คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ตอน...เรื่องมีอยู่ว่า...กบ
หลังจากล็อคประตูห้องเสร็จร่างสูงของแซนซัสก็เดินมาหาสควอโล่แต่กลับพบว่า...ที่ตรงนั้นว่างเปล่า หลงเหลือเพียงซากเข็มขัดที่กองอยู่กับพื้นและลอยหยดเลือดเล็กๆ ไม่มี...ร่างบาง
“ไอ้สวะ! อึก” พอไม่มีร่างบางอยู่แซนซัสก็อวดเก่งอีกต่อไปไม่ไหว ร่างสูงล้มลงพื้นอย่างแรงมือก็จับขอบเตียงเอาไว้อย่างต้องการหาที่พยุง อุณหภูมิในร่างกายสูงขึ้นจนหน้าตกใจอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน แซนซัสฝืนตัวเองลุกขึ้นไปจะดื่มน้ำที่วางอยู่บนโต๊ะ แต่ยังไม่ทันได้ดื่มน้ำมือเจ้ากรรมก็ดันไปปัดโดนจนแก้วตกแตก
เพล้ง!
“Shit! อะไรนักหนาวะ!”
“บอส!”
แซนซัสรีบหันควับไปมองทางต้นเสียงก็เห็นร่างบางยืนอยู่ไม่ห่างจากตัวเองมากนัก
“แก...ยังอยู่อีกเรอะ” ร่างสูงพูดเสียงเรียบสายตาก็มองไปที่ร่างบางตั้งแต่หัวจรดเท้าเหมือนจะพิจารณาร่างกายภายใต้เสื้อผ้าที่ฉีกขาดนั่น และใช่ว่าร่างบางจะดูสายตาแบบนั้นไม่ออก สควอโล่รีบจัดเสื้อให้เรียบร้อยพยายามที่จะปกปิดร่างกายตัวเองที่โผล่ออกมานอกเสื้อ
“ทำไม...คิดว่าฉันหนีออกไปแล้วรึไง ไม่คิดเลยนะว่าจะเห็นบอสล้มลงกับพื้นอย่างนั้น” ร่างบางพูดเยาะเย้ย
“อย่ามาปากดี...ไม่งั้นแกจะได้โดนหนักกว่าเมื่อกี้” ร่างสูงเดินเข้ามาบีบคางร่างบางพรางจ้องหน้าอย่างเอาจริง และนั่นก็ทำให้สควอโล่สงบปากสงบคำขึ้นเยอะ
ร่างสูงเดินไปนอนที่เตียงโดยที่มีร่างบางตามหลังมาด้วย สายตาคมกริบของร่างสูงหันมาสบกับร่างบางเป็นเชิงถามว่าจะตามมาทำไม แต่ไร้คำตอบจากปากร่างบาง
“บอส...พรุ่งนี้ฉันจะไปทำภารกิจกับไอ้เจ้าชายโรคจิตนั่นที่ญี่ปุ่น เป็นคำสั่งของรุ่นที่เก้า” ร่างบางบอกสิ่งที่ต้องการจะบอก
ร่างสูงหันมามองหน้าสควอโล่อย่างเร็วทันทีที่รู้ว่าไอ้เจ้าชายโรคจิตนั่นคือใคร ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาและเมินหน้าไปทางอื่น
“เออ จะไปตายที่ไหนก็ไป”
ทั้งๆ ที่ ต้องการจะได้ยินคำพูดที่เป็นห่วงเป็นใยมากกว่านี้ ไม่ต้องถึงกับหวานเลี่ยน แต่ขอแค่...นิดนึงก็ยังดี เขาดีใจนะที่ได้เห็นบอสหงุดหงิดหรืออารมณ์เสียเวลาเบลมายุ่งด้วย แต่...หัวใจมันเรียกร้องที่จะอยากได้มากกว่านี้
ญี่ปุ่น 11.39 PM.
“เฮ้ย! รีบทำให้พวกกระจ๊อกพวกนี้หายไปสักทีสิโว้ยยยยยย มันรบกวนฉันนะเฟ้ย!!” สควอโล่ตะโกนบอกเบลที่กำลังชุลมุนอยู่ไม่น้อยไปกว่ากัน
“ชิชิ เจ้าชายก็ทำอยู่นี่ไง บอกตัวเองก่อนเถอะสู้กับหัวหน้าใหญ่ไม่ใช่เหรอ ได้ไปกี่แผลแล้วล่ะ ชิชิชิ”
เคร้ง!
“ตายซะเถอะไอ้สวะ!” สควอโล่พูดเสียงเหี้ยม พร้อมๆ กับมือที่ง้างดาบเต็มที่
“มะ...ไม่”
ฉวัะ!
ตุ่บๆๆ
“อี๋ คอหลุดเลยเหรอ อย่างนี้แหละน้า สู้กับสควอโล่ศพไม่สวยสักราย” เบลหันมาล้อ แต่ก็ต้องหุบปากโดยฉับพลันเมื่อสบเข้ากับดวงตาคมกริบของสควอโล่
“อย่ามัวแต่พล่าม รีบๆ จัดการส่วนของแกให้เสร็จซะ!”
ตื๊ด~
“ว่าไงวะ! คนกำลังยุ่งอยู่โทรมาได้” สควอโล่กรอกเสียงลงไป
(สควอโล่จางงงงงง~)
“เฮ้ย! มีอะไรก็รีบๆ พูดมา”
(เจ๊จะตายอยู่แล้ววววววว อ๊ายยยย อย่านะบอส)
ปึ๊ด! เส้นความอดทนเริ่มถึงขีดสุด
“มีอะไรก็พูดมาสิโว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!” สควอโล่ตะโกนใส่โทรศัพท์ด้วยความหงุดหงิดจนศัตรูที่อยู่แถวนั้นถึงกับล้มกันระเนระนาดเพราะตกใจเสียง บ้างก็ยิงปืนมั่วไปทุกทิศทุกทางอย่างตื่นตระหนก และเพราะศัตรูเสียหลักเลยทำให้เบลจัดการได้หลายคนเลยทีเดียว
(สควอโล่จัง ตอนนี้บอสอาระวาดใหญ่เลยฮ้าาาา)
“ฮะ เป็นไข้อยู่ไม่ใช่เรอะ จะไปมีแรงได้ยังไง” ร่างบางถามด้วยความสงสัย ก็เมื่อวานยังล้มทั้งยืนอยู่เลยไม่ใช่เหรอ
(บอสหายแล้วน่ะสิฮ้า แล้วเนี่ยบ่นว่าอยากดื่มไวท์ แต่ไม่มีให้เลยกลายเป็นเรื่องใหญ่แล้วววว)
“เอ้า แล้วไวท์ในห้องเก็บของเล่า หาดูให้หมดเซ่!”
(ไม่มีเลย ก็มาม่อนเอาไปขายหมดแล้วอ่ะ เจ๊จะทำไงดี อ๊ายยยย หยุดนะบอส...เพล้ง!)
“เฮ้ย! เบล เสร็จยังฟะ!! ต้องรีบกลับปราสาทด่วนเลยเว้ยยยยยย” ร่างบางถามเจ้าของเรือนผมสีทองหลังจากกดตัดสายโทรศัพท์แล้ว
“เดี๋ยว อีกสามสิบแปด” เบลตะโกนบอก
“ให้ตายเซ่! ชักช้าชะมัด” ร่างบางบ่นก่อนจะเข้าไปช่วยอีกแรง
ทั้งสองสู้กับศัตรูอย่างดุเดือด เส้นผมสีเงินที่พลิ้วสลวยเต็มไปด้วยรอยเลือด และนั่นก็ทำให้ร่างบางหงุดหงิดไม่น้อย ผ่านไปครึ่งชั่วโมงก็สามารถปราบศัตรูจนหมดได้เกลี้ยง ไม่เหลือสักคน
“เฮ้ย ไปได้แล้วก่อนที่ปราสาทจะพังซะก่อน” สควอโล่บอกเบล
“ชิชิ หมายความว่ายังไง”
“ก็บอสอาละวาดอีกแล้วน่ะสิ ไอ้โง่! ไปได้แล้วโว้ย” ในขณะที่ร่างบางหันไปโวยกับเบลก็ชะงักเมื่อเห็นว่าเบลไม่ได้ฟังตัวเองเลยสักนิด แต่กลับยืนมองอะไรบางอย่างอยู่ด้วยท่าทีสนใจ ร่างบางเอียงคอหันไปมองบ้าง แล้วก็พบ...
“อ๊บ ๆ”
“กบ? เจ้าบ้า! ที่ยืนมองนี่คือยืนมองกบเนี่ยนะ” สควอโล่หัวเสียเมื่อรู้ว่าสิ่งที่เบลสนใจคืออะไร
“ชิชิชิ เจ้าชายรู้สึก...ถูกชะตากับมันจัง ชิชิ” เบลพูดพรางเดินเข้าไปอุ้มกบตัวนั้นมา และนั่นก็เป็นเหตุให้ร่างบางถึงกับกระเถิบหนี
“เออ แกจะถูกชะตากับอะไรฉันไม่ว่า แต่นี่มันกบนะเว้ยยยย!!”
“ชิชิชิ สควอโล่นี่ไม่มีรสนิยมเอาซะเลย กบออกจะน่ารัก ชิชิ ดูตาของมันที่จ้องมาที่เจ้าชายสิ เหมือนจะสื่ออะไรบางอย่าง ช่างน่ารักน่าฟัดอะไรอย่างนี้ ชิชิชิ” เบลอุ้มกบตัวนั้นไว้ในอ้อมกอดพรางเดินเข้ามาหาสควอโล่
“อย่าเอามันเข้ามานะโว้ย” สควอโล่ร้องเมื่อเบลเดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆ โดยที่มีกบสีเขียวตัวใหญ่ยักษ์อยู่ในมือ
ตุ้บ!
“โอ๊ะ หลุดมือ”
สควอโล่ร้องห้ามได้ไม่เท่าไหร่ ทันใดนั้นเอง...เจ้ากบสีเขียวที่น่าขยะแขยงนั่นก็กระโดดออกจากอ้อมกอดของเบลแล้วมาเกาะที่หน้าของสควอโล่แทน
“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!”
ปราสาทวาเรีย
“อ๊าย ในที่สุดก็กลับมาแล้วสควอโล่จัง เอ๋ ทำไมหน้ายับอย่างนั้นฮ้า ไปทำอะไรมา..” แม่บ้านของหน่อวยวาเรียเจ๊ลุซของเราถามสควอโล่ที่เพิ่งกลับมาด้วยท่าทีดีใจ แต่ก็ต้องอดสงสัยไม่ได้กับใบหน้าร่างบางที่ยับยู่ยี่อย่างกับไปกินรังแตนที่ไหนมา แล้วไม่ใช่รังแตนธรรมดา มันคือรังแตนเจ้าพญาด้วย!
“ถ้าไม่อยากตาย...ไสหัวไปไกลๆ” สควอโล่บอกเสียงเย็นยะเยือกรอบกายมีรังสีอำมหิตสีดำแผ่ออกมาเป็นวงกว้างที่ไม่สามารถเข้ามาใกล้ได้ในระยะห้าเมตร ลองเข้าไปสิ...แล้วคุณจะรู้ว่านรกมีจริง รองลงมาจากบอสของหน่วยวาเรียคือสควอโล่ ถ้าคุณอยากมีชีวิตอยู่อย่างสงบสุข อย่าได้เข้าใกล้สองคนนี้ นี่คือคำเตือนของพวกเราสมาชิกหน่วยวาเรียเจ๊ลุซซซซ
ลูซซูเลียหันไปขอคำตอบจากเบลที่ยืนอยู่ด้านหลังว่าเหตุใดคนหน้าสวยตรงหน้าถึงได้น่ากลัวเยี่ยงนี้ แต่ก็มีเพียงแค่เสียงลมพัดอ่อนๆ ที่ตอบกลับมาเท่านั้น เจ้าของเรือนผมสีทองที่ยืนอยู่ด้านหลังทำเพียงแค่แสยะยิ้มอย่างน่าเตะให้เท่านั้น เพราะเขารู้ดีว่าเพราะอะไร ทำให้ร่างบางอารมณ์เสีย ถ้าไม่ใช่เพราะ...กบ
“ฮะ...ฮ้า ดะ...เดี๋ยวเจ๊ไปทำข้าวเย็นก่อนนะฮ้า คือ...จริงๆ แล้วบอสฝากบอกว่า...ถ้าสควอโล่จังมาถึงให้ไปพบบอสด้วย เจ๊ไปล่ะ” จากนั้นร่างอันถึกและผมทรงอะไรสักอย่าง (ที่ไรเตอร์ก็ไม่รู้) ของเจ๊แกก็หายไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่ได้ข่าวใหม่จากลูซซูเลียสควอโล่ก็เดินตรงไปที่ห้องของบอสหน่วยวาเรีย ร่างบางเปิดประตูเข้าอย่างถือวิสาสะและไร้มารยาท ถ้าเป็นคนอื่นคงถูกแซนซัสเด็ดหัวไปนานแล้ว แต่เพราะเป็นเขาถึงได้เปิดประตูโดยไม่ต้องขออนุญาต
พอเปิดประตูเข้าไปร่างบางก็เห็นคนที่เป็นบอสนั่งทำงานหัวโด่อยู่ที่โต๊ะทำงาน เสื้อผ้าของคนตรงหน้าหลุดลุ่ยเหมือนผ่านศึกอะไรสักอย่างที่เร้าร้อนและรุนแรง มองแค่แวบเดียวร่างบางก็รู้ทันทีว่าร่างสูงไปทำอะไรมา
“บอส...ไปเที่ยวมาอีกแล้วรึไง” สวคอโล่พูดพรางเหล่มองคนที่นั่งอยู่ตรงหน้า หากมองเผินๆ อาจจะเหมือนสายตาที่เย็นชา ไร้อารมณ์ แต่มันเป็นเพียงแค่สายตาที่เสแสร้งเท่านั้น เพื่อจะปิดบัง...ความรู้สึกบางอย่าง
“เบื่อๆ เลยไป” แซนซัสตอบเสียงเรียบ
“แล้วบอสมีอะไรกับฉัน”
“เหอะ” ร่างสูงโยนงานที่อยู่ในมือลงโต๊ะอย่างแรง สายตาก็จับจ้องไปที่ใบหน้าสวยของคนตรงหน้าอย่างเย็นชา
“อะไรของแกวะ” เพราะกริยาท่าทางของแซนซัสทำให้สควอโล่ที่อารมณ์เสียเป็นทุนเดิมอยู่แล้วเริ่มทนไม่ไหว ใบหน้าสวยขมวดคิ้วยุ่งอย่างไม่เข้าใจเมื่อเห็นคนเป็นบอสถอดเน็คไทที่หลุดลุ่ยนั่นออก
“ถอดเสื้อซิ”
“ฮะ!?”
“ถอดเสื้อฉัน!”
สควอโล่นิ่งไปนิดครู่หนึ่งกับคำสั่งใหม่ที่ได้รับ...แต่เขาก็ไม่ได้ปฏิเสธ ร่างบางเดินไปหาคนตรงหน้านิ้วเรียวค่อยๆ ปลดกระดุมออกตามคำสั่งอย่างยากเย็นแสนเข็ญ ร่างบางกัดปากตัวเองอย่างขัดใจที่มือตัวเองก่อปัญหาให้เขาต้องวุ่นวายใจและคิดหนักว่า กับอีแค่ปลดกระดุมเสื้อแค่นี้...ทำไมมือต้องสั่นด้วย ในเวลานี้เขารู้สึกว่าอะไรๆ ก็เกะกะไปหมด หรือเพราะ...ความรู้สึกของเขาที่มีให้คนตรงหน้า มันถึงทำให้อะไรๆ ก็ลำบากไปหมด ความรู้สึกที่เก็บไว้คนเดียวมาตลอดตั้งแต่สัญญาเมื่อวันนั้น สัญญาที่จะอยู่เคียงข้างกายคนตรงหน้า
แซนซัสเท้าคางกับที่วางแขนมองการกระทำของร่างบางอย่างเงียบๆ การมองใบหน้าของร่างบางในระยะประชิดที่ไม่ได้มีเรื่องกันนั้นทำให้ร่างสูงสังเกตเห็นรายละเอียดของโครงหน้าและหน้าตาของร่างบางมากขึ้น และเพราะโครงหน้าที่ได้รูปกับหน้าตาที่สวยนั่นทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดตลอดเวลาเมื่อเห็นอยู่ใกล้ใครโดยเฉพาะเบลเฟกอลเจ้าชายโรคจิตที่ชอบส่งเสียงหัวเราะประหลาดๆ ออกมานั่น
“เสร็จแล้ว...แค่นี้ใช่มั้ยที่ต้องการน่ะ” สควอโล่รีบผละออกห่างจากแซนซัสก่อนจะหันหลังเตรียมจะก้าวเดินออกจากห้องถ้าไม่ติดที่ถูกใครบางคนกระชากผมไว้ก่อน
“ยัง”
“เออ! ก็บอกมาดีๆ สิวะ ดึงมาได้ ผมนะโว้ย ไม่ใช่ยางยืดที่เอะอะก็ดึงๆๆ !!” สควอโล่โวยมือก็จับผมที่ถูกกระชากแล้วพยายามดึงกลับ
“หุบปากซะ” แซนซัสมองด้วยสายตาดุดันแล้วกระชากผมสีเงินยาวอย่างแรงจนเจ้าของผมเซไปตามแรงดึงที่ไม่ได้ทันตั้งตัว
หมับ!
“นะ...นี่บอสทำบ้าอะไรวะ” สควอโล่เริ่มเสียงสั่นเมื่อเห็นว่าตัวเองไม่ปลอดภัยแล้ว เพราะตอนนี้เขาได้มาอยู่ในอ้อมกอดของร่างสูงอย่างไม่ได้ตั้งใจ ซวยอะไรก็คงไม่ซวยเท่าถูกคนอย่างแซนซัสควบคุม!
ความคิดเห็น