คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : เพื่อนร่วมซอย
ตอนที่ 2 เพื่อนร่วมซอย
ถึงจะเข้ามาอาศัยเตียงผ้าใบ ปูผ้าขาว ระบุสถานที่อย่างเด่นชัดเพียงแค่คืนสองคืนแต่ก็พอจะจับใจคอนิสัยของ รุ่นพี่(อันที่จริงน่าจะเรียกรุ่นปู่)ที่เข้ามาจับจองพื้นที่อณาบริเวณขอบเตียงกั้นได้พอคร่าวๆเพราะแต่ละท่านนั้น อยู่มาจนรู้จักมักคุ้นกันดี พูดคุยกันเสียงดัง หัวเราะลั่น(อันนี้ขึ้นอยู่ในระดับของอาการบาดแผลว่าหายดีเพียงใด) แม้แต่พยาบาลก็ยังแวะเข้าร่วมวงสนทนาเป็นบางครั้ง จึงไม่แปลกเลยที่ผมจะซึมซับเรื่องราวของแต่ละท่านมาบ้าง อย่างกับผมมาอยู่หลายวันแล้วนั่นเอง
ผมอาศัยร่วมกับบรรดา ‘หนุ่มน้อยวัน’ ในล็อกที่สองทางซ้ายมือนับจากประตูเข้าหรือที่เรียกว่าซอยสองซ้าย ซอยนี้นับว่าเป็นซอยที่ครึกครื้นที่สุดในบรรดาแปดซอย เนื่องจากผู้เข้ารักษาอายุอานามมากกว่าผมที่เพิ่งจะ 22 หลายเท่าตัวนั้น ต้องอาศัยการพักฟื้นหลายวันจึงรู้จักกันเป็นอย่างดี ที่สำคัญบางคนโดนหมอห้ามลงจากเตียง
เมื่อคืนกว่าจะหลับลงได้ก็เล่นเอาตีห้าคราวนี้ร่างกายไม่อยากตื่นคงเป็นเพราะความเพลียทั้งคืนด้วย พยาบาลมาเปิดไฟตอนเช้าหกโมงแล้วผมก็ยังขดตัวคลุมโปงบนเตียงอย่างไม่แยแสสายตาคนรอบข้างว่า ขี้เกียจหรือขี้เซาแม้แต่น้อยยังคงหลับต่อไปเรื่อยๆข้าวเช้ามาส่งจึงเริ่มลุกขึ้นไปชำระร่างกายก่อนที่จะเริ่มนำสารอาหารมาหล่อเลี้ยงร่างกายและหลับไหลต่อไป
‘ลุงเพิ่ม’แกผ่าตัดหัวใจพักฟื้นมานานนับเดือนแล้วเวลาจะเดินไปไหนจะเดินตัวค่อมเพราะยืดตัวตรงไม่ไหวเนื่องจากปวดแผล แกมักจะขอยานอนหลับจากพยาบาลกินเสมอๆโดยอ้างว่านอนไม่หลับจากการปวดแผลบ้าง หมอเปิดไฟบ่อยบ้าง แล้วแต่เหตุผลใดจะฟังขึ้น ไม่ว่าจะเหตุผลใดแกก็จะได้รับตามคำขอเสมอ ทำให้แกหลับสบายกว่าใครเพื่อนเพราะมียาเป็นตัวช่วยแม้คนอื่นๆจะได้รับคำแนะนำจากตัวแก แต่ก็ไม่มีใครอยากจะทำตามคำบอกแกเพราะรู้ดีว่าถึงกินเข้าไปเหมือนแกไอ้ยาแก้ปวดเม็ดนั้นก็ไม่อาจทำให้หลับได้ดีอย่างแก
แกหลงเข้าใจผิดอยู่จนปัจจุบันว่า พาราฯ สีขาวเม็ดนั้นคือยานอนหลับถึงแม้ว่าพยาบาลจะนำยานอนหลับจริงมาให้แกก็จะเรียกถามหา ‘ยานอนหลับสีขาว’ของแกเสมอ เห็นเหตุการณ์อย่าง ลุงเพิ่ม แล้วทำให้นึกถึงนิทานจีนเรื่องหนึ่งที่ว่ามีหมอชาวจีนคนหนึ่งไปร่วมดื่มเหล้าที่บ้านเพื่อนซึ่งเวลานั้นเป็นเวลาพลบค่ำ จึงทำการจุดไฟในบ้านบนขื่อนั้นมีเชือกผูกห้อยอยู่ทำให้เงามันตกลงในจอกเหล้าของหมอลักษณะคล้ายงู ในขณะที่ยกกระดกเข้าคอ ก็พลันเหลือบเห็นเข้าจึงตกใจแต่ก็ไม่กล้าโวยวายจึงลากลับนับแต่นั้นเป็นต้นไปหมอคนนั้นก็ป่วยหนักเพราะคิดว่ามีงูอยู่ในตัวเอง รักษาอย่างไรก็ไม่หาย พอเพื่อนคนนั้นรู้สาเหตุเข้าก็นำมาบอกให้หมอแกฟัง แกก็หายภายในไม่กี่วัน
ชุดของโรงพยาบาลสีขาวที่ปกคลุมร่างกายเปลือยเอาไว้อย่างหลวมๆ ต่อให้ปกติเพียงใดเมื่อได้ลองสวมใส่ดูแล้วราศีคนไข้ก็จับทันที เหมือนกับเครื่องแบบทหารตำรวจลองสวมใส่เข้าไปราศีความเท่ ก็เปร่งรัศมีทันควัน อย่างเช่นผมยังไม่ได้รับการรักษาอันใดเลย ยาสักเม็ดยังไม่ได้ตกลงท้องถึงมองยังไงๆก็ปวดอยู่ดี
“หนุ่มหายดีแล้วหรือ” ลุงวันชัย เตียงตรงข้ามเอ่ยถามขณะที่ผมกลับจากการชำระร่างกาย
ผมทำหน้าเอ๋อ ก่อนจะตอบไปว่า “ยังไม่ได้ทำอะไรเลยครับ”
“อ้าว” แกอุทาน
“เห็นเดินไปไหนมาไหนได้แล้วนึกว่าจะหายแล้วที่แท้ก็ยังไม่ได้ผ่าหรอกหรือ” แกว่า
“แล้วเป็นอะไรล่ะ” แกถาม
“ผ่าตัดปอดครับ” ผมพูดให้น่ากลัวก่อน
แกทำหน้าเฉยพยักหน้ารับเหมือนเป็นเรื่องที่ธรรมดาแล้วก็ถามต่ออีกว่า
“สูบบุหรี่เหรอ”
“เปล่าครับ” ผมปฎิเสธทันที แล้วชิงตอบอีกทันทีก่อนที่จะโดนเข้าใจว่าไปยุ่งกับพวกควันๆว่า
“เอ่อ.. คือมีเส้นเลือดงอกที่ปอดน่ะครับ คือแบบว่ามันงอกเพิ่มมาอีกเส้นหนึ่งแล้วก็มัน มันก็ไปเสียบลงปอด แล้วเลือดก็ไหลลงปอดทำให้ปอดเสียจึงต้องผ่าตัดเอาเส้นเลือดที่งอกเพิ่มมมาออก แล้วก็ตัดปอดที่เสียด้วยครับ” ผมตอบตามที่หมอบอกผมมาอีกทีหนึ่งแต่ตอบแบบตะกุกตะกักไปราบเรียบเหมือนตอนที่หมอบอกผม
“แปลกเนาะเค้ามีแต่เนื้องอกแต่นี่เส้นเลือดงอก เป็นเนื้องอกหรือเปล่า” แกหาว่าผมพูดผิดอีก
ก็น่าจะหาว่าพูดผิดอยู่หรอกเพราะวันที่ผมรู้ผลว่าเป็นโรคอะไรหลังจากที่อ๊วกออกมาเป็นเลือดหลายครั้ง ยังงงๆอยู่เลย อะไรกันเส้นเลือดงอกหมอพูดผิดหรือเปล่า มาเข้าใจแจ่มแจ้งว่าไม่ผิดก็ตรงที่หมอบอกว่าเป็นโรคที่ไม่ค่อยพบนักปัจจุบันนี้ในประเทศไทยเจอแบบนี้แค่ 16 คนเท่านั้นการผ่าตัดจึงต้องปรึกษากันก่อนว่าจะเอาแบบไหนดี ด้วยสาเหตุนี้หรือเปล่าก็ไม่แน่ชัดที่ทำให้ผมต้องมานอนเฝ้าเตียงถึง สามวันสามคืน
วันนั้นหมออธิบายว่าธรรมดาคนเราจะมีเส้นเลือดให้ส่งเลือดไปเลี้ยงปอดหนึ่งเส้นโดยจะปักที่อยู่ที่ขั้วปอดแล้วมีเส้นเลือดฝอยเป็นตัวส่งเลือดไปเลี้ยงแทน แต่กรณีผมมันเกินมาเส้นหนึ่งและเส้นนี้มันไม่มีเส้นเลือดฝอยมันจึงไหลโดยตรงเข้าปอดไปเลย เปรียบเสมือนการเปิดก๊อกน้ำแรงๆใส่ฟองน้ำนานๆเข้าฟองน้ำก็จะเสียและเก็บน้ำไม่อยู่จึงทะลักออกมาเป็นเลือดอย่างอาการที่ผมเป็นอยู่นี้
“แล้วผ่าวันไหนล่ะ” แกถามอีก
“พรุ่งนี้ครับ”
“เออ งั้นวันนี้กินให้เยอะๆนะเดี๋ยวคืนนี้ก็อดข้าวแล้ว” แกแนะนำอย่างผู้เชี่ยวชาญ
“เอ้ากินข้าวได้แล้วหนุ่ม” แกชวนกินข้าวเช้าขณะที่แกเปิดสำหรับมองดูกับ
ธรรมมดาอาหารของคนป่วยจะเป็นถาดหลุมมาแต่สำหรับของ ‘ลุงวันชัย’มาเป็นสำรับตลอดมาทราบทีหลังว่าแกสั่งเป็นอาหารพิเศษและทราบมาอีกว่าแกเคยมานอนพักในซอยสองแล้วครั้งหนึ่งเนื่องจากว่าห้องพิเศษเต็มแกจึงมานอนคอยอยู่ที่นี่ก่อนก็ทราบมาว่านานพอสมควรจนรู้จักสนิทกับเพื่อนๆร่วมซอย แล้วแกก็ไปเมื่อห้องพิเศษว่างลง และกลับมาอีกครั้งเพราะอาการเหงา
อาหารเช้าไม่ว่าจะพิเศษหรือปกติก็หนีไม่พ้นข้าวต้มจะต่างกันบางวันกุ้ยบางวันก็ทรงเครื่องเท่านั้นแต่อย่างไรก็ตามแต่พิเศษก็ต้องเหนือกว่าคนอื่นวันยังค่ำถึงจะเป็นข้าวต้มก็ต้องมีเครื่องเคียงที่เหนือกว่าอยู่ดีไม่ว่าจะเป็นผลไม้ กับข้าวที่ดีกว่า สำหรับผมแล้วแบบไหนก็ไม่เกี่ยงขอให้หนักท้องเอาไว้ก่อนเป็นพอ
มื้อเช้าไม่ค่อยมีอะไรพิเศษนักแต่พอเที่ยงกับเย็นการแบ่งปันอาหารก็เริ่มขึ้น ‘ลุงวันชัย’แกมีกับข้าวพิเศษ ‘ลุงเอื้อ’เตียงเยื้องกับกับผมถัดจาก ลุงวันชัย สองคนแกสนิทกันเพราะอยู่มาไม่ต่ำกว่าสองเดือนแล้วผ่าตัดขาทั้งคู่ แต่ต่างสาเหตุกัน ลุงวันชัยผ่าเพราะโรคเบาหวาน ส่วนลุงเอื้อ เพราะเส้นเลือดตีบตันเนื่องจากนิโคตินไปอุดเส้นเลือด
“ทีแรกไม่เชื่อนะว่าบุหรี่จะทำให้เส้นเลือดตีบ” แกว่าพลางลูบขาตัวเองตอนก่อนมื้อเที่ยงจะมา แล้วหยุดพูดเพื่อหวังให้คนรอบข้างสนใจและมันก็เป็นผล ต่างคนต่างเพ่งตาไปที่แก
“แต่พอกลับบ้านไปลองสูบดูมันแปล็บ!ไปตามเส้นเลือดสุดปลายเท้าเลย ตั้งแต่นั้นผมทิ้งทันที” แกหยุดแป็บก่อนจะเอ่ยว่า “แล้วก็กลับมาที่นี่อีกครั้ง”
“แล้วจะสูบอีกไหมล่ะ” พยาบาลสาวเอ่ยถามขณะที่เดินผ่านมาพอดี
แกยิ้มสั่นหัว
ลุงเอื้อ และลุงวันชัย แบ่งปันอาหารกันเสมอ จึงทำให้ทั้งคู่รู้สึกจะเจริญอาหารมากกว่าใครเพื่อน บางครั้งผมก็ได้รับส่วนร่วมเช่นเดียวกันเนื่องด้วยความอาวุโสน้อยสุดในซอย
ลุงเอื้อกับลุงวันชัยเข้ามาจับจองพื้นที่นานกว่าใครในซอยและอาการเหมือนกันแต่ต่างสาเหตุ ลุงเอื้อสามารถเดินไปไหนมาไหนได้ตามสบาย ส่วนลุงวันชัยถูกกักบริเวณเพียงในขอบเตียงกั้นแคบๆห้ามลงไปไหน โดยมีข้อความสีแดงบนหัวเตียงอ่านได้ใจความว่า ‘ห้ามงอขาขวาและลงจากเตียง’ทั้งๆที่ลุงวันชัย แกก็สามารถเดินได้เช่นเดียวกันกับลุงเอื้อแต่ทว่าแกเกิดลื่นล้มตอนลงจากเตียงเข้ครั้งหนึ่งจึงโดนขังเดี่ยวไปในที่สุด
เมื่อแกไม่สามารถลงจากเตียงได้ธุระทุกอย่างจึงตกลงที่พยาบาลสาวผู้เปี่ยมไปด้วยเมตตาจิต ไม่ว่าจะถ่ายหนักถ่ายเบา ตลอดจนการชำระร่างกายเช็ดเนื้อเช็ดตัวพยาบาลก็รับผิดชอบทั้งสิ้นไม่ต่างอะไรกับเลี้ยงลูกตัวเอง แถมลุงวันชัย ยังเรียกใช้อยู่บ่อยๆ แต่ความรำคาญของพยาบาลก็ไม่เคยเกิดขึ้นเลย หลังจากที่ผมได้รับการผ่าตัดแล้วผมก็ประสบปัญหาเหมือนกับลุงวันชัยคือลงจากเตียงไม่ได้เป็นเวลาถึง 5 วันแต่ผมไม่ได้ถูกห้ามแต่เป็นเพราะว่าสายระโยงรยางยึดเหนี่ยวไว้ เรื่องถ่ายเบาพยาบาลก็รับหน้าที่ไป แต่ถ่ายหนักไม่เคยเกิดกับผมเลยเพราะเพียงแค่คิดว่าจะต้องถ่ายบนเตียงที่มีผู้คนรอบข้างอยู่หลายต่อหลายคน ก็พลันเกิดอาการ ‘ขี้หดตดหาย’ทันที
“หนักกว่าเลี้ยงลูกตัวเองอีกเนาะหมอเนาะ” ลุงวันชัย พูดลอยๆกับพยาบาลขณะมาฉีดยาให้ตอนเย็น
พยาบาลยิ้มให้
“ต้องเช็ดขี้เช็ดเยี่ยวให้ไม่ใช่ญาติแท้”
“มันเป็นหน้าที่ค่ะ” พยาบาลตอบ
เหมือนกับอยากคุยต่อเธอไม่ยอมเดินออกไปแต่ยืนถามอาการคนไข้รอบๆไม่เว้นแม้แต่ผม
“ผ่าวันไหนน่ะเธอ”
“พรุ่งนี้ครับ” ผมตอบ
“หมอพรุ่งนี้ผมขอลองเดินดูบ้างนะกลัวเดินไม่เป็น ไม่ต้องห่วงผมแข็งแรงดีผมรู้ตัวเอง” ลุงวันชัยอ้อนพยาบาล
“ยังหรอกต้องให้หมออนุญาตก่อน” เธอตอบ
“หมอรู้ไหมเดี่ยวนี้คนเรามีสิทธิ์จะตายได้แล้วนะ” ลุงวันชัยว่า แล้วมองหน้าพยาบาลสาวก่อนพูดว่า
“ผมก็มีสิทธิ์ที่จะเดินแล้วก็ล้ม” ลุงวันชัยอธิบายด้วยน้ำเสียงแบบหยอกๆ
พยาบาลไม่ตอบอะไรเพราะกำลังเก็บเข็มและกระบอกฉีดยาที่ใช้แล้วลงถุง
“ให้ผมเดินบ้างเถอะ ผมก็มีสิทธิ์ที่จะตายได้นะ”
“ใช่ตายได้แต่ต้องไม่ใช่ที่นี่” เธฮตอบแล้วเดินจากไป
***
ความคิดเห็น