ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Ice prince ทำลายกำแพงหัวใจเจ้าชายน้ำแข็ง

    ลำดับตอนที่ #2 : >>Intro

    • อัปเดตล่าสุด 18 เม.ย. 56


             ก๊อกแก๊ะๆ

             เสียงกระทบกันของกระเบื้องดังขึ้นจากอ่างล้างจานที่มีสาวน้อยร่างเล็กกำลัง ล้างจานอย่างสบายอารมณ์พร้อมกับฮัมเพลงอย่างมีความสุข

           
     ซ่าาาาา

             เธอเปิดก๊อกน้ำออกมาล้างฟองและน้ำยาล้างจานแล้ววางไว้ข้างอ่าง ไม่นานเธอก็ล้างจานเสร็จ เธอเช็ดมือกับผ้ากันเปื้อนและหันมามองกองจานตรงหน้าที่สูงประมาณครึ่งตัวเธอ เธอยกกองจานนั้นออกไป ไปวางไว้ที่เคาเตอร์อีกฝั่งหยิบผ้าเตรียมที่จะเช็ดจานแต่แล้วกลับมีหญิงวัย กลางคนหนึ่งเปิดประตูเข้ามาเธอมีผมสีดำสนิทใส่ชุดกระโปรงสั้นเลยหัวเข่า รัดรูปเล็กน้อย

             "อ้าว ลีเลียน่า ยังอยู่ในนี้อีกเหรอ ไม่ไปอยู่หน้าร้านหล่ะ" หญิงวัยกลางคนถามสาวน้อยที่กำลังจะหยิบจานออกมาเช็ด ทำให้สาวน้อยชะงักแล้วหันกลับมาตอบ

             "ข้างนอกลูกค้าไม่ค่อยเยอะนี่ค่ะ คนก็ไม่ได้ขาด ไปก็ได้แต่ยืนเฉยๆน่าเบื่อจะตาย ในนี้มีงานอีกตั้งเยอะแหนะค่ะ" สาวน้อยตอบยิ้มๆ พร้อมหันกลับไปเช็ดจานตรงหน้าอย่างสบายอารมณ์

             "ใครๆก็อยากออกไปหน้าร้านจะตาย ทำไมชอบเอาแต่ทำงานหนักอยู่ในนี้ หืม" หญิงกลางคนยังซักต่อ ยกมือขึ้นกอดอกพร้อมพิงตัวเองเข้ากับกำแพงข้างประตู

             "ก็เพราะเค้าไปหน้าร้านกันหมดหน่ะสิค่ะ ในนี้เลยไม่มีใครทำเลย แล้วคุณเวนิก้าไม่ชอบเหรอค่ะ ที่หนูทำงานอยู่ในนี้" สาวน้อยหันมามองหน้าหญิงสาวทั้งที่ในมือถือจานอยู่พร้อมเช็ดไปด้วย

             "เฮ้อ เธอเนี่ยน่า ทำงานดีซะจนฉันใช้งานเธอไม่ลงเลย" หญิงสาวถอนหายใจอย่างปลงๆ

             "หนูจะถือว่าเป็นคำชมแล้วกันนะค่ะ" สาวน้อยหัวเราะคิกคัก ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ก่อนจะหันไปทำงานที่ตัวเองทำค้างไว้ แล้วก็มีสาวผมสีน้ำตาลอีกคนเปิดประตูเข้ามา

             "นี่ ของหน้าร้านหมดแหนะ อ้าว คุณเวนิก้าก็อยู่ด้วยเหรอ" สาวผมน้ำตาลหันไปมองหญิงสาวข้างประตูอย่างงงๆ 

             "ก็อยู่หน่ะสิ ว่าไง ของหมดเหรอ งั้นลิเลียน่าไปซื้อให้ที ส่วนเธอ เลน่าไปเช็ดจานแทนลิเลียน่า" เธอพูดจาออกคำสั่งด้วยความรวดเร็วพร้อมชี้นิ้วสั่ง

             "อ่ะ ลิเลียน่า นี่ของที่ต้องซื้อ เดี๋ยวฉันเช็ดจานต่อเอง" สาวผมน้ำตาลยื่นกระดาษแผ่นเล็กๆใบหนึ่งให้สาวน้อยที่ยังถือจานอยู่ในมือ 

             "เอ๋? ให้ฉันเช็ดจานก็ได้ค่ะ จานมันเยอะนะค่ะ คุณเลน่าทำไม่ไหวหรอก คุณเลน่าไปซื้อของเถอะค่ะเดี๋ยวฉันเช็ดจานเอง" สาวน้อยวางจานลงแล้วหันไปพูดกับสาวผมน้ำตาล

             "ไม่ได้ๆ ให้เธอทำคนเดียวเดี๋ยวฉันตกงานพอดี เธอไปซื้อของแหละดีแล้ว แค่เช็ดจานฉันทำได้น่า...ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ไปๆๆ จะเที่ยงแล้วเดี๋ยวแดดร้อนนะ รีบๆไปได้แล้ว" หญิงสาวผมน้ำตาลเอ่ยแย้ง พร้อมกับดันหลังสาวน้อยไปทางประตูหลัง เมื่อเธอทำท่าจะพูดสาวผมน้ำตาลก็เอ่ยขัดขึ้นมาทำให้เธอพูดอะไรไม่ออก ได้แต่เดินไปหยิบเสื้อคลุมกับตระกร้าแล้วหันมาบอกก่อนจะออกไป

             "งั้น...ไปแล้วนะค่ะ จะรีบไปรีบกลับคะ" สาวน้อยหันมาพูดก่อนจะเปิดประตูเดินออกไป

    .............

             ฉันเดินออกมาจากร้านแล้วใส่เสื้อคลุมตอนนี้ใกล้จะเพิ่งจะเกือบๆสิบเอ็ดโมง เอง คุณเลน่าหลงเวลาแล้วสิ ฉันคิดก่อนจะหันหลังให้ประตูและก้าวขาเดินไปที่ตลาด

             ฉันเดินอย่างไม่รีบร้อนพร้อมกับฮัมเพลงไปด้วย รู้สึกว่าชีวิตของฉัน 'ลีเลียน่า ทีร่า' ช่างมีความสุขเสียจริงๆ ฉันเป็นเด็กสาวอายุ 17 ทำงานอยู่ที่ร้านอาหาร 'นิวทร่า' ตำแหน่งพนักงานเสิร์ฟแต่ดูเหมือนจะทำอย่างอื่นมากกว่าเสิร์ฟอาหารซะมากกว่า เมื่อกี้คือคุณเวนิก้าเจ้าของร้านและเพื่อนร่วมงานของฉันคุณเลน่า บ้านอยู่ที่แถบชานเมืองซานเดร่าข้างๆร้านขนมปังซันเบรด เป็นบ้านเช่าเล็กๆสองชั้น แม้ว่าฉันจะเป็นกำพร้าที่ได้บ้านเด็กกำพร้าเก็บไปเลี้ยงดู แต่เมื่อโตพอที่จะใช้ชีวิตเองได้ ฉันก็ออกมาทำงานหาเลี้ยงตัวเอง ถึงฉันจะอายุน้อยแต่ก็ผ่านโลกมาเยอะนะค่ะอย่าดูถูกเด็กสาวหน้าตาน่า รัก(?)อย่างฉันเชียวนะ

             ฉันเดินผ่านคอกวัวของชาวบ้าน ร้านตัดเสื้อของคนรู้จักและสถานที่ต่างๆอีกมากมายที่ฉันแทบจะจำได้แล้วว่ามี อะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้างแม้จะมองแค่แวบเดียว ฉันสามารถบอกได้แม้กระทั่งว่าวันนี้ป้ายร้านเปลี่ยนกรอบป้ายจากสีอะไรเป็นสี อะไรหรือเปลี่ยนชนิดของไม้หรือแม้แต่ว่าตัวอักษรไหนสีตก ฉันเดินผ่านย่านนี้ทุกๆวัน ไม่ว่าจะมาซื้อของ กลับบ้าน ทำธุระ ตัดเสื้อ ซื้อขนม ฉันก็มาที่นี่ทั้งนั้น ฉันอยู่แถวนี้มานานมากแล้วค่ะ ตั้งแต่จำความได้ ฉันเลือกที่จะใช้ชีวิตอยู่ใกล้กับบ้านเด็กกำพร้าจะได้ไปเยี่ยมบ่อยๆ แต่ยังไงสำหรับฉัน ถ้าไม่ได้อยู่ข้างๆ ยังไงก็ยังไกลอยู่ดี 

             พอสถาพแวดล้อมรอบๆเริ่มเปลี่ยนไปฉันก็รู้ว่าฉันก็มาถึงตลาดแล้วคะ ถึงคนจะไม่เยอะแต่ก็คึกคักพอดู ฉันเบนความสนใจจากสิ่งรอบข้างมาที่กระดาษรายการซื้อของ แล้วฉันหยิบกระดาษรายการที่ต้องซื้อขึ้นมาดู

             "อืม มีแครอท ผักกาด หัวหอม ผักชี ต้นหอม มะเขือเทศ เนืื้อปลา เนื้อหมู เนื้อไก่ นี้ขาดเนื้อสัตว์เยอะขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย" ฉันพึมพำกับตัวเองก่อนก้าวขาออกไปมุ่งหน้าไปแผงร้านที่ใกล้ที่สุดก่อน

             สักห้านาทีฉันก็มาถึง ฉันหยิบตะกร้ามาไว้ใกล้ตัวก่อนจะหยิบเลือกมะเขือเทศขึ้นมาดูที่ละลูก 
    ว่าลูกไหนดี ลูกไหนสด ยังไม่ทันที่ฉันจะหยิบลูกอื่นขึ้นมาเทียบก็มีเสียงเรียกดังขึ้น

             "อ้าว หนูลีเลียน่า ไม่เห็นหน้าตั้งนานแหนะ มาซื้ออะไรหล่ะจ้ะคราวนี้ เดี๋ยวป้าเลือกให้พิเศษ"เสียงทุ้มนุ่มของป้าเจ้าของร้านแผงลอยเอ่ยทัก ป้าทิวด้านี่เอง ไม่เจอตั้งนานแหนะ คิดถึงจังเลย ฉันเลยตอบรับป้าเค้าไป

             "ป้าทิวด้า ไม่เจอตั้งนานคิดถึงจังเลยคะ" ฉันพูดพร้อมเดินอ้อมแผงร้านไปหาป้าเค้า แต่ป้าเค้ากลับเอ่ยปากห้าม

             "อ้ะๆ อย่าเข้ามาจ้ะ อย่าเข้ามา แถวนี้มันเลอะ วันนี้ของมาเยอะหน่ะ เดี๋ยวชุดหนูจะเปื้อนเอา เดี๋ยวโดนหัวหน้าดุนะ แล้ววันนี้มาซื้ออะไรจ้ะ เดี๋ยวป้าจัดให้จ้ะ" ป้าพูดกับฉันด้วยน้ำเสียงเอ็นดู ดีนะที่ไม่มีใครได้ยินประโยคสุดท้าย ไม่งั้นฉันโดนเขม่นแน่เลย 

             "มาซื้อมะเขือเทศคะ เดี๋ยวหนูเลือกเองก็ได้คะ ลำบากป้าเปล่าๆ" ฉันบอกพลางจะเอื้อมไปหยิบมะเขือเทศแต่ป้าทิวด้าก็ห้ามฉันไว้อีก

             "ไม่ได้ๆ หนูเป็นลูกค้าพิเศษ นี่ๆ มะเขือเทศล็อตใหม่เพิ่งมาเมื่อกี้ สดๆจากไร่ เดี๋ยวป้าเลือกให้เอาเท่าไรดีจ้ะ" ป้าถามฉันพลางหันไปแกะกล่องอะไรซักอย่าง ไหนๆก็ไหนๆ เส้นใหญ่ก็ต้องใช้ให้คุ้มเนอะ

             "ซักกิโลนึงก็พอคะ"ฉันบอกป้าเค้าไป ป้าเค้าก็หยิบถุงกระดาษออกมาแล้วหยิบมะเขือเทศลูกสีแดงสดใส่ถุงกิโลนึงแล้วยื่นมาให้ฉัน

             "เท่าไรค่ะ" ฉันถามพลางควานหากระเป๋าสตางค์ในตระกร้า

             "9 ทูรี่จ้ะ"ฉันได้ยินอย่างนั้นเลยควานหาเศษเหรียญแล้วก็นับ เมื่อเห็นว่าครบแล้วฉันก็ส่งให้ป้าเค้าไปแล้วรับถุงมะเขือเทศมา เอ๊ะ ทำไมฉันรู้สึกว่ามันหนักผิดปกติ

             "ป้าค่ะ นี่ป้าใส่มาให้หนึ่งกิโลแน่เหรอค่ะ"ฉันหันไปถามป้าทิวด้า ป้าเค้ามองหน้าฉันแล้วก็ยิ้มกว้างตาเกือบปิด

             "ป้าแถมให้ครึ่งโลจ้ะ ไม่คิดเงิน คิดซะว่าเป็นของขวัญจากป้าและกันนะ" ป้ายิ้มบานอย่างมีความสุข ฉันได้ของแถมอีกแล้วเหรอเนี่ย เกรงใจจังแหะแต่เดี๋ยวป้าจะเสียน้ำใจฉันก็เลยต้องรับไว้อ่ะน่ะ(ไม่ค่อยเลย นะ)

             "ถ้าป้าอยากจะให้ หนูก็ขอรับไว้แล้วกันนะค่ะ ขอบคุณมากน่ะค่ะป้าทิวด้า เดี๋ยวว่างๆหนูจะแวะมาคุยด้วนะค่ะ"ฉันเก็บถุงมะเขือเทศใส่ตะกร้า แล้วเดินออกมาจากร้านของป้าทิวด้า ฉันตรงไปร้านต่อไป มันอยู่เยื้องจากร้านของป้าทิวด้านิดหน่อย ฉันเห็นคุณลุงคนนึงกำลังยกลังไปวางแยกกองกัน เหมือนว่าลุงเค้าจะเห็นฉัน เค้าหันมาหาฉันที่กำลังเดินเข้าไปแล้วเอ่ยทัก

             "โอ้ ลีเลียน่า ไม่เจอตั้งนาน หายไปไหนมา มาซื้อผักเหรอ เดี๋ยวแปบนะลุงขอจัดลังก่อน" ลุงเดวิดเจ้าของร้านขายผักหันมาบอกฉันแล้ววางลังลงข้างๆอีกลังนึง

             "เสร็จแล้ว มาๆ จะซื้ออะไรเดี๋ยวลุงจัดการให้บอกมาได้เลย" อีกแล้วเหรอ ดูถ้าว่าฉันจะเส้นใหญ่ในตลาดนี้มากสินะ คนแถวนั้นหันมามองฉันนิดหน่อยแล้วก็หันกลับไป มีการซุบซิบอะไรกันด้วย ฉันไม่ได้ทำอะไรเลยนะ ก็แค่มาตลาดนี้บ่อยๆเพราะมันอยู่ใกล้บ้าน ซื้อทีละเยอะๆเพราะวัตถุดิบที่ร้านไม่พอเลยซื้อตุนไว้ แล้วก็แซวเล่นๆกับลุงๆป้าๆคนขายเท่านั้นเอง ฉันไม่ได้ตีสนิทนะ ก็คือแบบอารมณ์มันพาไปอ่ะ พอเห็นใครยิ้มใจดีให้หน่อยแล้วมันต้องชวนคุยทุกที จริงๆนะ แง อย่ามองฉันด้วยสายตาอย่างั้นสิ

             "เอาผักชี ครึ่งโล ผักกาดโลครึ่ง ต้นหอมสามขีด แครอทโลนึงแล้วก็หัวหอมสองขีดคะ"ฉันทำเป็นไม่สนใจสายตาพวกนั้นแล้วหันไปพูด กับลุงเดวิด ทำไมพวกเขาต้องทำสายตาอย่างนั้นด้วยอ่า ฉันกลัวนะ T^T ลุงฟังไปแล้วก็หยิบของใส่ถุงไป ลุงวางของใส่ถุงอย่างชำนาญแล้วก็เอาขึ้นตราชั่งแล้วก็วางไว้ให้ฉัน ฉันก็หยิบของใส่ตะกร้าไป จนได้ของเกือบครบลุงเค้าก็หันมาพูดกับฉัน

             "หนูลีเลียน่า วันนี้ลุงไม่ได้สั่งหัวหอมมา หนูต้องไปซื้อร้านน้าอัลเบิร์ตแล้วหล่ะ"ลุงเดวิดพูดด้วยเสียงอ่อยเหมือนจะขอ โทษ ทำไมต้องทำหน้าอย่างนั้นด้วยอ่า หนูไม่ได้โกรธลุงน่า ยิ้มหน่อยสิ

             "ไม่เป็นไรหรอกค่า คุณลุงอย่าทำหน้าอย่างนั้นสิค่ะ ยิ้มหน่อยสิ"ฉันพูดพลางเอามือไปยกมุมปากลุงเค้า ลุงเค้ายิ้มๆแล้วเอามือมาลูบหัวฉันอย่างอ่อนโยน

             "หนูนี่น่ารักๆจริงๆ ลุงหล่ะอยากได้เป็นลูกจังเลย"ลุงพูดแล้วยิ้มอย่างอ่อนโยนทั้งที่ยังลูบหัวฉันอยู่

             "ชมอย่างนี้หนูก็ดีใจแย่สิ ฮิฮิ" ฉันหัวเราะนิด กับลุงเดวิดฉันออกจะอ้อนหน่อยเพราะลุงแกอบอุ่นมาก ฉันหล่ะอยากจะเป็นลูกลุงจริงๆ แต่ลุงเค้ามีลูกอยู่แล้วเดี๋ยวจะกลายเป็นว่าฉันไปแย่งความอบอุ่นลูกเค้าอีก

             "แล้วทั้งหมดนี้เท่าไรค่ะ"ฉันถามแล้วหยิบกระเป๋าสตางค์ขึ้นมาหาเหรียญอีก ครั้ง ฉันควรจะเก็บเหรียญให้เป็นที่เป็นทางกว่านี้สินะ...

             " 2 เอรี่กับอีก 1เมอรี่จ้ะ" ลุงเดวิดแล้วเอามือออกจากหัวฉัน ฉันหยิบแบงค์เอรี่ขึ้นมาสองใบกับแบงค์เมอรี่ขึ้นมาอีกหนึ่งใบ

             "อ่ะนี่คะ งั้นหนูไปซื้อของอย่างอื่นก่อนนะค่ะ เดี๋ยวหนูแวะมาหาใหม่น่ะค่า"ฉันบอกลาลุงแล้วเดินออกมา
    จากร้านแผงลอย เดินไปที่ร้านหัวหอมที่อยู่ใกล้ๆ ว่าแล้วฉันก็ตรงไปที่ร้านทันที เมื่อไปถึงหน้าร้านฉันกลับไม่เห็นใครเลย ฉันเลยลองตะโกนเรียกดู

             "ขอโทษนะค่า จะซื้อของค่า มีใครอยู่มั้ยค่า"สิ้นเสียงฉันก็เห็นคนโผล่หัวขึ้นมาจากหลังแผงร้าน เขามองหน้าฉันด้วยความไม่พอใจก่อนในตอนแรก เขาหรี่ตาลงเหมือนพยายามนึก แล้วสีหน้าเขาก็เปลี่ยนไปในทันที

             "นึกว่าใคร ยัยหนูลีเลียน่านี่เอง หายหน้าไปนานไม่โผล่มาให้เห็นเลยนะ แล้วนี่นึกยังไงมาซื้อร้านฉันเนี่ย ปกติซื้อแต่ร้านเดวิดมัน ชิ"เขาพูดเสียงห้วน ลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่ต่อกันสองตัวแล้วมองหน้าฉันตรงๆ

             "พอดีงานที่ร้านเยอะหน่ะคะ เลยไม่ค่อยได้มา หนูมาซื้อหัวหอมหน่ะค่ะที่ร้านลุงเดวิดเค้าไม่มี แล้วน้าเล่นพูดกับหนูอย่างนี้หนูก็ไม่กล้ามาสิคะ เดี๋ยวเกิดน้าอาละวาดใส่หนูแล้วหนูจะทำยังไงหล่ะ" ฉันพูดพร้อมทำเสียงอ่อย ทีเล่นทีจริงหยอกน้าอัลเบิร์ต น้าเค้าก็หันมามองฉันแล้วทำเสียงขึ้นจมูก สะบัดหน้าใส่ฉัน

             "โอ๋ๆ ไม่งอนนะ ไม่งอนนะ หยอกเล่นนิดเดี๋ยวเอง หนูก็มาซื้อร้านน้าบ่อยจะตายแค่บางทีของร้านน้าเดวิดมันมีเยอะกว่าหนูเลย ต้องซื้อไปไว้ที่ร้าน แล้วบางวันน้าก็ขายแค่ตอนเย็น ตอนนั้นหนูก็กลับบ้านไปแล้วจะเจอน้าได้ยังไงหล่ะค่ะ" ฉันพูดพลางเอามือหยิกแก้มน้าอัลเบิร์ต ฉันไม่ได้เป็นคนชอบล่วงเกินผู้ใหญ่หรอกนะ แต่น้าเค้าก็ไม่ว่าฉันแถมยอมให้ดึงเล่นอีกต่างหาก ฉันก็เลยปล่อยเลยตามเลยอ่ะนะ ฮิฮิ

             "เอาเถอะ ไม่ต้องพูดมากหรอก รอแปบนึงเดี๋ยวเลือกของให้" น้าพูดแล้วหันไปหยิบหัวหอมมาเลือกแล้วใส่ถุงให้ฉัน นี้จะไม่มีใครให้ฉันเลือกของเองใช่มั้ยเนี่ย ดูแลอย่างดีกันทุกคน

             "อ่ะ ได้แล้ว 5 ทูรี่" น้าพูดโดยไม่ต้องรอให้ฉันถามไม่ต้องให้ฉันบอก น้าเค้ารู้ว่าฉันจะซื้อเท่าไรเพราะฉันมาซื้อหัวหอมร้านนี้เป็นประจำถึงผัก ส่วนใหญ่จะซื้อร้านลุงเดวิดก็เถอะ เพราะลุงเดวิดชอบไม่สั่งหัวหอมมาอยู่เรื่อยฉันเลยมาซื้อร้านน้าอัลเบิร์ ตบ่อยๆ ลุงแก่บอกว่าหัวหอมเวลาหันจะร้องไห้ มันทำให้เราร้องไห้ลุงเลยไม่ชอบมัน เป็นเหตุผลที่ฟังดูแปลกๆนะว่ามั้ย -0-  

             ฉันส่งเงินให้น้าเค้าไปแล้วรับของมา เปิดดูของในถุง หวา แต่ละลูกไม่มีรอยช้ำเลย ไม่มีคราบอะไรเปื้อนด้วย แทบจะไร้ที่ติเลยทีเดียว ฉันมองของในถุงอย่างตกใจเล็กน้อยแล้วเงยหน้าขึ้นไปมองหน้าน้าอัลเบิร์ต น้าเค้ายิ้มมุมปากทำหน้าอวดดี กอดอกแล้วเชิดใส่ฉัน ดูหน้าทำเข้าสิ ฉันเกือบจะหลุดขำออกไปแล้วนะเนี่ย

             "เอาหล่ะไปได้แล้วเดี๋ยวเจ้านายว่าหรอก ฉันก็จะขายของฉันต่อแล้ว"น้าเค้าทำมือปัดๆฉันแล้วทำทีไปจัดของ ฉันยิ้มบางๆให้ก่อนจะเดินออกมาแล้วเดินไปที่หน้าตลาด ตรงไปที่ร้านขายเนื้อ เริ่มจะเที่ยงแล้วคนค่อนข้างเยอะ ฉันเดินตรงไปที่ร้านขายเนื้อแล้วสั่งของที่ต้องการ

             "อาพีเนียค่ะ เอาปลา หมู ไก่ เท่าเดิมค่ะ"ฉันพูดแล้วหยิบเงินในกระเป๋าออกมา ฉันรู้ว่าต้องจ่ายเท่าไร เพราะฉันมาซื้อของร้านนี้แบบเดิมๆแทบทุกที

             "อ้าว หนูลีเลียน่า หายไปนานเลยนะ รอเดี๋ยวนะจ้ะเดี๋ยวอาเตรียมของให้" อาพีเนียเป็นผู้หญิงวัยกลางคน ท่าทางอ่อนโยนดูอบอุ่น ใจดีมากๆเลยคะ อาเค้าหันไปหยิบหนังสือพิมพ์มาเตรียมวางไว้ที่โต๊ะแล้วก็มีผู้ชายอีกคนนึง เดินเข้ามา

             "หนูลีเลียน่าเองเหรอ หายไปไหนมาเนี่ย ไม่เห็นหน้าเลย" ผู้ชายคนนี้คืออาลีโอเค้าเป็นสามีของอาพีเนียค่ะ สองคนนี้เป็นสามีภรรยากันและเป็นเจ้าของร้านนี้แต่ยังไม่มีลูกซีกที ฉันอยากจะเห็นหน้าลูกใจจะขาดดดดด ต้องน่ารักแน่ๆเลย > <

             "พอดีไม่ค่อยว่างมาหน่ะคะ ที่ร้านก็ยุ่งๆด้วย แต่ตอนนี้ดีแล้ว เดี๋ยวต่อไปหนูมาที่นี่ทุกวันแน่ค่ะ"ฉันพูดอย่างเป็นมั่นเป็นเหมาะพร้อมทำ ท่าประกอบอย่างมั่นใจ อาทั้งสองยิ้มสดใสมาให้ฉัน อา ทั้งตลาดนี้ ฉันว่าร้านนี้เจิดจ้ามากกว่าร้านไหนเลยแหละ โดยเฉพาะอาพีเนีย ส้วยยยย
    สวย มองแล้วช่างเจริญหูเจริญตาดีจริง ฉันหล่ะอยากจะสวยเหมือนอาเค้าบ้างจัง

             "เสร็จแล้ว ได้แล้วจ้าหนูลีเลียน่า ถ้างานร้านยุ่งมากก็ไม่จำเป็นต้องมาทุกวันก็ได้จ้ะ แต่มาให้เห็นหน้าบ้าง อาเป็นห่วง คนอื่นๆเค้าก็คิดถึงหนูกันใหญ่เลยนะ พอหนูไม่อยู่รู้สึกว่าตลาดเงี้ยบเงียบ ไม่มีเสียงหวานๆของหนูแล้วรู้สึกมันไม่มีชีวิตชีวายังไงไม่รู้สิจ้ะ" อาพีเนียพูดแล้วยิ้มกว้าง ทุกคนคิดถึงฉันขนาดเลยเหรอ นึกว่ารำคาญซะอีกที่ฉันมาคอยยุ่งทุกวัน รู้ว่าทุกคนคิดถึงฉันขนาดนี้ อาาาา ลีเลียดีใจที่สุดเล้ยยยยย >_<

             "จริงเหรอค่ะ ดีใจๆๆ นึกว่าทุกคนจะรำคาญซะอีกที่หนูมายุ่งทุกวัน หนูก็คิดถึงทุกคนคะ อยากจะมาคุยมากอดด้วยใจจะขาด เดี๋ยวในสองสามวันนี้หนูจะมากวนทุกคนเลยค่ะ อย่ารำคาญหนูซะหล่ะ แต่ตอนนี้ขอตัวไปทำงานก่อนน่ะค่า เดี๋ยวเจ้านายว่าเอา แหะๆ"ฉันส่งเงินให้อาลีโอแล้วก็บอกลาพวกเขา วันนี้เป็นวันที่มีความสุขจังเลย พวกเขาก็บอกลาฉันแล้วกลับไปทำงานของพวกเข้าต่อ ฉันเดิมกลับร้านทางเดิมด้วยใจที่พองโตกว่าเดิม ดีใจๆๆๆๆ ดีจายยยยย มีคนคิดถึงฉันด้วยอ่ะ ฉันเดินฮัมเพลงกลับร้านพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า เมื่อเข้าร้านมาคุณเวนิก้าก็มองฉันด้วยความแปลกใจ

             "หืม เป็นอะไรยิ้มหน้าบานมาเชียว" เธอเงยหน้าจากหนังสือในมือขึ้นมามองฉัน ฉันก็ยิ้มให้เธอจนแก้มปริ ก่อนจะเฉลยคำตอบ

             "คนในตลาดเค้าบ่นคิดถึงฉันหน่ะค่ะ ฉันมีความสุขจังเลย มีคนคิดถึงฉันด้วยยยย > <" ฉันตอบด้วยท่าทางดี้ด้าใหญ่ ก็คนมันดีใจนี้ค่ะ เก็บยังไงก็ไม่มิด ฮิฮิ

             "หืมมมม เดี๋ยวนี้เป็นขวัญใจคนในตลาดไปแล้วสิ ได้ข่าวอยู่เหมือนกันว่าพ่อค้าแม่ค้าชอบบริการให้เธอเป็นพิเศษ เชอะ ใช่ซี้ เรามันไม่ใช่เด็กสาวน่ารักน่าเอ็นดู เรามันก็แค่ป้าแก่ๆคนนึง จะมีใครเค้ามารักใคร่เอ็นดูก้านนน หึ!! ไปทำงานเลยไป ไปให้เป็นขวัญใจลูกค้าไปด้วยเลยนะ เอาให้เค้าให้ทิปมาเยอะๆ แจกยิ้มหวานๆให้ แล้วให้เค้ามาเข้าร้านเราบ่อยๆด้วย!!" ผู้จัดการทำเสียงจีบเล็กจีบน้อยใส่ฉันเหมือนจะประชดเล่นๆ แต่ไอ้ประโยคหลังนี้เหมือนจะให้ฉันหาเงินทางลัดเข้าร้านใช่มั้ยเนี่ย -0-

             "ค่าๆ ไปเดี๋ยวนี้แหละค่า จะเอาทิปมาให้เยอะๆน่ะค่าาาาา" ฉันพูด ทำเสียงล้อเลียนใส่คุณเวนิก้า เธอก็ทำเสียงเล็กเสียงน้อยใส่แล้วก็ไล่ๆออกไปหน้าร้าน ฉันเลยต้องออกมาแต่โดยดีแต่ยังไม่วายหันไปเล่นคุณเวนิก้าอีก ฮิฮิ
             หลังจากที่ฉันเปิดประตูออกมาจากหลังร้านฉันก็เจอคุณเอริคกับคุณยูเรนทำ งานอยู่ในครัว คืออย่างนี้นะค่ะ ร้านอาหารของฉันเนี่ยจะแบ่งเป็นสามส่วน ส่วนหน้าคือส่วนที่เป็นร้านอาหารต้อนรับลูกค้า ส่วนที่สองเนี่ยจะเป็นห้องครัวและที่เก็บจาน ส่วนที่สามนี่จะเป็นที่พักพนักงานและที่เก็บของต่างๆ แต่มันมีซิ้งล้างจานให้ ผู้จัดการเลยเอาเป็นห้องล้างจานซะเลยแล้วค่อยขนออกไปเก็บตรงห้องครัว ยุ่งยากหน่อยแต่ผู้จัดการบอกว่าประหยัดกว่าต้องติดซิ้งล่างจานใหม่ เหอๆ เพราะฉนั้นก็เลยไม่มีคนอยากจะไปล้างจานซะเท่าไรเพราะมันลำบากขนออกมา 

             ฉันยืนอยู่ที่หน้าประตู ดูเหมือนว่าคุณเอริคจะสังเกตเห็นฉันก่อนเพราะคุณยูเรนกำลังหมกมุ้นอยู่กับ การทำอาหาร คุณเอริคเลยไปเตรียมของทำออร์เดอร์ต่อไปแทน คุณเอริคเป็นผู้ชายรูปร่างสูงโปร่ง ผมสีดำขลับ หน้าตาคมคายหล่อเหลาแต่ติดไปทางขี้เล่นซะมากกว่า ผิดกับคุณยูเรนที่เป็นผู้ชายหน้าหวาน ผมสีม่วงอ่อนรับกับดวงหน้า ตาของเขาเป็นม่วงโอรสสวยมากๆเลย แถมไว้ผมยาวอีก ยิ่งทำให้เหมือนผู้หญิงเข้าไปใหญ่ 

             "อ่ะ ลิเลียน่า ซื้อของเสร็จแล้วเหรอ ได้แถมมาอีกมั้ย มาๆๆ เอามาดูสิว่าได้อะไรมาบ้าง" คุณเอริคกวักมือเรียกฉันเข้าไป ฉันยิ้มน้อยก่อนจะเดินเข้าไปในห้องครัวแล้ววางของลงตรงข้างๆอ่างที่คุณเอริ คล้างผักค้างไว้ มันเอาไว้ล้างจานไม่ได้หรอกค่ะ อ่างมันเล็กเกินกว่าจะเอามาล้างจานเยอะๆ แล้วมันยังมีที่ล้างแค่ฝังเดียวอีก อาจจะพอล้างได้แต่ก็ไม่สะดวกหรอกค่ะ

             "พูดเหมือนฉันเป็นตัวเรียกของแถมเลยนะค่ะ มาถึงก็พูดถึงของแถมก่อนเลย ติดเชื้อผู้จัดการมาแล้วใช่มั้ยเนี่ย" ฉันพูดเย้าไปเล่นๆ เขายักคิ้วแล้วเอาของไปเก็บที่ตู้ต่างๆ หยิบบางส่วนออกมา ดูเหมือนว่าจะเอามาทำอาหารเลย

             "แหม ได้ของฟรีก็ต้องเอาไว้ก่อน ก็ลีเลียน่าไปทีไรได้ของเยอะแถมกลับมาทุกที แต่พอฉันไปเองนะ พ่อค้าแม่ค้าทำท่าเหมือนไม่อยากจะขายให้ฉันอย่างนั้นแหละ" เขาพูดแล้วทำท่าน้อยใจก่อนจะมองมาที่ฉันด้วยสายตาอิจฉา แล้วสะบัดหน้่าใส่ วันนี้ฉันโดนผู้ชายสะบัดหน้าใส่รอบที่สองแล้วนะ...

             "นั่นเพราะนายชอบไปหลีลูกสาวหลีภรรยาเค้านั่นสิ" เสียงหวานดังขึ้นจากเจ้าของเรือนผมสีม่วงอ่อนยาวสยาย คุณยูเรนพูดแทรกขึ้นมาหลังจากที่ทำอาหารเสร็จ

             "อะไรกัน ฉันไม่ได้หลีนะ ก็แค่ทักทายตามปกติแค่นั้นเอง มีปล่อยมุกบ้างนิดๆหน่อยๆ ทำเป็นซีเรียสไปได้" คุณเอริคทำหน้ามู้ คล้ายๆจะงอน เลยโดนคุณยูเรนเขกหัวเข้าให้ อุ๋ย ดูท่าจะเจ็บน่าดู

             "นั่นแหละที่เค้าเรียกว่าหลี เที่ยวไปหยอดคำหวานใส่คนนู้นทีคนนี้ที จนผู้หญิงตามติดมาเป็นพรวนแล้วมาเอาเรื่องกับร้านเราไม่เว้นแต่ละวันเนี่ยก็ เพราะนาย!! รู้ไว้ซะด้วยว่านายก็เป็นอีกสาเหตุนึงที่ทำให้ยอดขายตก สำนึกซะด้วยหล่ะ!!" คุณยูเรนพูดแล้วค่อยๆขึ้นเสียงขึ้นเรื่อยๆตรงช่วงที่บอกว่าคุณเอริคมี ผู้หญิงมากตามติด

             ไม่รู้ฉันคิดไปเองรึเปล่า แต่ฉันรู้สึกว่าเวลาคุณยูเรนพูดหรือได้ยินเรื่องคุณเอริคกับผู้หญิงทีไร คุณยูเรนจะดูอารมณ์เสียทุกที พอไปถามคนอื่นๆเค้าก็บอกว่า'มันเป็นเรื่องธรรมดา' แล้วก็ทำสายตากรุมกริม ทำให้ฉันยิ่งงงเข้าไปใหญ่ว่าจะไปถามเจ้าตัวก็กระไรอยู่ แต่ฉันว่าสองคนนี้ต้องมีซัมติ้งอะไรกันแน่ะ

             "อะไรกันคนสวย ที่แท้ก็หึงนี้เอง ไม่ต้องเอาเรื่องยอดขายมาเป็นข้ออ้างหรอกนะจ้ะ อยากเก็บพี่ไว้คนเดียวหล่ะสิ ก็ได้ๆพี่ไม่ไปหาผู้หญิงที่ไหนแล้ว พี่จะมีน้องคนเดียวอย่าโกรธไปเลยนะจ้ะ"คุณเอริคเดินเข้าไปโอบไหลคุณยูเรน เชยค้างขึ้นมาสบตาแล้วจับปอยผมด้านข้างมาจูบเบาๆ เอ่อ... ฉากนี้มันแปลกๆนะว่ามั้ย ดูมันแผ่รังสีสีม่วงยังไงไม่รู้สิ...
             หน่ะๆ เหมือนว่ามือคุณเอริคจะอยู่ไม่สุขเลื้อยไปตามน่องขาคุณยูเรนแล้วค่อยๆเอื้อม ไปจับสะโพก เฮ้ยๆๆๆ เดี๋ยวโดนแบน อย่าพึ่งหื่นตอนนี้คุณเอริคคคคค >_<

             ปั้ก!!

             ส้นรองเท้าแข็งๆกระแทกเท้าคุณเอริคอย่างจัง คนทำก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ผู้ที่เกือบเสียตัว(?)ที่มีผมสีม่วงอ่อน...ก็คุณยูเรนนั้นแหละเป็นคนทำ คุณเอริคร้องโอ๊ยเสียงดังแล้วกุมเท้าตัวเองกระโดดโหยงเหยงไปมา ส่วนคุณยูเรน...กำลังดูรองเท้าหนังของตัวเองว่าบุบสลายมีรอยตรงไหนรึ เปล่า...พอดูเสร็จแล้วว่าไม่มีรอยแม้แต่น้อย คุณยูเรนก็เงยหน้าขึ้นมามองคุณเอริคแวบนึงแล้วเดินไปทำงานต่อ

             บอกตามตรงนะเมื่อกี้ฉันแอบเห็นเขาแสยะยิ้มด้วยแหละ =[]=

             "หื่นกับผู้หญิงไม่พอยังจะมาหื่นกับผู้ชาย ความหื่นนายนี่ไม่มีวันหมดเลยสิน่า"คุณยูเรนพูดพลางเช็ดมือหลังจากที่พึ่ง ลางเสร็จแล้วเดินไปที่เตาทำอาหาร ไม่มีท่าทีสนใจคุณเอริคแม้แต่น้อย...

             "ไม่ได้หื่นซะหน่อย อูยๆ ฉันไม่เคยทำแบบนี้กับผู้หญิงที่ไหนน่ะ อูยๆๆ" คุณเอริคพูดไปร้องโอดโอยไป เขายังกุมเท้าของเขาอยู่เลย ดูท่าจะเจ็บมาก -0-

             "แล้วมาบอกฉันทำไมหล่ะ ฉันไม่มีความจำเป็นที่จะต้องรู้นิ เอ้า ลิเลียเอาไปเสิร์ฟได้แล้ว"คุณยูเรนยังคงง่วนกับงานไม่ได้หันมามองคุณเอริ คเลย เขาตกแต่งหน้าอาหารนิดหน่อยแล้วยื่นมาให้ฉันเอาไปเสิร์ฟ

             "เกี่ยวสิ!! เพราะว่าฉันอยากจะบอกว่านายเป็นคนเดียวที่ฉันจะท่าทีแบบนั้นและจะมีเพียงแค่ คนเดียวตลอดไป" คุณเอริคพูดด้วยน้ำเสัยงหนักแน่น ท่าทีของเขาต่่างออกไปจากเดิม ดูเขาจริงจังและจริงใจกับคำพูดเมื่อกี้ที่พูดออกมา คุณยูเรนหันไปมองหน้าสบตาแล้วยื่นนิ่งอยู่อย่างนั้น

             "...."

             "...."

             สองคนนั้นนิ่งเงียบไปจ้องตากัน ฉันได้แต่ยื่นอยู่อย่างพยายามไม่ให้เกิดเสียง แม้แต่หายใจยังไม่กล้าหายใจแรงเลย ฉันไม่รู้จะทำยังไงได้แต่ยื่นดูอยู่อย่าง นั้น หวังว่าเค้าคงจะไม่ทะเลาะกันหรอกนะ จนในที่สุดก็มีคนเอ่ยปากพูดขึ้น

             "...ไปทำงานได้แล้ว"คุณยูเรนเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาก่อนแล้วหันหลังให้ฉันกับคุณ เอริค คุณเอริคมีสีหน้าที่หมองลง เขาชะงักไปแต่ก่อนที่เขาจะได้พูดอะไรคนที่หันหลังอยู่ก็ชิงพูดขึ้นมาก่อน

             "ไอ้คำพูดเมื่อกี้...ฉันจะยอมรับฟังไว้ก็ได้ แต่ไม่เชื่อหรอกนะ" ประโยคท่อนท้ายดูแข็งกระด้างแต่ก่อนหน้านี้มันกลับดูนุ่มนวลอย่างบอกไม่ถูก คุณเอริคนิ่งไปนิดก่อนจะแย้มรอยยิ้มกว้างแล้วเดินตามคุณยูเรนไป ก่อนจะหันมาโบกมือปัดๆฉันหมือนจะบอกว่าให้ไปที่อื่นได้แล้ว ค่าาาา ไม่อยากจะขัดเวลาสวีทของคนอื่นเค้าหรอก

             เอาจริงๆนะ ฉันไม่เคยเห็นพวกเค้าเป็นอย่างนี้มาก่อนเลยไอที่จะมาลูบเนื้อลูบตัวแล้วมา ประชดประชันกันอะไรเทือกเนี่ย จะมีก็แต่คุณเอริคแหย่คุณยูเรนนิดๆหน่อยๆตามประสาคนชอบกวนประสาท แต่ดูเหมือนว่าคนอื่นๆจะเคยเห็นแหะ ตอนนี้ฉันว่า...ฉันพอจะรู้แล้วแหละว่า...เค้าเป็นอะไรกันอ่ะน่ะ

             ฉันเดินออกมาจากห้องครัวแล้ววางอาหารไว้ที่เคาเตอร์ด้านข้าง เอื้อมไปหยิบถาดเสิร์ฟอาหารในตู้แล้วจัดแจงวางทิชชู่และเหยือกน้ำสำหรับ บริการลูกค้าแล้วค่อยวางจานอาหารใส่ถาด ฉันหยิบถาดแล้วเดินออกไป ฉันถือถาดด้วยสองมือเพราะมีเหยือกน้ำมาด้วยถ้าถือไม่ดีเดี๋ยวหกแล้วจะยุ่ง

              ปกติฉันถือถาดมือเดียวนะเวลาเก็บโต๊ะหรือเวลาลูกค้าเยอะๆเสิร์ฟไม่ไหว ต้องถือถาดละมือไม่งั้นวุ่นกันใหญ่ เดี๋ยวโต๊ะนั้นก็เติมน้ำ โต๊ะนู้นก็สั่งอาหาร โต๊ะนี้เรียกเก็บจาน โต๊ะโน้นขอซอสเพิ่มอีก ส่วนมากจะเป็นตอนกลางวันที่ลูกค้าเยอะ ฉันก็จะออกมาแค่ช่วงกลางวันเนี่ยแหละค่ะ บางทีก็ออกมาตอนเช้าเพราะหลังร้านไม่มีงานอะไรให้ทำแล้ว จะว่าไปนี้ก็ใกล้เที่ยงแล้วสินะ งั้นฉันคงต้องเตรียมออกศึกแล้วสิ (ว่าไปนั้น)

             "ขอโทษที่ทำให้รอค่า"เมื่อฉันเดินมาถึงโต๊ะลูกค้า ฉันก็วางจานลงอย่างนุ่มนวลแล้วพูดไปตามพิธี แต่ฉันก็ไม่ได้ไม่ชอบหรอกนะที่ต้องพูดแบบนี้ ฉันว่ามันดูน่าสนุกมีลีลาดีออก พูดเสร็จฉันก็โค้งตัวลงแล้วเดินออกมา กวาดตามองไปรอบๆโต๊ะอื่น จนสะดุดตากับโต๊ะๆนึงที่น้ำในแก้วของคนโต๊ะนั้นหมดแล้ว ฉันเลยเดินเข้าไปแล้วก้มตัวเล็กน้อย

             "ขออนุญาตนะค่ะ"ฉันยิ้มน้อยๆ ให้ดูเป็นมิตร แล้วค่อยรินน้ำใส่แก้วให้เขาโดยไม่ให้น้ำกระเฉาะ แล้วปลีกตัวออกมา นี้แหละชีวิตสาวเสิร์ฟหละ ถึงจะสนุกแต่ก็ต้องใส่ใจทุกรายละเอียดนะ ต้องใส่ใจลูกค้าทุกคน ลองคิดดูสิถ้าหากว่าเราไปร้านอาหารแล้วเรียกพนักงานแต่พนักงานกลับเมินเฉย หรืออาหารมาช้าเรียกพนักงานแล้วแต่ไม่ไปทวงให้ ขอสั่งอาหารแต่ไม่มารับออเดอร์ เราจะรู้สึกยังไงถ้าโดนแบบนี้ ฉันก็เคยโดนมาบ้างแล้วเหมือนกัน มื้อนั้นมันจะเป็นมื้อที่ไม่มีความอร่อยเลยหล่ะ

             กริ้ง

             เสียงโมบายกระดิ่งที่ติดอยู่ที่ประตูหน้าร้านดังขึ้น อ้ะ ลูกค้าเข้าร้านแล้วสินะ ฉันเห็นมีผู้ชายคนหนึ่งเดินมาจากประตูแล้วเดินไปนั่งโต๊ะริมหน้าต่าง ฉันเดินไปหยิบเมนูแล้วเดินไปที่โต๊ะนั้นที ฉันวางเมนูลงให้เขาเลือกสั่งอาหารแล้วยืนรออย่างใจเย็น

             "จะรับอะไรดีค่ะ"ฉันพูดไปตามพิธีของสาวเสิร์ฟ

             "อืม เอา...สเต๊กปลาแล้วกันกับน้ำบีทรูท"เขาพูดแล้วคืนเมนูให้ฉัน ฉันรับเมนูคืนแล้วโค้งตัว

             "คะ รอสักครู่นะค่ะ" ฉันวางแก้วน้ำเปล่าเย็นๆให้เค้าก่อนแล้วเดินไปที่ห้องครัวเพื่อที่จะ บอกรายการอาหาร แต่เอ่อ...ฉันควรจะเข้าไปดีมั้ยนะ เค้าเคลียร์กันเสร็จรึยังเนี่ย

             กึก

             ฉันเปิดประตูเข้าไปแบบไม่ค่อยกล้านัก เดี๋ยวจะไปเห็นฉากที่ไม่สมควรเข้า...

             "คุณยูเรนค่ะ ออเดอร์มาแล้วค่า"ฉันพูดแบบไม่เต็มเสียง นี้ฉันต้องใช่ความกล้ามากเลยนะที่จะพูดออกไปอ่ะ เดี๋ยวเกิดพูดไปแล้วไปขัดจังหวะเค้า แล้วเห็นภาพที่ไม่ควรเห็นขึ้นมาอ่าาาาTOT

             "อ่อ แปะไว้เลย ลูกค้าเริ่มเข้าร้านแล้วสินะ" เสียงหวานๆของคุณยูเรนตอบออกมา ฉันเลยเปิดประตูเข้าไป คุณยูเรนกำลังทำอาหารอยู่เหมือนเดิมขยับกระทะไปมาแล้วกระดกขึ้นแล้วก็เอา ตะหลิวมาผัดๆต่อ เอ๊ะ ฉันคิดไปเองรึเปล่าแต่ทำไมหน้าเค้ามันดูแดงๆนะ หรือเพราะว่าไอร้อนจากกระทะ ไม่ใช่ม้างงงง ฉันหันไปทางคุณเอริคก็ยังเห็นหันผัก แต่งหน้าอาหารอยู่แต่ทำไมฉันรู้สึกว่าเค้าอารมณ์ดีแปลกๆยังไงไม่รู้แหะ มีการยิ้มที่มุมปากด้วยอ่ะ
             
             เอิ่ม นี่พวกเขาทำอะไรกันเนี่ยยยยยยย

             "อ่า งั้นไปทำงานก่อนนะค่ะ"ฉันพูดแล้วหยิบจานอาหารสองจานออกมาแล้วรีบออกมาทันที รู้สึกเหมือนวันนี้ห้องครัวจะเป็นห้องต้องห้ามสำหรับฉันไปแล้วอ่าาาา T0T

             ฉันไปเตรียมถาดเสิร์ฟอีกใบนึงแล้วถือออกไปสองถาด พอออกมาฉันชัดเห็นเลยว่าลูกค้าเพิ่มขึ้นเยอะ แล้วคุณเลน่ากำลังรับออเดอร์อยู่ ฉันเลยไปเสิร์ฟอาหารแล้วไปช่วยคุณเลน่ารับออเดอร์ พอคุณเลน่าเห็นฉันก็เดินเข้าไปหลังร้านแล้วไปหยิบเหยือกน้ำมาแทน เป็นอันรู้ๆกันอยู่ว่าช่วงกลางวันคนที่ทำงานไวที่สุดคือฉัน เลยกลายเป็นว่าตอนกลางวันคนเดินเสิร์ฟกับรับออเดอร์ ส่วนคนค่อยบริการจะเป็นคุณเลน่าแทน 

             "น้องค่ะ รับออเดอร์ค่ะ"ลูกค้าผู้หญิงคนนึงพูดขึ้นมา ฉันต้องไปทำงานแล้วสินะ เอาหล่ะ ลุยกันเลย!!

             "ค่า จะรับอะไรดีค่ะ" สงครามเริ่มขึ้นแล้ว รับต้องไปออกรบแล้วหล่ะ งั้นไว้เจอกันนะ (เริ่มปัญญาอ่อน ฮ่าๆ)

    …………

             "หนู เติมน้ำจ้ะ"

             "อาหารที่สั่งถึงไหนแล้วค่ะ"

             "เก็บโต๊ะด้วยครับ"

             "ขอทิชชู่เพิ่มค่า"

             "เครื่องปรุงหมดแล้วครับ"

             "ห้องน้ำอยู่ทางไหนค่ะ"

             "ช่วยเช็ดโต๊ะด้วยคร้าบ"

             สารพันปัญหาและเสียงเรียกของลูกค้าตีกันไปมาจนฉันมึนหัว สองมือยังถือถาดอาหารไปเสิร์ฟแล้วต้องคอยฟังไปด้วยว่าลูกค้าโต๊ะไหนเรียก

             "ค่า รอสักครู่นะค่ะ"

             ฉันตะโกนตอบรับไปแล้วหันไปบริการทีละคน คุณเลน่ารับออเดอร์อยู่ฉันเลยต้องค่อยจัดการเรื่องสัพเพเหระแทน พอเสร็จแล้วฉันก็เข้าไปเอาอาหารมาเสิร์ฟต่อ แต่ดูเหมือนสองมือของฉันจะไม่พอสำหรับทั้งเสิร์ฟอาหารและเก็บโต๊ะ ฉันเลยไปบอกคุณเลน่าให้เสิร์ฟอาหารแทนฉันที แล้วฉันจะเป็นคนเก็บโต๊ะ คุณเลน่าก็ตกลงแล้วก็แยกย้ายกันไปทำงานต่อ

             ฉันมองโต๊ะที่ยังไม่ได้เช็ดทำความสะอาดแล้วมองลูกค้าที่รออยู่ หว่า เยอะอ่ะ ทำไมวันนี้ลูกค้าเยอะจัง แบบนี้ไม่ทันแน่ งั้นฉันต้องใช้ไม้ตายซะแล้ว!!

             กึก

             ฉันวางถาดเก็บจานไว้บนหัวถาดนึงและในมืออีกสองถาด ลูกค้าบางคนมองฉันด้วยความตกใจ ฉันเดินอย่างคล่องแคล่วเข้าไปในครัวแล้ววางจานลงคุณเอริคก็เอาไปล้างต่อหลัง ร้าน ฉันก็ออกมาทำงานหน้าร้านต่อแล้วยังใช้หัวเป็นตัวช่วย แล่นซ่อกแซ่กไปมา ตอนนี้ฉันใส่รองเท้ามีล้ออยู่นะค่ะ เดินธรรมดาคงไม่ทันแน่ ฉันเสิร์ฟอาหารแบบมาไวไปไว แล้วก็ไปเก็บโต๊ะต่อ ฉันทำอย่างนี้จนลืมดูเวลาไปเลย สักพักลูกค้าเริ่มบางตา ฉันเลยเลิกใช่หัวเป็นตัวช่วยแล้วหันมาทำงานตามปกติ จนลูกค้าหมดร้านฉันเลยไปพักที่หลังร้าน

             ทันทีที่ก้นถึงเบาะเก้าอี้ฉันเอนตัวพิงพนังเก้าอี้อย่างแรง ฮ่าาาา เหนื่อยยยย แต่ก็สนุกดีนะ ฮ่าๆ

             "เหนื่อยหน่อยนะ ลิเลีย" อ้ะ นึกว่าใครผู้จัดการนี้เอง เธอเอาน้ำมาวางตรงหน้าฉัน ฉันเลยรับมาดื่มหมดแก้ว ฮ่าาาา สดชื่นนนนนน >_<

             "วันนี้ลูกค้าเยอะกว่าทุกวัน เล่นเอาแทบแย่แหนะค่ะ"

             "อืม นี่ก็บ่ายสามแล้ว อีกสองชั่วโมงก็เธอก็กลับบ้านได้แล้วแหละ แต่เห็นว่าวันนี้ทำงานหนักจะให้นอนพักอยู่ในนี้ก่อนและกัน" ห่ะ!! เมื่อกี้ว่าอะไรนะ จะให้ฉันนอนพักเหรอ กรี้ดดดด วันนี้หิมะตกแน่เลยผู้จัดการเค้าบอกให้ฉันพักอ่ะ!!

             "เมื่อกี้ว่าอะไรนะค่ะ"ฉันถามอย่างไม่แน่ใจ บางทีฉันอาจจะหูฝาดไปเองก็ได้

             "บอกว่าให้นอนพักไงหล่ะ ทำไมต้องทำหน้าตกใจด้วย" กรี้ดดดด ฉันหูไม่ฝาดใช่มั้ยเนี่ย

             "เห๋!? ผู้จัดการค่ะ กินยาผิดขวดเหรอค่ะถึงได้เป็นขนาดนี้"ฉันเอามือไปทาบหน้าพากเธอ แต่โดนมะเหงกเข้าให้

             "กินยาอะไรหล่ะ ฉันไม่ได้เป็นอะไรซักหน่อย" เธอพูดแล้วมะเหงกฉันอีกที เจ็บน่า T0T

             "ก็ปกติเห็นบอกว่าฉันถึก ทำงานไปเยอะๆก็ไม่บุบสลายหรอก อย่างเนี่ย" ฉันพูดเหล่ตามองผู้จัดการ เธอมีสีหน้าแปลกๆเหมือนว่าจะ...เขิน? เห๊ะ! นี่คือหน้าเขินของผู้จัดการเหรอ!? O[]O

             "น่าๆ เอาเถอะ นอนพักนั้นแหละดีแล้ว นอนไปจนถึงเย็นเลยก็ได้นะ ฉันไม่ว่า" หน่ะ มีการหลบสายตา หน้าติดแดงๆอีกต่างหาก เฮ้ยยยย หรือว่าผู้จัดการแอบชอบฉันอ่ะ!? O[]o

             "ผู้จัดการค่าาา มีอะไรก็พูดมาดีกว่านะค่าาาา"ฉันทำเสียงหลอนๆลากยาว ฮึฮึฮึ

             "มีอะไร ไม่มี้~~"หน่ะ ชัดเลย ทำเสียงสูงด้วย ผู้จัดการต้องมีอะไรปิดบังฉันแน่เลย

             "ถ้าไม่พูดเองดีๆ หนูคงต้องใช่กำลังนะค่าาาา" ฉันพูดพร้อยมกางมือออกเตรียมจะจี้ ใช่ค่ะ ผู้จัดการบ้าจี้มากๆที่เอว ฉันเป็นคนเดียวที่รู้เพราะเคยไปแกล้งกอดเอวจากข้างหลังผู้จัดการ ผู้จัดการถึงกับดิ้นลงไปกองกับพื้นเลยค่ะ =[]=

             "เฮ้ย! อย่าๆๆ บอกแล้วก็ได้ ฉันก็แค่อยากจะให้เธอพักเพราะว่าวันนี้มันเป็นวันครบรอบสองปีที่เธอมาทำงาน ก็เท่านั้นเอง" ผู้จัดการพูดหน้ามุ่ยเหมือนโดนขัดใจ ที่ไม่อยากบอกเพราะกลัวเสียฟอร์มสินะ

            "ก็แค่นั้นเอง ไม่ต้องกลัวเสียฟอร์มหรอกค่ะ ผู้จัดการเป็นยังไงหนูรู้ดี ฮิฮิ" ฉันพูดทำหน้าทะเล้น ผู้จัดการเลยแยกเขี้ยวใส่ ฮันแน่ เสียฟอร์มแล้วพูดไม่ออกอ่ะดิ ฮ่าๆๆๆ

            "ไม่จำเป็นหรอกค่า หนูถึกอยู่แล้ว ถ้าอยากจะให้อะไรหล่ะก็ช่วยติดซิงล้างจานที่ห้องครัวจะดีกว่านะค่ะ " ฉันพูดเย้าแล้วก็เดินไปล้างจาน แอบเห็นผู้จัดการแยกเขี้ยวใส่อีกแล้ว ฮิฮิ ผู้จัดการนี้น่าแกล้งจังเลยน่า ฉันล้างจานเสร็จแล้วก็ไปปัดกวาดเช็ดถู เช็ดโต๊ะ เช็ดครัว เห็นมีงานอัไรก็ทำหมดแหละค่ะ ก็คนมันว่างหนิ ฉันทำไปเรื่อยๆจนเวลาล่วงเลยมาถึงห้าโมงเย็น ได้เวลากลับบ้านแล้วสิ ฟ้าเป็นสีส้มแล้ว

            "ทุกคนค่า กลับแล้วนะค่า" ฉันเปลี่ยนชุดจากชุดสาวเสิร์ฟมาเป็นชุดธรรมดา เป็นชุดกระโปรงสีครีมยาวเลยเข่าเรียบๆไม่มีลายแขนยาวถึงข้อมือ มีกระดุมสองเม็ดบนที่ฉันติดมันทุกเม็ด

            "อ่า กลับบ้านดีๆหล่ะ"คุณเลน่าเดินมาพร้อมกับเช็ดมือไปด้วย ผู้จัดการก็ออกมามองฉันแล้วพูด
            "วันนี้เหนื่อยหน่อยนะ กลับบ้านระวังด้วยหล่ะ" 

            "ค่า งั้นไปแล้วนะค่ะ" ฉันเปิดประตูออกมาแล้วเดินกลับบ้านทางเดิมเหมือนทุกๆวัน ฉันมองทิวทัศรอบๆไปเรื่อย ชีวิตนี้ฉันขอแค่ได้มีเพื่อนร่วมงานที่ดี มีเจ้านายที่ห่วงใยลูกน้อง มีน้องๆที่บ้านเด็กกำพร้าให้ดูแล และมีลุงๆป้าที่ตลาดคอยคิดถึง...

            ...แค่นี้ฉันก็มีความสุขแล้วแหละ...

            ฉันหลับตาลงรอรับสัมพัสจากลมที่พัดมา มันช่างอบอุ่นและเย็นสบาย ฉันไม่เคยเสียใจที่ไม่มีพ่อแม่ ฉันไม่รู้หรอกว่าพวกท่านตั้งใจจะทิ้งฉันรึเปล่า แต่ฉันไม่เคยนึกอยากจะกลับไปหาพวกเขาเพราะฉันได้เจอผู้ที่รักฉันด้วยใจจริง แล้ว

            ฟึบ!!

            "อื้อ!!!"

            จู่ๆก็มีใครไม่รู้เอาผ้ามาปิดจมูกฉันจากด้านหลังแล้วล็อคตัวฉันไว้ นี่มันอะไรกัน!? ลักพาตัวเหรอ!? ฉันไม่ใช่คนมีค่าตัวหรอกนะ!! ไม่ๆๆ เวลาแบบนี้ฉันต้องทำไงดีเนี่ย!! ใช่ๆ ต้องกลั่นหายใจสิ ต้องกลั่นหายใจ ฮึบ! ไม่ไหวอ่าาา อากาศไม่พอ จะทำยังไงดี จะทำยังไงดี ไม่นะ! อย่าสูดเข้าไปนะ! แต่...ไม่ไหวแล้ว...ฉันสูดมันเข้าไปจนได้ อา หนังตามันหนักๆยังไงไม่รู้สิ ยาสลบใช่มั้ยเนี่ย บ้าเอ้ย  โอย ไม่ไหวแล้ว ฉันฝืนไม่ไหวแล้ว ก่อนที่ฉันจะหลับไปฉันได้ยินเสียงๆนึงพูดข้างหู

            "ขอโทษนะครับ คุณหนู"

     

           ...แล้วฉันก็ไม่รู้สึกอะไรอีกเลย...

    ........................................................................................
    หมายเหตุ
    1ทูรี่-5บาท 
    1เมอรี่-50บาท
    1เอรี่-1ร้อยบาท
    1เฮอเวลล์-1หมื่น
    1จีเวลล์-1แสน
    1โกลเวลล์-1ล้าน

    พันไม่มีจ้ะ

     

    © Tenpoints!
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×