ลำดับตอนที่ #5
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : สาวร้านยำ...ยำเปรี้ยวปาก
5 โมงเย็น
ปภาวีลงมาจาก  sonic  สีเหลืองคันเท่ห์ซึ่งมีนายแบงค์ผู้เป็นสารถีขับมาส่ง  ณ  ที่ทำงานพิเศษในเย็นนี้
“ ขอบใจมากนะเพื่อน  แล้วอย่าลืมมารับล่ะ  ขืนมัวแต่ป้อสาวเพลินจนลืมเพื่อนนะแก....หึหึ” หญิงสาวไม่พูดต่อ  แต่ทำท่าเอานิ้วชี้ปาดคอ  แล้วยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ให้เพื่อน
“ เออ...รู้แล้วน่า  5 ทุ่มใช่ป่ะ    งั้นชั้นไปก่อนนะ  มีธุระ  เดี๋ยวไม่ทัน”
“ ค๊า!..รีบๆไปเถอะเจ้าค่ะ  เดี๋ยวน้องพริมเค้ารอนาน  พาลบอกเลิกแกเป็นรายที่ 2 ติดต่อกัน  555” พูดจบก็เดินเข้าไปในร้าน  ....ปล่อยให้นายแบงค์ยืนเข่นเขี้ยวในคำอวยพรของเพื่อนสาว
.........................
“ หวัดดีค๊า...พี่อ้อม  สาวเสริฟ์ร้านยำมารายงานตัวค่ะ  มีอะไรให้เปรียวช่วยไหมคะ”
“ แหม  มาเร็วทันใจจริงนะเรา    งั้นเปรียวช่วยเอาเมนูยำไปไว้ตามโต๊ะหน่อย  แล้วกลับมาช่วยพี่หั่นผักทีนะ  วันนี้ลูกค้าเข้าร้านเร็วจัง    ไม่ทันถึง 5 โมงครึ่ง ก็เกือบจะ 10โต๊ะ แล้ว”
“ ได้ค่ะ  รอแป๊บนึงนะคะ” พูดจบหญิงสาวก็หันไปคว้าเอาผ้ากันเปื้อนสีฟ้าสวยมาสวม  แล้วคว้าเมนูยำที่อยู่ในตะกร้าไปใส่ในกระบอกไม้ไผ่ ซึ่งเป็นที่ใส่เมนูทั้งของร้านยำและร้านนม
................................
‘ยำเปรี้ยวปาก’ เป็นชื่อร้านยำซึ่งปภาวีทำงานอยู่    ตัวร้านยำนั้นเป็นซุ้มเรือนไทย  ขนาดไม่ใหญ่โตมากนัก  การตกแต่งก็ออกเป็นแนวไทยๆ เกือบทั้งหมด  ร้านยำจะอยู่ในบริเวณเดียวกับ  ร้านนม “ ต้นข้าว” ซึ่งเจ้าของทั้งสองร้านนี้เป็นเค้าเป็นหุ้นส่วนกันอยู่  และอีกไม่นานก็จะกลายมาเป็นหุ้นส่วนชีวิตกันอีกด้วย  ดังนั้นโต๊ะทุกโต๊ะจึงมีเมนูทั้งในส่วนของร้านยำและร้านนมอยู่ด้วยกัน  ประมาณว่ามาที่นี่ไม่กินนม  ก็กินยำ  ไม่งั้นก็ทานอาหารตามสั่ง  ทางร้านก็มีไว้บริการให้
เป็นเวลากว่า 2 ปี  กับ อีก 2 เดือน ที่ปภาวีได้เข้ามาทำงานในที่แห่งนี้    หญิงสาวคุ้นเคยกับทุกคนทั้งร้านยำและร้านนมเป็นอย่างดีราวกับเป็นคนครอบครัวเดียวกัน  ไม่ว่าจะเป็น
‘ พี่ตั้ม’  ชายหนุ่มรูปร่างอุดมสมบูรณ์( ไปนิดนึง) ผู้มีอารมณ์ขันอย่างร้ายกาจ  ที่ทำให้คนรอบข้างไม่สามารถหุบยิ้มได้  เจ้าของร้านนม  ‘ ต้นข้าว’
‘ พี่อ้อม’  หญิงสาวร่างเล็ก แต่ใจไม่เล็กตาม  ออกแนวพริกขี้หนูซะงั้น  เจ้าของร้านยำ ‘ยำเปรี้ยวปาก’
‘ A  ,  O  และ U ’  สามศรีพี่น้องตัวสระภาษาอังกฤษ  โดยที่สาว A  พี่ใหญ่ ทำหน้าที่ปั่นนม+เครื่องดื่มทุกชนิด  เช่นเดียวกับ หนุ่ม O ผู้เป็นน้องชาย  ส่วนนาย U น้องคนเล็กนั้น รับหน้าที่เกี่ยวกับขนมปัง  และของขบเคี้ยวต่างๆ
‘  ป้านิด ’ แม่ครัวหัวเห็ดของร้านผู้ใจดี  อาหารตามสั่งทุกจานไม่ว่าจะเป็น  ข้าวหมูกระเทียม  หมึกกระเทียม    กุ้งกระเทียม  หรือข้าวผัดเวอร์ชันต่างๆล้วนต้องผ่านการปรุงรสจากป้านิดทั้งสิ้น
‘ มี่มีกับปาย’ สองสาวชาวกะเหรี่ยง  ผู้ต้องการมาหาความเจริญทางด้านแสงสี  จึงหลบหนีจากอ้อมอกพ่อแม่ออกจากบ้านจะไป กรุงเทพเมืองศิวิไล  แต่เผอิญว่าเงินไม่พอค่ารถที่ขึ้นมา  จึงถูกปล่อยให้ลงที่จังหวัดนี้  คุณยาย(แม่พี่ตั้ม)ไปเจอเข้า  จึงให้มาทำงานที่ร้านนมเป็นเด็กเก็บโต๊ะหรือบางทีก็ไปเป็นเด็กเสริฟ์บ้างถ้าคนไม่พอ  ทั้งสองต่างขยันและตั้งใจทำงานสุดความสามารถเพื่อทำความฝันของตนเองให้เป็นจริง( ไปกรุงเทพให้ได้ซักครั้งในชีวิตนี้)  สาว ‘ มีมี่’ เป็นคนที่รักการแต่งตัวเป็นชีวิตจิตใจ  ส่วน ‘ปาย’ นั้น ออกจะเฉยชาจนกลายเป็นช้าในที่สุด  สำหรับตัวปภาวีนั้นชอบเรียกสองสาวว่า  ‘ ไปๆ  มาๆ’  ด้วยเวลาที่คนหนึ่งอยู่  อีกคนจะไปไหนก็ไม่รู้  ผลัดกันไปๆมาๆซะงั้น
‘ ลุงหนึ่งกับป้าสอง’  สองสามีภรรยาชาวกะเหรี่ยง  เผ่าเดียวกับไปๆมาๆ  ซึ่งหนีความยากแค้นในเผ่ามาทำงานเป็นคนงานในไร่ของคุณตา(พ่อพี่ตั้ม) ในตอนกลางวัน และล้างจานที่ร้านในตอนกลางคืน
นอกจากนี้ยังมีพนักงานเสริฟ์ในร้านอีก 6- 7 คนซึ่งส่วนใหญ่แล้วก็เรียนอยู่ ปี 1 ปี 2 กัน  จะมีปี 3 ก็คือ  ปภาวี นี่แหละ  อ้อ!  แล้วยังมี 3  หนุ่มกับอีก 1 สาวน้อยน่ารัก  วง ‘ แมลงปอ’  วงดนตรีประจำร้าน  โดยมี ‘ ขลุ่ยกับแคน’  สองหนุ่มฝาแฝดที่ทั้งหน้าตาบวกกับน้ำเสียงและคูณด้วยพรสวรรค์ในการเล่นดนตรี  ทำให้เป็นที่ชื่นชอบของสาวๆ  แถมมีหนุ่ม ‘บอย’ ผู้เป็นมือกลองมาดเซอร์  และสาวน้อยในวงคนเดียว ‘พิณ’ ผู้เป็นน้องสาวของฝาแฝดหนุ่ม  ที่น้ำเสียงและหน้าตาสะกดใจผู้ฟังเป็นอย่างยิ่ง  ทำให้ที่ร้านมีคนแน่นทุกวัน 
หน้าที่ของปภาวีส่วนใหญ่แล้วก็คือ พนักงานเสริฟ์ยำ + เก็บเงินไปในตัว( กฎของร้านยำ : จ่ายก่อนกิน)  บางครั้งก็ลงมือทำยำเองถ้าเจ้าของร้านอย่างพี่อ้อมไม่ว่าง  แต่ถ้าวันไหนร้านนมคนไม่พอ  ก็จะมาช่วยถ้าว่าง( ว่างจริงๆ)
............................
บรรยากาศในร้านวันนี้ครึกครื้นเหมือนทุกวัน  โต๊ะทุกโต๊ะเต็มเกือบหมด  บางโต๊ะก็มีป้ายจองไว้แล้ว  ทุกคนในร้านนมทำงาน มือและเท้าเป็นระวิง  ตั้งแต่ปั่นนม  ปิ้งขนมปัง  อาหารตามสั่ง  เด็กเสริฟ์ก็เดินสวนสนามกันให้วุ่น  ไม่เว้นแม้กระทั่งที่ร้านยำ  ซึ่งเจ้าของร้านกำลังใช้สมาธิบวกกับประสบการณ์อันชำนาญ  จัดการปรุงยำให้ได้ตามที่ลูกค้าสั่งมาตามเมนูซึ่งตอนนี้วางอยู่เกือบ 20 ใบ ส่วนสาวเสริฟ์อย่าง  ปภาวี  นั้นก็ทำงานอย่างคล่องแคล่ว  ทั้งทอนตังค์  เสริฟ์ยำ และลับฝีปากกับลูกค้าบางโต๊ะ
.........................
“ ยำได้แล้วค่ะ ”  ปภาวีมาหยุดที่โต๊ะ 9  ซึ่งสั่งยำที่เธอถือมา
“ มียำปลาทูน่า กับ ยำไวไว นะคะ  ส่วนค่ายำ ทั้งหมด 40 บาท ค่ะ”
“ นี่ค่ะ ค่ายำ”  หญิงสาวที่นั่งอยู่ส่งธนบัตรใบละ 100 มาให้
“ เงินทอนรอซักครู่นะคะ  แล้วนี่ค่ะ  ช้อนส้อม”
จากโต๊ะ 9 หญิงสาวก็หันกลับมายังโต๊ะ 10 ซึ่งอยู่ติดกัน โดยมี  4  หนุ่มหน้าทะเล้นที่ปภาวีไม่อยากเจอสักเท่าไหร่นั่งอยู่
“ ยำรวมมิตรทะเลค่ะ  และค่ายำ  20 บาทค่ะ”
“ กินก่อนจ่ายไม่ได้เหรอครับ  คนสวย”    หนุ่มหน้าทะเล้นคนแรก พูดขึ้น และตามติดมาด้วยคนที่สองที่ท่าทางอยากจะพูดเต็มที
“ช่าย...เดี๋ยวค่อยคิดเงินทีเดียวก็ได้ครับ” 
“หรือจะมานั่งด้วยกันก่อนก็ได้นะครับ”  อีกคนพูดเชื้อเชิญ พลางลากเก้าอี้มาให้
“ไม่ได้ค่ะ...เผอิญว่านี่เป็นกฏของร้าน...ที่สำคัญไม่ได้แหกตาดูเมนูเหรอคะ  เค้าบอกว่า ให้กินก่อนจ่ายรึไง  ...โอเค  งั้นก็ไม่ต้องกินละกันนะ  โต๊ะอื่นเค้ารอยำอยู่ ”  พูดจบก็ทำท่าคว้าจานยำขึ้นมา  แต่ 4 หนุ่มก็พร้อมใจ  ยึดจานยำไว้กับโต๊ะ
“ โธ่...เจ๊เปรียวอ่ะ  ใจร้ายกับน้องๆที่น่ารักทั้ง  4 คนได้ลงคอเชียวเหรอครับ ”  1 ใน 4 หนุ่มพูดพร้อมทำหน้าละห้อย  แต่น่าเตะที่สุดในสายตาของหญิงสาว
“ ไอ้เด็ก 4 กุมาร  ไอ้เด็กเปรต  อย่ามากวนพระบาทาพี่แกตอนกำลังทำมาหาเงินได้มั๊ย  ...หนอย...มีอย่างที่ไหน  มากันตั้ง 4 ตัวเอ๊ย  4 คน  สั่งยำ 1 จาน กับนมคนละแก้วเนี่ยนะ  ” หญิงสาวกล่าว
“ เจ๊เปรียวคนสวยคร๊าบๆ....พวกกระผมมานั่งเฉยซะเมื่อไหร่ละ  การบ้านมีก็มานั่งคุยกัน  ปัญหาชีวิตเอย  ความรักบ้างล่ะ  เรา 4 คนยึดคติ  คนเดียวหัวหาย  4 คนคงพอกันรอดน่า    ที่สำคัญอุตส่าห์มาให้เจ๊ลับฝีปากเอ๊ย  ไม่ใช่สิ มาให้เห็นหน้าพอชื่นใจ  เจ๊จะได้มีกำลังใจทำงานไงคร๊าบ..”
“ เออ...ชั้นจะไม่ว่าอะไรเลยถ้าพวกแกไม่มาเกือบทุกวันจนขวางหูขวางตาชั้น  แถมนั่งยาวคราวละ 3  ชั่วโมงจนรากงอกแล้วละมั้ง  แล้วที่บอกว่ามานั่งปรึกษาปัญหาชีวิตน่ะ  ถามจริง  ได้เรื่องรึเปล่า  เพราะชั้นเห็นตาพวกแกแต่ละคนก็มัวแต่มอง  น้องพิณ เค้าน่ะ  ดีนะที่เจ้าของร้านเค้าไม่ไล่พวกแกออกไปก่อนนะ”
“พี่ตั้ม  เค้าไม่ใจร้านอย่างเจ๊หรอกฮะ”
“ ใช่...ชั้นน่ะมันใจร้าย  เป็นนางมาร  แถมตอนนี้กำลังจะกลายร่างเป็นนางปีศาจแบบเต็มขั้นแล้ว  ถ้าพวกแกไม่จ่ายค่ายำแค่ 20 บาทน่ะ  ว่าไง....นายที”
พูดจบหญิงสาวหันมาไล่เบี้ยกับนาย ที  ผู้มีศักดิ์เป็นหลานชายเจ้าของร้านนม  และนี่แหละที่ทำให้ ไอ้เด็ก 4 กุมาร  ซึ่งเป็นนามที่ปภาวี เรียกขานรุ่นน้องปี 2 สาขาวิชาเดียวกัน  ทั้ง 4 คนค่อนข้างสนิทกับหญิงสาวเป็นอย่างดีทำให้สามารถพูดจาเล่นหัวได้อย่างไม่เกรงกลัวและหญิงสาวเองก็ไม่ถือด้วย    สามารถนั่งปั้นจิ้มปั้นเจ๋อเสนอหน้ามานั่งฟังนักร้องสาวเสียงดีอย่างน้องพิณ  โดยไม่ถูกไล่ออกไปจากร้านเหมือนกับที่ปภาวีพูด
“ ครับผม...นี่ฮะค่ายำ...ไม่ต้องทอนนะฮะ  ผมให้ทิป”  แล้วส่งธนบัตรฉบับละ 20 ให้รุ่นพี่
โป๊ก! 
เสียงเขกหัวจากฝีมือสาวร้านยำทำให้นายที ถึงกับคลำหัวป้อยๆ  เรียกเสียงหัวเราะจากอีก 3 หนุ่มในโต๊ะเป็นอย่างดี  ก่อนที่หญิงสาวผู้เป็นรุ่นพี่จะเดินไปทำหน้าที่ต่อไป
.......................................
หลังจากที่วุ่นวายกับการทำงานอยู่ราว  3 ชั่วโมง  คนในร้านก็เริ่มบางตาลงบ้าง(จากเดิมที่แน่นจนร้านแทบแตก)  ทำให้ปภาวีมีเวลาพอพักให้หายใจ  หลังจากที่ต้องรับกับพายุลุกใหญ่มาตลอด
“ เปรียวจ๊ะ  ช่วยส่งยำที่โต๊ะ  16 หน่อย  มี ยำผักบุ่งกรอบกับยำปูอัดนะ”
หญิงสาวพยักหน้า  แล้วเดินไปเสริฟ์ตามหน้าที่  แต่ปรากฏว่า....ที่โต๊ะ 16  ว่าง...สนิท...ว่างเปล่า....ไม่มีคนนั่งซะงั้น
“อ้าว...ซวยไหมล่ะเนี่ย...ย้ายโต๊ะทำไมไม่บอกกันก่อนนะ แล้วเราจะไปตรัสรู้ได้ไงเนี่ย...” แล้วจึงหันไปถามรุ่นน้องผู้เป็นสาวเสริฟ์ร้านนม
“ กิ๊ก  โต๊ะ 16 หายไปไหนอ่ะ...ย้ายโต๊ะหรือว่าชิ่งหนีล่ะ”
“ อ๋อ...ย้ายไปโต๊ะ 52 ค่ะ”
“ โห...ไรอ่ะ  ย้ายไปก็ไม่บอกซักนิด  พี่ต้องเดินกลับออกไปอีกหรือเนี่ย!” พูดจบก็หันหลังกลับเพื่อเดินไปยังโต๊ะ 52  แต่แล้วก็ดันไปชนกับร่างสูงที่กำลังเดินมาพอดี...แล้วก็
“ แฮ่...ขอโทษค่ะ” พูดจบก็ถอนหายใจที่ยำในจานยังอยู่ดีและไม่มียำจานไหนทรยศไปหกกระเด็นใส่คนตรงหน้า
“ เฮ้อ...คุณนี่...ผมเชื่อเลยว่าซุ่มซ่ามได้ตลอดเวลาเลยจริงๆ”  กวินภพพูดพลางมองหญิงสาวตรงหน้าซึ่งตอนนี้อยู่ในชุดสาวเสริฟ์ที่เค้าไม่ค่อยเห็นคนอื่นใส่กันเท่าไหร่    เสื้อยืดสีเลือดหมูกับกางเกงยีนขายาวสีซีดนิดๆ แล้วยังมีผ้ากันเปื้อนสีฟ้าลายพระจันทร์กับดาวดวงน้อย  ที่ดูยังไงก็ไม่เข้ากับชุดที่เจ้าตัวแต่งอยู่
ส่วนปภาวีทำกำลังทำการทบทวนประโยคที่เพิ่งได้มา ‘ ซุ่มซ่ามได้ตลอดเวลางั้นเหรอ...คุ้นๆแฮะ’ แล้วจึงเงยหน้าคนตัวสูงกว่า ‘ หน้าอีตานี่ก็คุ้นๆอ่ะ’ ( ก็บอกแล้วว่า  นางเอกของเรามีความสามารถในการจดจำใบหน้าคนได้น้อยมาก:คนเขียน)
และด้วยสายตาของหญิงสาวที่มองมาเป็นคำถามเหมือนพยายามจะนึกอะไรให้ออก  ทำให้กวินภพถึงกับร้องออกไป
“ นี่!...อย่าบอกนะว่าคุณจำผมไม่ได้อีกล่ะ”
“ แล้วชั้นไปรู้จักกับคุณตอนไหนล่ะ”
‘น่าน...เอากับเจ้าหล่อนสิ...เชื่อเลยยัยนี่น่ะ’  กวินภพได้แต่ส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ
“ วินคะ  ไปนั่งกันเถอะค่ะ  เมย์หิวแล้วล่ะ” หญิงสาวเจ้าของเสียงหวานที่เดินมากอดแขนชายหนุ่มตรงหน้าแสดงความเป็นเจ้าของแล้วพากันเดินไปยังโต๊ะที่จองไว้ แต่ไม่ลืมหันมาสั่งปภาวีให้เดินไปรับเมนูไปส่งด้วย    ส่วนปภาวีนั้นกำลังยืนทบทวนชั่วขณะเมื่อได้ยินเสียงผู้หญิงคนนี้  แล้วไฟล์ข้อมูลความทรงจำเมื่อตอนกลางวันทั้งหมดก็ถูกโหลดออกมา
‘ หนอย    ยัยนี่อีกแล้วเรอะ    มาถึงก็สั่งเลยนะ    ไม่เคยมากันรึไง    ร้านนี้เค้าให้บริการส่งเมนูด้วยตัวเองย่ะ....’  แล้วหญิงสาวก็ไม่สนใจ  กลับไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อ ( กฎอีกข้อของร้านยำและร้านนม :  กรุณานำเมนูที่ท่านเขียนไปส่งที่เคาน์เตอร์ร้านด้วยตัวเอง  จะฝากเด็กเสริฟ์มาก็ได้  แต่ส่วนใหญ่แล้วจะไม่ว่าง  เพราะแค่เดินเสริฟ์อย่างเดียวก็ขาลากพอแล้ว)
......................................
“ อ้าว...กิ๊ก  ทำไมเดินมาส่งเมนูเองเลยล่ะ”
“ ไม่เป็นไรค่ะ  พอดีกิ๊กว่างอยู่  อีกอย่างพี่ตั้มก็สั่งให้กิ๊กไปรับเมนูจากโต๊ะนี้มาด้วย  เพราะเป็นลูกค้าประจำค่ะ  ท่าทางรวยน่าดู”
“ โห...เส้นใหญ่ขนาดพี่ตั้มยังสั่งให้คนไปคอยดูแลหรือนี่  ชักอยากเห็นหน้าซะแล้วสิ”
“ โอย...โต๊ะนี้นะคะผู้หญิงก็สวยออก  กิ๊กจำได้ว่าเป็นดาวคณะมนุษย์ด้วย  ส่วนผู้ชายก็ทั้งเท่ห์ทั้งหล่อ...เทพบุตรในฝันกิ๊กเลยล่ะคะ”
“ เหรอจ๊ะ...ท่าทางจะเป็นหนุ่มในฝันกิ๊กจริงๆละมั้งเนี่ย...ดูสิเคลิ้มซะขนาดนั้น  ยังไงเดี๋ยวค่อยกลับไปฝันต่อที่หอนะจ๊ะน้องรัก”
“ ไม่เชื่อพี่เปรียวก็ดูเองซิคะ  ตอนไปเสริฟ์ยำน่ะ” พูดจบสาวน้อยก็ทำท่างอนกลับเข้าไปในร้าน
ปภาวีได้แต่หัวเราะตามแล้วยื่นเมนูให้เจ้าของร้านยำซึ่งตอนนี้กำลังว่างจากการปรุงยำ แถมกำลังอ่านหนังสือการ์ตูนอย่างเอาเป็นเอาตาย 
“ เปรียวจ๊ะ...ช่วยไปถามโต๊ะนี้ที  พอดียำเต้าหู้ปลาทอดหมด  เปลี่ยนเป็นยำเต้าหูไข่ทอดได้ไหม”
“ รับทราบเจ้าค่ะ” แล้วจึงเดินไปยังโต๊ะ  ซึ่งเขียนไว้ตรงมุมเมนูว่า  โต๊ะ Sweet
โต๊ะ Sweet  ช่างเป็นโต๊ะที่สมกับชื่อซะจริงๆ  โซฟานุ่มรูปครึ่งวงกลม  พร้อมกับโต๊ะวงกลมเล็กๆที่มีแจกันปักดอกกุหลาบสีแดงสดวางไว้  แถมยังตั้งอยู่ในมุมที่ดีทีสุดของร้านอีกด้วย  บรรยากาศสลัวนิดๆโรแมนติกอย่างบอกไม่ถูก    ทุกครั้งที่มาเสริฟ์โต๊ะนี้ทำเอาปภาวีถึงกับอมยิ้มกับความน่ารักของคู่รักแต่ละคู่ที่บางทีก็ผลัดกันป้อนขนมปังหรือไม่ก็อาหารมั่งล่ะ  นั่งมองตากันจนถ้ามดขึ้นตัวคงไม่มีใครรู้สึกก็มี( แบบว่าหวานซึ้งซะขนาดนั้น)  บางทีปภาวีเองยังได้เข้าร่วมเป็นพยานการบอกรักก็มี  ดังนั้นการเข้าไปเสริฟ์ที่โต๊ะนี้ต้องดูเวลา และโอกาสด้วยเพราะไม่อยากเข้าไปเป็นก้างขวางคอซักเท่าไหร่  ยกเว้นคู่ชายหญิงที่อยู่ตรงหน้าในขณะนี้    ที่หญิงสาวจำได้แล้วว่า  ฝ่ายหญิงเป็นคู่กรณีของเธอเองเมื่อตอนกลางวัน  ส่วนฝ่ายชายนั้น  ตั้งแต่เมื่อวานตอนเช้าแล้ว  และแค้นนี้ต้องชำระแบบทบต้นทบดอกเลยทีเดียว...แต่ตอนนี้ขอทำหน้าที่สาวร้านยำ  พนักงานบริการที่ดีหน่อยละกัน
“ ขอโทษนะคะ  พอดีว่าเต้าหู้ปลาทอดของเราหมดค่ะ  จะรับอย่างอื่นแทนไหมคะ  อย่างเช่น  เต้าหู้ไข่ทอด ก็อร่อยนะคะ  จะลองดูซักหน่อยไหมคะ” หญิงสาวพูดพร้อมกับส่งยิ้มอันเป็นสัญลักษณ์ของคนทำงานด้านบริการที่ถือว่า ลูกค้าต้องมาก่อน
“ ต๊าย!  นึกว่าใครนะคะวิน  มาทำงานเป็นเด็กเสริฟ์หรือว่าคนล้างจานกันนะจ๊ะ” หญิงสาวผู้มีดีกรีความงามเป็นถึงดาวคณะพูดขึ้น  เมื่อจำหน้าได้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร
“ แต่งตัวอย่างนี้  มีผ้ากันเปื้อนด้วย  เค้าก็เป็นเด็กเสริฟ์นะสิครับเมย์    คงไม่มีคนล้างจานที่ไหนออกมาเดินเล่นหรอกฮะ  เอ...หรือว่าใช่ครับ”  พูดพลางส่งสายตาและรอยยิ้มให้สาวเสริฟ์ร้านยำ
แต่ปภาวีก็ยังคงสีหน้าเช่นเดิมนั่นคือ....ยิ้ม...ยิ้มไว้ลูก  แต่ในใจ....แค้นนี้ต้องชำระภายในวันนี้...
“ ตกลงว่าจะรับอะไรเพิ่มไหมคะ” ถามชายหนุ่มที่นั่งเคียงข้างสาวสวย
“ เอายำเอ็นไก่ทอดเพิ่มมาก็ได้ครับ  ส่วนอย่างอื่นก็เหมือนเดิม” กวินภพพูดพลางอมยิ้ม เมื่อเห็นใบหน้าที่เปื้อนด้วยรอยยิ้มของหญิงสาวที่ดูเหมือนจริงใจไม่ติดใจกับคำพูดเมื่อครู่นี้  แต่ยังไงชายหนุ่มก็รู้สึกได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่ออกมาพร้อมกับรอยยิ้มนั้น
“ ค่ะ...ตกลงเมนูที่สั่งไปในส่วนของร้านยำมี  ยำเอ็นไก่ทอด  ยำหมูมะนาว  และยำผักรวมลวกนะคะ  รอสักครู่นะคะ”  พูดจบ ปภาวีก็รีบหมุนตัวเดินกลับทันที  ก่อนที่จะมีการทำร้ายร่างกายลูกค้าขึ้น
ขณะที่เดินมาร้านยำ  ปภาวีก็นึกหาทางเอาคืนสองคนนั้น  พอมาถึงร้านยำก็พบว่า เจ้าของร้านไม่อยู่ซะแล้ว  แต่มีโน้ตแปะติดอยู่บอกว่าให้หญิงสาวรับหน้าที่ทั้งหมดไปชั่วคราวซักครึ่งชั่วโมง  ด้วยพี่แกออกไปหาซื้ออะไรมากินและจะแวะไปเช่าการ์ตูนเล่มใหม่มาด้วย  ทำเอาปภาวีถึงกับส่ายหน้า และดูเหมือนหญิงสาวจะนึกอะไรออก  จึงใช้โทรศัพท์ที่โทรติดต่อกันภายในร้าน กดเบอร์ตรงเคาน์เตอร์ปั่นนมทันที
“ นี่พี่เปรียวนะ A  ...คือพี่อยากรู้ว่าโต๊ะ Sweet สั่งเครื่องดื่มอะไรมั่ง”
“ นมปั่นโยเกิร์ตเหรอ...เออ..พี่มีเรื่องให้ช่วยหน่อยอ่ะ...ช่วยปั่นนมโยเกิร์ตแบบพิเศษให้อีกแก้วนึงได้ป่ะ...เอาแบบน้ำทะเลเรียกพี่เลยนะ ...เดี๋ยวพี่รับผิดชอบเอง  อ้อ...แล้วเดี๋ยวพี่จะเอาไปเสริฟ์เองด้วยนะ  อย่าลืมล่ะ ”
“ ใครกันทำให้พี่สาวของAรักมาก  ถึงกับสั่งชนิดพิเศษให้เหรอคะ” เสียงใสตามสายถามกลับมาด้วยความสงสัยปนหัวเราะ
“ เอาไว้เดี๋ยวก็รู้เอง...ขอพี่ทำยำสูตรเด็ดของร้านก่อนนะ  อย่าลืมล่ะ ”  หลังจากวางโทรศัพท์เสร็จ  หญิงสาวก็รีบกลับมาปรุงยำสูตรเด็ดของไอ้เปรียวนี่ล่ะ 
.................................
ปภาวีมองจานยำในถาดที่ถือมาพร้อมกับแก้วนมปั่นโยเกิร์ตสูตรพิเศษ โดยทิ้งสูตรธรรมดาไว้ที่เคาน์เตอร์นมปั่นก่อน  ด้วยสีหน้าเปื้อนรอยยิ้ม  แล้วเดินมาหยุดอยู่ที่โต๊ะอันเป็นจุดหมายในคราวนี้
“ ยำได้แล้วค่ะ  มียำหมูมะนาว  ส่วนนี่ก็เอ็นไก่ทอด  แล้วก็ยำผักรวมลวกค่ะ” หญิงสาววางจานยำลงบนโต๊ะ ซึ่งมีเครื่องดื่มจำพวกแอลกอฮอล์ของชายหนุ่มวางอยู่แล้ว 
“ วินคะ...ดูซิคะยำหน้าตาแปลกดีนะคะ  ท่าทางน่าทานจัง  ว่าแต่ใจนะว่าทานได้นะ” พูดพลางส่งสายตามาให้สาวเสริฟ์ที่ยังคงยืนยิ้มอยู่อย่างมีไมตรีและในมือยังมีแก้วนมอยู่
“ ลองทานดูซิคะ  ไม่ลองก็ไม่รู้นี่คะว่าอร่อยจริงรึเปล่า  แต่ยำผักรวมลวกนี่ยอดฮิตเลยนะคะ สำหรับคนสวยๆหุ่นดีๆอย่างคุณ  เพราะเมื่อกี้ก็มีโต๊ะนึงที่สั่งมาพร้อมกับของคุณนี่แหละค่ะ  เพียงแต่รีบมาเสริฟ์ให้โต๊ะคุณก่อน  เกรงว่าจะรอนานน่ะคะ”
สาวสวย นาม  เมย์ชญา ได้ยินคำชมจากปากหญิงสาวถึงกับเป็นปลื้มโดยลืมไปว่าคนตรงหน้าเคยถูกตัวเองทำอะไรไว้  จึงตักยำผักรวมลวกของตนเองทานทันที...และก็....วางช้อนส้อมลงกับจานลงทันทีเหมือนกันเมื่อ
“ อ๋าย...ทำไมมันเผ็ดอย่างนี้ล่ะ  ชั้นสั่งไปว่าไม่เผ็ดไม่ใช่เหรอ”
“ ตายแล้ว...ขอโทษค่ะ  คงหยิบผิดมาน่ะคะ  คงเป็นของอีกโต๊ะน่ะคะ  เดี๋ยวไปเอามาให้ใหม่นะคะ อ้อ...นี่ค่ะน้ำที่สั่งไว้...รอสักครู่นะคะ”  พูดจบก็รีบหันหลังกลับไปเอายำและนมปั่นสูตรธรรมดามาเปลี่ยนโดยไม่ยืนดูผลงานรอบที่สองของตัวเอง ด้วยรู้ว่ายังไง....ก็สำเร็จ
เมย์ชญารับแก้วน้ำที่ปภาวีส่งมาให้แล้วรีบดูดให้ความเย็นไปดับความร้อนเข้าในปาก  แต่แล้วพอผ่านไป 3 วินาที  สาวสวยถึงกับลุกพรวดไปเข้าห้องน้ำ  ทำให้กวินภพถึงกับงงกับเหตุการณ์ตรงหน้า แล้วก็ถึงบางอ้อ เมื่อสาวเสริฟ์ร้านยำวิ่งกระหืดกระหอบมา พร้อมกับ ยำจานใหม่และ นมปั่นที่ดูเหมือนกับแก้วที่เมย์ชญาเพิ่งทานไปแล้ววิ่งไปเข้าห้องน้ำทันที ซึ่งตอนนี้ชายหนุ่มออกจะมั่นใจว่า ทั้งหมดเกิดจากฝีมือคนตรงหน้าแน่ๆ  ถึงแม้จะตีหน้าซื่อสำนึกผิดมากๆก็ตามที
“ คือว่า...ขอโทษอีกทีนะคะ  พอดีว่านมปั่นแก้วเมื่อกี้น่ะคะ  น้องเค้าเผลอทำเกลือหกลงไปพอปั่นแล้วลืมเอาทิ้งน่ะคะ  เลยหยิบผิดมา  ส่วนนี่ค่ะ  ของจริง ค่ะ  ทั้งยำและนมปั่น  รับรองค่ะว่าไม่มีหยิบผิดมาอีกแล้วอย่างแน่นอนค่ะ”    พูดพลางตีสีหน้ายิ้มเจื่อนๆให้ดูสมจริงยิ่งขึ้น
“ ว่าแต่ผู้หญิงที่มากับคุณไปไหนล่ะคะ  อยากจะขอโทษเธอซะหน่อยที่เกิดเรื่องผิดพลาดขึ้นน่ะคะ”
“ ไปห้องน้ำครับ...เดี๋ยวคงมา...ว่าแต่คุณทำงานผิดพลาดอย่างนี้บ่อยเหรอครับ  ไอ้ประเภทเสริฟ์ผิดโต๊ะ  หรือไม่ก็ทำเกลือหกใส่เนี่ย”  กวินภพพูดพร้อมจ้องหน้าหญิงสาวอย่างจับผิด
“ แหม...มันก็พอมีบ้างล่ะคะ  ไอ้เรื่องความผิดพลาดเนี่ย  ใครจะไปรู้ล่ะคะว่าเราจะพลาดเมื่อไหร่    จริงไหมคะ” ส่วนในใจหญิงสาวแล้ว‘ แต่สำหรับงานนี้ชั้นตั้งใจสุดๆเลยล่ะ’
“ แน่ใจนะครับว่ามาจากความผิดพลาดที่มันบังเอิญเกิดขึ้น  ไม่ใช่ความตั้งใจของใครบางคน”
“ แหม  คุณอย่ามองโลกในแง่ร้ายไปหน่อยเลยค่ะ  ยำจานอื่นชั้นก็หยิบมาถูกแล้ว  แต่บังเอิญอย่างที่บอกนั่นแหละค่ะว่า มีอีกโต๊ะนึงเค้าสั่งยำมาแบบเดียวกันแถมเอาแบบแซบๆ อีก  มันเป็นความผิดของชั้นจริงๆค่ะ ที่สะเพร่าไปนิดนึง  ยังไงก็ต้องขอโทษอีกครั้งนึงนะคะ”
“ ช่างมันเถอะครับ  แล้วค่ายำเท่าไหร่ละครับ” ชายหนุ่มพูดตัดบทเมื่อดูท่าทางซักฟอกจำเลยตรงหน้าแล้วยังไงก็คงไม่ได้ความอยู่ดี  ก็ดูสิ  เจ้าหล่อนออกจะตีบทแตกทำหน้าเศร้าราวกับเสียใจจริงๆขนาดนั้น 
“ 70 บาทค่ะ สำหรับค่ายำ”
“ นี่ครับ  ไม่ต้องทอนละกัน”
“ ขอบคุณนะคะ...คุณกวินภพ” แล้วรับเงินกลับไปที่ร้านด้วยความสบายใจและสาแก่ใจเป็นอย่างยิ่ง  พลางนึกว่าจะทำยังไงดีกับเงินทอนอีก 30 บาทนี้ดี  เพราะโดยปกติแล้วปภาวีจะไม่รับทิปจากใครทั้งนั้น  ด้วยว่าเงินที่ได้จากการทำงานที่ร้านยำมันก็คุ้มค่าแล้ว  แล้วก็ยิ้มออกมาเมื่อนึกขึ้นมาได้กับวิธีจัดการกับทิปที่ได้มา 
หญิงสาวนำเงินที่ได้ไปสั่งยำที่ร้านเลี้ยงผู้ร่วมขบวนการทั้งหลาย  อันได้แก่  สามศรีพี่น้อง  A  O และ U  หลังจากคนในร้านเริ่มร้างเป็นป่าช้า ด้วยว่าเป็นเวลา 4 ทุ่มกว่าแล้ว  และใกล้เวลาที่ร้านใกล้ปิด
“ พี่เปรียวถามจริงเหอะ  ไปแค้นสาวสวยคนนั้นมาแต่ชาติปางไหนน่ะ  ถึงกับสั่งให้A ทำนมปั่นสูตรพิเศษไปให้เจ้าหล่อนน่ะ ”  ผู้ทำนมปั่นสูตรพิเศษถาม ขณะนั่งกินยำที่หญิงสาวผู้เป็นรุ่นพี่สั่งมาเลี้ยง
ปภาวีเองก็เลยเล่าเหตุการณ์เมื่อตอนกลางวันให้ฟัง   
“ แล้วผู้ชายที่มาด้วยใช่คนเดียวกับเมื่อตอนกลางวันป่ะ”  หนุ่ม U  น้องเล็กที่สุดถาม
“ ใช่...หมอนี่แหละตัวต้นเหตุความวุ่นวายในชีวิตพี่มา 2 วันแล้ว...และต้องชดใช้ให้คุ้มทั้งต้นทั้งดอกเลยทีเดียว”
“ แล้วไม่เห็นพี่เปรียวทำอะไรเลยล่ะฮะ...เห็นแก้แค้นซึ่งๆหน้ากับผู้หญิงอยู่คนเดียว” หนุ่ม O  ถามมั่งด้วยความสงสัย
“ ใครว่า...คนอย่างพี่เมื่อมีโอกาศแล้วไม่เอาคืนน่ะ  อย่ามาเรียกไอ้เปรียวเลย” 
พูดจบแล้วยิ้มเมื่อนึกถึงว่าตนได้ใส่อะไรลงไปในยำของชายหนุ่ม  ‘ ยาถ่าย’ ชนิดออกฤทธิ์ช้าแต่ให้ผลชัวร์  โดยจะออกฤทธิ์หลังจาก15 ชั่วโมงผ่านไป  งานนี้ต้องขอบคุณ  นายอ้น  เด็กเภสัชฯ ผู้เป็นเสมือนลูกน้องของหญิงสาวสมัยเรียนมัธยมและติดตามลูกพี่มาเรียนที่นี่  รวมทั้งได้เรียนคณะที่ตนเองอยากเรียนด้วย  ทำให้หญิงสาวได้รับความรู้เกี่ยวกับยาเป็นอานิสงฆ์  เพราะต้องฟังลูกน้องตัวเองพร่ำบ่นให้ฟังอยู่ร่ำไป  และยาถ่ายตัวนี้หญิงสาวเพิ่งได้มาเมื่อ  3 วันก่อนจากนายอ้นนั่นเอง และมันยังติดอยู่ในกระเป๋ามาด้วย...ช่วยไม่ได้นะนายวินนี่ หมีพูห์เอ๊ย...เผอิญว่าอะไรๆมันก็เป็นใจไปซะหมด
3 พี่น้อง มองหน้ารุ่นพี่ที่ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์  พลางหนักใจแทนหนุ่มหล่อคนนั้นที่ท่าทางพี่เปรียวจะเอาคืนหนักแฮะ
............................
บอกเล่าเก้าถึงสิบ
มาอัพให้แล้วนะคะ  ยังไงก็ช่วยให้คำแนะนำแก่นักเขียนมือใหม่อย่างyameraด้วยละกัน
ปภาวีลงมาจาก  sonic  สีเหลืองคันเท่ห์ซึ่งมีนายแบงค์ผู้เป็นสารถีขับมาส่ง  ณ  ที่ทำงานพิเศษในเย็นนี้
“ ขอบใจมากนะเพื่อน  แล้วอย่าลืมมารับล่ะ  ขืนมัวแต่ป้อสาวเพลินจนลืมเพื่อนนะแก....หึหึ” หญิงสาวไม่พูดต่อ  แต่ทำท่าเอานิ้วชี้ปาดคอ  แล้วยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ให้เพื่อน
“ เออ...รู้แล้วน่า  5 ทุ่มใช่ป่ะ    งั้นชั้นไปก่อนนะ  มีธุระ  เดี๋ยวไม่ทัน”
“ ค๊า!..รีบๆไปเถอะเจ้าค่ะ  เดี๋ยวน้องพริมเค้ารอนาน  พาลบอกเลิกแกเป็นรายที่ 2 ติดต่อกัน  555” พูดจบก็เดินเข้าไปในร้าน  ....ปล่อยให้นายแบงค์ยืนเข่นเขี้ยวในคำอวยพรของเพื่อนสาว
.........................
“ หวัดดีค๊า...พี่อ้อม  สาวเสริฟ์ร้านยำมารายงานตัวค่ะ  มีอะไรให้เปรียวช่วยไหมคะ”
“ แหม  มาเร็วทันใจจริงนะเรา    งั้นเปรียวช่วยเอาเมนูยำไปไว้ตามโต๊ะหน่อย  แล้วกลับมาช่วยพี่หั่นผักทีนะ  วันนี้ลูกค้าเข้าร้านเร็วจัง    ไม่ทันถึง 5 โมงครึ่ง ก็เกือบจะ 10โต๊ะ แล้ว”
“ ได้ค่ะ  รอแป๊บนึงนะคะ” พูดจบหญิงสาวก็หันไปคว้าเอาผ้ากันเปื้อนสีฟ้าสวยมาสวม  แล้วคว้าเมนูยำที่อยู่ในตะกร้าไปใส่ในกระบอกไม้ไผ่ ซึ่งเป็นที่ใส่เมนูทั้งของร้านยำและร้านนม
................................
‘ยำเปรี้ยวปาก’ เป็นชื่อร้านยำซึ่งปภาวีทำงานอยู่    ตัวร้านยำนั้นเป็นซุ้มเรือนไทย  ขนาดไม่ใหญ่โตมากนัก  การตกแต่งก็ออกเป็นแนวไทยๆ เกือบทั้งหมด  ร้านยำจะอยู่ในบริเวณเดียวกับ  ร้านนม “ ต้นข้าว” ซึ่งเจ้าของทั้งสองร้านนี้เป็นเค้าเป็นหุ้นส่วนกันอยู่  และอีกไม่นานก็จะกลายมาเป็นหุ้นส่วนชีวิตกันอีกด้วย  ดังนั้นโต๊ะทุกโต๊ะจึงมีเมนูทั้งในส่วนของร้านยำและร้านนมอยู่ด้วยกัน  ประมาณว่ามาที่นี่ไม่กินนม  ก็กินยำ  ไม่งั้นก็ทานอาหารตามสั่ง  ทางร้านก็มีไว้บริการให้
เป็นเวลากว่า 2 ปี  กับ อีก 2 เดือน ที่ปภาวีได้เข้ามาทำงานในที่แห่งนี้    หญิงสาวคุ้นเคยกับทุกคนทั้งร้านยำและร้านนมเป็นอย่างดีราวกับเป็นคนครอบครัวเดียวกัน  ไม่ว่าจะเป็น
‘ พี่ตั้ม’  ชายหนุ่มรูปร่างอุดมสมบูรณ์( ไปนิดนึง) ผู้มีอารมณ์ขันอย่างร้ายกาจ  ที่ทำให้คนรอบข้างไม่สามารถหุบยิ้มได้  เจ้าของร้านนม  ‘ ต้นข้าว’
‘ พี่อ้อม’  หญิงสาวร่างเล็ก แต่ใจไม่เล็กตาม  ออกแนวพริกขี้หนูซะงั้น  เจ้าของร้านยำ ‘ยำเปรี้ยวปาก’
‘ A  ,  O  และ U ’  สามศรีพี่น้องตัวสระภาษาอังกฤษ  โดยที่สาว A  พี่ใหญ่ ทำหน้าที่ปั่นนม+เครื่องดื่มทุกชนิด  เช่นเดียวกับ หนุ่ม O ผู้เป็นน้องชาย  ส่วนนาย U น้องคนเล็กนั้น รับหน้าที่เกี่ยวกับขนมปัง  และของขบเคี้ยวต่างๆ
‘  ป้านิด ’ แม่ครัวหัวเห็ดของร้านผู้ใจดี  อาหารตามสั่งทุกจานไม่ว่าจะเป็น  ข้าวหมูกระเทียม  หมึกกระเทียม    กุ้งกระเทียม  หรือข้าวผัดเวอร์ชันต่างๆล้วนต้องผ่านการปรุงรสจากป้านิดทั้งสิ้น
‘ มี่มีกับปาย’ สองสาวชาวกะเหรี่ยง  ผู้ต้องการมาหาความเจริญทางด้านแสงสี  จึงหลบหนีจากอ้อมอกพ่อแม่ออกจากบ้านจะไป กรุงเทพเมืองศิวิไล  แต่เผอิญว่าเงินไม่พอค่ารถที่ขึ้นมา  จึงถูกปล่อยให้ลงที่จังหวัดนี้  คุณยาย(แม่พี่ตั้ม)ไปเจอเข้า  จึงให้มาทำงานที่ร้านนมเป็นเด็กเก็บโต๊ะหรือบางทีก็ไปเป็นเด็กเสริฟ์บ้างถ้าคนไม่พอ  ทั้งสองต่างขยันและตั้งใจทำงานสุดความสามารถเพื่อทำความฝันของตนเองให้เป็นจริง( ไปกรุงเทพให้ได้ซักครั้งในชีวิตนี้)  สาว ‘ มีมี่’ เป็นคนที่รักการแต่งตัวเป็นชีวิตจิตใจ  ส่วน ‘ปาย’ นั้น ออกจะเฉยชาจนกลายเป็นช้าในที่สุด  สำหรับตัวปภาวีนั้นชอบเรียกสองสาวว่า  ‘ ไปๆ  มาๆ’  ด้วยเวลาที่คนหนึ่งอยู่  อีกคนจะไปไหนก็ไม่รู้  ผลัดกันไปๆมาๆซะงั้น
‘ ลุงหนึ่งกับป้าสอง’  สองสามีภรรยาชาวกะเหรี่ยง  เผ่าเดียวกับไปๆมาๆ  ซึ่งหนีความยากแค้นในเผ่ามาทำงานเป็นคนงานในไร่ของคุณตา(พ่อพี่ตั้ม) ในตอนกลางวัน และล้างจานที่ร้านในตอนกลางคืน
นอกจากนี้ยังมีพนักงานเสริฟ์ในร้านอีก 6- 7 คนซึ่งส่วนใหญ่แล้วก็เรียนอยู่ ปี 1 ปี 2 กัน  จะมีปี 3 ก็คือ  ปภาวี นี่แหละ  อ้อ!  แล้วยังมี 3  หนุ่มกับอีก 1 สาวน้อยน่ารัก  วง ‘ แมลงปอ’  วงดนตรีประจำร้าน  โดยมี ‘ ขลุ่ยกับแคน’  สองหนุ่มฝาแฝดที่ทั้งหน้าตาบวกกับน้ำเสียงและคูณด้วยพรสวรรค์ในการเล่นดนตรี  ทำให้เป็นที่ชื่นชอบของสาวๆ  แถมมีหนุ่ม ‘บอย’ ผู้เป็นมือกลองมาดเซอร์  และสาวน้อยในวงคนเดียว ‘พิณ’ ผู้เป็นน้องสาวของฝาแฝดหนุ่ม  ที่น้ำเสียงและหน้าตาสะกดใจผู้ฟังเป็นอย่างยิ่ง  ทำให้ที่ร้านมีคนแน่นทุกวัน 
หน้าที่ของปภาวีส่วนใหญ่แล้วก็คือ พนักงานเสริฟ์ยำ + เก็บเงินไปในตัว( กฎของร้านยำ : จ่ายก่อนกิน)  บางครั้งก็ลงมือทำยำเองถ้าเจ้าของร้านอย่างพี่อ้อมไม่ว่าง  แต่ถ้าวันไหนร้านนมคนไม่พอ  ก็จะมาช่วยถ้าว่าง( ว่างจริงๆ)
............................
บรรยากาศในร้านวันนี้ครึกครื้นเหมือนทุกวัน  โต๊ะทุกโต๊ะเต็มเกือบหมด  บางโต๊ะก็มีป้ายจองไว้แล้ว  ทุกคนในร้านนมทำงาน มือและเท้าเป็นระวิง  ตั้งแต่ปั่นนม  ปิ้งขนมปัง  อาหารตามสั่ง  เด็กเสริฟ์ก็เดินสวนสนามกันให้วุ่น  ไม่เว้นแม้กระทั่งที่ร้านยำ  ซึ่งเจ้าของร้านกำลังใช้สมาธิบวกกับประสบการณ์อันชำนาญ  จัดการปรุงยำให้ได้ตามที่ลูกค้าสั่งมาตามเมนูซึ่งตอนนี้วางอยู่เกือบ 20 ใบ ส่วนสาวเสริฟ์อย่าง  ปภาวี  นั้นก็ทำงานอย่างคล่องแคล่ว  ทั้งทอนตังค์  เสริฟ์ยำ และลับฝีปากกับลูกค้าบางโต๊ะ
.........................
“ ยำได้แล้วค่ะ ”  ปภาวีมาหยุดที่โต๊ะ 9  ซึ่งสั่งยำที่เธอถือมา
“ มียำปลาทูน่า กับ ยำไวไว นะคะ  ส่วนค่ายำ ทั้งหมด 40 บาท ค่ะ”
“ นี่ค่ะ ค่ายำ”  หญิงสาวที่นั่งอยู่ส่งธนบัตรใบละ 100 มาให้
“ เงินทอนรอซักครู่นะคะ  แล้วนี่ค่ะ  ช้อนส้อม”
จากโต๊ะ 9 หญิงสาวก็หันกลับมายังโต๊ะ 10 ซึ่งอยู่ติดกัน โดยมี  4  หนุ่มหน้าทะเล้นที่ปภาวีไม่อยากเจอสักเท่าไหร่นั่งอยู่
“ ยำรวมมิตรทะเลค่ะ  และค่ายำ  20 บาทค่ะ”
“ กินก่อนจ่ายไม่ได้เหรอครับ  คนสวย”    หนุ่มหน้าทะเล้นคนแรก พูดขึ้น และตามติดมาด้วยคนที่สองที่ท่าทางอยากจะพูดเต็มที
“ช่าย...เดี๋ยวค่อยคิดเงินทีเดียวก็ได้ครับ” 
“หรือจะมานั่งด้วยกันก่อนก็ได้นะครับ”  อีกคนพูดเชื้อเชิญ พลางลากเก้าอี้มาให้
“ไม่ได้ค่ะ...เผอิญว่านี่เป็นกฏของร้าน...ที่สำคัญไม่ได้แหกตาดูเมนูเหรอคะ  เค้าบอกว่า ให้กินก่อนจ่ายรึไง  ...โอเค  งั้นก็ไม่ต้องกินละกันนะ  โต๊ะอื่นเค้ารอยำอยู่ ”  พูดจบก็ทำท่าคว้าจานยำขึ้นมา  แต่ 4 หนุ่มก็พร้อมใจ  ยึดจานยำไว้กับโต๊ะ
“ โธ่...เจ๊เปรียวอ่ะ  ใจร้ายกับน้องๆที่น่ารักทั้ง  4 คนได้ลงคอเชียวเหรอครับ ”  1 ใน 4 หนุ่มพูดพร้อมทำหน้าละห้อย  แต่น่าเตะที่สุดในสายตาของหญิงสาว
“ ไอ้เด็ก 4 กุมาร  ไอ้เด็กเปรต  อย่ามากวนพระบาทาพี่แกตอนกำลังทำมาหาเงินได้มั๊ย  ...หนอย...มีอย่างที่ไหน  มากันตั้ง 4 ตัวเอ๊ย  4 คน  สั่งยำ 1 จาน กับนมคนละแก้วเนี่ยนะ  ” หญิงสาวกล่าว
“ เจ๊เปรียวคนสวยคร๊าบๆ....พวกกระผมมานั่งเฉยซะเมื่อไหร่ละ  การบ้านมีก็มานั่งคุยกัน  ปัญหาชีวิตเอย  ความรักบ้างล่ะ  เรา 4 คนยึดคติ  คนเดียวหัวหาย  4 คนคงพอกันรอดน่า    ที่สำคัญอุตส่าห์มาให้เจ๊ลับฝีปากเอ๊ย  ไม่ใช่สิ มาให้เห็นหน้าพอชื่นใจ  เจ๊จะได้มีกำลังใจทำงานไงคร๊าบ..”
“ เออ...ชั้นจะไม่ว่าอะไรเลยถ้าพวกแกไม่มาเกือบทุกวันจนขวางหูขวางตาชั้น  แถมนั่งยาวคราวละ 3  ชั่วโมงจนรากงอกแล้วละมั้ง  แล้วที่บอกว่ามานั่งปรึกษาปัญหาชีวิตน่ะ  ถามจริง  ได้เรื่องรึเปล่า  เพราะชั้นเห็นตาพวกแกแต่ละคนก็มัวแต่มอง  น้องพิณ เค้าน่ะ  ดีนะที่เจ้าของร้านเค้าไม่ไล่พวกแกออกไปก่อนนะ”
“พี่ตั้ม  เค้าไม่ใจร้านอย่างเจ๊หรอกฮะ”
“ ใช่...ชั้นน่ะมันใจร้าย  เป็นนางมาร  แถมตอนนี้กำลังจะกลายร่างเป็นนางปีศาจแบบเต็มขั้นแล้ว  ถ้าพวกแกไม่จ่ายค่ายำแค่ 20 บาทน่ะ  ว่าไง....นายที”
พูดจบหญิงสาวหันมาไล่เบี้ยกับนาย ที  ผู้มีศักดิ์เป็นหลานชายเจ้าของร้านนม  และนี่แหละที่ทำให้ ไอ้เด็ก 4 กุมาร  ซึ่งเป็นนามที่ปภาวี เรียกขานรุ่นน้องปี 2 สาขาวิชาเดียวกัน  ทั้ง 4 คนค่อนข้างสนิทกับหญิงสาวเป็นอย่างดีทำให้สามารถพูดจาเล่นหัวได้อย่างไม่เกรงกลัวและหญิงสาวเองก็ไม่ถือด้วย    สามารถนั่งปั้นจิ้มปั้นเจ๋อเสนอหน้ามานั่งฟังนักร้องสาวเสียงดีอย่างน้องพิณ  โดยไม่ถูกไล่ออกไปจากร้านเหมือนกับที่ปภาวีพูด
“ ครับผม...นี่ฮะค่ายำ...ไม่ต้องทอนนะฮะ  ผมให้ทิป”  แล้วส่งธนบัตรฉบับละ 20 ให้รุ่นพี่
โป๊ก! 
เสียงเขกหัวจากฝีมือสาวร้านยำทำให้นายที ถึงกับคลำหัวป้อยๆ  เรียกเสียงหัวเราะจากอีก 3 หนุ่มในโต๊ะเป็นอย่างดี  ก่อนที่หญิงสาวผู้เป็นรุ่นพี่จะเดินไปทำหน้าที่ต่อไป
.......................................
หลังจากที่วุ่นวายกับการทำงานอยู่ราว  3 ชั่วโมง  คนในร้านก็เริ่มบางตาลงบ้าง(จากเดิมที่แน่นจนร้านแทบแตก)  ทำให้ปภาวีมีเวลาพอพักให้หายใจ  หลังจากที่ต้องรับกับพายุลุกใหญ่มาตลอด
“ เปรียวจ๊ะ  ช่วยส่งยำที่โต๊ะ  16 หน่อย  มี ยำผักบุ่งกรอบกับยำปูอัดนะ”
หญิงสาวพยักหน้า  แล้วเดินไปเสริฟ์ตามหน้าที่  แต่ปรากฏว่า....ที่โต๊ะ 16  ว่าง...สนิท...ว่างเปล่า....ไม่มีคนนั่งซะงั้น
“อ้าว...ซวยไหมล่ะเนี่ย...ย้ายโต๊ะทำไมไม่บอกกันก่อนนะ แล้วเราจะไปตรัสรู้ได้ไงเนี่ย...” แล้วจึงหันไปถามรุ่นน้องผู้เป็นสาวเสริฟ์ร้านนม
“ กิ๊ก  โต๊ะ 16 หายไปไหนอ่ะ...ย้ายโต๊ะหรือว่าชิ่งหนีล่ะ”
“ อ๋อ...ย้ายไปโต๊ะ 52 ค่ะ”
“ โห...ไรอ่ะ  ย้ายไปก็ไม่บอกซักนิด  พี่ต้องเดินกลับออกไปอีกหรือเนี่ย!” พูดจบก็หันหลังกลับเพื่อเดินไปยังโต๊ะ 52  แต่แล้วก็ดันไปชนกับร่างสูงที่กำลังเดินมาพอดี...แล้วก็
“ แฮ่...ขอโทษค่ะ” พูดจบก็ถอนหายใจที่ยำในจานยังอยู่ดีและไม่มียำจานไหนทรยศไปหกกระเด็นใส่คนตรงหน้า
“ เฮ้อ...คุณนี่...ผมเชื่อเลยว่าซุ่มซ่ามได้ตลอดเวลาเลยจริงๆ”  กวินภพพูดพลางมองหญิงสาวตรงหน้าซึ่งตอนนี้อยู่ในชุดสาวเสริฟ์ที่เค้าไม่ค่อยเห็นคนอื่นใส่กันเท่าไหร่    เสื้อยืดสีเลือดหมูกับกางเกงยีนขายาวสีซีดนิดๆ แล้วยังมีผ้ากันเปื้อนสีฟ้าลายพระจันทร์กับดาวดวงน้อย  ที่ดูยังไงก็ไม่เข้ากับชุดที่เจ้าตัวแต่งอยู่
ส่วนปภาวีทำกำลังทำการทบทวนประโยคที่เพิ่งได้มา ‘ ซุ่มซ่ามได้ตลอดเวลางั้นเหรอ...คุ้นๆแฮะ’ แล้วจึงเงยหน้าคนตัวสูงกว่า ‘ หน้าอีตานี่ก็คุ้นๆอ่ะ’ ( ก็บอกแล้วว่า  นางเอกของเรามีความสามารถในการจดจำใบหน้าคนได้น้อยมาก:คนเขียน)
และด้วยสายตาของหญิงสาวที่มองมาเป็นคำถามเหมือนพยายามจะนึกอะไรให้ออก  ทำให้กวินภพถึงกับร้องออกไป
“ นี่!...อย่าบอกนะว่าคุณจำผมไม่ได้อีกล่ะ”
“ แล้วชั้นไปรู้จักกับคุณตอนไหนล่ะ”
‘น่าน...เอากับเจ้าหล่อนสิ...เชื่อเลยยัยนี่น่ะ’  กวินภพได้แต่ส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ
“ วินคะ  ไปนั่งกันเถอะค่ะ  เมย์หิวแล้วล่ะ” หญิงสาวเจ้าของเสียงหวานที่เดินมากอดแขนชายหนุ่มตรงหน้าแสดงความเป็นเจ้าของแล้วพากันเดินไปยังโต๊ะที่จองไว้ แต่ไม่ลืมหันมาสั่งปภาวีให้เดินไปรับเมนูไปส่งด้วย    ส่วนปภาวีนั้นกำลังยืนทบทวนชั่วขณะเมื่อได้ยินเสียงผู้หญิงคนนี้  แล้วไฟล์ข้อมูลความทรงจำเมื่อตอนกลางวันทั้งหมดก็ถูกโหลดออกมา
‘ หนอย    ยัยนี่อีกแล้วเรอะ    มาถึงก็สั่งเลยนะ    ไม่เคยมากันรึไง    ร้านนี้เค้าให้บริการส่งเมนูด้วยตัวเองย่ะ....’  แล้วหญิงสาวก็ไม่สนใจ  กลับไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อ ( กฎอีกข้อของร้านยำและร้านนม :  กรุณานำเมนูที่ท่านเขียนไปส่งที่เคาน์เตอร์ร้านด้วยตัวเอง  จะฝากเด็กเสริฟ์มาก็ได้  แต่ส่วนใหญ่แล้วจะไม่ว่าง  เพราะแค่เดินเสริฟ์อย่างเดียวก็ขาลากพอแล้ว)
......................................
“ อ้าว...กิ๊ก  ทำไมเดินมาส่งเมนูเองเลยล่ะ”
“ ไม่เป็นไรค่ะ  พอดีกิ๊กว่างอยู่  อีกอย่างพี่ตั้มก็สั่งให้กิ๊กไปรับเมนูจากโต๊ะนี้มาด้วย  เพราะเป็นลูกค้าประจำค่ะ  ท่าทางรวยน่าดู”
“ โห...เส้นใหญ่ขนาดพี่ตั้มยังสั่งให้คนไปคอยดูแลหรือนี่  ชักอยากเห็นหน้าซะแล้วสิ”
“ โอย...โต๊ะนี้นะคะผู้หญิงก็สวยออก  กิ๊กจำได้ว่าเป็นดาวคณะมนุษย์ด้วย  ส่วนผู้ชายก็ทั้งเท่ห์ทั้งหล่อ...เทพบุตรในฝันกิ๊กเลยล่ะคะ”
“ เหรอจ๊ะ...ท่าทางจะเป็นหนุ่มในฝันกิ๊กจริงๆละมั้งเนี่ย...ดูสิเคลิ้มซะขนาดนั้น  ยังไงเดี๋ยวค่อยกลับไปฝันต่อที่หอนะจ๊ะน้องรัก”
“ ไม่เชื่อพี่เปรียวก็ดูเองซิคะ  ตอนไปเสริฟ์ยำน่ะ” พูดจบสาวน้อยก็ทำท่างอนกลับเข้าไปในร้าน
ปภาวีได้แต่หัวเราะตามแล้วยื่นเมนูให้เจ้าของร้านยำซึ่งตอนนี้กำลังว่างจากการปรุงยำ แถมกำลังอ่านหนังสือการ์ตูนอย่างเอาเป็นเอาตาย 
“ เปรียวจ๊ะ...ช่วยไปถามโต๊ะนี้ที  พอดียำเต้าหู้ปลาทอดหมด  เปลี่ยนเป็นยำเต้าหูไข่ทอดได้ไหม”
“ รับทราบเจ้าค่ะ” แล้วจึงเดินไปยังโต๊ะ  ซึ่งเขียนไว้ตรงมุมเมนูว่า  โต๊ะ Sweet
โต๊ะ Sweet  ช่างเป็นโต๊ะที่สมกับชื่อซะจริงๆ  โซฟานุ่มรูปครึ่งวงกลม  พร้อมกับโต๊ะวงกลมเล็กๆที่มีแจกันปักดอกกุหลาบสีแดงสดวางไว้  แถมยังตั้งอยู่ในมุมที่ดีทีสุดของร้านอีกด้วย  บรรยากาศสลัวนิดๆโรแมนติกอย่างบอกไม่ถูก    ทุกครั้งที่มาเสริฟ์โต๊ะนี้ทำเอาปภาวีถึงกับอมยิ้มกับความน่ารักของคู่รักแต่ละคู่ที่บางทีก็ผลัดกันป้อนขนมปังหรือไม่ก็อาหารมั่งล่ะ  นั่งมองตากันจนถ้ามดขึ้นตัวคงไม่มีใครรู้สึกก็มี( แบบว่าหวานซึ้งซะขนาดนั้น)  บางทีปภาวีเองยังได้เข้าร่วมเป็นพยานการบอกรักก็มี  ดังนั้นการเข้าไปเสริฟ์ที่โต๊ะนี้ต้องดูเวลา และโอกาสด้วยเพราะไม่อยากเข้าไปเป็นก้างขวางคอซักเท่าไหร่  ยกเว้นคู่ชายหญิงที่อยู่ตรงหน้าในขณะนี้    ที่หญิงสาวจำได้แล้วว่า  ฝ่ายหญิงเป็นคู่กรณีของเธอเองเมื่อตอนกลางวัน  ส่วนฝ่ายชายนั้น  ตั้งแต่เมื่อวานตอนเช้าแล้ว  และแค้นนี้ต้องชำระแบบทบต้นทบดอกเลยทีเดียว...แต่ตอนนี้ขอทำหน้าที่สาวร้านยำ  พนักงานบริการที่ดีหน่อยละกัน
“ ขอโทษนะคะ  พอดีว่าเต้าหู้ปลาทอดของเราหมดค่ะ  จะรับอย่างอื่นแทนไหมคะ  อย่างเช่น  เต้าหู้ไข่ทอด ก็อร่อยนะคะ  จะลองดูซักหน่อยไหมคะ” หญิงสาวพูดพร้อมกับส่งยิ้มอันเป็นสัญลักษณ์ของคนทำงานด้านบริการที่ถือว่า ลูกค้าต้องมาก่อน
“ ต๊าย!  นึกว่าใครนะคะวิน  มาทำงานเป็นเด็กเสริฟ์หรือว่าคนล้างจานกันนะจ๊ะ” หญิงสาวผู้มีดีกรีความงามเป็นถึงดาวคณะพูดขึ้น  เมื่อจำหน้าได้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร
“ แต่งตัวอย่างนี้  มีผ้ากันเปื้อนด้วย  เค้าก็เป็นเด็กเสริฟ์นะสิครับเมย์    คงไม่มีคนล้างจานที่ไหนออกมาเดินเล่นหรอกฮะ  เอ...หรือว่าใช่ครับ”  พูดพลางส่งสายตาและรอยยิ้มให้สาวเสริฟ์ร้านยำ
แต่ปภาวีก็ยังคงสีหน้าเช่นเดิมนั่นคือ....ยิ้ม...ยิ้มไว้ลูก  แต่ในใจ....แค้นนี้ต้องชำระภายในวันนี้...
“ ตกลงว่าจะรับอะไรเพิ่มไหมคะ” ถามชายหนุ่มที่นั่งเคียงข้างสาวสวย
“ เอายำเอ็นไก่ทอดเพิ่มมาก็ได้ครับ  ส่วนอย่างอื่นก็เหมือนเดิม” กวินภพพูดพลางอมยิ้ม เมื่อเห็นใบหน้าที่เปื้อนด้วยรอยยิ้มของหญิงสาวที่ดูเหมือนจริงใจไม่ติดใจกับคำพูดเมื่อครู่นี้  แต่ยังไงชายหนุ่มก็รู้สึกได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่ออกมาพร้อมกับรอยยิ้มนั้น
“ ค่ะ...ตกลงเมนูที่สั่งไปในส่วนของร้านยำมี  ยำเอ็นไก่ทอด  ยำหมูมะนาว  และยำผักรวมลวกนะคะ  รอสักครู่นะคะ”  พูดจบ ปภาวีก็รีบหมุนตัวเดินกลับทันที  ก่อนที่จะมีการทำร้ายร่างกายลูกค้าขึ้น
ขณะที่เดินมาร้านยำ  ปภาวีก็นึกหาทางเอาคืนสองคนนั้น  พอมาถึงร้านยำก็พบว่า เจ้าของร้านไม่อยู่ซะแล้ว  แต่มีโน้ตแปะติดอยู่บอกว่าให้หญิงสาวรับหน้าที่ทั้งหมดไปชั่วคราวซักครึ่งชั่วโมง  ด้วยพี่แกออกไปหาซื้ออะไรมากินและจะแวะไปเช่าการ์ตูนเล่มใหม่มาด้วย  ทำเอาปภาวีถึงกับส่ายหน้า และดูเหมือนหญิงสาวจะนึกอะไรออก  จึงใช้โทรศัพท์ที่โทรติดต่อกันภายในร้าน กดเบอร์ตรงเคาน์เตอร์ปั่นนมทันที
“ นี่พี่เปรียวนะ A  ...คือพี่อยากรู้ว่าโต๊ะ Sweet สั่งเครื่องดื่มอะไรมั่ง”
“ นมปั่นโยเกิร์ตเหรอ...เออ..พี่มีเรื่องให้ช่วยหน่อยอ่ะ...ช่วยปั่นนมโยเกิร์ตแบบพิเศษให้อีกแก้วนึงได้ป่ะ...เอาแบบน้ำทะเลเรียกพี่เลยนะ ...เดี๋ยวพี่รับผิดชอบเอง  อ้อ...แล้วเดี๋ยวพี่จะเอาไปเสริฟ์เองด้วยนะ  อย่าลืมล่ะ ”
“ ใครกันทำให้พี่สาวของAรักมาก  ถึงกับสั่งชนิดพิเศษให้เหรอคะ” เสียงใสตามสายถามกลับมาด้วยความสงสัยปนหัวเราะ
“ เอาไว้เดี๋ยวก็รู้เอง...ขอพี่ทำยำสูตรเด็ดของร้านก่อนนะ  อย่าลืมล่ะ ”  หลังจากวางโทรศัพท์เสร็จ  หญิงสาวก็รีบกลับมาปรุงยำสูตรเด็ดของไอ้เปรียวนี่ล่ะ 
.................................
ปภาวีมองจานยำในถาดที่ถือมาพร้อมกับแก้วนมปั่นโยเกิร์ตสูตรพิเศษ โดยทิ้งสูตรธรรมดาไว้ที่เคาน์เตอร์นมปั่นก่อน  ด้วยสีหน้าเปื้อนรอยยิ้ม  แล้วเดินมาหยุดอยู่ที่โต๊ะอันเป็นจุดหมายในคราวนี้
“ ยำได้แล้วค่ะ  มียำหมูมะนาว  ส่วนนี่ก็เอ็นไก่ทอด  แล้วก็ยำผักรวมลวกค่ะ” หญิงสาววางจานยำลงบนโต๊ะ ซึ่งมีเครื่องดื่มจำพวกแอลกอฮอล์ของชายหนุ่มวางอยู่แล้ว 
“ วินคะ...ดูซิคะยำหน้าตาแปลกดีนะคะ  ท่าทางน่าทานจัง  ว่าแต่ใจนะว่าทานได้นะ” พูดพลางส่งสายตามาให้สาวเสริฟ์ที่ยังคงยืนยิ้มอยู่อย่างมีไมตรีและในมือยังมีแก้วนมอยู่
“ ลองทานดูซิคะ  ไม่ลองก็ไม่รู้นี่คะว่าอร่อยจริงรึเปล่า  แต่ยำผักรวมลวกนี่ยอดฮิตเลยนะคะ สำหรับคนสวยๆหุ่นดีๆอย่างคุณ  เพราะเมื่อกี้ก็มีโต๊ะนึงที่สั่งมาพร้อมกับของคุณนี่แหละค่ะ  เพียงแต่รีบมาเสริฟ์ให้โต๊ะคุณก่อน  เกรงว่าจะรอนานน่ะคะ”
สาวสวย นาม  เมย์ชญา ได้ยินคำชมจากปากหญิงสาวถึงกับเป็นปลื้มโดยลืมไปว่าคนตรงหน้าเคยถูกตัวเองทำอะไรไว้  จึงตักยำผักรวมลวกของตนเองทานทันที...และก็....วางช้อนส้อมลงกับจานลงทันทีเหมือนกันเมื่อ
“ อ๋าย...ทำไมมันเผ็ดอย่างนี้ล่ะ  ชั้นสั่งไปว่าไม่เผ็ดไม่ใช่เหรอ”
“ ตายแล้ว...ขอโทษค่ะ  คงหยิบผิดมาน่ะคะ  คงเป็นของอีกโต๊ะน่ะคะ  เดี๋ยวไปเอามาให้ใหม่นะคะ อ้อ...นี่ค่ะน้ำที่สั่งไว้...รอสักครู่นะคะ”  พูดจบก็รีบหันหลังกลับไปเอายำและนมปั่นสูตรธรรมดามาเปลี่ยนโดยไม่ยืนดูผลงานรอบที่สองของตัวเอง ด้วยรู้ว่ายังไง....ก็สำเร็จ
เมย์ชญารับแก้วน้ำที่ปภาวีส่งมาให้แล้วรีบดูดให้ความเย็นไปดับความร้อนเข้าในปาก  แต่แล้วพอผ่านไป 3 วินาที  สาวสวยถึงกับลุกพรวดไปเข้าห้องน้ำ  ทำให้กวินภพถึงกับงงกับเหตุการณ์ตรงหน้า แล้วก็ถึงบางอ้อ เมื่อสาวเสริฟ์ร้านยำวิ่งกระหืดกระหอบมา พร้อมกับ ยำจานใหม่และ นมปั่นที่ดูเหมือนกับแก้วที่เมย์ชญาเพิ่งทานไปแล้ววิ่งไปเข้าห้องน้ำทันที ซึ่งตอนนี้ชายหนุ่มออกจะมั่นใจว่า ทั้งหมดเกิดจากฝีมือคนตรงหน้าแน่ๆ  ถึงแม้จะตีหน้าซื่อสำนึกผิดมากๆก็ตามที
“ คือว่า...ขอโทษอีกทีนะคะ  พอดีว่านมปั่นแก้วเมื่อกี้น่ะคะ  น้องเค้าเผลอทำเกลือหกลงไปพอปั่นแล้วลืมเอาทิ้งน่ะคะ  เลยหยิบผิดมา  ส่วนนี่ค่ะ  ของจริง ค่ะ  ทั้งยำและนมปั่น  รับรองค่ะว่าไม่มีหยิบผิดมาอีกแล้วอย่างแน่นอนค่ะ”    พูดพลางตีสีหน้ายิ้มเจื่อนๆให้ดูสมจริงยิ่งขึ้น
“ ว่าแต่ผู้หญิงที่มากับคุณไปไหนล่ะคะ  อยากจะขอโทษเธอซะหน่อยที่เกิดเรื่องผิดพลาดขึ้นน่ะคะ”
“ ไปห้องน้ำครับ...เดี๋ยวคงมา...ว่าแต่คุณทำงานผิดพลาดอย่างนี้บ่อยเหรอครับ  ไอ้ประเภทเสริฟ์ผิดโต๊ะ  หรือไม่ก็ทำเกลือหกใส่เนี่ย”  กวินภพพูดพร้อมจ้องหน้าหญิงสาวอย่างจับผิด
“ แหม...มันก็พอมีบ้างล่ะคะ  ไอ้เรื่องความผิดพลาดเนี่ย  ใครจะไปรู้ล่ะคะว่าเราจะพลาดเมื่อไหร่    จริงไหมคะ” ส่วนในใจหญิงสาวแล้ว‘ แต่สำหรับงานนี้ชั้นตั้งใจสุดๆเลยล่ะ’
“ แน่ใจนะครับว่ามาจากความผิดพลาดที่มันบังเอิญเกิดขึ้น  ไม่ใช่ความตั้งใจของใครบางคน”
“ แหม  คุณอย่ามองโลกในแง่ร้ายไปหน่อยเลยค่ะ  ยำจานอื่นชั้นก็หยิบมาถูกแล้ว  แต่บังเอิญอย่างที่บอกนั่นแหละค่ะว่า มีอีกโต๊ะนึงเค้าสั่งยำมาแบบเดียวกันแถมเอาแบบแซบๆ อีก  มันเป็นความผิดของชั้นจริงๆค่ะ ที่สะเพร่าไปนิดนึง  ยังไงก็ต้องขอโทษอีกครั้งนึงนะคะ”
“ ช่างมันเถอะครับ  แล้วค่ายำเท่าไหร่ละครับ” ชายหนุ่มพูดตัดบทเมื่อดูท่าทางซักฟอกจำเลยตรงหน้าแล้วยังไงก็คงไม่ได้ความอยู่ดี  ก็ดูสิ  เจ้าหล่อนออกจะตีบทแตกทำหน้าเศร้าราวกับเสียใจจริงๆขนาดนั้น 
“ 70 บาทค่ะ สำหรับค่ายำ”
“ นี่ครับ  ไม่ต้องทอนละกัน”
“ ขอบคุณนะคะ...คุณกวินภพ” แล้วรับเงินกลับไปที่ร้านด้วยความสบายใจและสาแก่ใจเป็นอย่างยิ่ง  พลางนึกว่าจะทำยังไงดีกับเงินทอนอีก 30 บาทนี้ดี  เพราะโดยปกติแล้วปภาวีจะไม่รับทิปจากใครทั้งนั้น  ด้วยว่าเงินที่ได้จากการทำงานที่ร้านยำมันก็คุ้มค่าแล้ว  แล้วก็ยิ้มออกมาเมื่อนึกขึ้นมาได้กับวิธีจัดการกับทิปที่ได้มา 
หญิงสาวนำเงินที่ได้ไปสั่งยำที่ร้านเลี้ยงผู้ร่วมขบวนการทั้งหลาย  อันได้แก่  สามศรีพี่น้อง  A  O และ U  หลังจากคนในร้านเริ่มร้างเป็นป่าช้า ด้วยว่าเป็นเวลา 4 ทุ่มกว่าแล้ว  และใกล้เวลาที่ร้านใกล้ปิด
“ พี่เปรียวถามจริงเหอะ  ไปแค้นสาวสวยคนนั้นมาแต่ชาติปางไหนน่ะ  ถึงกับสั่งให้A ทำนมปั่นสูตรพิเศษไปให้เจ้าหล่อนน่ะ ”  ผู้ทำนมปั่นสูตรพิเศษถาม ขณะนั่งกินยำที่หญิงสาวผู้เป็นรุ่นพี่สั่งมาเลี้ยง
ปภาวีเองก็เลยเล่าเหตุการณ์เมื่อตอนกลางวันให้ฟัง   
“ แล้วผู้ชายที่มาด้วยใช่คนเดียวกับเมื่อตอนกลางวันป่ะ”  หนุ่ม U  น้องเล็กที่สุดถาม
“ ใช่...หมอนี่แหละตัวต้นเหตุความวุ่นวายในชีวิตพี่มา 2 วันแล้ว...และต้องชดใช้ให้คุ้มทั้งต้นทั้งดอกเลยทีเดียว”
“ แล้วไม่เห็นพี่เปรียวทำอะไรเลยล่ะฮะ...เห็นแก้แค้นซึ่งๆหน้ากับผู้หญิงอยู่คนเดียว” หนุ่ม O  ถามมั่งด้วยความสงสัย
“ ใครว่า...คนอย่างพี่เมื่อมีโอกาศแล้วไม่เอาคืนน่ะ  อย่ามาเรียกไอ้เปรียวเลย” 
พูดจบแล้วยิ้มเมื่อนึกถึงว่าตนได้ใส่อะไรลงไปในยำของชายหนุ่ม  ‘ ยาถ่าย’ ชนิดออกฤทธิ์ช้าแต่ให้ผลชัวร์  โดยจะออกฤทธิ์หลังจาก15 ชั่วโมงผ่านไป  งานนี้ต้องขอบคุณ  นายอ้น  เด็กเภสัชฯ ผู้เป็นเสมือนลูกน้องของหญิงสาวสมัยเรียนมัธยมและติดตามลูกพี่มาเรียนที่นี่  รวมทั้งได้เรียนคณะที่ตนเองอยากเรียนด้วย  ทำให้หญิงสาวได้รับความรู้เกี่ยวกับยาเป็นอานิสงฆ์  เพราะต้องฟังลูกน้องตัวเองพร่ำบ่นให้ฟังอยู่ร่ำไป  และยาถ่ายตัวนี้หญิงสาวเพิ่งได้มาเมื่อ  3 วันก่อนจากนายอ้นนั่นเอง และมันยังติดอยู่ในกระเป๋ามาด้วย...ช่วยไม่ได้นะนายวินนี่ หมีพูห์เอ๊ย...เผอิญว่าอะไรๆมันก็เป็นใจไปซะหมด
3 พี่น้อง มองหน้ารุ่นพี่ที่ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์  พลางหนักใจแทนหนุ่มหล่อคนนั้นที่ท่าทางพี่เปรียวจะเอาคืนหนักแฮะ
............................
บอกเล่าเก้าถึงสิบ
มาอัพให้แล้วนะคะ  ยังไงก็ช่วยให้คำแนะนำแก่นักเขียนมือใหม่อย่างyameraด้วยละกัน
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น