คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Kapitel 03 : เป็นครั้งแรกที่รอมาเนิ่นนาน
(จุดจบของคนปากดี... ก็คือการโดนปากตีกลับนั้นแล)
บนคอนโดชั้นบนสุด ของตึก
KJ Group
มีร่างของใครคนหนึ่งวิ่งว่อนไปมาพร้อมกับแผดเสียงจนน่ารำคาน
“โหหหหหหหห วิวที่นี่มันสุดยอด!”
แบคฮยอนอ้าปากหวอวิ่งว่อนไปมาจนร่างสูงชักสีหน้าขึ้นเล็กน้อย แต่ถึงแบบนั้นเขาก็ห้ามให้แบคฮยอนหยุดร้องไม่ได้
เพราะถ้าเกิดห้ามขึ้นมีหวังได้คำไม่สุภาพตอกกลับมาว่า ‘เรื่องของผม!’ แน่ๆ เตือนไปก็ไม่ได้อะไร ปล่อยเด็กขี้เห่อให้วิ่งซนต่อไปก็แล้วกัน
นี่เป็นคอนโดชั้นบนสุดของตึก KJ Group ซึ่งการจะได้คอนโดชั้นนี้มามันค่อนข้างยาก
เพราะต้องแย่งชิงกับนายทุน นักธุรกิจอีกหลายๆคน นอกจากห้องจะดูดีและหรูหรา
แถมวิวยังสวยและเป็นห้องที่อยู่ติดกับห้องของประธาน KJ Group อย่าง ‘คิม จงอิน’ อีก
ง่ายต่อการตีสนิทเพื่อฮุบสมบัติในภายหลังใช่ไหมละ?
แต่ปาร์คชานยอลก็อยากจะกล่าวแสดงความเสียใจกับนักธุรกิจพวกนั้นเสียจริง
ทันทีที่รู้ว่าเพื่อนรักเป็นคนชวนให้เขาไปอยู่ด้วยกัน
โดยยกคอนโดห้องนี้ให้เป็นของขวัญวันเกิด
แลกกับการคุ้มกันมันเป็นดั่งบอดี้การ์ดส่วนตัว ซึ่งเอาจริงๆไอจงอินมันก็ดูแลตัวเองได้อยู่แล้ว
เพื่อนของเขาไม่ได้โง่ขนาดตกหลุมพลางใครง่ายๆ แต่พอเวลาที่ยากลำบากจริงๆ แน่นอนว่าเขาต้องทำเพื่อชดใช้มันได้อยู่แล้ว
มันไม่ได้ยากเลยสำหรับเขาที่ทำงานไม่เคยพลาดจนได้รับฉายาอันน่ายกย่องหลายๆชื่อ
ถ้าถามว่าทำไมถึงไม่ได้เลื่อนขั้น... ก็ ‘ยศผู้กอง’ คือเป้าหมายสูงสุดของชีวิตนี่นา
มันไม่มีความจำเป็นเลยสักนิดที่จะต้องขึ้นไปอยู่ในที่สูงสุดแต่ก็เสียวหน้าเสียวหลังอยู่ตลอดเวลา
มันก็ให้ความรู้สึกเหมือนการยืนอยู่กลางยอดเขาเอเวอร์เรสนั่นแหละ
แน่นอน
ถ้าคุณไม่ระวังตัว...ไม่แน่อาจมีใครบางคนวิ่งมาผลักคุณจากข้างหลังก็ได้ จริงไหม?
หรือบางทีคุณเองนั่นแหละที่จะวูบตกไปเองในยามที่สายลมแรงพัดผ่าน
อีกอย่าง ชีวิตของตัวเองแค่คนเดียวก็ไม่จำเป็นต้องใช้รายได้ที่มากมาย
แถมยังมีคอนโดราคาหลายสิบล้านที่ได้มาฟรีๆ ชีวิตคนอย่างเขาจะต้องการอะไรอีก?
มันก็มีแค่นี้...แค่นี้ที่เขาต้องการ การใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อย
แบบslow life ทำอะไรที่ท้าทายโดยไม่แคร์โลก
อยากทำอะไรก็ทำโดยไม่ต้องแคร์ใคร
สุดท้ายมนุษย์ก็ต้องเหลือตัวคนเดียวไม่ใช่หรือ?
“เงียบเถอะครับ
คุณไม่เหนื่อยบ้างหรอครับ?” ผู้กองหนุ่มทิ้งตัวลงบนโซฟานุ่มตัวยาวใจกลางห้องพลางนวดขมับเบาๆเพื่อคลายความเครียดที่โลดแล่นอยู่ในหัวสมองของเขา
การเจอโอเซฮุนไม่ใช่เรื่องที่ปรารถนาเลยมาแต่นิด
ถึงแม้ว่านั่นจะเป็นเพียงความบังเอิญก็ตาม
ถ้าถามว่าโอเซฮุนเป็นอะไรกับปาร์คชานยอล
เขาก็คงจะตอบว่าเป็น...ครูละมั้ง
ครูที่สอนให้เขารู้สึกถึงความสุขกับการอยู่บนโลกที่มีเพียงตัวเอง
โลกที่ไม่จำเป็นต้องมีพันธะ
“ไม่ต้องมาบ่นผมเลยน่ะลุง บ่นมากระวังจะแก่ลงน่ะครับบบ”
แบคฮยอนยักคิ้วให้กับคนตัวสูงที่จ้องเขาด้วยสายตาไร้อารมณ์ แต่นั่นก็ไม่ได้น่าแปลกใจเท่าไรนัก
ก่อนร่างเล็กจะวิ่งว่อนไปมา
และเกาะบานแก้วมองไปยังวิวของเมืองหลวงประเทศเกาหลีใต้ที่ถึงแม้นจะเต็มไปด้วยป่าตึก
แต่สายรุ้งที่เกิดขึ้นหลังจากฝนตกเมื่อกี้ทำให้มันดูน่ามองมากขึ้น
“อย่ามาย้อนผมครับ”
ขมวดคิ้วไม่พอใจเล็กน้อยเมื่อหันไปเห็นนักแสดงตัวเล็กที่เกาะกระจกอย่างหรรษา
แต่ก็ไม่วายหันมาแลบลิ้นปลิ้นตาอย่างกับลูกลิงใส่เขาอีก
“ผมยอมเตี้ยถ้ามันจะทำให้ตีนกาบนหน้าของผมน้อยลง”
“โอ๊ะ!” แบคฮยอนกุมหัวเอาไว้ทันทีที่มวนทิชชู่ลอยปลิวไปปะทะกับแผลที่มีผ้าพันอยู่ของเขาแบบพอดีเป๊ะ! ชานยอลชะงักไปเล็กน้อย อันที่จริงเขาตั้งใจจะปาให้โดนส่วนอื่น เพราะความหมั่นไส้เท่านั้นไม่คิดว่ามันจะโดนตรงแผลของเด็กโข่งพอดีเป๊ะๆ
แต่พอเห็นสายตาหาเรื่องแบบซนๆของแบคฮยอนที่ส่งมาแล้วเขาก็ไม่รู้สึกผิดใดใดอีก
ถ้าเด็กนี่ยังซ่าได้ เจ็บแค่นั้นคงไม่ตาย
“คุณคงลืมว่าตัวเองอยู่ในสถานะไหนน่ะครับ...หรืออยากให้ผม
เตือน ดี?” แบคฮยอนกลืนน้ำลายลงคอดังอึก
เพราะสายตาของผู้กองปาร์คที่มองมานั้น เปลี่ยนแปลงไปจนน่าขนลุกขึ้นมา
ยอมรับก็ได้ว่าผู้กองฮีตาสวย แต่...การถูกจ้องมองด้วยสายตาที่ไม่คุ้นชินแบบนั้นมันน่าขนลุกนี่นา
ให้ตายเถอะ ปาร์คชานยอลอยากจะขำแรงๆสักสองสามที
แต่ติดที่ว่ามันคงไม่เหมาะกับคนอย่างเขาน่ะนะ
ก็...ใครสั่งให้บยอนแบคฮยอนทำหน้าตาเหมือนหมาปวดท้องแบบนั้นกัน?
ก็อีแค่การโดนดุทางสายตาของเขาเด็กนั่นก็กลัวจนหัวหดหางหดแล้ว
ให้ตายเถอะเขาว่าเขาคงขู่จนเด็กมันกลัวไปหรือเปล่า? จากปากกล้าๆนี่พอโดนดุหน่อยก็หงอยเลย
จะว่าแปลกก็ได้...ถึงแม้คนอย่างชานยอลจะไม่ใช่พวกรสนิยมรักเพศเดียวกันก็เถอะนะ
แต่การที่บยอนแบคฮยอนทำตัวแบบนี้มันโคตร...น่าจับกด
เอ้ย! น่ารัก
ให้ตายสิพระเจ้า
ตั้งแต่เมื่อไรที่มีคำว่าน่ารักลอยอยู่ในหัวของเขากัน? บยอนแบคฮยอนเด็กที่ทำให้เขาเกลียดคำพูดแสนเอาแต่ใจของเจ้าตัวตั้งแต่แรกพบ
แต่ตอนนี้เขากลับมองว่าเด็กนี่เหมือนลูกหมาในห้องของแบคฮยอนที่ชื่อ ‘ยูกิ’ แล้วทั้งสองตัว เอ้ย!
หนึ่งคนกับหนึ่งตัว ไม่ได้ต่างกันเลยสักนิดสำหรับชานยอล
เขาไม่ชอบหมา
แต่ถ้าเป็นหมาตัวนี้อาจจะเก็บไว้คิดเป็นกรณีพิเศษละกันน่ะ
คิดอะไรน่ะชานยอล! ลูกหัวหน้านายน่ะ ตั้งสติไว้ เด็กคนนี้กับนายเกลียดขี้หน้ากันเข้ากระดูกดำ
ความประทับใจครั้งแรกของพวกนายก็ไม่มี ท่องไว้ๆ
“ตะ เตือนอะไรของลุง โว๊ะ! เออ ว่าแต่ เมื่อไรของของผมจะมา?” แบคฮยอนกรอกตาไปมาเลิ่กลั่ก
พยายามเปลี่ยนเรื่องคุยซึ่งชานยอลเองก็เล่นไปตามน้ำเช่นกัน
เขาไม่อยากคิดมากสักเท่าไร ตอนนี้เขาก็คิดเรื่องอื่นมามากพอเเล้ว การสร้างระยะห่างกับผู้คนก็เป็นเรื่องที่ถนัดอยู่เเล้ว
มันไม่ใช่เรื่องยากอะไรหรอก
“คงพรุ่งนี้แหละครับ คนของผมลูกที่บ้านเขาไม่สบายพอดี
วันนี้ก็ทนทนไปก่อนละกันน่ะครับ”
“แล้วเสื้อผ้าผมละ?
วันนี้จะใส่อะไร”
“ใส่ของผมไปก่อน”
“ชั้นใน?”
“ก็ของผม”
“อี๋! ถามคนอื่นก่อนไหม ว่าอยากใส่ปะ”
“อย่าโวยวายสิครับ ชั้นในตัวใหม่
ผมซื้อเก็บไว้ในลิ้นชัก”
“เออ ก็แค่นั้น!” นักแสดงหนุ่มพยักหน้าหงึกหงัก
เขาไม่ได้เคร่งเครียดเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว อีพวกครีมบำรุงต่างๆคิดว่าไม่ทาแค่คืนเดียวมันคงไม่ทำให้ผิวของเขาขรุขระหรือดำลงหรอกมั้ง
หรือถ้าจะดำลงก็คงเพราะคำด่าของผู้กองปาร์คที่แผดเผาเขาไปทั่วอณูขุมขนนั้นแล
หลังจากที่ส่องวิว ส่องห้องจนพอใจ
คนตัวเล็กก็เดินมานั่งบนโซฟาเดี่ยวที่อยู่ข้างๆชานยอลที่นอนอยู่บนโซฟาตัวยาว
พลางนักแสดงเด็กก็เช็คเรตติ้งในไอจีที่ไม่ได้เข้ามาเกือบ3 วันเพราะปัญหาหลายๆอย่างที่รุมล้อม
‘แบคฮยอนอปป้าหายไปไหน
มาอัพไอจีสักทีเถอะฉันคิดถึงพี่จะตายอยู่แล้ว’
‘โพสล่าสุดนี่สื่อถึงใครกันน้า พี่ชินวูหรือเปล่าน่า ลูกอมรสมะนาว
ฉันเคยได้ยินว่าพี่ชินวูชอบด้วยแหละ!”
‘ดูอปป้าของพวกเธอสิ หน้าแบบนี้ตุ๊ดปะ?”
‘คิดถึงแล้วนะที่รักกก เมื่อไรละครจะออนแอร์สักที”
‘ละครที่แสดง แจ่มมากครับ!
ถวายตัวเป็นแฟนบอย’
และอีกหลายๆคอมเมนท์ที่มีทั้งคำด่า
คำชื่นชม คำชงของชิปเปอร์ และคำคิดถึง ซึ่งจากที่เห็นคร่าวๆก็เห็นจะเป็นอย่างหลังเสียมากกว่า
“อ่า...ช่วงนี้ผมรู้สึกว่าไม่สบายน่ะครับ
ขอโทษทุกคนด้วยน้า เเต่ผมคิดถึงทุกคนมากเลยครับ”
(รูปปลิ้นปากแก้มป่องที่ถ่ายเอาไว้นานแล้ว)
ใช้รูปตอนนี้ไม่ได้หรอกน่ะ
อย่าลืมสิผ้าพันหัวอยู่กลางกบาลงี้คนคงไม่สงสัยเล้ยยย ถ้าเกิดโพสขึ้มาเนี่ย
“อัพไอจีหรอครับ?”
“ใช่เรื่องต้องยุ่งไหม?”
“จับมัดปากแล้วข่มขืนดีไหมครับ?”
“อะ..อะไร! ลุงพูดอะไรออกมาเนี่ย!!”
กล้ายิ่งนัก ช่างกล้ายิ่งนักท่านปาร์ค!! เห็นกูไม่โวยวาย
เห็นกูสู้ไม่ได้ตอนอยู่บนรถละเอาใหญ่เลยน่ะ!! นี่ใคร?
นี่บยอนแบคฮยอนนะครับบบบ ฮับกิโดสายดำนะเว้ย!
“พูดตามที่ใจคิดครับ” อื้อหือออ
ยิ่งกว่าโดนท่าหักงวงไอยราฟาดกลางหน้าซะอีก ท่าฮับกิโดกูนี่จ๋อยไปเลย
ลุง มึงเป็นจริงๆใช่ไหม!! อันตรายเหลือเกิน อยู่ไม่ได้แล้วเว้ยยยยย
“...”
“เตือนแล้วน่ะครับ” ชานยอลกระตุกยิ้ม
ถึงแรกเริ่มมาเราจะทะเลาะกันอย่างไม่มีใครยอมใคร แต่ตอนนี้ก็พอจะดูออกแล้วใช่ไหมละ
ว่าใครกันแน่ ที่เหนือกว่ากัน
“...”
พลางร่างสูงก็เหลือบไปเห็นเลือดที่ซึมออกมาเล็กน้อยบนผ้าพันแผลนั่น
ทำให้เขานึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้เขาปาทิชชู่ใส่หัวของบยอนแบคฮยอนไป
นั่นคงไปโดนแผลของเด็กนี่เข้าจริงๆ “มานี่สิครับ” ชานยอลเท้าศอกลงกับหน้าตักของตัวเอง
มือหนาอีกข้างนึงก็กวักเรียกแบคฮยอนมา ซึ่งอีกคนก็ทำตามอย่างว่าง่าย
นี่ก็งงตัวเองอยู่เหมือนกันว่าทำไมถึงยอมผู้กอง
คงเพราะ...สายตาที่มองมามันแตกต่างออกไป
มันเป็นครั้งแรกที่แบคฮยอนรู้สึกว่าชานยอลยังคงมีความอบอุ่นอยู่ในหัวใจ
ถึงแม้มันจะอยู่ท่ามกกลางพายุหิมะแล้วดับไปเพียงเสี้ยววิก็เถอะ
แต่ก็ปฎิเสธไม่ได้ว่าเสี้ยววินั้นมันอบอุ่นแค่ไหนไม่ใช่หรือ?
ชานยอลเขยิบตัวเพื่อให้แบคฮยอนนั่งลงข้างๆ
ถึงแม้ปากบางสีสดนั่นจะบ่นเขาอยู่เบาๆประมาณว่า ‘เรียกดีดีไม่ได้หรอทำไมต้องเรียกเหมือนหมา’ อะไรนั่นก็เถอะ แต่ชานยอลก็ไม่ได้คิดที่จะกวนตีนกลับไป
เขากลับมองว่ามันดูน่าหยิกเสียมากกว่าน่ากระทืบเหมือนประโยคกวนกวนก่อนหน้านี้
“ขออนุญาติน่ะครับ”
ชานยอลว่าพลางยื่นหน้าเข้าไปใกล้จนแบคฮยอนหลับตาปี๋ ให้ตายเถอะ! นี่ลุงเขาจะลวนลามเราแบบฟูลออฟชั่นแล้วหรอ?
โอ้ไม่! ทำไรสักอย่างสิวะไอแบคฮย๊อนนน
ผ่านไปราวๆครึ่งนาทีก็ไม่เกิดอะไรขึ้น...นอกเสียจากความรู้สึกยุกยิกบนศีรษะของเขา
พอลืมตาขึ้นมาก็หลบหน้าแทรกแผ่นดินหนีแทบไม่ทันเมื่อรู้ว่าผู้กองปาร์คไม่ได้ทำอะไรเขาเลยสักนิด
ร่างสูงยังคงมองไปบนผ้าพันแผล ค่อยแกะออกมาอย่างบรรจงเพราะกลัวว่าคนตัวเล็กจะเจ็บ
ให้ตายเถอะ
สายตาเวลาผู้กองตั้งใจนั่นมันคือ?
“คุณต้องล้างแผลน่ะครับ...”
“...” แบคฮยอนก็คิดน่ะ ว่า...บางทีปาร์คชานยอลก็
“ถ้าแผลติดเชื้อขึ้นมา...” ก็..ดี
“สมองนิ่มๆของคุณที่อ่อนต่อโลกก็อาจจะเน่าได้”
หรออออออออออออออออออออออออออออออออออออออ
“นี่หลอกด่ากันอีกแล้วหรอลุง?
จะดีกันสักวิไม่ได้ไง๊?” แบคฮยอนช้อนสายตามองร่างสูงของปาร์คชานยอล
ที่ตอนนี้เปลี่ยนสีหน้าที่ดูจริงจังตะกี้ เป็นการกวนตีนแบบต้นฉบับที่ชอบทำให้บยอนแบคฮยอนตีนกระตุกทุกครั้งยามมองดังเดิม
แต่เขาก็ไม่ได้ผลักไสปาร์คชานยอลให้ออกไปจากการแกะผ้าพันแผลหรอกนะ
“เลิกเรียกผมว่าลุงมันคงจะดีกว่านี้ครับ”
“ตื่นก่อนไหม? ฮัลโหลลลลล” ลุง ลุง ลุง
ลุง จะเรียกลุงต่อไปให้เป็นตราบาปชีวิตเลยคอยดู! หึ้ย!!
“หึ..”
ชานยอลหัวเราะในลำคอ เขาไม่อยากต่อบทสนทนาที่คุยไปยังไงก็ไม่ได้สาระกลับอีกแล้ว
พลางก็แกะผ้าพันแผลไปแทนที่จะหาเรื่องเด็กเมื่อวานซืนต่อ
แบคฮยอนเองก็เช่นกัน
เขาแค่หายใจฟึดฟัดแรงๆเพื่อบอกให้อีกคนรู้ว่ากำลังหงุดหงิด แต่จริงๆแล้วที่เขาเป็นแบบนี้มันคงเพราะ...หัวใจทำงานหนักเกินไป
ไม่รู้สิแต่แบบ...พอมองผู้กองใกล้ๆแล้วลุงแกโคตรหล่ออะ
แบคฮยอนแพ้คนสวย...แต่ไม่คิดว่าตัวเองจะแพ้คนหล่อเหมือนกัน
ถึงแม้เพื่อนร่วมช่องและนักแสดงคนอื่นๆที่เคยร่วมงานและเห็นหน้าคล่าตามาบ่อยๆครั้งก็เถอะ
สงสัยเขาคงแพ้คนหล่อ...ที่หูกางด้วยแน่ๆเลย
มันคงจะเป็นแพชชั่นแปลกใหม่ที่เพิ่งเคยสัมผัสละมั้ง...
“ยังเจ็บอยู่ไหมครับ?”
“มันก็...ปวดนิดนิด” ใช่
จริงๆแล้วมันปวดมากๆเลยแหละ ปวดไปทั่วทั้งหัวเลยแต่ที่ผ่านมาที่แบคฮยอนไม่แสดงอาการอะไรที่เกิดขึ้นบนศีรษะอาจเพราะเรื่องอื่นมันทำให้น่าปวดมากกว่า
จนลืมที่จะปวดแผลปวดหัวไปเลย
“แผลคุณยังไม่สมานกันดีเลย
ผมบอกแล้วใช่ไหมว่าให้อยู่นิ่งๆคุณก็ไม่ฟัง” ร่างสูงบ่น
เป็นครั้งแรกอีกแล้วที่แบคฮยนเห็นชานยอลพูดประโยคยาวเหยียดกลับมาทั้งที่ไม่ใช่ประโยคกวนตีน
ถึงแม้มันจะไม่ต่างกันสักเท่าไรเพราะนี่มันคือประโยคบ่นก็เถอะ
“แล้วลุงจะปามาทำไมว่ะครับ?”
“ก็ถ้าคุณเชื่อฟังผมบ้างผมคงไม่ปาหรอกครับ”
ชานยอลวางผ้าพันแผลอันเก่าไว้ข้างตัว ก่อนจะหยัดตัวลุกขึ้น เดินเข้าไปในห้องอย่างไม่บอกไม่กล่าว
ซึ่งถ้าให้ทาย แบคฮยอนว่าผู้กองปาร์คน่าจะเดินไปเอากล่องปฐมพยาบาลเป็นแน่
พลางสายตาเรียวของร่างเล็กก็เหลือบไปเห็นผ้าพันแผลอันเก่าที่คลี่เอาไว้
แค่ผ้าผันแผลสีขาวที่มีรอยเลือดเล็กๆไม่ได้ทำให้แบคฮยอนสนใจเท่ากับ...ข้อความบนนั้น
มันเขียนว่า ‘ผมเป็นคนพันแผลให้คุณ ถึงเวลาที่คุณอ่านเจอข้อความนี้ในตอนนั้นคุณคงจะอาการดีขึ้นแล้วและกำลังจะเปลี่ยนผ้าพันแผลหรือไม่ก็คุณอาจจะอยู่ที่โรงพยาบาลไหนสักแห่งในตอนนี้ใช่ไหมละ?
ถ้าเป็นอย่างหลังผมว่าคุณคงไม่เห็นมันหรอก แต่ถ้าเป็นอย่างหน้า...ผมหวังว่าคุณจะหายเร็วๆนะครับ
อ้อ!
อีกอย่าง...ที่ผมทำแผลให้คุณน่ะเพราะไม่มีพยาบาลตำรวจอยู่เลยสักคน
ผ้าที่พันอาจจะดูแหม่งๆไปหน่อยแต่ก็นั่นแหละครับ...อ่า
ผมหวังว่าคุณจะไม่ใช่คนร้ายจริงๆ – คนที่คุณอาจลืมตาขึ้นมาเห็นคนแรก’
คนที่ตื่นขึ้นมาเห็นคนแรก...ปาร์คชานยอลงั้นหรอ?
ใจเต้นแรงแปลกๆแฮะ...แต่คนพันธ์นั้นเหรอจะมาใส่ใจดูแลเขาที่มีสถานะเป็นผู้ต้องสงสัยอันดับ1ในตอนนั้น
ตำรวจไม่ได้ฝึกมาให้ใจแข็งกับคนที่ทำผิดงั้นหรอ?
แล้วการที่ชานยอลคลี่เอาไว้แบบนี้ละ ต้องการอะไร? รู้สึกงงจังแฮะ...พยายามไม่คิดดีกว่ามั้งแบคฮยอน
ไม่นานชานยอลที่หายเข้าไปในห้องก็เดินออกมาพร้อมกับกล่องปฐมพยาบาลแบบครบครัน
การที่ชานยอลมีของแบบนี้ไว้ใกล้ตัว ก็ถือเป็นอะไรที่รอบคอบดีเหมือนกันน่ะ
แต่ก็นั้นแหละ อาชีพตำรวจเป็นอาชีพที่เสี่ยงอยู่แล้ว ล้มลุกคลุกฝุ่นแทบทุกวัน
เตรียมของแบบนี้ไว้ก็เป็นเรื่องที่ดีเลยล่ะ
“แสบหน่อยน่ะครับ” ร่างสูงเอ่ยบอกขณะที่กำลังใช้สำลีชุบไปที่แอลกอลฮอลล์
แบคฮยอนพยักหน้าหงึกหงักพลางกัดปากล่างเล็กน้อยทันทีที่สำลีชุบแอลกลอฮอลล์ลากวนอยู่บริเวณแผล
ยอมรับว่าชานยอลไม่ได้มือเบาอย่างกับปุยนุ่นหรือมือหนักอะไร
เขาก็เข้าใจอยู่หรอกเพราะชานยอลเป็นผู้ชาย แต่นี่มันก็เจ็บไม่หยอกเลยละ
ถ้าไม่ติดที่ว่าชานยอลเป่าเพื่อบรรเทาอาการแสบตลอด
แบคฮยอนคงน้ำตาเล็ดไปแล้ว
ไฟฟ้าช๊อตอีกแล้วไหมละ?
หลังจากที่ล้างแผลเสร็จชานยอลก็ชุบเบตาดีน
ทาไปทั่วบริเวรแผล ร่างสูงแอบมองใบหน้าของเด็กดื้อเป็นระยะๆ
หน้าแบคฮยอนเหยเกทุกครั้งที่เขาสัมผัสลงไป แบคฮยอนกัดปากตัวเองแน่นจนห้อเลือด
ผู้กองหนุ่มแอบหัวเราะในใจเล็กน้อย ไม่คิดเลยว่าคนเอาแต่ใจอย่างบยอนแบคฮยอนจะกลัวการทำแผลขนาดนี้
ฮ่าๆ
“ไอคุณชานมึงมา...อะ อ้าว” ชานยอลชะงักการพันผ้าไว้
เช่นเดียวกันกับแบคฮยอนที่หลับตาปี๋ก็ต้องลืมตาขึ้นเมื่อได้ยินเสียงผู้มาใหม่ที่เขาไม่คุ้นชินเลย
สิ่งแรกที่คนตัวเล็กเบิกเนตรขึ้นมาเห็นนั้น
คือเสี้ยวหน้าคมของผู้หมวดปาร์คที่ห่างกับใบหน้าของเขาเพียงแค่ช่วงลมหายใจราวๆ 45
องศา พอหันไปเห็นผู้มาใหม่แบคฮยอนก็ต้องเบิกตาโพลงอย่างตกใจ
ชิบ หาย แล้ว ท่าล่อแหลมแท้
“อย่าเพิ่งผละตัวออกครับ ผมรู้คุณตกใจ
แต่ผมกำลังจะทำเสร็จแล้ว อยู่นิ่งๆไม่งั้นแผลจะปรินะครับ”
ชานยอลเอ่ยบอกด้วยสีหน้าเรียบเฉย เขาไม่มีทีท่าว่าจะตกใจสักนิด
นอกจากจะตั้งใจทำแผลให้เสร็จให้กับเด็กที่ทำตัวลุกลี้ลุกรนตรงหน้า
กะอีแค่ ‘คิม จงอิน’ มันเข้ามาในห้องเขา ไม่เห็นจะแปลกใจตรงไหนเลย
“เสร็จแล้วครับ” เพียงไม่กี่วินาทีหลังจากนั้น
ชานยอลก็ทำแผลให้แบคฮยอนเสร็จพอดี
นักแสดงหนุ่มเมื่อได้ยินดังนั้นก็รีบผละตัวออกมาจนชิดกับพนักวางมือโซฟาจนแทบจะตก
“อะ..ไอคุณชานยอล...นี่มึงล่อบยอน
แบคฮยอนเลยหรอว่ะ?” จงอินที่ยืนมองเหตุการณ์อยู่หน้าประตูเอ่ยบอกอย่างอึ้งๆ
นอกจากจะตกใจที่เห็นเพื่อนกลับมาเยือนคอนโดที่ตนเป็นคนซื้อให้ในรอบหลายสัปดาห์เป็นครั้งแรก
เขายังต้องอึ้งที่เห็นว่าชานยอลพาคนอื่นขึ้นมาที่นี่ และพอมองดีดี
คนคนนั้นกลับเป็นบยอนแบคฮยอน นักแสดงชื่อดังของค่าย YX entertainment
“ถ้าใช่...ก็บ้าดิ”
ร่างสูงเหล่ตามองนักแสดงหนุ่มที่กลอกตาใสสลับระหว่างเขาและจงอินไปมา
สงสัยคงยังช๊อคไม่หาย
“แล้ว...คุณเขามา...”
“เรื่องมันยาว” ผู้กองหนุ่มตอบแล้วยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ
ก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องน้ำโดยไม่บอกไม่กล่าว สำหรับจงอินพฤติกรรมแบบนี้ของเพื่อนรักเขาว่าเขาชินมันไปแล้ว
แต่คงไม่ใช่กับนักแสดงหนุ่มชื่อดังหน้าหวานที่นั่งอ้าปากค้างอย่างน่ารักอยู่บนโซฟาคนนั่นแน่ๆ
จงอินเดาว่าเด็กคนนี้คงทำอะไรไม่ถูกเหมือนกัน
ถึงจะแปลกใจอยู่มากที่เข้ามาเห็นสองคนนี้ในภาพที่ล่อแหลมแบบสุดๆก็เถอะ
แต่พอเห็นท่าทางของชานยอลแล้วมัน...
เพื่อนเขานะ ฉลาดยิ่งกว่ากรด
แต่พอโง่ขึ้นมา
สุดท้ายก็มักจะเดินหนีเท่านั้นแหละ J
“...”
“สวัสดีครับ^_^”
“คะ..ครับ” พอตั้งสติได้
แบคฮยอนก็รีบเปลี่ยนท่านั่งด้วยความเร็วแสง ตรงดิ่งยิ่งกว่าภูผาเสียอีกถ้าเอาไม่บรรทัดวัดได้ละก็น่ะ
ไอชิบหาย อ้าปากหวอน่าเกลียดขนาดนั้นหมดคราบนักแสดงหสุดหล่อไปเลยไหมล่ะ
แล้วยิ่งพี่ดำนามคิมจงอินตรงหน้านี่เป็นถึงนักธุรกิจใหญ่
คิดว่าอยู่ในท่าอุบาทว์มันจะแลดูไม่เหมาะสม เกิดลุงผู้กองนางคิดอยากแบล๊กเมล์ขึ้นมาจะทำยังไงละ
ก็ไม่อยากให้ตกเป็นขี้ปากใครสักเท่าไร เป็นดาราน่ะมึง มาดอะมีไหม
“อ่า..ชื่อบยอนแบคฮยอนใช่ไหมครับ?”
พี่นักธุรกิจผิวไหม้เดินมานั่งลงข้างๆแล้วส่งยิ้มหวานดุจน้ำผึ้งโรยช๊อคโกแลตมาให้
ห่านเคลือบใจซะไม่มี
จะว่าบยอนแบคฮยอนพาลไม่ได้หรอกน่ะ
อะไรที่มาจากลุงผู้กองหัวล้านน่ะ ไว้ใจไม่ได้ทั้งนั้นแหละ!
“ครับ”
“อ่า...ผมคิมจงอินน่ะครับ
เป็นเจ้าของเครือKJ Groupบริษัทเครื่องประดับเพชรของเกาหลีใต้ เผื่อคุณไม่รู้” จะไม่รู้ได้ยังไง?
รวยเป็นอันดับต้นๆของประเทศแล้วยังหล่อติดท๊อปคนดังอีก แบคฮยอนน่ะ
ไม่ค่อยชอบขี้หน้าคนคนนี้สักเท่าไรหรอกน่ะ
ทำไมน่ะหรอ? ก็ชนะโหวตโพล ‘ผู้ชายที่หล่อที่สุดในเกาหลี’ เฉียดฉิวเขาไปแบบหวุดหวิดเนี่ยดิ มันน่าเสียดายแค่ไหนคิดดูดิ
“ครับ...”
“อ่า...เย็นชาจังเลย” นักธุรกิจผิวเข้มห่อไหล่ลงแล้วทำหน้าเหมือนเสียดายเล็กน้อย
แบคฮยอนไม่เข้าใจว่าผู้ชายคนนี้เป็นอะไรกัน ทำไมเวลาพูดถึงมีคำว่า ‘อ่า’
นำหน้าเสมอ มันดูเพิ่มความเซ็กซี่งั้นหรอ? ก็ไม่นิ
“เอ่อ...ขอโทษด้วยน่ะครับ ผมยังไม่ชิน”
“อ่า...ไม่เป็นไรครับ”
จงอินส่ายศรีษะยกมือขึ้นโบกไปมาพัลวัน เหตุเพราะกลัวว่านักแสดงชื่อดังตรงหน้าจะเข้าใจผิดว่าตนนั้นน้อยใจ
แบคฮยอนเองก็เช่นกัน ถึงจะไม่ค่อยชอบขี้หน้าคิมจงอินเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
แต่พอมองดูแล้วจงอินก็เหมือนจะช่วยอะไรเขาได้มาก ถึงจะพอรู้มาจากพี่มินซอกว่าคอนโดของอีลุงผู้กองอยู่ที่ตึกของKJ Group ก็เถอะ
แต่ก็ไม่คิดว่าจะอยู่ติดติดกันงี้นี่หว่า อยู่ชั้นบนสุดขนาดนี้มันคงแพงน่าดู
ถ้าให้เดาคิมจงอินคนนี้คงให้คอนโดแก่ผู้กองแน่ๆ อีกอย่างสองคนนี้คุยกันสนิทชิดเชื้อสุดๆ
ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าต้องเป็นเพื่อนกัน
แต่นิสัยแตกต่างกันแท้ คิมจงอินดูขี้อายนิดนิด
แต่แววตาของร่างสูงยังคงแฝงไปด้วยความทะเล้นหน่อยๆที่ปิดไม่มิด
ถึงกระนั้นมันก็ไม่ได้แย่เสียทีเดียว
“ถ้าไม่ลำบากใจ
ผมขอถามคำถามอะไรหน่อยได้ไหมครับ”
“ตามสบายครับ”
“คือ..คุณแบคฮยอนมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงครับเนี่ย”
“ขึ้นลิฟต์มาครับ” ก็บอกแล้ว...แบคฮยอนน่ะเอาแต่ใจ
“หึหึ กวนประสาทเก่งเหมือนกันน่ะครับ”
จงอินยกยิ้มมุมปากพลางหัวเราะในลำคอ ดูก็รู้ว่าบยอนแบคฮยอนไม่ชอบหน้าเขา
นี่ถ้าเป็นคนอื่นจะเรียกรปภ.ให้มาไล่แล้วแล้วน่ะ
แต่นักแสดงหน้าสวยมาเยือนถึงตึกทั้งที คงจะปล่อยไล่ไปเหมือนหมูเหมือนหมาไม่ได้หรอก
มันน่าสนุกไม่ใช่หรอ?
และแบคฮยอนคงไม่รู้
ว่าคิมจงอินกวนตีนกว่าที่คิด
“ขอบคุณครับ”
“งั้นผมขอเปลี่ยนเรื่อง...คุณแบคฮยอนอายุเท่าไรครับ”
“24..ครับ”
“เด็กกว่าผมตั้งหลายปี อ่า...เรียก ‘น้องแบคฮยอนคนน่ารัก’ ได้ไหมครับ” ริมฝีปากอิ่มยกยิ้มขึ้นอีกครั้ง แบคฮยอนไม่ใช่คนอ่อนต่อโลก
ดูก็รู้ว่าคิมจงอินกำลังเต๊าะเขา คิดผิดจริงๆที่คิดว่าคิมจงอินไว้ใจได้
อะไรที่อยู่รอบกายผู้กองปาร์คนี่
อันตรายไปหมดสิน่ะ เห้อมมมม
“เอาที่สบายใจเถอะครับ...”
“ดีจัง”
นักธุรกิจหนุ่มคลี่ยิ้ม...จีบติดแล้วหรอ ง่ายไปไหม?
“งั้น...” แบฮยอนกระตุกยิ้มเยือกเย็นที่มุมปาก
นั่นก็ไม่ได้ทำให้คิมจงอินรู้สึกกลัวเลยสักนิด เขากลับว่ามันดูท้าทายเสียมากกว่า
“ผมขอเรียกคุณจงอินว่า...พี่ดำ
ก็คงได้เนอะ ดิวดิวกัน”
“...”
“^_^”
“...”
เสียแอร์ดังม๊ากมากในความคิดของคิมจงอิน
อู๊หูววว โดนเล่นไหมละมึง
ในตอนนั้นที่ผู้กองปาร์คออกมาจากห้องน้ำหมาดๆ
ก็ได้ยินประโยคหลังของคนทั้งคู่พอดี โดนแล้วจริงๆจงอิน...คนที่น๊อคมันได้
ในที่สุดก็เจอ
“อึก..หึ.. เอ่อ คุณนักแสดงครับ
ไปอาบน้ำก่อนเถอะ ผมมีอะไรจะคุยกับเพื่อนผมสักนิด”
“ก็ดี คุณลากผมออกมาจากบ้านแต่เช้าไม่ได้อาบน้ำเลย
เหนียวจะแย่...อ้อ แล้วเราคงได้เจอกันอีกยาวๆแน่ๆเลยน่ะพี่ดำ ยินดีที่ได้รู้จัก”
นักแสดงหนุ่มยิ้มร่าแล้วลุกขึ้นวิ่ง4x100 ไปตามพื้นพรมกว้างของห้อง ผ่านร่างสูงของผู้กองปาร์คไป
อยู่ให้เขาด่าแม่หรอ วิ่งดิ รอไร
“ไอ..เชดเด้” จงอินหลุดสบถคำหยาบเสียจนลืมมาดนักธุรกิจพันล้าน
ที่ฟังเพื่อนเล่ามาทั้งหมดคือเป็นอะไรที่ตะลึงแน่ๆ ‘บยอนแบคฮยอน กับ
เพื่อนของเขาเป็นญาติห่างๆกัน’ ไอชิบหาย
จะมีอะไรพีคไปกว่านี้ แล้วจากที่ไอเพื่อนคุณปาร์คมันเล่ามานี่คือแสบแท้ เออ
ไม่จำเป็นให้คุณปาร์คเขาเล่าหรอก กูนี่โดนแล้วไง เต็มๆอะเต็มๆ
อยากตะโกนใส่หน้าน้องเขาดังๆว่า ‘ผิวสีแทนบ้านแม่น้องไม่มีหรอ’ นี่ถ้าไม่ได้คิดจะจีบน้องเขาอยู่นี่โดนแล้วน่ะ
บอกเลย...
“เป็นถึงนักธุรกิจพันล้านแล้วน่ะ
เลิกพูดหยาบได้แล้ว”
“ครับคุณชายยยยย คุณปาร์คคนหล่อของสาวๆ
ผู้ไม่เคยให้คำหยาบแตะปากเลยสักนิ๊ดดดด ถุ๊ย! หมั่นไส้แท้” จงอินทำหน้าแหยพลางยืดขาไปพาดไปกับหน้าตักของชานยอลที่นั่งอยู่ข้างๆ
ผู้กองหนุ่มขมวดคิ้วไม่พอใจเล็กน้อย ก่อนจะใช้นิ้วชี้และนิ้วโป้ง
คีบหัวแม้เท้าที่ตอนนี้เป็นสีชมพูลายคิตตี้เพราะถุงเท้าของเพื่อนรักออกอย่างนึกรังเกียจ
“โตโตกันแล้ว มึงน่าจะคิดได้”
“กูมึงก็หยาบน่ะครับคุณชาย
ไม่เอาไม่พูด” จงอินทำปากจุ๊ๆแล้วส่ายนิ้วชี้ไปมา ชานยอลหล่ะหมั่นไส้เพื่อนของเขาจริงๆ
มนุษย์คนแรกที่เขาคิดว่ากวนตีนที่สุดแล้วในชีวิตก็คือคิมจงอินนี่แหละ เด็กอย่างบยอนแบคฮยอนนี่
เทียบกับหมาในปากของมันไม่ได้เลยสักนิด เขาถึงได้แอบฮาแตกตอนที่บยอนแบคฮยอนตอกกลับไอจงอินไปจนมันหน้าชานั้นแล
“กวนตีน! กลับห้องไปได้แล้วไป”
“ปาร์คไล่เค้าเลยหรอ
เค้ายึดคอนโดคืนดีไหม?”
“งั้นก็คงจะดีกว่านี้ถ้ามีพวกนักการเมืองหน้าเงินสักคนมาลากมึงไปกระทำชำเลาจนเป็นข่าวหน้าหนึ่ง”
“โหดร้าย” จงอินเบ้ปากทำหน้าตามุ้งมิ้ง
โถ กระเทยระดับ10ไหมละ?
“เลิกกวนตีนเถอะ มันน่ารำคาน”
“เชอะ! ใช่สิ กูมันไม่น่ารักเหมือนสาวไซส์นมโตที่ผับเมื่ออาทิตย์ก่อนนี่หว่า”
“ศัลยกรรมสักสิบชาติมึงก็ไม่สวยเท่าเขาหรอก
อีกระเทยสะพานแขวน”
“จ้ะ! พ่อคุณชายวังจุฑาเทพ! เออ! แล้วน้องแบคฮยอนเขาจะอยู่กับเราอีกนานไหม?” ถามตาแพรวพราวจนชานยอลอดที่จะหมั่นไส้อยู่ในใจคูณสองไม่ได้
“อยู่กับกูไม่ใช่มึง”
“มันก็เหมือนๆกันไหมล่ะ
คอนโดกูก็ติดกับคอนโดมึง กูจะ...”
“กูจะเปลี่ยนรหัสห้อง”
“เหยยย ไรว้า
มึงอย่าบอกนะว่ามึงจะ..ลักกินขโมยกินน้องเขาอะ?”
“กินบ้านมึงอะดิ
ขืนกูปล่อยให้ไอกามอย่างมึงเข้ามาป้วนเปี้ยนในห้องของกู
ที่ต่อจากนี้มันจะมีเด็กคนนั้นมาอยู่ด้วย มีหวังผู้บังคับบัญชาการได้ฆ่ากูตายแน่ๆ
ถ้ารู้ว่าลูกชายโดนแมลงวันตอม”
“เปรียบเทียบได้เชี่ยมาก”
“เออ!”
“อย่าให้กูรู้ละกั้นนนนน”
“รู้ไรมึง”
“ก็ไม่รู้สิน่ะ”
“ไปได้แล้วไปมึงอะ งานเข้ากูอีกแล้วเนี่ยตะกี้ผู้กำกับคิมแจ้งมา
เห็นบอกงานใหญ่มาก นี่แกกะไม่ให้กูพักเลยเนาะ ให้กูไปรับลูกหมาของผู้บังคับบัญชาการแบคซานเสร็จก็เรียกใช้กูละ
งี้เลื่อนยศไปเป็นสารวัตรก็ดี”
“ไม่ดีอะ กูว่าหนักกว่าที่คิด เออ
แล้วลูกหมาไหนมึง? กูไม่เห็นมีอะไรอยู่ในห้องนี้เลย”
“นี่มึงไม่รู้หรอ?”
“รู้อะไร?”
“ก็บยอนแบคฮยอนน่ะ...ตัวแทนของหมู่มวลลูกหมาซนๆเลยล่ะ”
จงอินก็อยากถามน่ะว่าใช่ ใช่ไหม แต่ในเมื่อเพื่อนของจงอินปากแข็งดุจฟอสซิลสาหร่ายในดงป่ากล้วยเยี่ยงนี้แล้ว...จงอินก็ไม่รู้จะเสือกไปทำไมละคะ
“พี่มินซอกส่งตารางงานมาให้ผมหรือยัง?”
บยอนแบคฮยอนในสภาพเสื้อสีขาวตัวยักษ์กับกางเกงขาสั้นสีดำตัวโคล่ง
เอ่ยถามขณะที่เดินออกมาจากห้องน้ำ บ่องตงๆน่ะ...ชุดนี้แม่งโป๊ชิบหาย
ถึงผู้กองปาร์คฮีจะบอกว่าเสื้อยืดนี้ซื้อใหม่ก็เถอะ...ก็ไม่ได้ซื้อไซส์กูปล่าววะ?
คอกว้างแท้ใส่เป็นเสื้อโชว์ไหล่เหมือนผู้หญิงได้ละมั้ง กางเกงยังพอโอเคน่ะ
เพราะว่าขาสั้นของผู้กองก็เลยเข่าของกูนี่แล
“นานขนาดนี้ผมนึกว่าคุณตายในห้องน้ำซะแล้ว”
“-__-“ แบคฮยอนไม่ตอบอะไรกลับไป เขาได้แต่ก่นด่าในใจ
ผู้กองปาร์คพูดออกมาได้หน้าด้านๆทั้งที่กำลังอ่านนวนิยายอะไรสักอย่างอยู่บนโซฟาตัวเดิม
โดยไม่คิดจะหันมาแยแสสภาพเขาเลยสักนิด
ปึก!
แบคฮยอนทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาตัวยาว
ตัวเดียวกับที่ผู้กองนั่งด้วยความเต็มแรงจนร่างเล็กของนักแสดงหนุ่มเด้งไปตามแรงเด้งของสปริงโซฟา
เช่นเดียวกันที่ชานยอลเด้งนิดหน่อย นั่นทำให้คิ้วหนาขมวดติดกันเพราะโดนบยอนแบคฮยอนกวนสมาธิของเขา
ผู้กองปาร์คเหล่าตามองบยอนแบคฮยอนเล็กน้อยก่อนจะกลอกตาไปมา วางนวนิยายที่ดูเหมือนตอนนี้มันเป็นหมันไปแล้วลงบนโต๊ะ
แล้วเสหน้ามองไปทางอื่น
“นี่ลุง...ถามก็ตอบดิ”
“...” แบคฮยอนขมวดคิ้วมุ่น
เป็นห่าอะไรของเขาว่ะ ถามก็ไม่ตอบ เอาแต่มองธาตุอากาศอยู่นั้นแหละ
“นี่ผู้กอง”
แบคฮยอนเขยิบเข้าไปใกล้อีกคนเล็กน้อย มือเรียวก็จับหมับเข้ากับต้นแขนแกร่งที่ตอนนี้แน่นิ่งเหมือนกับถูกเมดูซ่าสาปไปซะเฉยๆ
“...”
“นี่...” เขยิบเข้าไปอีก
“...”
“ผู้กองงงงงงหูกางงงงง”
เข้าไปอีก
“...”
“ผู้กองงงงงงงง”
เข้าไปอีกจนหน้าอกบางบดเบียดไปกับต้นแขนแกร่งของร่างสูง
ไม่หัน...เล่นตัวงี้? ได้! จัดให้ตามคติพจน์ของข้าพเจ้า
“ผู้กองครับ”
“...”
“ผู้กองปาร์คชานยอลครับ” แบคฮยอนสังเกตเห็นใบหูกางๆของผู้กองปาร์คเริ่มแดงจนเห็นได้ชัด...แบคฮยอนละอยากจะร้องเพลงนี้จริงๆ
เป็นครั้งแรกที่รอมาเนิ่นนานนนนนนนนน
คุณผู้ช๊มมมมม
เขินออกหูอย่างงี้ตกหลุมมายากูแล้ว
ก็บอกแล้ว คติประจำใจ ‘ไม่ได้ด้วยปาก
ก็ได้ด้วยมายาแหละว่ะ!’ มันได้ผล ภูมิใจชิบหาย
ในที่สุดลุงผู้กองก็ติดกับกูจนได้ อะโลฮ้าคะเพื่อนๆ เยส!
“ผู้กองปะ..”
“จะหยุดเมื่อไรครับ?” เพียงชั่ววิมือแกร่งทั้งสองข้างก็จับหมับเข้ากับข้อมือเล็กทั้งสองข้าง
แค่ชั่ววิจริงๆนะ ที่แบคฮยอนติดลมบนกับการเอาชนะของตัวเองด้วยวิธีการ ‘มายา’ที่เจ้าตัวบอก ทั้งที่จริงๆแล้ว
สำหรับปาร์คชานยอลก็คือการอ่อยดีดีนี่แล
“...” อีกแล้ว...นี่มันเหมือนสถานการณ์ในรถอีกแล้ว
โดนเขาล๊อกแขน โดนเขายื่นหน้าเข้ามาใกล้...นี่กลัวโดนอีกอย่างมาก...
“ถ้าไม่หยุดระวังได้ครางแทนพูดน่ะครับ”โอเค
ครบสูตร...
ฟหกด่เสาวง กึก กัก ปรึก ปรึ๋ย ไอ
ชิบ หาย
ปากดีเป็นเหตุขุดหลุมฝังตัวเองก็คือผลนั้นแล...
TBC
อะไรน่ะ!! นี่สิบกว่าวันเเล้วหรอ อ้อน้ออออ สำหรับคนที่ยังรอฟิคของไรท์
อยากกราบงามๆสักสองสามทีที่ทำให้รอกัน
ไรท์เตอร์เป็นไข้หนักมาก YOY + ช่วงนี้เรียนหนักแท้เพราะเข้ากีฬาสี
ครูไรท์นี่สั่งการบ้านเเทบไม่ทัน ต้องกราบจริงๆ จะพยายามมาอัพให้ไวกว่านี้นะคะYUY
อะไรนะ? นี่คิมจงกับโอเซออกมาเเล้วทั้งคู่อ่อ? มีคนรอเสี่ยวลู่กับคิมมินอ่อ?
อะไรน่ะ อยากให้ลุงผู้กองกับน้องแบคฮยอนมันจูบกันอ่อ
อะไรน่ะ อะไรน่ะ อะไรน่ะ! อะไรน่ะตอนหน้าจะมีคดี มีเสี่ยวลู่ออกหรอ?
โอเคสปอยล์แค่นี้แหละ บรัยส์
สกรีมแท๊ก #ฟิคนักโทษของคุณปาร์ค กันได้น้าาา เราไม่ได้บังคับเเค่ร้องขอ
ไม่ใช่ฟิคดราม่า มีแววว่าจะเป็นฟิคตลก
เรารักพวกนายน่ะ♥
ความคิดเห็น