คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ไกรทอง ตอนที่ 1 (แก้ไข)
เรือกระเชงลักษณะขนาดกลาง รูปร่างคล้ายแตงโมผ่าครึ่ง ท้องเรือโค้งกลม ทวนหัวและทวนท้ายแบบเรียบ มีการนำใบจากมาเย็บเป็นแผงทำเป็นหลังคากำบังแดดฝน ...ค่อยๆลอยตามสายน้ำไปช้าๆไม่เร่งรีบ สาเหตุคงเนื่องมาจากเส้นทางน้ำแห่งนี้ เพราะถึงแม้เส้นทางนี้จะเป็นทางลัดที่ช่วยร่นระยะเวลาในการเดินทางได้ดี หากแต่ก็มีตำแหน่งที่คดเคี้ยวอยู่หลายจุด ...นี่ถ้าไม่ใช่เพราะฝีมือการถ่อเรือของชายหนุ่มวัยฉกรรณ์ที่ท้ายเรือ การเดินทางมาครั้งนี้คงไม่ราบลื่นไม่มีสะดุดอย่างนี้แน่ๆ
สายน้ำไหลเอื่อย สองฟากฝั่งมีแต่ต้นไม้และพุ่มไม้ขึ้นกันอยู่แน่นขนัด สามารถบ่งบอกถึงความอุดมสมบูรณ์ของบริเวณแถบนี้ได้เป็นอย่างดี
จ๋อม จ๋อม
น่าแปลกเส้นทางสายน้ำแถบนี้ ทั้งสองฟากฝั่งมีต้นไม้ขึ้นครึ้มจนมีสีเขียวชอุ่มแต่ทว่ากลับเงียบสงบจนเกินน่ากลัว ...อย่าว่าแต่เสียงนกร้องเลยแม้แต่แมลงก็ยังไม่ยอมส่งเสียงร้องให้ได้ยิน... ช่างแปลกวิสัยของธรรมชาติยิ่งนัก
ชายหนุ่มท้ายเรือเริ่มจับตามองรอบกายด้วยความระแวดระวัง ด้วยเพราะสัญชาติญาตของเขาจับสัมผัสได้ถึงการมาเยือนของศัตรูที่ว่า...แสดงว่าที่นี่มีอันตรายที่น่ากลัวมากๆซุ่มรอพวกเขาอยู่ในแถบบริเวณใกล้ๆแห่งนี้
...ด้วยเกรงว่าจะพลาดท่าแก่มันเข้าให้ ชายหนุ่มจึงพยายามที่จะไม่แสดงท่าทีให้เป็นที่ผิดสังเกตุ
เขาค่อยๆถ่อเรือไปเรื่อยๆไม่เร่งร้อนและปล่อยจิตให้ว่างรวบรวมสมาธิท่องบริกรรมคาถาอยู่ในใจ เพื่อปกป้องทั้งตนเองและผู้บริสุทธิ์อีกสองชีวิตผู้มีน้ำใจและเมตตาที่ในตัวเรือ ...เมื่อมนุษย์มีจิตใจดีงามย่อมต้องได้รับความคุ้มครองจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ประกอบกับดวงชะตาของพวกเขายังไม่ถึงฆาต ชายหนุ่มจึงยินยอมที่จะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือให้พวกเขาทั้งสองรอดพ้นจากภยันอันตรายที่จะมาย่ำกราย
ไม่ผิดจากที่ชายหนุ่มคาดการณ์ไว้ เพราะหลังจากที่เรือได้ล่วงเข้ามาในเขตน่านน้ำนี้ ก็มีสัตว์ร้ายน่ากลัวสะกดลอยตามหลังมาอย่างเงียบเชียบ ‘มัน’ ลอบสังเกตด้วยสมองอันชาญฉลาดเกิดสัตว์เดรฉาน ด้วยรู้ดีว่าจะต้องทำตัวเช่นไรและจัดการยังไงกับเหยื่ออันแสนโอชะบนเรือลำนี้
เพียงเวลาไม่นานก็มีเงาดำขนาดใหญ่ว่ายผ่านใต้ท้องเรือไปอย่างว่องไวและเงียบกริบ เพื่อป้องกันเหยื่อด้านบนรับรู้ถึงการมาเยือนของ.......ความตาย
‘มัน’ เริ่มขยับคืบคลานกายเข้าไปใกล้ๆเหยื่อบนผิวน้ำ ดังเช่นสัตว์ร้ายที่ทำการแฝงกายอยู่ในจุดอับรอคอยซุ่มดูเหยื่อด้วยความใจเย็นอยู่อย่างเงียบๆ
อา....วันนี้ช่างเป็นวันดีของข้าเสียจริงที่มีเหยื่อมาให้ข้าขบเคี้ยวเล่นแก้เบื่อ... นี่แค่เห็นข้าก็รู้สึกได้ถึงกลิ่นคาวของเลือด เสียงกรีดร้องของความหวาดกลัวก่อนที่จะตาย และรสชาติของเนื้อแสนอร่อยที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของพวกมนุษย์ที่สัตว์ชนิดอื่นๆล้วนเทียบไม่ติด
พวกมนุษย์บนเรือมีอยู่ด้วยกันสามชีวิต เป็นชายสองและหญิงอีกหนึ่ง...หึ หึ...มนุษย์ผู้หญิง เลือดมันช่างหวานหอม เนื้อนุ่มละมุนลิ้นกว่าเนื้อมนุษย์ผู้ชายมากมายหลายเท่า ยิ่งโดยเฉพาะเนื้อมนุษย์หญิงที่ยังสาวรสชาติของมันยิ่งหอมหวานอร่อยละมุนลิ้น
ด้วยเหตุนี้ ‘มัน’ จึงพยายามว่ายวนเวียนอยู่ใต้ท้องเรือเพื่อรอคอยหาช่องทางโจมตี แต่คงเป็นเพราะคาถาของชายหนุ่มที่ร่ายกำกับไว้ เลยทำให้เจ้าเงาดำมรณะไม่สามารถเข้าไปใกล้เรือเลยแม้แต่สักคืบเดียว
‘มัน’ เริ่มทำการว่ายเร็วขึ้น เคลื่อนไหวตัวแรงขึ้นด้วยแรงของโทสะ จนสายน้ำที่เคยนิ่งก็มีการกระเพื่อมไหวเป็นรอยคลื่นบอกถึงการปรากฎตัวของมันได้เป็นอย่างดี
ชายหนุ่มท้ายเรือพยักหน้าส่งสัญญาณให้อีกสองคนบนเรือเริ่มลงมือ ชายหญิงทั้งคู่รีบเคลื่อนย้ายตัวไปทางหัวและท้ายเรือ เร่งแกะห่อกระดาษในมือจนมือไม้สั่นแล้วโรยผงในห่อลงน้ำไปรอบบริเวณเรือให้เร็วที่สุด
เจ้าเงาดำกระสาถึงกลิ่นผิดแปลกรอบเรือ...บ้าเอ้ย! ผงขมิ้นวิเศษ พวกมันไปเอาของชั่วช้านี่มาจากไหน นอกจากพวกมันจะมีวิชาอาคมแล้วพวกมันก็ยังมีของวิเศษเช่นนี้อีก...ดี!ในเมื่อพวกมึงกล้าหาญที่อยากจะลองดีกับกู ได้เลยเลือดกูจะทำให้พวกมึงตายอยากทรมาณที่สุดโทษฐานที่กล้าต่อสู้กับกู
ทันใดนั้นเองเบื้องหน้าของเรือ ก็ปรากฎร่างอันน่าสะพรึงกลัวโผล่กายขึ้นมาเหนือน้ำ ท่ามกลางสายตาของทุกคนที่อยู่บนเรือ... ไม่น่าเชื่อ!!!มันมีอยู่จริงๆด้วยข่าวลือที่ว่านั่น
...เจ้าจระเข้ยักษ์... ขนาดของมันช่างใหญ่โตจนแทบจะเท่าขนาดลำคลองสายนี้ สมกับที่ถูกชาวบ้านขนานนามไว้ว่ามันเป็นเจ้าถิ่นของลำน้ำ
หึหึ...ในที่สุดเอ็งก็โผล่หัวออกมาหาข้าจนได้ จุ๊ๆดูจากแววตาของมันแล้วคงมั่นใจว่าจะทำร้ายพวกข้าได้งั้นสิ...ไม่รู้ซะแล้วว่ากำลังเล่นอยู่กับใคร
ชายหนุ่มขยับกายเดินจากท้ายเรือมาที่หัวเรือ พร้อมจะเผชิญกับเจ้าอสูรกายยักษ์ตรงหน้าอย่างไม่นึกกลัวกับความใหญ่โตของมัน...ถึงเจ้าตัวนี้จะไม่ใช่จระเข้สายพันธุ์ระดับพญากุมภีร์แต่มันก็คงบำเพ็ญเพียรภาวนามานานพอดู ขนาดตัวของมันถึงได้ดูใหญ่โตผิดธรรมชาติจากจระเข้ทั่วไปเช่นนี้
‘นี้นะเรอะสมุนคู่กายของพวกเอ็ง...ช่างดูตัวเล็กจ้อยเสียนี่กระไร’
“พี่ชายขอให้ฟังคำเตือนให้ดีๆ เมื่อข้ากระโจนลงน้ำไปแล้วขอให้ท่านรีบแจวเรือหนีไปให้ถึงตรงโค้งน้ำด้านโน้นให้เร็วที่สุด จำคำข้าไว้ให้ดี...จงอย่าได้หันหลังกลับมามอง...อย่าหันกลับมา เด็ดขาด”
ชายเจ้าของเรือพยักหน้ารับคำในตำแหน่งท้ายเรือด้วยอาการสั่นเทิ้ม ไม่ต่างจากภรรยาสาวที่เอาแต่นั่งอุดปากน้ำตาไหลพรากด้วยความกลัวอยู่ในตัวเรือ
“ส่วนผงขมิ้นวิเศษที่เหลือ จงเก็บเอาไว้ยามเมื่อเดินทางกลับ พวกท่านจะได้ปลอดภัย”
“ละ...แล้ว...นะ...น้องชายล่ะ มันตัวใหญ่มากเลยนะ”
ชายหนุ่มหันกลับมาจ้องมองหน้าเจ้าจระเข้ยักษ์ อย่างไม่รู้สึกยินดียินร้ายกับความใหญ่โตน่ากลัวของมัน
“ตัวเล็กเหมือนจิ้งจกแบบนี้ไม่คณามือข้าหรอก พี่ชายจงได้อย่ากลัวแทนข้าเลย”
ดีล่ะ! งั้นมาดูกันว่าระหว่างเอ็งกับข้า ผู้ใดจะมีฝีมือเก่งกาจมากกว่ากัน
จบประโยคชายหนุ่มก็พุ่งตัวกระโจนดำลงไปในน้ำ โดยมีเจ้าจระเข้ยักษ์ดำน้ำตามหลังไปต่อหน้าต่อตาของทั้งสองผัวเมียบนเรือ
ฝ่ายชายเจ้าของเรือไม่รอช้า รีบออกแรงถ่อเรือสุดแรงสุดกำลังที่มีไปให้ถึงตรงโค้งน้ำด้านหน้า ...ต้องหนี...ต้องหนีไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุดก่อนมันจะโผล่ขึ้นมา
พุทโธ ธัมโม สังโฆ เกิดมาเพิ่งจะเคยพบเจอเห็นจระเข้ตัวใหญ่ขนาดนี้ แสดงว่าข่าวลือว่าจระเข้ยักษ์เที่ยวอาละวาดฆ่าคนก็ล้วนแต่เป็นความจริง ...เทวดาคุ้มครอง โชคดีจริงๆที่รับน้องชายคนนั้นขึ้นเรือมาด้วย ไม่อย่างนั้นเขากับเมียต้องมาตายที่นี้แน่ๆ
‘ขอบใจพี่ชายมากนะที่ยอมให้คนแปลกหน้าเช่นข้าอาศัยโดยสารเรือมาด้วย’
‘อย่าขอบจง ขอบใจเลย ข้ากับเมียมาเยี่ยมญาติที่นี่ น้องชายเองก็มาทำธุระที่นี่ ทางเดียวกันแถมน้องชายยังขันอาสาถ่อเรือให้อีก ถือเสียว่าหายกัน’
ผัวเมียเจ้าของเรือยิ้มให้ชายหนุ่มด้วยความเต็มใจ ไม่ยอมถือเป็นบุญคุณ ชายหนุ่มจึงยื่นห่อกระดาษขนาดเท่าฝ่ามือยื่นมาให้อีกฝ่ายเก็บไว้ติดตัวพร้อมกับสั่งกำชับเสียงหนักแน่นว่า
‘พี่ชาย ข้างในนี้มีผงขมิ้นวิเศษอยู่ ยามเมื่อต้องเดินทางน้ำขอเพียงแค่พี่ชายเอาเจ้าสิ่งนี้โรยลงในน้ำรอบตัวเรือ ข้ารับรองว่าพวกท่านจะต้องปลอดภัยตลอดการเดินทาง’
ผู้เป็นเจ้าของเรือรับมาอย่างงุนงงกึ่งเชื่อและไม่เชื่อ....เจ้าหนุ่มนี่เห็นทีคงไม่ใช่คนธรรมดาเพราะดูลึกลับ เรี่ยวแรงก็มากมาย และยังมาทายทักแบบนี้อีกเชื่อไว้คงไม่เสียหายเท่าไร แถมเส้นทางที่จะต้องผ่านหมู่นี้ยิ่งได้ยินข่าวลือไม่ดีมาอยู่ด้วย
...พอกันที คราวหน้าข้าจะไม่ใช้เส้นทางลัดแถบนี้อีกแล้ว...เข็ดแล้ว... ไม่เอาอีกแล้ว
ด้วยเพราะความที่เร่งรีบหนีออกไปจากที่ๆอันตรายเร็วๆ สองผัวเมียจึงไม่ได้สังเกตเห็นเลยว่า เหตุฉไนจุดที่ทั้งคนและสัตว์ดำลงไปถึงยังคงนิ่งสงบไม่มีความเคลื่อนไหวของการต่อสู้ หรือสีของสายน้ำที่ย้อมแดงด้วยเลือดปรากฏให้เห็น
ลึกลงในใต้น้ำลึก
เจ้าจระเข้ร่างยักษ์ที่กระหายเลือดและการฆ่าฟันลอยค้างนิ่งอยู่กับที่ จากแววตาแข็งกร้าวกลับลอยคว้างดูเหม่อลอย ไร้ซึ่งท่าทีว่าจะต่อสู้ คล้ายๆกับหุ่นตุ๊กตาที่รอให้คนชักเชิดได้ตามใจชอบ ชายหนุ่มปริศนายิ้มถูกใจที่เขาสามารถจัดการกับลูกสมุนตัวนี้ได้อย่างง่ายๆโดยไม่ต้องเหนื่อยแรงและเสียเวลาอย่างที่คิด
“จงพาข้าไปหาเจ้านายของเจ้าเดี๋ยวนี้”
“ขอรับ นายท่าน”
จระเข้ยักษ์ว่ายนำทางไปยังจุดหมายตามคำสั่งของเจ้านาย
...จุดเริ่มต้นของความขัดแย้งที่พวกเขาหลีกเลี่ยงกันมาโดยตลอด เห็นทีว่าเรื่องราวคงจบลงไม่สวยนัก...หากเป็นไปได้ข้าขออย่าให้พวกเจ้ารออาจใฝ่สูงและโอหังเกินตัวจนไม่ฟังคำเตือน
๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑100%๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑
ขอโทษผู้อ่านทุกท่านจริงๆนะค่ะที่ไรเตอร์หายไปนานแต่ที่หายไปไม่ใช่เพราะอะไรไปทำงานอย่างที่ได้แจ้งเอาไว้แล้วความจริงทำตั้งแต่วันที่28 ม.ค. แล้วมันไม่มีเวลาว่างเลยมีแค่วันที่ลงบอกเท่านั้นที่ว่างจึงได้บอกกล่าวกันไปเพราะกลัวว่าผู้อ่านทุกคนจะรอนาน(เป็นคนดีจริงๆเลยเรา อิอิ)กลับมาแล้วพร้อมกับการต่อสู้แต่เอาลงแค่นี้ก่อนนะค่ะขอไรเตอร์กลับไปเกลาและเหลาการเขียนฉากต่อสู้ใหม่ก่อนเพราะไรเตอร์ไม่ค่อยถนัดการบรรยายฉากต่อสู้เท่าไรแต่ไรเตอร์จะพยายามเอาฉากต่อสู้มาลงให้เร็วที่สุดนะค่ะ
เรื่องต่อมาคือกลัวว่าผู้อ่านทุกคนจะนึกถึงหน้าตาตัวละครไม่ค่อยออกเลยอยากให้ไปติดตามอ่านหนังสือการ์ตูนเรื่องไกรทองที่ออกมาปัจจุบันนี้น่ะค่ะ(เรื่องของเรื่องคือจำชื่อสำนักพิมพ์บ่ได้แล้วก่ะ...โทษเน้อ)แต่อยากจะบอกว่าท้าวโคจรและชาละวันหล่อโฮกกกกกกกกกกกกกก ทั้งหล่อ เท่ ดิบ เถื่อนรวมอยู่ในตัวคนเดียวเลย แต่ไกรทอง ขุนไกร ท้าวรไพและตัวละครอื่นๆจะมีลักษณะคล้ายแบบนั้นละค่ะส่วนอาวุธหรือสถานที่และฉากการต่อสู้ไรเตอร์อ้างอิงมาจากการ์ตูนเรื่องนี้ซะส่วนใหญ่ขอให้ผู้อ่านเข้าใจด้วยน่ะค่ะ แหะๆ
พบกันใหม่ตอนหน้าน่ะค่ะ บาย
ความคิดเห็น