ตอนที่ 28 : Chapter 25
บทที่ 25
“ปล่อยฉันนะ! พวกแกเป็นใคร มีสิทธิอะไรจับพวกฉันมาแบบนี้!!” เสียงโวยวายแหลมๆ ดังมาแต่ไกล ก่อนจะปรากฏร่างของหญิงสาวทั้งสามคนที่ถูกชายฉกรรจ์กลุ่มใหญ่ฉุกกระชากลากถูมา สภาพของพวกเธอที่ยังอยู่ในชุดนักศึกษาและมีสภาพสะบักสะบอมพอตัวบ่งบอกว่าคงโดนลากมาระหว่างกลับบ้านแน่นอน
“ถ้าพ่อฉันรู้ว่าพวกแกทำร้ายพวกฉัน พ่อฉันไม่ปล่อยพวกแกไปแน่”
“จะเรียกเท่าไหร่ก็รีบบอกมา แล้วเลิกแตะตัวพวกฉันสักที!”
“ต้องให้บอกอีกกี่รอบว่าพวกกูไม่ใช่แก๊งเรียกค่าไถ่!” ชายคนหนึ่งทนเสียงหวีดแหลม หันไปตวาดจนทั้งสามคนเงียบทันที “แล้วเลิกแหกปากสักที มันน่ารำคาญ”
ทั้งสามสาวเงียบตามที่มันบอกเพราะว่ากลัวจะโดนทำร้ายอีก โดนลากมาได้สักพัก พวกมันก็เปิดประตูห้องห้องหนึ่งแล้วผลักพวกเธอเข้าไปทันที ไม่รอให้ทั้งสามตั้งตัวได้ก็ปิดประตูใส่ทันที
“นี่พวกแก! ปล่อยพวกเราออกไปนะ!”
“นั่นสิ พวกแกไม่มีสิทธิทำแบบนี้กับพวกฉันนะ!!”
“ปล่อยพวกเราเดี๋ยวนี้!!”
“ตะโกนไปก็เปลืองแรงเปล่าๆ ครับรุ่นพี่” เสียงทุ้มที่คุ้นเคยเรียกความสนใจของทั้งสามคนที่เอาแต่ทุบประตูให้หันไปหาทันที ร่างสูงของคนที่พวกเธอคลั่งไคล้กำลังนั่งเอาขาพาดโต๊ะทำงานกลางห้อง สายตาที่เขามองมาทำให้พวกเธอถึงกับขนลุก “พวกมันน่ะ ฟังแค่ผมเท่านั้นแหละ J”
“เอ่อ น้องจองกุกคะ” หนึ่งในกลุ่มสาวๆ นั้นเอ่ยขึ้นมาอย่างกล้าๆ กลัวๆ “นะ น้องจองกุกให้คนพาพวกพี่มาทำไมเหรอคะ”
“ก็แค่อยากคุยด้วยนิดหน่อยเท่านั้นเอง” เด็กหนุ่มลุกขึ้นจากเก้าอี้มายืนพิงโต๊ะก่อนจะผายมือไปที่เก้าอี้ทั้งสามตัวตรงหน้าโต๊ะ “นั่งก่อนสิครับ แล้วเราค่อยมาเริ่มประเด็นกัน”
ถ้าเป็นเวลาปกติพวกเธอคงจะยิ้มตอบให้กับร่างสูงตรงหน้าแล้ว
แต่ในตอนนี้พวกเธอกลับคิดอีกแบบหนึ่ง
ถ้าพวกเธอไม่ทำตามคำสั่งของเขาตอนนี้ รอยยิ้มนั้นอาจจะเปลี่ยนไปก็ได้
“ดีมากครับ เชื่อฟังแบบนี้ค่อยคุยกันง่ายหน่อย” จองกุกเปลี่ยนที่พิงจากด้านข้างโต๊ะมาเป็นตรงหน้าทั้งสามสาว เขายืนกอดอกพร้อมกับตาคมจ้องหน้าทั้งสามคนก่อนจะหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ “ไม่เห็นต้องเกร็งเลยนี่ครับ ผมไม่ได้พาพี่มาทำ ‘อะไร’ เสียหน่อย ^^”
“นะ น้องจองกุกมีอะไรกับพวกพี่ กะ ก็ว่ามาเลยเถอะค่ะ” เธอทนแรงกดดันไม่ไหว เอ่ยขัดขึ้นมาทันที เรียกให้ร่างสูงเลิกคิ้วก่อนที่เสียงทุ้มจะหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ
“อุตส่าห์จะพูดให้หายเกร็งเสียหน่อย แต่ถ้าพี่รีบแบบนี้ก็ได้เลยครับ” เด็กหนุ่มว่าทั้งยังยิ้มไม่เปลี่ยน “เมื่อวานพี่จินโดนทำร้าย...”
พูดเพียงแค่นั้น ทั้งสามสาวก็หน้าซีดทันที ร่างสูงที่เห็นปฏิกิริยาแบบนั้นก็แสยะยิ้มออกมาทันที
แสดงว่าจับมาถูกตัวสินะ
แต่ก็นะ ถ้าไม่ยอมสารภาพออกมาเองมันก็ไม่สนุกน่ะสิ J
“พี่พอจะรู้เรื่องบ้างมั้ยครับ” ตาคมมองทั้งสามไม่วางตา ในขณะที่พวกเธอก็ได้แต่หลบสายตาคมกริบนั่น
“อะ เอ่อ พี่จะรู้ได้ยังไงกันล่ะคะ มะ มันก็ไม่ได้เกี่ยวกับพวกพี่สักหน่อย”
“น่าแปลกนะครับ ทั้งๆ ที่เรื่องเกิดที่นี่แท้ๆ” ไม่ว่าเปล่า มือหนายังหยิบกระดาษสามแผ่นมาวางตรงหน้าพวกเธออีกด้วย โดยบนกระดาษนั้นเป็นรูปห้างสรรพสินค้าที่เกิดเหตุ
“ทั้งๆ ที่ห้างนี้เป็นห้างที่มีประธานอันซองคยอง พ่อของพี่เป็นคนดูแลแท้ๆ” จองกุกมองหน้าคนตรงกลางพร้อมรอยยิ้ม “น่าแปลกนะครับที่พี่ไม่รู้เรื่อง”
“จะ จริงๆ พ่อพี่ก็เล่าให้ฟังว่ามีคนโดนทำร้าย ตะ แต่ไม่ได้บอกว่าเป็นซอกจิน”
“อ้อ อย่างนี้เองสินะ” เขาเลิกคิ้วเล็กน้อย “แล้วพ่อของพี่รู้เรื่องได้ยังไงเหรอครับ เห็นเหตุการณ์เหรอ”
“กะ ก็ยามไง ห้างพี่มียามเฝ้าทุกที่อยู่แล้ว ก็ต้องเห็นเหตุการณ์บ้าง...”
“งั้นเขาก็ต้องใจดำมากเลยนะครับ ที่ปล่อยให้พี่จินโดนทำร้ายได้ตั้งนานสองนาน จนผมกับพี่ยุนกิไปช่วยก็ยังไม่มีใครมาดูอีก”
“...”
จองกุกมองทั้งสามคน สีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกของพวกเธอทำให้เด็กหนุ่มหลุดยิ้มมุมปากออกมา
ก็อยากจะต้อนจนกว่าจะสารภาพนะ แต่ถ้าเขาใช้เวลานานกว่านี้ ซอกจินตื่นก่อนแน่นอน
ร่างสูงเดินไปที่ประตูก่อนจะเคาะเบาๆ เพียงชั่วครู่ ประตูก็ถูกเปิดออกพร้อมกับปรากฏร่างใหญ่ของคนที่พาพวกเธอมา
“ครับ คุณหนู”
“เอาตัวมันมาที่ห้องนี้”
“ได้ครับ” มันรับคำสั่งอย่างนอบน้อม ก่อนจะปิดประตู ร่างสูงก็หันกลับมาพร้อมกับรอยยิ้ม
รอยยิ้มที่ไม่ได้ทำให้คนมองยิ้มตามเลยแม้แต่นิดเดียว
“รอสักครู่นะครับ เดี๋ยวสักพักเราจะมีแขกพิเศษมานั่งคุยด้วย”
“แขกพิเศษ?”
พลั่ก!! ตุ้บ!!!
ยังไม่ทันที่ใครจะเอ่ยอะไรออกมา ประตูก็ถูกเปิดออกอีกครั้งพร้อมกับร่างของใครบางคนที่ถูกผลักเข้ามากองบนพื้น ร่างของเขานั้นเต็มไปด้วยแผลและรอยช้ำจากการถูกซ้อมอย่างหนัก ทั้งสามสาวมองคนที่นอนคว่ำตรงหน้าด้วยความตกใจในขณะที่จองกุกก็ยิ้มมุมปากออกมา
“ขอบใจนะ” หันไปบอกลูกน้องของตัวเองซึ่งทางหนุ่มร่างใหญ่ก็โค้งให้อย่างนอบน้อมแล้วเดินออกไป พอประตูปิดลง ทั้งสามคนก็หันมามองหน้ารุ่นน้องอย่างตื่นๆ
“น้องจองกุกคะ นะ นี่มันอะไรกัน...”
“มันคือคนที่ทำร้ายพี่จินไงครับ” เสียงทุ้มว่าเสียงระรื่นพร้อมกับเท้าหนักๆ ที่ถีบให้มันพลิกมานอนหงาย
และพอเห็นหน้ามัน พวกเธอก็เบิกตากว้างยิ่งกว่าเดิม
“มันซื่อสัตย์มากเลยนะครับ กว่าจะยอมสารภาพว่าใครเป็นคนจ้างมัน เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกันนะครับ” ร่างสูงกลับมายืนตรงหน้าพวกเธอเหมือนเดิม “แต่จริงๆ ก็ความสะใจส่วนตัวแหละครับ ก็กล้ามายุ่งกับคนของผมเองนี่นา”
“...”
“มีอะไรจะบอกกับผมมั้ยครับ รุ่นพี่” รอยยิ้มหายไปแล้ว เหลือเพียงสายตาคมดุที่จ้องเหยื่อตรงหน้าอย่างกดดัน รังสีบางอย่างแผ่กระจายไปทั่วจนพวกเธอเบียดเข้าหากันทันที
“นะ น้องจองกุก พี่ ขะ...”
“ถ้าเป็นคำขอโทษหรือคำแก้ตัวผมไม่เอา” จองกุกกอดอกแล้วเดินเข้ามาใกล้พวกเธออีก “พี่จ้างมันให้มาทำร้ายพี่จินใช่มั้ย”
“เอ่อ คือ...”
“ใช่ หรือ ไม่ใช่”
“ชะ ใช่ พะ พวกพี่ทำเอง” พวกเธอละล่ำละลักพร้อมน้ำตา “แต่น้องจองกุกคะ พี่ไม่ได้อยากทำเองนะ มีคนบอกให้พี่ทำ...”
“ถ้ามันบอกให้พี่ไปตาย พี่จะไปมั้ยครับ”
“...”
“มีอะไรไปแก้ตัวกับตำรวจแล้วกันนะครับ”
“ดะ เดี๋ยวค่ะ น้องจองกุก...”
“นี่ผมใจดีมากแล้วนะครับที่ไม่ใช้วิธีแบบเดียวกับไอ้เวรที่นอนกองอยู่นั่น เดี๋ยวก็หาว่าผมทำร้ายผู้หญิงอีก” เสียงทุ้มว่าอย่างพยายามระงับอารมณ์ ก่อนจะหันไปที่ประตูแล้วเปิดมันออก “เอาพวกมันไปส่งให้ตำรวจ มีอะไรเดี๋ยวฉันเคลียร์เอง”
“ได้ครับคุณหนู”
“เดี๋ยวค่ะ น้องจองกุก!”
จองกุกถอนหายใจออกมาเล็กน้อย ก่อนจะเดินออกมาทิ้งเหตุการณ์วุ่นวายจนน่ารำคาญไว้ด้านหลัง
ป่านนี้พี่จินของเขาตื่นแล้วมั้งเนี่ย
ปวด...
ปวดมาก
โดยเฉพาะที่หน้ากับท้อง ปวดสุดๆ ไปเลย
ความเจ็บปวดไปทั่วร่างกายทำให้ร่างเพรียวต้องตื่นขึ้นมา ซอกจินขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะร้องโอยออกมาเบาๆ พยายามยันตัวขึ้นนั่งแต่ก็ลุกไม่ขึ้น
นี่มันเกิดอะไรขึ้น?
“ตื่นแล้วเหรอครับพี่จิน” เสียงทุ้มที่คุ้นเคยเรียกความสนใจของคนหน้าหวานได้ทันที คนผมชมพูขยับอย่างลืมตัวก่อนจะร้องโอดโอยเมื่อรู้สึกเจ็บที่หน้าท้องของตนเอง
“โอ๊ย!”
“ใครบอกให้ขยับตัวแบบนั้นล่ะครับ พี่เจ็บอยู่นะ” มือหนาพยายามดันตัวให้คนพี่นอนลง แต่เพราะอีกคนดื้อเกินไป ก็ได้แต่ช่วยให้อีกคนลุกขึ้นมานั่งได้แบบไม่เจ็บปวดมากนัก
“ขอบใจนะ ว่าแต่ พี่เป็นอะไรไปเหรอ”
“พี่จำไม่ได้เหรอครับ” ร่างสูงรีบจับหัวของซอกจิน ก่อนจะผละออกมาชูสองนิ้วตรงหน้าคนหน้าหวาน “นี่เลขอะไรครับ”
“กะ ก็เลขสองไง”
“โอเค แสดงว่าสมองไม่ได้กระทบกระเทือน” จองกุกถอนหายใจ ทำเอารุ่นพี่หน้าสวยงงยิ่งกว่าเดิม
เขาหรือเด็กนี่กันแน่ที่ผิดปกติ = =
“สรุปพี่เป็นอะไรกันแน่”
“พี่โดนดักทำร้ายน่ะครับ จริงๆ มันก็ไม่ได้หนักมากมายหรอก แต่สำหรับคนที่ไม่เคยมีเรื่องชกต่อยอย่างพี่มันก็คงจะพอได้เลย” ไม่ว่าเปล่า นิ้วยาวยังจิ้มลงบนแผลข้างแก้มนุ่มจนร่างเพรียวสะดุ้ง
“ไม่เห็นต้องจิ้มเลย มันเจ็บนะ” เผลอขมวดคิ้วและทำหน้างอแง ก่อนที่สมองจะนึกอะไรบางอย่างได้
จริงสิ เมื่อวานเขาออกไปเที่ยวกับแทฮยองนี่นา
พอกลับมาก็โดนคนกลุ่มหนึ่งดักไว้
ยังไม่ทันจะหายรู้สึกผิดที่ปฏิเสธเดือนผิวเข้มไปก็มาเจ็บตัวต่อ ชีวิตดีจริงๆ เขา -0-
“งอแงขนาดนี้ได้แปลว่าต้องดีขึ้นแล้วสินะ” จองกุกว่าพร้อมรอยยิ้ม “งั้นทานข้าวเถอะครับ ผมซื้อโจ๊กร้านโปรดของพี่มาให้ จะได้ทำแผลกัน”
พูดจบ ก็เดินหายออกไปจากห้องนอนของเขา ก่อนจะกลับเข้ามาพร้อมกับโจ๊กถ้วยใหญ่ที่ส่งกลิ่นหอมไปทั่ว
สาบานว่านี่ห้องเขาจริงๆ น่ะ ทำไมเด็กนี่มันถึงรู้ไปหมดเลยว่าอะไรเก็บไว้ไหน -0-
จริงอยู่ที่เขาไม่เคยจัดห้องใหม่ แต่ถ้าจะจำได้ขนาดนี้ก็เกินไปหน่อยนะ
“พี่กินเองไหวมั้ย หรือจะให้ผมป้อน...”
“นายต้องการอะไรกันแน่” เสียงหวานทักขึ้นอย่างเคลือบแคลง “ที่ถามมันบ่อยๆ ก็เพราะว่าสงสัยจริงๆ นะ ตอนแรกที่เจอกันนายโคตรร้ายเลย แต่ทำไมตอนนี้นายถึงดีกับพี่”
“...”
“ตั้งแต่ที่พี่ไปกินข้าวที่บ้านนาย ตั้งแต่วันนั้นแหละที่นายไม่ร้ายกับพี่เลย”
“...หรือพี่อยากให้ผมร้ายล่ะครับ”
“ไม่ใช่สักหน่อย” ซอกจินกลอกตาเล็กน้อย เขาไม่ใช่มาโซนะเว้ยจะได้ชอบความเจ็บปวด -0- “พี่แค่ตั้งตัวไม่ได้เท่านั้นเอง”
“ผมก็แค่อยากทำในสิ่งที่ผมอยากทำ” เสียงทุ้มตอบพร้อมกับสบตาหวานตรงหน้า “ผมไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องร้ายกับพี่นี่ครับ”
“...”
“พี่น่ารักขนาดนี้ ผมทำร้าย ‘คนของผม’ ไม่ลงหรอก”
“...เนี่ย เพราะอย่างนี้แหละพี่ถึงไม่เข้าใจนาย” ร่างเพรียวถอนหายใจออกมาเล็กน้อย ถึงจะขัดเขินกับคำพูดของรุ่นน้องแต่ความสงสัยมันมากกว่า “นายรู้สึกยังไงกับพี่กันแน่ บอกได้มั้ย”
“...”
“หรือนี่ก็เป็นแผนอีกอย่างที่นายใช้ดึง ‘ของเล่น’ ชิ้นนี้กลับเข้าไปหา”
“...ทำไมเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับของเล่นอีกล่ะครับ ทั้งๆ ที่ผมเลิกใช้คำนี้กับพี่แล้วนะ” ร่างสูงส่งยิ้มบางๆ ไปให้พร้อมกับมือหนาที่ยกขึ้นวางบนผมนุ่มสีชมพู “ที่ผมบอกว่าอยากให้พี่สอนว่า ‘รัก’ เป็นยังไง ผมไม่ได้ล้อเล่นหรอกนะ”
“...”
“แล้วพี่เคยบอกว่าหมดความพยายามที่จะสอนผมแล้วเพราะผมร้าย แปลว่าถ้าผมทำตัวดีพี่จะสอนผมใช่มั้ย”
“...ถ้ามันต้องพยายามก็ไม่ต้องหรอก...”
“ก็บอกแล้วไงว่าทุกอย่างที่ผมทำให้พี่ มันมาจากความรู้สึกจริงๆ”
“...”
“ผมอยากรู้จริงๆ นะ ว่าทำไมคำคำนี้มันถึงมีอิทธิพลกับคนมากมายขนาดนี้ และในเมื่อถามใครก็ไม่ได้คำตอบ ผมก็ต้องลองหาคำตอบเองใช่มั้ย”
“...”
“และผมก็เชื่อว่าพี่ต้องช่วยผมได้”
“...และหลังจากนี้มันจะเป็นยังไงเหรอ” เสียงหวานถามกลับ “ความรู้สึกที่มันอยู่ในคำคำนั้นไม่ใช่เรื่องเล่นๆ หรอกนะ พี่เลยอยากรู้ว่าถ้านายรู้จักมันแล้ว มันจะเป็นยังไงต่อ”
“ไม่รู้สิ ผมก็มองไม่เห็นอนาคตเสียด้วย” จองกุกยังตอบด้วยเสียงระรื่น “ผมยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมจะรู้สึกยินดีหรือต่อต้านถ้าได้รู้จักกับมัน”
“...”
“พี่อยากเดิมพันกับผมอีกครั้งมั้ยล่ะ”
“แล้วทำไมพี่ต้องเอาความรู้สึกของตัวเองไปเสี่ยงทั้งที่รู้ว่านายเป็นคนยังไง” ซอกจินยังคงจ้องใบหน้าหล่อ “แค่นี้พี่ก็เดาใจนายไม่ถูกแล้วนะ ถ้าพี่เอาตัวเองเข้าไปยุ่งกับนายมากกว่านี้ พี่ไม่เป็นบ้าไปก่อนเหรอ”
“...แล้วผมต้องทำยังไง”
“เลิกเอาแต่ใจตัวเองเสียที” เสียงหวานว่า “ถ้านายเลิกทำตัวเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย พี่จะยอมสอนในสิ่งที่นายต้องการ”
“...พี่พูดแล้วนะ”
“อ้อ แล้วมีอีกอย่าง” ตาหวานสบกับตาคมอย่างหนักแน่น “ถ้านายรู้จักมันแล้วและพี่ไม่ได้หลวมตัวไปกับมัน นายต้องปล่อยพี่ไป”
“พี่จิน...”
“ถ้านายอยากให้พี่เดิมพันกับนาย นี่ไง พี่ก็วางกับนายแล้ว”
“...”
“ถ้ารัก เราก็คบกัน”
“...”
“แต่ถ้าไม่รัก ก็แค่แยกกัน ทางใครทางมัน”
“...แบบนี้ก็น่าสนุกดีนะครับ เอาสิ ผมรับคำท้า” จองกุกยิ้มมุมปาก “แต่ตอนนี้พี่ควรจะทานข้าวนะครับ จะได้ทำแผลต่อ ไม่เจ็บแผลแล้วหรือไง”
“ไม่เจ็บก็บ้าแล้วดิ” เสียงหวานหัวเราะเบาๆ “นายตกลงแล้วนะ”
“ครับ ตกลง” ร่างสูงรับหนักแน่น ก่อนจะส่งยิ้มให้ร่างเพรียว “ตอนนี้เราเลิกคุยเรื่องนี้กันก่อนเถอะ เมื่อกี้รุ่นพี่ฮเยมินโทรมาตามพี่ให้ไปเรียน แต่ผมบอกไปแล้วว่าพี่ไม่สบาย”
“แล้วยัยนั่นว่าไงบ้าง”
“ก็มีโวยวายนิดหน่อย พี่เขาคงเป็นห่วงพี่แหละ เพื่อนสนิทป่วยแบบนี้” แอบลอบยิ้มเล็กน้อยกับคำว่า ‘เพื่อนสนิท’ ที่ตัวเองพูดไป “กินข้าวกัน เดี๋ยวผมป้อน”
“ได้สิ” ซอกจินว่าพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะอ้าปากรับอาหารที่จองกุกป้อนให้อย่างเต็มใจ
จริงๆ เขาเสียเปรียบนะ เพราะเขาก็ไม่ปฏิเสธว่ายังรู้สึกดีกับคนคนนี้อยู่
แต่อย่าหวังเลยว่าจะยอมอ่อนข้อให้ก่อน
ถ้ายังแก้นิสัยเสียๆ ที่ชอบเห็นความรู้สึกของคนอื่นเป็นของเล่นของหมอนี่ไม่ได้ อย่าหวังเลยว่าคิมซอกจินคนนี้จะยอมยกทั้งหัวใจให้
ใครว่าเขาเป็นคนดีกัน เขาว่าไม่นะ J
แทฮยองพยายามติดต่อยุนกิ แต่ก็ไม่ได้
เมื่อคืนหลังจากแยกกับซอกจิน โทรศัพท์ของเขาดันแบตหมดกะทันหัน พอเอาไปชาร์จก็มัวแต่เฮิร์ตจนไม่ได้สนใจ กว่าจะรู้ตัวว่ารุ่นพี่ตัวขาวโทรมาก็เช้าแล้ว
และวันนี้ยุนกิคงมีเรียนทั้งวัน ถึงไม่ยอมติดต่อกับเขาจนถึงตอนนี้
มันอาจจะเป็นเรื่องของซอกจินก็ได้ เพราะวันนี้พี่จินของเขาก็ไม่มาเรียน
เขาก็รู้มาจากฮเยมิน เพื่อนสนิทของเดือนหน้าหวานว่ารุ่นพี่ของเขานั้นป่วย ทำให้มาเรียนไม่ได้ แต่พอถามว่าเป็นอะไร ยังไง มีใครดูหรือเปล่า เธอก็เอาแต่อึกอัก ไม่ยอมพูดอะไรออกมา
ถ้าไม่ติดว่าเขายังไม่กล้าเจอหน้าร่างเพรียวนะ คงบุกไปหาถึงคอนโดแล้ว
ครืดๆ~
โทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงสั่นขึ้นมาทำให้คนผิวเข้มต้องหยิบมันออกมาทันที พอเห็นเบอร์ที่โทรเข้ามา เขาก็รีบกดรับ
“พี่ยุนกิ”
“(โทรมาขนาดนี้ไม่โทรไปแจ้งความคนหายเลยล่ะ)” เสียงห้าวประชดกลับมา “(ไอ้จินเป็นอะไรอีกล่ะ)”
“พี่จินไม่มาเรียน พี่พอจะรู้อะไรบ้างมั้ย”
“(รู้สิ มันโดนกระทืบมาไง)”
“ฮะ!!” แทฮยองร้องเสียงดังจนทุกคนแถวนั้นหันมามอง เขาเลยต้องหรี่เสียงลง “มันเกิดขึ้นได้ยังไง เกิดขึ้นตอนไหน แล้วพี่จินเป็นอะไรมากมั้ยครับ”
“(ที่ลานจอดรถที่ห้าง มันโดนกระทืบที่นั่นแหละ ส่วนเป็นอะไรมากมั้ย ก็หนักอยู่ มันไม่เคยมีเรื่องกับใครนี่)”
ที่ห้าง...
อย่าบอกว่าเป็นตอนที่เพิ่งแยกกับเขาน่ะ
“ผมก็เพิ่งแยกกับพี่เขา แต่ทำไมผมไม่รู้เรื่อง”
“(ไม่รู้สิ กูก็โทรหามึงไม่ติด ก็เลยไม่ได้บอกมึง)”
อ๋อ ที่โทรมาเพราะอย่างนี้นี่เองสินะ
“ผมจะไปหาพี่จินที่ห้อง”
“(ไม่ต้องไปหรอก ไปก็ไปตีไอ้จองกุกให้ไอ้จินมันดูมากกว่า)”
“เกี่ยวอะไรกับไอ้เด็กนั่น” ร่างสูงขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อนึกอะไรออก “อย่าบอกนะว่า...”
“(ใช่ กูตามให้ไอ้จองกุกไปดูเพื่อนกู)”
“พี่ยุนกิ...” แทฮยองกัดฟันแน่น “ไหนพี่บอกว่าไม่ได้เข้าข้างมันไง แล้วทำแบบนี้...”
“(ก็มึงไม่รับโทรศัพท์กู)” เสียงห้าวปลายสายขัดขึ้นทำให้เดือนปีสองแห่งบริหารเงียบทันที “(อะไรที่ช่วยเพื่อนกูได้ในตอนนั้นกูก็ทำหมดแหละ ต่อให้ไอ้จองกุกจะเคยร้ายแค่ไหน แต่ในตอนนั้นกูไม่มีเวลาคิดถึงเรื่องนั้นหรอก)”
“...”
“(แต่ถ้ามึงยังคิดว่ากูเข้าข้างมันก็แล้วแต่ อยากทำเชี่ยอะไรก็เชิญ)” ยุนกิบอกแค่นั้น แล้วตัดสายทิ้งไป ทิ้งให้แทฮยองนิ่งอยู่อย่างนั้น
จะว่ารุ่นพี่ตัวขาวก็ไม่ได้ เพราะคนตัวเล็กก็พยายามติดต่อเขาแล้ว
น่าเกลียดจริงๆ ทั้งๆ ที่บอกว่าจะดูแล แต่เวลาเกิดเรื่องแบบนี้ คนที่อยู่ข้างซอกจินกลับไม่ใช่เขา
กลับเป็นไอ้เด็กนั่น ที่ทำร้ายพี่จินมาตลอด
หรือเขาควรจะยอมแพ้...
ไม่มีทาง
ตราบใดที่ยังไม่มีอะไรยืนยันเข้าได้ว่าจองกุกจะไม่ทำร้ายซอกจินอีก เขาก็ไม่มีทางยอมแพ้แน่
คนที่ชนะต้องเป็นกู ไม่ใช่มึง จอนจองกุก
--------------------------------------------------------------------
ตอนแรกว่าจะแต่งหวานๆ ทำไมมันเป็นอย่างนี้ได้วะเนี่ย 55555 สวัสดีค่ะทุกคน มาเจอกันเช้ามืดเวลาเดิม มีเรียนเช้าแต่ก็โผล่มาอีกแล้ว 55555 จริงๆ เราอยากแต่งหวานน้ำตาลขึ้นเลยนะ แต่ทำไมมันเป็นอย่างนี้ สงสัยเป็นคนแต่งนิยายรักหวานๆ ไม่รอดจริงๆ 55555 เข้าเรื่องกันเลยดีกว่าเนอะ จองกุกดูแก้ได้ซอฟต์นะคะ แต่เราไม่ได้แต่งให้นางเป็นมาเฟียอ่ะ อย่าเหนือกฎหมายกว่านี้เลยยยย 5555 แล้วใครว่ายัยพี่เราไม่ร้าย เราว่าไม่จริง คนเรามีความร้ายในตัวอยู่แล้ว ^o^ ทางฝั่งวีก้า ตาแทก็หน้าชาไปเลยทีเดียว เอ็นดู 55555 สำหรับตอนหน้าจะเป็นอย่างไรนั้น ต้องติดตามนะคะ ^^
ปล. ทำไมอยู่ดีๆ อยากแต่งกุกจินแบบหวานๆ แนวพี่จองกุกกับน้องซอกจินล่ะเนี่ย ไม่ได้นะยัยเจเจ 555555
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ส่วนหน่องจอน ขอยกนิ้วให้น้องค่ะ ทำดีมาก จับส่งตำรวจไปค่ะ แต่ถ้ามีครั้งหน้าอีกหล่ะก็ คงได้เละคามือหน่องจอนนะคะ
อืมมมม แล้วที่เดิมพันกันครั้งนี้ ผลมันจะเป็นยังไง ว่าแต่ ในหัวจองกุกน่ะ คิดอะไรอยู่กันแน่ นี่อยากแหวกเข้าไปดูเลยค่ะ 555
สู้ๆค่ะไรท์
ถ้าหน่องจอนทำขนาดนั้นแล้วยัยพวกนั้นยังกล้ามารังควานก็แสดงว่าพวกหล่อนต้องชอบความซาดิสต์มากแน่ๆ ค่ะ 5555555
เราขอแหวกด้วยคนค่ะ ไม่เข้าใจตัวละครตัวเอง (อ้าว 5555)
ปล.นี่มีvgaใช่ไหม อ่านแต่ละตอนนี่ เลื่อนไปดูหัวฟิคตลอดเพื่อความแน่ใจ555
เรารู้สึกว่าตอนนี้เหมือนจะสงบศึกนะคะ แต่ก็อารมณ์แบบ เอ๊ะ อะไรมันระอุๆอยู่ข้างใต้กันหนอ
เจ้าแทพลาดขนาดนี้แล้วตัดใจซะเถอะนาย...ถ้าคู่กันมันต้องไม่นกขนาดนี้สิ--- ถ้านายจะไปตีกับจกุกก็ไม่ได้ห่วงอะไรหรอกค่ะ ห่วงแต่จะมาทำอะไรยุนกินี่สิ พี่เขาก็ตัวแค่นั้น ฮือ
แค่ไม่อยากให้ทุกคนเครียดมากอ่ะค่ะ แต่สงบหรือเปล่าดูกันอีกทีเนอะ ^o^
ส่วนเจ้าแท ก็ต้องดูกันต่อไปนะคะ