คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Write novel :: ปาย. ..By.กุสิสรา(เจ้าหญิงกล้วยไม้)
ปาย….
ผมไม่รู้ว่าทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร….ยอมอดทนไม่หาเรื่องหาราวไม่จับผิดอะไร ปล่อยให้ความเชื่อใจลดลงไปพร้อมกับคำว่ารักที่เคยมีให้
ทุกๆครั้งที่มองแผ่นหลังหนาใหญ่นั้นจะทำให้รู้สึกอบอุ่นใจ แต่มาตอนนี้มันกลับน้อยใจกว่าสิ่งใดที่เคยพบเจอ ทุกๆอย่างเคยทำให้กันและกันบัดนี้ไม่มีอีกแล้ว
ไม่มี…
จากเคยสบตากันหวานซึ้งพูดจาหยอกเย้ากัน ในตอนนี้กลับไม่เหลือแม้เพียงใบหน้าเหลียวแลมองมีแต่ความเบื่อหน่ายเท่านั้น
สิ่งเดียวที่สามารถรับรู้ได้โดยไม่ต้องสืบเสาะหาวิธีแก้ไขหรือตัวปัญหา เพราะท่าทีแสดงใส่กันมันช่างดูห่างเหินไม่เหมือนคนรู้ใจ
เป็นเพียงอดีตที่ผ่านไป
พยายามทำให้เหมือนปกติ ปั้นรอยยิ้มจากความเศร้าให้ดูมีความสุขเพื่อ หาทางออกไม่ให้เกิดสิ่งที่ไม่ต้องการ
คือเลิกลา
เป็นผมเองที่ตามตื้อตามติดไม่ยอมถอยห่างเพื่อหวังให้สิ่งที่กระทำไปนั้น ให้เขารักดูแลคอยห่วงใยเหมือนคู่รักคนอื่นๆ
แต่เปล่าเลย ทุกๆอย่างมันช่างไร้ค่าเมื่อได้เจอกับตัวเข้าจริงๆ
แม้ทำดีเอาใจสักเพียงไหน ถึงเขาจะแสดงท่าทีเคลิ้มตามแต่ว่าพอลับหลังคงจะคอยสมเพชยิ้มเยาะ
ไม่ควรเล่นกับไฟเลยจริงๆ
ใครๆก็บอกว่าเขาพาใครต่อใครไปหามาไหนตอนผมไม่อยู่ แต่ไม่เชื่อเพราะคิดว่ายังไงไม่มีทางอยู่แล้วที่เขาจะกล้าทำกันลงคอถึงขนาดนี้
….แต่..ตอนนี้เชื่อแล้ว..
ผมไม่ได้บอกเขาว่าจะกลับมาเอาของก่อนไปทำธุระต่างจังหวัด ในใจคิดถึงและห่วงใยว่าเขาจะอยู่กินเป็นยังไงบ้างสารพัดความรู้สึกดีที่มี ให้
วันนี้ทุกอย่างถูกกระชากให้ตื่นจากความหลงโง่
รองเท้าคู่ชายหญิงถอดกันคนละทิศทางตรงประตูทางเข้าห้องนอน….ดูท่าเข้ากันได้ดีมากเสียเหลือเกิน
เสียงเร่าร้อนของทั้งคู่เรียกน้ำตาได้ดียิ่งกว่าละครรักหักมุมโหดเสียอีก
ไม่อยากคิดอีกแล้ว พอกับความหลงฉลาด
น้ำตาที่ไม่ได้ไหลออกมาทักทายสองแก้มนานจนนับครั้งได้ พอเห็นภาพทั้งคู่มันไม่ต้องสั่งและทำอะไรเลยจู่ๆมันก็ไหลออกมาจากดวงตาทั้ง สองข้างอย่างง่ายดาย
ผมรักเขาและรักมาก………หัวใจมันเจ็บเสียจนอยากจะหยุดทำงานตอนนั้น
นี่ไม่ใช่ครั้งแรก ไม่ใช่ภาพเดียวที่เห็น ถึงจะเห็นยังไงผมก็ยังเชื่อใจอยู่ แต่ครั้งนี้ไม่ไหวแล้ว
ใช่……..วันนี้ครั้งสุดท้าย
สองเท้าถอยหลังเดินกลับเบาๆ ไม่เกิดเสียงอะไรมีเพียงหยดน้ำตาอาบสองแก้มไหลรินไม่หยุดหย่อน
ผมเคยถามว่า “เขารักผมไหม” เขาตอบว่า “รักครับ” เพียงสั้นๆแค่นั้นครั้งเดียว มันคือทุกอย่างสำหรับผมแล้ว มันเหมือนทุกอย่างพลิกร้ายกลายเป็นดี
แต่…มันก็เป็นแค่เพียงคำพูดหลอกลวง คำพูดกับท่าทางกริยาไม่เหมือนกันสักนิด ถ้าหากดูมันคงไม่มีอะไรนอกจากความเบื่อหน่าย
ผมเป็นเด็กอายุน้อยกว่าเขา พอโตขึ้นมาก็เกิดหลงรักเขาโดยไม่รู้ตัวคอยตามตื้อมาตั้งแต่เขาทำงานเป็นแค่ ระดับล่างๆ เวลาผ่านไปการงานรุ่งโรจน์เขาได้เป็นถึงฝ่ายระดับสูงจนใครต่อใครนับหน้าถือ หน้า ได้รู้จักคนมากมายหลายพักพวก ทั้งหญิงสาวหน้าตาจิ้มลิ้มกับเลขาสาวผู้เร้าร้อน
ทุกๆคนคิดว่าผมมองไม่ออก เพราะผมทำตีหน้าคิดไม่ถึงทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้….
แต่ข้างในมันเจ็บแสบแสนทรมาณ
ผมยังเคยคิดเลยว่าตอนที่เขายังเป็นแค่ระดับล่าง ตอนทำงานอะไรผิดพลาดใครเป็นคนปลอบและให้กำลังใจดูแลเอาใจใส่คอยเติมเต็มความ สุขกายและใจให้เขาได้มีกำลังสู้กับงาน
เหอะ..อย่าหาว่าผมทวงบุญคุณเลยแต่มันอยากพูดอยากระบายอยากได้คนที่ผมรักคืน
ไม่เอาอีกแล้ว…เจ็บเกินจะทนไหวแล้ว…ถ้าเกิดได้เป็นพี่เขาสักวันและให้เขามาเป็นตัวผม….ผมคิดว่าผมจะเป็นคนรักที่ดีได้มากกว่าพี่เขา
อยากกอดร่างใหญ่นั้นอีกครั้ง อยากซบลงที่หน้าอกกว้าง ให้หัวใจได้ชื่นใจ แต่มันคงไม่มีอีกแล้ว..
ทุกอย่างๆที่คอยดูแลเอาใจใส่ทั้งกวาดบ้านล้างจานรีดผ้าทำกับข้าวเหมือนแม่บ้านโง่ๆที่โดนหลอกใช้ไปวันๆ คอยดูแลยามเจ็บไข้
แต่ไม่คิดว่าจะโดนหลอกได้ถึงเพียงนี้
ไม่สิ อาจจะเป็นที่ผมให้ความสุขทางกายไม่เพียงพอกับความต้องการของพี่เขา
แม้แต่เพื่อนที่คบกันมาหลายปีก็เคยมีอะไรกับพี่เขาแบบหน้าตาเฉย…
จบกันที่กับความ..ไม่ซื่อตรงเพราะเพียงแค่ใคร่เพียงคำเดียว
ผมหยิบของตัวเองที่มีอยู่ที่นั้นออกมาเท่าที่จะหยิบออกติดตัวมาได้มากเท่ามากที่สุดโดยเขาทั้งสองไม่รู้ตัว
อย่าพูดให้ดูมากเลย…แค่กระเป๋าตังกับโทรศัพท์มือถือ
อาจจะเป็นครั้งแรกก็ได้มั้ง ที่การตัดสินใจครั้งนี้มันจะเริ่มต้นชีวิตของผมดีขึ้น…
หลังจากนั้น 1 สัปดาห์
ผมไม่ติดต่อใครเลยแม้กระทั่งพ่อแม่ เปิดโทรศัพท์ทิ้งไว้แต่ไม่รับสาย ปล่อยไว้จนมันเลิกร้องไปเอง
บรรยายกาศตอนฝนตกในขณะฟ้าสว่างแบบนี้มันทำให้ผม เข้าใจความรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกจริงๆ ออกมาอยู่ตัวคนเดียว จากที่เมื่อก่อนจะต้องหลบหลังพี่เขาตลอดบวกความคิดถึงมากมายที่มีให้พี่เขา
ผมเดินลงมาซื้อของกินข้างล่างโดยต้องเดินผ่านร้านใหญ่ๆ ร้านหนึ่งซึ่งจะมากินกับพี่เขาบ่อยๆในเวลาที่งานของพี่เขามีปัญหาเราจะมา ปรับความเข้าใจกันที่นี้
มองดูร้านอย่างสลดใจ แลตามองโต๊ะนั่งประจำก็ต้องตกใจแทบสิ้นสติเพราะคนที่ผมคิดถึงเมื่อกี้นั่ง อยู่กับเลขาแสนเร้าร้อนพร้อมพลางพูดคุยกันอย่างมีความสุขโอบกอดและเล้าโลม กันแบบไม่อายใคร
ไม่เคยคิดมาก่อนว่ามันยิ่งตอกย้ำซ้ำเติมเข้าไปอีกว่าสิ่งที่ผมคิดคำว่ารักที่ได้จากเขามันไม่เคยมีจริงอยู่ในโลกใบนี้
สองเท้าแทบจะล้มทั้งยืนแต่ตาก็อยากเฝ้ามองดูว่าถ้าพี่เขาเห็นผมยืนมองเขาแบบจังๆจะเป็นเช่นไร
นานพอดูที่สองร่างนั้นหยอกเย้าเซ้าซี้กันอย่างกับคู่รักผัวเมีย…
พี่เขาหันหน้ามาแบบจะแลดูวิวนอกร้านเกิดชะงัก เจอผมยืนถือร่มมองตาไม่กระพริบพร้อมใบหน้ายิ้มทั้งน้ำตา
เขาเรียกชื่อผม..ก่อนทำหน้าอึ้ง
“ปาย” ไม่ได้ยินเสียงแต่ก็รู้ว่าเขาเรียกชื่อผม
ดูเหมือนทุกอย่างกำลังย่ำแย่ลงไปเรื่อยๆ เขาทำท่ากระอึกกระอักนิดหน่อยแต่ก็ยังคงมาดสุภาพบุรุษทำนิ่งๆราวไม่มีสิ่งใดผิดปกติ
ไม่แคร์กันเลยจริง ไม่มีแม้แต่เสี้ยวความความสงสารที่มีให้กับผม
เข้าใจ เข้าใจแล้ว…การถูกทรยศมันเป็นยังไง
สองมือเดินออกจากบริเวณหน้าร้านและรีบเดินไปที่อื่น ให้พ้นๆภาพที่ทำให้เสียใจ ไม่รู้จะเดินไปที่ใดใจมันเหม่อลอยอย่างกับคนบ้าสิ้นสติหาบ้านตัวเองไม่เจอ
ชิวิตบัดสบจริงๆ….*
….วันนี้มันจะไม่ใช่วันของปายผู้นี้แต่วันหน้าปายจะขอยืนอยู่ด้วยตัวเองโดยไม่ง้อใครแบบเดิมอีกแล้ว
3 ผ่านไป
โทรศัพท์มือถือโทรมาไม่หยุดหย่อนจากผู้ชายที่ทำให้ผมรับรสรู้ซึ้งถึงความเจ็บปวดและทรมณแสนสาหัส
พี่กร..
ชายใบหน้าหล่อหุ่นบึกใหญ่มีกล้ามเป็นมัดๆดวงตาคมกริบดุจสุนัขจิ้งจอกคิ้วเข้มออกแววเจ้าเล่ห์น้ำเสียงปานเทพบุตร
ตอนแรกที่รับก็คิดว่าพี่เขาตั้งใจโทรมาง้อแต่ก็เป็นเพียงเสียง การมีเพศสัมพันธ์ของเขาและสาวเลขาผู้เร้าร้อน
พอกดรับเท่านั้นทั้งเสียงและทุกๆคำพูดที่พี่กรมีแง่คิดแก่ผมในหลายเรื่องได้ ถูกเปิดเผยมาหมดว่าอยู่กับผมเพราะอะไร เจ็บใจอยู่อย่างเดียวคือ
“หลอกใช้เหมือนขี้ข้าคอยเฝ้าบ้านแค่นั้นเอง ฮาๆ”
มั่นใจทั้งน้ำตาว่าเขาไม่ได้เมาและไม่ได้มีการวางแผนอะไรทั้งสิ้น….
ทุกอย่างที่คิดทุกอย่างที่คาดเดามันถูกต้องหมดเลย..
ครั้งที่สองตอนรับเลขาสาว
คราวนี้เป็นสาวเลขาผู้เร้าร้อนโทรมา พูดให้ผมได้เข้าใจ..
“ฮะโหล นี่ใครจ๊ะ” น้ำเสียงเล็กๆ พูดเอ่ยถามตอนผมรับ
“ปายครับ โทรมามีอะไรหรือป่าว” ไม่อยากจะคุยแต่ก็ รู้ว่าเบอร์ที่โทรมาเป็นเบอร์ของพี่กร
“ฟังนะ” จู่ๆ เขาก็ให้ฟัง….
“พี่กร รักอุ้มใช่ไหมคะ” เสียงหญิงสาวพูดพร้อมกับการ จุ๊บแก้ม จ๊วบๆ ให้ได้ยินแทรกเข้ามาในมือถือ
“ครับ รักที่สุดเลยเมียจ๋า” … จับใจความได้ทุกๆคำจริงๆ เสียงยังปกติเหมือนพูดกับผม
“เข้าใจแล้วนะ คะ” เธอพูดก่อนวางสายไป ทิ้งให้ผมดวงตามืดมัวอย่างฟ้าปิด น้ำตาไหลพรากแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ มีแต่ระงับความโกธรเอาไว้ในใจ
เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ความสามารถอย่างตัวผมไม่มีทางจะไปทำร้ายใครได้หรือทำอะไรใคร มีเพียงยอมรับความจริงและก้าวเดินต่อไปข้างหน้า
แม่ผมสอนว่าถ้าเรารักใครแล้วก็ขอให้รักให้เต็มที่ให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ถ้าเกิดหากว่ามันไม่สมหวังอย่างตั้งใจหรือผิดหวังอะไรมาก็ตาม
เราอาจจะเสียความรู้สึกไปบ้างแต่ก็ยังพอชื่นในใจว่าทุกๆอย่างที่ทำลงไป กลั่นออกมาจากใจไม่ใช่หลอกลวง,,,
แรกๆยอมรับว่าเสียใจมากแต่พอลองนึกๆดูคำสอนของแม่ทำให้ผมมีกำลังใจยืนยัดสู้ต่อไปโดยไม่คิดในแง่ลบ แต่ตรงข้ามพร้อมสู้อีกตั้งหาก
พอเจอหน้าพวกเขาทั้งคู่ผมไม่ได้สนใจอีกแล้ว เดินสวนทางกันก็แทบจะไม่มองไม่ใส่ใจไม่อะไรทั้งสิ้นหยุดทุกอย่าง
เริ่มเดินทางใหม่ก้าวใหม่ พร้อมทั้งหาความรู้ใหม่ใส่ตัวเก็บเอาบทเรียนชิ้นแพงนี้ไปปรับปรุงตัวเองเมื่อเจอรักครั้งใหม่
หลายเดือนผ่านไป….
นานๆวันเข้า ใจที่เจ็บมันก็เริ่มจะดีขึ้นมาก ผมก็เริ่มดูแลตัวเองมากขึ้นใส่ใจตัวเองหันมาเข้าอกเข้าใจตัวเอง ได้รู้จักกับพี่ข้างห้อง พูดคุยกันเรื่องต่างๆมากมายจนพูดได้ว่าเป็นเพื่อนสนิทกัน
หลายๆครั้งที่ผมไม่ต้องการให้พี่เขาช่วยอะไร แต่ก็ต้องยอมให้เขาช่วยทุกทีเพราะเขาตื้อจนผมยอมใจอ่อน ไม่ใช่เพราะผมใจง่ายหรือเหงาอะไรที่เจอใครคนใหม่รวดเร็ว
ยอมรับว่าผมรู้สึกดีกับพี่เขาจริงๆ แต่ถึงยังไงผมก็ยังทิ้งช่วงห่างระหว่างเพื่อนสนิทกับแฟนเอาไว้มากพอตัว
เพราะไม่อยากให้ตัวเองดูเป็นคนใจง่ายและอีกอย่างผมยังไม่พร้อมจะมีใครใหม่จริงๆ
…………………………
จบนะ.
BY กุลิสรา
ความคิดเห็น