แล้วหลังจากนั้นไอ้ห่าปิ๊งก็โทรมาด่าผมเสียงเหี้ยมที่ผมเบี้ยวนัดมันไม่ยอมเอาไอ้โมเดลไปให้ ส่วนผมก็ร้องห่มร้องไห้ฟ้องไอ้ปิ๊งตามที่ได้ลั่นวาจาเอาไว้ ตอนแรกมันก็ด่าเสียงลั่นเลยแหละนึกว่าผมถูกแกล้งจนเจ็บตัว เตรียมจะไปต่อยไอ้พวกนั้นอยู่แล้วเชียว แต่ทว่าตอนที่ผมบอกชื่อไอ้ตัวการออกไปมันก็ยิ่งหัวเสียหนักกว่าเดิมจนผมอดไม่ได้ที่จะเติมเชื้อไฟให้หนักกว่าเดิมT.,T
[กูจะไปตามพรรคพวกมายำตีนมัน!]
“มึงไม่กล้าไปคนเดียวเหรอปิ๊ง ฮึกๆ”
[เดี๋ยวกูตบปากแตก]
“แงงง๊”
[เงียบเดี๋ยวนี้นะไอ้ปิ่น ไม่เงียบมึงเจอกูเอามะระยัดใส่ปากมึงแน่]
“ฮึกๆ”แล้วผมก็ต้องเงียบอย่างจำยอมเพราะมันขู่ว่าจะเอามะระมายัดปากT^T ผมเป็นคนเกลียดมาระและผักบางชนิดครับ
[เอาเสื้อมันเขวี้ยงลงถังขยะไปเลย เดี๋ยวกูจะไปจัดการมันเอง!]
“เอาแรงๆนะปิ๊ง”
[เออ!]
“กูเจ็บมืออ่ะปิ๊ง ฮืออออๆ”
[เดี๋ยวกูรีบกลับ ล็อคห้องให้ดีๆด้วย]ในที่สุดมันก็ใจอ่อนยอมลงให้ผมอีกตามเคย
“อื้มT.,T”
[หยูกยามีก็ขนมาชโลมเข้าไป แดกข้าวด้วย]
ไอ้ปิ๊งกำชับผมอีกร้อยแปดอย่างก่อนที่มันจะกดวางสายไปในที่สุด ผมจึงเดินไปทิ้งตัวลงบนเตียงกว้างแล้วมองมือตัวเองที่ถูกพันด้วยผ้าเช็ดหน้าสองผืน ผมแกะออกมาทั้งสองข้างเพราะเริ่มรู้สึกชาๆตึงๆมือละ ไอ้อิฐผูกแน่นชะมัด มันคงกะมัดให้ผมมือเน่าเลือดไม่เดินเลยซินะ
ผมเห็นฝ่ามือของตัวเองเต็มไปด้วยรอยถลอก คงเพราะขูดกับหินมาแหงแซะ…ไม่อยากเข้าโลกโซเชียลเลยอ่ะ ไม่รู้ว่าคลิปผมจะถูกเอาลงในเพจมหาลัยหรือเปล่า แถวนั้นคนยิ่งเยอะๆอยู่ด้วยT T
“…”ริงโทนเสียงเพลงดังขึ้น ผมหยิบโทรศัพท์ออกมาดูก่อนจะพบว่าไอ้อัสจังโทรมา
“โหล”
[ปิ่นอนงค์!]
“อัสจัง บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าเรียกปิ่นอนงค์”ผมพูดเสียงงอนๆ
ปิ่นอนงค์คือชื่อจริงผมเองครับ มามี๊เป็นคนตั้งให้เพราะอยากได้ลูกสาวมากแต่ก็ไม่ได้ แล้วไอ้อัสจังหรือชื่อเต็มๆคือ‘อัตสึชิ’ ลูกครึ่งไทย ญี่ปุ่นที่ผมมารู้จักกับมันตอนขึ้นปีหนึ่งใหม่ๆก็ชอบชื่อผมมาก มันบอกว่าไทยจ๋าดี มันชอบ เลยติดเรียกชื่อจริงผมมาตั้งแต่ตอนนั้น บอกให้เรียกปิ่นอย่างเดียวมันก็ไม่เอา
“โทรมามีไรอ่ะ”
[ไปกินหมูกระทะกัน]
“ไม่ไปอ่ะ ปิ่นเจ็บมือ”
[เจ็บมือ! เป็นไรวะ?!]
[ปิ่นโดนรังแก…]
แล้วผมก็ฟ้องไอ้อัสจังเป็นรายต่อไป
มันเป็นคนที่ออกจะชอบสปอยด์เพื่อนนิดๆครับ ติดนิสัยชอบดูแลและชอบก่อเรื่องมากเท่าๆกัน นิสัยเฮฮาและเข้ากันได้กับทุกคน ผมติดมันมากพอๆกับติดพี่ชายของผมเลยล่ะครับ
[47fhju12485&^%$_)!!!!]
มันสบถลั่นเป็นภาษาบ้านเกิดก่อนจะชิ่งวางสายไป…
ไอ้ห่า…กูยังฟังไม่รู้เรื่องเลย-_-;
ผมกลิ้งตัวนอนเล่นซักพักก่อนจะหลับไปจริงๆทั้งที่ยังไม่ได้หายามาทาตามที่ไอ้ปิ๊งมันบอก ตื่นเช้ามาอีกทีมันก็เลยบวมๆตึงๆเล็กน้อยทั้งที่แผลดูแล้วไม่ใหญ่เลยซักนิด แงงง๊T T
“ไอ้ปิ่นเอ๊ยยย มึงนี่มันโง่หรืออึนกันแน่วะ แทนที่จะหาน้ำสะอาดๆมาล้างมือ แต่มึงดันหลับไปทั้งอย่างนี้เนี่ยนะ!”
“ก็กูไม่รู้T^T”
ตงเพื่อนรักยกนิ้วมาจิ้มๆหน้าผากผมอย่างหมั่นไส้สองสามทีก่อนจะเลิกรา แล้วยกไอ้กล่องสี่เหลี่ยมเล็กๆออกมาวางบนตัก…
“ยืนมือมาเดี๋ยวกูเช็ดแผลให้”
“ทำเบาๆนะมึง”
“เออ!”หลังจากนั้นมันก็ราดแอลกอฮอลใส่มือทั้งสองข้างของผมอย่างฮาร์ดคอร์ มองดูแล้วน่าอเนจอนาถมากครับ ยังดีหน่อยที่อัสจังมันซื้อน้ำปั่นมาปลอบใจ ไม่งั้นปิ่นไม่ยอม
“เมื่อวานไอ้ปิ๊งมันไม่กลับบ้านด้วย”ผมบอกไอ้ตงแล้วก้มลงดูดน้ำปั่น ไอ้ห่า…แล้วมากำชับกูเสียดิบดี ที่แท้แม่งจะไม่กลับบ้านนี่เอง มันน่ามั้ยเนี่ยพี่ชายกู
“ก็แหงล่ะ เมื่อวานกูเห็นพากันยกแก๊งไปโยกอยู่ในผับ P โน่น”
เมาหนักเลยซินะไอ้ปิ๊ง ไอ้พี่บ้า!
“ไอ้ฌอร์ณก็ไปด้วย”
“จริงเหรอ!”
ผมเบะปากขณะหันไปมอง‘ฌอร์ณ’หรือคุณชายฌอร์ณที่นอนฟุบอยู่ข้างๆ ไอ้ฌอร์ณมันเป็นคนติสๆครับ เป็นพวกเดาอารมณ์ไม่ค่อยถูก ซึ่งผมก็เพิ่งมาหลวมตัวคบกับมันตอนปีหนึ่งนี่เอง มันเป็นเด็กลูกครึ่งเหมือนกันแถมยังเพิ่งย้ายมาจากต่างประเทศอีกด้วย เป็นผู้ชายที่…อืมมม
จะบอกว่านิ่งๆก็ได้มั้ง แต่บทจะกวนตีนก็น่าเอากรรไกรมาแทงปากมันเหมือนกัน=_=
“ฌอร์ณ”ผมใช้มือเขย่าตัวมันเบาๆ ไอ้ฌอร์ณมันนอนตะแคงอยู่บนเก้าอี้ที่มันลากๆมาต่อกันเแหละครับ ใช้ผ้าเช็ดหน้ามาคลุมปิดใบหน้าเอาไว้ แถมยังบอกด้วยว่ามันไม่ค่อยได้นอน (ถึงว่าซิตาโหลมาเชียว)
“ฌอร์ณ!”
“เออออออ”ในที่สุดมันก็รำคาญจนต้องยอมลืมตาขึ้น มันมองผมเขม็งเหมือนอยากจะขบหัวผมเลยอ่ะ
“เมื่อวานปิ่นถูกรังแก แล้วมึงไปไหนมามิทราบ!”ผมเริ่มหาเรื่อง
“มึงก็ไม่ตายนี่หว่า”
“อัสจัง!”ผมเลยดึงอัสจังมาเป็นตัวผสมโรงอีกหนึ่งคน
“มึงก็ยอมๆมันไปเห๊อะ ก็รู้อยู่ว่ามันเอ๋อ”อัสจังปากหมาบอกพร้อมกับเบะปาก เล่นเอาผมนี่สั่นไปทั้งตัวเพราะถูกหาว่าเอ๋อ
“โอ๊ย เลิกๆเหอะว่ะ กูรำคาญ ลุกๆ ไปแดกข้าวกันได้แล้ว”สุดท้ายไอ้ตงเลยต้องมาห้ามทัพ โดยการลากพวกผมมากินข้าวที่คณะ…วิศวะ…
ไอ้เหี้ยยยยยย!
“กูนัดน้องกายไว้ที่นี่เว้ย”
ไอ้ห่าตงพูดอย่างระริกระรี้ขณะสอดส่ายสายตาหากิ๊กหมายเลขล้านของมันซึ่งน่าจะเป็นเด็กคณะวิศวะ พวกเรานั่งหลบเข้ามุม โชคดีที่คนยังไม่ค่อยเยอะที่นั่งเลยยังพอมีบ้าง หวังว่าผมคงจะไม่ต้องเจอหมอนั่นนะ
“ปิ่นกินไร”ฌอร์ณหันมาถาม
“เอาราดหน้าหมูไม่ใส่ผัก”ผมร้องบอกมันซึ่งเป็นคนไปซื้อข้าวมาให้ ส่วนอัสจังไปซื้อน้ำ ไอ้ตงไปหากิ๊ก เหลือผมเฝ้าโต๊ะอยู่คนเดียว มีหลายสายตามองมาทางผมเล่นเอาอึดอัดเล็กน้อย ผมไม่ได้มองกลับไปแต่คว้าเสื้อคุมไอ้ตงมาคุมหัวแทนเพราะแอร์มันตกใส่…มันหนาวๆต้นคอน่ะครับ
จริงจริ๊ง…
อยากเห็นซีนจังเลยวุ้ย อยากเห็นแบบเดี่ยวๆอ่ะไม่ต้องพกบรรดาเพื่อนฝูงมาด้วย ผมจะถ่ายรูปเอาไปขายตามแฟนเพจซะหน่อย คงจะได้หลายตังอยู่
“ปิ่น”แล้วอยู่ๆ ในระหว่างที่ผมเอาแต่หันมองไปรอบๆแคนทีนของคณะวิศวะ เสียงเรียกนุ่มๆอารมณ์ดีก็เอ่ยทักผม ผมจึงหันไปมองตามเสียงเรียกแล้วก็พบเข้ากับร่างของซีน ซึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะข้างหลังผมนี่เอง ข้างหลังนี่เอง!=0=
ไอ้ปิ่น นี่มึงเดินเอ๋อไม่มองอะไรเลยเหรอวะ!
“มากินข้าวคณะเราเหรอ?”เสียงของซีนฟังแล้วนุ๊มนุ่ม ผมเคลิ้มจนยิ้มตาลายไปแป๊บนึงก่อนจะฉีกยิ้มสวยๆตอบกลับไปแบบสร้างภาพ
“อื้อ เพื่อนพามากินน่ะ”
“มากินโต๊ะเราไหม จะได้คุยกันด้วยไง”มือของเขาตบปุๆลงที่ว่างข้างๆตัว ผมนี่กำลังจะพุ่งเข้านั่งด้วยอยู่แล้วเชียวถ้าไม่ติดว่า…
“ไหนเสื้อกู”
บ้าเอ้ย! ไอ้อิฐ=^=!!
“เราลืมเอามาอ่ะ”ผมพูดเสียงอ่อย หน้าตาเริ่มซีดขึ้นมาทีละนิดๆ เมื่อสังเกตเห็นว่าที่โต๊ะของซีนเริ่มมีเพื่อนของเขาทยอยมานั่งกันทีละคนสองคน และไอ้หัวดำ(อิฐ)ก็ค่อยๆโงหัวขึ้นมาจากโต๊ะที่มันนอนพังพาบลงไป ตอนนี้ทั้งโต๊ะทักผมกันให้เซ็งแซ่ไปหมด
ไหนไอ้ปิ๊งมันบอกจัดการแล้วไงฟะ!
ทำไมมันยังมานั่งลอยหน้าลอยตากันอีก!
“กูสั่งให้มึงเอามาวันนี้”ไอ้อิฐพูดเสียงข่มขู่ก่อนจะลุกออกจากที่นั่งเดินมายังผม ร่างของมันนั่งแปะลงที่ฝั่งตรงข้าม ผมจึงต้องหันร่างกลับมาที่มันแทนแล้วหันหลังให้ซีน
“ก็ลืมอ่ะ…”
อันที่จริงผมโยนไปไว้ไหนแล้วก็ไม่รู้ครับ…
“แล้วจะให้กูทำยังไงกับมึงมิทราบ”
“ทำอะไรอ่ะ?”ผมถามกลับไปแบบงงๆแต่ก็ไร้คำตอบกลับมา อิฐกระตุกยิ้มให้ผมทีนึง ก่อนจะยกมือขึ้นมาเท้าคางและส่งสายตาข่มขู่เล็กๆให้ผม
“…ต่อยมึงล่ะมั้ง?”
“เฮ้ย! ต่อยเราเรื่องอะไรอ่ะ!”ผมโวยวายลั่น
“กูแค่ล้อเล่น…ใครจะไปต่อยมึงลง”ประโยคหลังๆเจ้าตัวพูดเสียงแผ่วทำให้ผมไม่ค่อยได้ยินมากนัก…ผมเลยก้มหน้าลงแล้วคว้าน้ำปั่นที่ยังเหลืออยู่มาดูดแทน
“นั่นน้ำอะไร?”อิฐถาม
“แตงโมปั่น”
“ของชอบเหรอ?”
“อืม ชอบ”ผมก้มหน้าลงแล้วดูดต่อไปโดยไม่สนใจอะไรมันอีก ซึ่งพอนานเข้ามันก็เริ่มสร้างความอึดอัดให้กับผมเป็นอย่างมาก เพราะอะไร? ก็เพราะว่าหมอนั่นนั่งจ้องผมไม่หยุดเลยน่ะซิ!
ถามจริง มึงจะจ้องให้หวยมันโผล่มากลางหน้าผากกูเลยใช่ไหม!?
“ละ ลองกินดูมะ?”อิฐเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งเป็นเชิงถาม
“แตงโมปั่นกูไง ลองกินดูไหม?”
“เอามาดิ”เมื่อคนตรงข้ามพยักหน้า ผมจึงส่งแก้วที่มีน้ำอยู่เกินครึ่งไปให้มัน แต่ไอ้บ้านั่นก็ส่ายหัวไปมา
“ไม่เอา”
เอ๊ะ!
“ก็ไหนบอกจะลองกิน”ผมเริ่มทำหน้าบึ้งเล็กๆ
“ก็จะกินไง”
“แล้วทำไมเมื่อกี๊บอกไม่เอา”
“ก็เอาไง แต่เอาแบบ…”
“…”หน้าผมรู้สึกร้อนนิดๆเมื่อไอ้คนที่นั่งเท้าคางอยู่ตรงข้ามใช้ดวงตาสีดำๆกวาดมองผมขึ้นๆลงๆ หัวจรดตีน ตีนจรดหัวอยู่แบบนั้น ทำไม! มองกูแบบนั้นหมายความว่าไงมิทราบ!
แล้วไอ้สายตาที่มันใช้มองผมอ่ะ มันธรรมดาเสียที่ไหน แน่นอนว่าไอ้อิฐมันหล่อ ดูหล่อโหดๆและดูเถื่อนๆในแบบคนมีตังอ่ะ มันมองมาทีนี่คือแบบ…ผมรู้สึกเหมือนมันกำลังลวนลามผมเลยว่ะ
“ป้อนกูหน่อย”
“อะ อืม หืม! อะไรนะ!”
ผมทำตาโตมองไปที่หมอนั่นด้วยความตกใจ ป้อน ป้อนเนี่ยนะ! เฮ้ย! มันบ้าไปแล้วเหรอฟะ!
นี่โดนจีบอยู่ใช่มะ? เออ เถื่อนดี 555555
แก้ไขครั้งที่ 1 เมื่อ 25 กันยายน 2560 / 23:14