ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สาวร้านยำกับเพลย์บอยร้านนม

    ลำดับตอนที่ #3 : การกลับมาของหนูปุ๊กปิ๊ก...!

    • อัปเดตล่าสุด 27 ก.ย. 48


    สองเพื่อนรักมองหน้ากันด้วยความไม่แน่ใจว่าตัวเองใช่คนที่ถูกเรียกหรือเปล่า  แต่ชายหนุ่มเจ้าของเสียงก็เดินมาดักหน้าทั้งสองไว้ด้วยความรวดเร็ว  เหมือนจะรู้ว่า  เรียกไปแล้วสองคนนี่ก็คงไม่คิดว่าใช่ตัวเองเป็นแน่



    “ เอ่อ...ขอโทษนะครับ....คือว่า”



    “ นี่....  ทางไม่มีให้เดินรึไง  ถึงได้มาขวางทางเดินคนอื่นเค้าน่ะ....หลีกดิ....คนยิ่งรีบๆอยู่ ”



    คำพูดสั้นๆห้วนๆชวนหาเรื่องออกมาจากปากของหญิงสาวตรงหน้า  ทำเอาชายหนุ่มร่างสูง  หน้าตาคมเข้มเป็นที่สะดุดตาของสาวๆที่เดินผ่านไปมา  นามว่า  กวินภพ  ถึงกับอึ้ง..และอึ้ง  พลางส่ายหน้าในคำพูดของหญิงสาว



    “ ทางน่ะ...มีให้สำหรับผมเดินอย่างแน่นอน  แต่เผอิญว่าผม...มีเรื่องจะคุยกับคุณ  ถึงได้ต้องบากหน้ามาขวางทาง  ผู้หญิงปากคอแสนจะร้ายกาจอย่างคุณน่ะ”



    พูดจบ ส่งผลให้หญิงสาวเงยหน้าสบตาคนพูด    ตามด้วยแววตาที่บ่งบอกว่าชักเริ่มจะมีเรื่องกับคนตรงหน้าซะแล้ว   ส่วนนายแบงค์เพื่อนรักได้แต่หัวเราะอยู่ในลำคอ พลางคิดว่า ‘ เหอๆๆหมอนี่เล่นเชือดแบบเรียบๆนี่หว่า’  แล้วจึงถามเพื่อนสาวข้างกาย  



    “ ไอ้เปรียว ... แกไปรู้จักหมอนี่ได้ยังไง...ที่ไหน...เมื่อไหร่....ทำไมชั้นไม่รู้ฟะ ”



    ไม่มีคำตอบจากเพื่อนสาว



    “ นี่นาย...อย่ามาเล่นมุขนี้นะ...ชั้นไม่สนุกเลยกับไอ้วิธีการเข้ามาจีบอย่างนี้น่ะ...มันเชยเอามาก....ชั้นไม่สนหรอกนะว่านายรู้จักชั้นได้ไง     แต่ที่แน่ๆ....ชั้นไม่เคยรู้จักนาย”



    พูดไป  หญิงสาวก็มองหน้าชายหนุ่ม  พลางนึกในใจว่าคุ้นๆหน้าหมอนี่อยู่เหมือนกันนะเนี่ย(ไม่คุ้นหรอกมั้งจ๊ะ...แม่คู๊ณ   เพิ่งเจอเมื่อ 2-3 ชั่วโมงก่อนนี้เอง : คนเขียน)  และก็ด้วยนิสัยที่มีอยู่ในตัวหญิงสาวอีกอย่างหนึ่งที่เพื่อนๆทุกคนรู้ดี นั่นคือ   เจ้าหล่อนไม่เคยจำหน้าคนที่เจอกันเพียงครั้งเดียว+ครั้งที่สอง+ครั้งที่สาม  ได้สักคน...ต้องเห็นหน้าหรือเอาใบหน้าโผล่มาให้เห็นไม่ต่ำกว่า 3 ครั้งโน่น...จึงจะถูกบันทึกใส่ในสมองของเจ้าหล่อน    





    ดังนั้นหญิงสาวจึงไม่ใส่ใจที่จะนึก(เพราะนึกยังไงก็นึกม่ายออกอยู่แล้วแหละ...ไอ้เปรียวเอ๋ย)  แล้วลากเพื่อนรักเดินหลีกไปอีกทาง  



    ส่วนชายหนุ่มร่างสูงกลับงุนงงกว่าเดิม  ‘ ยัยนี่...จำเราไม่ได้จริงดิ...หน้าตาขนาดเรา  สาวๆคนไหน  เห็นแค่ครั้งแรกไม่เก็บไปเพ้อก็บ้าแล้ว ....และยัยนี่เพิ่งเจอกันเมื่อเช้าเองนะ ’ ( สาวๆคนอื่นอาจจะจำนายได้น่ะนะ....ยกเว้นนางเอกชั้น : คนเขียน)      แล้วก็ไปขวางทางเดินของคนทั้งสองอีกรอบ



    “ นี่นาย...อยากตายรึไง   บอกว่าไม่เคยรู้จัก  ไม่มีธุระทั้งส่วนตัวและส่วนรวมจะคุยกับนายน่ะ  พูดไม่รู้เรื่องรึไง.... หน้าตาก็ดี  ท่าทางฉลาดและแสนรู้   แต่ไม่น่าจะฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องนะ ”



    “ คุณ!....”  ชายหนุ่มถึงกับสะอึกในคำพูดของเจ้าหล่อน  



    “ เฮ้ย !...เปรียวแกใจเย็นๆดิ...ฟังเค้าพูดก่อน...แล้วก็ช่วยเก็บสัตว์เลี้ยงแสนน่ารักของแก...กลับคืนเข้าไปในปากแกเลยนะเพื่อน...” แบงค์พูดขึ้นมาเมื่อเห็นว่าเพื่อนสาวชักจะไปกันใหญ่แล้ว



    “ไอ้คุณแบงค์...แกนี่มัน......” แล้วหญิงสาวก็ต้องหยุดพูดเพราะเพื่อนรักเอามือมาตะปปปิดปากเจ้าหล่อนไว้  ก่อนที่สัตว์ร้ายต่างๆจะออกมาอาละวาดข้างนอกอีก   แล้วนายยุธาชิต หรือ นายแบงค์ของเราก็เริ่มการเจรจากับชายหนุ่มตรงหน้าที่ทำท่าว่ารู้จักและมีธุระสำคัญกับเพื่อนสาวของเค้าจริงๆ



    “เอ่อ...คุณ... ”



    “ กวินภพ  ครับ ”  ชายหนุ่มแนะนำตัวกับเพื่อนของหญิงสาวที่ท่าทางจะพูดรู้เรื่องกว่าคนข้างกายที่ยังคงถูกปิดปากไว้



    “ คุณรู้จักเพื่อนผม...และมีธุระกับยัยนี่จริงๆ” พลางชี้ไปที่คนข้างๆตัว



    “ ครับ”  



    “ ว่าไงไอ้เปรียว...แกจะฟังคุณกวินภพเค้าไหมนี่...”



    “เฮอะ...กวินภพ   งั้นเหรอ....ยังงั้ยยังไงมันก็ไม่มีชื่อนี้... หน้าตาอย่างนี้ .... อยู่ในรอยหยักของสมองบันทึกความจำใบหน้าคนของชั้นเลยนะ ” หญิงสาวพูด  หลังจากเพื่อนเอามือออกจากการปิดปากเพราะเห็นว่าเจ้าหล่อนท่าทางจะใจเย็นลงบ้างแล้ว



    ส่งผลให้ชายหนุ่มอดทนไม่ไหว  เพราะขืนรอให้เจ้าหล่อนนึกออก  คงต้องรอชาติหน้าแน่ๆ  และนึกในใจว่า ‘ นี่เรามีอะไรที่ไม่น่าจำขนาดนั้นเชียวเหรอฟะ’



    “ เอ้า !  นี่ของคุณใช่ไหม”  พลางชูกุญแจเด็กหญิงน่ารักตัวน้อยในมือขึ้น



    ทำให้หญิงสาวเงยหน้ามองของในมือชายหนุ่ม  แล้วก็เบิ่งตาโต  จากนั้นคำพูดที่น่าจะพูดออกมากลับถูกเก็บเอาไว้  แล้ว...



    “ เฮ้ย!..นี่มันของชั้นนี่.... นายเอามาได้ไง...ขโมยมาตอนไหน.... หน้าไม่ให้เป็นโจรเป็นขโมยซักเท่าไหร่…แต่อย่างว่าคนสมัยนี้ดูแค่หน้าตาได้ที่ไหน..คนเราน่ะนะ..................”       และอีกหลายคำพูดที่ชายหนุ่มจะได้รับฟังแบบแสบๆคันๆ  ถ้านายแบงค์ไม่รีบเอามือมาปิดปากเพื่อนสาวของตนเองอีกรอบ



    ส่วนชายหนุ่มถึงกับส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ ‘ เอาเข้าไปสิแม่คู๊ณ...ว่าเข้าไปนั่น..ผู้หญิงอะไร...แปลกประหลาด...ปากคอก็ร้าย....ใครไปตกหลุมติดกับดักรักกับเจ้าหล่อน...มีหวังซวยไปทั้งชาติแน่ๆ’



    “ คุณคงไม่เชื่อที่เพื่อนคุณกล่าวหาผมหรอกนะครับ ”  ชายหนุ่มหันไปพูดกับคนที่ควรพูดด้วยแทน



    “ ใครเชื่อยัยนี่ก็บ้าแล้วครับ....ยิ่งไม่ค่อยเต็มกับคนอื่นเค้าด้วย ”



    ทำให้กวินภพถึงกับหัวเราะออกมา ส่วนคนถูกพาดพิงได้แต่ถลึงตาใส่เพื่อนรักแล้วอาฆาตไว้ในใจ ‘ เผาชั้นต่อหน้าคนอื่น เพิ่มเป็นสองกระทง ทบต้นทบดอกแน่...ไอ้แบงค์’



    “ ว่าแต่คุณเจอหนูปุ๊กปิ๊กได้ไงครับ”



    “ หืม...หนูปุ๊กปิ๊ก ”  ชายหนุ่มถึงกับงง  แล้วก็ถึงบางอ้อ...เมื่อคนตรงหน้าชี้ไปที่พวงกุญแจ



    ชายหนุ่มก็เล่าถึงที่มาที่ไป  ซึ่งก็คล้ายๆกับที่เพื่อนรักเล่าให้ฟัง  แต่ที่ชายหนุ่มเล่ามา   น่าจะเป็นความจริงมากกว่า



    “ กุญแจชื่อ  หนูปุ๊กปิ๊ก  ส่วนรถ ชื่อ  ลุงซู  แล้วเจ้าของนี่มีชื่อแปลก  แบบประหลาดๆ ไหมครับ”



    “ 555....เยอะฮะ ...ฉายายัยนี่...จะเอาแบบประหลาดขนาดไหน...อย่างเช่นว่า... ”



    ตุ๊บ!



    อั๊ก!



    “ โอ้ย…เจ็บนะโว้ย ” แบงค์ถึงกับร้องออกมา  ด้วยลืมนึกไปว่าถึงแม้ปากจะถูกปิด  แต่มือทั้งสองข้างของหญิงสาวยังใช้การได้ดีไม่มีบกพร่องและออมแรงแม้แต่น้อย   ทำให้ต้องเอามือมาลูบหลังของตัวเองเบาๆ    ส่วน กวินภพ ถึงกับกลืนน้ำลายในความแรงและหนักของกำปั้นของหญิงสาว



    แล้วหญิงสาวก็หันมาพูดกับคนตรงหน้า



    “ นาย...เป็นคนที่ชนชั้นเมื่อเช้านี้...เพราะงั้นต้องรับผิดชอบค่าเสียหายที่เกิดขึ้น ”  



    “ ไม่ได้ชนครับ...แค่เกือบ...เกือบน่ะครับ...คุณก็รู้ดีนี่”



    “ แล้วไง....หมายความว่านายจะไม่รับผิดชอบ?  ”   น้ำเสียงที่ชักจะดังขึ้นทุกที   (  รู้หรอกน่ะ...ว่าชนไม่ถูกซักกะนิด  แต่ไอ้เรามันดันเป็นคนประเภท  ถ้ารู้ว่าเราถูกเราสู้ตาย... แต่ถ้ารู้ว่าเราผิด   เราต้องทำให้มันถูก  : สโลแกนประจำตัวของ ปภาวี  เอง)



    “ ฟังผมพูดให้จบก่อนสิครับคุณ...ส่วนค่าเสียหาย...ตัวคุณเอง ผมก็ไม่เห็นว่าบุบสลายตรงไหนแม้แต่ปลายเล็บ....แต่ถ้าเป็นลุงซูของคุณน่ะ   ผมเอาเข้าอู่ให้และจะจัดการค่าซ่อมให้เรียบร้อยแล้ว  พอใจไหมครับคุณผู้หญิง ”  



    “ จริงดิ  ขอบใจนายมากเลย   แหม...ดูคนผิดไปจริงๆนะเนี่ย  ” ส่วนในใจหญิงสาวงั้นเหรอ ‘ เย้! ประหยัดเงินไปตั้งเยอะแฮะ  เงินเก็บสำหรับแฮรี่พอตเตอร์ เล่ม 6 ยังคงมีต่อไป 555’





    “ งั้นชั้นขอกุญแจคืน ”



    “ ได้ครับ ”



    หญิงสาวจึงยื่นมือไปรับของ...แต่สิ่งที่ได้มาบนฝ่ามือกลับเป็น...กุญแจห้องพักเพียง 1 ดอกของหญิงสาวเอง กับกระดาษแผ่นเล็กๆ  เมื่อพลิกดูแล้วก็พบว่าเป็นนามบัตรคนตรงหน้า    แล้วสีหน้างุนงง ของหญิงสาวก็ส่งให้คนตรงหน้าหัวเราะเบาๆ  พร้อมกับนัยน์ตาที่เจ้าเล่ห์ แล้วเอ่ยขึ้นมา



    “ คุณขอกุญแจคืน...ผมก็คืนให้แล้วนะครับ...แต่เป็นกุญแจห้องพักซึ่งน่าจะจำเป็นมากกว่า...ส่วนแม่หนูปุ๊กปิ๊กที่แสนจะน่ารักนี่   ผมขอเอาไปเก็บไว้ซักวันเพราะกว่าลุงซูแกจะซ่อมเสร็จก็คงเป็นเย็นนี้...ยังไงพรุ่งนี้ก็โทรหาผมตามนามบัตรนี้ละกัน...ซักตอนเที่ยงแต่ไม่เกินเที่ยงครึ่งนะครับ...ถ้าหลังจากนั้นก็คงต้องรอเป็นเที่ยงของวันถัดไป....แล้วก็กรุณาตรงต่อเวลาด้วยนะครับคุณผู้หญิง...ไม่งั้นยัยหนูนี่กับลุงซูของคุณ ท่าทางจะอยู่กับผมไปอีกนาน.... ”



    ข้อเสนอของชายหนุ่มทำให้หญิงสาวถึงกับอึ้งบ้าง   และชายหนุ่มก็ไม่รอให้หญิงสาวได้มีโอกาสส่งคำพูดที่แสนจะไม่รื่นหูออกมาเลย  ด้วยการ



    “ งั้นผมขอตัวนะครับ  ผมเสียเวลากับคุณมามากแล้ว  แล้วเจอกันครับ...คุณผู้หญิงทิ่เลี้ยง puppy ไว้ในปาก ”  แล้วก็เดินออกไปจากโรงอาหารอย่างรวดเร็ว   ทิ้งให้ หญิงสาวยืนอึ้งเป็นรอบที่สอง  พร้อมๆกับนึกหาคำแปลคำศัพท์ที่ชายหนุ่มพูดออกมา ( ด้วยว่าเรื่องภาษาอังกฤษนี่แสนจะ....เฮ้อ!...เรียนผ่านมาได้ก็บุญแล้วสำหรับตัวหล่อนเองน่ะ)  แล้วก็มานึกออกเอาตอนที่เพื่อนรักหัวเราะจนแทบจะนอนไปกองกับพื้นแล้วพูดออกมา



    “ ดีขนาดไหนที่เค้าเปรียบแค่เป็นไอ้ตัวเล็กๆน่ะ....แสดงว่าปากแกก็ยังไม่ถึงขั้นตัวเต็มวัย...5555”



    “ หนอย...หมอนี่ท่าทางไม่อยากอยู่ร่วมโลกกับชั้นแล้วล่ะสิ…บังอาจมาว่าชั้นเลี้ยงหมาไว้ในปากงั้นเหรอ”



    “ พอเลยๆ ...เพื่อนรัก...เค้ารับผิดชอบขนาดนี้ก็ดีมากแล้ว...เป็นคนอื่นไม่มาให้แกเห็นหน้าด่าซ้ำเป็นรอบที่สองหรอก”



    “ แต่...แม่หนูปุ๊กปิ๊กของช้านๆๆ...”



    “ โอ๊ย! แก...เค้าก็บอกแล้วไงว่าลุงแกยังซ่อมไม่เสร็จ...แม่หนูปุ๊กปิ๊กมาอยู่กับแกก็ไม่มีประโยชน์หรอก...ทางที่ดี  พรุ่งนี้แกก็อย่าลืมโทรไปหาเค้าละกัน...อ้อ...ตรงเวลาด้วยล่ะ  ไม่งั้นชั้นก็ช่วยอะไรไม่ได้”

    ชายหนุ่มพูดจบแล้วเดินนำหน้าออกไป ‘ เหอะ...ไอ้เปรียวเอ๋ย...สมควรหมอนี่เอาคืนแล้วล่ะ...ก็เรียกให้รับผิดชอบซะขนาดนั้น...อย่างแกน่ะ  ต้องเจออย่างนี้ว่ะ ’



    …………………………….



    ที่ห้องเรียน ในภาคบ่าย



    ขณะที่นั่งรออาจารย์มาสอนนั้น   หญิงสาวนามว่า ปภาวี  หรือ  ไอ้เปรียว กำลังถูกรุมให้ตอบข้อสงสัยและคำถามต่างๆก็ถูกยิงออกมาเป็นชุดๆจากบรรดาเพื่อนสาวทั้งหลาย   ที่บังเอิ๊ญบังเอิญ  นั่งอยู่ในโรงอาหารเมื่อตอนกลางวันด้วย  และค่อนเอาใจใส่เรื่องที่เกิดขึ้นอย่างมาก( เอาใจใส่ชายหนุ่มคู่กรณีของไอ้เปรียวมันต่างหากล่ะ)



    “ เปรียว  แกไปรู้จักหนุ่มหล่อมาดเท่ห์ คนนั้นได้ไง ”



    “ ชื่ออะไร   คณะไหนอ่ะ    ทำไมเค้าไม่เคยเห็น ”



    “ แกมีเบอร์ติดต่อไหมเพื่อน...ถ้าชั้นจีบติดนะ...ชั้นเลี้ยงแกมื้อใหญ่เลย ”



    และอีกฯลฯ  จนหญิงสาวซึ่งนั่งอยู่ตรงกลางวงล้อม  ทนไม่ไหว  วางนามบัตรของชายหนุ่มบนกลางโต๊ะ



    “ เอ้า! ..อยากรู้จักก็อ่านเอง...แต่ชั้นไม่ได้อยากรู้จักหรือนึกพิศวาสหมอนี่หรอกนะ...เจอทีไร...มีแต่เรื่องซวยตลอด...”



    “ ต๊าย !...ยัยเปรียว  แกรู้ไหมว่านี่ใคร”  ยัยนุ่น  ซึ่งถือนามบัตรไปดูเอ่ยขึ้นมาอย่างตื่นเต้น



    “ รู้สิ...ก็คนเหมือนกัน...มีสองหู  สองตา สองรูจมูก  แถมเป็นผู้ชายที่ปากร้ายเป็นบ้าเลย   น่าสนตรงไหน”  ปภาวี ตอบอย่างแกนๆ



    “ พอเลยยัยเปรียว...แกนี่ไม่รู้อะไร....นี่คู่กรณีแกน่ะนะ   กวินภพ  นิพิฒฐนา  ลูกชายเจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และรีสอร์ทที่ใหญ่ที่สุดในภาคเหนือเชียวนะแก ”



    “ เออ...แล้วไง   น่าสนใจตรงไหน  หน้ายังกะปลาจรวด  ท่าทางไม่เอาไหนแถมสูงเป็นเปรตอีกต่างหาก”



    “ ใช่ ๆ...ไม่หน้าสนใจหรอก ...ก็แค่...หน้าตาคมเข้ม  ดูดี  สมาร์ทแอนด์ Tall  ครบสูตร  แถมเรียนวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ด้วยนะแก  ได้ข่าวว่าเรียนเก่งแถมทำท่าว่าจะจบด้วยเกียตินิยมด้วยนะ\"  

    ยัยปอ   พูดเสริมมาจากนอกกลุ่มที่นั่งคุยกัน  ทำให้ทั้งกลุ่ม  ยกเว้น...นางเอกเรา    หันกลับไปขอรายละเอียดเกี่ยวกับหนุ่มคนนี้ จากยัยปอกันทันที    



    ส่วนปภาวี ก็ได้แต่เบ้หน้า ‘ เฮอะ..กรี๊ดกันเข้าไป..บ้ากันเข้าไปนั่น...โอ้ย  ทำไมวันนี้ดาวเคราะห์ในระบบสุริยะถึงได้นัดรวมพลกันเนี่ย   พระศุกร์เข้า  พระเสาร์แทรก ไม่พอ ดาวอังคารยังจะตามมากระทืบซ้ำอีก  เซ็ง! ”  

      

    แล้ววันนี้ก็จบด้วยการที่นายแบงค์ต้องคอยเป็นสารถีให้เพื่อนรักตลอดทั้งวัน   แถมมีการโอดครวญนิดๆที่ต้องเลิกนัด 3 รายซ้อนกันในวันเดียว  แต่ก็ได้รับคำปลอบใจที่ไม่รู้ว่าจริงใจรึเปล่าจากไอ้เปรียวว่า  



    “ เออน่า  ...ชั้นอุตส่าห์ช่วยให้แกไม่ต้องเหนื่อยเปลืองแรงสับรางรถไฟนะวันนี้...ไม่ดีรึไง...แถมพรุ่งนี้ก็อาจไม่ต้องเหนื่อยอีกด้วย...เพราะถ้า 3 สาวนั่นมาเห็นชั้นเกาะติดกับแกอยู่อย่างนี้ล่ะก็....”

    ละไว้ในฐานที่เข้าใจว่า...แกถูกทิ้งแน่ๆ      



    แล้วหญิงสาวก็ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์



    “ เพราะงั้น...พรุ่งนี้แกต้องช่วยชั้นในการตามลุงซูคืนมา  ไม่งั้นแกก็เตรียมเงินไปซื้อปุ๋ยมาใส่ไร่แห้วได้เลยเพื่อน  555”



    …………………………..



    บอกเล่าเก้าถึงสิบ

        ตอนแรกที่บอกว่าจะมาลงให้ตั้งแต่วันศุกร์    แต่ว่าสัมมนากับสอบ 2 ตัว ทำให้น็อคไปเลยค่ะ   แถมต้องกลับไปบ้าน (  แบบว่าช่วยที่บ้านเตรียมขนของหนีน้ำท่วม  เผื่อพายุที่เข้ามาเค้าจะไม่ปราณีเรา อิอิ  )  yamera เลยค่อนข้างจะวุ่นวายกับชีวิตมากในช่วงนี้    ยังไงอาทิตย์นี้จะพยายามมาอัพให้อีกตอนละกันค่ะ  ไม่กล้าบอกว่าเป็นวันไหน   ยังไงช่วยติดตามและให้คำแนะนำกับนักเขียนมือใหม่ด้วยนะคะ





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×