คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : เรา นาย เขา เอาไงดี มีตอนเดียวจบ
เขาชื่อมิว มิวเป็นคนที่พูดกูกับเราคนแรก คือมานั่งโต๊ะโรงเรียนอยู่ แล้วมีคนมาเรียนผ่านมาที่โต๊ะเยอะมาก ตอนนั้นยังคบเพื่อนกลุ่มเดิมอยู่เลยยังพูดสุภาพกันอยู่แต่ไอ้นี่
มาวันแรกก็ได้ยินเลย
“เฮ้ย! มึงอยู่กลุ่มไหนวะ”
เราช็อคมากเลย มึงเป็นใครวะมาเรียกกูอย่างนี้ ปรากฏมีผู้ชายหนึ่ง แต่งชุดนักศึกษา
พยายามรวมกลุ่มที่เรียกว่ากลุ่ม สันคณะ
คือตอนนั้นนะต้องมีการซ้อมสันคณะไงแบบว่าตลกๆอะนะ
และจะมีท่านั้นท่านี้ขำๆกันไป คือไอ้คนนี้เป็นคนรวมแก็งค์ที่มันคิดว่าน่าจะมารวมกลุ่มอยู่กับมันได้ และมันก็พูดกูมึงกับเราเป็นคนแรก เราเกลียดมันมากนะแต่
มันกลับกลายเป็นความรักได้ไงก็ไม่รู้
ซึ้งอยู่ทนมาจนปัจจุบันนี้เหมือนกัน แต่ความรักตอนนี้ก็ยังคงปิดสนิทอยู่เหมือนเดิม
เขาเป็นเพื่อนที่คอยแนะนำ
“เออ มึงอย่างนั้นดิ”
“มึงอย่างนี้ดิ”
แล้วยังเป็นคนที่จู้จี้จุกจิก เป็นผู้ชายที่เรื่องเยอะที่สุดที่เคยเจอในชีวิต เหมือนป้าซักคน
“เฮ้ย มึงจัดการ งี้ๆๆๆๆ”
เป็นคุณหนู ที่พยายามทำตัวเฮฟวี่ ทำเซอร์ แต่จริงๆเรื่องเยอะมากๆ
ไม่เคยเจอคนแบบนี้มาก่อนจริงๆ
ด้วยความที่ มิวเป็นลูกคนมีฐานะทำให้เขาแทบไม่ต้องหยิบจับทำอะไรเอง
มันไม่เคยเลยนะ ที่จะหยิบถุงเท้าเอง กางเกงใน เข็มขัด แม้กระทั้งกุญแจรถ ต้องเรียกแม่บ้านที่ชื่อ ศรี อยู่เสมอ “ป้าศรี ถุงเท้า” แล้วนั่งกระดิกตีนรอใส่ถุงเท้า
“ป้าศรี รองเท้าละ” นึกออกไหม
“ป้าศรี ข้าวเสร็จยัง” ไปมหาวิทยาลัยก็ยังนี้เลย มันmanage เพื่อนทุกคนนะ
โดยเฉพาะเราอีกอย่างเราเองก็ไม่เคยเจอคนที่จัดการเรานะ
“เฮ้ย อย่างนั้นดิ”
“เฮ้ย อย่างนี้ดิ” พอจัดการมากๆ มันฉุนนะ
แต่พอไม่มายุ่งกับเรา มันรู้สึกเหมือนขาดอะไรไปสักอย่าง
แปลกมากๆ มันไม่ใช่หลงรักแบบฉับพลันไง
แต่มันเกิดจากความเกลียดก่อน
ต้องอยู่กลุ่มเดียวกัน ต้องคิดท่าสันกับมัน ต้องคิดท่าแอคชั่นอาไรต่อมิอาไร
เข้าแถว จัดแถวก็ต้องอยู่กับมันเพราะตัวพอๆกัน คลาน นอน นั่งก็ต้องไปกับมัน
มันเป็นความสุขแบบแปลกๆ ไม่เคยเจอในกลุ่มเพื่อนแบบเดิมๆ
เพราะไม่เคยมีใครมาmanageเราได้
ความสัมพันธ์ เริ่ม จากการเรียนและการทำงานส่งอาจารย์ ก่อน
ด้วยความที่ มิวเรียน เอกเดียวกับเรา จึงทำให้มีการบริหารงานด้วยกันอยู่เสมอๆ
ต้องมีเอกสาร มีงานรายงานอะไรเนี่ย ก็เริ่มจากไปที่บ้านมัน
ไปกินข้าวแล้วช่วยงานมันวันนึง ไปกินข้าวและไปช่วยงานมานอีก สองวัน
ตอนหลังขนเสื้อผ้าไปอยู่กับมันเลย ไปอยู่ด้วยกัน
ความจริงเราเองก็มีหอนะ แต่ไม่เคยได้อยู่หอเลย เพราะจะมาอยู่ที่บ้านมิวมานตลอด
ความสัมพันธ์ ของเราทั้งคู่ เริ่มพัฒนาไปโดยแทบไม่มีคนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องเลย
จากเพื่อนที่ไปค้างด้วยเฉยๆ สักพัก มิวเองก็เริ่มใช้งานเราเหมือนที่ใช้งานแม่บ้านของมัน
จนพัฒนาสร้างความใกล้ชิดระหว่างกันทั้งร่างกายและจิตใจ
มันเริ่มแบบ ‘เฮ้ย ถุงเท้าละ‘
‘เฮ้ยร้องเท้ากูละ’ ‘กุญแจบ้านอยู่ไหน เร็วดิ’
แต่เราก็ทำนะเพราะเรารู้สึกว่าเรามาอยู่บ้านเค้านะ
อยู่ๆไป ’เฮ้ย! สิวขึ้นหลังวะ’ ‘เฮ้ยทาหน่อยดิ ‘
เป็นความใกล้ชิดไปอีกแบบ เป็นความไกลชิดกันมากขึ้น
ถูกเนื้อต้องตัวกัน แต่โตเป็นหนุ่มแล้วนะ อะไรเนี่ย มาทาสง ทาสิว
นอนบนเตียง เราไม่รู้ว่าเกิดอาไร รู้แต่ว่าผูกพันกับคนๆนี้มาก
ตอนหลังจากมันสั่ง เริ่มพัฒนาไปสั่งมัน
แล้วต่อมามึงกับกูห้ามยุ่งเกี่ยวเรื่องของกันและกันนะ แต่อยู่บ้านมันไง
เรากับมันเคยทะเลอะกันจนถึงขั้นเคยทะเลาะกันถึงขั้นเคยเลิกคบกันเลยก็มีนะ
เราไม่เคยสนิทกับใครถึงขั้นนี้มาก่อนนะ แต่คนนี้ไม่ใช่
คนนี้มาแปลก ทั้งสั่ง ทั้งคอมมานด์และดีมานด์ ทุกอย่างอยู่ในตัวมันหมดเลย
มันเป็นผู้ชายที่แปลกมาก เราต้องทาสิวที่หลังให้มันทุกวัน
ต้องหยิบเสื้อผ้าเตรียมให้มัน ต้องช่วยงานมัน งานเรามานก็มาช่วยนะ
พอดึกๆนอนก็นอนก่ายกันอยู่บนเตียงเล็กๆ เลยรู้สึกว่าคนนี้ละมั้ง ที่เรารู้สึกกับเค้าจริงๆ
รู้สึกรุนแรงอยากมีเพศสัมพันธ์ เออจะว่ายังไงละ
ไอ้มิวมันยั่วทุกอย่าง เราเชื่อว่ามันรู้ว่าเราเป็น และมันทำทุกอย่างเพื่อให้ได้อยู่ใกล้
แต่มันก็จะไม่ยอม อารมณ์ปามานว่า กั๊กไว้ก่อน อ๋อ มึงชอบเหรอ เออกูไม่ให้หรอก
มึงอยู่ตรงนี้แหละ เข้าใจมั้ย อารมณ์ นี้เลย
ความซับซ้อนในความสัมพันธ์ ระหว่างผู้ชายกับผู้ชายนั้นมีมาก
จนบางครั้งยากจะทำความเข้าใจ เช่นความสัมพันธ์ระหว่างผมกับมิว
ถ้ามองจากภายนอกผมจะเป็นแค่เพื่อนกัน
แต่ความสนิทสนมนั้นมีมากกว่าและเข้าใจกันอย่างลึกซึ้ง
จนยากจะแยกออกจากกันได้
ความสัมพันธ์ระหว่างเรานั้นจึงเต็มไปด้วยความคลุมเครือ
ที่ต่างก็คงสภาพความคลุมเครือนั้นไว้อยู่ตลอดเวลา
โดยไม่กล้าที่จะก้าวผ่านไปสู่ความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งไปกว่านั้น
มันเป็นคนขี้เล่น ทุกอย่างรวมอยู่ในคนๆนี้หมดเลย
เจ้ากี้เจ้าการ ขี้โมโห ขี้อ้อน ง้องอน รวมทุกอย่างเลยละ
เคยไม่คุยกันเกือบสามเดือนนะ แต่สุดท้ายมันก็มาง้อแล้วก็กลับมาคบกันใหม่
ระยะเวลาสี่ปีในมหาลัยเราเลิกๆคบๆกันบ่อยมาก
เชื่อว่าต่างตนต่างหงุดหงิด แต่เราก็ต่างเป็นเพื่อนสนิทที่เข้าใจมานมากที่สุดนะ
เข้าใจว่ามันต้องการถุงเท้าเวลานี้ มึงต้องการกาแฟ เวลามันอยากกินอะไรต้องสั่งให้มัน
กิจวัตรประจำวันเหมือนกันหมด กินด้วยกัน นอนพร้อมกัน
ทำงานพร้อมกัน มาเรียนพร้อมกัน ออกจากบ้านพร้อมๆกัน
ถึงแม้จะมีเรียนหรือไม่ก็ตาม แม้จาว่าเวลากลับ
ถ้าเราเลิกก่อนมันเรากะต้องรอมัน หรือ บางทีมานก็มานั่งรอเราอยู่ที่หน้าห้อง แล้วกลับพร้อมกัน
แม้ความสัมพันธ์ นั้นดูเหมือนจะมีความพร้อมจะพัฒนาไปเป็นเรื่องทางเพศ
แต่พวกเราก็ยอมรับว่าไม่สามารถก้าวข้ามมันไปได้
เพราะหากเลยเส้นแบ่งความเป็นเพื่อนนี้ไป
เราเองก็ตอบไม่ได้เช่นกันว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
ความรู้สึกในสิ่งที่เราเป็นและความกลัวที่จะสูญเสียเพื่อน
ทำให้เราพอใจที่จะอยู่บนความคลุมเครือดังกล่าว
ที่จริงเราสองคนพยายามจะเรียนรู้กันและกันมากขึ้น
เราศึกษาจากหนังสือหลายๆเล่ม อย่างเวลาเราเมามัน ก็จับเราเช็ดตัว
แม้ว่าจะไม่อายที่เปลือยกายต่อหน้ากัน แต่เราเองก็ยังไม่พร้อมที่จะก้าวข้ามจุดๆนั้น
และมีหลายๆครั้งที่พยายามที่จะข้ามกันอย่างเช่นที่ห้องนอนจะเป็นพื้นปาเก้
ไอ้เราเองพออาบน้ำเสร็จ ก็เล่นมวยปล้ำกันบนเตียงแล้วช่วงนั้นก็เล่นทุกวันเลย
นี่ขนาดขึ้นมหาลัยแล้วนะแต่ยังเล่นเป็นเด็กๆ
....ที่เราเล่นมวยปล้ำกันนี้ เพราะเรารู้สึกว่าได้สัมผัสร่างกายคนรักอย่างใกล้ชิดที่สุด
ตอนนั้นบอกกับตัวเองไว้แล้วว่ากูนะรักมึงเข้าแล้ววะ
เพราะว่าตามใจกันขนาดนี้ ง้องอนกันขนาดนี้
ทำอะไรเกินกว่าที่เพื่อนผู้ชายจะทำให้กัน
ไปนั่งรอเราเรียนสามชั่วโมงก็ยังรอ
มันเทคแคร์เราเสมอ มีแม้กระทั้งแสดงความหึงหวงในบางครั้ง
ในบางขณะเราเองก็พยายามที่จะก้าวข้ามความคลุมเครือนั้น
เพื่อความต้องการของตนเอง แต่ความต้องการนั้นก็ยังแพ้ความในใจ
ที่สุดทั้งสองก็ยังคงคลุมเครืออยู่เหมือนเดิม
โดยที่มิวแสดงถึงความอึดอัดนั้นออกมาจนเราสัมผัสได้
มีอยู่เรื่องหนึ่ง เป็นเหตุการณ์หลายครั้งที่เกิดขึ้นตอนเราอยู่ด้วยกัน
ด้วยความมันเป็นคนขี้เล่นไง มันชอบหลอกผีเรา เราอาบน้ำข้างล่าง มันจะอาบข้างบน
อีกอย่างมันเป็นคนอาบน้ำไว แล้วมานจะมาหลอกผีเราประจำ
โดยปิดไปมืดหมดทั้งบ้านแล้วโผล่มาจากมุมใดมุมหนึ่งของบ้าน
แต่ทามไมวันนี้ปิดไฟมืดแต่ไม่โผล่มาวะ ไอ้เราก็คอยระวังตัวอยู่ตั่งแต่จะออกมาจากห้องน้ำแล้ว
แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะโผล่มา
ซักพักได้ยินเสียงโครมข้างบนเลยคิดว่าเป็นมันแน่นอน
เลยรอแต่ก็ยังไม่ออกมาซักที เลยเดินขึ้นห้องไป
เปิดไปสลัวๆที่หัวเตียงเลยนะ ปรากฏมันนอนอยู่ข้างล่างเตียง อะแล้วทำท่าตายด้วย
อีกอย่างความที่โดนมาทุกอย่างแล้ว ทั้งปล้ำกัน ทั่งคุยกระหนุงกระหนิง
เราเลยเข้าไปประคองหัวของมันขึ้น “มิว เฮ้ย เป็นไรเป่า “ มันเงียบ ไม่ตอบเอาละสิ
ลมหายใจมันช้ามากเลย ตอนนั้นภาพแวบไปแวบมาในหัวหลายภาพมัน
น้ำตาเราไหลออกมาแล้วนะเนี่ย
แต่ตอนนั้นใกล้ชิดมากเลยนะหน้ามันอยู่ที่ซอกคอแล้วละ
เป็นใครก็ห้ามใจไม่อยู่แล้ว บรรยากาศสลัวๆ ข้างเตียง
แล้วใส่กางเกงผ้าแพรนอนหายใจระรวย
เราเองก็อาบน้ำมาใหม่ๆ เฟรชๆเลย
ก็ประกบปากเลย นานมากเรามารู้อีกที คือลิ้นมันเริ่มเข้ามาในปากเราแล้ว
แต่ตอนนั้นคือกระเจิงแล้วไง
แบบว่าช่างมานเป็นอารมณ์ที่ว่ามานดูดปากกันรุนแรงพอดูที่เดียว
แต่จากนั้นก็ไม่มีคำพูดอาไรออกมาเลย
ซักพักมานก็ทำท่าตื่นแล้วก็ถามเราว่า ”ทำไรนะ”
ดูดิมันยังจะมาเล่นกับกูอีก จะเอากันอยู่แล้วนะนั้น
แล้วมานก็บอกว่ากูรู้นะว่ามึงคิดไงกับกู “กูก็คิดแบบมึงเหมือนกัน กูเป็นห่วงมึงวะ เหอๆๆ”
แต่หลังจานั้นต่างคนต่างเขิน แต่ว่าทุกอย่างก็ยังคงเหมือนเดิม
แล้วไม่มีใครพูดเรื่องคืนนั้นกันอีก ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม
ยังเล่นมวยปล้ำเหมือนเดิม แต่ว่าโดนตัวมากขึ้น
กล้ามากขึ้นด้วยการไซ้คอมากขึ้น ปล้ำปนโป๊นิดๆ
แต่ไม่มีอะไรมากกว่านั้น ไม่เข้าใจเหมือนกัน
ต่างคนต่างไม่กล้าเดินหน้าไปมากกว่านี้
ตอนนั้นเราเองก็จูบกันบ่อยขึ้น แต่ไม่กล้าไปต่อจากนี้เลย
ความสัมพันธ์ของเราทั้งสองน่าจะดำเนินต่อไปเช่นนี้
ถ้าหากไม่มีใครอื่นก้าวเข้ามาในชีวิตอีก และกลายเป็นความรัก ครั้งต่อไปของเรา
พอขึ้นปี สาม เราไปติดเพื่อนคนหนึ่ง เพราะเราย้ายหอพักไปอยู่ที่ใหม่
ความจริงหอเดิมก็ดีแต่ว่าคนมันพลุกพล่าน ก็มีเพื่อนอีกคนหนึ่งชื่อออม
เริ่มจาก มันมาตามให้ไปช่วยดูวิจัยที่ห้องมัน
แต่เราไม่สนิทเลย ไม่สนิทกับออมเลย
ออมเข้ามาแบบมานั่งทำงานเดี๋ยวพรุ่งนี้ส่ง
จากงาน หนังสือ ก็เริ่มมี เสื้อผ้า ทีละชุดสองชุด
ตอนหลังยกทีวี ยกเกมส์มาเลย มาอยู่กับเราเลยปีสามปีสี่
เพราะอย่างนี้ทำให้ มิวไม่ค่อยชอบออมเท่าไหร่
แต่ความจริงตอน ที่ออมเข้ามาคือว่าเราทะเลาะกับมิวมันไง
เลยมาอยู่ที่หอแต่ช่วงหลังเราก็มาคบกับมิวเหมือนเดิมนะ
คือไปบ้านมันบ้างนอนหอบ้างแล้วแต่โอกาส
แต่พอออมมาอยู่ด้วยไอ้มิวเลยมานอนที่หอเราบ้าง
ซึ่งแปลกจากเมื่อก่อนที่มันไม่ เคยจะมานอนที่หอเราเลย
มีแต่รบเร้าให้ไปบ้านมัน และพอมานอนมันก็แสดงความเป็นเจ้าของเรามากขึ้นเลยละ
ช่วงที่เราให้ความสำคัญกับออม-เพื่อนใหม่
มิวก็เริ่มไม่พอใจ ช่วงนี้เองเป็นช่วงที่คาบเกี่ยว
เราเริ่มผันตัวมาอยู่หอกับออมมากขึ้น
ในที่สุด มิวก็เริ่มมีแฟนเป็นผู้หญิง
แต่เมื่อเราไปเจอ มิวมักจะหลบหน้าเราอยู่เสมอ
จนเพื่อนแย้งบ่อยๆว่ามึงสองตัวทะเลอะกันอีกแล้วเหรอ
คือช่วงปีสามตอนปลาย เราก็เริ่ม เชี่ยวในกรอยู่กับเพื่อนผู้ชายมากขึ้น
โดยมี มิวเป็น กรณีศึกษา เหอๆ พอมาอยู่กับออมก็กล้าที่จะเล่นกับผู้ชายมากขึ้น
กล้าเล่นมากว่าผู้ชายกับผู้ชายทั่วไป จะหยอกเลย
หยอกแบบค่อนข้างแสดงออกว่า แบบถูกเนื้อต้องตัวเลย
แต่จริงๆในตอนนั้นไม่ได้ชอบออมมันนะ
เพราะ มิวอยู่ในใจเสมอ อันดับหนึ่งเลย
ไอ้ออมนี่มันบังเอิญมากกว่า ก็หยอกเล่น แต่ไม่คิดอาไรมาก
จนนานเข้าไอ้มิวเริ่มมีแฟน ตอนนั้นเฮิร์ทมาก
มิวมันหลบหน้าหลบตาเราตลอดและให้เวลากับแฟนมันมากขึ้น
เราก็ห่างออกมา ก็เลยมีเวลา อยู่กับออมมากขึ้น
จนที่สุดก็ย้ายของออกจากบ้านมิวมัน มาอยู่หอกับออมแบบเต็มตัว
จำได้ ไอ้มิวมันร้องให้ เราเองก็ลำบากใจ
ไม่รู้มันจะร้องให้ ทำไม แฟนมันก็มี
พักหลังมันก็คบคนนั้นคนนี้ไปเรื่อยไม่เห็นคบกับหญิงใดนานซักที
การมาอยู่กับออมกลายเป็นชีวิตที่ไม่ต้องเกร็ง
เพราะไม่ได้รู้สึกว่าชอบไอ้ออมมัน
เห็นไอ้ออมมานเป็นเพื่อนมาตลอด
แต่ก็เพราะไม่ได้ชอบนี่แหละ
ทำให้เราหยอกกับมันมากกว่า โดนตัวมากกว่า
พูดคุยได้หลากเรื่องมากกว่า จะในแง่เซ็กส์ หรืออะไรก็ตาม
เหมือนผู้ชาย คุยเรื่องเซ็กส์กัน ก็โม้ๆไป
อ่านจากประสบการณ์ชาวบ้านบ้างแล้วเอามาดัดแปลงเอา
ในขณะเดียวกันเราก็เข้าถึงไอ้ออมมันมากขึ้นสนิทกับมันมากขึ้นเรื่อยๆ
แล้วก็กลายมาเป็นความห่วงหาอาทร และรู้สึกว่าเรานะอยากปกป้องมันนะ
ซึ่งไม่อยากให้มันเป็นนะ แต่เป็นเองด้วยความใกล้ชิด
แล้วเมื่อเวลาผ่านไปก็ขึ้นมาเสมอกับมิว อาจเพราะความใกล้ชิดหรือว่าอะไรก็ไม่รู้
อาจเป็นเพราะเมือก่อนเราได้รับความอบอุ่น ความเป็นเพื่อนจากมิว
เมื่อเขาไปมีแฟน เวลาของเขาไม่ใช่ของเรา อีกแล้ว
แต่เวลาของเรายังคงมีเท่าเดิมไง มาอยู่ที่กรุงเทพ เราให้เวลาไอ้มิวมัน
พอตอนนี้ เหลืออยู่คนเดียว เรารู้สึกเหมือน เราไม่น่าจะใช้ชีวิตคนเดียว
มึนๆเหมือนกัน ก็เลยได้ออมเนี่ย มันบอกไม่ถูก
คือมันเป็นคนเฮ้ว เฮฟวี่มากๆ คือแตกต่างจาก มิวอย่างสิ้นเชิงเลย
แล้วกวนตีน ไม่เอาใจใส่ โวยวาย คือเป็นลูกผู้ชาย อีกแบบที่เราไม่เคยเจออีกเหมือนกัน
“เฮ้ยทามไมมึงเหี้ยอย่างนี้ “
แต่ตอนหลังๆมันซอฟท์ลง
ตอนนั้นเราจัดการ ความเป็นผู้ชาย ของตัวเอง ด้วยการปรับเปลี่ย ตัวเองไปตามกลุ่มเพื่อนที่อยู่
และไม่ได้เปิดเผยความเป็นเกย์กับใครๆเลย ยกเว้นกับมิว แต่เมื่อมีออมเข้ามาอยู่ในชีวิต
ความเป็นอยู่ระหว่างเรากับออม
ก็เริ่มเปลี่ยนไปคล้ายกับการใช้ชีวิตคู่ระหว่างชายกับหญิง
พอออมเข้ามาอยู่ด้วย มันค่อยๆซอฟท์ลง
ที่เคยโผงผางก็น้อยลง คำหยาบน้อยลง
อาจเป็นเพราะเรา เป็นคนจัดบ้าน จัดห้อง
ในลักษณะที่.....”เล่นเกมเหรอ กูเล่นด้วย” เล่นเสร็จ ปิดฟงปิดไฟ เก็บสายไฟ
เก็บเตียงมันที่มันนอนเลอะๆ ตื่นมามึงไม่ต้องพับหรอก กูพับให้
มันก็ซอฟท์ขึ้นเรื่อยๆกลายเป็นการเรียนรู้ การใช้ชีวิตคู่
ที่เราไม่ต้องพูดไม่ต้องโวยวายกัน
เมื่อก่อนไอ้ออมมันติดเพื่อนมาก
ติดกินเหล้าตีสี่ไม่กลับบ้าน แต่ตอนหลังมันกลับ
คบเพื่อนกลุ่มเดียวกันเป็นเพื่อนกลุ่มใหญ่
ก่อนนั้นคบไอ้มิวไม่ค่อยจะมีเพื่อนเพราะไปกลับตลอด
แต่พอมาคบออม เพื่อนกลุ่มใหญ่ขึ้น
เพราะออมสนิทกับคนอื่นมากกว่าเรา
แต่พอมันมาคบเรามันเริ่มเอนเอียงมาทางเรา
ใหม่ๆคบกันมันไม่เคยกลับเลยไปกินเหล้าที่นี่พอเราชวนมันกลับ
ก็แบบ”มึงก็กลับไปดิกูไม่กลับ”
แต่พอตอนหลังลองชวนๆดู ว่ามันจะกลับหรือเปล่า
ความจริงก็ชวนมันกลับทุกครั้งแหละ “เออกลับสิรอกุด้วย”
เป็นอย่างนี้บ่อยๆจนตอนหลัง เราอยู่ไหนไอ้ออมอยู่นั้น
แต่ก็ไม่ตัวติดกันเหมือนมิวเท่าไหร่นะ
ตอนนั้น ออมกับมิวนี่เหมือนเงาเลยนะ
แต่มิวจะเป็นเงาตามเราห่างๆและคอยเป็นห่วงเราอยู่ห่างๆ
จริงๆ เพราะมิวมันคบใครได้ไม่นาน มันเป็นคนเรื่องเยอะมากๆ
ดูๆไปสงสัยจะมีแต่เราที่ทนมานได้มาตลอด
เคยมีเพื่อนโทรมาที่หอ ไอ้ออมรับ “ ฮัลโหล ‘เพื่อนมึงอะ’ ”
“เพื่อนกูก็เพื่อนมึงแหละเข้าใจไหม” แต่ตอนนั้นมันจะไม่ค่อยพอใจ
เรารู้สึกตอนนั้นเราหล่อมาก มีเพื่อนผู้ชายสองคนมาคอยตามเพื่อจะให้ไปแชร์ห้องกับเค้า
เฮ้ยนี่เรื่องจริงนะ เพราะอันดับแรก เรารู้สึกอบอุ่นนะคืออยู่กับใคร เราให้เต็มๆ
ไม่ว่าจะในลักษณะ เพื่อน การเทคแคร์ หรืออะไรก็แล้วแต่
มึงจะอ้วก มึงจะเมา กูเช็ด
ดูแลไอ้ออมชนิดที่ว่า คนมันครอบครัวมัน ยังไม่รู้จักมันเท่าเรา
คือ ออมเป็นคนเฮฟวี่ เป็นคนหยาบ แต่จริงๆ ในใจมันนะ มันเป็นคนเหงานะ
ขี้เหงาต้องการความอบอุ่น เพราะเคยไปบ้านมัน บ้านมันไม่ค่อยคุยกันเลย
ทุกคนไม่ถูกกันเลย เจอกันก็ทะเลาะกันทุกที
แต่มาอยู่กับเรา ถึงมันจะพูดหยาบยังไง ก็ไม่ถือสา
มันจะทำห้องเลอะยังไงเราก็เก็บให้ เทคแคร์อาหารการกิน
ความสะอาด เหมือนแม่บ้าน มันซอฟท์ลง แล้วกลายเป็นว่ามันมาติดเราเลย
ความสัมพันธ์ ระหว่างเรากับออมพัฒนามากขึ้นเรื่อยๆ
จนไปถึงขั้นที่น่าจะเปิดเผย และยอมรับระหว่างกันและกันออกมา
แต่ก็ไม่ได้ก้าวไปถึงขั้นนั้นคล้ายยังมีเส้นใยแห่งการควบคุมที่มองไม่เห็น คอยบังคับคนทั้งคู่เอาไว้
ตอนเรียนเราไม่เคยเปิดเผยตัวเองเลยนะว่าเราเป็นเกย์
แต่เรารู้ว่าเป็นตั่งแต่คบกับมิวแล้ว
ไม่มีใครรู้นะว่าเราเป็นแต่คิดว่า มิวกับออมน่าจะรู้
ออมมันเคยติดเพื่อนผู้ชายคนหนึ่งซึ่งหล่อมาก
เป็นหัวหน้าชั้นปี ชื่อไอ้ ฟาร์ม
มันดูดีมาก ทั้งหล่อทั้งรวย เป็นผู้นำทุกอย่าง
ออมชื่นชมมัน ออมมันขาดความอบอุ่น มันก็ชื่นชมไอ้ฟาร์ม นี่แหละ
เราเคยสงสัยว่าไอ้ออมมานคงชอบไอ้ฟาร์ม
นี่แน่ๆ แต่สุดท้ายก็เชื่อว่ามันเป็นได้แค่ลูกระจ๊อก
มันตามไอ้ฟาร์ม แต่เราเป็น Independent ไม่ตามใคร
ออมนี่ถึงมันจะมึงมาพาโวย แต่ไม่ใช่มันจะอยู่เหนือเรานะ
มันคือคบเสมอกัน แต่กูดูแลเทคแคร์มึงทุกอย่าง ก็เกิดความเกรงใจ
ในขณะที่คบกัน ได้ฟาร์มเนี่ยมันชื่นชม เอาเป็นว่ามันคงสับสนอยู่นิดนึงแหละมั้ง
เราเชื่อว่าออม มีเชื้อเกย์ จาการสืบประวัติพบว่าสมัยอยู่ที่ชั้นมัธยม
ออมมีลักษณะเป็นเกย์เพราะรู้สึกจะมีหนุ่มๆมาตามจีบมันแต่มันก็แก้ต่างว่า
“ ก็กูเด็กชายล้วนนี่หว่า” ไอ้เรากะไม่ได้ว่ามันนะ
แค่ถามเพราะสงสัย แต่แปลกมันไม่ยักถามเรากลับ
เอออีกอย่างมัน เป็นคนโวยวายเพื่อกลบคาแรคเตอร์ ที่ตัวเองเป็นสมัยก่อนด้วยมั้ง
แต่จริงๆ ครอบครัวตัวเองมีปัญหา เลยจับจุดได้ว่าเราต้องให้ความอบอุ่นมัน
เราทั้งสอง ใช้ชีวิตด้วยกันจนรู้ใจ กันอย่างลึกซึ้งถึงกับรู้รายละเอียดต่างๆ
ในชีวิตของกันและกันมากขึ้น เรื่อยๆ
ยกตัวอย่าง วันเกิดออมเราจะไม่คุยสวีทกันนะ แต่จะคุยกันเงียบๆ
พอตอนหลังมันก็เบาลง ตอนนั้นรู้สึกว่าเราอยากดูแลมันมากแล้ว
มิวนี่เราตัดใจไปแล้วไง ก็มันไปมีแฟนผู้หญิงนะ
ไม่ต้องกลับมา กลับมาให้เราลำบากใจเสียเปล่าๆ
ไอ้ออมมันไม่เคยมีแฟนเลยนะ และก็เข้าใจมันมากขึ้นเรื่อยๆ
โดยที่ไม่ต้องพูดกันมาก อย่างวันเกิดมัน ตอนเช้าแยกกันไปเรียน
พอตอนเย็นก็หอบของกลับมาเต็มมือ มีเค้ก มีไก่ที่มันชอบ มีขนมที่มันชอบ
มีแต่ของที่มันชอบเลยละ แต่กลับมาเจอไอ้ออมมันจัดโต๊ะอยู่ เป็นโต๊ะสำหรับสองคน
ของที่ซื้อมาก็ซ้ำกันบ้าง คือว่าเรานะอยู่ด้วยกันจนถ้าเราจะไปกินข้าวเย็น กันนี่
ไม่ต้องบอกเลยว่าอะไรเรารู้กัน
“อ่าวนี่อะไร”
“ก็เค้กไง มึงไม่รู้จักเหรอ”
“เฮ้ยซื้อมาเหมือนกันเลย”
“งั้นก็มีสองก้อน ดิวะ”
“เอ้อน่ารักมากเลย”
“แต่เอาไงดีวะเนี่ย”
“เอ้าก็เอาไปให้ห้องอื่น สิวะ”
เราเขินมาก ด้วยความที่เราเองไม่ได้ออกสาว ไม่ให้ใครรู้ว่าเราเป็นเกย์
มันกลายบังคับตัวเองให้เป็นแบบนี้
แม้แต่อยู่กับคนที่เรารัก แล้วเขารักเราด้วยนะแต่เราไม่กล้าแสดงออก
แต่ในตอนนั้นเราเองก็กล้ายืนยันนะว่าออมรักเรา
มันเคยถามเรา ที่แรกก็นอนเล่นกันบนเตียง
“เฮ้ยมึงชอบใครวะ”
“ชอบ เอ๋หรือเปล่า” คือเราโดนล้อบ้างเวลามีผู้หญิงมาสนิท
“เอ้าไม่ได้ชอบนะ”
“แล้วมึงชอบคนนั้นหรือเปล่า” มันคาดคั้น คาดครั้นจนเราเองก็ไม่ได้ตอบ
จะให้ตอบได้ไง ว่ากูชอบมึง คือเรากลัวไง
ทั้งๆที่รู้ว่าถ้าตอบไปคำตอบที่ออกมาก็คือ “กูก็ชอบมึงวะ”
มันเหมือนมีกำแพง ที่เราสร้างไว้ตั้งนานแล้วแต่รื้อมันไม่ออก
คือกลัวทุกคนจะรู้ว่าเราเป็นเกย์
ออมเองมันก็ไม่ได้ถามเราว่าชอบใครเพียงครั้งเดียว และวิธีเดียว
แต่มันถามซ้ำด้วยวิธีอื่นๆ แต่จนแล้วจนรอดเราเองก็ไม่ได้ตอบ ความจริงในใจนั้น
สาเหตุหนึ่งเพราะว่า ไม่มีใครสอนเราว่าควรจะเริ่มต้นอย่างไร
และทั้งๆที่รู้ว่าอีกฝ่ายก็เป็นเกย์เหมือนกัน แต่ด้วยกำแพงที่สร้างปิดล้อมตัวเองมานาน
เพื่อบังคับควบคุมตัวเองทำให้เราไม่สามารถเปิดเผยความรู้สึกของตนเองออกมาได้
ออมเองมานเป็นคนที่พูดจาโผงผางพูดตรง แต่เราเองแหละที่ปากไม่ตรงกับใจ
เคยนอนๆอยู่แล้วมันมานั่งทับอก กดไหล่ ”เฮ้ย ! มึงชอบใคร”
“ตอบไม่ได้วะ” เราเป็นไงรู้ไหมเหมือนนางเอกเลย ดิ้นๆสะบัดๆ
ตอนนั้นทั้งกระทั่งเศร้าทั้งหงุดหงิด
โอยแล้วกูจาบอกได้ไงละ ว่าคือมึง...ก็มึงเป็นเพื่อนกู นะ
ก็เลยออกไปตรงระเบียงแล้วร้องให้เลย
สักพักมันตามออกมา เราเองก็ไม่อยากให้มันรู้ว่าเราร้องให้เดียวจาเสียเชิง
แต่เราก็ร้องใหญ่เลย มานเข้ามาโอบและก็บอกว่า “ขอโทษวะ” แต่เราก็ไม่ได้พูดอะไร
ไม่มีใครสอนนี่ ว่าเราต้องเริ่มต้นอย่างไร มันคือชีวิตเกย์แบบอีแอบสุดๆเลย
แต่แม้จะไม่ได้เปิดเผยต่อกัน
พฤติกรรม ต่อๆมา ระหว่างกันกลับใกล้ชิดมากขึ้น
ทว่าแม้ใกล้ชิด ที่สุดแล้วการควบคุมภายใน ตัวเองก็มีอิทธิพลสูงอยู่ดี
ทั้งยังอาจติดอยู่ใน”แบบจำลอง”ของความรักโรแมนติกแบบวิกตอเรียน
ที่ให้ความสำคัญกับความรักชีวิตคู่
อีกเหตุการณ์หนึ่งคือไปกินเหล้ากัน ก็เมากลับมาทั้งคู่ แต่ไม่ได้มากมายอะไรนะ
พอถึงหอพักก็ต่างวิงแข่งกันขึ้นหอ “เฮ้ย! กูอาบก่อน”
รีบถอดเสื้อผ้าใหญ่เลยนะ เหลือกางเกงในคนละตัว
แล้วก็ปล้ำกันเพื่อที่จะแย่งว่าใครจะได้ไปอาบก่อน
ปล้ำไปปล้ำมาเหงื่ออก ผสมเมานิดๆ และกำลังHappyด้วย
แต่ด้วยแรงฮึดอะไรไม่รู้ เราดันมันเข้าไปกับซอกตู้
มันขยับไม่ได้ เสี้ยววินาทีนั้น ถ้าเป็นมิวเราจะจูบปากกัน
แต่เรามีประสบการณ์ว่าถึงจูบปากไปก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไร
ไม่ได้คิดจะทำอะไรมากไปกว่านั้นเลยนะ
ก็เลยมองตากัน ตัวนาบกันอยู่อย่างนี้ ก็มองหน้ากัน
ความจริงถ้าก้มลงไปก็ได้แล้วนะ
เพราในสายตาของไอ้ออมตอนนั้นเรารู้ว่ามัน want มากเลยละ
แต่เพราะอะไรไม่รู้เราก็ “เออ...มึงอาบก่อน แล้วกัน”
ตอนนั้นรู้เลยบรรยากาศตรึงเครียดมากแปลกมากเลย
ทั้งที่ต่างคนต่างรู้ ด้วยอารมณ์ตอนนั้น
แต่เราไม่อยากให้มันเกิดด้วยอารมณ์ หรือด้วยความเมา
ไม่รู้ละมึงชอบกุ มึงบอกกูก่อนดิ แล้วเราค่อยมาเป็นแฟนกัน
แต่วันนั้นมันเฮฮาปาร์ตี้ กลายเป็นว่าเราก็ถอนตัวออกมาพร้อมความเสียดายสุดๆ
แต่ก็ยังอาบน้ำด้วยกัน เราทั้งคู่ พยายามกลบเกลื่อน “เฮ้ย!มึง อาบน้ำดิ”
“ไอ้เหี้ย! มึงอาบก่อน”
“ เออดี งั้น ก็อาบพร้อมๆกัน” แต่ไม่มีใครกล้าข้ามเส้นนะ
ลองดูนิดนึงว่าถ้าอาบน้ำมันจะกล้าข้ามเส้นไหม
แต่ต่างคนต่างไม่กล้าข้ามเส้นนั้นอยู่ดี เออ ทรมานมากเลยละ
คืออยู่กับคนที่เรารักและคิดว่าเค้ารักเราด้วย
อยู่ในเหตุการณ์ที่สามารถมีอะไรกันได้
แต่ก็ต้องหยุดยั้งเอาไว้ ต่อมาต่างคนต่างหันหลังให้กัน
แล้วต่างคนต่างรีบอาบ เราเดินออกมาก่อนมันก็เข้ามากอดข้างหลังเลย
แล้วเอาคางของมันมาวางบนไหล
มันพูดเชิงว่า ”ขอบคุณสำหรับวันนี้นะ”
คิดดูสิ ชายแก้ผ้าสวมกอดข้างหลังนะมันใจเต้นขนาดไหน
เรารู้ว่ามันมีอารมณ์เพราะรู้ว่าอะไรมันดันอยู่ที่แก้มก้นเรา
แต่เราก็บอกว่าไม่เป็นไรแล้วรีบเดินออกไป
อีกอย่างวันนั้นมันต่างจากวันอื่นเอามากๆ พอมานอน ก็นอนคุยกันอีกแปปนึง
แล้วเราเองก็ขอกอดมันอันนี้เราขอมันเอง รู้สึกว่ามันจะหนาวนะวันนั้น
บอกออมว่า ” เฮ้ย คืนนี้ขอนอนกอดนะเว้ย หนาวๆเงี้ย” แล้วก็กอดกันจนถึงเช้า
แต่ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้นไม่มี
รักแบบ Puppy ชิบหาย
คือผ่านมาแล้วสาม สี่ครั้งเราน่าจะผ่าน เส้นนั้นมาได้แล้ว แต่ก็ไม่ เฮ้อ
เราอยู่ด้วยกันจนจบปีสามเราก็ยังนอนกอดอยู่อย่างนั้น โดยไม่มีอะไรเกินเลย
เรานอนกอดกันทุกคืนนะ ประมานว่าไอ้ออมมันเป็นขี้ร้อน
จะอยู่ในชุดกางเกงในคนละตัว และมีผ้าห่มแบบพอดีๆ ก็ไม่หนาวไม่ร้อนจนเกินไป
นอนกอดกันทุกครั้ง แต่ไม่มีเหตุการณ์ที่ไปไกลกว่านี้เลย
แม้แต่วันที่เราใส่กางเกงผ้าแพร แล้วนอน
กางเกงผ้าแพรหลุดไปถึงหัวเข่านะต่างคนต่างก็รู้นะว่าอะไรนะ
เปลือยกายกันก็นอนกอดกันงั้นแหละ เราก็ไม่ทำอะไร
เพราะปกติมานเป็นคนหลับไม่ระวังอยู่แล้ว แต่ไม่คิดอะไรไง
แต่แล้ววันหนึ่งเมื่อความคลุมเครือของความสัมพันธ์
ระหว่างเราทั้งคู่ ถูกทำให้ชัดขึ้นจากการถูกเห็นของคนอื่นๆ
พวกเพื่อนๆมาเห็นสภาพตอนที่เรานอนใส่กางเกงในกอดกัน
ตอนเช้าเราลืมล็อกห้อง แล้วเพื่อนมานกะมาเยี่ยม
นั่นแหละเป็นสาเหตุการแตกหักเพราะเรารู้อยู่ไปก็ไม่มีความคืบหน้าอะไรเกิดขึ้นแน่
พอเรื่องเกิดขึ้นไอ้ออมมันคงอาย
ประกอบกับบ้านมานมีปัญหาด้วยมานเลยย้ายไปดูแลแม่มานที่บ้าน
เราก็อยู่คนเดียว คือในขณะที่มีออมอยู่ มิวยังวนเวียนอยู่นะ
คือไม่ได้ตัดขาดจาก มิว แต่มิวมันเองก็เปลี่ยนแฟนไปเรื่อยๆๆ
ไม่คบใครจริงจัง มันไม่เคยห่างเราเลย
ติดเราตลอดผิดกับออมพอมันไปมีแฟนผู้หญิง มันกับติดแฟนมันมากกว่า
เมื่อเราย้อนกลับไปในชีวิตเรา เราจะตั่งอยู่บนชีวิตที่คลุมเครือมาตลอด
ความสัมพันธ์ของตนเองเป็นอย่างนี้มาตลอด ทั้งกับมิวแล้วออม
ไม่มีใครกล้าก้าวข้าม เส้นเลย แต่ทุกคนมีความเป็นเกย์หมดเลยนะ
ถ้าย้อนกลับไปทุกคน มีใจให้เราหมดเลยนะ มีทั้งกอด จูบ แก้ผ้าอาบน้ำ
หรือทำอะไรที่มันกุ๊กกิ๊กกัน แต่ไม่มีใครกล้าข้ามเส้น
หรือ ยอมรับกันแบบเปิดเผย กันเต็มที่สักคน
เหมือนจะหยุดที่ตรงความคลุมเครือตรงนั้น
ทุกวันนี้ ออมมีแฟนเป็นผู้หญิง แต่ยังไม่ออกปากว่าจะแต่งงาน
มีแฟนไปอย่างนั้นแหละ เรายังคบกันอยู่แต่ออมไม่เคยแตะตัวแฟนเค้าเลยนะ
เราก็ถามเค้าว่า ”จะรอไปถึงเมื่อไหร่ ผู้หญิงรออยู่แล้ว”
ส่วนตอนนี้เราอยู่ที่บ้านของมิวมาน เรากลับมาอยู่กับมัน
มันไม่มีแฟนเราก็ไม่มี มันเต็มใจให้เราอยู่เพราะประหยัดค่าคอนโดเรา
แถมเราต้องมาจัดการให้มันเกือบทุกอย่าง เหมือนตอนแรกไม่มีผิด
อีกอย่าง มันก็ขอเราเป็นแฟนแล้วด้วย
มันบอกว่าที่คบกับคนอื่นตอนแรก มันอยากลืมเราแต่มันทำไม่ได้
มันชอบพูกว่ามันมีความสุขมากกว่าที่ได้อยู่กับเรานะ
และอีกอย่างเราก็ไม่ได้เล่าเรื่องของเรากับออมให้มันฟังเพียงแค่เล่าว่าเป็นเพื่อนแชร์ห้องด้วยเท่านั้นเดียวมันหึง เอาละคงต้องไปแล้วละเดี๋ยวจะถูกไอ้มิวโวยวายอีก
เพราะมันลากให้ไปดูงานเป็นเพื่อนมันเสียหลายวัน
ยังไม่ได้จัดของให้มันเลยเหอๆๆ ผมกับมันรักกันแล้วนะ
ความคิดเห็น