คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : Kepitel 07 : ช่างไม่รู้อะไรเลย
(คนโง่น่ะ มักตกเป็นเหยื่อของคนฉลาด
แต่คนฉลาดมักจะตกเป็นเหยื่อของคนที่ใช้ชีวิตเป็น)
“โปรด
รักฉันรักฉันเถอะน้าาาา~”
“ใจเย็นๆครับแบคฮยอน ตั้งสติๆ”
ที่เขาว่าคนเวลาเมาแล้วเลื้อยชานยอลว่ามันคงเป็นเรื่องจริงอย่างปฎิเสธไม่ได้จริงๆ เพราะหลังจากที่เขาเคลียร์เรื่องทุกอย่างให้แบคฮยอนเข้าใจกลางฝนฟ้าเสร็จ
เด็กคนนี้ก็เป็นลมล้มพับไปเลย พร้อมกับผื่นแดงแดงที่ขึ้นตามตัวเพราะอาการแพ้
ลำบากเขาต้องแบกขึ้นรถมาอีก เห็นตัวเล็กๆงี้น้ำหนักไม่เล็กอย่างที่คิดเลยนะ
แล้วพอถึงหน้าคอนโดปุ๊ป
คนเมาที่สลบล้มพับไปก็เด้งขึ้นมา ร้องเพลงอ้อแอ้ตามเพลงในรถที่เขาเปิด
พอจะแบกให้ลงจากรถรายนั้นก็ไม่ยอม
“ค่อยๆเดินนะครับ
สะดุดล้มหัวคะมำเสียโฉมผมไม่รับผิดชอบนะครับ”
“ลุงหุบปากเด๊! ขนาดไอตรงนี้ที่เกิดขึ้นกับผมลุงยังไม่รับผิดชอบเลย ไม่รู้เป็นตำรวจได้ยังไง เส้นอ่อวะ?” คนเมาที่โดนปาร์คชานยอลแบกลากไปที่ลิฟท์หันมาแหกปากใส่ร่างสูงตาปรือพลางใช้มือทุบไปที่หน้าอกของตัวเอง เดาว่าหากปาปารัซซี่สักคนนึงมาเห็นคงจบชีวิตบยอนแบคฮยอนคนดังของประเทศเกาหลีใต้กันแล้วกระมัง
ถ้าปาปารัซซี่เหล่านั้นสามารถแฮคระบบรักษาความปลอดภัยขั้นสูงของบริษัทไอจงอินมาได้ล่ะก็นะ
“ทำไมครับ? ผมทำคุณเป็นกรดไหลย้อนหรอ?”
“อึก..กวนตีน” คราวนี้มือเรียวของแบคฮยอนส่งมาทุบอกของเขาพร้อมกับคำพูด
แต่ก็หาได้สะทกสะท้านอะไรปาร์คชานยอลคนนี้ไม่ ก็นะ แรงมืออย่างกับเป็ดต่อย
น่ารักซะไม่มี
“คีพลุคหน่อยครับ พ่อดาราสุดหล่อ”
“งื้อ”ก้าวยาวๆเข้ามาจนถึงกล่องเหล็กเคลื่อนที่ได้ก็รีบกดไปที่ชั้นบนสุดของ
KJ Group แห่งนี้ทันที
แต่ดูท่าดาราลูกหมาจะยืนไม่ไหวเสียแล้วมั้งเนี่ย
“แบคฮยอน ไหวไหม?”
ครืด พลั๊ก!
“โอ๊ะ...” นึกว่าจะรับไม่ทันเสียแล้ว...บยอนแบคฮยอนเป็นบุคคลจำพวกเมาแล้วรกจริงๆนะ
เมาแล้วแพ้ เมาแล้วเลื้อยไม่พอ เมาแล้วเป็นตัวอันตรายด้วยนี่สิ
ทำไมถึงหลับไม่เลือกที่เลยเนี่ย!
นี่ขนาดก้นจ้ำเบ้าขนาดนี้แล้วยังไม่ตื่นอีก หลับลึกขนาดนี้เอาให้ถึงชั้นแมกมาร์เลยไหมล่ะสังคม
พลั่ก!
“แหง่มๆ” ให้ตายเถอะ
ปาร์คชานยอลอยากจะถอนหายใจออกมาเป็นภาษาต่างดาว ถ้าเขาเป็นคนเห็นแก่เงินสักนิด
เดาได้เลยว่าในวันรุ่งขึ้น ข่าวบยอนแบคฮยอนดาราดังเมาเละต้องขึ้นอยู่บนหน้าหนึ่งของเว็บไซต์สำนักข่าวแทบทุกสำนักอย่างแน่นอน
ประเด็นคือตัวเขาเองก็มีทุกอย่างอยู่แล้ว
ไม่จำเป็นต้องขายคนอื่นเพื่อให้ตัวเองอยู่รอดเสียหน่อย
ชายหนุ่มยืนมองร่างของพระเอกชื่อดังอยู่เพียงครู่ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไปเพื่อจัดการภารกิจส่วนตัวหลังจากที่ตากฝนที่ตกมาห่าใหญ่
ใช้เวลาเพียงไม่นานร่างสูงกำยำก็เดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมผ้าขนหนูบิดหมาดและถังน้ำใบเล็ก
มันใช่หน้าที่เขาหรือเปล่า?
ชานยอลละอยากจะวอนสายลมให้นำพาคำถามนี้ไปหาท่านผู้บังคับบัญชาบยอนจริงๆ
บอกว่าจะคุ้มกันก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะต้องเป็นพ่อบ้านให้กับคนคนนี้ด้วยนี่หว่า
คนอะไรอาหารก็ทำไม่เป็น งานบ้านเหรอ? อย่าได้พูดถึงเลย
จากที่แต่ก่อนเขาไม่ค่อยเรียกป้าแม่บ้านให้เข้ามาดูเท่าไรนัก เดี๋ยวนี้น่ะ
เรียกได้ว่าถี่เสียงยิ่งกว่าอะไร
คนเรียกไม่ใช่ใครที่ไหนครับ
เรารู้ๆกันอยู่
ผู้กองหนุ่มวางผ้าชุบน้ำบิดหมาดๆลงบนหน้าผากมนแล้วซับมันไปรอบๆบริเวณใบหน้าขาวที่ขึ้นสีเพราะพิษไข้
แน่นอนว่าชานยอลโทรบอกเมเนเจอร์ประจำตัวของบยอนแบคฮยอนเรียบร้อยแล้ว รายนั้นน่ะ
พอรับมือถือแล้วได้ยินว่าแบคฮยอนดื่มเหล้าเข้าไปถึงกับรีบบอกว่าจะมาหาเลย
แต่ก็ยังโชคดีที่ปาร์คชานยอลบอกไปว่าตัวเองพอจะรู้วิธีปฐมพยาบาลอาการแพ้เหล้าอยู่นิดหน่อยทำให้คุณมินซอกเบาลง
เราคุยเรื่องตารางงานวันพรุ่งนี้กันอยู่สักพักก่อนที่อีกฝ่ายจะขอตัววางสายเพราะจะต้องโทรไปรายงานประธานจาง
ถ้าหากว่าในวันพรุ่งนี้บยอนแบคฮยอนยังคงนอนตัวแดงประหนึ่งซากดึกดำบรรพ์หลายล้านปีแบบนี้
รับรองว่าตารางงานในวันพรุ่งนี้คงมีเหตุจำเป็นที่จะต้องยกเลิกมันอย่างกระทันหัน
คิมมินซอกถามสาเหตุจากเขา
ว่าเหตุใดนักแสดงสังกัดค่ายยักษ์คนนี้ถึงได้แตะแอลกอฮอลล์ทั้งที่เจ้าตัวไม่เคยแตะมันเลยตั้งแต่วันแรกที่ดื่มแอลกอฮอลล์เลี้ยงฉลองจบละครเรื่องแรกเมื่อสามปีที่แล้วที่ได้รู้ว่าเจ้าตัวมีอากรแพ้
แน่นอนว่าเขาไม่ได้ตอบความจริงๆ
ปาร์คชานยอลบอกโกหกไปได้อย่างแนบเนียนโดยอ้างว่าเป็นความผิดของเขาเองที่ทำอาหารใส่แอลกอฮอลล์
เพราะว่าลืมเรื่องที่เมเนเจอร์ของแบคฮยอนได้เตือนเอาไว้
แหงล่ะ
เพราะตัวเขาเองก็ยังไม่รู้เลยว่าทำไมบยอนแบคฮยอนถึงยอมดื่มเหล้าได้ง่ายขนาดนั้นทั้งที่น่าจะเตือนสติของตัวเองอยู่ตลอดว่าห้ามแตะต้องมัน
“อืมมม...” ผู้กองหนุ่มชะงักมือ
ตาคมจดจ้องอยู่กับใบหน้าได้สัดส่วนราวกับจับวางอยู่เพียงครู่ก่อนที่จะถอนหายใจออกมาแล้วลุกขึ้นเพื่อไปหยิบน้ำ
เผื่อว่าคนบนเตียงจะตื่นขึ้นมากลางคัน แน่นอนว่าสิ่งแรกที่ต้องการนั่นก็คือน้ำดื่ม
ปาร์คชานยอลไม่เคยเป็นแบบนี้
ทุกเรื่องที่เขาทำมันมักจะง่ายๆ เนื่องจากว่านิสัยโดยรวมของเขาเป็นคนที่สนใจแต่ประโยชน์และเป้าหมายข้างหน้า
มากกว่าที่จะนำสมองของเขาให้มาคิดกับเรื่องเล็กน้อยที่ไม่ได้มีผลประโยชน์อะไรต่อชีวิต
จะว่าผู้กองปาร์คคนนนี้ใจร้ายก็ได้
แต่เขายึดถือตรรกะที่ว่า เราไม่จำเป็นต้องแคร์คนทั้งโลกไม่ใช่หรือ?
เพราะยังไงคนที่ใช้ชีวิตนี้ก็มีแค่เรา นั่นจึงเป็นสาเหตุที่เขาทำงานเสร็จได้โดยไว
ซึ่งแตกต่างกับทีมของโอเซฮุนอย่างสิ้นเชิง
เด็กหนุ่มคนนั้นฉลาด...แต่ไม่รู้วิธีที่จะใช้มัน
เขาถึงบอกว่า คนโง่น่ะ
มักตกเป็นเหยื่อของคนฉลาด แต่คนฉลาดมักจะตกเป็นเหยื่อของคนที่ใช้ชีวิตเป็น
ซึ่งปาร์คชานยอลก็มั่นใจในประสบการณ์ที่สั่งสมมายาวนาน
29 ปีอยู่พอสมควรว่าเขาสามารถที่จะชนะโอเซฮุนได้ไม่ยาก แต่ก็นั่นแหละ คนเราน่ะ
น่าแปลกตรงที่ได้อะไรมาอย่างและมักจะเสียมันไปอีกอย่าง
เช่นเดียวกัน ปาร์คชานยอลน่ะ
เก่งและเท่าทันในทุกทุกเรื่อง
ยกเว้น...เรื่องหัวใจ
“...”
“...”
“นี่...นายว่ามันไม่เงียบไปหน่อยเหรอ?”
“...”
“อย่าให้ฉันเอาแต่คุยกับตัวเองเหมือนคนบ้าสิ
นายพูดออกมาสักคำมันจะตายไหง๊?”
“...ผมพูดไม่เก่ง”
“การพูดน่ะ มันสำคัญมากนะในสังคม
เผื่อนายไม่รู้”
“...”
“โอ๊ะ! ฉันเจอดาวเหนือแล้วล่ะ!” คิมมินซอกชี้พลางเอ่ยออกมาด้วยความดีใจ
นานราวราวชั่วโมงแล้วละมั้ง หลังจากที่เขาเอ่ยชวนเด็กแปลกหน้าคนหนึ่งกลางสนามบอลสวนสาธารณะแม่น้ำฮันให้มาเล่นด้วยกัน
บทสรุปคือเด็กคนนั้นเลิกคิ้วงงจ้องเขาไม่วางตาแล้วปล่อยให้ความเงียบกัดกินเวลาไปเรื่อยๆ
คิมมินซอกทำเพียงยักไหล่แล้วทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ
เริ่มบทสนทนาด้วยตนเองในหลายเรื่องๆ โดยที่เด็กคนนั้นยังคงทำสีหน้างงงวยเป็นไก่ตาแตก
เขาเองก็รู้แหละว่าเด็กคนนี้อาจจะกำลังด่าเขาในใจ ‘คือกูต้องรู้ไหม?’ ตอนที่เขาเริ่มเล่าเรื่องเกี่ยวกับชีวิตตัวเองโดยที่เด็กนี่ไม่ได้ถาม
มินซอกไม่ได้เล่าไปทั้งหมด เขาไม่ได้บอกว่าเขาทำอาชีพอะไรหรือมีหน้าตาแค่ไหนในสังคม
นอกเสียจากช่วงเวลาที่เขาคิดว่ามันตลกก็เท่านั้น
อย่างน้อยการมีเสียง
ไม่ว่าจะอะไรก็ตามบรรเลงอยู่ข้างหูก็เปรียบเสมือนการฆ่าเวลาไปได้ระยะหนึ่ง
ก็แค่คิดว่าถ้าปล่อยให้เด็กคนนี้จมปรักอยู่กับความเศร้าคงได้มีใครตายแถวคอนโดเขาเข้าจริงๆ
“มันดูพิเศษงั้นหรอ?”
เมเนเจอร์ดาราดังถึงกับกระเด้งตัวขึ้นทันทีที่ประโยคที่ไม่ใช่ประโยคเดิมๆอย่างคำว่า
‘ผมพูดไม่เก่ง’ ดังขึ้นจากริมฝีปากของเด็กหนุ่มวัยมัธยม
“งั้น...นายชื่ออะไร คำถามนี้พิเศษพอไหม?”
“...”
เด็กหนุ่มตาหวานหันมาจ้องหน้าผู้ใหญ่แปลกหน้าด้วยความสงสัยมากมายในหัว
ก่อนจะคลายยิ้มออกนิดหน่อยให้กับประโยคคำถามที่แฝงไปด้วยน้ำเสียงที่ทำให้เขารู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูก
“เสี่ยวลู่หาน”
คิมมินซอกยิ้มกว้างจนตาแทบปิด...อย่างน้อยวันนี้ก็ยังมีเรื่องดีดีให้โม้อาจุมม่าข้างห้องบ้างแหละเนอะ
แสงแดดอ่อนๆยามเช้าสาดกระซัดบนใบหน้าขาวเนียนของดาราดัง
ตาเรียวหยีลงก่อนจะเริ่มๆลืมตาขึ้นแล้วปรับโฟกัส ก็พบว่าตอนนี้ตัวเองได้เข้ามาอยู่ในห้องของบริษัทพี่ดำเสียแล้ว
พลั่ก!
“โอ้ย!”
“เห้ย! ลุงเข้ามาอยู่ในห้องผมได้ยังไงวะ เห้ย! เห้ย เห้ย!!” บอกเลยครับว่าช๊อคโลก
อยากจะสบถคำหยาบเป็นพืชตระกูลเลื้อยชนิดหนึ่งแต่ก็ต้องยั้งปากเอาไว้
เพราะไม่ว่ายังไงนี่ก็คือบยอนแบคฮยอนของประชาชนชาวเกาหลีใต้
แต่ให้ตายเถอะชิบผาย เหตุใดยัยผู้กองปาร์คถึงได้มาอยู่บนเตียงของแบคฮยอนคนนี้!!
ย้ำว่าบนเตียงอ่ะ บนเตียง! โฮลี่—
มือเรียวที่เคยถูกจัดอันดับว่าสวยราวกับนิ้วมือของผู้หญิงถูกใส่เข้าไปภายใต้ผ้าห่ม
ก่อนจะพบว่าตอนนี้เหลือเพียงบ๊อกเซอร์ตัวเดียวกับเสื้อเชิ้ตขนาดตัวพอพอกับช้างทั้งโขลงใส่ได้
และให้ตายเถอะ! ทำไมกูถึงปวดก้น เห้ย
เห้ย เห้ย!!
“เห้ยลุง! ลุงทำอะไรผม!!”
“โอยยย” ไม่ได้แล้วครับ
อยู่ไม่ได้แล้วสังคม
แบคฮยอนรีบกระโดดลงจากเตียงขนาดคิงไซส์ที่ข้างตัวของเขามีร่างของผู้กองปาร์คนอนร้องโอดโอยอยู่เพื่อรีบไปแจ้งตำรวจข้อหาล่วงละเมิดทางเพศในตอนที่ไอลุงผู้กองหื่นกามยังคงร้องโอดโอยเนี่องจากแบคฮยอนต่อยเข้าเบ้าตาผู้กองปาร์คเต็มแรง
“เดี๋ยว...จะหนีไปไหนครับ”
แบคฮยอนชะงักกึก
เท้าที่กำลังจะแตะโดนพื้นพรมก็ชะงักไปตามกัน ร่างบางของนักแสดงหนุ่มตาลีตาหลอกหันกลับไปมองผู้กองปาร์คที่นั่งกุมเบ้าตาตัวเองและจ้องมองมาที่เขาด้วยสายตาเย็นยะเยือกเหมือนว่า
ถ้าแช่แข็งเขาทั้งเป็นได้คงทำไปนานแล้ว
“อะไร๊! ใครหนี! ไม่มี๊!”
“เจ็บไหมครับ?”ฟหกดเสวง
ลุงผู้กองมึงสปีกอะไรออกม๊า!! “ผมหมายถึงสะโพกของคุณที่ตัวคุณเองพยายามจะทิ้งตัวลงนอนหน้าลิฟต์น่ะครับ..เจ็บไหม”
หน้าแตกหนักมากค่ะคุณผู้ชม
ผู้กองปาร์ค(หมา) กดเสียงต่ำก่อนจะพิงตัวลงบนหัวเตียงราวกับคุณปู่วัย 80 ปี “แล้วทำไมผู้กองต้องมานอนอยู่บนเตียงผมวะครับ?”
แบคฮยอนทิ้งตัวลงนอนที่เดิมด้วยอารมณ์หงุดหงิด
โดยเว้นระยะห่างให้ห่างจากตัวผู้กองปาร์คพอสมควร
“ความผิดผมหรอครับ? ที่อยู่ดูแลคุณจนเผลอหลับไปน่ะ” ...พระเจ้าจอร์จ ...หน้าเน้อนี่ร้อนราวกับว่ามันจะไหม้เสียให้ได้ โอ้โห โคตรรพีค ไม่เคยคิดเลยว่าชีวิตนี้จะได้ฟังคำนี้จากคนที่บอกว่า 'ทำทุกอย่างไปเพราะหน้าที่'
“...”
“...”
“...ผู้กองว่าเราเปลี่ยนวิธีการพูดกันดีไหม?”
หลังจากที่เราปล่อยให้ความเงียบกัดกินเป็นเวลาไม่กี่นาที
นักแสดงร่างบางก็เอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าที่ขมวดจนยับยู่ยี่ “ผมไม่ชินว่ะ
ยังไงเราก็ต้องอยู่ด้วยกันไปอีกยาวถูกมะ?
รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นนางร้ายในละครที่เอาแต่ด่าผู้สูงอายุอย่างเดียว”
“แล้วคุณต้งการให้ผมพูดยังไงล่ะครับ?”
“งั้นหยุดพูดครับกับผมก่อน”
“ก็ได้นะถ้าคุณต้องการ”
“ห้ามหลอกด่าผมด้วย ไปไหนก็บอกผมด้วย
ถึงยังไงเราก็ต้องอยู่ร่วมกันอ่ะถูกไหม?” แบคฮยอนพลิกตัวนอนตะแคงมองหน้าผู้กองหนุ่มด้วยแววตาที่จริงจัง
ชานยอลแค่พยักหน้า
ตอนนี้เพดานสีขาวตรงหน้าเป็นจุดโฟกัสที่ดีพอที่สามารถคิดอะไรในหัวได้ “เออ
รู้ว่าการดูแลผมมันคือหน้าที่ของคุณ แต่ถึงอย่างไรก็ตาม
ในฐานะที่คุณต้องดูแลผมแล้ว อย่างน้อยก็ทำให้ผมรู้ว่าผู้ปกครองคนปัจจุบันของผมยังคงมีชีวิตอยู่ ไม่ได้ไปตาย 'คาอก'ใคร”
พูดไปก็เจ็บนะ ไอคำว่า ‘ทำไปตามหน้าที่’ นั่นมันยังคงเด่นชัดอยู่ในใจเลย
“ผมจะเก็บไปพิจารณาละกัน..”
“แล้วลุงล่ะ
ไม่มีอะไรที่อยากขอผมเลยหรอ?”
“มี..คุณอย่าลืมว่าผมมีกฎอยู่นะ”
“ไอกฎขัดใจปาร์คชานยอลอะไรบ้าๆนั่นอ่ะนะ”
พรึ่บ!
“มันไม่ได้บ้าหรอก คุณเองก็รู้ดี” เออจ้า รู้จ้ารู้ รู้มันก็เรื่องของรู้ แต่ทำไมต้องกด ทำไมต้องคร่อม เห้ยยย โว้ยยยย "มันไม่แปลกหรอกถ้าคุณจะจำมันไม่ได้แต่ผมขอบอกไว้อีกครั้ง"
"ว่าผมแสดงละครไม่เก่งหรอกนะครับ เเล้วเวลาผมพูดอะไรที่สำคัญได้โปรดจำมันหน่อยได้ไหม ผมไม่ถนัดนักที่จะพูดมันหลายๆครั้งไม่ว่าจะเรื่องใดก็ตามแต่ผมจะพยายามทำมันให้ดีที่สุด" แบคฮยอนไม่ได้ขัดขืน กลับกันเเล้วเขาจ้องเข้าไปในดวงตาคมคายของผู้กองปาร์คอย่างไม่มีอาการเขินอายเลยด้วยซ้ำ
"ผมไม่ได้เป็นอะไรกับผู้หญิงคนนั้น และผมจะไม่ตากฝนให้เสี่ยงต่อการป่วยง่ายๆหรอกครับเพราะมันจะส่งผลกระทบต่องานผม ถ้าไม่ใช่เพราะผมเป็นห่วง"
"คุณ"
"ผมไม่ได้โง่ ผมเอาเเต่ใจไม่ต่างอะไรกับคุณ เพราะฉะนั้นสิ่งที่ผมอยากบอกทั้งหมดมีแต่ความเอาแต่ใจครับ เพราะงั้นบอกผมนะ ทุกเรื่องที่คุณอยากให้ผมลองทำ"
ปาร์คชานยอลมันเริ่มจะเหิมเกริมขึ้นทุกวันแล้วครับคุณกิตติ
TBC
มาแบบสั้นๆ..คิดถึงกันไหมตัวเองงงงงง #โดนตบ
หายไป 8 เดือน ไม่นานเนอะ....โอเคไรท์ขอโทษ
*คัดคำว่าขอโทษ 10 บรรทัด*
คิดถึงเหมือนกันเเหละเลยมาเเต่งต่อ อ่านเถอะนะขอออออ
เข้าเรื่องฟิค...ตอนหน้าเราจะให้ผู้กองไปลุยคดีก่อนต่อนะคะ ถึงเพลานั้นเราจะปล่อยให้นักแสดงบยอนได้ทบทวนความรู้สึกของตัวเองอยู่ในใจ อิอิ
ปล.เนื้อเรื่องของลู่หมินเกิดขึ้นก่อนนะคะ เเต่ไม่ได้นานมากเพราะเนื้อเรื่องของชานแบคและไคฮุนเกิดขึ้นในเวลาเดียวกันซึ่งดึกกว่านั่นเองงง
สกรีมแท๊ก #ฟิคนักโทษของคุณปาร์ค กันได้น้าาา เราไม่ได้บังคับเเค่ร้องขอ
ไม่ใช่ฟิคดราม่า มีแววว่าจะเป็นฟิคตลก
เรารักพวกนายน่ะ♥
หมายเหตุ:สโลแกนฟิคมันอาจตอแหลก็ได้ หึหึหึ
ความคิดเห็น