ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Temitsu

    ลำดับตอนที่ #3 : บทนำ (โฉมใหม่)

    • อัปเดตล่าสุด 1 พ.ค. 51


                “เดี๋ยวฉันกลับบ้านก่อนดีกว่านะ...ดึกมากเดี๋ยวแม่จะว่าเอา” เด็กสาววัยสิบห้าคนหนึ่งโบกมือร่ำราแฟนหนุ่มอยู่ข้าง ๆ ร้านอาหารหรูชื่อดังด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม เธอสวมเสื้อเครื่องแบบนักเรียนมัธยมต้น กับกระโปรงที่สั้นกว่าปกติ มือขวาถือกระเป๋านักเรียนเอาไว้

                “จ้ะ” แฟนหนุ่มตอบรับ ก่อนที่ทั้งสองจะแยกย้ายกันกลับบ้าน

                ตอนนี้เวลาเกือบสี่ทุ่มแล้ว ท้องฟ้าส่งเสียงร้องออกมาอย่างหน้าวิตก เนื่องด้วยว่าเธอนั้นบ้านอยู่ไกลจากตรงนี้มากเลยทีเดียว ไม่มีจักรยาน หรือถ้าจะนั่งแท็กซี่ก็ไม่มีเงิน เด็กหญิงวัยสิบห้าผู้นี้จึงตัดสินใจที่จะกลับบ้านด้วยเท้าคู่นี้ของเธอ

                แปะ แปะ...

                เม็ดฝนเริ่มตกลงมาจากฟากฟ้าเล็กน้อยแล้ว ขณะนี้เด็กหญิงผู้นี้ยังเดินได้จวนจะถึงบ้าน ขาดอีกไม่ถึงกิโลเมตร เบื้องหน้าเธอคือสวนสาธารณะขนาดใหญ่ของเมืองที่ทั้งร่มรื่น และสวยงาม แต่หากเมื่อดูในยามค่ำคืนแล้วมันช่างเปลี่ยว และน่ากลัว

                แปะ แปะ แปะ...

                น้ำฝนเริ่มมีปริมาณมากขึ้นแล้ว เด็กสาววัยสิบห้ายกกระเป๋าขึ้นบังศีรษะเอาไว้ เธอยืนอยู่ริมถนนซึ่งบัดนี้แทบไม่มีรถคันใดขับผ่านไปมา เธอจะทำอย่างไรดี หากกลับบ้านช้าพ่อและแม่เธอจะต้องด่าเอาเป็นแน่ และนี้ก็ช้ามากแล้วด้วย ถ้าเดินไปถามถนนอย่างน้อยอาจจะต้องใช้เวลาถึงยี่สิบนาที แต่มันจะเร็วกว่ามาก...ถ้าเธอเดินลัดสวนสาธารณะนี้ไป

                ...ซึ่งมันช่างเป็นความคิดที่ไม่ดีเลย สวนสาธารณะนี้เต็มไปด้วยต้นไม้ยืนมากมาย ทางเดินคดเคี้ยว ยิ่งตอนกลางคืนดึกป่านนี้แล้วไม่มีไฟเปิดส่องสว่างเลย นับว่าเป็นเรื่องเสี่ยงมากสำหรับเด็กผู้หญิงที่จะถูกลอบทำร้ายและกระทำชำเรา

                น้ำฝนเริ่มเทมากขึ้นกว่าเดิม ลมพัดมาเป็นระยะ ๆ ทำให้ร่างกายเธอหนาวสั่น สาววัยรุ่นมองดูนาฬิกาข้อมือด้วยความวิตกกังวล นี่ก็เริ่มดึกมากแล้วด้วย

                และมันคงเป็นเหตุผลเดียวที่ทำให้เธอตัดสินใจวิ่งข้ามถนนเข้าสวนสาธารณะแห่งนี้ไป

                ต้นไม้รอบข้างที่ดูทั้งสูงและทึบเรียงรายไปตามเส้นทางเดิน ราวกับจะค่อย ๆ กัดกินเธอเข้าไปในความมืด เด็กหญิงหุบร่มเก็บ เนื่องด้วยที่ต้นไม้ใหญ่เหล่านี้คอยบังฝนไว้ให้ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเพื่อเปิดเป็นไฟฉายนำทางข้างหน้า แต่แล้วเธอกลับได้ยินเสียงหนึ่งแปลก ๆ...

                ...เสียงคล้าย ๆ ฝีเท้า

                เด็กหญิงเบิกตากว้าง เสียงนั้นอาจจะเป็นสัตว์ดุร้ายก็ได้ หรืออาจจะเป็นพวกโรคจิตที่คอยดักคนหลงทางเข้ามาในนี้ เธอหายใจถี่ขึ้น ก่อนจะค่อยเร่งฝีเท้าให้เร็วกว่าเดิม

                อีกนิดเดียวก็จะถึงบ้านแล้ว...อีกนิดเดียว

                แต่สิ่งที่เธอสัมผัสได้คือเสียงคนเดินที่ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ เธอหันหน้ามองไปทางขวาก่อนจะค่อย ๆ ยกไฟฉายส่องดูด้วยมืออันสั่นเทา แต่แล้วเธอก็เบิกตากว้าง

                “กรี๊ดดดด...” เธอร้องเสียงหลง เมื่อสิ่งที่เธอเห็นเบื้องหน้าคือชายผู้หนึ่งซึ่งอายุมากพอสมควรแล้ว เขามีรูปร่างสูงผอมสวมเสื้อสูทที่หลุดลุ่ยปล่อยชาย ผมยุ่งไม่เป็นทรง ที่สำคัญคือ...เขากำลังวิ่งมาทางเธอ

                ฉึบ...

                ชายชราวิ่งเฉี่ยวตัวของเด็กหญิงไปเพียงไม่กี่เซนต์ ราวกับว่าเขาไปเห็นเธอ เธอถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่ด้วยสีหน้าที่ทุลักทุลน และลมหายใจที่หอบถี่ ๆ รวมถึงมือขวาที่กำบางอย่างไว้ที่หน้าอกอย่างแน่นหนาของชายชราผู้นี้ ทำให้เธอนึกอดสงสัยไม่ได้ ว่าเขาจะขโมยบางอย่างมา

                เธอตัดสินใจติดตามชายผู้นี้ไปอย่างเงียบ ๆ ก่อนจะปิดไฟฉายลง เด็กหญิงมองไปดูชายสูงอายุที่วิ่งอย่างไม่ลดละไปเบื้องหน้า แต่แล้ว กลับมีอีกเสียงหนึ่งทำให้ชายผู้นี้ต้องชะงักไป

                “อากิยามะ อิคิจิ” เสียงหนึ่งตะโกนขึ้น “ฉันขอบใจแกมากที่ทำให้ฉันไม่ต้องเสียแรงไปขโมยมันมา”

                “แกเป็นใคร...แล้วอยู่ที่ไหน” ชายชรานามอิคิจิถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่หอบจากความเหนื่อยล้า

                “เรื่องนั้นไม่สำคัญหรอกนะ...แกรีบส่งสร้อยมาให้ฉันดีกว่า” เสียงนั้นตะโกนกลับ

                เด็กหญิงซึ่งยืนหลบอยู่หลังต้นไม้หรี่ตาลงเล็กน้อย เธอคงจะโชคดีที่ได้มาเจอเหตุการณ์นี้โดยบังเอิญ เธอเชื่อว่ามันจะสามารถเป็นหลักฐานชั้นดีให้ตำรวจได้อย่างแน่นอน เด็กหญิงคิดเช่นนั้นก่อนจะคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาอัดเสียงแล้วพยายามยื่นมันเข้าไปให้ใกล้ที่สุด ทว่า

                เปรี้ยง...

                ฟ้าผ่าลงมายังโทรศัพท์มือถือของเธออย่างจัง ก่อนที่เธอจะร้องอุทานออกมาเสียงดังแข่งกับเสียงฟ้าผ่า เธอกระตุกมือกลับปล่อยให้โทรศัพท์ที่ไหม้เกรียมตกลงกับพื้นคอนกรีต

                แกรก แกรก...

                หากฟังเสียงร้องของเธอที่เปล่งออกมาพร้อมฟ้าผ่าอาจไม่เป็นไร แต่หากมองดูวัตถุที่ไหม้เกรียมอยู่เบื้องหน้า มันจะเป็นตัวดึงดูดความสนใจจากผู้ถูกเฝ้ามองอย่างทันทีหลังจากที่มันตกลงกับพื้น

                “ใครน่ะ” เสียงหนึ่งคำรามขึ้น

                เด็กสาวพยายามจะวิ่งหนีออกจากจุดนั้นอย่างเร็วที่สุดอย่างไรเส้นเสียง แต่กลับโชคร้าย ที่เธอเผลอไปเหยียบเศษโทรศัพท์ซึ่งไหม้เกรียมไม่เป็นรูปไม่เป็นร่างเข้า

                ฟ้าว...ฉึก

                มีดสั้นเล่มหนึ่งลอยกลางอากาศปักลงบริเวณหน้าอกซ้ายของเธอพอดิบพอดี เด็กหญิงทรุดตัวลง มือขวากุมบาดแผลด้วยความเจ็บปวด เธอกรอกสายตาขึ้นมองท้องฟ้าซึ่งเม็ดฝนกำลังร่วงหล่นลงมา ชีวิตเธอจะเหลืออีกเพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น ศีรษะของเธอล้มลงฟาดพื้น สายตาจับจ้องไปยังโขดหินที่มาของมีดสั้นนั้น...ก่อนที่จะสิ้นลมไป

                “นี่แกทำอะไรน่ะ” อิคิจิถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ตื่นตระหนก เพียงไม่กี่วินาที ผู้หญิงเบื้องหน้าเขาก็กลายเป็นศพเสียแล้ว

                กึก กึก...

                ชายผู้หนึ่งเดินออกจากข้างหลังโขดหิน เขาแต่งตัวด้วยเสื้อคลุมสีดำทั้งตัว รวมทั้งหมวกสีดำขนาดใหญ่บนศีรษะด้วย

                “ฉันก็แค่กำจัดส่วนเกินที่อาจจะแพร่งพรายเรื่องนี้ออกไป...ทางทีดี แกรีบส่งสร้อยนั้นมาให้ฉันเถอะ” ชายชุดดำพูดขึ้น พลางชี้ไปยังใจกลางหน้าอกของอากิยามะ อิคิจิ

                “ทำไมฉันจะต้องให้แก” เขาพูดด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวเล็กน้อย “คิดว่าการฆ่าเด็กสาวผู้นี้จะขู่ฉันได้เรอะ...ไม่มีทาง” อิคิจิกระชากสร้อยออกจากลำคอก่อนจะกำมันเอาไว้แน่น

                “ส่งมาดี ๆ เถอะนะ คุณอากิยามะ ผมยังไม่อยากจะฆ่าคุณ” ชายชุดดำเอ่ยต่อ

                “ฉันเป็นคนขโมยมา มันก็ต้องเป็นของฉัน แกไม่มีสิทธิ์” อากิยามะ อิคิจิ พูดด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด “มันคือทางส่องสว่างให้ฉัน...สร้อยเส้นนี้จะพลิกเปลี่ยนชีวิตฉัน”

                “คุณบังคับผมเองนะ” ชายชุดดำเอ่ยก่อนที่มืดสั้นเล่มหนึ่งจะลอยจากหลังของเขาออกไป...ทันใดนั้น

                ฉึก...

                มีดสั้นนั้นปักเข้าที่หน้าอกซ้ายของอิคิจิอย่างจัง อากิยามะทรุดตัวลง ท่าทางดูไม่ต่างอะไรกับหญิงสาวเบื้องหลังเขาเอาเสียเลย อิคิจิกระอักเลือด ปวดแสบร้อนไปทั่วบาดแผล ก่อนจะเบิกตากว้างด้วยความมั่นใจว่ามันเป็นมีดสั้นอาบยาพิษ เขายื่นมือคว้าด้ามมีดสั้นที่ปักอกเขาไว้แล้วพยายามดึงมันออก...

                ...ก่อนที่พิษมันจะแทรกซึมเข้าไปมากกว่านี้

                ชายชุดดำเดินเข้ามาใกล้ ๆ อากิยามะ อิคิจิ ก่อนจะกระชากสร้อยออกจากกำมือที่อ่อนล้าของชายที่อยู่เบื้องหน้าแล้วถีบตัวอิคิจิล้มลง ทำให้มีดสั้นนั้นฝังลึกเข้าไปในบาดแผลมากขึ้นกว่าเดิมเสียอีก อากิยามะร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดรวดร้าว ชายชุดดำมองดูบุคคลเบื้องหน้าก่อนจะหัวเราะในลำคอด้วยความสมเพช

                “สุดท้าย...ผมก็ได้มันมา ถ้าคุณยอมให้ตั้งแต่แรก ผมคงไม่ต้องทำอะไรแบบนี้”

                “คุณ...” อากิยามะเงยหน้ามองบุคคลเบื้องหน้าเขา “คุ...”

                อากิยามะล้มตัวลงแทบเท้าชายชุดดำราวกับเป็นการวิงวอนร้องขอชีวิตเป็นครั้งสุดท้าย ดวงตาคู่นั้นไม่ละไปจากภาพใบหน้าของผู้ที่ฆาตกรรมเขา ซึ่งบัดนี้มันค้างนิ่ง กลายเป็นร่างกายที่ไร้ดวงวิญญาณ กลายเป็นเพียงเศษชิ้นเนื้อชิ้นหนึ่งเท่านั้น

                ชายชุดดำเดินจากไปด้วยรอยยิ้ม มือขวากำสร้อยไว้แน่น สายฝนยังคงตกลงมา ราวกับเป็นสายน้ำตาของสองชีวิตที่ล่วงลับไป...ด้วยน้ำมือของคน ๆ เดียวกัน



    ....................................................................................................................................................................................................................
    มาแล้วนะครับ บทนำโฉมใหม่ ดีไม่ดีอย่างไรฝากติชมด้วยนะครับ...(แรง ๆ ก็ได้นะ ไม่ว่ากัน)

    สำหรับคนที่ตามเข้ามาด้วยคำว่าแฟนตาซี อย่าเพิ่งหนีไปนะครับ เพราะว่า ความเป็นแฟนตาซีจะเริ่มที่ตอนต่อไปแน่นอนครับผม ^^

    ถึงท่านเงา...ขอเปลี่ยนจากป่าช้าเป็นสวนสาธารณะละกันนะครับ อย่างน้อยผมก็เคยเดิน อิอิ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×