คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : นอนไม่หลับ
นอนไม่หลับ
มันเป็นคืนที่สองสำหรับ ผม ที่นอนไม่หลับ ถึงแม้ว่าจะเริ่มเอนกายให้ขนานกับเบาะเป็นเวลาเที่ยงคืนเข้าไปแล้ว ใช้เวลาครึ่งแรกของยามวิกาลให้หมดไปกับการอ่านหนังสือ เพื่อหวังความเมื่อยล้าของสายตาและท่านั่งนอน ก็ยังไม่อาจใช้เวลาครึ่งคืนหลังเป็นช่วงของการหลับใหลได้ ผมนอนพลิกตัวไปมา เบิกตากว้างในแสงสลัวจิตใจจินตนาการไปอย่างไม่หยุดหย่อน ไหลไปดังสายน้ำและนาฬิกา ฟุ้งกระเจิงจนเกือบล้นหัวออกมา
“พุทธ โธ พุทธ โธ พุทธ - โธ”
ผมท่อง พุทธ โธ พร้อมกับหายใจเข้าออกลึกๆเพราะมันมักจะได้ผลในตอนที่นอนไม่หลับ แต่ในครั้งนี้ ไม่ว่าจะท่องกี่ร้อยกี่พันจบ ผมก็ยังเบิกตากว้างอยู่อย่างนั้น มองฝ้าเพดานสีเทาขุ่นเนื่องจากแสงไฟอันน้อยนิด แต่ยังสามารถมองเห็นหลอดไฟ นีออน ได้ชัดทุกดวง ผมเริ่มนับจากซ้ายมือเบาๆ
“หนึ่ง สอง สาม สี่”
‘สี่ดวง’ นับทวนกลับจากขวามาซ้ายก็แล้ว ก็ยังไม่หลับถ้าเป็นวันธรรมดา ผมมักจะลุกขึ้นมาเปิดคอมพิวเตอร์ ตัวเก่าบนเก้าอี้ญี่ปุ่นเล็กๆ แล้วเลือกเกมส์โปรดขึ้นมาเล่น ร่างกายทนไม่ไหวก็จะพล่อยหลับไปหน้าคอมพิวเตอร์นั่นเอง แต่คืนนี้ได้แค่นอนคิดถึงห้องนอน นึกถึงคอมพิวเตอร์ตัวนั้นหากตอนนี้ผมอยู่ที่นั่น คงไม่กังวลเรื่องนอนไม่หลับในคืนนี้
พลิกตัวช้าๆอีกครั้งมองดูผู้ป่วยเตียงใกล้ๆนอนหลับกันอย่างสบาย หลายคนนอนอยู่ท่านั้นมาตั้งแต่เมื่อกลางวันปัจจุบัน ‘ตีสอง’ก็ยังคงสภาพอยู่เช่นนั้น บางเตียงลุกขึ้นมานั่งเกาะขอบกั้นเตียงสายตามองออกไปนอกหน้าต่างในหัวรู้สึกเหมือนกับไม่ได้คิดอะไรเมื่อยแล้วก็ล้มตัวลงนอน บางคนนอนคุดคู้อย่างไม่รับรู้ว่ายังมีอีกคนหนึ่งที่ยังไม่หลับแต่ด้วยความจำเจผมก็เริ่มอ่อนล้าและม่อยหลับลงไปแต่กว่า จะขับตาหลับได้ก็เกือบตีสองกว่าเข้าไปแล้ว
หลับลงได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ก็ต้องสะดุ้งตื่นเมื่อรู้สึกเหมือนมีมือนุ่มมาสะกิดเบาๆข้างแขน ผมเริ่มเปิดตาอย่างช้าๆ ปรากฏร่างหญิงสาวรูปร่างบอบบางใบหน้าซีดเซียวเข้ากับชุดสีขาวอย่างกับเป็นสีเดียวกัน ทำเอาถึงกับนิ่งทำอะไรไม่ถูก ร่างนั้นค่อยๆเผยิอริมฝีปากออกช้าๆเป็นรอยยิ้มให้และพูดว่า
“คุณ อนุสรณ์ วัดไข้ค่ะ”
ผมจึงยื่นมือไปรับปรอทวัดไข้ตามคำเชิญชวนจากพยาบาลสาวทันทีที่สิ้นสุดคำพูด พลันสายตาเริ่มปรับสภาพจากการเบลอเริ่มเห็นหน้าอันสดใสของพยาบาลสาวชัดเจนขึ้น เริ่มเปิดปากจะทักหน่อยแต่ก็ต้องยกเลิกไปเพราะว่าคิดไม่ออกว่าจะเริ่มยังไงดีจนเธอ ก้าวย่างไปสะกิดเตียงข้างๆต่อไป
ยังไม่ทันที่ พยาบาลจะมารับปรอทคืนไป พยาบาลอีกคนก็เดินเข้ามาแต่คราวนี้เธอเดินเข้ามาด้วยรัสมีเจิดจ้า จนทำให้ รู้สึกแสบตาไปหมดเพราะว่าเธอเปิดไฟมาด้วย
“วัดความดันหน่อยค่ะ”
เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงสดใสในขณะที่เป็นเวลาดึกมากแล้วทำให้ อดคิดไม่ได้ว่าพยาบาลเหล่านี้ไม่เพลียกันบ้างหรือ
“อ้อ! ขอปรอทด้วย” เธอหันกลับมาพูดในขณะที่กำลังจะจากไปอีกเตียงหนึ่ง
คนไข้ทุกคนตื่นเพราะการปลุกโดยไม่ตั้งใจของพยาบาลที่ทำตามหน้าที่ประจำและทุกคนยกเว้นตัวผม หลับลงไปอีกเมื่อไฟเริ่มดับลง
คงเป็นเพราะคนไข้เตียงอื่นๆได้รับทั้งยาแก้ปวด ยานอนหลับจึงทำให้หลับง่ายกว่าสภาพแวดล้อมก็ล้วนแต่เป็นผู้ป่วยที่ผิวหนังเหี่ยวย่นกันแทบทั้งสิ้นจึงทำให้ไม่คุ้นเคย ถึงแม้ว่าเป็นการนอนบนเตียงของโรงพยาบาลเป็นคืนที่สองแล้วแต่ผมก็ยังไม่ได้รับยาเลยแม้แต่เม็ดเดียว ประกอบกับห้องที่ นอนอยู่นั้นเป็นห้อง ศัลยกรรมชาย ซึ่งเป็นห้องพักฟื้นของคนที่รับการผ่าตัดมา มันเป็นห้องที่ให้คนที่ยังไม่ผ่าตัดแต่ต้องผ่าตัดแน่นอนในสองสามวันนี้ มานอนปรับสภาพความเคยชินและสังเกตุการณ์เสียก่อน ด้วยเหตุนี้คนไข้คนอื่นจึงหลับกันง่ายเหลือเกินเพราะเมื่อปวดแผลก็ได้รับยาแก้ปวดด้วยฤทธิยาก็หลับไป บางคนปวดแผลจนหลับไปก็มี และต่างคนต่างเคยชินกับเตียงเพราะการพักฟื้นการผ่าตัดของผู้ค่อนข้างสูงอายุนั้นต้องใช้เวลามาก ดังนั้นคนไข้แต่ละคนต้องครอบครองเตียงของตัวเองไม่ต่ำกว่าคนละ 2 สัปดาห์ แต่สำหรับคนซึ่งยังปกติอยู่อย่าง ผมย่อมทำให้หลับยากยิ่งขึ้น และที่สำคัญคือคงเป็นเพราะว่าการนอนผิดที่ด้วยเช่นกัน
ผมต้องมานอนก่อนหน้าวันผ่าตัดถึงสามวัน ส่วนนี่วันที่สอง ผมก็ได้เพียงนั่งเล่น นอนเล่น กินก็เล่น อ่านหนังสือจบเล่มแล้วเล่มเล่า ไล่ไปตั้งแต่นิตยสารไปจนถึงหนังสือธรรมมะที่ทางโรงพยาบาลจัดเตรียมไว้ให้ล้วนผ่านสายตามาหมดแล้วหากว่าจะจัดรายการแฟนพันธุ์แท้ เรื่องหนังสือบริการโรงพยาบาลที่หนึ่งคงไม่แคล้วคลาดแน่แท้
คืนนี้ก็เหมือนคืนก่อนหน้า ผมเริ่มล้มตัวลงนอนหลังอ่านหนังสือจบไปห้าทุ่มกว่าค่อนไปทางเที่ยงคืน เมื่อเอนกายพยาบาลก็เริ่มปิดไฟตามทางเดินและเตียงต่างๆที่ค้างอยู่เนื่องจากว่า ผมนั้นเป็นคนนอนทีหลังในสำหรับความคิดของผม ผมว่าก็ยังดีที่ไม่มีการมากำหนดเวลานอนของคนไข้ไม่งั้นคงเครียดเพราะการนอนไม่หลับมากกว่าเครียดเรื่องการผ่าตัดอย่างแน่นอน
ได้เพียงแต่นอนถอนหายใจยาวๆหลายๆครั้ง ตีสาม ทุกอย่างเริ่มค่อยๆเงียบสงบลงอีกครั้ง แต่ทว่าในหัวยังคงวุ่นวายทั้งเสียงและเหตุการณ์ต่างๆขึ้นเรื่อยๆจนไม่อาจข่มตาหลับลงได้ อีก
“แกะตัวที่หนึ่ง แกะตัวที่สอง....แกะตัวที่สิบ” ผมเริ่มใช้วิธีที่เคยได้ฟังมาตั้งแต่จำความได้
แต่ยิ่งนับก็เหมือนกับการไล่ต้อนฝูงแกะให้มันเข้าไปเลาะเล็มหญ้าในสมอง เริ่มรู้สึกว่าสมองค่อยๆขาด อ๊อกซิเจนไปหล่อเลี้ยงเพราะว่าฝูงแกะจำนวนหลายสิบตัวที่เข้าไปเลาะเล็มหญ้าหรือขี้เลื่อยอะไรก็แล้วแต่นั้น มันมาแย่งอากาศกันหายใจจนทำให้ อ๊อกซิเจนในสมองน้อยลงหนำซ้ำมันยังถ่ายรดเรี่ยราดลงในหัว จนทำให้รู้สึกว่าก๊าซ ‘มีเทน’เริ่มแผ่ฝุ้ง
กระจายทั่วรอยหยักของสมองหนักหัวยิ่งขึ้น ไม่ได้การละผมสะบัดหัวไล่ฝูงแกะนั้นทันที ฝูงแกะตกใจกระโดดหนีหายไปจนหมด เริ่มปรอดโปร่งในสมอง หายใจสะดวก หัวใจเต้นเร็วเพราะความดีใจที่สามารถไล่ฝูงแกะไปได้ เลือดสูบฉีดไปทั่วร่าง ความสดชื่นกลับขึ้นมาอีกครั้งและหลับไม่ลงอีกครา
เริ่มคิดว่าบางทีหากใช้วิธีคิด ทำให้ใจคิดไปเองว่ากำลังหลับ นอนบนเตียงที่สบายอาจจะหลับไปเองก็ได้เช่นเดียวกัน เหมือนอย่างพระ ลามะ ของทิเบต สามารถนอนบนหิมะได้เป็นคืนๆโดยไม่สวมเครื่องกันหนาวใดๆเลยแม้แต่น้อย เพราะว่าพระเหล่านั้นใช้วิธีฝึกจิตใจนั่นเอง ผมยิ้มในใจคราวนี้จะลองทำอย่างพระ ทิเบต บ้างถึงจะไม่รู้หลักเท่าใดแต่จากสาระคดีที่ดูมาอาจจจะช่วยได้บ้าง
ไม่รอช้าผมคิดว่าหลับพยายามไม่คิดสิ่งใดเลยนอกเหนือจากเตียงคิดเพียงอย่างเดียวว่า หลับ หลับ หลับ จนกลายเป็นท่องหลับ หลับ อยู่ในใจอย่างนั้นจนเพี้ยนออกมาเป็น พุทธ โธ พุทธ โธ อีกครั้งหนึ่งผมเบิกตาโพรน แล้วหลับตาลงอีกตามเดิม ภาวนาใหม่ หลับ หลับ หลับยานอนหลับต้องหลับแน่
“เออ!” ผมอุทานเบาๆ
“ทำยังไงถึงจะได้กินยานอนหลับ”ผมพึมพำ
ตะแคงตัวไปทางเตียงของ ‘ลุงเพิ่ม’ ผู้ปวดโรคหัวใจซึ่งขณะนี้กำลังนอนหลับสบาย มองดูแกหลับอย่างเงียบๆ ‘ลุงเพิ่ม’ มักจะขอยานอนหลับจากพยาบาลเสมอโดยอ้างว่าปวดแผลแล้วทำให้นอนไม่หลับอีกทั้งวัย หกสิบหกของแกก็เป็นอุปสรรคในการหลับเหลือเกิน และแกก็จะได้รับยามาทุกครั้งที่แกขอเช่นเดียวกัน คืนนี้ก็เหมือนคืนก่อนๆจนแกโดนพยาบาลบ่นประจำ ผมยังจำได้ดีถึงเหตุการณ์เมื่อตกเย็นขณะที่ ‘ลุงเพิ่ม’ ขอยานอนหลับกับพยาบาลสาวด้วยวาจาที่อ่อนหวานถึงจะโดนบ่นอย่างไรก็ยังทนขออยู่จนกว่าจะได้
“หมอๆ(ไม่ว่าพยาบาลหรือผู้ช่วยหรือใครก็ตามที่ทำการดูแลคนไข้ถูกเหมาเป็นหมอทั้งสิ้น) คืนนี้ขอยานอนหลับด้วยนะเมื่อคืนไม่ได้ให้ นอนไม่ค่อยหลับเลย”
“ไม่หลับอะไรเห็นหลับปุ๋ยทุกคืน” พยาบาลหยอก
“ไม่หลับจริงๆ แค่หลับตาเฉยๆ” แกยังพยายามต่อ
“กินยานอนหลับมากๆไม่ดีนะ” พยาบาลเตือน
“มันนอนไม่หลับจริงๆ” แกอ้อน
“อือๆ” พยาบาลรับปาก
สักครู่ใหญ่ๆพยาบาลก็กลับมาใหม่พร้อมยานอนหลับสีฟ้าครึ่งเม็ดยื่นให้แก
“อ้าว! ทำไมไม่ใช่สีขาวเปลี่ยนยาใหม่หรือแบบนี้จะหลับดีเหมือนยาก่อนๆไหมล่ะเนี่ยแบบเก่าหมดแล้วหรือหมอ”
“อ๋อเอาแบบเดิมหรือ มีๆเดี๋ยวนะไปเปลี่ยนมาให้”พยาบาลตามใจ
พยาบาลหายไปอีกครั้งทีนี้ ‘ลุงเพิ่ม’แกลุกไปเข้าห้องน้ำในขณะที่ พยาบาลสาวใจดีเดินย้อนกลับมาพร้อมยานอนหลับสีขาวในแก้วยาเล็กหนึ่งเม็ด แล้ววางไว้ที่เตียงของแก พร้อมกับถาม ผม ว่าแกไปไหน
เมื่อได้รับคำตอบจากผม พยาบาลสาวคนนั้นเริ่มจะหันหลังก้าวกลับไปที่เดิมแต่บังเอิญเหลียวมองเห็น ผมกำลังทำหน้าสงสัยเหมือนจะเอ่ยปากพูดอะไรบางอย่างเธอก็ชะงักหยุดสักครู่แล้วยิ้มให้กับพร้อมถามว่า
“เมื่อคืนนอนหลับไหมจ๊ะ”
ผมยิ้มให้แล้วสั่นหัวเป็นคำตอบ
“เอาด้วยไหม” พยาบาลสาวถามอีกครั้ง
ไม่ทันได้ตอบอะไรพยาบาลสาวก็รีบพูดขึ้นมาอีกว่า
“ยาแก้ปวดน่ะ” แล้วเธอก็เดินยิ้มไป
*****
ความคิดเห็น