คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : Kapitel 05 : ระยะเวลาชนะความรู้สึกจริงหรอ?
ฟ้าร้องดังคลืนคลาน
เสียงของสายฝนสาดกระซัดผนังของคอนโดชั้นที่ 3 มันตกมาตอนไหนก็ไม่อาจทราบได้
เพราะในห้องของร่างสูงตอนนี้มีแต่เสียงวอแวของ ‘คนเมา’ ที่บังคับให้เขาเติมเหล้าเพียวๆที่เจ้าตัวเพิ่งซื้อมาจากข้างล่างเมื่อสักครู่นี้จนมันแทบหมดขวด
“พอได้แล้วมั้งแบคฮยอน”
“พ่อ..ห้ะ..พ..พ่อ..มาหรอ”
คนเมาที่นั่งพื้นพิงโซฟาอยู่ผงกหัวขึ้นมาพร้อมกับตาเรียวที่พยาปรือขึ้น
จากนั้นก็อ้าปากตกใจเพียงแวบเดียวเมื่อมโนว่าสิ่งที่โอเซฮุนบอกนั้นหมายถึงการบอกว่าพ่อของเจ้าตัวมา
แบคฮยอนกวาดสายตาที่เปิดขึ้นมาเพียงครึ่งเดียวไปทั่วห้องก่อนจะพบว่า
ไม่มงไม่มีพ่อทั้งนั้นแหละ “พ่อ..ไหนว้ะ” บ่นกระปอดกระแปดเพียงแค่สองคำเท่านั้นก่อนจะกระดกเหล้าเพียวที่เพื่อนร่างสูงเทให้จนหมดเสียรวดเดียว
ปึก!
“เท..”
“แกจะน๊อคได้น่ะแบคฮยอน”
“เป็น..พ..พ่อช้านหรออ บวกห้ายเท” แบคฮยอนพูดเสียงคางยานไม่ได้ศัพท์พลางมองเซฮุนตาขวาง
มือเรียวก็พยายามคว้าขวดเหล้าที่เพื่อนตัวสูงกอดเอาไว้แน่น
“ไม่ได้เป็นพ่อ” เซฮุนเอ่ยเสียงเรียบ
ชายหนุ่มวางขวดเหล้าไว้ข้างหลังตัวเองแล้วคว้าข้อมือของเพื่อนดาราตรงหน้า
ที่ถึงแม้จะมีอาชีพที่เรียกได้ว่า ‘บุคคลสาธารณะ’ แบบนี้ แต่นิสัยของเจ้าตัวก็ไม่เปลี่ยนแปลงเลยแม้แต่น้อยตั้งแต่คบกันมา
... หมายถึงนิสัยรั้นอะน่ะ เพราะเซฮุนไม่เคยเห็นแบคฮยอนกินเหล้ามาก่อน ยอมรับว่าตอนที่อีกฝ่ายขอซื้อเหล้าขึ้นมาแอบตกใจนิดนิด
แบคฮยอนเคยบอกว่าไม่ชอบแอลกอล์ฮอล์โดยไม่บอกเหตุผลเขาเลยสักนิด
แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นหรอก ดีซะอีก
เขาจะได้ไม่ต้องใช้ไอนั่นให้เปลือง..และมันอาจส่งผลเสียต่อตัวแบคฮยอนเอง
“แล้ว..ป..เป็น..อ่าราย” แบคฮยอนไม่ได้ดิ้นหรือพยายามสะบัดข้อมือทั้งสองข้างออกจากการเกาะกุมใดใด
กลับกันแล้วเขากลับพิงศรีษะของตัวเองลงกับแผ่นอกกว้างของเซฮุน
“เป็น..ห่วง”
“...” ร่างเล็กไม่ได้ตอบอะไรกลับไป
หัวทุยๆไม่มีทีท่าว่าจะขยับเลยสักนิด ..บยอนแบคฮยอนนี่มันน่าตีจริงๆ ให้ตายเถอะ
พูดแบบนี้แล้วคนตรงหน้ากลับไม่มีปฎิกิริยาใดใดตอบกลับมาแล้วแม่งโคตรน่าใจหาย
Rrrrrrrrrrrr
“ฮัลโหล”
เซฮุนกดรับโทรศัพท์แล้วตอบกลับปลายสายเสียงเบาเพราะไม่อยากให้แบคฮยอนรู้สึกตัว แต่พอเห็นจังหวะการหายใจที่เข้าออกกันอย่างสม่ำเสมอ
ก็พอเดาออกว่าแบคฮยอนหลับไปแล้วล่ะ
(...เป็นยังไงบ้าง...ไอคนนั้นน่ะ)
“สลบ..ไปแล้วละ” ผู้กองทีมโอเหล่มองคนในอ้อมกอดพลางกรอกเสียงตอบปลายสาย
เขาไม่ได้เห็นทั้งใบหน้าของแบคฮยอนหรอกน่ะ
เห็นเพียงแก้มข้างขวาที่แดงระเรื่อของคนตรงหน้าก็เท่านั้น
ไม่เปลี่ยนเลย..น่ารัก
(หึ..ใช้ไปกี่หยดล่ะถึงได้สลบไวนัก
นี่มันออกไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเลยน่ะ”
“...ฉันไม่ได้ใช้ไอนั่นหรอก”
(อ้าวหรอ
แล้วพี่ทำยังไงถึงให้มันสลบได้...หรือยินยอม?)
“เปล่า..เมาน่ะ”
(มอมเหล้าอะนะ! อ่อน...)
“โซจิน” ร่างสูงกดเสียต่ำปรามคนในปลายสายอย่างไม่จริงจังนัก
(แหม..ในที่สุดก็ได้ตามที่หวังสักทีสินะพี่ ไอพระเอกหน้าหวานนั่นน่ะ)
“รู้แบบนี้พี่น่าจะให้เธอมาช่วยตั้งแต่
5 ปีที่แล้ว แล้ว”
(พี่ติดหนี้ฉันน่ะ..เดี๋ยวแค่นี้ก่อนน่ะพี่)
“อื้ม..”
โอเซฮุนวางสายลงก่อนที่เจ้าตัวจะจับดาราตัวเล็กให้พลิกตัวหงายขึ้น ปาก หน้า
ใบหู รวมถึงตัว ทุกอย่างของแบคฮยอนแดงไปหมดเลย ร่างเล็กครางงุ้งงิ้งไม่ได้ศัพท์เรียกรอยยิ้มบางๆจากโอเซฮุนได้เป็นอย่างดี
“...ขอโทษน่ะแบคฮยอน”
ขอโทษที่ต้องทำแบบนี้
มือเรียวเกลี่ยปอยผมที่ปรกหน้าเพื่อนตัวเล็กขึ้นไปทัดหู
แบคฮยอนครางขึ้นอีกครั้งเพราะถูกรบกวน
“...ขอบคุณน่ะแบคฮยอน”
ขอบคุณที่ยังคงซื่อสัตย์กับมิตรภาพคำว่า
เพื่อน ของเรามาตลอดอย่างเสมอต้นเสมอปลาย
เซฮุนค่อยๆโน้มตัวลงไป
เขาชั่งใจอยู่ชั่ววินาทีนึงก่อนที่จะตัดสินใจก้มลงไปใกล้กว่าเดิม..ใกล้
จนปลายจมูกแทบชนกัน
มาถึงขนาดนี้แล้วเซฮุน นายจะถอยกลับไปไม่ได้แล้ว
“..รักน่ะ”
รัก..ความรู้สึกของฉันตลอดมา
ร่างสูงเอ่ยเสียงกระซิบก่อนจะก้มใบหน้าคมคายลงจนไม่มีช่องว่างลมหายใจระหว่างกันอีกต่อไป..
Park
Part
คงสงสัยกันละสิ ว่าในขณะที่แบคฮยอนโดนแบบนั้นผมกำลังทำอะไรอยู่
มา..เดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง
ออดดดดดดด ออดดดดด
ตอนนี้ผมกำลังกดออดอยู่หน้าห้องห้องหนึ่งซึ่งอยู่ห่างจากห้องของผมไม่มากนัก
คุณคงไม่รู้หรอกว่าผมรอคอยให้คนข้างในออกมาเปิดมากแค่ไหน...มือนี่สั่นอะบอกเลย
ปึก!
“..ฮึ่ย ใครว่ะ!!” ร่างสูงสง่าที่ใครหลายคนมักบอกกันว่า ‘งดงามราวกับเทพบุตร’
ปรากฎกายอยู่ตรงหน้าผมด้วยใบหน้ายุ่งเหยิงและเสื้อแขนยาวสีขาวตัวบางที่ยับยู่ยี่
พลั่ก!
“อั่ก! ป..ปาร์คชานยอล”
ไอสวะที่ล้มลงไปนอนกองกับพื้นเอ่ยด้วยน้ำเสียงตกตะลึงที่เห็นผมปรากฎตัวอยู่หน้าห้องของมัน
ใช่แล้วแหละ
นี่คือห้องของโอเซฮุน เซอร์ไพรส์ไหมล้า?
ผมกวาดสายตาไปทั่วห้อง
ห้องของโอเซฮุนมืดสงัด มีเพียงแสงของสายฟ้าที่ฟาดผ่าลงมาเพียงแวบเดียวเท่านั้น
ที่ทำให้ผมเห็นอะไรชัดเจนยิ่งขึ้น...แบคฮยอนอยู่ตรงนั้น..
“นี่คุณ...”
“หึ...เซอร์ไพรส์ไหมล่ะ
ถ้ามาช้ากว่านี้ผมว่ามันคงจะโคตรของโคตรเซอร์ไพรส์เลย” ไอสวะนี่มันพูดอะไรว่ะครับ?
พลั่ก!
“อ..อึ่ก”
“นี่!! สำหรับมิตรภาพที่แบคฮยอนมีให้คุณ”
ปั๊ก!!
“และนี่! สำหรับแผนชั่วๆของคุณ” ผมต่อยโอเซฮุนเป็นหมัดที่สามแล้วเห็นจะได้..ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเซฮุนจะทำแบบนี้กับเพื่อนของตัวเองได้
ถึงแม้แบคฮยอนจะอยู่ในสภาพที่มีเสื้อผ้าครบก็เถอะ
แต่เสื้อที่เลิกขึ้นจนแทบจะเกินครึ่งตัวนั่นก็ปฎิเสธไม่ได้เลยว่ามันทำให้โทสะผมพุ่งพล่านมากแค่ไหน
ถ้าแบคฮยอนเป็นอะไรไป..ผู้บังคับบัญชาการคงไม่ไว้ชีวิตผมแน่
ปึ่ก!
ผมที่กำลังจะเดินผ่านซากสวะที่ผมไม่แม้นจะอยากเสวนาด้วยสักประโยค
ต้องหยุดชะงักลงเมื่อฝ่ามือของเจ้าของห้องคว้าเอาไว้
“หึ!..สนใจอะไรกับแบคฮยอนละครับ..ผู้กอง”
พลั่ก!
ผมสะบัดขาจนฝ่ามือของโอเซฮุนต้องสลัดออกอย่างช่วยไม่ได้
“เขาอยู่ในความปกครองของผม
คุณไม่มีสิทธิ์ ทั้งสิทธิ์ในการแตะต้อง และสิทธิ์ในการสดรู้สอดเห็นเรื่องความคิดของใคร”
“อ๋อหรอ..ผมก็เป็นเพื่อนของแบคฮยอนมานาน
รู้จักกับผู้บังคับบัญชาการก็ตั้งแต่อ้อนแต่ออก...จะดีไหมถ้าเกิดผมขอคุ้มกันแบคฮยอนแทนบ้าง”
“ดูเหมือนคุณจะไม่เจ็บ”
พลั่ก!
“อ..อึก..ไม่ดีเลย..อึก..น่ะครับคุณตำรวจ
ทำร้ายประชาชนแบบนี้ได้ยังไง...หลีกเลี่ยงคำถามด้วยวิธีการซาดิสแบบนี้หรือครับ
แมนจริงๆ”
“ดูตัวเองบ้างเถอะครับผู้กองโอเซฮุน
ยศของคุณกับผมก็ไม่ได้ต่างกัน ถ้ารวมถึงนิสัยก็คิดว่าคงไกลกว่ากันไม่มาก...แต่ด้านความคิดผมว่าคุณคงต้องกลับไปดูตัวเองใหม่สักทีน่ะครับ”
“หึ..อ้อมโลกเจ็บจังครับ...ถ้าคิดเก่งนัก
คำตอบง่ายๆที่ผมถามก็คงคิดได้ไม่ยากเลย จริงไหมครับผู้กองปาร์ค”
“นั่นมันก็สิทธิ์ของคุณครับ..แต่ตอนนี้คุณแบคฮยอนอยู่ในความดูแลของผม
คุณเองก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะแตะต้อง”
“หึ! งั้นถ้าผมได้สิทธิ์นั้นมา..ผมก็จะ แตะ จะ ต้อง แบคฮยอนได้ตามสิทธิ์สิน่ะ”
“ครับ..นั่นมันสิทธิ์ของคุณ” ผมทำท่าจะเดินผ่านร่างของเขาไปอีกครั้ง
แต่เซฮุนก็ยังคงล๊อคข้อเท้าของผมเอาไว้..มันดูน่าสมเพชว่าไหมครับ
ที่ผู้กองทีมโอมานอนอยู่ใต้เท้าทีมคู่แข่งอย่างผมแบบนี้ แล้วอีกอย่าง
คำถามแต่ละอย่างที่เขาถามมามันก็ไม่มีความเกี่ยวข้องกับผมสักนิด
“สุดท้าย..คุณก็ทิ้งน้องสาวของผมเหมือนเมื่อ
2 ปีก่อนอีกแล้วสิน่ะ”
ผมพยายามสูดหายใจเข้าลึกๆเพื่อระงับสติอารมณ์ที่กำลังพวยพุ่งแทบจะปะทุ เอาจริงๆ
แค่โอเซฮุนอยู่เฉยๆ ผมก็พร้อมจะเสยหมัดเข้าใส่ใบหน้าแสนกวนประสาทของเขาได้ทุกเมื่อ
โอเซฮุนคงหมายถึงเธอคนนั้น...น้องสาวสุดที่รักของเขา
โอโซจิน
แต่ตรรกะของเขามันผิดพวกคุณว่าไหม?
ใครกันที่ทิ้งใครก่อน ผมไม่ได้อยากจะวัดหรือทำอะไรเพื่อให้ตัวเองเหนือกว่า
เพราะเรื่องแบบนี้ คนที่เหนือกว่าต่างหากที่ดูน่าสมเพช..ซึ่งนั่นก็คือผม
ผมต่างหากที่โดนทิ้ง ผมต่างหากที่โดนทำร้ายจิตใจ..ผมต่างหาก
ที่อยู่ในวงเวียนอุบาทว์แบบนี้ไม่จบสิ้น
คงผิดที่ผมเองนั่นแหละน่ะ อยากติดนิสัยความสัมพันธ์แบบวันไนท์แสตนด์แล้วก็โดนคนอื่นทำแบบนั้นกลับ
รู้สึกไม่ต่างอะไรกับการกลืนน้ำลายตัวเองสักเท่าไรนัก
บางครั้งผมก็สงสัย
คนเราจะมีความรักไปทำไม ในเมื่อรู้อยู่แก่ใจว่าถ้ามีมัน ก็ต้องเจ็บอยู่ดี
“หึ
ทิ้ง..ใครกันที่เป็นคนทิ้งผม..แล้วใครกันละที่อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมด”
“พูดเหมือนรู้”
“ครับ...อย่างน้อยผมก็ฉลาดกว่าคุณ”
“ฉลาดตรงไหนกัน..มีผู้หญิงอยู่ด้วยกันทั้งคนแล้วยังสนใจคนอื่นอีก ลูกหลาน
เพื่อน พี่น้อง หรือแฟนก็ไม่ใช่..ก็แค่คนที่อาศัยอยู่ด้วยเพราะหลบภัยเท่านั้น”
เซฮุนกระตุกยิ้ม ร่างขาวทำหน้าเจ้าเล่ห์ที่ดูยังไงก็รู้ว่าเจ้าตัวกำลังมีแผนการณ์อะไรบางอย่างอยู่ในใจ
“คุณ..จะไปรู้อะไร”
“..งั้นก็บอกมาสิครับผู้กอง..ว่าที่ทำกับบยอนแบคฮยอนไป
ที่ยอมเสียภาพลักษณ์ผู้กองใจเย็น
บุกเข้ามาทำร้ายร่างกายผมถึงที่โดยไม่กลัวผมแจ้งข้อหาบุกรุก มันทำเพื่ออะไร..”
ผมชะงักกึก...นั่นสิน่ะ คำถามนี้ไม่ยากเลย
แต่ผมแค่ไม่รู้ว่าควรจะตอบอย่างไรจริงๆโอเซฮุนก็น่าจะเดาเอาเองง่ายๆจากที่ผมบอกไปแล้วเมื่อกี้เอาก็ได้น่ะ
แต่ผมคงลืมไปว่าคนคนนี้นอกจากเรื่องที่มีเล่ห์เหลี่ยมอุบาย
ก็ใช่สมองคิดอย่างอื่นไม่ได้
“...”
“..หึ ตอบไม่ได้สิน่ะครับ” ผู้กองโอกระตุกยิ้มอีกแล้ว
ร่างสูงพยายามยันตัวให้ลุกขึ้นนั่งพิงกับกำแพงห้องด้วยสภาพเลือดกกปากและแก้มมีรอยช้ำ
“ทำ...ตามหน้าที่ครับ..ชัดไหม?”
พูดเองผมก็รู้สึกแปลกๆเองแฮะ ตลอด 2-3
วันที่ผ่านมานี้ผมดูแลคุณแบคฮยอนไม่ขาดตกบกพร่องเลยจริงๆ ดูแล...ดูแล..แล้วก็ดูแล
มันกลายเป็นเหมือนชิปสั่งการที่ฝังอยู่ในสมองของผมไปแล้วละ
มันคือหน้าที่
ข้อนี้ผมทราบดี...ก็แค่คาดว่าอะนะ
เวลาผมรับหน้าที่อะไรมาสมองของผมจะสั่งการให้ทำสิ่งนั้นอย่างดีที่สุด
เรื่องของคุณนักแสดงแบคฮยอนก็เช่นกัน
“หึ” ผู้กองโอหัวเราะในลำคอ
ถ้าให้พูดอย่างไม่สุภาพผมบอกได้เลยว่าผู้กองโอเข้าขั้นโรคจิตเลยก็ว่าได้
หมอนี่ชอบทุกสิ่งทุกอย่างที่ท้าทายโดยเฉพาะ การเอาชนะ
จะเรียกว่าการเอาชนะอย่างเดียวก็ไม่ได้มันยังไม่ครบร้อย ผมว่าผมควรจะเติมคำว่า ผม
เข้าไปอีก...มันคือการเอาชนะผม..แค่ผม
ผมคิดว่ามันเป็นสันดานของเขาไปแล้วละ
“ทีนี้ก็ปล่อยผมได้แล้วน่ะ
มันเสียเวลาชีวิตของผมมากเกินไปแล้ว”
ผมเดินผ่านหน้าโอเซฮุนไปโดยที่เขาก็ไม่ได้ห้ามปรามอะไรอย่างทีแรก
ร่างขาวของเจ้าของห้องทำเพียงมองตามการเดินของผมไม่กระพริบ
ทั้งที่มุมปากยังคงยกยิ้มอยู่
“..อึก..ฮื้ออ” แบคฮยอนครางงุ้งงิ้ง
ใบหน้าหวานขมวดคิ้วเล็กน้อยทันทีที่หลังมือของผมสัมผัสกับหน้าผากขาวที่ขึ้นสีแดงระเรื่อ...ไม่
ไม่ใช่แค่หน้าผากแต่เป็นทั้งตัวเลยต่างหาก
แบคฮยอนตัวร้อน...ร้อนมากเหมือนกับสัมผัสเตาผิงอยู่ก็ว่าได้
แต่แล้ว
คำพูดหนึ่งที่คุณซิ่วหมินย้ำผมไว้หนักหนาว่า ‘ห้ามให้แบคฮยอนแตะเด็ดขาด’ ก็ลอยเข้ามาในหัว ผมกวาดสายตาไปทั่วห้อง
พยายามสอดส่องหาต้นเหตุที่ทำให้ร่างเล็กเป็นแบบนี้ ห้องนี่มันมืดมากจริงๆ
แต่ผมยังโชคดีที่มีแสงไฟฟ้าที่ฟาดผ่ามาแทบทุก 1 นาที
คอยช่วย...และผมก็พบตัวต้นเหตุ
“คุณ...ไม่ได้ให้เขาดื่มเหล้าใช่ไหม”
ผมถามผู้กองโอเสียงต่ำพลางยกร่างของคุณแบคฮยอนขึ้นในท่าเจ้าสาว
“...ถามทำไม”
พลั่ก!
ผมเตะสีข้างโอเซฮุนไปหนึ่งทีซึ่งมันก็ไม่ได้เบาหรือแรงอะไรนัก
แต่ก็สามารถทำให้คนที่เจ็บอยู่แล้วควรญครางได้ แต่ผมว่ามันสมควรแล้วละ...โอเซฮุนเป็นเพื่อนภาษาอะไรถึงได้ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเพื่อนของตัวเองเลย
นี่หรอ คนที่พยายามจะทำตัวให้ตัวเองมีสิทธิ์ดูแลคนอื่น
“อะ..อึก ป..ปาร์คชานยอล คุณนี่มัน”
“พรุ่งนี้ผมจะส่งนายตำรวจทีมผมมารับสุนัขของคุณแบคฮยอนน่ะครับ...แน่นอนว่าคุณจะไม่ได้เจอหน้าเขาไปอีกนาน”
“...”
“คุณยังเด็กเกินไปโอเซฮุน...เด็กเกินที่จะดูแลใคร..เด็ก
เกินกว่าที่จะต่อกรกับผม”
“...คุณหมายความว่ายังไง”
“แบคฮยอนแพ้แอลกอฮอลล์ขั้นรุนแรง
แพ้..ขนาดที่ว่าถ้าดื่มมากอาจทำให้ช๊อคหรือเกิดภาพหลอน”
“...”
“ยินดีด้วยเซฮุน รอบนี้คุณชนะผม”
“...”
“เกือบทำให้คุณแบคฮยอนต้องตาย...”
ผมเดินผ่านหน้าผู้กองโอไปอีกครั้ง สีหน้าของตำรวจหนุ่มยังคงเรียบเฉยอยู่
แต่ถ้าคุณเป็นผม คุณจะเห็นความวูบไหวในแววตานั่น...เด็กคนนี้กำลังรู้สึกผิด “เป็นผม
ผมทำไม่ได้น่ะเนี่ย...” ผมส่งท้าย
ตอกย้ำความรู้สึกผิดให้ฝังลึกเข้าไปในใจของโอเซฮุน...มันไม่ตลกจริงๆ
ถ้าบยอนแบคฮยอนเป็นอะไรไปพวกเราจะทำยังไง แล้วโอเซฮุนจะทำยังไง?
นั่นคือสิ่งที่เด็กนั่นต้องเก็บไปนอนคิดในคืนนี้
“แล้วคิดว่าคงไม่มีวันทำ”
ลิฟต์เหล็กเคลื่อนที่ของคอนโดหรูลงมาถึงชั้นล่างพร้อมกับร่างของคนสองคน
เป็นเวลาสี่ทุ่มกว่ากว่าเห็นจะได้แล้ว ตรงเคาท์เตอร์และพื้นที่บริเวณใกล้เคียงของคอนโดถึงไม่มีผู้คนสักเท่าไร
จะมีก็เพียงแต่พนักงานรักษาความปลอดภัยที่เดินเวณยามกับพนักงานหน้าเคาท์เตอร์ที่ให้ความสนใจกับโทรศัพท์ในมืออยู่
ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องที่ดีทั้งสำหรับชานยอลและแบคฮยอน
ข้อแรกเลยคือแบคฮยอนไม่ได้ปิดบังใบหน้า และข้อที่สอง
การที่เขายกร่างไร้สติมาแบบนี้แน่นอนว่าต้องมีคนสงสัยเป็นแน่แท้
ฝนยังคงสาดกระซัดไม่หยุด แต่โชคดีที่ฟ้าไม่ผ่าลงมาอีกแล้ว
เหมือนกับว่าเมื่อกี้นี้ท้องฟ้ากำลังเรียกร้องให้เขาไปช่วยคนตัวเล็กในอ้อมกอดนี้กระมัง
ผู้กองหนุ่มเดินลัดเลาะไปตามทางเปียกชื้น มุ่งหน้าไปยังโรงจอด รถที่อยู่ไม่ไกลจากชั้นล่างของคอนโดสักเท่าไรนัก
“อือ..อืออออ”
นักแสดงตัวเล็กครางอึมครึมในลำคอ ทำให้ร่างสูงที่กำลังก้าวเดินไปอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดต้องหยุดชะงัก
“อือ...เหล้า...โอฮุนนนนน”
ร่างสูงคิ้วขมวดทันทีที่ได้ยินชื่อบุคคลโรคจิตที่โดนเขาซัดไปไม่รู้กี่หมัดจากปากบางที่ขึ้นสีแดงเพราะพิษไข้
“จะคิดถึงคนโรคจิตแบบนั้นทำไมกัน”
ชานยอลบ่นพึมพำ ก่อนจะก้าวเดินไปอย่างช้า ๆพยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้ร่างกายของเขาและคนตัวเล็กต้องโดนละอองฝนที่โดนลมพัดเข้ามา
“...ค..คนโรคจิต...ฮึก...ฮือออ”
ผู้กองหนุ่มชะงักฝีเท้าอีกครั้ง แต่รอบนี้จุดประสงค์มันแตกต่างออกไป..
แบคฮยอนร้องไห้
“...”
“..ฮือออ...”
“...”
“...”
“อือออ...” ชานยอลค่อยๆก้มหน้าลงไปมองเพื่อสังเกตุสีหน้าของแบคฮยอนว่าคนตรงหน้ายังไหวอยู่หรือไม่
แต่จู่ๆ เปลือกตาสีมุกที่เคยปิดสนิทก็เบิกโพลงขึ้น
พร้อมกับเสียงแหบที่แผ่แปดหลอดออกมา
“เห้ย!” แบคฮยอนโวยวายพยายามดิ้นเร้าให้ตัวเองออกจากสถานการณ์แสนมึนงงนี้
ซึ่งชานยอลก็ไม่ได้ว่าอะไร ร่างสูงไม่ได้มีท่าทีตกใจสักนิด
หนำซ้ำยังยอมวางแบคฮยอนลงแต่โดยดี
“หายเมาแล้วหรือครับ”
เมา...ก็ได้แต่คิดทบทวนเหตุการณ์เพียงในใจ แบคฮยอนขยี้ศรีษะของตัวเองเบาๆเมื่อนึกเหตุการณ์ทุกอย่างออกอย่างฉับพลัน
และเสียงแรกที่เขาตื่นมาได้ยินคือ ‘ผมทำไปตามหน้าที่’ นั่นแหละ จากนั้นเขาก็สลบไปอีกครั้ง
แบคฮยอนทำผิด...ผิดมหันต์เลย
ไม่สมควรจริงๆ เขาจะทำแบบนี้ไม่ได้
เขาจะโอนอ่อนความหล่อและความอบอุ่นของผู้ชายที่พบเจอกันเพียงแค่ 2-3 วันไม่ได้
นี่ไม่ใช่นิยายแบคฮยอน ผู้ชายคนอื่นก็หล่อเหมือนกันทำไมกูไม่รู้สึกงี้บ้างว่ะ
ไอผู้กำกับบ้ากามนั่นก็หล่อกว่าเทพบุตรอีก เอาใจกูก็เก่งทำไมกูไม่เป็นแบบนี้ว่ะ
แต่แบคฮยอนคงลืมไปว่าเขาแพ้
ผู้ชายหูกาง ที่ชื่อชานยอล ไม่ใช่ผู้ชายหล่อ
ตั้งสติหน่อยแบคฮยอน
อย่าหลงกลเขา ไม่ได้ยินหรอ? ว่าเขาบอกว่าทำตามหน้าที่น่ะ ห้ะ!
นั่นไง คิดเองก็เจ็บเองอีก
มึงมันบ้าแบคฮยอน
“...ผู้กอง...ไหนเซฮุน”
“นี่คุณไม่รู้เรื่องอะไรจริงๆหรือครับ?”
ชานยอลคิ้วกระตุก
เขาพยายามสงบสติอารมณ์อีกครั้งเมื่อได้ยินชื่อของไอสวะนั้น..จากปากแบคฮยอน
แต่ก็ต้องพยายามทำหน้าให้นิ่งเพราะไม่อยากให้คนตรงหน้าสงสัยอะไรไปมากกว่านี้...ก็ดีไม่ใช่หรอที่แบคฮยอนไม่รู้อะไร
เพราะกลัวว่าถ้ารู้แล้วเจ้าตัวจะรับไม่ได้
“รู้?...อ่า..คือผมขอโทษน่ะที่ไปขัดจังหวะคุณ”
แบคฮยอนก้มหน้าลง แทบจะสำลักความอับอายและความจุกอย่างถึงที่สุด เมื่อคิดว่าคำว่า ‘รู้’ ของผู้กองหนุ่มหมายถึง
รู้เรื่องในคอนโดห้องที่326 นั่น
“ขัดจังหวะ?”
“ก..ก็ใช่ คืองี้น่ะ
ผมก็แค่จะไปเอาของให้ป้าแม่บ้านเขา ไม่คิดว่ามันจะตกอยู่ในห้องคุณแล้วทำให้คุ..”
“เดี๋ยวครับ คุณพูดอะไร?”
“คุณไม่ต้องอธิบายอะไรหรอก
คือผมไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ที่ไป...”
“คุณแบคฮยอน”
“มั่วในห้องของคุณทั้งที่ไม่บอกไม่กล่าว
คุณคงจะอารมณ์เสียน่าดู”
“แบคฮยอน!!” แบคฮยอนหยุดพูด ช้อนสายตามองคนตัวสูงที่ตวาดเขาเสียงแข็งด้วยสายตาไม่เข้าใจ
ผิดแล้วขอโทษมันผิดตรงไหน?
ทำไมเขาต้องโมโหว่ะ หรือผู้กองจะเกลียดเราไปแล้ว...
“...เอาเป็นว่าผมขอโทษ..”
“…”
“วันนี้ผมขอไปนอนกับพี่มินซอกน่ะ” แล้วแบคฮยอนก็เดินออกจากโรงรถไป
ผู้กองหนุ่มกำลังพยายามคิดทบทวนเรื่องราวต่างๆรวมถึงคำพูดของตน
ว่าเขาทำอะไรให้แบคฮยอนเจ็บช้ำน้ำใจหรือเปล่า..แต่คิดทบทวนได้ไม่นานเขาก็ต้องรีบวิ่งตามคนตัวเล็กออกไป
บ้าจริง
ป่วยขนาดนั้นยังเดินตากฝนออกไปอีก
ซ่า ๆ
เสียงฝนสาดกระซัดห่าใหญ่
ไม่ได้ทำให้นักแสดงตัวเล็กคิดที่จะหยุดเดินเลยสักนิด ร่างกายของเขามันเจ็บปวดไปหมด
เดาว่ามันอาจจะเกิดจากอาการแพ้แอลกอฮอลล์ที่เขาดื่มเข้าไปอึกใหญ่
คงเรียกว่าอึกไม่ได้ มันทั้งขวดเลยต่างหาก แล้วเป็นไงละ
พอมีสติขึ้นมาได้ก็อยากที่จะทึ้งหัวตัวเองซะให้ได้
แน่นอนสติของเขายังไม่ครบร้อยเปอร์เซ็นต์ ภาพทางข้างหน้าของเขามันยังคงเบลอไปหน่อย
อาจด้วยเพราะสติที่มีไม่ครบถ้วนกับหยาดน้ำฝนที่หลั่งลงมาเหมือนว่าชาตินี้ฝนจะไม่ตกอีก
ต่อให้ผิวกายจะหนาวเพียงใดแต่ภายในกายมันช่างร้อนระอุเหมือนจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
แบคฮยอนกอดตัวเองเดินไปตามซอยที่ยังพอมีแสงไฟให้เห็นอยู่บ้างจากไฟฟ้าข้างทาง
“อึก..”พอคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันก็รู้สึกแปลกๆขึ้นมา
เขาเป็นลูกที่โดนตามใจมาตั้งแต่เล็กยันโต
ไม่เคยมีใครขัดใจหรือแม้แต่ตวาดใส่เลยสักครั้ง นั่นทำให้แบคฮยอนเป็นคนที่เอาแต่ใจมาจนถึงทุกวันนี้
พอเริ่มโตขึ้นมันอาจจะหายไปบ้างแล้วแต่ก็ไม่ใช่เสียทีเดียว การที่ผู้กองปาร์คตวาดใส่เขาตะกี้มันก็ยิ่งทำให้บยอนแบคฮยอนรู้สึกเหมือนจะจุกอกตายซะให้ได้
ผู้กองเขามีเวทมนต์หรอวะ 3 วันทำกูเป็นขนาดนี้ได้ยังไง ไม่สมควรเลย...ทำผิดจริงๆแบคฮยอน ทำผิด
ปึก พลั่ก!
ร่างทั้งร่างของแบคฮยอนโอนอ่อนไปตามแรงดึงของใครอีกคนจากข้างหลังอย่างง่ายดาย
ใบหน้าใสของนักแสดงชื่อดังชนเข้ากับแผงอกของใครบางคนเข้าเต็มๆ
“ใครเนี่ย! ปล่อยฉันน่ะ!”
คนตัวเล็กพยายามตะโกนแข่งกับเสียงฝน มือบางก็พยายามผลักดันแผงอกของใครก็ไม่รู้ให้ออกห่างจากตัว
“ตากฝนทำไมครับ”
เสียงทุ้มต่ำที่ไม่ได้ตะโกนหรือเบาอะไรที่เปล่งออกมาจากริมฝีปากหยักทำให้คนตัวเล็กใจกระตุก
เสียงทุ้มนี่ แบคฮยอนเองก็เดาไม่ยากเลยว่ามันมาจากใครกันแน่
พลันใจดวงเล็กข้างในอกก็เต้นแรง ทั้งที่มันเหมือนตายไปแล้วมานาน
ตึกตัก ตึกตัก
“ปล่อย! ผมจะไปหาพี่มินซอก” แบคฮยอนพยายามดิ้นด้วยแรงที่มีทั้งหมด
ซึ่งก็ไม่ต่างจากแรงมดสำหรับปาร์คชานยอลเลยสักนิดในยามที่คนตรงหน้าป่วยหนักขนาดนี้
“อย่าผิดสัญญาสิครับ”
ผู้กองหนุ่มพยายามเอ่ยเสียงเรียบ แม้นในใจจะร้อนลุ่มถึงเพียงใดก็ตาม
อยากจะว่าเด็กคนนี้ อยากจะตีเด็กคนนี้
อยากจะสั่งสอนเด็กคนนี้ อยากจะดัดนิสัยเด็กคนนี้ อยากจะพาเด็กคนนี้เข้าที่ร่มสักที
อยากจะโอบกอดร่างกายสั่นเทาของเด็กคนนี้...อยากที่จะทำให้เด็กคนนี้หายดื้อแล้วรู้สักทีว่าตัวเองทำให้คนอื่นเดือดร้อน
และเป็นห่วงแค่ไหน
“ป..ปล่อย”
“มีอะไรไม่สบายใจขอให้บอกผม
เราตกลงกันแล้วน่ะครับ”
“ก็บอกให้ปล่อย...”
“อยากทำอะไรก็บอกผมสิ”
“...”
“ไม่สบายใจอะไรก็บอกผม”
“...”
“เจ็บปวดตรงไหนก็บอกผม”
“...”
“ไม่อยากให้ผมทำอะไรก็บอกสิครับ”
“...”
“อยากให้ผมไปรับที่ป้ายรอรถเหมือนที่บอกก็แค่ส่งข้อความมาบอกผมสิ”
“...”
“ผมเป็นคนที่ทำทุกอย่างตามใจตัวเองคุณน่าจะรู้...ใช่
นั่นมันเมื่อก่อน แต่ตอนนี้ผมยังมีคุณที่ต้องรับผิดชอบ
ถ้าผมทำตามใจตัวเองแล้วมันทำให้คุณคิดมากหรือไม่สบายใจก็ถามผมสิครับ”
“...”
“ผมจะบอกคุณเพียงแค่คุณถาม”
“...”
“...”
เสียงสายฝนดังชัดเจนในโสตประสาทของร่างน้อยในอ้อมกอดของผู้กองหนุ่ม
มันไม่ได้ทำให้อบอุ่นเลยสักนิด
ร่างกายของแบคฮยอนยังคงหนาวสั่นเหมือนเดิม...แต่น่าแปลกที่หัวใจของเขาอบอุ่นไปหมด
แบคฮยอน...นายทำแบบนี้ไม่ได้
ไม่ได้เด็ดขาด...นายจะชอบคนที่เพิ่งเจอกันสามวันไม่ได้เด็ดขาด
สายฝนไม่เคยผิด...ทุกคนมักจะโทษมันทุกครั้งที่เกิดอุบัติเหตุ..เช่นกันที่ปาร์คชานยอลไม่ผิด
เขาแค่ทำตามใจตัวเองเพราะใช้ชีวิตอยู่คนเดียวมาโดยตลอด เป็นแบคฮยอนต่างหากที่เข้ามาในชีวิตของเขา
“ผมกับโซจิน..ผู้หญิงคนนั้นเราไม่ได้เป็นอะไรกันอย่างที่คุณคิด ที่ผมอธิบายคุณไม่ต้องรู้เหตุผลหรอก
รู้แค่ว่าผมอยากอธิบาย..ก็เท่านั้น”
“...”
“คุณแบคฮยอน”
“...”
“แบคฮยอนครับ”
ฟึ่บ! แล้วร่างเปียกปอนแสนปวกเปียกในอ้อมกอดของผู้กองหนุ่มก็ทิ้งลงมาทั้งตัว..แบคฮยอนสลบไปแล้ว
ให้ตายเถอะเขาน่าจะคิดได้ว่าควรจะพาแบคฮยอนเข้าร่มก่อนไม่ใช่ยืนพร่ำพรรณนาแบบนี้
ในเวลาที่คนตัวเล็กกำลังป่วยอยู่
ปากและจมูกของแบคฮยอนดูเหมือนจะแดงกว่าทุกสัดส่วนบนร่างกาย
ชานยอลอุ้มร่างของนักแสดงหนุ่มขึ้นอีกครั้งในท่าเดิม แล้วรีบวิ่งกลับไปที่โรงรถ
“ดีจัง” ริมฝีปากบางเอ่ยเสียงแผ่วเสียจนแทบไม่ได้ยิน
“...”
“...ดีจังที่เป็นคุณ”
แบคฮยอนหมายถึงอะไรกันน่ะ?
TBC
หายไปอาทิตย์กับอีก 2 3 วันอีกละ โคตรนานอะอยากด่าตัวเองเห้อม ไข้ซ้ำซ้อนตลอดอะไรท์
รู้สึกตอนนี้สั้นแปลกๆเนอะ 555 เอาน่าอย่าไปสนใจมันๆ
มาเข้าเรื่อง รู้สึกตอนนี้แปลกๆ คือไรท์มีเเนวเรื่องปูไว้ในสมองเเล้วค่ะตอนนี้
เเต่พอเเต่งไปมันก็เปลี่ยนนั่นนู้นนี่จนอาจจะไม่สัมพันธ์กับที่แพลนเอาไว้ คิดว่าแบคฮยอนรักชานยอลเร็วไปหรือเปล่าอะไรเเบบนี้
เเต่มันไม่ใช่แบบนั้นหรอกค่ะ ถ้าอ่านไปเรื่อยๆเเล้วจะเข้าใจ
ฟิคนี้เหมือนจะไม่มีอะไรซับซ้อนน่ะ เเต่ก็ซับซ้อน(?) 555 เอาเป็นว่าก็ซับซ้อนนั่นแหละ
อะไรน่ะ มีสปอยล์!!
NEXT!!
Spoil:One
"จะหนีไปไหนครับ"
"...ใคร๊ ใครหนี ไม่มี๊!!"
"..เจ็บไหมครับ"
"..." ลุง...มึงพูดอะไรออกม๊าาาาาาาาา!!
Spoil:Two
"ฮึก ฮืออ..."
"น้อง.."
"..."
"ให้พี่เล่นเป็นเพื่อนไหม?"
ไม่ใช่ฟิคดราม่า มีแววว่าจะเป็นฟิคตลก
เรารักพวกนายน่ะ♥
หมายเหตุ:สโลแกนฟิคมันอาจตอแหลก็ได้ หึหึหึ
ความคิดเห็น