ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    What color do mean | HUNHAN JACKBAM

    ลำดับตอนที่ #1 : CHAPTER 1 :: Color Of Begin

    • อัปเดตล่าสุด 12 มี.ค. 60


    CHAPTER 1  ::  Color Of Begin

     

     

            ความร้อนในฤดูร้อนดูไม่น่าพิศวาสนักสำหรับเด็กนักเรียนที่ต้องมาตากแดดเข้าแถวเคารพธงชาติในเวลาเจ็ดโมงครึ่งของทุกเช้า

     

            เด็กผู้หญิงส่วนมากจะชอบเกี่ยงกันว่าใครจะได้อยู่หัวแถวที่จะได้รับวิตามินดีอย่างเกินขนาดเพราะแถวไม่ได้อยู่ใต้หลังคาตึกหรือท้ายแถวที่อยู่ใต้หลังคาตึก แต่บางวันก็เย็น บางวันก็ร้อนเสียจนเหงื่อไหลตามร่องขา ด้วยสาเหตุที่ใคร ๆ ก็ต่างใคร่ตระหนักถึงมัน คือกลัวดำ

            แต่สุดท้ายก็เหวอกันไปตามระเบียบเมื่ออาจารย์ลงมาคุมแล้วสั่งให้เรียงตามลำดับความสูง คนตัวสูงก็จะวินไปในทันใดนั้น

     

     

            เช้านี้ยังคงเหมือนทุก ๆ วันในการมาโรงเรียน นักเรียนบางคนมาสาย ก็โดนวิ่งรอบโรงเรียนไป ส่วนคนที่มาทันก่อนจะสวดมนตร์เสร็จคงเหมือนสวรรค์ประธานพรมาให้รอดตายจากการวิ่งรอบโรงเรียน เพราะประธานนักเรียนยังไม่ดักเด็กมาสาย

            บางพวกก็มาเช้าเหลือเกิน เช้าเสียจนบางทีก็แอบคิดว่าพวกหร่อนตื่นมากันแต่เช้าทำไม แต่พูดไปก็เท่านั้น เพราะกันต์พิมุกต์ก็เป็นหนึ่งในพวกมาเช้าจนหมายังเห่าถามทุกครั้งที่เดินออกจากบ้านมาโรงเรียน

     

     

    "ไงวะมึง ทำไมวันนี้มาสาย"

     

            ซึ่งวันนี้กูมาสายครับ....

     

    "เมื่อคืนนอนดึก ไปนอนเฝ้าอี๊ที่โรง'บาลมา"

     

    "กูนึกว่าคิดมาเรื่องที่พี่แจ็คสันมาชวนไปเล่นแชร์บอลซะอีก"

     

    "นั่นก็อีกเหตุผลนึงที่ทำให้กูนอนดึกตื่นสาย"

     

     

            ไม่อยากจะปฏิเสธว่ากันต์พิมุกต์นอนคิดเรื่องนั้นทั้งคืน จะนอนก็นอนไม่หลับ และเขาก็ไม่ใช่คนที่จะพิศวาสกับเหงื่อ แสงแดดและกีฬาเท่าไหร่นัก เท่าที่จำความได้ ตั้งแต่เกิดมาเขาก็ไม่ได้เล่นกีฬาใด ๆ ทั้งสิ้น นอกจากเวลาเรียน แต่ก็ยังดี ที่คาบเรียนพละมักตรงกับวันที่ฟ้าฝนไม่เป็นใจ ทำให้ต้องเรียนบนอาคาร

     

            หากจะถามสาเหตุว่าทำไมเขาจึงไม่มีชอบเล่นกีฬา เขาก็ยังไม่สามารถตอบได้ รู้แค่ว่าไม่ชอบเพียงแค่นั้น

     

     

    "เอาจริงป่ะ คือมึงควรลองเล่นสักหน่อย ก่อนมึงจะกลายเป็นโรคกล้ามเนื้อลีบ" เด็กชายตัวสูงว่าพลางชี้นิ้วใส่หน้าเขา

     

     

            คนโดนขู่ด้วยคำพูดทำเพียงแค่นั่งรอความตายในวันนี้อย่างคนหมดหนทาง

     

                "คือมึงต้องเปิดใจเว้ย แค่เล่นแชร์บอล ถ้ามึงชูตไม่โด่ง ชูตไม่แม่น มึงอาจจะได้เป็นแค่ตัวสำรองง่อย ๆ ก็ได้ ยังไงก็ไม่ได้ลงหรอก หรือไม่มึงอาจจะเป็นตะกร้า แค่ไปยืนรับลูกให้ลงตะกร้า ง่ายจะตาย หรืออาจจะเป็นตัวปัด โอ้โห่... อย่างง่าย มึงแค่ไปปัด ๆ ลูกไม่ให้ลงตะกร้า ง่ายแค่นี้เอง" เด็กชายยูคยอมทำท่าปัดไม้ปัดมือประกอบ แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังไม่คิดว่ากีฬาแชร์บอลมันจะง่ายอย่างที่เพื่อนว่า

     

     

    "มึงไม่มาเป็นกูมึงจะรู้เหรอ ว่ามันยากแค่ไหน"

     

    "เอาเถอะ อย่างน้อยมึงก็ยังได้ใกล้ชิดกับคนที่ชอบแล้วกัน"

     

    "กูชอบพี่เขา แต่กูไม่ได้ชอบแชร์บอล"

     

     

    "พ่อง..."

     

     

            เด็กหนุ่มซึ่งหมดปัญญาจะพูดเกลี้ยกล่อมเพื่อนแล้วจึงพ่นคำหยาบไปเป็นการจบบทสนทนา ยูคยอมหันกลับมาแล้วหยิบหนังสือเรียนคาบแรกขึ้นมาวางบนโต๊ะแทนการโปรยคำพูดว่านล้อม ที่ไม่น่าจะสำเร็จ

     

            เด็กชายนามสกุลภูวกุลไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาหวังในใจเพียงแค่ว่า จะได้เป็นตัวสำรองหรือไม่ผ่านคัดเลือกลงแข่งก็ได้ ณ จุด ๆ นี้ เขายอมหมด ขอเพียงไม่ได้เล่นกีฬาเป็นพอ

     

     

     

     

     

     

                                                          *

     

     

     

     

     

    "ก็ชูตโด่งดีนี่ ฝึกไป เดี๋ยวมันก็ได้เอง เชื่อพี่"

     

     

    บอกทีว่าไอ้คนจีนนามสกุลหวังคนนี้มันไม่ได้พูดให้เขาเหลิง

     

     

            เขาคิดว่าวันนี้เวลาช่างผ่านไปเร็วนัก แม้จะไม่ได้อยากซ้อมแชร์บอล แต่พอได้คำชมจากปากของคนที่ชอบ ก็รู้สึกมีกำลังใจ หึกเหิมอย่างบอกไม่ถูก แต่ก็ไม่ได้แปลว่ากันต์พิมุกต์จะต้องชอบกีฬามากขึ้นจากเดิม คำตอบคือ เขายังเกลียดการเล่นกีฬาเช่นเดิม

     

            เขาแยกกับเพื่อนเกาหลีนามสกุลคิมไปเมื่อประมาณสองชั่วโมงก่อน หลังจากที่อาจารย์ในห้องปล่อยเด็กลงมาเข้าสี ผู้อำนวยการโรงเรียนให้นักเรียนมาเข้าแถวนั่งพูดคุยประชุมนัดแนะกันนิดหน่อย ก่อนจะปล่อยเด็กไปเข้าสี ซึ่งเขาก็รู้ว่ามันคือการให้เวลาคุณครูได้ไปรอนักเรียนในสีตามพื้นที่ ที่จัดไว้ประจำสี  ซึ่งเสียเวลาชีวิตสลัดผักขมของเขามากมาย

     

     

    "วาโย ! มึงไปซื้อน้ำให้น้องดิ กระเป๋าเงินกูอยู่ในกระเป๋านักเรียน จัดมาสองแพคเลย !"

     

     

    "พี่ว่าวันนี้พอแค่นี้แหละมั้ง จะหกโมงแล้ว กลับไปพักผ่อนกันดีกว่า"

     

     

            วันนี้เขาได้เห็นอีกหลายมุมของคนที่ชอบ อันที่จริง เขาไม่ได้อยากจะจริงจังเท่าไหร่นัก หากว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้ชอบเขากลับ เขาจะคิดซะว่านี่คือสีสันในชีวิตการเรียนมัธยมปลายกับการมีคนให้แอบเหล่มองหาและคิดถึงในเวลาที่เหงา

     

            พี่แจ๊คสันเป็นคนชอบเล่นกีฬา เล่นได้แทบจะเกือบทุกประเภท เห็นพี่เขาบ่นกับพี่วาโยว่าอยากจะลงแข่งฟุตบอลกับปิงปอง แต่โรงเรียนให้นักเรียนลงได้แค่อย่างเดียวเท่านั้น คนที่เขาแอบชอบจึงตัดสินใจเลือกกีฬาที่คิดว่าตัวเองชอบที่สุด แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังไม่ชอบกีฬาตามพี่แจ๊คสันอยู่ดี

     

     

     

            ฟ้าเริ่มเปลี่ยนสีเพราะเริ่มใกล้ค่ำมากแล้ว ซึ่งเขาก็ต้องรีบเดินกลับบ้าน ที่ไม่มีคนมารับไปส่ง เหตุเพราะบ้านเขาใกล้โรงเรียน แม่เลยสอนให้เดินมาโรงเรียนเอง ตอนแรกก็รู้สึกน้อยใจ พอเริ่มโต เขาก็รู้สึกว่ามันดีแสนดี ที่จะกลับบ้านเมื่อไหร่ก็ได้ โดยไม่ต้องมาค่อยนั่งรอคนมารับ

     

            โรงเรียนของเขาเป็นโรงเรียนใหญ่ นักเรียนหลายสัญชาติ มากสุดก็จีน เพราะมีการสอนภาษาจีนโดยเหล่าซือจากจีน ซึ่งโรงเรียนก็ไม่ได้ถามสักคำว่านักเรียนจะคุยกับเหล่าซือรู้เรื่องไหม

     

            เหล่าซือบางคนโดนนักเรียนแกล้งโดยการสอนคำหยาบแต่สื่อความหมายผิด อย่างเมื่อเทอมก่อน เขาสอบได้ร้อยคะแนนเต็มในวิชาภาษาจีน แทนที่จะได้รับคำชม กลับได้คำว่า 'ไอเหี้ย' มาแทน

     

     

     

    ...อยากรู้มาก ว่ากูทำอะไรผิด

     

     

     

     

    "แบม !"

     

     

            เจ้าของชื่อผินหน้าไปหาเสียงเรียกด้านหลังก่อนจะเจอหน้าคนที่ชอบอยู่ไกลไม่ถึงเมตร คนตัวสูงกำลังยืนหอบ บ่งบอกว่าพี่แจ๊คสันวิ่งตามเขามาจากใต้อาคาร

     

            เขาไม่ได้ขานตอบในทันที เพราะยังเหวอกับการมาของคนที่เขาชอบ พอรวบรวมสติได้กันต์พิมุกต์ก็เลิกคิ้วพร้อมขานถามไป

     

     

    "ครับพี่ ?"

     

     

     

    "กลับบ้านกับพี่ไหมพี่เห็นเราเดินกลับ บ้านก็อยู่ใกล้กัน"

     

     

    หมายถึง....?

     

     

     

    "พี่จะไปส่ง"

     

     

     

            เขาอยากจะย้อนเวลากลับไปเมื่อครู่นี้ อยากได้ยินเสียงตอนพี่เขาบอกว่าจะไปส่งอีกที แบบชัด ๆ

     

     

    "บ้านพี่อยู่ใกล้บ้านแบมเหรอ"

     

            หวังแจ๊คสันไม่ได้ตอบคำถามเขาในทันทีที่ถาม คนตัวสูงนิ่งเหมือนครุ่นคิดในหัวเล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้าเป็นคำตอบ

     

            วินาทีนี้กันต์พิมุกต์ไม่รู้หรอกว่าทำไมพี่เขาถึงรู้ว่าบ้านตนอยู่ใกล้กับบ้านพี่เขา กันต์พิมุกต์รู้แค่ว่าต้องตอบอย่างไรกับคำถามของพี่เขาในคราแรก

     

     

    "ขอบคุณครับ"

     

     

            คนนามสกุลหวังส่งยิ้มหวานให้เขาก่อนจะเดินเข้ามาหาแล้วชี้นิ้วไปที่รถจักรยานยนต์คันสีขาวเทา "มอไซต์พี่อยู่นู้น หมวกไม่มี ตำรวจคงไม่น่าจะจับหรอกมั้ง"

     

     

    เสียงหัวเราะของพี่แจ็คสันนี่มัน-  ทำไมมันช่างสดใสขนาดนี้ !!




                                                                    

                              TBC





            

       
       
         

    ? cactus
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×