ตอนที่ 40 : Chapter 37
บทที่ 37
“แล้วเจอกันนะโฮซอก”
“อื้อ เจอกัน ^^” ร่างบางส่งยิ้มให้เพื่อนก่อนจะก้มทำงานบนโต๊ะต่อ ในช่วงใกล้จะปิดเทอมแบบนี้ นอกจากจะทำหน้าที่นักศึกษาด้วยการอ่านหนังสือเตรียมสอบปลายภาคแล้ว พวกสโมสรนักศึกษาของคณะอย่างเขายังต้องมาเตรียมงานเตรียมกิจกรรมในเทอมหน้าด้วย
ฝ่ายอื่นยังไม่เท่าไหร่ ฝ่ายกิจกรรมอย่างเขานี่แหละ กำลังเหนื่อยเลยช่วงนี้ -0-
ทำให้ช่วงนี้ โฮซอกนั้นต้องมาใช้ชีวิตอยู่ในห้องสโมสรนักศึกษาของคณะบริหารแทบจะเกือบ 24 ชั่วโมงเลยทีเดียว
จริงๆ ก็แค่ข้ออ้างแหละ เขากำลังหนีต่างหาก
ถ้าสถานที่ที่นัมจุนจะไปหาเขาได้คือที่บ้านของเขา เขาก็ต้องหลบหลีกที่นั่นให้มากที่สุดถูกไหม
และที่นี่ก็เป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับเขา เพราะต่อให้แฟนหนุ่มของพี่ชายเขานั้นจะขี้ตื๊อก็จริงแต่คงไม่ใจกล้าบ้าบิ่นขนาดบุกมาที่คณะของเขาหรอก
เพราะตัวเองก็ยังได้ชื่อว่าเป็นคนรักของเดือนปีสามแห่งวิศวกรรมศาสตร์อยู่
และมันไม่ดีแน่ ถ้าร่างสูงจะบุกมาหาเขาที่นี่
ดังนั้น การหลบหน้าจากพี่นัมจุน มาทำงานอยู่ที่คณะจะเป็นการหนีจากร่างสูงได้ดีที่สุด
และมันก็ได้ผลจริง เพราะหลังจากที่เริ่มมีงาน เขาก็ไม่ได้เจอรุ่นพี่หนุ่มอีกเลย ถึงจะมีโทรมาบ้าง แต่พอโดนเขาตัดสายบ่อยๆ เข้า พี่เขาก็ไม่ได้โทรตามมาอีก
เป็นแบบนี้แหละ ถูกต้องแล้ว
ร่างสูงควรจะตระหนักได้แล้วว่าเรื่องของพวกเรามันไม่ถูกต้อง
“พอก่อนก็ได้โฮซอก นายทำงานมาทั้งวันแล้วนะ คนอื่นๆ ก็กลับหมดแล้วด้วย” เสียงของเพื่อนในห้องเรียกให้ร่างบางตื่นจากความคิดทันที โฮซอกกระพริบตาปริบๆ ก่อนจะส่งยิ้มกลับไป
“ไม่เป็นไรหรอกซึลกิ มันยังไม่เย็นเลย ทำงานต่ออีกสักหน่อยจะเป็นอะไรไป”
“ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมนายจะต้องรอเวลากลับบ้าน อย่างกับหนีใครอยู่เลย” สาวผมส้มหัวเราะอย่างไม่คิดอะไร แต่หนุ่มหน้าหวานก็ชะงักไปเล็กน้อยเพราะสิ่งที่ซึลกิพูดมันคือความจริง “งั้นฉันไปก่อนนะ จีมินรออยู่ข้างล่างน่ะ”
“เคๆ ฝากบอกมันด้วยนะว่าถ้าจะให้ติวหนังสือให้ก็ทักมาอีกรอบนะ จะได้เคลียร์บ้านให้”
“โอเคๆ เจอกันโฮซอก ^^”
“อื้อ เจอกันซึลกิ เที่ยวให้สนุกนะ” ร่างบางโบกมือให้เพื่อนสาว ก่อนจะหันไปมองนาฬิกาที่เห็นอยู่ในห้อง ตอนนี้ก็สี่โมงกว่าแล้ว ถ้าจะเอาเวลาให้ชัวร์ก็คงต้องดึกกว่านี้
แต่ถ้ากลับดึกกว่านี้ เขาจะได้อ่านหนังสือมั้ยนะ เพราะเขาก็กลับดึกทุกวันอย่างที่บอกไป
เอาวะ วันนี้กลับไวหน่อยก็ได้มั้ง ไม่งั้นชีวิตนักศึกษาของเขาหายนะแน่ๆ
เมื่อคิดอย่างนั้น ร่างบางก็ลุกขึ้นจัดการปิดทุกอย่างในห้องสโมฯ เพราะตอนนี้ก็เหลือเขาคนเดียวในห้อง พอเห็นว่าจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว โฮซอกก็จัดการปิดห้องทำงานให้เรียบร้อยแล้วลงมาจากตึกส่วนกลางของคณะอย่างรวดเร็ว
เอ เขาจอดรถไว้ไหนนะ
นี่อุตส่าห์ลงทุนให้ที่บ้านต่างจังหวัดส่งรถจักรยานยนต์มาให้เลยนะ เพื่อหนีจากแฟนของลูกพี่ลูกน้องเนี่ย = =
ฟุ่บ!!
“อื้อ!!!” แต่ในจังหวะที่ร่างโปร่งบางกำลังจะถึงรถของตัวเอง จู่ๆ ใครไม่รู้ก็เข้ามาปิดปากของโฮซอกจากด้านหลังอย่างรวดเร็ว คนหน้าหวานพยายามดิ้นสุดแรงเพื่อให้พ้นจากพันธนาการแข็งแรงแต่แรงอันน้อยนิดก็ไม่สามารถสู้ร่างหนาข้างหลังได้เลย
“อื้อ!! อ่อย!!! อื้อ!!!!!” พยายามโวยวายเสียงอู้อี้ แต่ก็ทำได้แต่โดนลากไปตามแรงของอีกฝ่ายเท่านั้น ก่อนที่ร่างบอบบางจะถูกดันเข้าไปในซอกตึกเปลี่ยวๆ ของคณะพร้อมกับใครคนนั้นที่เข้ามาล็อกแขนเรียวทั้งสองข้างไว้กับผนังด้านหลังอย่างแรงจนโฮซอกได้แต่นิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวด
“โอ๊ย!! นี่คุณ...” กำลังจะโวยวาย แต่พอเห็นใบหน้าหล่อคมที่คุ้นเคย เสียงหวานก็หายไปในทันที “พะ พี่นัมจุน...”
ใช่แล้ว คนที่ฉุดกระชากเขามาแบบนี้ก็คือคนที่เขาหลบหน้ามาตลอดหลายวันที่ผ่านมานั่นเอง
“นายหลบหน้าพี่” ร่างสูงกัดฟันพูดพร้อมกับสายตาคมกริบที่จ้องสบกับตาหวานด้วยความเกรี้ยวกราด “นายตัดสายพี่ พี่ไปหานายที่บ้านก็ไม่เจอ นายหลบหน้าพี่ทำไม”
“เอ่อ คือ...”
“นายคงคิดสินะว่าพี่จะไม่กล้าบุกเข้ามาหานายที่คณะ แต่นายคิดผิดแล้ว พี่น่ะทำได้ทุกอย่างแหละ และนายก็กล้ามากด้วยที่กล้าหนีจากพี่...”
“แล้วพี่เป็นใครเหรอครับ ทำไมผมจะหลบหน้าพี่ไม่ได้” และคนที่ดูขี้กลัวมาตลอดนั้น พอโทสะเข้าครอบงำ ก็กลายเป็นใครอีกคนที่กล้าเชิดหน้าเถียงกับรุ่นพี่แบบนี้
เขาชักจะทนไม่ไหวแล้วนะ ทำไมอีกคนมันดื้อด้านแบบนี้วะ!
“ทำไมครับ ทั้งๆ ที่ผมพยายามทำทุกอย่างให้มันถูกต้องแล้วแท้ๆ แต่ทำไมพี่ต้องทำอะไรให้ยุ่งยากด้วยวะ!”
“โฮซอก...” นัมจุนเอ่ยชื่ออีกคนเสียงแผ่วอย่างคาดไม่ถึง เขาไม่เคยเห็นรุ่นน้องที่อ่อนโยนนั้นเกรี้ยวกราดและมองเขาด้วยสายตาแข็งกร้าวแบบนี้เลย
“พี่แม่งจะเห็นแก่ตัวไปไหนวะ! ทั้งที่พี่ก็รู้อยู่แล้วว่าเรื่องของเราไม่มีทางเป็นไปได้ พี่เป็นแฟนของพี่ชายผมนะ! ต้องให้ผมย้ำอีกกี่รอบวะพี่ถึงจะรู้ตัวสักทีว่ามีคนรักที่น่ารักอยู่แล้วน่ะ!”
“...”
“เราเคยชอบกันแล้วยังไง อดีตก็คืออดีตมั้ย รื้อฟื้นไปมันมีประโยชน์เหรอครับพี่นัมจุน แค่เรานอนด้วยกันเพียงครั้งเดียว มันทำให้พี่ต้องการผมขนาดนั้นเลยเหรอลองคิดดูดีๆ สิครับ!” พูดเองก็เจ็บเอง ทั้งๆ ที่ยังรักแค่ไหน แต่สำหรับร่างบางแล้ว ความถูกต้องมันก็ต้องมาก่อนอยู่แล้ว
เขาให้อีกฝ่ายทำร้ายพี่ชายเขามากกว่านี้ไม่ได้แล้ว
“...”
“แค่นี้พี่ยังคิดไม่ออกเหรอครับว่าควรทำสิ่งไหน ระหว่างคนรักกับคนที่เคยนอนด้วย ผมว่ามันเลือกไม่ยากนะครับ”
“...”
“ผมมันก็แค่อดีต พี่รักษาปัจจุบัน รักษาคนที่พี่รักไม่ดีกว่าเหรอครับ”
“...พี่รู้ แต่พี่ก็ขาดนายไม่ได้” ร่างสูงเอ่ยเสียงแผ่วหลังจากที่เงียบฟังอีกฝ่ายอยู่นาน ก่อนที่จะมองหน้าร่างบางด้วยสายตาคมกริบอีกครั้ง “หรือต้องให้พี่เลิกกับยุนกิก่อน นายถึงจะพอใจ!”
ฮะ...
เมื่อกี้เขาพูดอะไรนะ...
โฮซอกมองหน้าอีกคนอย่างไม่เชื่อหู ท่าทางของอีกคนที่ไม่ได้ดูรู้สึกผิดเลยทำเอาอารมณ์ของร่างบางถึงขีดสุด
“พี่พูดแบบนี้ได้ยังไง...” เสียงหวานครวญแผ่วเบา ก่อนจะเงยหน้าสบตาร่างสูงด้วยสายตาแห่งโทสะ “พี่พูดแบบนี้ได้ยังไงวะ! ไอ้เลวเอ๊ย!!!”
พลั่ก!!
หมัดเล็กแต่หนักฟาดเข้าที่ใบหน้าหล่ออย่างแรงจนนัมจุนเซออกจากร่างบางทันที แต่ไม่ทันที่จะตั้งหลัก คนน้องก็ผลักคนตัวสูงกว่าไปกระแทกผนังอีกข้างอย่างแรงพร้อมกับกระชากคอเสื้อพี่ไว้
“พี่แม่งคิดอะไรเชี่ยๆ แบบนี้ออกได้ยังไงวะ!! ผมไม่คิดเลยนะว่าพี่จะเลวได้ขนาดนี้อ่ะ แม่งเอ๊ย!!!”
“...”
“นั่นพี่ชายผมนะ พี่ยุนกิเป็นพี่ชายของผม พี่คิดอย่างนี้ได้ยังไงฮะ!!”
“...”
“นี่พี่ไม่ได้รักพี่ชายผมเลยใช่มั้ย พี่ถึงพูดอะไรเลวๆ แบบนั้นออกมาได้อ่ะ พี่แม่ง...” หลังจากที่เกรี้ยวกราดอยู่นาน ร่างบางก็หมดแรงทุกอย่าง ทำได้แต่กำเสื้อของร่างสูงแน่นไว้อย่างนั้น “พี่แม่ง... ฮึก พี่แม่ง...”
และเหนืออารมณ์ทั้งหมด มันก็คือความรู้สึกผิดที่ฝังอยู่ภายในใจดวงน้อย
ถ้าวันนั้นเขาแข็งใจอีกนิด ถ้าวันนั้นเขาไม่ยอมให้อีกฝ่ายแตะต้องร่างกายของตัวเอง เหตุการณ์แบบนี้คงไม่เกิดขึ้นใช่มั้ย
เพราะฉะนั้น พี่นัมจุนไม่ได้ผิดทั้งหมดหรอก
แต่เป็นเขานี่แหละ ที่เริ่มต้นความผิดบาปนี้...
พี่ยุนกิ ผมขอโทษ...
เขาจะชดใช้ความผิดนี้อย่างไรดี
แม่น้ำฮัน เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ผู้คนชอบมาเที่ยวผ่อนคลายอารมณ์ และไม่ว่าจะเวลาไหนก็ตาม ก็ยังมีคนมาที่นี่ตลอด
รวมถึงเดือนปีสามแห่งวิศวกรรมศาสตร์ด้วย
แต่เขาไม่ได้มาเพื่อผ่อนคลายเหมือนคนอื่นๆ เขาหรอก
สังเกตจากกระป๋องเบียร์ที่วางอยู่ข้างร่างเล็กน่ะนะ
ยังไม่รวมอีกสามกระป๋องที่กลายเป็นกระป๋องไปแล้วนะ
มือบางยกขึ้นเสยผมสีน้ำเงินของตัวเองเพื่อระบายอารมณ์ ก่อนจะเงยหน้าเพื่อไม่ให้น้ำใสๆ ที่คลอหน่วยขึ้นไหลออกมา
เขา...ไม่น่าเลย
ไม่น่าไปรู้อะไรแบบนี้เลย
ไม่รู้ว่านัมจุนกับโฮซอกจะรู้ตัวมั้ย แต่เขาน่ะ ได้ยินทุกอย่างที่สองคนนั้นพูดทุกอย่าง...
ในตอนนั้น เขากำลังตามหาคนรักของเขาอยู่
ถามจากคนอื่น ก็บอกว่านัมจุนมาที่คณะบริหาร ถึงจะสงสัยเล็กน้อย แต่ก็ตามมาดูอย่างไม่คิดอะไร
จนกระทั่งเสียงที่คุ้นเคยของคนสองคนกำลังทะเลาะกันก็เรียกความสนใจของยุนกิทันที
และประโยคหนึ่ง ก็ทำให้ร่างของเขาชาไปทั้งร่าง
‘หรือต้องให้พี่เลิกกับยุนกิก่อน นายถึงจะพอใจ!’
ราวกับเรี่ยวแรงทั้งหมดเหือดหายไปหมด เสียงของทั้งคู่ที่ทะเลาะกันรุนแรงทำให้ร่างขาวรู้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่
นัมจุนกับโฮซอกเคยนอนด้วยกัน...
ทั้งคู่เคยมีความสัมพันธ์กันมาก่อน...
ถึงแม้น้องชายเขาดูจะโกรธอีกฝ่ายมากที่ร่างสูงพูดออกมาแบบนั้น แต่มันก็ไม่ได้ปฏิเสธความจริงว่าทั้งสองคนเคยเป็นอะไรกัน
เขาควรจะรู้สึกยังไง...
คนนึงก็คนรัก อีกคนก็น้องชาย
เพียงคิดแค่นั้น น้ำตาก็ไหลออกมาอีกแล้ว
ทำไม ทำไมถึงเป็นแบบนี้
ทั้งคู่คือคนที่เขารัก ส่วนของโฮซอกไม่ได้ต้องการให้เรื่องมันเกิดขึ้น แต่นัมจุนนี่สิ...
ทั้งที่เขารักและไว้ใจขนาดนี้ ทำไมนัมจุนถึงทำแบบนี้
“มานั่งร้องไห้แบบนี้ ไม่สมกับเป็นคนห้าวอย่างพี่เลยนะครับ” เสียงทุ้มที่ดังขึ้นมาจากด้านหลังทำเอาร่างเล็กเงยหน้าขึ้นไปมอง แล้วค่อยๆ ขยับสายตาตามคนผิวเข้มที่นั่งลงข้างๆ
“มึงมาทำอะไรที่นี่ แทฮยอง”
ใช่แล้ว คนคนนี้ก็คือแทฮยอง รุ่นน้องไม้เบื่อไม้เมาของเขานั่นเอง
“ผมก็มาเดินเล่น แต่ไม่คิดว่าจะมาเจอคนมานั่งร้องไห้ริมแม่น้ำฮันแบบนี้” เสียงทุ้มว่าแบบนั้นทั้งยังไม่มองหน้าร่างเล็ก “ทะเลาะกับพี่นัมจุนมาหรือไงครับ ถึงมานั่งเศร้าแบบนี้”
“ถ้าจะมากวนตีนก็กลับไป กูไม่มีอารมณ์มาเล่นด้วย” ยุนกิยกกระป๋องแอลกอฮอล์ข้างตัวขึ้นดื่มอีกครั้ง
“ก็บอกแล้วไงว่าเห็นคนร้องไห้ ก็เลยมานั่งด้วย ไม่ได้จะมากวนตีน”
“งั้นก็เงียบไป” ร่างเล็กถอนหายใจ ก่อนจะวางกระป๋องเบียร์ในมือที่หมดไปแล้วไปรวมกับกระป๋องที่หมดไปแล้ว “นี่ ไอ้แทฮยอง”
“บอกให้ผมเงียบแล้วจะเรียกผมทำไม”
“มึงรู้เรื่องของนัมจุนกับโฮซอกใช่มั้ย” และเสียงห้าวประกอบกับใบหน้าที่เหม่อลอยอย่างเจ็บปวดทำเอารุ่นน้องเงียบทันที
“...”
“มึงเงียบแบบนี้ แปลว่ามึงรู้ใช่มั้ย” และเพราะแอลกอฮอล์ในกระแสเลือดที่มีมากเกินไปแล้ว ยุนกิถึงกล้าร้องไห้ฟูมฟายต่อหน้ารุ่นน้องที่เกลียดขี้หน้าแบบนี้ “มึงรู้ใช่มั้ยว่าสองคนนั้นเคยเป็นอะไรกัน”
“...”
“ฮึก ทำไมไม่มีใครบอกกู ทำไมกูต้องมารู้ทีหลังแบบนี้”
“...ผมไม่ได้รู้ขนาดนั้นหรอกครับ” ร่างสูงถอนหายใจ “ผมรู้แค่ว่าสองคนนั้นเคยเป็นรักแรกของกันและกัน และช่วงนี้ พี่นัมจุนก็ชอบมาตามหาไอ้โฮซอกที่คณะ ซึ่งไอ้โฮซอกก็บอกผมกับไอ้จีมินไว้ตลอดว่าห้ามบอกพิกัดของมันกับพี่นัมจุน”
“...”
“ไอ้โฮซอกมันไม่ได้อยากให้ความสัมพันธ์ของมันกับพี่เขาเกิดขึ้นหรอกนะครับ”
“...กูรู้” เสียงห้าวยังคงแผ่วเบาเหมือนเดิม “แต่นัมจุนน่ะสิ...”
“...”
“กูว่ากูเข้าใจมึงแล้วล่ะ การไม่รู้อะไรเกี่ยวกับคนรักเลย มันเจ็บปวดแบบนี้นี่เอง”
“...”
“มึงอยากรู้มั้ยว่าทำไมกูถึงกีดกันมึงไม่ให้ไปยุ่งกับเรื่องระหว่างไอ้จองกุกและไอ้จินแบบนั้น”
“...”
“จริงๆ แล้วกูทำแบบนั้น เพราะว่ากูอยากให้จินได้รักกับมึงไง”
คนผิวเข้มหันไปมองคนพี่ทันทีที่ร่างเล็กเอ่ยออกมาแบบนั้น คิ้วหนาขมวดเข้าหากันอย่างไม่เข้าใจที่อีกฝ่ายพูดนัก
เริ่มเมาหนักแล้วสินะ ถึงได้พูดจาไม่รู้เรื่องแบบนี้
“...”
“มึงรู้ใช่มั้ย ไอ้จองกุกมันเด็กโรคจิต ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ กูถึงบอกไงว่าอย่าไปยุ่งกับสองคนนั้น เพราะจองกุกมันก็ยิ่งทำร้ายไอ้จินมากขึ้นถ้าโดนขัดขวางมากๆ”
“...”
“และอีกอย่าง มันทั้งคู่ก็ยังรักกันอยู่ ถึงไอ้จินมันจะโดนทำร้ายแค่ไหนหรือเมื่อก่อนไอ้จองกุกจะร้ายแค่ไหน มันทั้งคู่ก็รักกันจริงๆ”
“...ทำไมพี่ถึงมั่นใจนักว่าไอ้จองกุกมันรักพี่จินจริงๆ”
“กูเคยบังเอิญไปเห็นไอ้จองกุกแอบร้องไห้หลังจากตอนที่บอกเลิกไอ้จิน ถ้าเพื่อนกูเสียใจมากจนแทบจะขาดใจ ไอ้จองกุกก็เสียน้ำตาไม่ต่างกัน”
“...”
“จองกุกมันเป็นเด็กคนหนึ่งที่ไม่รู้จักความรักมาก่อน เมื่อก่อนมันก็เล่นสนุกของมันแบบนี้ตลอด แต่พอมาเจอไอ้จิน มันที่ไม่รู้จักคำว่ารักเลยคงจะไม่พอใจกับความรู้สึกแปลกประหลาดที่เพื่อนกูมอบให้แน่ๆ”
“...”
“แต่ถึงอย่างนั้น ถึงจะรู้ว่ามันรักกันแค่ไหน แต่ไอ้เด็กนั่นก็เคยทำร้ายเพื่อนกู ทำให้เพื่อนกูเจ็บจนเกือบจะฆ่าตัวตายแล้ว”
“...”
“พอมึงเข้ามาและบอกว่าชอบไอ้จินมาก มึงรู้มั้ยว่ากูกับยัยอีรินดีใจแค่ไหน เพื่อนกูจะได้เลิกฝังใจกับอะไรแย่ๆ สักที”
“...”
“อีกนิดเดียวนะแทฮยอง อีกนิดเดียวจริงๆ ที่มึงจะได้ใจของไอ้จินไปแล้ว ถ้ามึงไม่ไปยุ่งกับสองคนนั้น มึงชนะใจไอ้จินได้แล้วจริงๆ”
“...”
“เพราะอย่างที่บอก จองกุกมันคนโรคจิต ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ และยิ่งผลักให้พวกมันใกล้กัน ในใจที่มีความรักต่อกันอยู่แล้ว มันก็ยิ่งทำให้ไอ้สองคนนั้นผูกพันกันแน่นขึ้นจนกลายเป็นแบบนี้ไง”
“...”
“กูบอกมึงหมดแล้วนะแทฮยอง มึงจะทำร้ายกูเหมือนเดิมก็ได้ แต่วันนี้กูไม่ไหวแล้ว กูรับอะไรไม่ไหวอีกแล้ว” ร่างเล็กชันเข่าขึ้นมาก่อนจะฟุบหน้าลงไป ถึงจะเมาแค่ไหนก็ไม่อยากจะให้รุ่นน้องเห็นความอ่อนแอของตัวเองมากมายนัก
วันนี้เขาไม่ไหวแล้ว เรื่องที่เกิดขึ้น สิ่งที่เขาได้ยิน มันมากเกินกว่าที่เขาจะรับมันไหวอีกต่อไป
ฟุ่บ~
สัมผัสอบอุ่นที่โอบรอบตัวนั้นทำเอาคนตัวขาวชะงัก นัยน์ตาเรียวสวยชื้นน้ำนั้นเบิกกว้างอย่างคาดไม่ถึงว่ารุ่นน้องตัวร้ายจะทำแบบนี้
ไม่อยากเชื่อว่าอีกฝ่ายจะกอดเขาแบบนี้
“ทะ แทฮยอง...”
“ผมไม่ทำอะไรพี่หรอกน่า ไม่ต้องกลัว” มือหนาลูบผมนุ่มสีน้ำเงินดำอย่างแผ่วเบา “ผมเข้าใจพี่หมดทุกอย่างแล้วนะครับ ทำไมพี่ไม่บอกตั้งแต่แรก”
“...ถ้ากูบอก มึงก็ไม่เฉยอยู่ดี” เสียงห้าวบอกกลั้วเสียงสะอื้น “ดีไม่ดี มันอาจจะวุ่นวายกว่าเดิม มึงกับไอ้จองกุกมันก็คือไฟเหมือนกัน ยิ่งมึงดิ้น ไอ้จองกุกก็จะยิ่งทำเรื่องให้มันวุ่นวาย ดีไม่ดีก็จะดึงคนใกล้ตัวกูเข้าไปในเกมเพราะกูรู้เรื่องมันทุกอย่าง ส่วนมึงก็จะยิ่งดิ้นขึ้นไปอีกเพื่อปกป้องไอ้จิน ซึ่งสุดท้าย เรื่องมันจบไม่สวยแน่”
“...”
“นี่แหละ ที่กูทำเพราะกูมองเห็นตรงนี้ แม้กูจะต้องเสียอะไรไปก็ตาม แต่กูพร้อมทำทุกอย่างที่จะปกป้องเพื่อนของตัวเอง แต่ดูเหมือนกูจะทำได้ไม่ดีเลยใช่มั้ย”
“...ไม่หรอกครับ แต่มันเป็นผมต่างหากที่เปลี่ยนไปแล้ว” เสียงทุ้มว่าพร้อมกับกอดคนตัวเล็กกว่าไว้แน่นกว่าเดิม “พี่ไม่ต้องคิดอะไรแล้วนะ วันนี้พี่เจอเรื่องแย่ๆ มาเยอะเลย”
ความอบอุ่นจากอ้อมแขนแข็งแรงและเสียงทุ้มใหญ่ที่ปลอบประโลมอย่างอ่อนโยนทำเอาคนที่กำลังอ่อนแอนั้นน้ำตาไหลมากกว่าเดิม ก่อนจะเผลอมุดเข้าหาอกแกร่งอย่างหาที่พึ่ง
เขาคงจะบ้าและเมามากๆ เลยนะ ที่คิดว่าอ้อมกอดของหมอนี่มันอบอุ่นและทำให้เขารู้สึกปลอดภัยแบบนี้
แทฮยองกอดปลอบร่างเล็กที่เหมือนจะแตกสลายไปได้ตลอดเวลา เรื่องที่คนพี่หลุดออกมาให้ฟังทำเอาร่างสูงนั้นรู้สึกผิดมากเหลือเกิน
ทำการใหญ่ทั้งที่ตัวก็มีแค่นี้ ต้องใจเด็ดและรักเพื่อนมากแค่ไหน
ทั้งที่ตัวเองก็ไม่ได้ผลดีอะไรกลับมาเลย ไหนจะถูกเขาทำร้ายเพราะความเข้าใจผิด แถมยังทุ่มจนไม่มีเวลาให้แฟนหนุ่มจนเขาต้องไปหาน้องชายของตัวเอง...
แต่เจ้าตัวก็ยังไม่เคยบอกเรื่องนี้กับเขา ที่หลุดวันนี้ก็เพราะคงไม่ไหวแล้วจริงๆ สินะ
ทำไมเป็นคนเข้มแข็งที่น่าสงสารได้แบบนี้นะ มินยุนกิ
และทำไม เขาถึงรู้สึกอยากปกป้องอีกคนแบบนี้นะ ไม่เข้าใจตัวเองเลย
ความรู้สึกผิดยังคงติดตามจองกุกไปตลอดแม้จะผ่านมาหลายวันแล้วก็ตาม
ร่างสูงถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ในขณะที่ลูบขนกระต่ายตัวอ้วนในมืออย่างแผ่วเบา ถึงแม้เขาจะจำสัมผัสของหล่อนไม่ได้แล้วก็ตาม แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ความรู้สึกผิดลดลงไปเลย
เขานอกกายพี่ซอกจิน...
ไม่รู้ว่าควรต้องโทษอะไรระหว่างแอลกอฮอล์ที่ทำให้สติลดลงหรือว่าโทษความไม่ยับยั้งชั่งใจของตัวเองอีกนะ
แต่ก็อย่างที่บอกว่าเขาก็เป็นผู้ชาย มีความรู้สึก มีความต้องการเหมือนกัน แล้วพี่ซอกจินของเขาก็น่ารักน้อยเสียที่ไหน ไม่อยากเผลอทำอะไรแม่กระต่ายทั้งที่เจ้าตัวไม่ยินยอมหรอกนะ
เขาจึงจำเป็นต้องระบายออกมาบ้าง ตามประสาของผู้ชาย
แต่ก็ต้องแลกกับความรู้สึกผิดแบบนี้
“เฮ้อ ฉันจะเอายังไงดีนะ พี่จินต้องโกรธแน่ๆ เลยถ้ารู้ในสิ่งที่ฉันทำ” เสียงทุ้มว่าอย่างคิดไม่ตกพร้อมกับอุ้มเจ้าเจขึ้นมาให้ระดับสายตาของกระต่ายน้อยนั้นตรงกับเขา “แต่พี่จินเขาก็เป็นประเภทที่ต้องบอกทุกเรื่องนี่นา ถ้ารู้ทีหลังจะโกรธมั้ยเนี่ย”
“บ่นอะไรกับลูกชายพี่อยู่คนเดียวฮะ” เสียงหวานที่เอ่ยแซวดังลอดออกมาจากอีกทางทำเอาร่างสูงสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนที่เจ้าของเสียงจะออกมาจากห้องพร้อมกับกองหนังสือในมือ “พี่แค่เข้าไปเอาหนังสือในห้องนอนแป๊บเดียว จู่ๆ พูดคนเดียวได้แล้ว เป็นบ้าไปแล้วเหรอ”
“ทำไมแม่ของเจ้าเจขี้บ่นจังเลย พ่อเจกลัวนะครับ” เอ่ยแซวราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก่อนจะปล่อยเจ้ากระต่ายอ้วนที่ดิ้นออกจากมือของเขาแล้ววิ่งไปหาปะป๊าตัวจริงอย่างซอกจิน
“แม่อะไรล่ะ พี่เป็นผู้ชายนะ” ร่างเพรียวหัวเราะ ก่อนจะวางหนังสือในมือลงบนโต๊ะแล้วอุ้มเจ้าตัวกลมสีขาวขึ้นมา “บุกห้องคนอื่นไม่พอ ยังจะมากวนอีก เดี๋ยวจะโดนไม่ใช่น้อย”
ใช่แล้ว ที่จองกุกมาอยู่ในห้องของเขาในวันนี้ก็เพราะอีกฝ่ายใช้คีย์การ์ดสำรองที่เขาให้ไว้บุกเข้ามาน่ะสิ
น่าตีจริงๆ นะเจ้าเด็กนี่
“พี่จะทำอะไรผมเหรอครับคนสวย ^^”
“ไม่บอกหรอก :P” ไม่ใช่อะไรหรอก ยุ่งกับเด็กนี่มากๆ ก็มีแต่เขาจะเสียเปรียบ L “มาอ่านหนังสือกันมา แม่นายจะได้ไม่มาว่าพี่ทีหลังว่าพี่ไม่สนใจติวนาย”
“มาดึงหน่อยสิ ไม่มีแรงลุกเลยอ่ะ”
“ตอแหล” ถึงจะพูดกลั้วหัวเราะแบบนั้น แต่ก็ยอมปล่อยเจ้าเจในมือลงแล้วเข้าไปดึงมือหนาให้ลุกขึ้นจากโซฟา
แต่เดือนหน้าหวานก็ยังไม่เคยจำว่าแฟนหนุ่มของตัวเองเจ้าเล่ห์แค่ไหน
พรึ่บ!!
“อ๊ะ!!” รุ่นพี่ร้องเสียงหลงเมื่อถูกกระชากเข้าไปหาร่างสูงอย่างแรงพร้อมกับแขนแกร่งล็อกเอวบางของคนที่หล่นบนตักอย่างรวดเร็ว ไม่เปิดโอกาสให้อีกคนได้มีโอกาสหนีเลย
“โอ๊ะโอ จับแม่กระต่ายตัวอ้วนได้แล้ว J”
“ปล่อยนะจองกุก มากอดแบบนี้ทำไม” ซอกจินมุ่ยหน้าใส่รุ่นน้องอย่างไม่พอใจที่โดนฉวยโอกาสแบบนี้
และปากอิ่มๆ ที่ยื่นมาออกมาเล็กน้อย ก็ทำให้จองกุกนั้นอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาอย่างเอ็นดู
“เมื่อกี้ใครพูดไม่เพราะเลย ต้องโดนทำโทษนะครับ”
“ทะ ทำอะไร อื้อ!!” เสียงหวานร้องออกมาเมื่อโดนแฟนรุ่นน้องงับปากอิ่มอย่างไม่ทันตั้งตัว ร่างสูงกดจูบร้อนปิดปากคนตัวเล็กกว่าแต่ก็ไม่ได้รุกล้ำเข้าไป แต่ก็ทำให้ซอกจินนั้นอ่อนปวกเปียกอยู่ในอ้อมกอดของจองกุก
เพียงไม่นาน เดือนคนปัจจุบันของคณะก็ยอมผละออกไป แล้วก้มมองคนในอ้อมแขนที่หอบหายใจด้วยความเอ็นดู
“นี่ผมแค่ปิดปากเองนะ เหนื่อยขนาดนี้เลยเหรอ ^^”
“นายมันเด็กฉวยโอกาส คนบ้า” เสียงหวานว่ากลับอย่างรวดเร็วพร้อมกับมุดใบหน้าเข้าที่ซอกคอแกร่งเพราะไม่กล้าสบตาคมที่เอาแต่มองเขาด้วยรอยยิ้มแบบนั้น เรียกเสียงหัวเราะอย่างเอ็นดูยิ่งกว่าเดิม
ทำไมน่ารักแบบนี้นะพี่จิน ^^
“นี่จองกุก” เสียงหวานเอ่ยขึ้นทั้งที่ยังมุดหน้าอยู่อย่างนั้น “รักพี่มั้ย”
“หืม?” จองกุกถึงกับก้มมองคนในอ้อมกอด ก่อนจะดันให้ตาหวานๆ นั้นเงยมาสบตากับเขา “ทำไมถามแบบนั้นล่ะครับ”
“ก็อยากรู้นี่ ตอบไม่ได้เหรอ”
“ได้สิครับ” ร่างสูงยิ้มอย่างเอ็นดู “รักนะ รักมากด้วย”
“...ขอบใจนะ” ว่าพร้อมกับมุดหน้าเข้าที่ซอกคอแกร่งตามเดิม “ขอโทษที่ถามบ่อยแบบนี้นะ แต่อยากมั่นใจจริงๆ อ่ะ”
“ครับ ผมเข้าใจพี่”
“ถ้ารักกันจริงๆ อย่าทำให้พี่ผิดหวังนะ นายคงรู้อยู่แล้วว่าพี่ชอบให้พูดทุกเรื่อง ไม่ว่านายจะไปทำอะไรมา ถ้ามันเกี่ยวข้องกับความรักของเรา ต้องบอกพี่ทุกเรื่องนะ”
“...ครับ ผมเข้าใจแล้ว” แต่ถึงเสียงทุ้มตอบรับแบบนั้น แต่จองกุกก็ยังไม่คิดจะเอ่ยเรื่องของเขากับรุ่นพี่สาวแน่นอน
ถึงจะชอบให้บอก แต่ก็ไม่ได้แปลว่าแม่กระต่ายน้อยของเขาจะไม่คิดมาก
เพราะฉะนั้น ถ้าเงียบแล้วมันทำให้พี่จินของเขาสบายใจ เขาก็โอเคแล้วล่ะ
--------------------------------------------------------------------
โอยยย ปวดหัว 55555 สวัสดีค่ะทุกคน มาเจอกันอีกแล้วนะคะ มีดราม่าก็ต้องขยี้ให้สุดเด้อ 555555 แต่งไปนี่ไม่รู้จะสงสารใครเลยนะคะ ขยี้อารมณ์เจ้าของเรื่องจัด 55555 ก็ไม่พูดมากนะคะ พรุ่งนี้เรามีเรียนและเราควรนอนได้แล้ว เข้าเรื่องกันดีกว่า ไม่มีอะไรจะบอกนอกจากว่า ใกล้แล้วค่ะ หึๆๆๆ (ดูโรคจิตมั้ย 5555) ส่วนใกล้อะไร เดากันเอาเองค่ะ 55555 ตอนนี้เราต้องไปแล้ว อาจจะเว้นช่วงนานเพราะติดสอบอย่างแรง -0- เอาเป็นว่าตอนหน้าเจอกันนะคะ ส่งฟีดแบคกับมาหาเราบ้างนะ เจอกันค่ะ ^^
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

สงสารยุนกิจังเลยค่ะะะ ได้ยินแฟนตัวเองพูดแบบนี้ ใค่จะไปทนไหวเนี่ยยย เห้ออ นัมจุนนน ทำไมทำแบบนี้!!!!!