ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    "ถ้าแน่จริง...ก็จับผมสิ" (CHANBAEK ft.KaiHun LuMin)

    ลำดับตอนที่ #2 : Kapitel 01 : คู่ต่อสู้เหนือเมฆ

    • อัปเดตล่าสุด 1 มิ.ย. 58


    Oxygen Blue Curve - Crosshair  


    Kapitel 01 : คู่ต่อสู้เหนือเมฆ


    (ถ้าเวลามันสามารถซื้อได้...ผมว่าผมคงซื้อไปหลายโหลเลยล่ะ)




              “อะ..โอ๊ย..” ปวด ปวดหัวไปหมด แล้ว.. ตอนนี้อยู่ที่ไหนวะเนี่ย



              แบคฮยอนพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งด้วยกำลังที่เหลือเพียงน้อยนิด ตอนนี้เขากำลังพยายามเรียบเรียงเหตุการณ์ที่ผ่านมาทั้งหมด มันเกิดอะไรขึ้น? ที่นี่ที่ไหน? ที่ที่มีเพียงเตียงเตียงเดียวตั้งอยู่กลางห้อง ไม่มีอุปการณ์เฟอร์นิเจอร์อะไรนอกจากโคมไฟหัวเตียงและหน้าต่างที่มีผ้าม่านสีขาวปลิวสไวไปตามแรงลมจากข้างนอก



              ดูก็รู้ว่านี่ไม่ใช่ห้องเขาแน่ๆ



              “อ้ะ!” นักแสดงหนุ่มอุทานออกมาด้วยความเจ็บปวดทันทีที่ขยับกาย พลางยกฝ่ามือขึ้นไปแตะศรีษะ..ตอนนี้มันมีผ้าพันแผลอยู่รอบๆหัวของเขาเลยละ



              และเพราะรอยแผลนี่ มันเลยทำให้เหตุการณ์ต่างๆลอยมาเป็นฉากๆอยู่ในสมองของเขา



              เขาไปผับSB เขาโดนผู้กำกับปลุกปล้ำ


              เขาทำร้ายร่างกายผู้กำกับ


              เขาโดนฤทธิ์ยาของผู้กำกับจนตัวเองเผลอหลับในขณะขับรถ


              เขาเจอร่างของใครคนหนึ่งอยู่กลางถนนจนต้องหักรถหลบ


              เขาหัวแตก


              และ..เขาเห็นว่าร่างของคนนั้นคือ..โด คยองซู



              “มะ..ไม่จริง” ตาเรียวสั่นระริกทันทีที่เรียบเรียงเหตุการณ์ทั้งหมดได้...ไม่จริง บยอนแบคฮยอนไม่ได้ชนคยองซู เขาหักรถหลบทันจริงๆ ถ้าชนจริงๆมันก็ต้องมีเสียงปังหรืออะไรสักอย่างสิ



              แต่ถ้าอย่างงั้น..เลือดของคยองซูละ? มันมาได้ยังไง?






              “ตื่นแล้วหรือครับ?”






              “ฮะ..อึก” นักแสดงหนุ่มสะดุ้งเฮือก จู่ๆเสียงทุ้มของใครบางคนก็แทรกเข้ามาในโสทประสาทของเขา แบคฮยอนสูดหายใจเข้าลึกลึกแล้วพยายามตั้งสติให้ได้มากที่สุด



              ใช่ เขาจะต้องไม่ตื่นตัว เขามั่นใจว่าเขาไม่ได้ชนคยองซู...ถึงจะไม่รู้ว่ากองเลือดนั่นมาจากไหนก็ตาม  ร่างเล็กกระพริบตาปริบๆแล้วหันไปมองตามทิศทางของเสียงที่ได้ยินเมื่อสักครู่



              เป็นร่างของผู้ชายในชุดเสื้อเชิตสีดำกับกางเกงยีนส์สีเดียวกับเสื้อ ใบหูที่กางๆกับทรงผมสีควันบุหรี่ที่เซ็ตมาซะดิบดี แต่ก็น่ะ เพราะใบหน้าที่หล่อเหลาก็คงจะพอหักล้างหูกางกางนั่นได้อยู่หรอก



              ผู้ชายคนนี้เกือบจะดูดีร้อยเปอร์เซนต์แล้วนะถ้าไม่ติดที่ท่ายืนเกาะอกพิงประตูแสนขี้เต๊ะกับรอยยิ้มมุมปากแบบโคตรกวนตีนนั่นแล้วบยอนแบคฮยอนคิดว่า ผู้ชายคนนี้คงเดบิวท์เป็นนักแสดงได้ไม่ยากเลย



              “เห็นผมหลับอยู่?” ตอบไปอย่างไม่ใส่ใจอะไรนักเพราะนิสัยส่วนตัวของเขา อีกอย่างคือเป็นเขาเองก็เป็นคนดังจึงไม่สามารถเสวนากับใครได้นานๆนอกจากตอบกลับไปว่า สวัสดีครับ หากแฟนคลับทักหรือพูดตอแหลอย่างเป็นมิตร ยิ่งถ้าเป็นคนแปลกหน้าควรพยายามหลีกเลี้ยง..แต่สำหรับผู้ชายคนนี้ขอให้สิทธิ์พิเศษหน่อยละกัน ปกติก็ไม่ได้หยาบคายแบบนี้หรอก แต่แบบ...เห็นแล้วหมั่นไส้ไง ยืนโพสท่ายั๊งกะนายแบบ นางคิดว่านางหล่อมาจากไหนปะ? ช่างกล้า อีกทั้งริมฝีปากอิ่มของนางที่คลี่ยิ้มแบบโคตรพออกพอใจตอนที่เห็นคนอื่นสะดุ้งตกใจเพราะเสียงตัวเองอีกน่ะ คิดแล้วขึ้น เกลียดจริงคนแบบนี้ เกลียสสสส ดูอยากสภาพการณ์แล้วคงแก่กว่าเขาอยู่หรอก แต่ถึงกระนั้นความเคารพสำหรับบยอนแบคฮยอนมันมีไว้สำหรับพวกที่สมควรจะได้รับมันเท่านั้นเว้ย!



              “ไม่มีใครตอบคำถามคนที่เพิ่งเจอหน้ากันไม่ถึงสิบวินาทีด้วยคำตอบที่ชวนหยิบปืนมายิงแบบนี้หรอกน่ะครับ คุณนักแสดง” ชายหนุ่มยังคงอยู่ในท่าเดิมและพูดเสียงเรียบออกมาได้อย่างไม่สะทกสะท้านกับประโยคกวนอวัยวะเบื้องล่างของร่างเล็กเมื่อสักครู่ แต่คนที่ตีนกระตุกนี่เห็นคงจะเป็นบยอนแบคฮยอนเสียมากกว่า



               โถ่แม่ เกิดมาทั้งชีวิตไม่เคยมีใครมาตำหนินิสัยกูแบบนี้สักคน แล้วลุงแกเป็นใครว่ะถึงมายืนเก๊กแล้วกวนตีนคนอื่นออกมาด้วยสีหน้าเรียบๆได้



              “ผมก็เป็นอยู่แบบนี้แหละครับ..ไม่ทราบว่าลุงมีปัญหาอะไรกับผมหรือเปล่า?”



              “ว่ากันตามตรรกะแล้วสิ่งแรกที่ผมคิดว่าคนที่หมดสติไปเป็นวันๆตื่นขึ้นมาในห้องที่ไม่คุ้นเคยควรจะพูดประโยคแรกกับคนที่เห็นว่า ให้ตายเถอะ ผมอยู่ที่ไหน หรือไม่ก็ เกิดอะไรขึ้นกับผม!!’ มากกว่ามากวนคนอื่นทางคำพูดด้วยนิสัยส่วนตัวน่ะครับ”



              “...”



              “และว่ากันด้วยอีกเรื่องคือผมอายุมากกว่าคุณเพียง 5 ปีเท่านั้น คงไม่มีใครเรียกคนที่แก่กว่าด้วยระยะเวลาเพียงเท่านี้ว่าลุง ใช่ไหมครับ?” พูดรัวออกมาด้วยสีหน้าที่โคตรจะเรียบได้ขนาดนี้..จะเมพไปแล้ว



              แบคฮยอนถอนหายใจออกมาอย่างหัวเสีย แวบนึงเขาเห็นริมฝีปากของผู้ชายคนนั้นกระตุกยิ้มมากกว่าที่เป็นอยู่สองเท่า ซึ่งมันแสดงออกถึงความสะใจแบบสุดสุดจากร่างสูง...ถ้าลุงแกจะกวนตีนกันแบบนี้น่ะ...



              เดี๋ยวได้เจอดีลุง เดี๊ยว นี้ต่อให้ก่อนหรอกนะ ไว้กูรู้ชื่อลุงเดี๋ยวโพสไอจีประจานเลย ระวังตัวไว้ เดี๊ยว!



              เราเงียบกันอยู่ราวๆ5 นาทีลุงแกก็ค่อยๆเดินมานั่งบนเก้าอี้ข้างเตียง ก็ไม่ได้อยากจะอะไรมากหรอกนะแต่ใครสั่งให้เข้าใกล้มากขนาดนี้มิแซบ? เหอะ!ถึงจะยิ่งมองใกล้ๆแล้วลุงแกโคตรหล่อแบบแอทแทคคูณ200ก็เถอะแต่บอกไว้ก่อนว่ากับคนแก่บยอนแบคฮยอนจะไม่มีทางหวั่นไหวเด็ดขาด!!



              “ตอนนี้คุณอยู่ในห้องพยาบาลของสน.โซลครับ”



              “แล้วทำไมผมถึงมาอยู่ที่นี่?”



              “ฟังให้จับก่อนสิครับ” ร่างสูงตำหนินักแสดงหนุ่มทางสายตาแวบนึงก่อนจะเปลี่ยนเป็นเรียบเฉยดังเดิม



             “ผมคิดว่าคุณคงจะจำผู้ชายคนนี้ได้” ชายหนุ่มล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง ควานหาอะไรบางอย่างก็เจอแล้วหยิบมันออกมาชูตรงหน้าของคนตัวเล็ก ... มันคือภาพของคยองซู



               “...”



               “ตอนนี้คุณโดคยองซูให้การรักษาอยู่ที่โรงพยาบาล เขา...” ชายหนุ่มไม่พูดอะไรต่อ เขาเว้นจังหวะหายใจที่ค่อนข้างนานบวกกับการเลียริมฝีปากอิ่มที่แห้งผาก และมันยิ่งทำให้บยอนแบคฮยอนหัวใจเต้นแรงยิ่งกว่าแผ่นดินไหว 7.2 ริคเตอร์ แบคฮยอนกลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ ซึ่งผิดกับผู้เล่าอย่างสิ้นเชิง เพราะในขณะที่แบคฮยอนลุกลี้ลุกลน ชายหนุ่มกลับนั่งกอดอกแล้วกระตุกยิ้มกวนตีนให้อย่างเคยโดยไม่เปลี่ยนสีหน้าแม้แต่น้อย ทั้งที่เรื่องที่กำลังพูดอยู่มันเป็นเรื่องคอขาดบาดตายแท้ๆ



                 เอาจริงๆนะ...แม่งโคตรกลัว



                 “เขาเกือบจะไม่รอดครับ..กระดูกซี่โครงของเขาหักจนแทงเข้ากับปอดขวา รวมถึงศรีษะที่เกิดจากการโดนกระแทกอย่างหนัก สาหัสเลยทีเดียวครับ...โชคดีที่เขารอด แต่เปอร์เซ็นการเป็นเจ้าชายนิทราก็มีสูงยิ่งนัก”



                 “...”



                  “และแน่นอน ในความสิ้งหวังยังมีความหวังครับ เปอร์เซ็นในการกลับมาเป็นปกติของเขา ก็มีเช่นกัน...” สาหัสขนาดนั้นเลยหรือ? ในใจของบยอนแบคฮยอนตอนนี้ไม่ได้คิดเรื่องที่ว่าตัวเองเป็นคนกระทำจริงหรือเปล่า แต่ตอนนี้เขากำลังคิดถึงภาพใบหน้าของคู่ปรับปากหมาของเขาที่เห็นขี้หน้ากันมาตั้งแต่ 5 ขวบเพราะเป็นเพื่อนบ้านกัน ใช่! ถึงคยองซูจะเป็นคนขี้อิจฉา หยิ่งยโส ไม่ค่อยเจียมตัว ชอบแย่งงานเขาอยู่เรื่อย และปากร้ายไม่ต่างกันกับเขาก็เถอะ แต่ก็เป็นเพราะคยองซูเช่นกันที่สามารถทำให้เขามาถึงจุดจุดนี้ได้



                  เพราะพวกเราพยายามแข่งกันจนเป็นเรื่อง แต่มันก็ดีที่เราดันรุ่งทั้งคู่ และแน่นอนหมอนั่นก็ควรจะขอบคุณเขาด้วย



                  แต่เรื่องนี้มันไม่ได้สำคัญเลย เท่ากับการที่เห็นคนที่ควรจะยืนด่าเขาฉอดๆเพราะไม่ยอมซ้อมบทหนังที่ต้องเข้าฉากด้วยหรือเรื่องอะไรที่ต้องไฝว้กันด้วยเหตุผลบางประการ ต้องนอนจมกองเลือดด้วยสภาพสลดแบบนั้น และเขาซึ่งเห็นเป็นคนแรกและไม่มีหลักฐานยืนยันว่าไม่ได้ทำจริงจริงหรือเปล่า...



                  “เราพบร่องรอยการโดนทำร้ายด้วยของแข็งบนร่างของคุณคยองซูด้วย และคนในทีมของผมสืบมาว่าคุณคยองซูกับคุณมักจะมีปากเสียงกันบ่อยครั้ง...ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องคิดถึงแรงจูงใจในการเจตนาฆ่าเลย ในเมื่อมันชัดเจนขนาดนี้อยู่แล้ว ใช่ไหมครับ?” อะไรนะ? ผู้กองเขาบ้าไปแล้วหรือ? สติสตังหายหรือไม่มีมาตั้งแต่เกิด? มันเป็นไปไม่ได้จริงๆที่คนอย่างบยอนแบคฮยอน พระเอกชื่อดังจะทำร้ายร่างกายคนอื่นด้วยแรงอารมณ์จนสาหัสขนาดนี้ แล้วยิ่งกับคยองซูแล้ว ต่อให้เกลียดกันจนไม่สามารถมองหน้ากันได้เลย เขาก็จะไม่มีวันแม้แต่จะคิดทำร้ายคยองซู ถึงเเม้ว่าจะเคยทะเลาะกันหนักถึงขั้นตบตี เเต่แบคฮยอนคิดว่าให้ตายยังไงเขาก็ไม่จิตใจต่ำทรามถึงขนาดคิดฆ่าบุคคลที่เห็นหน้ากันมาตั้งเเต่เด็กหรอก



                   “...ผะ..ผม ผมไม่ด้ะ..” ถึงจะอยากพูดให้หนักแน่นแบบดูน่าเชื่อถือก็เถอะ แต่เพราะเหตุการณ์ที่ได้ยินตะกี้มันยังคงดังก้องอยู่ในหัวเขาไม่หาย อีกทั้งความโกรธจัดกับการใส่ร้ายป้ายสีแบบดื้อๆของผู้ชายตรงหน้า ไม่แปลกที่เขาจะรู้สึกแย่



                   “คุณไม่จำเป็นต้องพูดอะไรทั้งนั้นแหละครับ มันยังไม่ใช่เวลา เอาเป็นว่าตอนนี้ผมแค่อยากรู้จักคุณก็พอ” ร่างสูงกระตุกยิ้มพลางยื่นหน้าเข้าไปหานักแสดงหนุ่มที่ทำสีหน้าไม่โอเคเท่าไรนักหลังจากเขาเล่าเรื่องราวทั้งหมด ซึ่งแตกต่างจากวินาทีแรกที่เด็กคนนี้ตื่นมาเเล้วพบหน้าเขาสิ้นเชิง



                   “สวัสดีครับ ผม ผู้กองปาร์ค ชานยอล เป็นหัวหน้าทีมปาร์ค และเป็นคนดูแลคดีของคุณ...ยินดีที่ได้ร่วมงานกันน่ะครับ คุณ แบค ฮยอน”

     

     


     

                   “ก็ผมบอกว่าผมไม่ได้ทำไงครับ! ทำไมพวกคุณต้องให้ผมมานั่งในห้องบ้าอะไรไม่รู้ที่เขาใช้สอบปากคำนักโทษเหม็นๆนี่ด้วย?” อยากจะบ้าตายเว้ยยย ทำไมคนพวกนี้ต้องให้เขามานั่งในห้องสอบปากคำที่เห็นบ่อยในหนังด้วย? เหอะ อยากบอกว่าของจริงมันแรงกว่าที่คิด ทั้งกลื่น ทั้งสีห้อง ทั้งความกดดันจากแววตาของคนพวกนี้ 



                   “ใจเย็นๆค่ะ คุณแบคฮยอน” โถ่ป้า! มึงลองมานั่งบนเก้าอี้แล้วมีกุญแจมือรัดอยู่ที่ข้อมือทั้งสองข้างกลางห้องมืดเหม็นๆ แถมมีผู้ชายหน้าตาอัปลักษณ์สองคนยืนขนาบข้างกับป้าหน้าแก่อย่างหร่อนที่ยืนถามคำถามวกไปวนมาอยู่ในห้องกระจกฝั่งตรงข้ามที่มีแอร์พร้อมดูไหมละ? นี้ยังไม่รวมถึงผู้กองปาร์คหมาที่ยืนทำตัวเป็นเงามืดอยู่ที่ห้องตรงข้ามอีกนะ คนอะไรยิ้มได้ยิ้มดี ชีวิตลุงแกเคยมีเรื่องราวเศร้าๆบ้างปะ?อยากถาม อีห่าน!



                   “หึ! ใจเย็นอะไร? คุณมีหลักฐานอะไรมากล่าวหาว่าผมทำร้ายคยองซูมันด้วย?”



                   “คุณอยู่ในเหตุการณ์นี้คะ”



                   “แล้วไง? หลักฐานแค่นี้หรอ? ผมอยู่ในเหตุการณ์ บางทีผมอาจจะดื่มเล่าเมามาแล้วจอดรถข้างทาง นอนสลบอยู่ตรงนั้นแล้วมีคนมาทำร้ายคยองซูหลังจากนั้นก็ได้นี่? แน่จริงคุณก็ไปตรวจรอยรถผมสิ ว่ามีรอยกระแทกอะไรไหม แน่ไหมละ?”



                   “คะ คือ..มันก็อาจจะเป็นไปได้ค่ะ ตะแต่มันอาจต้องใช้เวลา..”



                   “เห๊อะ! เวลา? เห็นไหม? สุดท้ายอะไรก็เป็นไปได้ทั้งนั้น คอยดูถ้าเรื่องทั้งหมดผมไม่ได้เป็นคนทำจริงๆ ผมจะจัดการพวกคุณอย่างสาสมโทษฐานที่ทำให้ผมเสียการเสียงานแถมยังเสียเวลาโคตรๆกับการที่ต้องมานั่งในห้องบ้านี่!!” นักแสดงหนุ่มกวาดสายตามองไปทั่วห้องอย่างเกรี้ยวกราด ไม่ใช่ว่าคนในสน.จะไม่รู้ว่าบยอนแบคฮยอนคือใคร...



                   บยอนแบคฮยอน ลูกชายของผู้บังคับบัญชาการบยอน แบคซาน ทำไมจะไม่รู้จัก? แถมเขายังเป็นนักแสดงชื่อดังอีกด้วย แน่นอนว่าเส้นสายมหาศาล เพียงแค่บยอนแบคฮยอนเอ่ยขอ พวกเขาทั้งทีมก็โดนไล่ออกได้ทันทีภายในพริบตา



                   แต่ยังไงหน้าที่ก็ต้องมาก่อน ยิ่งพวกเขาอยู่ ทีมผู้กองปาร์ค แล้ว เป็นการยากที่จะช่วยเหลือคุณแบคฮยอนในทุกกรณี...เพราะทุกอย่าง ขึ้นอยู่กับผู้กองปาร์คโดยแท้ ก็งี้แหละ เพราะเป็นลูกน้องจึงเจ็บปวด ;____;



                   “แล้วไงครับ?” เสียงทุ้มเย็นยะเยือกดังขึ้นเป็นครั้งแรกในตลอดชั่วโมงที่สอบปากคำนักแสดงหนุ่ม มาพร้อมกับเงาของร่างสูงจากโต๊ะทำงานมุมหนึ่งของห้องกระจกตรงข้ามงานนี้ผู้หมวดสาวเลยถอยออกมาอย่างรู้งาน...



                   “แล้วไงอะไร?..นี่ปลดล๊อคข้อมือผมได้แล้วมันอึดอัด!”แบคฮยอนขมวดคิ้วมุ่นมองผู้กองหนุ่มแล้วหันมาตะคอกใส่ผู้ชายหน้าโหดสองคนที่ยืนขนาบข้างเขามาตั้งแต่เริ่มสอบปากคำ ทำไมอะไรอะไรแม่งก็ไม่เป็นใจแบบนี้วะ? โทรศัพท์ กระเป๋าตังค์? ทุกอย่างหายหมด หรืออาจจะโดนยึดเพราะกลัวโทรไปฟ้องพ่ออะดิ โถ่ถิถัง กลัวก็บอกเหอะ ไม่เห็นต้องยึดของของคนอื่นแบบนี้เลย คนอย่างบยอนแบคฮยอนไม่ใช้เส้นหรอกเว้ย! ของแบบนี้มันต้องตาต่อตาฟันต่อฟันมีมือมีตีนครับ



                   ปาร์คชานยอลเพียงแค่เดินมายืนมองร่างเล็กด้วยสีหน้าเรียบนิ่งผ่านกำแพงกระจกเพียงแค่ไม่กี่นาทีที่ทั้งคู่เล่นสงครามจิตกันผ่านสายตา ชานยอลก็เดินไปคุยอะไรกับลูกทีมสาวของตัวเอง จากนั้นผู้กองหนุ่มก็เดินออกไป ตามด้วยลูกทีมที่อยู่ในห้องฝั่งตรงข้ามและไอโหดหน้าหักข้างๆที่เหมือนจะได้รับภารกิจอะไรบางอย่างจากหูฟัง ทำให้ในห้องเหลือเพียงแค่นักแสดงหนุ่มเพียงคนเดียว



                   เออ! อยู่คนเดียวอะ คือสิ่งที่ต้องการมานานอะ รู้...แต่แม่มึงครับ! ปล่อยให้กูอยู่ในห้องมืดมืดที่มีแสงไฟดวงเดียวนี้คืออะไร? กูเป็นดาราครับพวกฮัลโหลลลลลลล ไม่ใช่นักโทษขโมยตุ๊กตายางน่ะเว้ยเฮ้ย!



                   “เห้พวกคุณ!



                   “...”



                   (ไม่มีสัญญาณตอบรับจากเลขหมายที่ท่านเรียก)



                   “นี่! เข้าใจนะว่าอยากจะไปกันใจจะขาดรอนรอน แต่มาปลดล๊อคผมก๊อน เห้ลุง!



                   “...”



                   ยัง ยังไม่มีใครตอบอีก นี่ลาตายกันทั้งสน.แล้วไง๊? แล้วทำไมจู่ๆห้องมันก็เย็นขึ้นมาผิดหูผิดตาว่ะ? ทั้งที่ตะกี้มึงร้อนยิ่งกว่าทะเลทรายซาฮาร่าอีก กวนตีนกูมากไหมละฝนฟ้าอากาศยู้ฮูววว




                 แอดดด


                คาราบาวมากไหม?




                เสียงปริศนาดังมาจากมุมมืดของห้อง นักแสดงหนุ่มกลืนน้ำลายลงคอด้วยความยากลำบาก พลางพยายามหมุนข้อมือที่ถูกล๊อคไว้กับเก้าอี้ออก แต่ก็ไม่เป็นผล ใครจะรู้เล่าว่าดาราชื่อดังอย่างบยอนแบคฮยอนนั้นกลัวผีเสียยิ่งกว่าอะไร  ยิ่งสน.โซลที่เคยมีข่าวนักโทษผูกคอตายนี่ขอบายละจ้า นี่ก็เคยตั้งคำปฎิญาณตนตอนดูข่าวไว้แล้วนะว่าชีวิตนี้จะไม่มาแตะต้องสน.แห่งนี้แม้แต่ปลายเท้า



                แต่ความลุงแกแท้ๆ ช่างเป็นคนที่ผลักดันกูเก่งละเกิ๊นน




                แอดดดด


     

               ดังอีกเพื่อ!!!



               “เว้ยเฮ้ยยยย หมวดเว้ยย มีใครอยู่ไหม อย่าปล่อยผมไว้งี้เด๊ ผู้ก๊องงง”



               “..” ทุกอย่างในห้องยังคงนิ่งไม่ไหวติงเว้นเสียแต่บยอนแบคฮยอนที่ชักดิ้นชักงออย่างกับเป็นลมบ้าหมูอยู่บนเก้าอี้กลางห้อง



               “...”

     

     

     

               ปึก!

     

     

     

     

               “อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก” พ่อแก้วแม่แก้วลูกแก้วจ๋า แบคฮยอนโดนผีหรอกแล้วจ้าพ่อจ๋าแม่จ๋า T^T แบคฮยอนหลับตาปี๋หดคอจนแทบจะรวมร่างฟิวชั่นกับลำตัว ตัวสั่นงิกงิกยิ่งกว่าลูกหมาตกน้ำ



               “...?” ผู้มาใหม่ขมวดคิ้วสงสัยเพียงแวบเดียว ก่อนจะก้มหน้าหัวเราะส่ายศรีษะเบาเบากับความอ่อนกากของเด็กปากดีตรงหน้าที่ไฝว้กับเขาเมื่อชั่วโมงก่อน



               เด็กยังไงก็เป็นเด็กอยู่วันยันค่ำแหละน่า



               ร่างเล็กที่ตัวสั่นขวัญผวาเหมือลูกหมาตัวเปียกอยู่บนเก้าอี้ชะงักทันทีที่ไม่ได้รับการตอบโต้อะไรจากผู้เล่นฝ่ายตรงข้าม(?) แต่ได้รับมาเพียงเก้าอี้ไม้และรองเท้าหนังที่เห็นจากปลายหางตาเท่านั้น พอเงยหน้าขึ้นไปมองด้วยความกล้าที่มีทั้งหมดบยอนแบคฮยอนก็ถึงกับบางอ้อทันทีที่เห็นใบหน้าหล่อๆของ ลุงปาร์คหมาอีกครั้งในรอบวันนี้ ซึ่งยังคงคาแรคเตอร์หน้าตายได้แบบต่อให้มึงเป็นตุ๊กกี๊ชิงร้อยชิงล้านก็ไม่สามารถทำให้ลุงแกหัวเราะร่างเริ๊งร่าเริงสมวัยแก่ได้ถ้าลุงแกไม่อยากอะนะ



               “เด็กจังครับ” ร่างสูงพูดพร้อมนั่งไขว้ห้างกอดอกตัวเองด้วยท่าทางสบายๆแถมกระตุกยิ้มเพิ่มความเจ้าเล่ห์ที่มีอยู่แล้วให้มากยิ่งขึ้นจนเป็นเรื่องยากที่จะมีใครเดาระดับความกวนตีนถูก คิดว่าหล่อมาก?



               เออ! หล่อก็หล่อ นี้นึกว่าปาร์คชานยอลวงEXOนะเนี่ย...ถ้าไม่ติดที่ปากลุงแกหมาอะเป๊ะเลยละ



               “-*-“



               “ทำไมครับ?” ผู้กองปาร์คเอียงศีรษะมองนักแสดงหนุ่มด้วยสีหน้าที่คิดว่าตัวเองน่ารักที่สุดในสามโลก



               “ผมไม่ได้กลัวผี”



               “ผมก็ยังไม่ได้ว่าอะไรนี่ครับ?” อีห่าน จับผิดกูเก่งเกิ๊น ลุงมึงนี้หลายรอบแล้วน่ะ!!



               แบคฮยอนคิดว่าเขาสามารถยกมือที่กำอยู่แน่นขึ้นมาตั้นใบหน้าของคนตรงข้ามได้อย่างไม่ลังเลในเวลานี้ถ้าไม่ติดที่ข้อมือทั้งสองข้างถูกล๊อคติดกับเก้าอี้ละก็ ลุง...มึงได้หมดหล่อแน่ๆ



               “ยอมรับเถอะครับคุณนักแสดง โทษหนักจะได้กลายเป็นเบา”



               “รับ? ทำไมผมต้องรับในสิ่งที่ไม่ได้ทำด้วย?” ร่างเล็กขมวดคิ้วมุ่น เขาเบื่อกับคำถามบ้านี่ที่ถามเขามาตลอดทั้งวันแล้ว เบื่อจริงๆ ถึงแม้รอบนี้คนถามจะเป็นปาร์คชานยอลก็เถอะ ถ้าคนถามเปลี่ยนคำถามไม่เปลี่ยนก็ค่าเท่าเดิมป้าวว่ะ?



               ปาร์คชานยอลเพียงแค่ระบายยิ้มบางเบากับคำตอบเดิมๆที่ได้ยินจากคนตรงหน้า บยอนแบคฮยอนหรอ? ดูเหมือนจะเก่งนะแต่มันก็แค่ปากเท่านั้น แต่ถึงอย่างงั้นเด็กคนนี้ก็มีอะไรมากกว่าที่เห็น ปาร์คชานยอลสัมผัสได้



               แต่ว่ากันตามตรรกะอีกครั้ง...ผู้ต้องสงสัยที่โดนถามด้วยคำถามเดิมวกไปวนมามักจะตอบคำถามไม่เหมือนเหมือนเดิม นั่นแหละคือนักโทษจริงๆ .. แต่เด็กคนนี้ยังคงยืนยันว่าไม่ได้ทำและยกตัวอย่างเหตุผลกากกากออกมาได้เหมือนเดิมแบบเป๊ะๆ ก็น่ะ สมกับเป็นนักแสดงดี จำบทเก่งซะด้วย



               แกล้งเด็กต่ออีกหน่อย ผิดไหม?



               “แล้วมีอะไรที่ยืนยันว่าผมต้องเชื่อละครับ?” ผู้กองหนุ่มทำตาโตกระพริบตาปริบๆ ประหนึ่งจะบอกว่า อีน้องนักแสดง มึงมีอะไรที่สามารถเชื่อถือได้บ้างนอกจากปากหมาๆ ยังไงอย่างนั้น



               “ก็ถ้าผมอยู่ในเหตุการณ์ บางทีผมอาจจะดื่มเล่าเมามาแล้วจอดรถข้างทางหรือผมเองมากกว่าที่ประสบอุบัติเหตุป้าวว่ะ ? แล้ว...นี่! ผู้กอง” แบคฮยอนถลึงตากัดฟันกรอด เพราะผู้กองหนุ่มเอาแต่พูดใยเขาแบะแบะแบะแบบไม่มีเสียงพร้อมกับสีหน้าเรียบเฉยเจ้าเก่า แต่คุณเอ้ย แม่งกวนตีนกว่าการที่มึงแลบลิ้นปลิ้นตาใส่ซะอีก



               “น่าเชื่อถือจังเลยครับ” น่าน...กวนตีน



               “ก็บอกว่าผมไม่ได้ทำ!!ปล่อยผมไปได้แล้ว ปัญญาอ่อนกันทั้งสน.หรือไง!!” หงุดหงิดเว้ยยย โคตรหงิดเว้ยยย ผู้กองมึ๊ง รู้ฤทธิ์บยอนแบคฮยอนน้อยไปละ



               “ทำไมต้องด่าคนทั้งสน.ด้วยละครับ?”



               “ทำไมต้องมีแต่คำว่าทำไมอะลุง?” 



               “ผมถามก่อนน่ะครับ”



               “ผมจะไม่ตอบอะครับ”



               “บยอนแบคฮยอน” ร่างสูงกดเสียงต่ำทั้งที่มุมปากกระตุกยิ้มพรายขึ้นมา...ลางไม่ดีแน่ถ้าพี่แกกระตุกยิ้มแบบนี้ หรือลุงนางอาจจะยิ้มใจดีสู้เสือก็ได้(หรา) เสือบยอนอะ ไม่รู้จักหรอ



               “ครับ..ปาร์คชานยอล”



               “คุณนักแสดงครับ..” ร่างสูงเว้นจังหวะในขณะที่ยกขาที่ไขว้อยู่ลง แล้วเลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้ร่างเล็กจนแบคฮยอนถ่ายหลังสุดตัวจนแผ่นหลังติดแบะกับเก้าอี้ “ปากแบบนี้อยู่รอดมาถึงอายุยี่สิบสี่ได้ยังไงครับ?”เดี๋ยวนะ...นี่กวนตีน? โอเค๊ เดี๋ยวป๋าจัดให้



               ไม่ชนะด้วยปาก ก็ต้องชนะด้วยมายาละว่ะ!



               “หึ..”แบคฮยอนกระตุกยิ้มพลางยื่นหน้าเข้าไปนิดหน่อยแต่ก็เว้นระยะห่างไว้พอสมควร “ถึงจะปากไม่ดี”



               “...”



               “แต่ถ้าลองสัมผัสก็หวานไม่ใช่เล่นเลยนะครับ ผู้กอง J” แวบนึงแบคฮยอนว่าเขาเห็นผู้กองปาร์คชานยอลชะงักไปกับคำตอบของเขา...นี่เห็นจริงๆนะเว้ย หึ..ก็แค่ผู้กองปากหมาอะดิ โด่



               แต่ใครเล่าจะรู้ ว่าบยอนแบคฮยอนต่างหากที่ขุดหลุมฝังตัวเองชัดๆ



               “ครับ..”



               “...”



               “ก็น่าลองดีน่ะครับ”



               ลุงผู้กอง...กูพูดเล่นจ้า เอาหน้ามึงออกป๊ายยยยยยยยยยย


     

     

     

     

     

               ก็หลังจากที่บยอนแบคฮยอนโดนผู้กองปาร์คสวนหมัดกลับเข้าเต็มกำลัง คนที่ดีแต่ปากก็ทำได้เพียงเงิบกับคำตอบที่มีพลังโจมตีคูณ2000000นั่น ปาร์คชานยอลเพียงแค่หัวเราะเยาะเขาเบาๆด้วยท่าทางเย็นชา จนบางทีก็สงสัยว่าพี่แกหัวเราะหรือแช่งใครอยู่กันแน่



                เราแค่นั่งเงียบๆหลังจากนั้น ปล่อยให้ได้ยินเพียงเสียงถอนลมหายใจแรงๆของร่างเล็กเพราะความหงุดหงิดแบบถึงขีดสุด อีกทั้งอาการเฟลที่โดนเล่นกลับเมื่อสักครู่ เฟลอะเข้าใจ๋?



                “เหนื่อยหรือยังครับ”  ร่างสูงเท้าศอกลงกับหน้าตักแกร่งของตัวเองและเท้าคางช้อนตามองคนตัวเล็กที่ทำหน้ามุ่ยอยู่ตลอดเวลาตรงหน้า ปาร์คชานยอลคิดว่าถ้าเกิดปล่อยบยอนแบคฮยอนออกไปเพ่นพ่านข้างนอกตอนนี้ มีหวังสน.แตกกันแน่ คงได้วิ่งไปฉีดยาพิษสุนัขบ้ากันไม่หวาดไม่ไหว เพราะเด็กคนนี้ดูเหมือนจะหงุดหงิดสุดสุดหลังจากเขาปล่อยคำตอบที่น๊อคเอาท์เด็กนั่นได้ คงจะเงิบมากละสิเพราะคิดว่าไม่มีใครจะชนะตัวเอง...ก็แค่มวยรุ่นเล็ก



                “มีความสุขมากมั้ง?”



                “ไม่กวนผมสักประโยคไม่ได้หรอครับ?”



                “...”



                “ทำไมไม่ตอบครับ?” แบคฮยอนกลอกตาไปมาแล้วถอนหายใจแรงๆอีกครั้ง ให้ตายเถอะซาร่า ลุงแกต้องการอะไรอีก? กูตอบก็ผิด ไม่ตอบก็ผิด what da fakkkkkkk!!!!!!!!!!!



                 “ครับ เหนื่อยมากกกกกกก ยิ่งคุยกับคุณผู้กองผมก็โค-ตะ-ระเหนื่อยเลย”



                 “ไม่สนุกบ้างหรอครับ” ชานยอลเคาะนิ้วลงบนขมับ พลางปากก็คลี่ยิ้มกว้างจนเห็นฟันครบ32ซี่ เหอะ คิดว่ายิ้มงี้แล้วหล่อ?



                 เออหล่อ!



                 “ไม่เลยสักนิด” เสมองไปทางอื่นแล้วเบ้ปากสุดฤทธิ์ ลุงแกคิดได้ไงวะคุณ? ที่กวนตีนกวนตีนกันอยู่นี่กูสนุกมากมั้ง ที่ขมวดคิ้วจนหน้าย่นเหมือนหมาพันธุ์ปั๊กอยู่แล้วนี่คือกูสุขมากกกก



                 “หึหึ ผมก็ไม่ได้หวังว่าคุณจะตอบว่าสนุกหรอกครับ” บีบปลายจมูกเล็กเบาๆด้วยความหมั่นไส้ล้วนๆ “ย๊าา!!” แบคฮยอนถลึงตาด้วยความตกใจแล้วสะบัดหัวรำคาญไปมาเพราะโดนแตะเนื้อต้องตัวแบบไม่ได้ตั้งตัวจากคนตรงหน้า...นึกว่าไฟช๊อต



                  “ระวังด้วยสิครับคุณหัวแตกอยูน่ะ ลำบากผมต้องพันแผลให้ใหม่อีกสิครับ” ชานยอลละมือที่เท้าคางอยู่ออกมาข้างนึงแล้วบีบคางกับแก้มนิ่มนั่นให้หันมามองหน้าเขาดีดี



                  แรงบีบนี่พี่แกคิดว่าขยำขนมปังอยู่งี้? เขาไม่เรียกว่าหันมาคุยดีดีแต่เขาเรียกว่ากระชากแล้วเว้ย!



                  แต่เดี๋ยว? ใครพันแผลให้ใครว่ะครับ?



                  “นี่ลุงพันแผลให้ผม?”



                  “ผู้กองปาร์คชานยอลครับ”



                  “เออ มันก็เหมือนๆกันแหละ”



                  "ไม่เหมือนครับ” แบคฮยอนถอนหายใจเฮือกรอบที่ล้านของวัน ลุงแกจะอะไรนักหนาวะ?



                  “ครับบบบ ผู้กลองปลักชันโยล”



                  “สงสัยว่าตอน5ขวบคุณไม่ได้ตั้งใจเรียนวิชาภาษาเกาหลีที่ครูสอนใช่ไหมครับ?” โอเค กูรู้ละว่าคนที่กวนตีนเหนือกูยังมีลุงปาร์คหมาอีกคน ยอมแพ้จ้า ชูธงขาวเลยเอ้า



                  “ขอโทษครับ ผู้กองปาร์คคคคคค”



                  “..ครับ เก่งมากครับ ไว้เดี๋ยวผมออกไปหากระดูกมาให้นะเด็กดี” ผู้กองหนุ่มเพียงแค่ตบโปะๆไปที่หัวบยอนแบคฮยอนสองสามที แต่นั่นก็ทำให้นักแสดงตัวเล็กหดคอหนีแทบไม่ทัน เด็ก..เด็กจริงๆ ต่อให้บยอนแบคฮยอนอายุ 10ขวบหรือ24 ก็คงไม่แตกต่างกันสักเท่าไรนัก



                  ครืดดดด



                  “เห้ย ลุงจะไปไหนอะ?” แบคฮยอนเอ่ยทักร่างสูงที่จู่ๆก็ลุกขึ้นลากเก้าอี้ไม้ไปไว้มุมห้องโดยไม่บอกไม่กล่าว แถมยังเดินหันหลังไปทางประตูด้วยความรวดเร็วจนแบคฮยอนเอ่ยร้องแทบไม่ทัน



                 “ไปสวรรค์มั้งครับ” เอาจริง...ลุงแกไม่เหนื่อยเลยใช่ไหม



                 “...” 



                 “โอเคครับ มีคนมาประกันตัวคุณน่ะครับผมก็เลยจำเป็นที่จะต้องออกไปคุย” นักแสดงหนุ่มที่เหี่ยวเฉาตายซากเมื่อสักครูเปลี่ยนท่าทางทันทีที่เขาพูดจบ ใบหน้าหวานเบิกตาโพลงพร้อมกับริมฝีปากที่เริ่มคลี่ยิ้มออกมา...จนเปลี่ยนเป็นยิ้มกว้างเมื่อประมวลอะไรในสมองเสร็จจนลืมที่จะคิดถึงคำถามเมื่อสักครู่



                  คำถามที่ว่าปาร์คชานยอลน่ะหรอ? เป็นคนทำแผลให้เขา



                  ร่างสูงทำเพียงกระตุกยิ้มแล้วเตรียมจะหันหลังเดินออกไปอีกรอบ แต่ก็มีเสียงเล็กของนักแสดงหนุ่มมาเบรคไว้อีกครั้ง



                  “เดี๋ยวผู้กอง!” ร่างสุงหยุดชะงักกึก “คุณทำแผลให้ผมจริงๆน่ะหรือ?” หัวใจแบคฮยอนกำลังเต้นอย่างเชื่องช้าในขณะที่ลุ้นคำตอบจากแผ่นหลังกว้างของคนที่กวนตีนเขามาตลอดทั้งวัน มันไม่ใช่เกิดจากความอยากให้ผู้กองหนุ่มเป็นคนทำแผลให้เขาจริงๆ แต่มันเกิดจากที่ว่า ปาร์คชานยอลคนนี้น่ะหรือที่เป็นคนทำแผลให้เขาก็เท่านั้น เอาง่ายๆว่าไม่อยากจะเชื่อมากกว่า



                  “...คุณคิดอย่างงั้นหรือครับ?”



                  “...” นั่นดิ คิดไปได้ไงวะ?



                  “อะไรที่คุณอยากรู้ เดี๋ยวมันก็มีคำตอบให้คุณเองแหละครับ...แค่มันต้องใช้เวลา” ร่างเล็กขมวดคิ้วมุ่น อะไรของลุงแกครับ? อยู่ดีดีก็มีคำคมคมให้คิดได้ทั้งที่ไม่เคยพูดใส่มาก่อน เอาจริงๆคือหลายอารมณ์จนจับไม่ถูก แล้วที่พูดนี่มันหมายความว่ายังไงวะ?



                  “รู้ไหม? สน.ของเรามีกฎข้อนึงที่ผู้ต้องสงสัยไม่ควรทำน่ะครับ”



                  “...”



                  “กฎขัดใจปาร์คชานยอล”



                  “ห้ะ?”



                  “คุณทำผิดกฎตลอดเวลาเลยน่ะครับคุณนักแสดง เพราะงั้นวันนี้นอนในห้องสอบปากคำไปก่อนน่ะครับ...ขอให้โชคดี” ชิพ ฮาย ล้าววววววววว ผู้กองเมิ๊งงงง



                  “อะไรน่ะ!! ผู้ก๊องงงงง”



     

                  ปัง!!

     



                   ...อดคิดไม่ได้จริงๆว่านอกจากความหล่อแล้วผู้กองแกมีอะไรดีบ้าง? แก่ กวนตีน(ขอตัวหนามากมากกกยิ่งกว่าชั้นบรรยากาศโลกเลยนะ) แถมยังตอกกลับด้วยคำสุภาพได้แสบลึกยันทรวง ..โอเคบยอนแบคฮยอนรู้ว่าตัวเองยังไม่สามารถไฝว้กับลุงแกได้



                      ได้ลุง เดี๋ยวออกไปได้กูส่งกองทัพบยอนแบคฮยอนบุกสน.แน่ มึงรอเลยลุง!




     

     

                       เป็นเวลากี่โมงแล้วไม่รู้ที่บยอนแบคฮยอนได้แต่ถอนหายใจทิ้งอยู่ในห้องบ้านี่หลังจากผู้กองปาร์คเดินออกไป เห็นบอกว่ามีคนมาประกันตัวแล้วไงว้ะ! ไม่ใช่อะไรหรอก



                       นอกจากจะเหนื่อยที่จะนั่งแล้วสำคัญอีกอย่างคือ หิวมากกกกก กินหมวดมนุษย์ป้าพุงย้วยที่เดินส่งเอกสารผ่านห้องแล้วขยิบตามองกูทุกครั้งได้ทั้งตัวเลยอะเอาจริงๆ



                       “ปึกปึก!”ในขณะที่นักแสดงหนุ่มกำลังแห้งเหือดเยี่ยงซอมบี้ตายซากอยู่บนเก้าอี้นักโทษนี่ ก็มีคนเคาะกระจกกำแพงจากห้องตรงข้ามราวๆสองสามครั้ง และนั่นก็ทำให้แบคฮยอนรู้ว่าดูเหมือนฟ้ายังคงเป็นใจเขาอยู่

    เพราะคนที่เคาะกระจกห้องตรงข้ามคือ พี่มินซอก’ 



                       รอดแล้วเเม่ ไม่ตายแล้วโว้ยยยยยย

     




     

                       “พี่มินซอกกกกกกก ฮือออออ” แบคฮยอนวิ่งเข้าไปกระโดดกอดเมนเนเจอร์หนุ่มเสียเต็มรักจนพี่มินซอกแทบจะล้มลงไปกับพื้นหลังจากที่มีคนเข้าไปไขกุญแจออกให้เขาเมื่อสักครู่



                       “เห้! ใจเย็นๆอิหนู พี่จะล้มแล้ว”



                       “ก็แบคดีใจอะ นี่นึกว่าจะอดตายอยู่ในห้องหลอนนั่นแล้วนะเนี่ย”



                       “หึ คิดหรอว่าพี่จะปล่อยให้นายอดตาย”



                       “ไม่ แน่นอน! พี่มินซอกใจดีที่สุดในโลกเลย” แบคฮยอนกอดรัดพี่มินซอกแน่นจนแทบหายใจไม่ออก มินซอกเองก็ไม่อยากจะบอกหรอกว่านานมากแล้วที่ไม่เห็นแบคฮยอนแสดงความรักต่อเขาแบบนี้ คงตั้งแต่เดบิวท์ใหม่ๆละมั้ง ก็เด็กนี่นับวันยิ่งวางมาดแถมเอาแต่ใจเข้าทุกวัน แต่ถึงแบบนั้นเพราะเขาอยู่กับแบคอยอนมาหลายปี ก็พอจะรู้แหละว่าน้องมันเป็นยังไง



                       เขาพยายามติดต่อกับแบคฮยอนทั้งคืนเลยเพราะน้องมันไม่ยอมรับโทรศัพท์ ไม่ยอมติดต่อมา ไปหาที่ผับก็แล้ว แต่ก็เจอแค่ซากทีมงานที่นอนเกลื่อนเต็มไปหมด พอไปหาในห้องน้ำก็จอผู้กำกับซีวอนนอนสลบอยู่ข้างใน นี่ก็อุตส่าห์เข้าไปเรียกด้วยความเป็นห่วงน่ะ แต่พอได้ยินเสียงครางว่า แรงๆเลยแบคฮยอน มินซอกถึงกับยั้งหมัดไว้แทบไม่ทัน แต่ถ้าดูจากสภาพการของผู้กำกับบ้านั่นแล้ว ดูเหมือนน้องเขาจะฉลาดอยู่มากโข แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดีเพราะยังหาแบคฮยอนไม่พบอยู่ดี และก็มีเรื่องให้ปวดหัวอีกครั้งเพราะคริสโทรมาบอกให้ช่วยตามหาคยองซูเด็กในสังกัดของเราอีกคน เขาเลยต้องระเหเร่ร่อนอยู่ทั้งคืนรวมถึงประธานจางกับอิคริสเพื่อนรักด้วย



                        หลังจากตามหามาทั้งคืนก็ไร้วี่แววแบคฮยอนและคยองซูจนอี้ชิงต้องโทรไปไปหาตำรวจเพราะครบชั่วโมงแจ้งคนหายได้แล้วนั่นแหละ ถึงได้รู้ว่าแบคฮยอนอยู่ที่สน.โซล แต่เรื่องช๊อคโลกมันอยู่ตรงที่ แบคฮยอนชนคนจนเจ็บสาหัสแล้วทำร้ายร่างกายซ้ำอีก แถมคนคนนั้นคือคยองซู นั่นแหละ อี้ชิงถึงกับเป็นลมล้มตึงทันทีหลังจากรู้ข่าว



                        จะว่าไปเขาก็ไม่มีทางเชื่อหรอกว่าแบคฮยอนจะเป็นคนทำร้ายคยองซู จริงอยู่ที่สองคนนี้ทะเลาะกันบ่อยมากแล้วรุนแรงจนถึงขั้นต่อยกันหลายครั้ง แต่เขาก็ดูออกว่าเด็กมันผูกพันธ์เกินกว่าที่จะมาฆ่าแกงกัน เพราะเด็กสองคนนี้มีนิสัยที่คล้ายคลึงกัน ขิงก็ร่าข่าก็แรง ไฟมันเลยลุกโชติช่วงจนเกินเลยถึงขั้นทำร้ายร่างกายกันและกัน



                        แต่ใครเล่าจะรู้ว่าหลังจากนั้นมันสองคนก็นอนกอดกันเหมือนลูกแมวบนโซฟาหลังจากถ่ายฉากหนังเสร็จแล้วกำลังรอเขากับคริสที่คุยเรื่องงานต่อไปในวันพรุ่งนี้กับผู้จัด



                        สองคนนั่นก็เหมือนกับคู่แฝดนั่นแหละ เกลียดกันแค่ไหน สุดท้ายก็รักกันเท่านั้นเพราะอยู่ด้วยกันมานานมาก



                        ยอมรับว่าตกใจอยู่ลึกลึกที่มีคดีแบบนี้ออกมาและเกิดขึ้นกับเด็กสองคนนี้ ซึ่งทั้งเขา อี้ฟาน และอี้ชิง สามารถปฎิเสธได้เสียงแข็งเลยว่ามันเป็นไปไม่ได้ แต่จากที่ตำรวจเขาเล่ามา แค่เสียงของพวกเราสามคนมันก็ยืนยันอะไรไม่ได้เพราะแบคฮยอนอยู่ในสถานที่เกิดเหตุบวกกับอะไรหลายอย่างที่มันลงตัวกันแบบเป๊ะๆ นั่นเลยทำให้แบคฮยอนดิ้นไม่หลุด



                         และแน่นอน คนอย่างมินซอกจะไม่ยอมให้แบคฮยอนต้องเสียชื่อเสียงและลำบากด้วยการมากินข้าวแดงในคุกหรอก



                         “แบคฮยอน คือ...”



                         “...” นักแสดงหนุ่มคลายกอดออกจากเมเนเจอร์ของตัวเอง ก่อนจะทำหน้าตาซึมๆอย่างรู้ทันว่าเขาจะพูดอะไร



                         “นายไม่ได้ทำจริงๆใช่ไหม?”



                         “พี่ไม่เชื่อใจผมหรอ?”



                         “ไม่ใช่ว่าพี่ไม่เชื่อ พี่แค่อยากได้ยินจากปากนายชัดๆ”



                         “...”



                         “แบคฮยอน..” มินซอกรู้สึกใจไม่ดีขึ้นมากะทันหันหลังจากเด็กในสังกัดของเขาเงียบไปนาน แววตาของแบคฮยอนฉายชัดถึงความรู้สึกหน่วงในใจ และนั่น...มินซอกก็ดูออกดว่าแบคฮยอนคงรู้สึกไม่ต่างกันกับเขาเท่าไรนัก เผลอๆอาจจะแรงกว่า...



                         “...”



                         “แบค..”



                         “ครับ” ร่างเล็กก้มหน้าจนคางชิดกับอก ให้ตายเถอะเขาไม่คิดว่าคนร้องไห้ยากอย่างตัวเขาต้องมาเสียน้ำตาให้กับความรู้สึกบ้านี่ที่เกิดขึ้นเพราะโดคยองซูเลยแท้ๆ ไม่เคยคิด..



                         “เห้อออ อย่าร้องสิ พี่รู้นายทำดีที่สุดแล้ว” เมเนเจอรืหนุ่มถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกแล้วดึงร่างของบยอนแบคฮยอนเข้ามากอดปลอบเบาๆ



                         “ฮึก...มันยากอะพี่ ผมลบภาพบ้าบ้านั่นออกจากความคิดไม่ได้เลยจริงๆ”



                         “พี่รู้” เขาทำอะไรไม่ได้จริงนอกจากการลูบหลังน้องเบาเบา เพราะแบคฮยอนไม่เคยร้องไห้นอกจากฉากดราม่าในละคร แบคฮยอนเข้มแข็งเกินกว่าจะร้องไห้มาตลอด เขาเองก็ไม่รู้จะช่วยยังไงแล้วเหมือนกัน



                         “..ฮึก” นักแสดงหนุ่มไม่ได้กอดตอบพี่มินซอกแต่อย่างใด เขาทำเพียงแค่ให้ภาพนั่นไหลผ่านไปกับน้ำตาโดยพยายามกลั้นเสียงสะอื้น แค่หวังว่ามันจะช่วยได้



                         ไม่นานนักเมเนเจอร์หนุ่มก็ค่อยๆดึงตัวของแบคฮยอนออกเพราะดูเหมือนเขาจะเลิกร้องแล้ว



                         “...”



                         “นายรู้ใช่ไหม? ว่าเรื่องทั้งหมดมันใหญ่แค่ไหน?”



                         “...”



                         “ถ้าข่าวแพร่ออกไป ชื่อเสียงของนายก็ต้องพังยับแน่ๆต่อให้มันไม่จริงก็เถอะ”



                         “ครับ ผมรู้”



                         “อื้ม...โชคยังเข้าข้างเราที่ไม่มีใครรู้ข่าวนี้เลยนอกจากคนในสน.แล้วก็พี่ พี่คริส และประธานจาง เราไว้ใจคนในสน.นี้ได้เพราะพ่อของนายขอร้องเอาไว้...แต่เรายังไม่สามารถปิดคดีนี้ได้”



                         “ห้ะ?” หรือว่า...เขาจะต้องติดคุกจริงจริงงั้นหรือ?



                         “ไม่ใช่ๆแบบที่นายคิด”



                         “แล้ว?”



                         “ถึงทางฝั่งครอบครัวคยองซูจะไม่เอาความอะไรก็เถอะเพราะเรายังไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำกันแน่ แต่กฎหมายก็ต้องเป็นไปตามกฎหมายผู้ต้องสงสัยยังคงเป็นผู้ต้องสงสัยเพราะเหตุผลยังไม่กระจ่าง...เมื่อตะกี้พี่คุยกับผู้กอง เขาบอกว่าไม่มีผู้พบเห็นเหตุการณ์เลยสักคน แถบนั้นไม่มีกล้องวงจรปิดเพราะเป็นที่ปลอดคน ทางเปรี่ยวมาก แถมเวลาเกิดเหตุยังเป็นตอนตี2 ประมาณ 2 เมตรห่างจากร่างของคยองซูมีไม้เบสบอลทิ้งไว้อยุ่ในโพรงหญ้า...”



                          “...” แบคฮยอนกำลังพยายามหายใจเข้าออกลึกลึก ตอนนี้เขายังคงคอนเฟริ์มอะไรไม่ได้ว่าตัวเองจะรอดหรือไม่รอด แต่สิ่งที่เขาคอนเฟริ์มได้และยังคงมั่นใจมาตลอด คือเขาไม่ได้ชนคยองซูจริงๆ..



                          "แต่ว่า...บนไม้นั่น"



                          "บนไม้? มันทำไมพี่?"



                          “...บนไม้นั่นมันมีแต่รอยนิ้วมือของนาย”



                          “ไม่จริง!!” 



                          “ใจเย็นๆแบคฮยอนอ่า” มินซอกพยายามลูบไหล่ของแบคฮยอนแล้วกดตัวรุ่นน้องให้นั่งลงบนเก้าอี้ไม้หน้าสน. สิ่งนึงที่แบคอยอนเกลียดคือการโดนใส่ร้าย แน่นอนเขารู้ดี และนั่นก็เพิ่มความมั่นใจให้เขาได้อีกระดับเลยว่าแบคฮยอนไม่ได้ทำ ถึงจะไม่รู้ว่ารอยนิ้วมือนั่นมายังไงก็เถอะ



                          “...”



                          “อย่ากลัว..พี่ไม่ปล่อยให้นายเป้นคนผิดทั้งที่ไม่ได้ทำหรอก”



                          “แล้วไง? ยังไงพวกตำรวจบ้านี่ก็ใส่ร้ายให้ผมเป็นคนผิดอยู่ดี พี่ไปคุยกับไอผู้กองปาร์คชานยอลมาใช่ไหม?”



                          “ทำไมเรียกเขางั้นละ?”



                          “ผมเกลียดขี้หน้าเขา” นักแสดงหนุ่มทำหน้าบึ้งกอดอกตัวเองอย่างไม่สบอารมณ์



                          “งั้นนายคงจะต้องเห็นเขาไปอีกนานจนเบื่อเลยแหละ”



                          “พี่ว่าไงนะ?” แบคฮยอนถลึงตาโตมองเมเนเจอร์ของตัวเองด้วยความงงงวยปนตกใจระคน ทำไมเขาต้องเห็นหน้าผู้กองแกไปอีกนานวะ?



                          “นายรู้ใช่ไหม? ว่าการจะปิดคดีหนึ่งคดีมันใช้เวลานานมากแค่ไหน?



                          “รู้”



                          “แล้ว...คยองซูบาดเจ็บสาหัสมาก จนไม่รู้ว่าเขาจะฟื้นเมื่อไร” พอพูดถึงคยองซูแบคฮยอนก็เกิดปวดหนึบที่ใจขึ้นมาอีกครั้ง แต่มันไม่หนักหนาสากันเท่าก่อนหน้าที่เขาจะปล่อยโฮออกมาหรอกมั้ง



                          “...”



                          “อีกทั้งเขาต้องรักษาตัวให้หายเพราะไม่รู้ว่าตื่นมาเขาจะสามารถพูดได้ไหม...”



                          “หรือเขาอาจจะไม่หาย...”



                          “...นายรู้ได้ไง?” แบคฮยอนทำเพียงแค่กลอกตาไปมา จู่ๆหน่วยตาและจมูกของเขาก็เริ่มร้อนอีกครั้ง ทำไมเขาถึงเป็นคนที่ร้องไห้ง่ายขึ้นมาเสียดื้อๆละ? แต่...ไอพี่บ้า! มาถามให้คิดถึงสภาพไอคยองซุทำไมวะ? ไหนบอกว่าเข้าใจไง



                          “..พี่ไม่ได้เห็นแบบที่ผมเห็นนี้”



                          “...” มินซอกว่า..เขาพลาดเสียแล้ว บ้าจริง!



                          “...”



                          “พี่ขอโทษ..”



                          “ไม่เป็นไรฮะ”



                          “พี่รู้มันต้องใช้เวลา”



                          “อื้ม..”



                          “...แบคฮยอน...ต่อจากนี้...พี่ว่านายคงต้องใช้ชีวิตลำบากนิดนึงเเล้วแหละ”



                          “ครับ?”



                          "ที่พี่บอกว่างั้นนายคงต้องเห็นเขาไปอีกนานน่ะ...ผู้กองปาร์คน่ะ"



                          "...?" พี่มินซอกจะพูดอะไร? ไม่เข้าใจเลยจริงๆ 



                          “แลกกับชื่อเสียงและการที่นายไม่ต้องเข้าคุก...บทลงโทษคือนายจะต้องอยู่ในสายตาผู้กองเขาตลอดเวลา”



                          “พี่หมายความว่ายังไง? ไม่จริงใช่ไหม?” บ้าไปแล้ว พี่มินซอกต้องบ้าเเล้วเเน่ๆ 



                          “จริง...ต่อจากนี้นายจะต้องย้ายไปอยู่กับผู้กองปาร์คชานยอล...และพี่จะทำได้เพียงจดตารางงานของนายส่งให้ผู้กองเขาเท่านั้น...”



                          “พี่บ้าไปแล้วหรอ?” นั่นสิ พี่มินซอกต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ นี่พี่ไม่รู้หรือไง? ว่าการอยู่กับลุงปาร์ค ขนาดแค่ 2 นาที กูก็จะตายห่าอยู่แล้ว แล้วนี้? ใช้ชีวิตอยู่? ใช้ไรคิดว่ะ?



                          “เปล่า ไม่ได้บ้า...พี่ช่วยนายได้แค่นี้ เรื่องนี้ผู้กองเขาขอมา” ผู้กองขอมา? ไม่จริงใช่ไหม?



                          “ไม่!! ผมจะฟ้องพ่อ!!” แบคฮยอนดิ้นเร้ารัวๆจนพี่มินซอกต้องมาจับเอาไว้



                          “เบาๆสิ!! เรื่องนี้พ่อนายอนุญาตแล้ว” อะไรนะ? ไม่จริง เป็นไปไม่ได้!!



                          “ห้ะ?”



                          “พ่อนายยังบอกอีกว่านี่บุญแค่ไหนที่เขาช่วยไม่ให้นายเสียชื่อเสียงแถมไม่ต้องติดคุก เรื่องคดีมันก็ขึ้นอยู่กับตำรวจที่ดูแลคดี แล้วคนดูแลของนายคือผู้กองปาร์คชานยอล...พี่ช่วยได้แค่นี้จริงๆ”



                          “อย่างงี้ให้ผมเสียชื่อเสียง นอนกินข้าวแดงอยู่ในคุกดีกว่า”



                          “พี่ว่าเขาก็ไม่ได้แย่”



                          “กับผีดิพี่!



                          “แล้วนายคิดว่ามันจะง่ายขนาดนั้นเลยหรือ? คิดถึงคยองซูบ้าง...”



                          “...” โอเค พอพูดถึงคยองซูอะไรอะไรก็ดูง่ายขึ้น แบคฮยอนหยุดดิ้นแล้วนั่งสงบเสงี่ยมดังเดิม อดคิดไม่ได้เลยว่าแบคฮยอนจะเจ็บปวดแค่ไหนในตอนที่เห็นสภาพของคยองซู



                          “พี่ช่วยนายแล้วแบคฮยอน พี่ขอโทษที่ช่วยได้แค่นี้ ขอโทษจริงๆ...ในเมื่อนายไม่ได้ทำจริงๆ พี่ก็อยากให้นายช่วยติดตามคดีของตัวเองด้วย”



                          “ทำไม?”



                          “นายไม่อยากจับคนร้ายตัวจริงได้หรอ?”



                          “...” อยากสิ อยากจับมันมากระทืบสักล้านครั้งแล้วเฉือนลงบ่อจระเข้ให้ตายกันไปข้าง



                          “พี่ขอเถอะ ตอนนี้เราทำได้แค่ภาวนาให้คยองซูฟื้นเร็วๆ หรือไม่เราก็จับคนร้ายได้นายถึงจะได้อิสระกลับมา”



                          “อื้ม..ผมก้อยากให้หมอนั้นหายเร็วๆ..บอกตรงๆ ไม่ชินเลยที่ถ้าคิดว่าต่อจากนี้จะไม่ได้ยินเสียงมันอีก”



                          “...”



                          “งั้น...ผมจะทำเพื่อมันดูสักครั้งน่ะพี่”



                          “อื้ม พี่จะช่วยนายอีกแรงน่ะ”



                          “ครับ”



                          ย้ายไปอยู่กับผู้กองปาร์ค ย้ายไปอยู่กับผู้กองปาร์ค ย้ายไปอยู่กับผู้กองปาร์ค



                          เป็นอะไรที่ยากที่สุดในโลกเลยจริงจริง ขนาดคิดให้ทำใจยังยากอะคิดดู T^T




     

                          “อ้าว! คุณมินซอก ยังไม่กลับหรือครับ?”



                          “อ้าว ผู้กองปาร์ค”



                          “...” อะไรน่ะ ผู้กองปาร์คหรอ?



                          แบคฮยอนหันไปมองขวับจนคอแทบเคล็ด ให้ตายเถอะซาร่า ทำไมพี่แกตายยากงี้วะ? ทำใจให้เจอหน้าทุกวัน ทุกเวลาก็ว่ายากแล้ว ยิ่งพอเจอหน้าเข้าไปอีกนี่ยากแบบยากกกกเลยอะ



                          “สวัสดีครับ...คุณนักแสดง...อ้อ ไม่ใช่สิ..เพื่อน ร่วม ห้อง คน ใหม่ ของ ผม”ร่างสูงล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง พยายามจงใจเน้นคำเพื่อกวนตีนให้เด็กน้อยโกรธสักหน่อยและมันก็ได้ผลในขณะที่พี่ชายของตัวเองเผลอ เด็กนั่นด่าเขาแบบไม่มีเสียงรัวเลยละ



                          “หึ! ไอผู้กองหน้าแก่”



                          “แบคฮยอน อย่าเสียมารยาท!” แบคฮยอนหันหน้าไปทางอื่นพลางปากก็ขมุบขมิบอย่างไม่หยุดหย่อน แช่งให้ยันโคตรเลยเอาดิ!



                          “ฮ่า ฮ่า ผมไม่ถือสาเด็กหรอกครับ” เด็กโพ่ง!



                          “ต้องขอโทษด้วยจริงๆน่ะครับ” เอ้า จีบกันเข้าไป๊



                          “ยังไงก็...พรุ่งนี้เช้าเดี๋ยวผมจะไปรับคุณแบคฮยอนที่หน้าคอนโดนะครับ ผมขอตัวกลับก่อน สวัสดีครับ”...อะไรน่ะ อะไรพรุ่งนี้ๆน่ะ?



                          “พรุ่งนี้อะไรอะพี่? ลุงแกจะมาคอนโดผมทำไม?”



                          “เขาชื่อปาร์คชานยอล” นี่พี่มินซอกโคฟเวอร์เป็นลุงปาร์คหมาเวอร์ชั่นสองช้ะ?



                          “เออ เหมือนกัน”



                          “แล้วพี่ไม่ได้บอกนายหรอ?”



                          “เรื่อง?”



                          “นายจะย้ายไปอยู่กับคุณผู้กองเขาพรุ่งนี้น่ะ...”







                           เจ็บแค้นเครืองโกรธ โทษชั้นใย ชั้นทำ อะไรให้เธอเคื่องขุ่น

     

                          ลาก่อยชีวิต

     

     

    TBC

    ทำไมสน.ที่ไทยไม่มีกฎขัดใจปาร์คชานยอลบ้าง? 

     กรีมแท๊ก #ฟิคนักโทษของคุณปาร์ค กันได้น้าาา เราไม่ได้บังคับเเค่ร้องขอ

    ไม่ใช่ฟิคดราม่า มีแววว่าจะเป็นฟิคตลก

    เรารักพวกนายน่ะ♥


     

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×