คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : CHAPTER 1 :: Color Of Begin
CHAPTER
1 ::
Color Of Begin
ความร้อนในฤดูร้อนดูไม่น่าพิศวาสนักสำหรับเด็กนักเรียนที่ต้องมาตากแดดเข้าแถวเคารพธงชาติในเวลาเจ็ดโมงครึ่งของทุกเช้า
เด็กผู้หญิงส่วนมากจะชอบเกี่ยงกันว่าใครจะได้อยู่หัวแถวที่จะได้รับวิตามินดีอย่างเกินขนาดเพราะแถวไม่ได้อยู่ใต้หลังคาตึกหรือท้ายแถวที่อยู่ใต้หลังคาตึก
แต่บางวันก็เย็น บางวันก็ร้อนเสียจนเหงื่อไหลตามร่องขา ด้วยสาเหตุที่ใคร ๆ
ก็ต่างใคร่ตระหนักถึงมัน คือกลัวดำ
แต่สุดท้ายก็เหวอกันไปตามระเบียบเมื่ออาจารย์ลงมาคุมแล้วสั่งให้เรียงตามลำดับความสูง
คนตัวสูงก็จะวินไปในทันใดนั้น
เช้านี้ยังคงเหมือนทุก ๆ วันในการมาโรงเรียน
นักเรียนบางคนมาสาย ก็โดนวิ่งรอบโรงเรียนไป
ส่วนคนที่มาทันก่อนจะสวดมนตร์เสร็จคงเหมือนสวรรค์ประธานพรมาให้รอดตายจากการวิ่งรอบโรงเรียน
เพราะประธานนักเรียนยังไม่ดักเด็กมาสาย
บางพวกก็มาเช้าเหลือเกิน เช้าเสียจนบางทีก็แอบคิดว่าพวกหร่อนตื่นมากันแต่เช้าทำไม
แต่พูดไปก็เท่านั้น
เพราะกันต์พิมุกต์ก็เป็นหนึ่งในพวกมาเช้าจนหมายังเห่าถามทุกครั้งที่เดินออกจากบ้านมาโรงเรียน
"ไงวะมึง ทำไมวันนี้มาสาย"
ซึ่งวันนี้กูมาสายครับ....
"เมื่อคืนนอนดึก ไปนอนเฝ้าอี๊ที่โรง'บาลมา"
"กูนึกว่าคิดมาเรื่องที่พี่แจ็คสันมาชวนไปเล่นแชร์บอลซะอีก"
"นั่นก็อีกเหตุผลนึงที่ทำให้กูนอนดึกตื่นสาย"
ไม่อยากจะปฏิเสธว่ากันต์พิมุกต์นอนคิดเรื่องนั้นทั้งคืน จะนอนก็นอนไม่หลับ
และเขาก็ไม่ใช่คนที่จะพิศวาสกับเหงื่อ แสงแดดและกีฬาเท่าไหร่นัก เท่าที่จำความได้
ตั้งแต่เกิดมาเขาก็ไม่ได้เล่นกีฬาใด ๆ ทั้งสิ้น นอกจากเวลาเรียน แต่ก็ยังดี
ที่คาบเรียนพละมักตรงกับวันที่ฟ้าฝนไม่เป็นใจ ทำให้ต้องเรียนบนอาคาร
หากจะถามสาเหตุว่าทำไมเขาจึงไม่มีชอบเล่นกีฬา เขาก็ยังไม่สามารถตอบได้
รู้แค่ว่าไม่ชอบเพียงแค่นั้น
"เอาจริงป่ะ คือมึงควรลองเล่นสักหน่อย ก่อนมึงจะกลายเป็นโรคกล้ามเนื้อลีบ" เด็กชายตัวสูงว่าพลางชี้นิ้วใส่หน้าเขา
คนโดนขู่ด้วยคำพูดทำเพียงแค่นั่งรอความตายในวันนี้อย่างคนหมดหนทาง
"คือมึงต้องเปิดใจเว้ย แค่เล่นแชร์บอล
ถ้ามึงชูตไม่โด่ง ชูตไม่แม่น มึงอาจจะได้เป็นแค่ตัวสำรองง่อย ๆ ก็ได้
ยังไงก็ไม่ได้ลงหรอก หรือไม่มึงอาจจะเป็นตะกร้า แค่ไปยืนรับลูกให้ลงตะกร้า
ง่ายจะตาย หรืออาจจะเป็นตัวปัด โอ้โห่... อย่างง่าย มึงแค่ไปปัด ๆ
ลูกไม่ให้ลงตะกร้า ง่ายแค่นี้เอง" เด็กชายยูคยอมทำท่าปัดไม้ปัดมือประกอบ
แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังไม่คิดว่ากีฬาแชร์บอลมันจะง่ายอย่างที่เพื่อนว่า
"มึงไม่มาเป็นกูมึงจะรู้เหรอ
ว่ามันยากแค่ไหน"
"เอาเถอะ
อย่างน้อยมึงก็ยังได้ใกล้ชิดกับคนที่ชอบแล้วกัน"
"กูชอบพี่เขา แต่กูไม่ได้ชอบแชร์บอล"
"พ่อง..."
เด็กหนุ่มซึ่งหมดปัญญาจะพูดเกลี้ยกล่อมเพื่อนแล้วจึงพ่นคำหยาบไปเป็นการจบบทสนทนา
ยูคยอมหันกลับมาแล้วหยิบหนังสือเรียนคาบแรกขึ้นมาวางบนโต๊ะแทนการโปรยคำพูดว่านล้อม
ที่ไม่น่าจะสำเร็จ
เด็กชายนามสกุลภูวกุลไม่ได้พูดอะไรต่อ
เขาหวังในใจเพียงแค่ว่า จะได้เป็นตัวสำรองหรือไม่ผ่านคัดเลือกลงแข่งก็ได้ ณ จุด ๆ
นี้ เขายอมหมด ขอเพียงไม่ได้เล่นกีฬาเป็นพอ
*
"ก็ชูตโด่งดีนี่ ฝึกไป เดี๋ยวมันก็ได้เอง
เชื่อพี่"
บอกทีว่าไอ้คนจีนนามสกุลหวังคนนี้มันไม่ได้พูดให้เขาเหลิง
เขาคิดว่าวันนี้เวลาช่างผ่านไปเร็วนัก
แม้จะไม่ได้อยากซ้อมแชร์บอล แต่พอได้คำชมจากปากของคนที่ชอบ ก็รู้สึกมีกำลังใจ
หึกเหิมอย่างบอกไม่ถูก แต่ก็ไม่ได้แปลว่ากันต์พิมุกต์จะต้องชอบกีฬามากขึ้นจากเดิม
คำตอบคือ เขายังเกลียดการเล่นกีฬาเช่นเดิม
เขาแยกกับเพื่อนเกาหลีนามสกุลคิมไปเมื่อประมาณสองชั่วโมงก่อน
หลังจากที่อาจารย์ในห้องปล่อยเด็กลงมาเข้าสี
ผู้อำนวยการโรงเรียนให้นักเรียนมาเข้าแถวนั่งพูดคุยประชุมนัดแนะกันนิดหน่อย
ก่อนจะปล่อยเด็กไปเข้าสี ซึ่งเขาก็รู้ว่ามันคือการให้เวลาคุณครูได้ไปรอนักเรียนในสีตามพื้นที่
ที่จัดไว้ประจำสี
ซึ่งเสียเวลาชีวิตสลัดผักขมของเขามากมาย
"วาโย ! มึงไปซื้อน้ำให้น้องดิ
กระเป๋าเงินกูอยู่ในกระเป๋านักเรียน จัดมาสองแพคเลย !"
"พี่ว่าวันนี้พอแค่นี้แหละมั้ง จะหกโมงแล้ว
กลับไปพักผ่อนกันดีกว่า"
วันนี้เขาได้เห็นอีกหลายมุมของคนที่ชอบ
อันที่จริง เขาไม่ได้อยากจะจริงจังเท่าไหร่นัก หากว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้ชอบเขากลับ
เขาจะคิดซะว่านี่คือสีสันในชีวิตการเรียนมัธยมปลายกับการมีคนให้แอบเหล่มองหาและคิดถึงในเวลาที่เหงา
พี่แจ๊คสันเป็นคนชอบเล่นกีฬา
เล่นได้แทบจะเกือบทุกประเภท
เห็นพี่เขาบ่นกับพี่วาโยว่าอยากจะลงแข่งฟุตบอลกับปิงปอง
แต่โรงเรียนให้นักเรียนลงได้แค่อย่างเดียวเท่านั้น
คนที่เขาแอบชอบจึงตัดสินใจเลือกกีฬาที่คิดว่าตัวเองชอบที่สุด แต่ถึงอย่างนั้น
เขาก็ยังไม่ชอบกีฬาตามพี่แจ๊คสันอยู่ดี
ฟ้าเริ่มเปลี่ยนสีเพราะเริ่มใกล้ค่ำมากแล้ว
ซึ่งเขาก็ต้องรีบเดินกลับบ้าน ที่ไม่มีคนมารับไปส่ง เหตุเพราะบ้านเขาใกล้โรงเรียน
แม่เลยสอนให้เดินมาโรงเรียนเอง ตอนแรกก็รู้สึกน้อยใจ พอเริ่มโต
เขาก็รู้สึกว่ามันดีแสนดี ที่จะกลับบ้านเมื่อไหร่ก็ได้ โดยไม่ต้องมาค่อยนั่งรอคนมารับ
โรงเรียนของเขาเป็นโรงเรียนใหญ่
นักเรียนหลายสัญชาติ มากสุดก็จีน เพราะมีการสอนภาษาจีนโดยเหล่าซือจากจีน
ซึ่งโรงเรียนก็ไม่ได้ถามสักคำว่านักเรียนจะคุยกับเหล่าซือรู้เรื่องไหม
เหล่าซือบางคนโดนนักเรียนแกล้งโดยการสอนคำหยาบแต่สื่อความหมายผิด
อย่างเมื่อเทอมก่อน เขาสอบได้ร้อยคะแนนเต็มในวิชาภาษาจีน แทนที่จะได้รับคำชม
กลับได้คำว่า 'ไอเหี้ย' มาแทน
...อยากรู้มาก ว่ากูทำอะไรผิด
"แบม !"
เจ้าของชื่อผินหน้าไปหาเสียงเรียกด้านหลังก่อนจะเจอหน้าคนที่ชอบอยู่ไกลไม่ถึงเมตร
คนตัวสูงกำลังยืนหอบ บ่งบอกว่าพี่แจ๊คสันวิ่งตามเขามาจากใต้อาคาร
เขาไม่ได้ขานตอบในทันที
เพราะยังเหวอกับการมาของคนที่เขาชอบ
พอรวบรวมสติได้กันต์พิมุกต์ก็เลิกคิ้วพร้อมขานถามไป
"ครับพี่ ?"
"กลับบ้านกับพี่ไหมพี่เห็นเราเดินกลับ
บ้านก็อยู่ใกล้กัน"
หมายถึง....?
"พี่จะไปส่ง"
เขาอยากจะย้อนเวลากลับไปเมื่อครู่นี้
อยากได้ยินเสียงตอนพี่เขาบอกว่าจะไปส่งอีกที แบบชัด ๆ
"บ้านพี่อยู่ใกล้บ้านแบมเหรอ"
หวังแจ๊คสันไม่ได้ตอบคำถามเขาในทันทีที่ถาม
คนตัวสูงนิ่งเหมือนครุ่นคิดในหัวเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าเป็นคำตอบ
วินาทีนี้กันต์พิมุกต์ไม่รู้หรอกว่าทำไมพี่เขาถึงรู้ว่าบ้านตนอยู่ใกล้กับบ้านพี่เขา
กันต์พิมุกต์รู้แค่ว่าต้องตอบอย่างไรกับคำถามของพี่เขาในคราแรก
"ขอบคุณครับ"
คนนามสกุลหวังส่งยิ้มหวานให้เขาก่อนจะเดินเข้ามาหาแล้วชี้นิ้วไปที่รถจักรยานยนต์คันสีขาวเทา
"มอไซต์พี่อยู่นู้น หมวกไม่มี ตำรวจคงไม่น่าจะจับหรอกมั้ง"
เสียงหัวเราะของพี่แจ็คสันนี่มัน- ทำไมมันช่างสดใสขนาดนี้ !!
TBC
? cactus
ความคิดเห็น