ตอนที่ 5 : Chapter 4
บทที่ 4
“ก็บอกแล้วไง ว่าฉันกับแทฮยองไม่ได้ไปเดทกัน เด็กนั่นจะซื้อของให้น้องสาวเลยให้ฉันไปช่วยเลือกก็แค่นั้นเอง” เดือนหน้าหวานพูดพร้อมกับทำหน้ามุ่ยแต่พวกเพื่อนๆ ที่นั่งอยู่ด้วยกันกลับก็เอาแต่ล้อเลียน ไม่สนใจคำแก้ต่างของร่างเพรียวเลยแม้แต่นิดเดียว
“ไม่ต้องปฏิเสธหรอกจ้ะพ่อเดือนคนสวย >w< ข่าวมันดังไปทั่วมหาลัยซะขนาดนั้น”
ซอกจินถอนหายใจให้กับคำพูดของสาวอารมณ์ดีอย่าง ‘ซนซองอา’ เพื่อนในกลุ่มของฮเยมินที่อยู่คณะพยาบาล นี่ก็เป็นอีกคนที่เป็นแกนนำคู่กับฮเยมินที่เชียร์ให้เขากับแทฮยองคบกัน
นี่เขาเริ่มสงสัยแล้วนะ ว่าซองอานี่แหละ อาจจะเป็นคนที่ตามถ่ายรูปเขากับเดือนผิวเข้มแห่งบริหารแล้วเอาไปให้ชมรมหนังสือพิมพ์ของมหาวิทยาลัยเขียนข่าวน่ะ -0-
“ในข่าวเขาบอกด้วยนี่ว่าน้องมันซื้อหนังสือให้มึงอ่ะ เป็นนิยายรักคลาสสิกเสียด้วย แบบนี้จะไม่เรียกว่าเดทได้ไงครับเพื่อน” ยุนกิเริ่มแซวบ้าง ทำเอาซอกจินหน้าหงิกยิ่งกว่าเดิม
“กูแค่บอกว่าอยากได้ คิดไว้แล้วว่าจะมาซื้อเองทีหลัง แต่น้องมันซื้อมาให้จะให้กูทำไงล่ะ กูก็เลี้ยงข้าวคืนไปแล้วด้วย”
“ก็แปลว่าน้องเขาแคร์นายมากไงซอกจิน นิยายเรื่องที่ในข่าวบอกมันหายากจะตาย ถ้าช้าก็คือหมดเลยนะ แทฮยองคงรู้เรื่องนี้เลยซื้อมาให้ก่อนไง คนแบบนี้น่ารักจะตาย นายจะไม่เปิดใจให้น้องเขาหน่อยเหรอ”
“ตอนนี้ฉันให้แทฮยองได้แค่พี่น้องเท่านั้นแหละซองอา ไม่ต้องจิ้นกันให้เสียเวลาหรอก”
“เฮ้อ ให้ตายเหอะ นายมันใจร้ายชะมัดเลยจิน” ฮเยมินว่าเพื่อนอย่างหงุดหงิด “น่าสงสารแทฮยองชะมัด”
“เธอก็ไปคบกับเด็กนั่นแทนฉันสิ - -”
“ก็ถ้าแทฮยองจีบฉัน ฉันก็คงรับรักไปแล้ว ใครจะทนใจแข็งกับผู้ชายน่ารักๆ แบบนั้นได้นานเท่านายกันล่ะ”
“ก็ฉันไม่พร้อมนี่ ไม่พร้อมแล้วไปให้ความหวังเขา แทฮยองจะไม่เจ็บกว่าหรือไง -0- อ้าว โซจิน” เสียงหวานที่กำลังเถียงเพื่อนอยู่เปลี่ยนไปฉงนทันทีเมื่อเห็น ‘โจโซจิน’ หญิงสาวผมยาวหน้าตาจิ้มลิ้มกำลังเดินเข้ามาที่กลุ่มของพวกเขา เธอเป็นเพื่อนในกลุ่มของฮเยมินที่เรียนคณะเดียวกับซองอาและเป็นคนที่เงียบที่สุดในกลุ่ม โซจินเป็นคนเดียวที่ไม่เคยมาหาฮเยมินที่คณะวิทย์เลยแม้แต่ครั้งเดียว เรียกได้ว่าซอกจินเคยเจอหน้าเธอเพียงสองครั้งเท่านั้นตั้งแต่เข้ามหาวิทยาลัยมา
แล้ววันนี้มาถึงนี่ มีอะไรหรือเปล่านะ
“สวัสดีอีริน สวัสดียุนกิ แล้วก็สวัสดีซอกจิน” เสียงหวานเอ่ยทักเรียบๆ พร้อมกับยิ้มบางๆ ทำเอาคนที่ไม่ชินกับความนิ่งของเธออย่างยุนกิกับซอกจินได้แต่พยักหน้ารับอย่างเกร็งๆ ในขณะที่ฮเยมินที่รู้จักเพื่อนในกลุ่มดีอยู่แล้วก็ทักทายกลับไปด้วยความร่าเริง
“สวัสดียัยน้ำแข็งโซจิน ^o^ มาถึงนี่มีอะไรหรือเปล่า”
“ฮเยมิกับกึมโจให้มาตามซองอาน่ะ” หญิงสาวพูดเสียงเรียบโดยไม่สนใจคำหยอกล้อของเพื่อน ซองอาขมวดคิ้วเล็กน้อย ถ้าจะตามกันทำไมฮเยมิกับกึมโจที่เป็นเพื่อนสนิทกลุ่มเดียวกันไม่โทรมาตามเธอเอง จะให้ยัยน้ำแข็งนี่มาตามด้วย
แต่เหมือนแม่สาวหน้านิ่งจะรู้ว่าเพื่อนกำลังคิดอะไรอยู่
“ฉันเพิ่งกลับเข้ามาในมอน่ะ แล้วมันต้องผ่านคณะวิทย์พอดี สองคนนั้นก็เลยให้มาแวะรับ เพราะตอนแรกเธอก็ติดรถอีรินมาใช่มั้ยล่ะ รีบกลับกันเถอะ ก่อนที่สองคนนั้นจะองค์ลง”
“อ่า โอเคๆ” ซองอารีบตอบรับเพราะเธอรู้ว่าถ้าสองสาวแบ๊วของกลุ่มเกิดของขึ้นขึ้นมาจะเป็นยังไง
น่ากลัวกว่ายัยเจ๊ใหญ่ฮยอนอาอีก -0-
สาวอารมณ์ดีหันมาบอกลาทุกคน ก่อนจะเดินไปหาโซจินและทำท่าจะเดินออกไป แต่เพราะเจ้าของรถยังคงยืนนิ่งอยู่ นิ่งจนทุกคนต้องมองตามสายตาของเธอไปยังจุดที่โซจินมองอยู่
นั่นก็คือเดือนหน้าหวานของคณะวิทยาศาสตร์นั่นเอง
“เอ่อ มีอะไรหรือเปล่าโซจิน” เสียงหวานถามคนที่จ้องตัวเองอย่างหวาดๆ บอกตรงๆ เลยว่าเขาไม่เคยถูกใครมาจ้องด้วยสายที่อ่านไม่ออกแบบนี้มาก่อนเลย -0-
“หลังรับน้องเสร็จมาที่ร้านกาแฟ 24 ชั่วโมงหน้ามอหน่อยสิ ฉันกับมินฮาอยากคุยด้วย” เธอกล่าวถึงเพื่อนอีกคนทำให้ซอกจินขนลุกยิ่งกว่าเดิม ก็สาวหน้าหวานอย่าง ‘ปาร์คมินฮา’ เป็นหนึ่งในสองของคนที่เงียบที่สุดในกลุ่มเทพธิดาเลยน่ะสิ ถึงแม้เธอจะอยู่คณะนิเทศฯ ทำให้ความร่าเริงของเธอมากกว่าโซจินนิดหน่อยก็เถอะ แต่ก็ถือว่าอยู่ในโหมดเงียบทั้งคู่อยู่ดี
แล้วจู่ๆ สาวเงียบที่เคยคุยด้วยไม่กี่ครั้งทั้งสองคนถึงอยากคุยกับเขาล่ะเนี่ย
“อ่า...”
“ได้มั้ย?”
อย่าเร่งสิ ยิ่งเร่งก็ยิ่งกลัวนะ T^T
“ดะ ได้สิ แต่คณะฉันเลิกช้าหน่อยนะ”
“ถ้าไม่เกินสี่ทุ่มครึ่งก็รอได้อยู่แล้ว พยาบาลก็เลิกเวลานั้น”
“เอ่อ...”
“เอาเป็นว่าตกลงนะ ไปกันเถอะซองอา” ประโยคหลังหันไปพูดกับเพื่อนตัวเอง ก่อนที่ทั้งสองจะพากันออกไป ทิ้งทั้งสามคนที่ยังอึ้งกับรังสีน้ำแข็งของโซจินไว้เบื้องหลัง
“อะ โอ้พระเจ้า” ยุนกิเป็นคนแรกที่ได้สติ “เพื่อนเธอน่ากลัวขนาดนี้เลยเหรออีริน”
“ถ้าไม่จริงจังยัยนั่นก็ไม่เป็นขนาดนี้หรอก นี่นายไปก่อคดีอะไรมาหรือเปล่าเนี่ยจิน”
“จะไปทำอะไรล่ะ ฉันเพิ่งเจอโซจินเป็นครั้งแรกตั้งแต่ขึ้นปีสามเนี่ย -0-” ร่างเพรียวกลืนน้ำลาย ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องเมื่อนึกขึ้นได้ “เอ้อ ว่าแต่ยุนกิ กูว่าจะถามมึงตั้งแต่เมื่อกี้ละ แฟนมึงไปไหนวะ”
“เออ จริงด้วย ถ้ามึงไม่ทักเรื่องนี้กูลืมไปแล้วนะเนี่ย” พูดจบ เดือนวิศวะก็ลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว มือขาวกวาดของใส่กระเป๋าอย่างลวกๆ ก่อนจะคว้าถุงหิ้วที่มีของกินอยู่ข้างในแล้วเตรียมจะเดินออกไป แต่ก็โดนฮเยมินคว้าแขนไว้ก่อน
“เดี๋ยวสิ นายจะรีบไปไหนเนี่ย”
“รีบเอาของกินไปให้นัมจุนน่ะสิ มันฝากฉันให้มาซื้อข้าวไปเผื่อเพราะที่คณะดึงตัวพี่ว้ากไว้ ตายๆๆๆ แล้วฉันมานั่งคุยกับพวกเธอแบบนี้ นัมจุนหิวแย่แล้วมั้งเนี่ย ไปล่ะนะ” คนตัวขาวแกะมือเรียวของเพื่อนสาวออกและเดินออกไปอย่างรวดเร็ว ซอกจินกับฮเยมินมองตามเพื่อนอย่างงงๆ ก่อนจะหันมามองหน้ากัน
“นายว่าเพื่อนเราไหวมั้ย”
“ไม่อ่ะ” เสียงหวานเอ่ยตอบเพื่อน ถึงขั้นลืมแฟนได้นี่ยุนกิต้องเบลอขั้นหนักแล้วนะ “เราควรให้มันพักผ่อนบ้างนะ”
“คงต้องบอกนัมจุนให้เบาๆ ลงบ้างแล้วล่ะ”
“ฮะ? เบาเรื่องอะไร” ร่างเพรียวรีบหันไปหาเพื่อนสาวทันทีที่ได้ยินประโยคที่ล่อแหลมแบบนั้น
นี่คิดไปไกลนะบอกเลย -0-
“ก็เรื่องที่แชทคุยกับยุนกิจนดึกๆ ดื่นๆ น่ะสิ ทำไมเหรอ... เฮ้ย! นี่นายคิดไปถึงไหนเนี่ยคิมซอกจิน” ฮเยมินหันมาแว้ดเพื่อนทันทีที่นึกขึ้นได้ว่าประโยคของตัวเองมันเสี่ยงแค่ไหน
“ก็เธอพูดให้คิดนี่ = = แล้วเราจะทำอะไรกันต่อ เหลือเวลาอีกประมาณสิบห้านาทีก่อนเข้ากิจกรรม”
“ไปที่ลานกิจกรรมกันเถอะ เผื่อเขามีอะไรให้ช่วย”
“โอเค ไปกันๆ” รับคำเสร็จ เพื่อนทั้งสองก็พากันไปที่ลานกิจกรรมของคณะตัวเอง
อีกทางด้านหนึ่ง
“ปล่อยให้แทฮยองทำคะแนนไปแบบนั้นจะดีเหรอ” เสียงทุ้มจากคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามเอ่ยขึ้น จองกุกค่อยๆ ลดหนังสือที่บังหน้าลงแล้วมองตามเป้าหมายของตัวเองที่เดินไปกับเพื่อนสาวพร้อมกับยิ้มมุมปาก
“ก็ได้แค่คะแนนจากเพื่อนพี่เขาเท่านั้นแหละ ยังไงพี่จินก็ไม่มีทางคิดกับหมอนั่นเกินพี่น้องหรอก”
“ไม่เคยได้ยินเหรอ น้ำหยดลงหินทุกวันมันยังกร่อน”
“พี่จะเข้าข้างเพื่อนมากกว่าน้องชายแท้ๆ อย่างผมใช่มั้ย ‘ปาร์คจีมิน’”
เจ้าของชื่อหัวเราะเบาๆ ก่อนจะมองใบหน้าหล่อของ ‘น้องชายแท้ๆ’ ของตัวเองที่ฉายแววหงุดหงิดเสียเต็มประดา
นี่เป็นอีกเรื่องที่ไม่มีใครรู้
ว่าปาร์คจีมินกับจอนจองกุกเป็นพี่น้องสายเลือดเดียวกัน
โดยผู้เป็นพี่ชายอย่างจีมินใช้นามสกุลของแม่ ถูกเลี้ยงมาเพื่อให้รับตำแหน่งประธานบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับโรงแรมและรีสอร์ทที่มีสาขาอยู่หลายที่ต่อจากผู้เป็นแม่
ส่วนจองกุกที่อ่อนกว่าหนึ่งปีก็ใช้นามสกุลพ่อ ถูกเลี้ยงมาให้สืบทอดตำแหน่งผู้อำนวยการของสถาบันวิจัยทางวิทยาศาสตร์ชื่อดังของประเทศต่อจากพ่อของพวกเขา
“เรื่องของพวกมึงกูไม่เข้าไปยุ่งหรอก น่ารำคาญ”
“อย่าให้เห็นว่าไปเข้าข้างแทฮยองแล้วกัน”
“นี่ กูถามจริงๆ นะ” คนตัวเล็กกว่า (แต่กล้ามนี่หนาพอกันเลย -0- : Chocobanana) เอ่ยพร้อมกับถอนหายใจออกมา “มึงจะอยากให้พี่จินกลับมาหามึงอีกทำไมวะ”
“...ถามทำไมวะพี่”
“กูก็แค่อยากรู้” เสียงทุ้มถามพร้อมกับยกมือขึ้นทั้งสองข้างเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจของตัวเองเมื่อเห็นสายตาไม่ไว้ใจของน้องชาย “เฮ้ย กูไม่ได้เข้าข้างไอ้แทฮยองจริงๆ ก็บอกไปอยู่เมื่อกี้ว่ากูจะไม่ยุ่งเรื่องของพวกมึง กูก็แค่อยากรู้เท่านั้นแหละว่าทำไมมึงไม่ปล่อยพี่เขาไปสักที”
“...”
“นี่เป็น ‘ของเล่น’ ชิ้นแรกเลยนะ ที่กูเห็นมึงอยากได้คืนขนาดนี้ กับคนอื่นกูไม่เห็นว่ามึงจะมีท่าทีสนใจอะไรเลย”
“ไม่รู้ดิพี่” จองกุกเอ่ยพร้อมกับหันกลับไปมองทางที่ซอกจินเดินไปลับตาแล้ว “ผมก็แค่อยากได้ของเล่นชิ้นโปรดของผมคืน มันไม่มีเหตุผลอย่างอื่นหรอก”
“มึงรักเขาเหรอ”
“พี่ก็พูดไปนะจีมิน” เสียงทุ้มหัวเราะราวกับคนเป็นพี่เพิ่งเล่าเรื่องตลกให้ฟัง “ความรักคืออะไร ผมยังไม่รู้จักเลย”
“...”
“ถ้าความรักเป็นอย่างในหนังสือที่บอกว่า เขาสามารถทำให้เราใจเต้นแรงได้เพียงแค่นึกถึง หรือที่บอกว่าเขาคือคนที่เราอยากจะปกป้องตลอดเวลา มันก็ไม่ใช่หรอก”
“...”
“เพราะผมไม่เคยรู้สึกอะไรพรรค์นั้นกับพี่จินเลยแม้แต่นิดเดียว หนำซ้ำ ผมกลับชอบเสียอีกเวลาที่เห็นพี่เขาเหมือนจะแตกสลายไปตรงหน้า เพราะมันทำให้ผมรู้ว่าเขายังคงรู้สึกอะไรๆ กับผมแค่คนเดียวอยู่”
“...”
“ต่อให้พี่เขาต้องเสียใจไปกี่ร้อยกี่พันครั้ง ผมก็ไม่สนหรอก ถ้ามันทำให้พี่เขาจะยังยึดติดอยู่กับผมได้ ผมก็พร้อมจะทำทุกอย่างนั่นแหละ”
จีมินมองหน้าน้องชายตัวเองอย่างกะประเมิน แต่สายตาเย็นชาและรอยยิ้มแสนร้ายกาจที่ประดับบนใบหน้าหล่อของจองกุกก็ทำเอาพี่ชายถึงกับถอนหายใจออกมาอีกรอบ
เพราะนั่นทำให้เขารู้ว่าสิ่งที่น้องชายของเขาพูดเป็นความจริง
คนเป็นพี่ได้แต่คิด ทั้งที่อยู่บ้านเดียวกันแท้ๆ น้องชายของเขาเย็นชาขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมเขาถึงไม่รับรู้นะ
แต่เขารู้ว่าเรื่องแบบนี้เขาเข้าไปยุ่งไม่ได้ มันไม่ใช่เรื่องของเขา ผู้เป็นพี่จึงทำได้แต่มองดูเหตุการณ์ห่างๆ เท่านั้นแหละ
ก็ได้แต่หวังว่าจองกุกจะไม่ทำร้ายเดือนหน้าหวานให้เขาต้องเจ็บไปมากมายนะ
เพราะเกิดวันใดที่น้องชายเขาเจอคนที่ทำให้รู้จักคำว่ารักจริงๆ ขึ้นมา มันคงจะไม่สนุกแน่
19.14 pm ลานกิจกรรม คณะวิทยาศาสตร์
“สำหรับวันนี้พอแค่นี้ค่ะ พรุ่งนี้ก็ขอให้ตรงเวลาเหมือนเดิมนะคะ” สิ้นเสียงนิ่งๆ ของฮยอนอา ปีหนึ่งในคณะก็ค่อยๆ ทยอยออกจากลานกิจกรรมของคณะ เหลือแต่พี่ปีสองและปีสามที่กำลังเคลียร์พื้นที่และเตรียมประชุมกันหลังกิจกรรม
จองกุกเดินไปที่ลานจอดรถจักรยานยนต์ของคณะ ตาคมสอดส่องหาลูกรักของตนเองก่อนที่มือหนาจะล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงเพื่อหยิบกุญแจรถออกมา เมื่อกี้ตอนเดินออกมาจากลานกิจกรรมเขาเพิ่งโทรบอกพี่ชายตัวเองว่าอาจจะกลับช้ากว่าสี่ทุ่มหน่อย ถ้าจีมินถึงบ้านก่อนให้บอกทุกคนว่านอนได้เลย ไม่ต้องรอ
เพราะดูเหมือนหลังพี่ๆ ทุกคณะประชุมเสร็จ เขาก็มีอะไรที่ต้องไปทำเสียหน่อย J
ร่างสูงยิ้มมุมปากออกมาเมื่อคิดอะไรบางอย่างได้ เขาคิดว่าจะไปอยู่ร้านอะไรสักร้านรอเวลา แล้วจากนั้นก็ค่อยไปหาเดือนหน้าหวานที่เป็นเป้าหมายของตัวเอง
แต่ยังไม่ทันที่จะไปถึงรถ แรงสะกิดจากด้านหลังก็เรียกความสนใจของเด็กหนุ่มให้หันกลับไป เด็กสาวที่เขาจำได้ว่าเป็นเพื่อนร่วมคณะกำลังยืนอยู่ด้านหลังทำให้จองกุกเปลี่ยนจากการขมวดคิ้วสงสัยเป็นส่งยิ้มสดใสไปให้แทน
“มีอะไรเหรอ”
“มีรุ่นพี่อยากคุยกับนายน่ะ”
“หืม? ใครเหรอ”
“พี่เขาบอกว่าเป็นรุ่นพี่จากคณะบริหารน่ะ แต่เราก็ไม่รู้หรอกว่าชื่ออะไร”
บริหารงั้นเหรอ...
ไม่ใช่จีมินแน่ หมอนั่นคงไม่มาตามเขาแบบนี้หรอก เพิ่งโทรคุยกันไปเมื่อกี้เองนี่นา
งั้นก็คงเป็นคนคนนั้นสินะ
“พี่เขาอยู่ทางไหนล่ะ”
“ทางนู้นน่ะ”
“ขอบใจนะ ^^” พูดจบก็ส่งยิ้มให้เพื่อนร่วมคณะอีกครั้ง แล้วเดินไปทางที่เธอชี้ เมื่อเดินไปเรื่อยๆ ก็รู้สึกได้ว่าสถานที่ที่โดนเรียกไปคุยนั้นไม่ค่อยมีคนผ่านไปผ่านมาสักเท่าไหร่
เข้าใจเลือกสถานที่ดีนี่
“นัดผมมา มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ รุ่นพี่แทฮยอง” รอยยิ้มมุมปากประดับใบหน้าหล่อทันทีที่เห็นว่าใครนัดเขามา เดาไว้ไม่ผิดจริงๆ ว่าเป็นคนคนนี้
คิมแทฮยอง เดือนปีสองที่ตามจีบของเล่นของเขาอยู่
“ไม่ต้องพูดสุภาพขนาดนั้นก็ได้ ครั้งแรกที่เจอกันแกพูดจาน่าเกลียดกว่านี้เยอะ” เดือนผิวเข้มแค่นหัวเราะให้กับประโยคของรุ่นน้อง
คิดว่าเขาไม่รู้หรือไงว่าเจ้าเด็กนี่มันเสแสร้งแค่ไหน ดูจากวันที่เขากับยุนกิไปตามหาซอกจินด้วยกันเขาก็รู้แล้ว
“โอเค พูดเองนะ” พูดจบ คนอายุอ่อนกว่าก็เดินเข้ามาใกล้ขึ้น “แล้วคิมแทฮยอง เดือนปีสองแห่งคณะบริหารมีธุระอะไรกับฉันไม่ทราบ”
“มีเยอะเลยแหละ จอนจองกุก เฟรชชี่ของคณะวิทยาศาสตร์ สาขาชีววิทยา”
“โอ๊ะ สืบข้อมูลกันมาใช้ได้เลยนี่”
“ทีแกยังรู้ข้อมูลฉันได้เลย” แทฮยองพยายามมองข้ามความกวนประสาทของรุ่นน้อง “เข้าเรื่องเลยแล้วกันนะ”
“ก็รออยู่ว่าจะเข้าเรื่องเมื่อไหร่”
“ฉันอยากให้แกเลิกยุ่งกับพี่จิน”
หึ ว่าแล้วว่าต้องเรียกมาคุยเรื่องนี้
“แล้วทำไมฉันต้องทำตามที่แกต้องการ”
“เพราะแกกำลังทำร้ายพี่เขาทางอ้อมอยู่” หนุ่มผิวเข้มจ้องหน้ารุ่นน้องที่สูงเท่าๆ กันอย่างจริงจัง “เป็นแค่แฟนเก่าก็จบกันไปสักทีสิวะ จะมาวุ่นวายอะไรกับพี่จินเขานักหนา”
“...”
“ฉันไม่รู้หรอกนะว่าแกกับพี่จินเลิกกันด้วยเรื่องอะไร แต่มันคงไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่ๆ เพราะวันที่ฉันมาเจอแกกับพี่เขาอยู่ด้วยกัน พี่เขาดูเศร้ามากกว่าปกติ”
“...”
“แกน่าจะรู้ตัวได้แล้วนะ ว่าถ้าแกมาเจอกับพี่จินทุกวันแบบนี้ มันจะทำให้พี่เขาเจ็บกับความทรงจำเก่าๆ แค่ไหน”
“พูดเหมือนเป็นตัวพี่จินเองงั้นแหละ” คนเด็กกว่ายิ้มมุมปากอย่างจงใจกวนประสาท “แล้วถามจริงๆ นะ มาบอกให้คนอื่นเลิกยุ่งกับคนที่ตัวเองชอบแบบนี้ แกเป็นอะไรพี่จินวะ”
คำถามของจองกุกทำเอาเดือนผิวเข้มถึงกับชะงัก เด็กปีหนึ่งยิ่งยิ้มออกมาอย่างพอใจเมื่อคำถามของตัวเองนั้นแทงใจดำอีกฝ่ายจนนิ่งไปได้
“...”
“แกมีสิทธิอะไรมาห้ามฉันไม่ให้เข้าใกล้พี่จิน ในเมื่อความสัมพันธ์ระหว่างแกกับพี่เขาก็ไม่ได้มีอะไรเกินกว่าคำว่ารุ่นพี่รุ่นน้อง”
“...”
“หรือว่าแกกลัวว่าพี่จินจะกลับมาหาฉัน?”
“เรื่องนั้นฉันไม่ห่วงหรอก เพราะมันไม่มีทางเกิดขึ้นแน่ๆ ที่ฉันห่วงก็ห่วงแค่ว่าพี่จินจะเจ็บเพราะแกอีกรอบเท่านั้นแหละ”
“แล้วแกไม่คิดบ้างเหรอ ว่าถ้าพี่จินยังเสียใจเพราะฉัน มันก็หมายความว่าพี่จินยังมีความรู้สึกให้ฉันอยู่”
“...แล้วยังไงวะ ก็แค่มีความรู้สึก ไม่ได้หมายความว่าเขายังรักแกสักหน่อย”
“แต่เขาก็ไม่ได้รักแกนี่หว่า”
“...” ได้แต่กำหมัดแน่น เพราะสิ่งที่จองกุกพูดมามันก็คือความจริง
“ถ่านไฟเก่า มันติดง่ายนะรู้มั้ย ยิ่งเป็นถ่านไฟที่ยังไม่มอดแบบฉันกับพี่จินด้วย ยิ่งติดง่ายเข้าไปใหญ่”
“...”
“แต่ไม่ต้องห่วง ฉันเป็นคนขี้เบื่อ เดี๋ยวถ้าเบื่อแล้วก็จะส่งต่อให้ ถึงตอนนั้นก็คงไม่สึกหรอเท่าไหร่หรอก เพราะก่อนหน้านั้นก็...”
แทฮยองที่หมดความอดทนกับคำพูดร้ายกาจแบบนั้นก็กระชากคอเสื้อของคนพูดอย่างแรงทันที ตาคมมองใบหน้าหล่อของรุ่นน้องด้วยความโกรธจัดในขณะที่คนถูกมองก็ส่งยิ้มกวนๆ กลับมาอย่างไม่สะทกสะท้าน
“ไอ้เลวแบบมึงไม่มีสิทธิพูดถึงพี่จินแบบนั้น” เสียงทุ้มเริ่มเปลี่ยนสรรพนามที่เรียกอีกคน “แล้วถ้ามันติดง่ายนัก กูนี่แหละจะเป็นคนขยี้มันให้ดับลงไปเอง คนแบบมึง กูไม่มีทางยอมปล่อยให้พี่จินกลับไปหาหรอก”
“คิดว่าทำได้ก็เอาดิ” จองกุกท้าทาย “มาดูกันว่าระหว่างแฟนเก่าที่พี่จินยังมีความรู้สึกให้กับรุ่นน้องที่พี่จินไม่ได้สนใจเลย ใครจะชนะ”
“อย่างน้อยความรู้สึกที่พี่จินมีให้กูก็เป็นด้านบวกมากกว่ามึงแล้วกัน”
“แล้วไง” รุ่นน้องถามหน้าตาย “หึ คนที่เพิ่งเจอพี่จินอย่างมึง ไม่มีทางรู้จัก ‘ของเล่นเก่า’ ได้ดีที่เท่ากูหรอก”
“กูบอกแล้วใช่มั้ยว่ามึงไม่มีสิทธิพูดถึงพี่จินแบบนั้น!!” มือหนากำคอเสื้อของอีกคนแน่นกว่าเดิม แต่รุ่นน้องก็ไม่ได้สะทกสะท้านขึ้นเลย หนำซ้ำ การกระทำของแทฮยองยังเรียกรอยยิ้มมุมปากของจองกุกได้ดีอีกต่างหาก
“ทำไม ก็เขาเป็นของเล่นของกูจริงๆ นี่นา”
“ไอ้เด็กนี่!!”
“หยุดนะ!!!” เสียงห้าวของบุคคลที่สามดังขึ้น ก่อนที่หมัดของแทฮยองที่กำลังจะพุ่งไปที่ใบหน้าหล่อของรุ่นน้องก็ถูกใครบางคนคว้าไว้ จากนั้นตัวของจองกุกก็ถูกใครอีกคนจับแยกออกไป
“ให้ตายเหอะ นี่ถ้ากูไม่ไปหาน้องที่คณะคงไม่รู้เรื่องเลยใช่มั้ยเนี่ย” ยุนกิบ่นอย่างหงุดหงิดในขณะที่จับข้อมือของแทฮยองไว้แน่น เขาเอะใจตั้งแต่ที่โฮซอกบอกว่าแทฮยองมาที่คณะวิทย์ทั้งๆ ที่น่าจะรู้ว่าซอกจินยังไม่เลิกประชุมแล้ว ด้วยความคาใจ เขาจึงชวนแฟนของตัวเองมาที่นี่ด้วยกัน
ไม่คิดเลยว่าจะแจ๊กพ็อต - -
“ปล่อยผมนะพี่ยุนกิ!!”
“มึงหยุดบ้าสักทีเถอะ!!” คนตัวขาวเสียงดังบ้างอย่างเหลืออด ก่อนจะหันไปหานัมจุน “มึงพาจองกุกออกไปก่อน แล้วก็ไปหาโฮซอกที่คณะบริหารก่อนเลย เดี๋ยวไอ้นี่กูจัดการเอง”
“ฮะ? เดี๋ยวกูรอ...”
“ไม่ต้องๆ กูต้องคุยกับมันก่อน ตอนนี้มึงรีบพาจองกุกออกไปก่อนที่กูจะรั้งมันไม่ไหว เร็วๆ เลย”
“อะ เออๆ” นัมจุนรับคำแล้วพารุ่นน้องที่ยังยิ้มเรียกหมัดออกไปทั้งๆ ที่ยังไม่เข้าใจที่แฟนตัวเองพูด เมื่อทั้งสองคนเดินไปจนลับตา คนตัวขาวก็จับรุ่นน้องที่ตัวใหญ่กว่าให้หันมาหาทันที
“มึงคิดจะทำอะไรฮะไอ้แทฮยอง”
“...”
“กูบอกมึงแล้วใช่มั้ยว่าถ้าไม่อยากให้เรื่องมันวุ่นวายก็ไม่ต้องไปยุ่งเรื่องของจองกุกกับไอ้จิน ทำไมไม่ฟังกู!”
“ก็ผมทนเห็นพี่จินเจ็บไม่ได้นี่” เสียงทุ้มเถียงกลับ “พี่ก็น่าจะรู้ว่าถ้าเด็กนั่นอยู่ใกล้พี่จิน พี่เขาก็จะเจ็บปวด”
“เออ กูรู้ แต่มึงก็น่าจะรู้ตัวด้วยว่ามึงไม่มีสิทธิไปกีดกันสองคนนั้น มึงไม่ใช่แฟนไอ้จินนะเว้ย”
“นี่พี่เข้าข้างจองกุกใช่มั้ย” เสียงทุ้มถามอย่างเคลือบแคลง “ผมสงสัยตั้งแต่ที่เราคุยกันคราวที่แล้วละ ทำไมพี่ถึงไม่ยอมให้ผมไปยุ่งกับไอ้เด็กนั่น”
“กูไม่ได้เข้าข้างมัน แต่สองคนนั้นมีบางอย่างที่มึงไม่ควรเข้าไปยุ่ง” ยุนกิเสยผมอย่างหงุดหงิด “เอาเป็นว่าเชื่อกู ถ้าอยากชนะใจไอ้จินก็ทำตามที่กูเคยบอก ทำส่วนของมึงให้ดีที่สุดก็พอ กูก็บอกไปแล้วว่าถ้าไม่มีอะไร คนอย่างมึงก็ชนะไอ้จองกุกได้สบายๆ”
“พี่รู้ใช่มั้ย ว่าอะไรบางอย่างระหว่างพี่จินกับไอ้เด็กนั่นมันคืออะไร”
“...ไม่รู้หรอก” คนตัวเล็กตอบเสียงเรียบ “กูรู้แค่ว่ามันเป็นความสัมพันธ์ที่ทุกคนไม่ควรไปยุ่ง เพราะมันจะทำให้ทุกอย่างวุ่นวายยิ่งกว่าเดิม”
“...”
“กูถึงไม่อยากให้มึงไปวุ่นวายกับสองคนนั้นไง แต่ถ้าไม่เชื่อที่กูพูด ก็คอยดูเอาแล้วกัน”
10.34 pm ร้านกาแฟหน้ามหาวิทยาลัย
ร่างเพรียวรีบเดินเข้ามาในร้านที่ถูกนัดไว้ เมื่อเห็นสองสาวที่นัดเขามานั่งรอที่โต๊ะด้านในสุดของร้านแล้ว คนหน้าหวานก็รีบเดินเข้าไปหาทันที
“รอนานหรือเปล่ามินฮา โซจิน ขอโทษทีนะ พอดีคณะฉันเพิ่งประชุมเสร็จน่ะ”
“ไม่เป็นไรหรอก นั่งก่อนสิ” เสียงหวานแผ่วตามประสาคนเรียบร้อยอย่างมินฮาเอ่ยชวนให้ร่างเพรียวนั่งลง “จะสั่งอะไรก่อนมั้ย”
“ไม่ล่ะ เอ่อ เข้าเรื่องเลยได้มั้ย ขอโทษที่ต้องเร่งนะ แต่ฉันต้องรีบกลับน่ะ” ซอกจินเอ่ยอย่างเป็นกังวล นี่เขาเป็นห่วงกระต่ายน้อยที่เพิ่งซื้อมาจะแย่แล้ว ก็ปล่อยให้เจอยู่ตัวเดียวตั้งแต่เที่ยงกว่าๆ ไม่รู้ตอนนี้จะเป็นยังไงบ้าง
“ได้” โซจินตอบเสียงเรียบ “เราสองคนได้ข่าวมาว่า เด็กปีหนึ่งที่ชื่อจองกุกตามจีบนายอยู่”
ชื่อที่หญิงสาวเอ่ยออกมาทำให้คนหน้าหวานชะงักได้ทันที ซอกจินมองหน้าทั้งสองคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามพร้อมกับเม้มปากเล็กน้อย ท่าทีของร่างเพรียวทำเอามินฮาที่สังเกตเห็นถึงกับต้องรีบออกตัวขึ้นมาทันที
“เฮ้ย อย่าทำหน้าแบบนั้นสิจิน เราไม่ได้จะมาทำอะไรนายนะ” หญิงสาวถอนหายใจ “เราแค่อยากจะมาเตือนนายเรื่องเด็กคนนั้น”
“เตือนฉัน?”
“ใช่” โซจินเอ่ย “จองกุกไม่ได้ใสซื่อเหมือนที่เราได้เห็นกันหรอกนะ ฉันรู้นายรีบแต่ช่วยฟังพวกเราหน่อย”
“เราสองคน” มินฮาเม้มปากอย่างคิดหนัก “ฉันกับโซจินเป็นแฟนเก่าของจองกุก”
ประโยคนั้นทำเอาซอกจินถึงกับมองทั้งสองคนด้วยความตกใจ เขาไม่เคยคิดเลยว่าจะได้เจอคนที่เคยอยู่ในสถานะเดียวกันแบบนี้
แต่เหมือนหญิงสาวทั้งสองคนจะไม่รู้ว่าเขาก็เคยเป็นแฟนของเด็กนั่นนะ
“ตอนนั้นเราสองคนกำลังขึ้นปีหนึ่งใหม่ๆ และยังไม่รู้จักกัน ฉันเจอจองกุกครั้งแรกที่สวนสาธารณะแถวๆ มอนี่แหละ พอคุยกันถูกคอก็คุยมาเรื่อยๆ จนฉันยอมตกลงคบกับเขา แต่หลังจากคบกันได้แค่สองเดือนเขาก็ทิ้งฉันด้วยเหตุผลที่ว่าฉันมันน่าเบื่อ เป็นได้แค่ของเล่นเท่านั้น จากนั้นเขาก็ไปคบกับมินฮาต่อ”
“ช่วงเวลาที่จองกุกรู้จักกับโซจินและรู้จักกับฉันมันเป็นช่วงเวลาเดียวกันน่ะ ในตอนนั้นฉันก็ไม่รู้หรอกว่าเขาเพิ่งเลิกกับโซจินมา ก็เลยตัดสินใจคบกับเขา แต่อีกสี่เดือนต่อมาฉันก็โดนเขาทิ้งด้วยเหตุผลเดียวกัน”
“ฉันบังเอิญไปเห็นเหตุการณ์ที่มินฮาถูกจองกุกบอกเลิกพอดี ฉันเลยเข้าไปปลอบเธอพร้อมกับเล่าเหตุการณ์ที่ตัวเองก็เคยเจอเหมือนกันให้ฟัง จากนั้นเราสองคนก็กลายมาเป็นเพื่อนสนิทกันก่อนจะถูกอีรินดึงเข้ากลุ่ม”
“เราสองคนคุยกันไว้ว่าถ้าเจอคนที่กำลังจะกลายเป็นเหยื่อของเด็กนั่นจะเข้าไปเตือนทันที และในตอนนี้ เหยื่อของจองกุกก็คือนาย”
ร่างเพรียวที่เงียบฟังเรื่องอยู่นานมองสายตาจริงจังจากหญิงสาวทั้งสอง ก่อนจะถอนหายใจออกมา “จริงๆ พวกเธอไม่ต้องมาเตือนฉันก็ได้นะ เรื่องของเด็กนั่นฉันก็พอจะรู้”
“หมายความว่ายังไง” ทั้งสองสาวขมวดคิ้ว จะบอกว่าตัวเองดูความร้ายกาจของจองกุกออกงั้นเหรอ
เป็นไปไม่ได้หรอก คนนอกดูออกยากจะตาย ขนาดพวกเธอในตอนแรกยังดูไม่ออกเลย
“ก็ฉันเป็น...”
“เป็นของเล่นเก่าที่ผมอยากได้คืนไงครับ” เสียงทุ้มที่แสนจะร่าเริงทำเอาทั้งสามคนถึงกับสะดุ้งแล้วเงยหน้ามองตามต้นเสียง จองกุกที่เดินเข้ามาตอนไหนไม่รู้ส่งยิ้มให้กับรุ่นพี่พร้อมกับเอ่ยทักทาย “สวัสดีครับรุ่นพี่โซจิน รุ่นพี่มินฮา ^^”
“จองกุก...”
“รุ่นพี่ทั้งสองคนไม่ต้องมาเตือนพี่จินให้เสียเวลาหรอกนะครับ” รุ่นน้องยังคงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม ที่กล้าพูดขนาดนี้ก็เพราะว่าที่นั่งที่รุ่นพี่ทั้งสามคนเลือกไว้มันอยู่ในจุดที่ไม่มีใครสนใจ “เพราะพี่จินน่ะ ‘รู้จัก’ ผมดีกว่าพวกพี่อีก ^^”
“หยุดพูดอะไรบ้าๆ เถอะจองกุก” ซอกจินหันไปพูดกับรุ่นน้องแทนหญิงสาวทั้งสองคนที่เริ่มหน้าเสีย
“บ้าเหรอครับ ก็พี่มาก่อนนี่นา จะรู้จักผมน้อยกว่าสองคนนี้ได้ยังไง” ใบหน้าหล่อยังคงเปื้อนยิ้ม ก่อนที่มือใหญ่จะคว้าข้อมือเรียวของคนพี่ไว้ “ขอโทษที่ต้องขัดจังหวะนะครับ แต่ตอนนี้ผมคงต้องพาพี่กลับแล้ว”
“กลับไปไหน ปล่อยพี่เดี๋ยวนี้เลยนะ!” คนตัวเล็กกว่าเอ่ยเสียงแข็งแต่จองกุกก็ไม่สนใจ เขากระชากเดือนหน้าหวานให้ลุกตามมา ทิ้งหญิงสาวทั้งสองที่ยังคงอึ้งกับเรื่องที่เพิ่งรู้ไว้เบื้องหลัง
“ปล่อยพี่สักทีสิจองกุก นายจะพาพี่ไปไหนเนี่ย” ซอกจินยังคงโวยวายมาตลอดทางพร้อมกับพยายามแกะมือที่จับข้อมือของตัวเองแน่นแต่ก็ไม่สำเร็จ ร่างสูงจัดการผลักร่างเพรียวเข้าไปในตรอกข้างทางแล้วตามเข้าไป ก่อนจะกดข้อมือบางทั้งสองข้างไว้กับผนังตึกจนคนหน้าหวานต้องนิ่วหน้า “พี่เจ็บนะ! เป็นบ้าอะไรของนายเนี่ย!”
“คนอย่างพี่มันมีอะไรดีนะ คนถึงคอยปกป้องกันนัก” จองกุกพูดพลางก้มลงมาจนหน้าผากชินกับคนเป็นพี่ “ผมมองยังไง พี่ก็คือของเล่นเก่าก็เท่านั้น”
“พูดเรื่องอะไร พี่ไม่เห็นจะเข้าใจ”
“ไม่ต้องเข้าใจน่ะดีแล้วครับ แล้วก็รู้ไว้เลยนะ ต่อให้จะมีใครปกป้องพี่มากแค่ไหน ผมก็บอกไว้ตรงนี้เลยว่าผมไม่มีทางหยุดจนกว่าพี่จะกลับมาเป็นของเล่นของผมเหมือนเดิม”
“งั้นนายก็รู้ไว้เลยเหมือนกันว่าไม่ต้องพยายาม พี่ไม่กลับไปหานายแน่ๆ” ร่างเพรียวผลักคนเด็กกว่าออกอย่างหงุดหงิด ก่อนจะผละเดินออกมาแต่ก็โดนคนที่แข็งแรงกว่าดึงกลับไปพร้อมกับกดไหล่ทั้งสองข้างกับผนัง ซอกจินกำลังจะโวยวายแต่พอเห็นสายตาคมกริบที่มองมาเขาก็ต้องเงียบทันที
วันนี้จองกุกน่ากลัวกว่าทุกครั้งที่เคยรับมือมา
“ผมไม่ทำแค่ขู่แล้วนะ คิมซอกจิน”
“...”
“เตรียมตัวเตรียมใจไว้เลย เพราะพี่เป็นของของผมคนเดียวเท่านั้น ไม่มีทางที่ผมจะยอมให้คนอื่นเอาไป”
--------------------------------------------------------------------
จองกุกกลับมาทวงบัลลังก์ของเขาคืนแล้วค่ะ 55555 ที่ช้าขนาดนี้เพราะตอนแต่งดูปาร์ตี้วันเกิดบังทันไปด้วย (เราซื้อไว้แต่ไม่ได้ดูเพราะวันออนแอร์เป็นวันที่เราสอบสัมภาษณ์) ความดาร์คในหัวนี่หายหมดเลยค่ะ 555555 เข้าเรื่องดีกว่า เอาจริงๆ เราก็เขียนไปโดยไม่ได้รู้ตัวหรอก รู้แค่ว่าตากระต่ายร้ายจริงๆ 5555 ในส่วนของยุนกิ บอกแล้วว่านางเป็นผู้รู้ รู้ทุกเรื่องแหละค่ะ และในส่วนของจีมิน เราเพิ่มบทให้นางแล้วนะ แต่สาวๆ จาก Nine Muses ก็เด่นกว่าอยู่ดี (ไม่ร้องนะจีมินนี่ 55555) ช่วงนี้เราจะพยายามมาอัพถี่ๆ เพราะว่ามอเราจะเปิดแล้ว -0- สงสัยพอมอเปิดเราต้องหายไปเป็นเดือนๆ อีกแน่เลย ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงจะมีคนตามอ่านอยู่มั้ยอ่ะ T^T เอาเป็นว่าเรื่องราวจะเป็นยังไงต่อ ต้องติดตามนะคะ ^o^ (มีความเปลี่ยนอารมณ์ไว 55555)
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

พี่จินอย่าใจอ่อนง่ายๆน้า... เสพสุขกับแทแทไปก่อน ฮือออ !! รักแทมากก (แต่ก็รักจองกุกมากกว่าอยู่ดี--)
ทวงบัลลังก์เร็วมากจ้ะ รอตอนหน้านะคะ เลิฟๆ
พี่จินไม่ใจอ่อนง่ายหรอกค่ะ แต่ตากุกก็ไม่ได้รอให้พี่จินใจอ่อนอยู่แล้วนะ 0.0
จะรีบมาต่อให้นะคะ ><
อ้างอย่างอื่นไม่เป็นแล้วเรอะคุ๊ณณณ อยากได้เข้ากลับมาช่วยหามุกใหม่ด้วยค่ะ!
ยังไงก็ยังทีมแทฮยองค่ะ แทแทน่ารักมาก
แทแทมาคุยกับจองกุกเพราะเป็นห่วงและรักพี่จินล้วนๆ แบบนี้จะไม่ให้แม่เชียร์ได้ไงคะ
#อีนี่เป็นแม่แทฮยองค่ะ
นี่จองกุกลากพี่จินมางี้ลุ้นนะ ฮือ อย่าเพิ่งรุนแรงมากไปนะจองกุกกกก
เราจะยังใช้กุกจินในจิตใต้สำนึก เชียร์จองกุก(ในเรื่องนี้)อยู่สัก 10% แล้วกันนน55555555555555
รอติดตามต่อค่ะ รีบมาอัพนะคะ กุกจินชิปเปอร์เหงาค่ะ ฮือ
น้องไม่ได้ลากพี่มาทำอะไรค่ะ ไม่ต้องห่วง
ยังไงก็ยืนยันคำเดิมค่าา กุกจินก็ยังเป็นกุกจินนาจาาาาา จะรีบมาต่อให้นะคะ ^^
มาต่อไวๆเน้อสู้ๆค่ะ
จะรีบมาต่อให้นะ ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะคะ ^^
จกุก ทำไมจกุกถึงเป็นพระเอกที่เลวขนาดนี้ หนูต้องดึงสตินะคะ หนูต้องหาคำตอบว่าทำไมหนูถึงต้องไปตามรังควาน พยายามดึงพี่จินกลับมาเป็นของตัวเอง ไม่งั้นอาจจะต้องเจ็บกันทั้งสองคนน้า งืออออ
แล้วดูสิ ความสัมพันธ์ม่อนกิต้องสั่นคลอน
ตอนแทฮยองงี่เรียกจกุกไปคุย แอบลุ้นให้ปล่อยไปสักหมัดสองหมัดเลยค่ะ หมั่นไส้จกุกมากกกก แอซๆ 55555
สู้ๆค่ะไรท์
จองกุก : ก็ผมบอกแล้วว่าอยากได้ของเล่นคืน มันไม่มีเหตุผลอื่นหรอก :)
ม่อนกิสตรองค่ะ แม้พี่นัมจุนจะไม่เข้าใจแต่เขาก็ไม่งี่เง่านะ ตอนฉากแทกุกนี่เราก็แอบเชียร์เหมือนกัน พี่กิไม่น่ามาขวางเลย 55555
ขอบคุณสำหรับกำลังใจค่ะ ^^
หมั่นไส้จองกุก