยู่ตรงหน้า พระอาทิตย์ดวงกลมอยู่ที่ริมขอบฟ้า ไล่เฉดสีไปตามปุยเมฆ
“สวย” เขาไม่รู้จะพูดอะไร นอกจากคำนี้แล้วจริงๆ
“ชอบใช่มั้ย”
“อื้อ” อูยองฉีกยิ้มกว้าง หันไปพยักหน้าให้กับนิชคุณ
“นายว่าวิคเขาจะชอบที่นี่มั้ย”
“ชอบสิครับ อะไรที่คุณฮยองชอบ ผมก็เห็นว่านูน่าเขาก็ชอบด้วยไปหมดล่ะ” อูยองพูดพลางหัวเราะรื่น คนโดนแซวถึงได้ยิ้มตาม อดจะโคลงหัวคนเป็นน้องไปมาไม่ได้ อูยองหันกลับไปมองภาพทิวทัศน์ข้างหน้าต่อ มองออกไปไกลจนสุดสายตา จนความว่างเปล่าแปลกๆมันขยายตัวขึ้นมาในอก
“เป็นอะไรเรา” นิชคุณเอ่ย เมื่ออูยองถอนหายใจยาว แสงส้มสลัวของยามเย็นจับต้องใบหน้าที่ปิดความรู้สึกของเจ้าของไว้ไม่มิด
“ผมกำลังคิดว่า...” อูยองหันมาสบตานิชคุณ “ถ้าฮยองแต่งงานแล้ว ต่อไปผมก็ต้องอยู่คนเดียวแล้วสินะครับ”
“กลัวเหงาหรอ” อูยองพยักหน้าเบา มองออกไปที่ระเบียงอีกครั้ง “ใจหายน่ะครับ”
“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ฉันยังไม่ย้ายออกวันนี้พรุ่งนี้สักหน่อย ฉันจะอยู่กับนายจนกว่านายจะเรียนจบนั่นแหละ”
“ไม่ต้องห่วงนะ ฉันช่วยนายจ่ายค่าเช่าครบทุกบาททุกสตางค์แน่” คนพี่แกล้งหยอกเล่น ให้อูยองต้องหันมาหัวเราะให้
“ฮยอง ผมไม่ได้ห่วงเรื่องเงินสักหน่อย” พอเห็นอูยองยิ้มออกมา เขาถึงสบายใจ
“ฉันก็คงคิดถึงนายเหมือนกัน ถ้าถึงวันนั้น”
“ผมจะมาเยี่ยม” อูยองยิ้มกว้างเจ้าเล่ห์ นิชคุณถึงต้องเลิกคิ้วสูง
“ถ้าวิคตอเรียทำกับข้าวไว้นะ ผมจะมาฝากท้องที่นี่ทุกวันเลย”
“หึ เห็นแก่กินนะเราน่ะ” นิชคุณผลักหัวเด็กที่ทำแก้มป่องไปเบาๆ
“ก็นูน่าทำอาหารอร่อยจะตาย”
“นายนี่มัน...” นิชคุณหยุดเมื่อหันไปเห็นอูยองทำตาอ้อน เขาส่ายหัวก่อนจะเดินเข้าบ้าน
“น๊า ฮยอง ให้ผมมานะ” อูยองตะโกนพลางวิ่งตามมา
“คุณฮยอง” อูยองทำเสียงออดอ้อนพี่แบบที่ทำประจำ แล้วก็ได้ผลประจำ
“อือ มาสิ มาให้ได้ทุกวันเลยนะ จะเตรียมข้าวไว้ให้กินทุกวันเลย”
“จริงนะ”
“อื้อ” นิชคุณหันกลับไปหาอูยองที่กำลังยิ้มกว้าง จนเขาต้องยิ้มตามไปด้วย
“ขับรถอยู่น่ะครับ พาอูยองออกมาข้างนอกน่ะ” นิชคุณเหลือบมองคนถูกกล่าวถึงที่ผล็อยหลับไป
“งั้นฉันไม่กวนดีกว่า ขับรถดีๆนะคะ” เสียงหวานของว่าที่เจ้าสาวพูดผ่านโทรศัพท์แสดงความเป็นห่วง
“อ่า... แต่ผมอยากคุยกับคุณนี่นา”
“คุณกลับถึงบ้านค่อยโทรหาฉันก็ได้นี่คะ”
นิชคุณทำหน้าบึ้ง คนคุยด้วยน่ะไม่เห็นหรอก แต่คนที่ตื่นมาเพราะได้ยินเสียงคุยโทรศัพท์นี่สิ เห็นแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ ใครจะไปรู้ว่าคุณฮยองของเขาจะมีมุมอย่างนี้กะเขาเหมือนกัน คนมีความรักนี่นะ อูยองแกล้งทำเป็นขยับตัวและหลับต่อไป เมื่อเห็นนิชคุณทำท่าจะหันมามอง
“คุยเป็นเพื่อนผมหน่อยสิ นี่อูยองก็หลับไปแล้ว ขับรถคนเดียว เดี๋ยวผมก็เผลอหลับพอดี”
ผมตื่นก็ได้นะ... ได้แต่แอบคิดในใจ
“ครับๆ ผมวางก็ได้ เดี๋ยวถึงบ้านปุ๊บจะรีบโทรหาเลยนะ”
“ดีมากค่ะ” วิคตอเรียหัวเราะคิกคัก
“แค่นี้นะครับ”
“ค่ะ ขับรถดีๆนะคะ”
พอนิชคุณวางสายนี่แหละ อูยองถึงได้หันไปยิ้มเผล่เจ้าเล่ห์ให้
“หวานเนอะ”
“อะไรๆ” เพราะความเขินเลยแกล้งทำเสียงแข็ง “นอนอยู่ไม่ใช่หรอ นอนต่อเลยไป”
“หึๆ” เจ้าตัวดีแอบหัวเราะ ก่อนจะหลับตาลงอีกครั้ง ทั้งๆที่ปากยังยิ้มกรุ้มกริ่มไม่เลิก นิชคุณได้แต่ส่ายหัวเบาๆ
จางอูยอง แน่นอนว่าเขาต้องคิดถึงเด็กคนนี้ ด้วยความผูกพัน จางอูยองเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเขา เป็นน้องชายที่เขารัก และเอ็นดูเหมือนน้องชายแท้ๆ ถ้าให้เขานึกถึงอนาคต เขาเองก็ใจหายไม่แพ้อูยองเหมือนกัน ถ้าต้องแยกกันอยู่ คงปฏิเสธไม่ด้ว่าเขาคงเหงาขึ้นเยอะ เขามีเพื่อนในเกาหลีไม่กี่คน ถ้านับเอาจริงๆ นอกจากแทคยอน ชีวิตของเขาก็มีแต่วิคตอเรีย และอูยองนี่แหละ ที่ทำให้เขาเรียกที่นี่ได้ว่าบ้าน
TalK{};
ตื่นเต้นล่ะสิ เห็นตอนสองของเรื่องนี้ ลืมไปรึยัง ฮ่าๆ
นานมากๆ โคตรๆสินะ คือมันก็แต่งทิ้งไว้แค่นี้ล่ะ เปิดไปเจอว่ายังไม่ได้เอาลง
เพราะกะจะไม่เอาลงจนกว่าจะแต่งจบ (ซึ่งคงนานอ่ะ ฮ่าๆๆ)
เห็นบล็อกมันนิ่งมานานไง โรคจิต อยากมีอะไรอัพเดท ฮ่าๆ เลยเอามาแปะ -0-
ส่วนตอนต่อไป .... เราจะไม่รับปากอะไรอีกแล้วล่ะ
เพราะเราไม่เคยทำตาม = =
อย่างเช่นที่เคยบอกว่าปิดเทอมนี้จะได้แต่งเรื่องนี้ต่อไรงี้
คือมันทำไม่ได้อย่างใจคิด เพราะว่า... ต้องฝึกงาน อ๊ะ อ้าววว
มันอยู่นอกแพลนนะ การฝึกงานเนี่ย T^T
เรื่อยๆเนอะ เรารู้ว่าว่าคนที่อ่านบล็อกเรา ก็คงรู้อยู่แล้วว่าอินี่มันอัพตามใจฉันใช่ม๊ะ ฮ่าาา
{ข้อความก็อบมาจากบล็อก อย่าได้งงกัน ฮ่าๆ}
ความคิดเห็น