คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Kapitel 01 : คู่ต่อสู้เหนือเมฆ
“อะ..โอ๊ย..” ปวด ปวดหัวไปหมด แล้ว.. ตอนนี้อยู่ที่ไหนวะเนี่ย
แบคฮยอนพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งด้วยกำลังที่เหลือเพียงน้อยนิด
ตอนนี้เขากำลังพยายามเรียบเรียงเหตุการณ์ที่ผ่านมาทั้งหมด มันเกิดอะไรขึ้น? ที่นี่ที่ไหน?
ที่ที่มีเพียงเตียงเตียงเดียวตั้งอยู่กลางห้อง
ไม่มีอุปการณ์เฟอร์นิเจอร์อะไรนอกจากโคมไฟหัวเตียงและหน้าต่างที่มีผ้าม่านสีขาวปลิวสไวไปตามแรงลมจากข้างนอก
ดูก็รู้ว่านี่ไม่ใช่ห้องเขาแน่ๆ
“อ้ะ!” นักแสดงหนุ่มอุทานออกมาด้วยความเจ็บปวดทันทีที่ขยับกาย พลางยกฝ่ามือขึ้นไปแตะศรีษะ..ตอนนี้มันมีผ้าพันแผลอยู่รอบๆหัวของเขาเลยละ
และเพราะรอยแผลนี่ มันเลยทำให้เหตุการณ์ต่างๆลอยมาเป็นฉากๆอยู่ในสมองของเขา
เขาไปผับSB เขาโดนผู้กำกับปลุกปล้ำ
เขาทำร้ายร่างกายผู้กำกับ
เขาโดนฤทธิ์ยาของผู้กำกับจนตัวเองเผลอหลับในขณะขับรถ
เขาเจอร่างของใครคนหนึ่งอยู่กลางถนนจนต้องหักรถหลบ
เขาหัวแตก
และ..เขาเห็นว่าร่างของคนนั้นคือ..โด
คยองซู
“มะ..ไม่จริง” ตาเรียวสั่นระริกทันทีที่เรียบเรียงเหตุการณ์ทั้งหมดได้...ไม่จริง
บยอนแบคฮยอนไม่ได้ชนคยองซู เขาหักรถหลบทันจริงๆ ถ้าชนจริงๆมันก็ต้องมีเสียงปังหรืออะไรสักอย่างสิ
แต่ถ้าอย่างงั้น..เลือดของคยองซูละ?
มันมาได้ยังไง?
“ตื่นแล้วหรือครับ?”
“ฮะ..อึก” นักแสดงหนุ่มสะดุ้งเฮือก
จู่ๆเสียงทุ้มของใครบางคนก็แทรกเข้ามาในโสทประสาทของเขา
แบคฮยอนสูดหายใจเข้าลึกลึกแล้วพยายามตั้งสติให้ได้มากที่สุด
ใช่ เขาจะต้องไม่ตื่นตัว
เขามั่นใจว่าเขาไม่ได้ชนคยองซู...ถึงจะไม่รู้ว่ากองเลือดนั่นมาจากไหนก็ตาม ร่างเล็กกระพริบตาปริบๆแล้วหันไปมองตามทิศทางของเสียงที่ได้ยินเมื่อสักครู่
เป็นร่างของผู้ชายในชุดเสื้อเชิตสีดำกับกางเกงยีนส์สีเดียวกับเสื้อ
ใบหูที่กางๆกับทรงผมสีควันบุหรี่ที่เซ็ตมาซะดิบดี แต่ก็น่ะ
เพราะใบหน้าที่หล่อเหลาก็คงจะพอหักล้างหูกางกางนั่นได้อยู่หรอก
ผู้ชายคนนี้เกือบจะดูดีร้อยเปอร์เซนต์แล้วนะถ้าไม่ติดที่ท่ายืนเกาะอกพิงประตูแสนขี้เต๊ะกับรอยยิ้มมุมปากแบบโคตรกวนตีนนั่นแล้วบยอนแบคฮยอนคิดว่า
ผู้ชายคนนี้คงเดบิวท์เป็นนักแสดงได้ไม่ยากเลย
“เห็นผมหลับอยู่?” ตอบไปอย่างไม่ใส่ใจอะไรนักเพราะนิสัยส่วนตัวของเขา
อีกอย่างคือเป็นเขาเองก็เป็นคนดังจึงไม่สามารถเสวนากับใครได้นานๆนอกจากตอบกลับไปว่า
‘สวัสดีครับ’
หากแฟนคลับทักหรือพูดตอแหลอย่างเป็นมิตร ยิ่งถ้าเป็นคนแปลกหน้าควรพยายามหลีกเลี้ยง..แต่สำหรับผู้ชายคนนี้ขอให้สิทธิ์พิเศษหน่อยละกัน
ปกติก็ไม่ได้หยาบคายแบบนี้หรอก แต่แบบ...เห็นแล้วหมั่นไส้ไง ยืนโพสท่ายั๊งกะนายแบบ
นางคิดว่านางหล่อมาจากไหนปะ? ช่างกล้า
อีกทั้งริมฝีปากอิ่มของนางที่คลี่ยิ้มแบบโคตรพออกพอใจตอนที่เห็นคนอื่นสะดุ้งตกใจเพราะเสียงตัวเองอีกน่ะ
คิดแล้วขึ้น เกลียดจริงคนแบบนี้ เกลียสสสส ดูอยากสภาพการณ์แล้วคงแก่กว่าเขาอยู่หรอก
แต่ถึงกระนั้นความเคารพสำหรับบยอนแบคฮยอนมันมีไว้สำหรับพวกที่สมควรจะได้รับมันเท่านั้นเว้ย!
“ไม่มีใครตอบคำถามคนที่เพิ่งเจอหน้ากันไม่ถึงสิบวินาทีด้วยคำตอบที่ชวนหยิบปืนมายิงแบบนี้หรอกน่ะครับ
คุณนักแสดง” ชายหนุ่มยังคงอยู่ในท่าเดิมและพูดเสียงเรียบออกมาได้อย่างไม่สะทกสะท้านกับประโยคกวนอวัยวะเบื้องล่างของร่างเล็กเมื่อสักครู่
แต่คนที่ตีนกระตุกนี่เห็นคงจะเป็นบยอนแบคฮยอนเสียมากกว่า
โถ่แม่ เกิดมาทั้งชีวิตไม่เคยมีใครมาตำหนินิสัยกูแบบนี้สักคน
แล้วลุงแกเป็นใครว่ะถึงมายืนเก๊กแล้วกวนตีนคนอื่นออกมาด้วยสีหน้าเรียบๆได้
“ผมก็เป็นอยู่แบบนี้แหละครับ..ไม่ทราบว่าลุงมีปัญหาอะไรกับผมหรือเปล่า?”
“ว่ากันตามตรรกะแล้วสิ่งแรกที่ผมคิดว่าคนที่หมดสติไปเป็นวันๆตื่นขึ้นมาในห้องที่ไม่คุ้นเคยควรจะพูดประโยคแรกกับคนที่เห็นว่า
‘ให้ตายเถอะ ผมอยู่ที่ไหน’ หรือไม่ก็
‘เกิดอะไรขึ้นกับผม!!’
มากกว่ามากวนคนอื่นทางคำพูดด้วยนิสัยส่วนตัวน่ะครับ”
“...”
“และว่ากันด้วยอีกเรื่องคือผมอายุมากกว่าคุณเพียง
5 ปีเท่านั้น คงไม่มีใครเรียกคนที่แก่กว่าด้วยระยะเวลาเพียงเท่านี้ว่าลุง ใช่ไหมครับ?”
พูดรัวออกมาด้วยสีหน้าที่โคตรจะเรียบได้ขนาดนี้..จะเมพไปแล้ว
แบคฮยอนถอนหายใจออกมาอย่างหัวเสีย
แวบนึงเขาเห็นริมฝีปากของผู้ชายคนนั้นกระตุกยิ้มมากกว่าที่เป็นอยู่สองเท่า ซึ่งมันแสดงออกถึงความสะใจแบบสุดสุดจากร่างสูง...ถ้าลุงแกจะกวนตีนกันแบบนี้น่ะ...
เดี๋ยวได้เจอดีลุง เดี๊ยว
นี้ต่อให้ก่อนหรอกนะ ไว้กูรู้ชื่อลุงเดี๋ยวโพสไอจีประจานเลย ระวังตัวไว้ เดี๊ยว!
เราเงียบกันอยู่ราวๆ5
นาทีลุงแกก็ค่อยๆเดินมานั่งบนเก้าอี้ข้างเตียง
ก็ไม่ได้อยากจะอะไรมากหรอกนะแต่ใครสั่งให้เข้าใกล้มากขนาดนี้มิแซบ? เหอะ!ถึงจะยิ่งมองใกล้ๆแล้วลุงแกโคตรหล่อแบบแอทแทคคูณ200ก็เถอะแต่บอกไว้ก่อนว่ากับคนแก่บยอนแบคฮยอนจะไม่มีทางหวั่นไหวเด็ดขาด!!
“ตอนนี้คุณอยู่ในห้องพยาบาลของสน.โซลครับ”
“แล้วทำไมผมถึงมาอยู่ที่นี่?”
“ฟังให้จับก่อนสิครับ”
ร่างสูงตำหนินักแสดงหนุ่มทางสายตาแวบนึงก่อนจะเปลี่ยนเป็นเรียบเฉยดังเดิม
“ผมคิดว่าคุณคงจะจำผู้ชายคนนี้ได้”
ชายหนุ่มล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง ควานหาอะไรบางอย่างก็เจอแล้วหยิบมันออกมาชูตรงหน้าของคนตัวเล็ก
... มันคือภาพของคยองซู
“...”
“ตอนนี้คุณโดคยองซูให้การรักษาอยู่ที่โรงพยาบาล
เขา...” ชายหนุ่มไม่พูดอะไรต่อ เขาเว้นจังหวะหายใจที่ค่อนข้างนานบวกกับการเลียริมฝีปากอิ่มที่แห้งผาก
และมันยิ่งทำให้บยอนแบคฮยอนหัวใจเต้นแรงยิ่งกว่าแผ่นดินไหว 7.2 ริคเตอร์
แบคฮยอนกลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ ซึ่งผิดกับผู้เล่าอย่างสิ้นเชิง
เพราะในขณะที่แบคฮยอนลุกลี้ลุกลน ชายหนุ่มกลับนั่งกอดอกแล้วกระตุกยิ้มกวนตีนให้อย่างเคยโดยไม่เปลี่ยนสีหน้าแม้แต่น้อย
ทั้งที่เรื่องที่กำลังพูดอยู่มันเป็นเรื่องคอขาดบาดตายแท้ๆ
เอาจริงๆนะ...แม่งโคตรกลัว
“เขาเกือบจะไม่รอดครับ..กระดูกซี่โครงของเขาหักจนแทงเข้ากับปอดขวา
รวมถึงศรีษะที่เกิดจากการโดนกระแทกอย่างหนัก สาหัสเลยทีเดียวครับ...โชคดีที่เขารอด
แต่เปอร์เซ็นการเป็นเจ้าชายนิทราก็มีสูงยิ่งนัก”
“...”
“และแน่นอน
ในความสิ้งหวังยังมีความหวังครับ เปอร์เซ็นในการกลับมาเป็นปกติของเขา
ก็มีเช่นกัน...” สาหัสขนาดนั้นเลยหรือ?
ในใจของบยอนแบคฮยอนตอนนี้ไม่ได้คิดเรื่องที่ว่าตัวเองเป็นคนกระทำจริงหรือเปล่า
แต่ตอนนี้เขากำลังคิดถึงภาพใบหน้าของคู่ปรับปากหมาของเขาที่เห็นขี้หน้ากันมาตั้งแต่
5 ขวบเพราะเป็นเพื่อนบ้านกัน ใช่!
ถึงคยองซูจะเป็นคนขี้อิจฉา หยิ่งยโส ไม่ค่อยเจียมตัว ชอบแย่งงานเขาอยู่เรื่อย
และปากร้ายไม่ต่างกันกับเขาก็เถอะ แต่ก็เป็นเพราะคยองซูเช่นกันที่สามารถทำให้เขามาถึงจุดจุดนี้ได้
เพราะพวกเราพยายามแข่งกันจนเป็นเรื่อง
แต่มันก็ดีที่เราดันรุ่งทั้งคู่ และแน่นอนหมอนั่นก็ควรจะขอบคุณเขาด้วย
แต่เรื่องนี้มันไม่ได้สำคัญเลย เท่ากับการที่เห็นคนที่ควรจะยืนด่าเขาฉอดๆเพราะไม่ยอมซ้อมบทหนังที่ต้องเข้าฉากด้วยหรือเรื่องอะไรที่ต้องไฝว้กันด้วยเหตุผลบางประการ ต้องนอนจมกองเลือดด้วยสภาพสลดแบบนั้น และเขาซึ่งเห็นเป็นคนแรกและไม่มีหลักฐานยืนยันว่าไม่ได้ทำจริงจริงหรือเปล่า...
“เราพบร่องรอยการโดนทำร้ายด้วยของแข็งบนร่างของคุณคยองซูด้วย
และคนในทีมของผมสืบมาว่าคุณคยองซูกับคุณมักจะมีปากเสียงกันบ่อยครั้ง...ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องคิดถึงแรงจูงใจในการเจตนาฆ่าเลย
ในเมื่อมันชัดเจนขนาดนี้อยู่แล้ว ใช่ไหมครับ?” อะไรนะ? ผู้กองเขาบ้าไปแล้วหรือ?
สติสตังหายหรือไม่มีมาตั้งแต่เกิด? มันเป็นไปไม่ได้จริงๆที่คนอย่างบยอนแบคฮยอน
พระเอกชื่อดังจะทำร้ายร่างกายคนอื่นด้วยแรงอารมณ์จนสาหัสขนาดนี้ แล้วยิ่งกับคยองซูแล้ว
ต่อให้เกลียดกันจนไม่สามารถมองหน้ากันได้เลย เขาก็จะไม่มีวันแม้แต่จะคิดทำร้ายคยองซู ถึงเเม้ว่าจะเคยทะเลาะกันหนักถึงขั้นตบตี เเต่แบคฮยอนคิดว่าให้ตายยังไงเขาก็ไม่จิตใจต่ำทรามถึงขนาดคิดฆ่าบุคคลที่เห็นหน้ากันมาตั้งเเต่เด็กหรอก
“...ผะ..ผม ผมไม่ด้ะ..” ถึงจะอยากพูดให้หนักแน่นแบบดูน่าเชื่อถือก็เถอะ
แต่เพราะเหตุการณ์ที่ได้ยินตะกี้มันยังคงดังก้องอยู่ในหัวเขาไม่หาย
อีกทั้งความโกรธจัดกับการใส่ร้ายป้ายสีแบบดื้อๆของผู้ชายตรงหน้า
ไม่แปลกที่เขาจะรู้สึกแย่
“คุณไม่จำเป็นต้องพูดอะไรทั้งนั้นแหละครับ มันยังไม่ใช่เวลา เอาเป็นว่าตอนนี้ผมแค่อยากรู้จักคุณก็พอ” ร่างสูงกระตุกยิ้มพลางยื่นหน้าเข้าไปหานักแสดงหนุ่มที่ทำสีหน้าไม่โอเคเท่าไรนักหลังจากเขาเล่าเรื่องราวทั้งหมด ซึ่งแตกต่างจากวินาทีแรกที่เด็กคนนี้ตื่นมาเเล้วพบหน้าเขาสิ้นเชิง
“สวัสดีครับ ผม ‘ผู้กองปาร์ค ชานยอล’
เป็นหัวหน้าทีมปาร์ค และเป็นคนดูแลคดีของคุณ...ยินดีที่ได้ร่วมงานกันน่ะครับ คุณ
แบค ฮยอน”
“ก็ผมบอกว่าผมไม่ได้ทำไงครับ! ทำไมพวกคุณต้องให้ผมมานั่งในห้องบ้าอะไรไม่รู้ที่เขาใช้สอบปากคำนักโทษเหม็นๆนี่ด้วย?”
อยากจะบ้าตายเว้ยยย ทำไมคนพวกนี้ต้องให้เขามานั่งในห้องสอบปากคำที่เห็นบ่อยในหนังด้วย?
เหอะ อยากบอกว่าของจริงมันแรงกว่าที่คิด ทั้งกลื่น ทั้งสีห้อง
ทั้งความกดดันจากแววตาของคนพวกนี้
“ใจเย็นๆค่ะ คุณแบคฮยอน” โถ่ป้า! มึงลองมานั่งบนเก้าอี้แล้วมีกุญแจมือรัดอยู่ที่ข้อมือทั้งสองข้างกลางห้องมืดเหม็นๆ
แถมมีผู้ชายหน้าตาอัปลักษณ์สองคนยืนขนาบข้างกับป้าหน้าแก่อย่างหร่อนที่ยืนถามคำถามวกไปวนมาอยู่ในห้องกระจกฝั่งตรงข้ามที่มีแอร์พร้อมดูไหมละ?
นี้ยังไม่รวมถึงผู้กองปาร์คหมาที่ยืนทำตัวเป็นเงามืดอยู่ที่ห้องตรงข้ามอีกนะ
คนอะไรยิ้มได้ยิ้มดี ชีวิตลุงแกเคยมีเรื่องราวเศร้าๆบ้างปะ?อยากถาม อีห่าน!
“หึ! ใจเย็นอะไร? คุณมีหลักฐานอะไรมากล่าวหาว่าผมทำร้ายคยองซูมันด้วย?”
“คุณอยู่ในเหตุการณ์นี้คะ”
“แล้วไง? หลักฐานแค่นี้หรอ? ผมอยู่ในเหตุการณ์
บางทีผมอาจจะดื่มเล่าเมามาแล้วจอดรถข้างทาง
นอนสลบอยู่ตรงนั้นแล้วมีคนมาทำร้ายคยองซูหลังจากนั้นก็ได้นี่?
แน่จริงคุณก็ไปตรวจรอยรถผมสิ ว่ามีรอยกระแทกอะไรไหม แน่ไหมละ?”
“คะ คือ..มันก็อาจจะเป็นไปได้ค่ะ
ตะแต่มันอาจต้องใช้เวลา..”
“เห๊อะ! เวลา? เห็นไหม? สุดท้ายอะไรก็เป็นไปได้ทั้งนั้น
คอยดูถ้าเรื่องทั้งหมดผมไม่ได้เป็นคนทำจริงๆ ผมจะจัดการพวกคุณอย่างสาสมโทษฐานที่ทำให้ผมเสียการเสียงานแถมยังเสียเวลาโคตรๆกับการที่ต้องมานั่งในห้องบ้านี่!!” นักแสดงหนุ่มกวาดสายตามองไปทั่วห้องอย่างเกรี้ยวกราด
ไม่ใช่ว่าคนในสน.จะไม่รู้ว่าบยอนแบคฮยอนคือใคร...
บยอนแบคฮยอน ลูกชายของ ‘ผู้บังคับบัญชาการบยอน แบคซาน’
ทำไมจะไม่รู้จัก? แถมเขายังเป็นนักแสดงชื่อดังอีกด้วย แน่นอนว่าเส้นสายมหาศาล
เพียงแค่บยอนแบคฮยอนเอ่ยขอ พวกเขาทั้งทีมก็โดนไล่ออกได้ทันทีภายในพริบตา
แต่ยังไงหน้าที่ก็ต้องมาก่อน ยิ่งพวกเขาอยู่ ‘ทีมผู้กองปาร์ค’
แล้ว เป็นการยากที่จะช่วยเหลือคุณแบคฮยอนในทุกกรณี...เพราะทุกอย่าง
ขึ้นอยู่กับผู้กองปาร์คโดยแท้ ก็งี้แหละ เพราะเป็นลูกน้องจึงเจ็บปวด ;____;
“แล้วไงครับ?”
เสียงทุ้มเย็นยะเยือกดังขึ้นเป็นครั้งแรกในตลอดชั่วโมงที่สอบปากคำนักแสดงหนุ่ม มาพร้อมกับเงาของร่างสูงจากโต๊ะทำงานมุมหนึ่งของห้องกระจกตรงข้ามงานนี้ผู้หมวดสาวเลยถอยออกมาอย่างรู้งาน...
“แล้วไงอะไร?..นี่ปลดล๊อคข้อมือผมได้แล้วมันอึดอัด!”แบคฮยอนขมวดคิ้วมุ่นมองผู้กองหนุ่มแล้วหันมาตะคอกใส่ผู้ชายหน้าโหดสองคนที่ยืนขนาบข้างเขามาตั้งแต่เริ่มสอบปากคำ
ทำไมอะไรอะไรแม่งก็ไม่เป็นใจแบบนี้วะ? โทรศัพท์ กระเป๋าตังค์? ทุกอย่างหายหมด
หรืออาจจะโดนยึดเพราะกลัวโทรไปฟ้องพ่ออะดิ โถ่ถิถัง กลัวก็บอกเหอะ
ไม่เห็นต้องยึดของของคนอื่นแบบนี้เลย คนอย่างบยอนแบคฮยอนไม่ใช้เส้นหรอกเว้ย! ของแบบนี้มันต้องตาต่อตาฟันต่อฟันมีมือมีตีนครับ
ปาร์คชานยอลเพียงแค่เดินมายืนมองร่างเล็กด้วยสีหน้าเรียบนิ่งผ่านกำแพงกระจกเพียงแค่ไม่กี่นาทีที่ทั้งคู่เล่นสงครามจิตกันผ่านสายตา
ชานยอลก็เดินไปคุยอะไรกับลูกทีมสาวของตัวเอง จากนั้นผู้กองหนุ่มก็เดินออกไป
ตามด้วยลูกทีมที่อยู่ในห้องฝั่งตรงข้ามและไอโหดหน้าหักข้างๆที่เหมือนจะได้รับภารกิจอะไรบางอย่างจากหูฟัง
ทำให้ในห้องเหลือเพียงแค่นักแสดงหนุ่มเพียงคนเดียว
เออ! อยู่คนเดียวอะ คือสิ่งที่ต้องการมานานอะ รู้...แต่แม่มึงครับ! ปล่อยให้กูอยู่ในห้องมืดมืดที่มีแสงไฟดวงเดียวนี้คืออะไร? กูเป็นดาราครับพวกฮัลโหลลลลลลล
ไม่ใช่นักโทษขโมยตุ๊กตายางน่ะเว้ยเฮ้ย!
“เห้พวกคุณ!”
“...”
(ไม่มีสัญญาณตอบรับจากเลขหมายที่ท่านเรียก)
“นี่! เข้าใจนะว่าอยากจะไปกันใจจะขาดรอนรอน แต่มาปลดล๊อคผมก๊อน เห้ลุง!”
“...”
ยัง ยังไม่มีใครตอบอีก
นี่ลาตายกันทั้งสน.แล้วไง๊? แล้วทำไมจู่ๆห้องมันก็เย็นขึ้นมาผิดหูผิดตาว่ะ?
ทั้งที่ตะกี้มึงร้อนยิ่งกว่าทะเลทรายซาฮาร่าอีก กวนตีนกูมากไหมละฝนฟ้าอากาศยู้ฮูววว
แอดดด
คาราบาวมากไหม?
เสียงปริศนาดังมาจากมุมมืดของห้อง
นักแสดงหนุ่มกลืนน้ำลายลงคอด้วยความยากลำบาก พลางพยายามหมุนข้อมือที่ถูกล๊อคไว้กับเก้าอี้ออก
แต่ก็ไม่เป็นผล
ใครจะรู้เล่าว่าดาราชื่อดังอย่างบยอนแบคฮยอนนั้นกลัวผีเสียยิ่งกว่าอะไร ยิ่งสน.โซลที่เคยมีข่าวนักโทษผูกคอตายนี่ขอบายละจ้า
นี่ก็เคยตั้งคำปฎิญาณตนตอนดูข่าวไว้แล้วนะว่าชีวิตนี้จะไม่มาแตะต้องสน.แห่งนี้แม้แต่ปลายเท้า
แต่ความลุงแกแท้ๆ
ช่างเป็นคนที่ผลักดันกูเก่งละเกิ๊นน
แอดดดด
ดังอีกเพื่อ!!!
“เว้ยเฮ้ยยยย หมวดเว้ยย มีใครอยู่ไหม
อย่าปล่อยผมไว้งี้เด๊ ผู้ก๊องงง”
“..”
ทุกอย่างในห้องยังคงนิ่งไม่ไหวติงเว้นเสียแต่บยอนแบคฮยอนที่ชักดิ้นชักงออย่างกับเป็นลมบ้าหมูอยู่บนเก้าอี้กลางห้อง
“...”
ปึก!
“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก”
พ่อแก้วแม่แก้วลูกแก้วจ๋า แบคฮยอนโดนผีหรอกแล้วจ้าพ่อจ๋าแม่จ๋า T^T แบคฮยอนหลับตาปี๋หดคอจนแทบจะรวมร่างฟิวชั่นกับลำตัว
ตัวสั่นงิกงิกยิ่งกว่าลูกหมาตกน้ำ
“...?”
ผู้มาใหม่ขมวดคิ้วสงสัยเพียงแวบเดียว ก่อนจะก้มหน้าหัวเราะส่ายศรีษะเบาเบากับความอ่อนกากของเด็กปากดีตรงหน้าที่ไฝว้กับเขาเมื่อชั่วโมงก่อน
เด็กยังไงก็เป็นเด็กอยู่วันยันค่ำแหละน่า
ร่างเล็กที่ตัวสั่นขวัญผวาเหมือลูกหมาตัวเปียกอยู่บนเก้าอี้ชะงักทันทีที่ไม่ได้รับการตอบโต้อะไรจากผู้เล่นฝ่ายตรงข้าม(?)
แต่ได้รับมาเพียงเก้าอี้ไม้และรองเท้าหนังที่เห็นจากปลายหางตาเท่านั้น พอเงยหน้าขึ้นไปมองด้วยความกล้าที่มีทั้งหมดบยอนแบคฮยอนก็ถึงกับบางอ้อทันทีที่เห็นใบหน้าหล่อๆของ
‘ลุงปาร์คหมา’ อีกครั้งในรอบวันนี้
ซึ่งยังคงคาแรคเตอร์หน้าตายได้แบบต่อให้มึงเป็นตุ๊กกี๊ชิงร้อยชิงล้านก็ไม่สามารถทำให้ลุงแกหัวเราะร่างเริ๊งร่าเริงสมวัยแก่ได้ถ้าลุงแกไม่อยากอะนะ
“เด็กจังครับ” ร่างสูงพูดพร้อมนั่งไขว้ห้างกอดอกตัวเองด้วยท่าทางสบายๆแถมกระตุกยิ้มเพิ่มความเจ้าเล่ห์ที่มีอยู่แล้วให้มากยิ่งขึ้นจนเป็นเรื่องยากที่จะมีใครเดาระดับความกวนตีนถูก คิดว่าหล่อมาก?
เออ! หล่อก็หล่อ นี้นึกว่าปาร์คชานยอลวงEXOนะเนี่ย...ถ้าไม่ติดที่ปากลุงแกหมาอะเป๊ะเลยละ
“-*-“
“ทำไมครับ?” ผู้กองปาร์คเอียงศีรษะมองนักแสดงหนุ่มด้วยสีหน้าที่คิดว่าตัวเองน่ารักที่สุดในสามโลก
“ผมไม่ได้กลัวผี”
“ผมก็ยังไม่ได้ว่าอะไรนี่ครับ?”
อีห่าน จับผิดกูเก่งเกิ๊น ลุงมึงนี้หลายรอบแล้วน่ะ!!
แบคฮยอนคิดว่าเขาสามารถยกมือที่กำอยู่แน่นขึ้นมาตั้นใบหน้าของคนตรงข้ามได้อย่างไม่ลังเลในเวลานี้ถ้าไม่ติดที่ข้อมือทั้งสองข้างถูกล๊อคติดกับเก้าอี้ละก็
ลุง...มึงได้หมดหล่อแน่ๆ
“ยอมรับเถอะครับคุณนักแสดง
โทษหนักจะได้กลายเป็นเบา”
“รับ?
ทำไมผมต้องรับในสิ่งที่ไม่ได้ทำด้วย?” ร่างเล็กขมวดคิ้วมุ่น
เขาเบื่อกับคำถามบ้านี่ที่ถามเขามาตลอดทั้งวันแล้ว เบื่อจริงๆ
ถึงแม้รอบนี้คนถามจะเป็นปาร์คชานยอลก็เถอะ
ถ้าคนถามเปลี่ยนคำถามไม่เปลี่ยนก็ค่าเท่าเดิมป้าวว่ะ?
ปาร์คชานยอลเพียงแค่ระบายยิ้มบางเบากับคำตอบเดิมๆที่ได้ยินจากคนตรงหน้า
บยอนแบคฮยอนหรอ? ดูเหมือนจะเก่งนะแต่มันก็แค่ปากเท่านั้น
แต่ถึงอย่างงั้นเด็กคนนี้ก็มีอะไรมากกว่าที่เห็น ปาร์คชานยอลสัมผัสได้
แต่ว่ากันตามตรรกะอีกครั้ง...ผู้ต้องสงสัยที่โดนถามด้วยคำถามเดิมวกไปวนมามักจะตอบคำถามไม่เหมือนเหมือนเดิม
นั่นแหละคือนักโทษจริงๆ ..
แต่เด็กคนนี้ยังคงยืนยันว่าไม่ได้ทำและยกตัวอย่างเหตุผลกากกากออกมาได้เหมือนเดิมแบบเป๊ะๆ
ก็น่ะ สมกับเป็นนักแสดงดี จำบทเก่งซะด้วย
แกล้งเด็กต่ออีกหน่อย ผิดไหม?
“แล้วมีอะไรที่ยืนยันว่าผมต้องเชื่อละครับ?”
ผู้กองหนุ่มทำตาโตกระพริบตาปริบๆ ประหนึ่งจะบอกว่า ‘อีน้องนักแสดง มึงมีอะไรที่สามารถเชื่อถือได้บ้างนอกจากปากหมาๆ’ ยังไงอย่างนั้น
“ก็ถ้าผมอยู่ในเหตุการณ์
บางทีผมอาจจะดื่มเล่าเมามาแล้วจอดรถข้างทางหรือผมเองมากกว่าที่ประสบอุบัติเหตุป้าวว่ะ ?
แล้ว...นี่! ผู้กอง”
แบคฮยอนถลึงตากัดฟันกรอด
เพราะผู้กองหนุ่มเอาแต่พูดใยเขาแบะแบะแบะแบบไม่มีเสียงพร้อมกับสีหน้าเรียบเฉยเจ้าเก่า
แต่คุณเอ้ย แม่งกวนตีนกว่าการที่มึงแลบลิ้นปลิ้นตาใส่ซะอีก
“น่าเชื่อถือจังเลยครับ”
น่าน...กวนตีน
“ก็บอกว่าผมไม่ได้ทำ!!ปล่อยผมไปได้แล้ว ปัญญาอ่อนกันทั้งสน.หรือไง!!” หงุดหงิดเว้ยยย โคตรหงิดเว้ยยย ผู้กองมึ๊ง รู้ฤทธิ์บยอนแบคฮยอนน้อยไปละ
“ทำไมต้องด่าคนทั้งสน.ด้วยละครับ?”
“ทำไมต้องมีแต่คำว่าทำไมอะลุง?”
“ผมถามก่อนน่ะครับ”
“ผมจะไม่ตอบอะครับ”
“บยอนแบคฮยอน”
ร่างสูงกดเสียงต่ำทั้งที่มุมปากกระตุกยิ้มพรายขึ้นมา...ลางไม่ดีแน่ถ้าพี่แกกระตุกยิ้มแบบนี้
หรือลุงนางอาจจะยิ้มใจดีสู้เสือก็ได้(หรา) เสือบยอนอะ ไม่รู้จักหรอ
“ครับ..ปาร์คชานยอล”
“คุณนักแสดงครับ..”
ร่างสูงเว้นจังหวะในขณะที่ยกขาที่ไขว้อยู่ลง
แล้วเลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้ร่างเล็กจนแบคฮยอนถ่ายหลังสุดตัวจนแผ่นหลังติดแบะกับเก้าอี้
“ปากแบบนี้อยู่รอดมาถึงอายุยี่สิบสี่ได้ยังไงครับ?”เดี๋ยวนะ...นี่กวนตีน? โอเค๊
เดี๋ยวป๋าจัดให้
ไม่ชนะด้วยปาก ก็ต้องชนะด้วยมายาละว่ะ!
“หึ..”แบคฮยอนกระตุกยิ้มพลางยื่นหน้าเข้าไปนิดหน่อยแต่ก็เว้นระยะห่างไว้พอสมควร
“ถึงจะปากไม่ดี”
“...”
“แต่ถ้าลองสัมผัสก็หวานไม่ใช่เล่นเลยนะครับ
‘ผู้กอง’ J”
แวบนึงแบคฮยอนว่าเขาเห็นผู้กองปาร์คชานยอลชะงักไปกับคำตอบของเขา...นี่เห็นจริงๆนะเว้ย
หึ..ก็แค่ผู้กองปากหมาอะดิ โด่
แต่ใครเล่าจะรู้
ว่าบยอนแบคฮยอนต่างหากที่ขุดหลุมฝังตัวเองชัดๆ
“ครับ..”
“...”
“ก็น่าลองดีน่ะครับ”
ลุงผู้กอง...กูพูดเล่นจ้า
เอาหน้ามึงออกป๊ายยยยยยยยยยย
ก็หลังจากที่บยอนแบคฮยอนโดนผู้กองปาร์คสวนหมัดกลับเข้าเต็มกำลัง
คนที่ดีแต่ปากก็ทำได้เพียงเงิบกับคำตอบที่มีพลังโจมตีคูณ2000000นั่น ปาร์คชานยอลเพียงแค่หัวเราะเยาะเขาเบาๆด้วยท่าทางเย็นชา
จนบางทีก็สงสัยว่าพี่แกหัวเราะหรือแช่งใครอยู่กันแน่
เราแค่นั่งเงียบๆหลังจากนั้น
ปล่อยให้ได้ยินเพียงเสียงถอนลมหายใจแรงๆของร่างเล็กเพราะความหงุดหงิดแบบถึงขีดสุด
อีกทั้งอาการเฟลที่โดนเล่นกลับเมื่อสักครู่ เฟลอะเข้าใจ๋?
“เหนื่อยหรือยังครับ” ร่างสูงเท้าศอกลงกับหน้าตักแกร่งของตัวเองและเท้าคางช้อนตามองคนตัวเล็กที่ทำหน้ามุ่ยอยู่ตลอดเวลาตรงหน้า
ปาร์คชานยอลคิดว่าถ้าเกิดปล่อยบยอนแบคฮยอนออกไปเพ่นพ่านข้างนอกตอนนี้
มีหวังสน.แตกกันแน่ คงได้วิ่งไปฉีดยาพิษสุนัขบ้ากันไม่หวาดไม่ไหว เพราะเด็กคนนี้ดูเหมือนจะหงุดหงิดสุดสุดหลังจากเขาปล่อยคำตอบที่น๊อคเอาท์เด็กนั่นได้
คงจะเงิบมากละสิเพราะคิดว่าไม่มีใครจะชนะตัวเอง...ก็แค่มวยรุ่นเล็ก
“มีความสุขมากมั้ง?”
“ไม่กวนผมสักประโยคไม่ได้หรอครับ?”
“...”
“ทำไมไม่ตอบครับ?”
แบคฮยอนกลอกตาไปมาแล้วถอนหายใจแรงๆอีกครั้ง ให้ตายเถอะซาร่า ลุงแกต้องการอะไรอีก?
กูตอบก็ผิด ไม่ตอบก็ผิด what da fakkkkkkk!!!!!!!!!!!
“ครับ เหนื่อยมากกกกกกก
ยิ่งคุยกับคุณผู้กองผมก็โค-ตะ-ระเหนื่อยเลย”
“ไม่สนุกบ้างหรอครับ”
ชานยอลเคาะนิ้วลงบนขมับ พลางปากก็คลี่ยิ้มกว้างจนเห็นฟันครบ32ซี่ เหอะ
คิดว่ายิ้มงี้แล้วหล่อ?
เออหล่อ!
“ไม่เลยสักนิด” เสมองไปทางอื่นแล้วเบ้ปากสุดฤทธิ์
ลุงแกคิดได้ไงวะคุณ? ที่กวนตีนกวนตีนกันอยู่นี่กูสนุกมากมั้ง
ที่ขมวดคิ้วจนหน้าย่นเหมือนหมาพันธุ์ปั๊กอยู่แล้วนี่คือกูสุขมากกกก
“หึหึ
ผมก็ไม่ได้หวังว่าคุณจะตอบว่าสนุกหรอกครับ” บีบปลายจมูกเล็กเบาๆด้วยความหมั่นไส้ล้วนๆ
“ย๊าา!!” แบคฮยอนถลึงตาด้วยความตกใจแล้วสะบัดหัวรำคาญไปมาเพราะโดนแตะเนื้อต้องตัวแบบไม่ได้ตั้งตัวจากคนตรงหน้า...นึกว่าไฟช๊อต
“ระวังด้วยสิครับคุณหัวแตกอยูน่ะ ลำบากผมต้องพันแผลให้ใหม่อีกสิครับ” ชานยอลละมือที่เท้าคางอยู่ออกมาข้างนึงแล้วบีบคางกับแก้มนิ่มนั่นให้หันมามองหน้าเขาดีดี
แรงบีบนี่พี่แกคิดว่าขยำขนมปังอยู่งี้?
เขาไม่เรียกว่าหันมาคุยดีดีแต่เขาเรียกว่ากระชากแล้วเว้ย!
แต่เดี๋ยว? ใครพันแผลให้ใครว่ะครับ?
“นี่ลุงพันแผลให้ผม?”
“ผู้กองปาร์คชานยอลครับ”
“เออ มันก็เหมือนๆกันแหละ”
"ไม่เหมือนครับ” แบคฮยอนถอนหายใจเฮือกรอบที่ล้านของวัน
ลุงแกจะอะไรนักหนาวะ?
“ครับบบบ ผู้กลองปลักชันโยล”
“สงสัยว่าตอน5ขวบคุณไม่ได้ตั้งใจเรียนวิชาภาษาเกาหลีที่ครูสอนใช่ไหมครับ?”
โอเค กูรู้ละว่าคนที่กวนตีนเหนือกูยังมีลุงปาร์คหมาอีกคน ยอมแพ้จ้า ชูธงขาวเลยเอ้า
“ขอโทษครับ ผู้กองปาร์คคคคคค”
“..ครับ เก่งมากครับ
ไว้เดี๋ยวผมออกไปหากระดูกมาให้นะเด็กดี” ผู้กองหนุ่มเพียงแค่ตบโปะๆไปที่หัวบยอนแบคฮยอนสองสามที
แต่นั่นก็ทำให้นักแสดงตัวเล็กหดคอหนีแทบไม่ทัน เด็ก..เด็กจริงๆ ต่อให้บยอนแบคฮยอนอายุ
10ขวบหรือ24 ก็คงไม่แตกต่างกันสักเท่าไรนัก
ครืดดดด
“เห้ย ลุงจะไปไหนอะ?”
แบคฮยอนเอ่ยทักร่างสูงที่จู่ๆก็ลุกขึ้นลากเก้าอี้ไม้ไปไว้มุมห้องโดยไม่บอกไม่กล่าว
แถมยังเดินหันหลังไปทางประตูด้วยความรวดเร็วจนแบคฮยอนเอ่ยร้องแทบไม่ทัน
“ไปสวรรค์มั้งครับ”
เอาจริง...ลุงแกไม่เหนื่อยเลยใช่ไหม
“...”
“โอเคครับ
มีคนมาประกันตัวคุณน่ะครับผมก็เลยจำเป็นที่จะต้องออกไปคุย”
นักแสดงหนุ่มที่เหี่ยวเฉาตายซากเมื่อสักครูเปลี่ยนท่าทางทันทีที่เขาพูดจบ
ใบหน้าหวานเบิกตาโพลงพร้อมกับริมฝีปากที่เริ่มคลี่ยิ้มออกมา...จนเปลี่ยนเป็นยิ้มกว้างเมื่อประมวลอะไรในสมองเสร็จจนลืมที่จะคิดถึงคำถามเมื่อสักครู่
คำถามที่ว่าปาร์คชานยอลน่ะหรอ?
เป็นคนทำแผลให้เขา
ร่างสูงทำเพียงกระตุกยิ้มแล้วเตรียมจะหันหลังเดินออกไปอีกรอบ
แต่ก็มีเสียงเล็กของนักแสดงหนุ่มมาเบรคไว้อีกครั้ง
“เดี๋ยวผู้กอง!” ร่างสุงหยุดชะงักกึก “คุณทำแผลให้ผมจริงๆน่ะหรือ?”
หัวใจแบคฮยอนกำลังเต้นอย่างเชื่องช้าในขณะที่ลุ้นคำตอบจากแผ่นหลังกว้างของคนที่กวนตีนเขามาตลอดทั้งวัน
มันไม่ใช่เกิดจากความอยากให้ผู้กองหนุ่มเป็นคนทำแผลให้เขาจริงๆ
แต่มันเกิดจากที่ว่า ปาร์คชานยอลคนนี้น่ะหรือที่เป็นคนทำแผลให้เขาก็เท่านั้น
เอาง่ายๆว่าไม่อยากจะเชื่อมากกว่า
“...คุณคิดอย่างงั้นหรือครับ?”
“...” นั่นดิ คิดไปได้ไงวะ?
“อะไรที่คุณอยากรู้
เดี๋ยวมันก็มีคำตอบให้คุณเองแหละครับ...แค่มันต้องใช้เวลา” ร่างเล็กขมวดคิ้วมุ่น
อะไรของลุงแกครับ? อยู่ดีดีก็มีคำคมคมให้คิดได้ทั้งที่ไม่เคยพูดใส่มาก่อน
เอาจริงๆคือหลายอารมณ์จนจับไม่ถูก แล้วที่พูดนี่มันหมายความว่ายังไงวะ?
“รู้ไหม?
สน.ของเรามีกฎข้อนึงที่ผู้ต้องสงสัยไม่ควรทำน่ะครับ”
“...”
“กฎขัดใจปาร์คชานยอล”
“ห้ะ?”
“คุณทำผิดกฎตลอดเวลาเลยน่ะครับคุณนักแสดง
เพราะงั้นวันนี้นอนในห้องสอบปากคำไปก่อนน่ะครับ...ขอให้โชคดี” ชิพ ฮาย
ล้าววววววววว ผู้กองเมิ๊งงงง
“อะไรน่ะ!! ผู้ก๊องงงงง”
ปัง!!
...อดคิดไม่ได้จริงๆว่านอกจากความหล่อแล้วผู้กองแกมีอะไรดีบ้าง?
แก่ กวนตีน(ขอตัวหนามากมากกกยิ่งกว่าชั้นบรรยากาศโลกเลยนะ)
แถมยังตอกกลับด้วยคำสุภาพได้แสบลึกยันทรวง
..โอเคบยอนแบคฮยอนรู้ว่าตัวเองยังไม่สามารถไฝว้กับลุงแกได้
ได้ลุง เดี๋ยวออกไปได้กูส่งกองทัพบยอนแบคฮยอนบุกสน.แน่
มึงรอเลยลุง!
เป็นเวลากี่โมงแล้วไม่รู้ที่บยอนแบคฮยอนได้แต่ถอนหายใจทิ้งอยู่ในห้องบ้านี่หลังจากผู้กองปาร์คเดินออกไป
เห็นบอกว่ามีคนมาประกันตัวแล้วไงว้ะ!
ไม่ใช่อะไรหรอก
นอกจากจะเหนื่อยที่จะนั่งแล้วสำคัญอีกอย่างคือ
‘หิว’มากกกกก
กินหมวดมนุษย์ป้าพุงย้วยที่เดินส่งเอกสารผ่านห้องแล้วขยิบตามองกูทุกครั้งได้ทั้งตัวเลยอะเอาจริงๆ
“ปึกปึก!”ในขณะที่นักแสดงหนุ่มกำลังแห้งเหือดเยี่ยงซอมบี้ตายซากอยู่บนเก้าอี้นักโทษนี่
ก็มีคนเคาะกระจกกำแพงจากห้องตรงข้ามราวๆสองสามครั้ง และนั่นก็ทำให้แบคฮยอนรู้ว่าดูเหมือนฟ้ายังคงเป็นใจเขาอยู่
เพราะคนที่เคาะกระจกห้องตรงข้ามคือ ‘พี่มินซอก’
รอดแล้วเเม่ ไม่ตายแล้วโว้ยยยยยย
“พี่มินซอกกกกกกก ฮือออออ”
แบคฮยอนวิ่งเข้าไปกระโดดกอดเมนเนเจอร์หนุ่มเสียเต็มรักจนพี่มินซอกแทบจะล้มลงไปกับพื้นหลังจากที่มีคนเข้าไปไขกุญแจออกให้เขาเมื่อสักครู่
“เห้! ใจเย็นๆอิหนู พี่จะล้มแล้ว”
“ก็แบคดีใจอะ
นี่นึกว่าจะอดตายอยู่ในห้องหลอนนั่นแล้วนะเนี่ย”
“หึ คิดหรอว่าพี่จะปล่อยให้นายอดตาย”
“ไม่ แน่นอน! พี่มินซอกใจดีที่สุดในโลกเลย” แบคฮยอนกอดรัดพี่มินซอกแน่นจนแทบหายใจไม่ออก
มินซอกเองก็ไม่อยากจะบอกหรอกว่านานมากแล้วที่ไม่เห็นแบคฮยอนแสดงความรักต่อเขาแบบนี้
คงตั้งแต่เดบิวท์ใหม่ๆละมั้ง ก็เด็กนี่นับวันยิ่งวางมาดแถมเอาแต่ใจเข้าทุกวัน
แต่ถึงแบบนั้นเพราะเขาอยู่กับแบคอยอนมาหลายปี ก็พอจะรู้แหละว่าน้องมันเป็นยังไง
เขาพยายามติดต่อกับแบคฮยอนทั้งคืนเลยเพราะน้องมันไม่ยอมรับโทรศัพท์
ไม่ยอมติดต่อมา ไปหาที่ผับก็แล้ว แต่ก็เจอแค่ซากทีมงานที่นอนเกลื่อนเต็มไปหมด
พอไปหาในห้องน้ำก็จอผู้กำกับซีวอนนอนสลบอยู่ข้างใน
นี่ก็อุตส่าห์เข้าไปเรียกด้วยความเป็นห่วงน่ะ แต่พอได้ยินเสียงครางว่า ‘แรงๆเลยแบคฮยอน’
มินซอกถึงกับยั้งหมัดไว้แทบไม่ทัน แต่ถ้าดูจากสภาพการของผู้กำกับบ้านั่นแล้ว
ดูเหมือนน้องเขาจะฉลาดอยู่มากโข
แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดีเพราะยังหาแบคฮยอนไม่พบอยู่ดี
และก็มีเรื่องให้ปวดหัวอีกครั้งเพราะคริสโทรมาบอกให้ช่วยตามหาคยองซูเด็กในสังกัดของเราอีกคน
เขาเลยต้องระเหเร่ร่อนอยู่ทั้งคืนรวมถึงประธานจางกับอิคริสเพื่อนรักด้วย
หลังจากตามหามาทั้งคืนก็ไร้วี่แววแบคฮยอนและคยองซูจนอี้ชิงต้องโทรไปไปหาตำรวจเพราะครบชั่วโมงแจ้งคนหายได้แล้วนั่นแหละ
ถึงได้รู้ว่าแบคฮยอนอยู่ที่สน.โซล แต่เรื่องช๊อคโลกมันอยู่ตรงที่ ‘แบคฮยอนชนคนจนเจ็บสาหัสแล้วทำร้ายร่างกายซ้ำอีก
แถมคนคนนั้นคือคยองซู’ นั่นแหละ
อี้ชิงถึงกับเป็นลมล้มตึงทันทีหลังจากรู้ข่าว
จะว่าไปเขาก็ไม่มีทางเชื่อหรอกว่าแบคฮยอนจะเป็นคนทำร้ายคยองซู
จริงอยู่ที่สองคนนี้ทะเลาะกันบ่อยมากแล้วรุนแรงจนถึงขั้นต่อยกันหลายครั้ง แต่เขาก็ดูออกว่าเด็กมันผูกพันธ์เกินกว่าที่จะมาฆ่าแกงกัน
เพราะเด็กสองคนนี้มีนิสัยที่คล้ายคลึงกัน ขิงก็ร่าข่าก็แรง
ไฟมันเลยลุกโชติช่วงจนเกินเลยถึงขั้นทำร้ายร่างกายกันและกัน
แต่ใครเล่าจะรู้ว่าหลังจากนั้นมันสองคนก็นอนกอดกันเหมือนลูกแมวบนโซฟาหลังจากถ่ายฉากหนังเสร็จแล้วกำลังรอเขากับคริสที่คุยเรื่องงานต่อไปในวันพรุ่งนี้กับผู้จัด
สองคนนั่นก็เหมือนกับคู่แฝดนั่นแหละ
เกลียดกันแค่ไหน สุดท้ายก็รักกันเท่านั้นเพราะอยู่ด้วยกันมานานมาก
ยอมรับว่าตกใจอยู่ลึกลึกที่มีคดีแบบนี้ออกมาและเกิดขึ้นกับเด็กสองคนนี้
ซึ่งทั้งเขา อี้ฟาน และอี้ชิง สามารถปฎิเสธได้เสียงแข็งเลยว่ามันเป็นไปไม่ได้
แต่จากที่ตำรวจเขาเล่ามา
แค่เสียงของพวกเราสามคนมันก็ยืนยันอะไรไม่ได้เพราะแบคฮยอนอยู่ในสถานที่เกิดเหตุบวกกับอะไรหลายอย่างที่มันลงตัวกันแบบเป๊ะๆ
นั่นเลยทำให้แบคฮยอนดิ้นไม่หลุด
และแน่นอน คนอย่างมินซอกจะไม่ยอมให้แบคฮยอนต้องเสียชื่อเสียงและลำบากด้วยการมากินข้าวแดงในคุกหรอก
“แบคฮยอน คือ...”
“...”
นักแสดงหนุ่มคลายกอดออกจากเมเนเจอร์ของตัวเอง
ก่อนจะทำหน้าตาซึมๆอย่างรู้ทันว่าเขาจะพูดอะไร
“นายไม่ได้ทำจริงๆใช่ไหม?”
“พี่ไม่เชื่อใจผมหรอ?”
“ไม่ใช่ว่าพี่ไม่เชื่อ
พี่แค่อยากได้ยินจากปากนายชัดๆ”
“...”
“แบคฮยอน..”
มินซอกรู้สึกใจไม่ดีขึ้นมากะทันหันหลังจากเด็กในสังกัดของเขาเงียบไปนาน
แววตาของแบคฮยอนฉายชัดถึงความรู้สึกหน่วงในใจ
และนั่น...มินซอกก็ดูออกดว่าแบคฮยอนคงรู้สึกไม่ต่างกันกับเขาเท่าไรนัก เผลอๆอาจจะแรงกว่า...
“...”
“แบค..”
“ครับ” ร่างเล็กก้มหน้าจนคางชิดกับอก
ให้ตายเถอะเขาไม่คิดว่าคนร้องไห้ยากอย่างตัวเขาต้องมาเสียน้ำตาให้กับความรู้สึกบ้านี่ที่เกิดขึ้นเพราะโดคยองซูเลยแท้ๆ
ไม่เคยคิด..
“เห้อออ อย่าร้องสิ
พี่รู้นายทำดีที่สุดแล้ว” เมเนเจอรืหนุ่มถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกแล้วดึงร่างของบยอนแบคฮยอนเข้ามากอดปลอบเบาๆ
“ฮึก...มันยากอะพี่
ผมลบภาพบ้าบ้านั่นออกจากความคิดไม่ได้เลยจริงๆ”
“พี่รู้”
เขาทำอะไรไม่ได้จริงนอกจากการลูบหลังน้องเบาเบา เพราะแบคฮยอนไม่เคยร้องไห้นอกจากฉากดราม่าในละคร แบคฮยอนเข้มแข็งเกินกว่าจะร้องไห้มาตลอด เขาเองก็ไม่รู้จะช่วยยังไงแล้วเหมือนกัน
“..ฮึก”
นักแสดงหนุ่มไม่ได้กอดตอบพี่มินซอกแต่อย่างใด
เขาทำเพียงแค่ให้ภาพนั่นไหลผ่านไปกับน้ำตาโดยพยายามกลั้นเสียงสะอื้น
แค่หวังว่ามันจะช่วยได้
ไม่นานนักเมเนเจอร์หนุ่มก็ค่อยๆดึงตัวของแบคฮยอนออกเพราะดูเหมือนเขาจะเลิกร้องแล้ว
“...”
“นายรู้ใช่ไหม?
ว่าเรื่องทั้งหมดมันใหญ่แค่ไหน?”
“...”
“ถ้าข่าวแพร่ออกไป ชื่อเสียงของนายก็ต้องพังยับแน่ๆต่อให้มันไม่จริงก็เถอะ”
“ครับ ผมรู้”
“อื้ม...โชคยังเข้าข้างเราที่ไม่มีใครรู้ข่าวนี้เลยนอกจากคนในสน.แล้วก็พี่
พี่คริส และประธานจาง เราไว้ใจคนในสน.นี้ได้เพราะพ่อของนายขอร้องเอาไว้...แต่เรายังไม่สามารถปิดคดีนี้ได้”
“ห้ะ?” หรือว่า...เขาจะต้องติดคุกจริงจริงงั้นหรือ?
“ไม่ใช่ๆแบบที่นายคิด”
“แล้ว?”
“ถึงทางฝั่งครอบครัวคยองซูจะไม่เอาความอะไรก็เถอะเพราะเรายังไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำกันแน่
แต่กฎหมายก็ต้องเป็นไปตามกฎหมายผู้ต้องสงสัยยังคงเป็นผู้ต้องสงสัยเพราะเหตุผลยังไม่กระจ่าง...เมื่อตะกี้พี่คุยกับผู้กอง
เขาบอกว่าไม่มีผู้พบเห็นเหตุการณ์เลยสักคน
แถบนั้นไม่มีกล้องวงจรปิดเพราะเป็นที่ปลอดคน ทางเปรี่ยวมาก
แถมเวลาเกิดเหตุยังเป็นตอนตี2 ประมาณ 2 เมตรห่างจากร่างของคยองซูมีไม้เบสบอลทิ้งไว้อยุ่ในโพรงหญ้า...”
“...”
แบคฮยอนกำลังพยายามหายใจเข้าออกลึกลึก
ตอนนี้เขายังคงคอนเฟริ์มอะไรไม่ได้ว่าตัวเองจะรอดหรือไม่รอด
แต่สิ่งที่เขาคอนเฟริ์มได้และยังคงมั่นใจมาตลอด คือเขาไม่ได้ชนคยองซูจริงๆ..
"แต่ว่า...บนไม้นั่น"
"บนไม้? มันทำไมพี่?"
“...บนไม้นั่นมันมีแต่รอยนิ้วมือของนาย”
“ไม่จริง!!”
“ใจเย็นๆแบคฮยอนอ่า” มินซอกพยายามลูบไหล่ของแบคฮยอนแล้วกดตัวรุ่นน้องให้นั่งลงบนเก้าอี้ไม้หน้าสน.
สิ่งนึงที่แบคอยอนเกลียดคือการโดนใส่ร้าย แน่นอนเขารู้ดี
และนั่นก็เพิ่มความมั่นใจให้เขาได้อีกระดับเลยว่าแบคฮยอนไม่ได้ทำ
ถึงจะไม่รู้ว่ารอยนิ้วมือนั่นมายังไงก็เถอะ
“...”
“อย่ากลัว..พี่ไม่ปล่อยให้นายเป้นคนผิดทั้งที่ไม่ได้ทำหรอก”
“แล้วไง?
ยังไงพวกตำรวจบ้านี่ก็ใส่ร้ายให้ผมเป็นคนผิดอยู่ดี
พี่ไปคุยกับไอผู้กองปาร์คชานยอลมาใช่ไหม?”
“ทำไมเรียกเขางั้นละ?”
“ผมเกลียดขี้หน้าเขา”
นักแสดงหนุ่มทำหน้าบึ้งกอดอกตัวเองอย่างไม่สบอารมณ์
“งั้นนายคงจะต้องเห็นเขาไปอีกนานจนเบื่อเลยแหละ”
“พี่ว่าไงนะ?”
แบคฮยอนถลึงตาโตมองเมเนเจอร์ของตัวเองด้วยความงงงวยปนตกใจระคน
ทำไมเขาต้องเห็นหน้าผู้กองแกไปอีกนานวะ?
“นายรู้ใช่ไหม? ว่าการจะปิดคดีหนึ่งคดีมันใช้เวลานานมากแค่ไหน?”
“รู้”
“แล้ว...คยองซูบาดเจ็บสาหัสมาก
จนไม่รู้ว่าเขาจะฟื้นเมื่อไร” พอพูดถึงคยองซูแบคฮยอนก็เกิดปวดหนึบที่ใจขึ้นมาอีกครั้ง
แต่มันไม่หนักหนาสากันเท่าก่อนหน้าที่เขาจะปล่อยโฮออกมาหรอกมั้ง
“...”
“อีกทั้งเขาต้องรักษาตัวให้หายเพราะไม่รู้ว่าตื่นมาเขาจะสามารถพูดได้ไหม...”
“หรือเขาอาจจะไม่หาย...”
“...นายรู้ได้ไง?” แบคฮยอนทำเพียงแค่กลอกตาไปมา
จู่ๆหน่วยตาและจมูกของเขาก็เริ่มร้อนอีกครั้ง
ทำไมเขาถึงเป็นคนที่ร้องไห้ง่ายขึ้นมาเสียดื้อๆละ? แต่...ไอพี่บ้า! มาถามให้คิดถึงสภาพไอคยองซุทำไมวะ? ไหนบอกว่าเข้าใจไง
“..พี่ไม่ได้เห็นแบบที่ผมเห็นนี้”
“...” มินซอกว่า..เขาพลาดเสียแล้ว
บ้าจริง!
“...”
“พี่ขอโทษ..”
“ไม่เป็นไรฮะ”
“พี่รู้มันต้องใช้เวลา”
“อื้ม..”
“...แบคฮยอน...ต่อจากนี้...พี่ว่านายคงต้องใช้ชีวิตลำบากนิดนึงเเล้วแหละ”
“ครับ?”
"ที่พี่บอกว่างั้นนายคงต้องเห็นเขาไปอีกนานน่ะ...ผู้กองปาร์คน่ะ"
"...?" พี่มินซอกจะพูดอะไร? ไม่เข้าใจเลยจริงๆ
“แลกกับชื่อเสียงและการที่นายไม่ต้องเข้าคุก...บทลงโทษคือนายจะต้องอยู่ในสายตาผู้กองเขาตลอดเวลา”
“พี่หมายความว่ายังไง? ไม่จริงใช่ไหม?” บ้าไปแล้ว พี่มินซอกต้องบ้าเเล้วเเน่ๆ
“จริง...ต่อจากนี้นายจะต้องย้ายไปอยู่กับผู้กองปาร์คชานยอล...และพี่จะทำได้เพียงจดตารางงานของนายส่งให้ผู้กองเขาเท่านั้น...”
“พี่บ้าไปแล้วหรอ?” นั่นสิ
พี่มินซอกต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ นี่พี่ไม่รู้หรือไง? ว่าการอยู่กับลุงปาร์ค ขนาดแค่ 2
นาที กูก็จะตายห่าอยู่แล้ว แล้วนี้? ใช้ชีวิตอยู่? ใช้ไรคิดว่ะ?
“เปล่า ไม่ได้บ้า...พี่ช่วยนายได้แค่นี้
เรื่องนี้ผู้กองเขาขอมา” ผู้กองขอมา? ไม่จริงใช่ไหม?
“ไม่!! ผมจะฟ้องพ่อ!!”
แบคฮยอนดิ้นเร้ารัวๆจนพี่มินซอกต้องมาจับเอาไว้
“เบาๆสิ!! เรื่องนี้พ่อนายอนุญาตแล้ว” อะไรนะ? ไม่จริง
เป็นไปไม่ได้!!
“ห้ะ?”
“พ่อนายยังบอกอีกว่านี่บุญแค่ไหนที่เขาช่วยไม่ให้นายเสียชื่อเสียงแถมไม่ต้องติดคุก
เรื่องคดีมันก็ขึ้นอยู่กับตำรวจที่ดูแลคดี แล้วคนดูแลของนายคือผู้กองปาร์คชานยอล...พี่ช่วยได้แค่นี้จริงๆ”
“อย่างงี้ให้ผมเสียชื่อเสียง
นอนกินข้าวแดงอยู่ในคุกดีกว่า”
“พี่ว่าเขาก็ไม่ได้แย่”
“กับผีดิพี่!”
“แล้วนายคิดว่ามันจะง่ายขนาดนั้นเลยหรือ?
คิดถึงคยองซูบ้าง...”
“...” โอเค พอพูดถึงคยองซูอะไรอะไรก็ดูง่ายขึ้น
แบคฮยอนหยุดดิ้นแล้วนั่งสงบเสงี่ยมดังเดิม อดคิดไม่ได้เลยว่าแบคฮยอนจะเจ็บปวดแค่ไหนในตอนที่เห็นสภาพของคยองซู
“พี่ช่วยนายแล้วแบคฮยอน
พี่ขอโทษที่ช่วยได้แค่นี้ ขอโทษจริงๆ...ในเมื่อนายไม่ได้ทำจริงๆ
พี่ก็อยากให้นายช่วยติดตามคดีของตัวเองด้วย”
“ทำไม?”
“นายไม่อยากจับคนร้ายตัวจริงได้หรอ?”
“...” อยากสิ อยากจับมันมากระทืบสักล้านครั้งแล้วเฉือนลงบ่อจระเข้ให้ตายกันไปข้าง
“พี่ขอเถอะ
ตอนนี้เราทำได้แค่ภาวนาให้คยองซูฟื้นเร็วๆ
หรือไม่เราก็จับคนร้ายได้นายถึงจะได้อิสระกลับมา”
“อื้ม..ผมก้อยากให้หมอนั้นหายเร็วๆ..บอกตรงๆ
ไม่ชินเลยที่ถ้าคิดว่าต่อจากนี้จะไม่ได้ยินเสียงมันอีก”
“...”
“งั้น...ผมจะทำเพื่อมันดูสักครั้งน่ะพี่”
“อื้ม พี่จะช่วยนายอีกแรงน่ะ”
“ครับ”
ย้ายไปอยู่กับผู้กองปาร์ค
ย้ายไปอยู่กับผู้กองปาร์ค ย้ายไปอยู่กับผู้กองปาร์ค
เป็นอะไรที่ยากที่สุดในโลกเลยจริงจริง
ขนาดคิดให้ทำใจยังยากอะคิดดู T^T
“อ้าว! คุณมินซอก ยังไม่กลับหรือครับ?”
“อ้าว ผู้กองปาร์ค”
“...” อะไรน่ะ ผู้กองปาร์คหรอ?
แบคฮยอนหันไปมองขวับจนคอแทบเคล็ด
ให้ตายเถอะซาร่า ทำไมพี่แกตายยากงี้วะ? ทำใจให้เจอหน้าทุกวัน ทุกเวลาก็ว่ายากแล้ว
ยิ่งพอเจอหน้าเข้าไปอีกนี่ยากแบบยากกกกเลยอะ
“สวัสดีครับ...คุณนักแสดง...อ้อ
ไม่ใช่สิ..เพื่อน ร่วม ห้อง คน ใหม่ ของ ผม”ร่างสูงล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง
พยายามจงใจเน้นคำเพื่อกวนตีนให้เด็กน้อยโกรธสักหน่อยและมันก็ได้ผลในขณะที่พี่ชายของตัวเองเผลอ
เด็กนั่นด่าเขาแบบไม่มีเสียงรัวเลยละ
“หึ! ไอผู้กองหน้าแก่”
“แบคฮยอน อย่าเสียมารยาท!” แบคฮยอนหันหน้าไปทางอื่นพลางปากก็ขมุบขมิบอย่างไม่หยุดหย่อน
แช่งให้ยันโคตรเลยเอาดิ!
“ฮ่า ฮ่า ผมไม่ถือสาเด็กหรอกครับ”
เด็กโพ่ง!
“ต้องขอโทษด้วยจริงๆน่ะครับ” เอ้า
จีบกันเข้าไป๊
“ยังไงก็...พรุ่งนี้เช้าเดี๋ยวผมจะไปรับคุณแบคฮยอนที่หน้าคอนโดนะครับ
ผมขอตัวกลับก่อน สวัสดีครับ”...อะไรน่ะ อะไรพรุ่งนี้ๆน่ะ?
“พรุ่งนี้อะไรอะพี่?
ลุงแกจะมาคอนโดผมทำไม?”
“เขาชื่อปาร์คชานยอล”
นี่พี่มินซอกโคฟเวอร์เป็นลุงปาร์คหมาเวอร์ชั่นสองช้ะ?
“เออ เหมือนกัน”
“แล้วพี่ไม่ได้บอกนายหรอ?”
“เรื่อง?”
“นายจะย้ายไปอยู่กับคุณผู้กองเขาพรุ่งนี้น่ะ...”
เจ็บแค้นเครืองโกรธ โทษชั้นใย ชั้นทำ
อะไรให้เธอเคื่องขุ่น
ลาก่อยชีวิต
TBC
ทำไมสน.ที่ไทยไม่มีกฎขัดใจปาร์คชานยอลบ้าง?
กรีมแท๊ก #ฟิคนักโทษของคุณปาร์ค กันได้น้าาา เราไม่ได้บังคับเเค่ร้องขอ
ไม่ใช่ฟิคดราม่า มีแววว่าจะเป็นฟิคตลก
เรารักพวกนายน่ะ♥
ความคิดเห็น