ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    "ถ้าแน่จริง...ก็จับผมสิ" (CHANBAEK ft.KaiHun LuMin)

    ลำดับตอนที่ #10 : Kapitel 09 : ดอกไม้

    • อัปเดตล่าสุด 30 ต.ค. 59


     
      CR.SQW
     
     Kapitel 09 : ดอกไม้


    (จงซื่อสัตย์กับความรัก...แล้วคุณจะไม่เสียใจ )







              เสียงย่ำเท้าดูเหมือนจะเป็นเสียงที่ดังที่สุดในสถานีตำรวจโซลไปเสียแล้ว ปาร์คชานยอลเดินเข้ามาในห้องทำงานของทีมด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง เขาไม่ได้แปลกใจเท่าไรนักที่สถานีตำรวจที่เคยวุ่นวายเป็นตลาดสดกลับเงียบจนได้ยินเพียงเสียงเปิดกระดาษกับเสียงย่ำเท้าเพียงเท่านั้น



              เช่นเดียวกันที่ห้องทำงานของเขาไม่ได้ต่างจากข้างนอกเลย เหล่าลูกทีมที่ก่อนหน้านี้เอาแต่พร่ำเพ้อพรรณนาถึงยูชีจินพระเอกนายทหารสามีของคนค่อนประเทศนั่น แต่ตอนนี้กลับแสดงสีหน้าที่เปลี่ยนไปเป็นคนละคน ไม่เว้นกระทั่งคิมจงแดบุคคลผู้ได้ตำแหน่ง ปากประจำสน.โซล



              ปาร์คชานยอลเดินผ่านลูกทีมเข้าไปยังห้องทำงานส่วนตัว โต๊ะที่เคยเรียบร้อยบัดนี้เต็มไปด้วยซองเอกสารและแฟ้มต่างๆ



              ร่างสูงนั่งลงบนเก้าอี้ส่วนตัว พร้อมหยิบซองเอกสารฉบับแรกมาแกะเปิดออก ภายในซองบรรจุไปด้วยรูปภาพราวๆสิบใบที่ไม่น่าพิศวาทนัก เพราะแต่ละภาพเรียกได้ว่าถ้าไม่ใช่ตำรวจที่ทำงานมาหลายปีหรือบุคลากรที่ทำงานเกี่ยวกับเรื่องแบบนี้คงรับไม่ได้แน่นอน



             มันเกือบจะดีอยู่แล้วแท้ๆ ปาร์คชานยอลในตอนที่อยู่ที่บ้านของคุณเหมยลี่เมื่อวานน่ะ เพียงแค่ไม่กี่อึดใจ เขาก็จะมั่นใจได้แล้วแท้ๆเชียวว่าใครกันแน่ที่เป็นคนร้าย



             แต่ว่า..ดูเหมือนสวรรค์จะกลั่นแกล้งเขาเสียเหลือเกิน เมื่อจู่ๆเขาก็ได้ยินเสียงหวีดร้องมาจากบ้านข้างๆที่ห่างกันเพียงรั้วกั้น และด้วยสัญชาตญาณของคนเป็นตำรวจ เขาจึงรีบวิ่งไปยังที่เกิดเหตุทันที



            ภาพร่างคนที่ห้อยโตงเตงอยู่ตรงหน้านั้นเป็นเสมือนสัญญาณบางอย่างที่ย้ำเตือนผู้กองปาร์คชานยอลให้รับรู้ว่า.. มันไม่ได้ง่ายเหมือนที่ผ่านๆมาเท่าไรนัก



             แต่ก็นั่นแหละ ระดับผู้กองปาร์คชานยอลแห่งสน.โซลคนนี้แล้ว รับรองได้ว่าอีกไม่กี่วันเขาจะสามารถจับเจ้าฆาตกรโรคจิตนั่นยัดซังเตให้ได้ โทษฐานที่ทำให้คนบริสุทธิ์ตายถึงสองคนแล้วยังทำให้งานของเขาล่าช้าไป




             แล้วก็...




             ทำให้เขาพลาดบทลงโทษช่วงเช้าของใครบางคนไปเสียด้วยสิ

     

     






     

     

              ภาพเบื้องหน้าของบยอนแบคฮยอนเป็นภาพวิวสูงของกรุงโซลจากตึกชั้นสูงสุดบนตำแหน่งที่ดีที่สุดของบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Kj group




              บยอนแบคฮยอนกำลังจะฆ่าตัวตาย!!




              ซะที่ไหนกันละวะ!!



              “ว๊ากกกกกกก ไอบ้าผู้กอง ไม่ ไม่ ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยย” นักแสดงหนุ่มตะโกนเสียงดังลั่นชนิดที่ว่าหากมีเครื่องวัดความดังของเสียงมันคงแตกทันทีที่รับค่าได้ ข้อดีของบริษัทเคเจกรุ๊ปมีมากมาย หนึ่งในนั้นคือจะมีใครบ้ามาได้ยินเสียงตะโกนของคนที่อยู่ชั้นบนสุดกัน? นอกจากว่าคนได้ยินจะเป็นไอประธานบริษัทที่อยู่ห้องข้างๆเสียเอง แต่ก็นั่นแหละ ใครจะไปแคร์วะ? ตอนนี้ทุกอย่างในชีวิตมันเหมือนแตกหักไปหมด โอ๊ย พูดแล้วอยากจะครายอิ้ง เหมือนกระดูกและร่างกายของแบคฮยอนคนนี้ได้สลายกลายเป็นเท่าธุลี เหมือนบยอนแบคฮยอนคนนี้ได้เอาหัวโหม่งพสุธาตายจากโลกนี้ไปแล้ว ฮึกฮืออออ



                อะไรนะ บยอนแบคฮยอนพระเอกชื่อดังร้องไห้หรอ




                ที่เธอเห็นแค่ฝุ่นมันเข้าตา ฉันไม่ได้ร้องห้ายยยยย



               เขาสูญเสียความบริสุทธิ์ระดับ 3 ให้ผู้กองปาร์คไปแล้ว ฮือออ แบบนี้เขาจะเข้าหน้าใครได้ แม้แต่ยูกิเขาก็ไม่กล้าที่จะสบตามัน ฮือออ ยูกิลูกรัก พ่อมันเลว พ่อมันคนใจง่าย ฮือออ



             (โอ้ยยย อีแบค!! หูกูนี่หูกู อีห่านฟ้าพญาลอ จะอะไรนักหนาห้ะ! วันนั้นมึงดูดปากกับไอผู้กำกับนั่นมาแล้ว กะอีแค่นี้มันจะอะไรนักหนา)



              “ฮืออออ เจ้ มันไม่แค่นี้ดิ ฮือออ เจ้ก็รู้อ่ะว่ากว่าผมจะรับงานที่มันต้องถอดเสื้อบ้าง โชว์เนื้อหนังบ้างในแต่ละทีต้องคิดนานแค่ไหน ละนี่อะไรอ่ะ งานก็ไม่ใช่ ได้ตังค์ก็ไม่ได้ เหมือนเสียตัว ความบริสุทธิ์มันได้ตายไปจากผมแล้ว ฮืออออ” แบคฮยอนร้องไห้คร่ำครวญ ได้ยินเสียงร้องโวยวายตะโกนแข่งกับเขาจากปลายสายเป็นระยะ เจ้ที่เขากำลังคุยด้วยอยู่นี่ชื่อ กีฮยอน เป็นลูกพี่ลูกน้องคนเดียวที่ยังติดต่อคบค้าสมาคมมาตั้งแต่ยังไม่ดังจนเป็นดาวรุ่งถึงทุกวันนี้



              (หยุดคร่ำครวญสักทีเหอะมึง หูเจ้จะแตก แล้วไอความบริสุทธิ์ของมึงนี่วัดกันตรงไหนห้ะ! ถ้าวัดที่ประตูหลังก็ยังไม่ได้เสียไหมจะอะไรนักหนา พูดอย่างกับว่าตัวเองแมนทั้งแท่งงั้นแหละ)



              “เอ้าเจ้! ผมก็ชอบผู้หญิงบ้างป่าววะสังคม”



             (ที่กูเห็นมาพัวพันกับมึงก็มีแต่ผู้ชายหนิ ไม่ใช่ไง๊?)



              “ผู้ชายแล้วไงอ่ะเจ้ ก็ไม่ได้บอกว่าชอบไหมละ”



             (ฟังนะแบคฮยอน มึงต้องยอมรับความจริงว่า พี่แบคคนแมนในความคิดของมึงได้ตายจากโลกไปตั้งแต่มึงเกิดมาแล้วทุกคนในห้องคลอดทักว่ามึงเป็นผู้หญิงแต่มีจู๋ไปแล้ว ทำใจนะน้องรัก)



              “มั่วแล้วเจ้ ไปได้ยินมาจากไหนเนี่ย โว๊ะ! นี่ไม่ช่วยแก้ปัญหาแล้วยังมาซ้ำเติมน้องอีก”



              (ซ้ำกับแปะมึงสิ ที่พูดนี่ก็แค่ประโยคบอกเล่าไหมล่ะ นี่ถ้ากูไม่เล่าป่านนี้มึงก็ไม่มีทางรู้หรอก แล้วไอเรื่องนี้มันก็คือปัญหาของมึง และอยู่ที่มึงด้วย)



               “ยังไงวะเจ้”



               (เอ้า! ก็ปกติมึงเสียรู้ใครง่ายๆที่ไหนล่ะแบค แล้วนี่ใคร แค่ตำรวจคนนึงมึงก็ยอมให้เขาเห็นร่างกายมึงทุกซอกทุกมุมขนาดนี้ ถ้าเขาไม่สุภาพบุรุษพอป่านนี้คงเลยเถิดไปไหนต่อไหนแล้ว)



               “นี่ยังเรียกว่าสุภาพบุรุษหรอเจ้ มันฉวยโอกาสปะละ”



              (แล้วมึงยินยอมให้เขาทำไหมล่ะ แหมมมทำมาเล่นตัว สุดท้ายก็...โพล๊ะ เกิดเป็นโกโก้ครันช์อยู่ดี ทั้งที่เขาก็ปลดกุญแจแล้วแท้ๆ)



              “มะ ไม่ใช่สักหน่อย ”



              (โอ้ยย ลองฟังหัวใจตัวเองดูนะแบคฮยอน ว่าตอนนี้มึงกำลังซีเรียสกับเรื่องไหน เรื่องเสียความบริสุทธิ์ให้อุ้งมือเขาหรือเรื่องที่มึงกลัวว่าจะรักเขา ซึ่งเป็นใครจากไหนไม่รู้เข้าจริงๆ แค่นี้แหละกูยุ่ง!



              เสียงตู๊ดตามมาเป็นระยะหลังจากที่บุคคลปลายสายกดวางลงทันทีที่พูดจบ แบคฮยอนถอนหายใจดังเฮือกพลางเข้ามาทิ้งตัวลงบนโซฟาหนังตัวใหญ่



              คำพูดของเจ๊กียังคงวนเวียนอยู่ในสมอง



              นั่นสินะ...บยอนแบคฮยอนไม่ได้ซีเรียสเรื่องที่ตัวเองโดนทำอะไรเมื่อคืนนี้...แต่เขากำลังกลัว



              กลัวว่าเขาจะเป็นคนที่คิดอยู่ฝ่ายเดียว



              กลัวว่าตัวเองจะเห็นภาพของปาร์คชานยอลซ้อนทับกับคนที่เป็น..รักแรก



              ใช่ เหตุผลว่าทำไมบยอนแบคฮยอนถึงไม่เคยมีแฟนเป็นจริงเป็นจังนั่นก็เพราะเขาไม่เคยลืมรักแรก..


               ผู้ชายใจร้ายที่เขาเคยเจอเพียงแค่สองครั้งแต่ก็ทำให้ตกหลุมรักจนไม่สามารถมองเห็นใครได้อีก


                ผู้ชายคนที่เขาไม่รู้แม้กระทั่งชื่อ





                ผู้ชาย...คนที่บยอนแบคฮยอนรอคอยมาตลอด 10 ปี



                เขาสัญญากับตัวเองว่าจะต้องตามหาคนที่มีลอยสักรูปกุญแจกลางหลังคนนั้นให้พบแม้จะจำหน้าๆไม่ได้แล้วก็ตาม  



                และสัญญาว่าจะรักแค่เขาคนนั้นจนกว่าวันที่เราจะพบกันใหม่



                แต่ก็นะ...






               ขอโทษนะครับรุ่นพี่..ผมทำผิดสัญญาซะแล้ว

     

     

             

     

     

     


              “นี่นาย ฉันหิว ไปหาอะไรกินกันเถอะ”



               “...” เสี่ยวลู่หานขมวดคิ้วมุ่นมองคนตัวเล็กที่ลุกขึ้นปัดกางเกงตัวเองพร้อมยื่นมือมาให้เขาจับ หลังจากที่เขายอมเปิดใจบอกชื่อให้กับผู้ใหญ่หน้าเด็กแปลกหน้าคนนี้ไป เราก็นั่งจมอยู่กับความเงียบทั้งคู่ โดยมีแค่คิมมินซอกคนเดียวที่เอาแต่นั่งยิ้มเหมือนคนบ้าได้ลูกอม



               “เอาน่า ฉันไม่พานายไปขายหรอก รวย” เด็กหนุ่มถอนหายใจให้กับความขี้อวดของคนตรงข้าม ก่อนจะลุกขึ้นโดยเลือกที่จะเมินฝ่ามือของอีกคน



               มินซอกยิ้มกว้าง เขาไม่ได้รู้สึกเสียหน้าหรืออะไรที่เสี่ยวลู่หานเลือกที่จะเมินการจับมือกับคนแปลกหน้าอย่างเขา ดูรวมๆแล้วเด็กคนนี้ก็น่ารักใช่ย่อยเลยนะ



              “อยากกินอะไรไหม เดี๋ยวเลี้ยง” เราทั้งคู่เดินช้าๆบนทางเท้าของสวนสาธารณะโดยที่มีระยะห่างกันพอสมควร



              “ไม่เป็นไรครับผมเกรงใจ”



              “เกรงใจอะไร” มินซอกหยุดเดินพลางหันไปหาเด็กหนุ่มตัวผอมที่สูงกว่าเขาราวๆ 5 เซน



              “เรา...เป็นแค่คนแปลกหน้า”



             “...”



             “...”



              “โอเคก็ได้..”เมเนอร์เจอร์หนุ่มเดินเข้าไปใกล้เด็กหนุ่มวัย 17ที่ยืนเสมองไปทางแม่น้ำฮัน ลู่หานหันกลับมามองผู้ใหญ่ตรงหน้าพลางขมวดคิ้วรอบที่ร้อยสิบของวัน “ฉันชื่อคิมมินซอกอายุ27ปี ทำงานอยู่บริษัท ZX Entertainment ตำแหน่งผู้จัดการของบยอนแบคฮยอน บ้านอยู่โซลนี่แหละ แม่เปิดร้านขายต๊อกรายใหญ่อยู่ที่ฮงแด รวยและหล่อมาก แต่ก็ยังโสดมาจนอายุ 27 นี่แหละ”



              “...”



              “ยังไม่มากพอหรอ? โอเค ฉันมีเพื่อนสนิททั้งชีวิตไม่มากนัก กระเทย 2 ทอม 1 ดี้ 1 เบี้ยน 2 ชายแท้ 4 หญิง 2 เกย์อีก 4 แล้วไอ 4 คนนี้ก็เสือกกินกันเอง 55555”



              “...อึก”



               “ฮั่นแน่ ขำละซิๆ นี่ถ้านายได้เจอตัวจริงนะ รับรองท้องขดท้องแข็ง 20คนนี่คบกันมาทั้งชีวิตเลยนะ บางคนก็ตั้งแต่เกิดเลย”



              “ฮะๆ เปล่าครับ ผมไม่ได้ขำเพื่อนของคุณ ผมขำคุณ”



              “เอ้า ขำฉันทำไมล่ะ!



              “หน้าตาคุณ...ตอนเล่า...”



              “ทำไม! หน้าตาฉันมันทำไม!” มินซอกถลึงตาใส่เด็กตัวยักษ์พลางจ้องเข้าไปในดวงตาของคนตรงหน้า ลู่หานกำลังยิ้ม แม้จะเป็นเพียงการอมยิ้มก็ตาม แต่ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าสีหน้าของเด็กคนนี้ทำให้หน้าตาที่เอาแต่อมความเศร้าก่อนหน้านี้ดูหล่อเหลาจนน่าจับมาปั้นเข้าสังกัดขนาดไหน



             “มันมีความสุขจนดูตลกเลยครับ”



               “...”



               “...”



                “ฮ่าๆ นายยิ้มด้วย”



                “เปล่าซะหน่อย”



                “นายพูดมากขึ้นด้วย”



                “...”



                 “เงียบทำไมเล่า..ถึงจะพูดแบบนั้นแต่ก็อยากลองไปเจอเพื่อนฉันสักครั้งใช่ไหมละ”คิมมินซอกหันกลับมาเดินต่อ โดยที่ระยะห่างของพวกเขาทั้งสองนั้นแตกต่างจากตอนแรก




                 เพราะมันสั้นลงจนน่าใจหาย



                 “...”



                 “ไปเหอะ เดี๋ยวเลี้ยงข้าว ไม่ได้พูดหยอกนะตะกี้ พูดจริงๆ”



                 “...” ลู่หานไม่ได้พูดอะไร เขาทำเพียงเดินตามผู้ใหญ่ที่ชื่อว่ามินซอกแถมเป็นผู้จัดการดาราที่เคยได้ยินชื่อบ่อยๆต้อยๆ ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ท่อนนี้คงโดนบรรยายว่า ผู้ใหญ่แปลกหน้าไปแล้ว



                 แต่ก็นะ เจ้าตัวถึงกับลงทุนแนะนำตัวเองขนาดนี้...



                “แล้วก็นะ...”



                “...”






                “วันหลังจะพาไปหาเพื่อนฉันด้วย”

     





                

           

               วันนี้มีงานแฟนไซน์...



               บยอนแบคฮยอนในชุดเสื้อไหมพรมสีขาว ผมที่ไร้ผ้าพันแผลและรอยแผลเป็นใดใดแล้วเซทปัดข้างและอีกข้างเกี่ยวหูเอาไว้นั้น ดูดีจนแฟนคลับที่ยืนคอยเขาออกมาต่างส่งเสียงกรี๊ดกันระงม แบคฮยอนนั่งลงบนเก้าอี้พลางฉีกยิ้มกว้าง



               ถึงในใจของเขาตอนนี้จะไม่โอเคเท่าไรนัก แต่เขาก็ต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด



               “แบคฮยอนอปป้าหายไปนานเลยนะคะ ฉันได้ข่าวว่าพี่ป่วย ดูแลสุขภาพด้วยนะคะ”



               “ละครตอนใหม่สุดยอดมากเลยครับ”



               “ฉันมีนี่มาให้ค่ะ...”



                “ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ” เสียงชื่นชม เป็นห่วงและของต่างๆถูกส่งมาไม่ขาดสาย นักแสดงหนุ่มยิ้มรับด้วยความเต็มใจ แม้ใครๆจะบอกว่าบยอนแบคฮยอนคนนี้เป็นคนหยิ่ง นิสัยไม่ดี เอาแต่ใจ และมีข่าวเสียหายที่สุดในวงการบันเทิง แต่แฟนคลับก็ต่างรู้ดีว่าจริงๆแล้วแบคฮยอนเป็นยังไงสำหรับพวกเขา และแบคฮยอนเองก็รู้ ว่าไม่มีใครเข้าใจเขาได้ดีเท่าแฟนคลับอีกแล้ว



                 เขามีความสุขทุกครั้งที่ได้รับคำชมและของฝากต่างๆ




                 แต่ไม่ใช่ในครั้งนี้



                 “ดอกไม้ครับซินญอริต้า” แบคฮยอนชะงักมือที่กำลังเซ็นลงบนโฟโต้บุ๊คทันที พลางเงยหน้าขึ้นมามองช่อดอกกุหลาบสีแดงช่อใหญ่           



                 กับใบหน้าหล่อเหลาของ ชเว ซีวอน ใต้กรอบแว่นดำราคาเฉียดแสน



                 ว่าแล้วทำไมวันนี้ตากระตุกข้างขวา



                “วันนี้คุณดูดีกว่าทุกๆวันเลยนะครับ..รับไปสิครับ มันเหมาะกับคุณนะ”



                “ขอบคุณครับ”นักแสดงหนุ่มตอบรับด้วยสายตานิ่งเฉย เสียงของแฟนคลับรอบข้างที่รู้สึกแปลกใจต่างก็ส่งเสียงเซ็งแซ่ด้วยความสงสัยมากมาย..และแน่นอน หลายคนจำได้ว่าคนคนนี้คือชเวซีวอน เนื่องจากมีผู้กำกับไม่กี่คนที่หล่อนัก



                  แต่สำหรับแบคฮยอนน่ะคือโคตรซวย เหลือจากไซน์อีกแค่คนเดียวแล้วถ้าไม่นับชเวซีวอน


     

                  แค่ได้ยินเสียงยังรู้สึกสะอิดสะเอียนเลยเมื่อนึกถึงคืนนั้น...สงสัยลืมเรื่องคลิปเสียงไปแล้วสิท่า



                  “ไม่ทราบว่า คุณแบคฮยอนพอจะ...วะ...ว่าง” ผู้กำกับหนุ่มชักสีหน้า นั่นไม่ใช่เพราะบยอนแบคฮยอนทำสีหน้าเรียบเฉย..



                   แต่เป็นเพราะแฟนคลับที่ได้รับไซน์คนสุดท้ายที่อยู่ข้างหลังเขาเอาแต่ดันต่างหาก




                   นี่มันตั้งใจชัดๆ



                 “ถ้าจะคุยเรื่องส่วนตัวผมว่าไว้ค่อยคุยดีกว่านะครับ แฟนคลับผมรอคุณก็เห็น” แบคฮยอนตอบยิ้มๆ เขาพยายามพูดเสียงดังเพื่อให้คนในฮอลล์นี้ได้ยิน จะได้รู้กันว่าไอผู้กำกับหน้าหล่อคนนี้ไม่รู้จักเวล่ำเวลา



                  “ครับๆ แล้ว..ผมจะรอ” ร่างสูงหน้าเสียเล็กน้อยตอนที่แบคฮยอนพูดเสียงดัง แต่เขาก็ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรมาก ทำเพียงแค่ยิ้มแล้วเดินจากไป



                   แบคฮยอนถอนหายใจพลางกวักมือให้สตาฟที่เอาแต่ยืนเด๋อกันอยู่ไม่กล้าเข้ามาเผือกให้มารับช่อดอกกุหลาบ



                   ไอบ้านั่นคงไม่รู้ใช่ไหมนะว่าแบคฮยอนเกลียดดอกกุหลาบที่สุด ก็แหงแหละ เขาไม่เคยบอกใครสักคนเลยนี่



                   ส่วนดอกไม้ที่เขาชอบที่สุดก็คงจะเป็น





                   “ให้ครับ” ดอกเดซี่...





                    “....”



                    “...”



                    “ไหนล่ะครับ? ไซน์ของผม” นักแสดงหนุ่มสะอึก เขาว่าเรื่องของชเวซีวอนไม่ใช่เหตุผลที่ทำให้เขาตากระตุกข้างขวาบ่อยๆหรอก



                    เขาว่า...เป็นเพราะคนนี้มากกว่า





                   “...ละ..ลุงผู้กอง”

            



    TBC


    คิดถึงนะคะคนดีของบ่าว บ่าวไม่มีคำแก้ตัวใดใดทั้งสิ้น เอาเลยค่ะ! เฆี่ยนบ่าวให้ตาย! 

    สำหรับคนที่ยังรอคอยฟิคเรื่องนี้ เรากราบขอบคุณมากจริงๆ กระซิกๆ เรารู้สึกผิดจริงๆค่ะที่หายไปนานแบบมากมากจนทุกคนน่าจะคิดว่าเราทิ้งเรื่องนี้ไปแล้ว ไม่มีข้อแก้ตัวใดใดทั้งสิ้นค่ะ!! เราจะพยายามอย่างเต็มที่ เราเองก็คิดถึงแบคฮยอนกับผู้กองปาร์คมาก เพราะฉะนั้น เราจะต้องแต่งเขาให้จบค่ะ!! 

    เอาล่ะมาเข้าเรื่อง ตอนนี้สั้นมากมาก 555+ ไว้ไปใส่เอาตอนหน้าทีเดียวค่ะ ตอนหน้าใครที่รอไคฮุนก็รอไว้ได้เลยนะ มีแน่นอนจ้ะ ถ้าเป็นไปได้ตอนหน้าก็อยากใส่ให้ครบทุกคู่นะคะ ช่วยรอกันอีกนิดเนอะ จะพยายามอย่างดีที่สุด 

    สุดท้ายนี้ 

    รักมากนะคะ!! อย่าเพิ่งทิ้งกันไปนะ ถ้าเธอไม่ท้อเราก้จะไม้ท้อ เย้! 

    ไม่ใช่ฟิคดราม่า มีแววว่าจะเป็นฟิคตลก

    เรารักพวกนายนะ♥

             

              

     

     

             

            

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×