ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ไกรทอง ชาละวันxไกรทอง (yaoi)

    ลำดับตอนที่ #20 : ไกรทอง ตอนที่16 (แก้ไข)

    • อัปเดตล่าสุด 19 เม.ย. 58


    เนื่องจากเคยเอ่ยปากเป็นมั่นเหมาะว่าจะงานจัดงานทำบุญครั้งใหญ่เพื่อสิริมงคลแก่ครอบครัว วันนี้ที่บ้านของเศรษฐีคำจึงได้มีผู้คนจำนวนหลายมากทั้งชายและหญิงมารวมตัวกันช่วยจัดเตรียมสถานที่ในการจำงานบุญครั้งใหญ่ ทั้งที่ถูกจ้างมาและทั้งที่เต็มใจมาช่วยงาน ขนาดเศรษฐีขวานและครอบครัวก็ยังเกณฑ์กำลังคนที่บ้านมาช่วยงานและเป็นหัวเรือใหญ่อีกแรงช่วยจัดเตรียมงานอีกคน...ถึงแม้ว่าจะเป็นการช่วยเพราะเกรงใจหลวงตาคงก็ตาม ด้วยเหตุนี้การเตรียมงานจึงถือว่ารุดหน้าไปเร็วมากเพราะด้วยแรงสามัคคีของทุกคน


    ไกรทอง  ทองดำแบ่งกำลังพวกคนงานผู้ชายมาช่วยกันลงแรงถางหญ้า  ลงต้นไม้  จัดการสถานที่อยู่ลานหน้าบ้านและไปช่วยลงแรงจัดสถานที่กันที่บริเวณวัด   ส่วนพวกผู้หญิงไปร่วมไม้ร่วมมือกันทำอาหารคาวหวานอยู่ที่ครัวไฟด้านบนและหลังบ้าน   


    ทุกคนต่างร่วมแรงกันคนละไม้ละมือท่ามกลางอากาศร้อนระอุในยามบ่าย  ถึงอากาศจะโหดร้ายจนเหงื่อไหลโทรมกายแต่ใบหน้าทุกคนยังยิ้มแย้มทำงานไปคุยเล่นหัวกันไปไม่มีบ่น...ยกเว้นอยู่คนเดียวที่มักจะชอบบ่น ร้อนๆไปตามเรื่องตามราวของมันให้คนข้างๆรำคาญหูเล่น


    ไกรทองก้มหน้าก้มตาใช้เสียมถอนหญ้าพยายามไม่สนใจเสียงหวี่ๆข้างหูให้หงุดหงิด  อากาศร้อนจนตัวแดง แต่ไอ้แมงหวี่ตัวนี้มันดันเสือกส่งเสียงร้องหวี่ๆไม่เลิกไม่ราจนเขาอดไม่ได้ที่จะ...


    พลั่ก! ด้ามเสียมหนักๆถูกกระแทกเข้าใส่หัวไอ้แมงหวี่จนร้อง อ๊ากหัวคะมำจนแทบจูบกองหญ้า


    ทองดำยกมือลูบหัวป้อยๆพร้อมกับส่งสายตาตัดพ้อใส่เพื่อนรักด้วยแววตาน่าสงสาร   ซึ่งไกรทองดันทำหน้ามึนไม่รู้ไม่ชี้จนเพื่อนสีถ่านน้อยใจแกล้งทำท่ากระเง้ากระงอด  จิกตาแฝงจริตมารยาค้อนใส่เต็มวงและคราวนี้ศอกยาวๆด้านข้างกระทบโดนสีข้างมันพลั่กใหญ่จนต้องเสียหลักลงไปนอนตะแคงกับพื้นเต็มๆ


    กูรำคาญ


    สั้นได้ใจความเหลือเกินไอ้พิกุลทอง  มึงทำกับกูได้ลงคอนะ


    ไกรทองส่งสายตาลอยหน้าลอยตาประมาณว่า มึงจะทำไมกู’  ทำให้ทองดำใช้ด้ามเสียมแหย่กระทุ้งใส่คืนเพือนรักบ้างให้หายเคือง   ซึ่งอีกฝ่ายก็ไม่ยอมอยู่เฉยใช้ด้ามเสียมตัวเองกันด้ามเสียมอีกอันเอาไว้ไม่ยอมแพ้


    ระหว่างที่เพื่อนรักกำลังจะเปิดฉากตีกันตาย  สองศรีพี่น้องคนสวยเดินถือถือขันน้ำใบโตลงมาจากบนเรือนพร้อมกับสาวใช้สองสามคนมาที่ลานบ้านท่ามกลางแดดร้อนในยามบ่าย


    วันนี้อากาศร้อนมากพ่อกับแม่เลยให้ฉันกับน้องเอาน้ำมะพร้าวมาแจกให้ทุกคนดื่มแก้กระหายจ๊ะ


    คนงานพากันหยุดมือจากการทำงาน  ทยอยมารับน้ำมะพร้าวไปดื่มกันคนละแก้วไม้ไผ่กันอย่างกระหายและเอ่ยชื่นชม  สรรเสริญน้ำใจของเจ้าของบ้านที่มอบมาให้ไม่ขาดปาก


    ส่วนตะเภาแก้ว  ตะเภาทองนั้นค่อยๆถือขันน้ำขนาดย่อมๆสองใบเดินแยกมาให้สองหนุ่มที่ยืนคอยอยู่ต่างหาก


    นี่จ๊ะพี่ไกร พี่ทองดำ


    ทองดำไม่คิดอะไรมากรับน้ำมะพร้าวยกดื่มอย่างชื่นใจ   ต่างจากไกรทองที่กระอึกกระอักไม่กล้ารับขันใส่น้ำมะพร้าวมาจากมือตะเภาแก้ว...ไม่ใช่ว่าเด็กหนุ่มจะเคยไม่รับรู้ถึงสายตาที่มองมา  แต่เขารักน้องแก้วเหมือนน้องสาวแท้ๆคนหนึ่งไม่ต่างจากน้องทอง   ครั้นจะให้ทำดีด้วยก็เกรงว่าจะเป็นการให้ความหวังเกินไป  จนน้องไม่สามารถตัดใจจากเขา  แล้วยอมเปิดรับความรักจากคนที่ดีกว่า...ข้าจะไม่ให้น้องแก้วรู้สึกต่อข้าถลำลึกไปมากกว่านี้อีกแล้ว


    ...ดีว่าไอ้เพื่อนรักมันรู้ใจเลยอาสารับขันใบน้อยมาถือไว้แทน  แล้วค่อยยื่นส่งให้อีกทอดหนึ่ง  เด็กหนุ่มเลยเบาใจยอมรับน้ำมะพร้าวขันนี้ดื่มแก้ร้อน


    ระหว่างที่ดื่มอยู่นั้นไกรทองสังเกตุเห็นว่าหญิงสาวเริ่มมีสีหน้าเจื่อนลงจึงเกรงว่าเจ้าหล่อนจะคิดมาก เขาเลยจำใจต้องรีบเอ่ยปากแก้ตัวเป็นความนัยเพื่อให้คลายใจ เกรงใจลุงคำแย่เลย”  


    ทองดำมองหน้าเพื่อนมองขันน้ำมะพร้าวในมือ...เอามาแจกแต่กรองน้ำมะพร้าวให้อย่างดีมีลอยดอกมะลิด้วย...คิดไปก็เกาหัวไป...ยังดีที่อุตส่าห์เผื่อน้ำใจกรองและลอยดอกมะลิมาเผื่ออีกขัน...ไอ้ไกรเอ๋ยไอ้ไกร กูควรอิจฉาหรือสงสารมึงดีวะ


    ไม่ต้องเกรงใจหรอกจ๊ะ พ่อกับแม่เห็นทุกคนเหนื่อยๆเลยให้แจกน้ำมะพร้าวดื่มแก้ร้อน


    ไกรทองไม่กล่าวตอบอะไรอีกนอกจากแสร้งยิ้มอือๆออๆไปตามน้ำ น้องแก้วลุงคำไปไหนเสียละ ยังไม่เห็นหน้าเลยนะวันนี้


    วันนี้แม่บอกว่าพ่อมีคนมาหานะจ๊ะ


    คนมาหา?ใครเหรอ?” ทองดำผินหน้าไปถามตะเภาทองตามนิสัยคนชอบสอดรู้สอดเห็น


    แฝดคนน้องเมื่อโดนถามก็ทำท่าครุ่นคิดจริงจังแล้วส่ายหัว ไม่รู้จ๊ะเพราะพ่อพาไปคุยในสวนระหว่างคุมคนงานไปด้วยเลยไม่เห็นหน้า  แต่ฉันเคยได้ยินแม่เปรยๆว่าเป็นเพื่อนของพี่นันมาขอทำงานด้วย


    ตะเภาแก้วสังเกตุเห็นแววตาใคร่รู้ของไกรทองก็รู้สึกสะท้านในใจ...ขอเพียงเป็นเรื่องของพี่นัน  พี่ไกรก็มักจะต้องให้ความสนใจเสมอเลย...เพราะเหตุใดกันพี่ถึงกระหายอยากรู้เรื่องพี่นันมากขนาดนี้จนไม่เหมือนพี่ไกรคนเดิม


    ซึ่งไม่ต่างจากทองดำที่เหล่มองเจ้าเพื่อนตัวดีบ่นงึมงำคนเดียวกับตัวเอง  แล้วนึกขำขันในใจ มึงนี่ยังถามหาไม่เลิกไม่ลาเลยเนอะ


    ไกรทองมองเห็นร่างสูงใหญ่ของเศรษฐีคำเดินถือไม้ตะพดมุ่งตรงมาทางนี้พอดี  โดยมีเจ้านัน ไอ้นัน พี่นันของใครต่อใครและหัวของใครบางคนเดินตามหลังมาด้วย  ซึ่งเด็กหนุ่มไม่เข้าใจว่าทำไมทุกคนถึงต้องยืนอ้าปากนิ่งค้างยามที่เจ้าบ้านเดินผ่าน


    ชายกลางคนรับไหว้สองหนุ่มละเอ่ยปากถามเรื่องเตรียมงานกันพอเป็นพิธี  ก่อนจะผายมือแนะนำใครบางคนที่ก้าวเดินมายืนข้างๆให้พวกเขาได้มีโอกาสรู้จัก นี่เป็นคนงานใหม่จะมาทำงานอยู่ที่นี้ชื่อ ชาละวัน


    เงียบสนิทแม้แต่ลมยังไม่ขยับ...ไม่มีเสียงพูดคุยหรือกระซิบกันให้ได้ยินเลยแม้แต่นิดเดียวนอกจากเสียงสูดลมหายใจเพราะตกตะลึงกับความหล่อเหลา...ไม่ใช่ต้องพูดว่างดงามเลยต่างหาก...ไม่สวย ไม่รูปงาม ...มันคือคำว่างดงามจริงๆ


    โครงรูปหน้าสวยได้รูป   ดวงตาสองชั้นหวานซึ้งปานน้ำผึ้งเดือนห้า  จมูกโด่งเป็นสันงาม  ริมฝีปากอวบอิ่มเป็นสีแดงระเรื่อ  ผมดำเป็นเงาปานขนอีกายาวจนเลยไหล่   ใบหน้ายิ้มแย้มดูอ่อนโยนช่วยส่งเสริมให้เจ้าตัวดูงดงามจนคนที่ได้มองแทบจะลืมหายใจ


    ผิวพรรณก็ข๊าว  ขาวดั่งหยวกกล้วย   เกิดมายังไม่เคยเห็นใครผิวขาวสวยเท่าเจ้าหนุ่มนี่มาก่อนเลย...ใครช่วยบอกทีว่าบุรุษที่ยืนยิ้มอวดฟันขาวเรียงสวยนี้เป็นคนธรรมดาเหมือนเช่นพวกเรา  มิใช่เทพบนสรวงสรรค์ลงมาเดินเล่นในโลกมนุษย์ให้หัวใจปั่นป่วนหัวใจเล่น


    นันที่ยืนมองดูอาการตะลึงจนตาค้างของทุกคนแล้วแอบหัวเราะเบาๆ...ใครบ้างที่เห็นเพื่อนของข้าคนนี้แล้วจะไม่ตกตะลึง  ขนาดเศรษฐีคำที่แทบมองไม่เห็นหัวใครพอเห็นหน้าชาละวัน  ยังมาแอบกระซิบถามเขาออกมาตรงๆเลยว่าใช่เทวดาหรือปล่าว


    ทางชายเจ้าของบ้านเองก็เข้าใจทุกคนดีที่ได้เผลอแสดงอาการกันเช่นนี้ออกมาให้เห็น  แต่จะมีรู้สึกขุ่นเคืองใจบ้างก็ตรงที่ลูกสาวเนี่ยแหละ  ตะเภาแก้วนั้นยังพอมีสำรวมกิริยาบ้างผิดด้านกับตระเภาทองที่จ้องมองเจ้าหนุ่มคนงามด้วยสายตาและท่าทางเคลิบเคลิ้มหลงใหลไม่มีปิดบัง...สงสัยต้องให้แม่เข้มงวดกับลูกทองอีกสักหน่อยมีอย่างที่ไหน เป็นสาวเป็นแส่แท้ๆแต่กับจ้องมองผู้ชายไม่วางตา


    แต่เรื่องนี้เอาไว้ก่อน   เขาต้องจัดการหาที่อยู่ให้เจ้าวันเสียก่อน  เพราะดูจากอาการลูกสาวแล้วคงให้พักอยู่ในบ้านเหมือนคนงานอื่นๆ  ก็กลัวว่าสักวันจะคำนินทาครหาให้เป็นที่สนุกปาก...เขาจึงต้องตัดไฟเสียแต่ต้นลมเพื่อกันไม่ให้ควันมันลอยไปตามลมจนเกิดความเสียหาย


    พอดีช่วงนี้ข้ามีเรื่องต้องไว้วานเจ้านันไปทำธุระแทนข้าที่หมู่บ้านอื่นเลยอยากขอให้... เศรษฐีคำมองดูรอบด้านก่อนมาจบลงที่ไกรทอง  “เอ็งแล้วกันเจ้าไกรคอยดูแล  ช่วยเหลือเจ้าวันแทนเจ้านันจนกว่ามันจะกลับมาทีนะ


    เสียงลุงคำปลุกไกรทองให้กลับมามีสติอีกครั้งก่อนจะชี้มาที่ตัวเอง ห๊ะ! ฉัน? เอ่อ ...ดะ...ได้จ๊ะลุงคำ


    นันเดินเข้ามาตบบ่าเด็กหนุ่มพร้อมเอ่ยปากฝากฝังไหว้วานเต็มที่ ส่วนไอ้ความเกรงใจที่ควรจะมีในกมลสันดาลนะเหรอไม่มี๊ ไม่มีหรอก  ขอแค่มีคนมาดูแลแทนเขาได้นะจะยังไงเขาก็เห็นดีด้วย ดูแลเพื่อนข้าหน่อยนะ นอกจากเอ็งแล้วข้าไม่ไว้ใจใคร


    อ้าว  อ้าว... แล้วฉันล่ะพี่นัน  ฉันก็ไว้ใจได้เหมือนกันน้า” 


    พี่นันของไอ้น้องทองดำทำสีหน้าเหยียดๆประมาณว่า เอ็งนะเหรอเล่นเอาพ่อสีถ่านโวยวายโหลงเหลงใส่จนกลายเป็นศึกน้ำลายระหว่างสองหนุ่มพี่น้องต่างพ่อต่างแม่กันไปโดยปริยาย  ซึ่งเศรษฐีคำก็เห็นมาจนชินตาเลยไม่สนใจ ปล่อยให้กัดกันต่อไป...เดี๋ยวก็เหนื่อยเลิกราไปเอง  ขี้เกียจห้ามให้เสียเวลา  และถ้าพวกมันสองตัวยังไม่หยุดกัดกันก็ค่อยเอาน้ำสาดเอาแล้วกัน


    ช่วงนี้คงต้องให้เจ้าวันไปพักอยู่กับเอ็งไปก่อน รอเจ้านันกลับมาแล้วค่อยให้ทั้งสองคนไปพักอยู่ด้วยกัน  แต่กระต๊อบมันหลังเล็กครั้นจะให้อยู่กันสองคนก็จะคับแคบ   ถ้าลุงจะขอให้เจ้าวันอยู่กับเอ็งไปตลอด...เอ็งจะตกลงไหมเจ้าไกร?


    ตอนแรกเด็กหนุ่มทำท่าปฎิเสธไม่อยากตอบตกลง  แต่พอสายตาดันชำเลืองไปเห็นชายคนงามส่งยิ้มหวานเยิ้มมาให้เพื่อสร้างมิตรไมตรี   ไกรทองก็เกิดอาการบื้อใบ้ไปชั่วขณะ   หลงใหลไปกับความงามตรงหน้าจนเผลอพยักหน้า  เอ่ยปากตกลงคำขอเศรษฐีคำเหมือนคนโดนสะกด


    แต่เพราะไกรทองมีน้ำใจงามกับทุกคนที่เดิดร้อนอยู่แล้ว   จึงทำให้คนอื่นๆไม่ได้คิดอกุศลเป็นอื่นจนเอาไปบอกเล่ากันให้สนุกปาก...นับว่าโชคดีอยู่นะ  ไม่อยากจะคิดถ้าชาวบ้านเอาไปพูด   เรื่องราวอาจจะลุกลามขยายใหญ่จนเลอะเทอะหาความจริงไม่เจอ  เผลอๆบางทีเด็กหนุ่มอาจจะถูกมองว่าเป็นพวกผิดเพศให้เป็นที่รังเกียจจนถูกอับเปหิไปอยู่ที่อื่นก็เป็นได้


     งั้นตอนนี้ข้าอนุญาตให้เอ็งพาเจ้าวันไปดูที่หลับที่นอน...มาเหนื่อยๆคงอยากจะพักผ่อนให้สบายกาย  ไว้พรุ่งนี้ค่อยให้เจ้าไกรพามาทำงานนะ


    ไกรทองแอบชำเหลืองมองคนยิ้มหวานด้วยอาการหวาดระแวง...ไม่เข้าใจตัวเองเลยจริงๆ  ว่าทำไมถึงรู้สึกกลัวพี่ชายคนนี้  ทั้งๆที่ออกจะดูเป็นคนดีแท้ๆแต่ใจกลับนึกหวาดกลัวคล้ายกับตัวเองเป็นเหยื่อที่กำลังถูกสัตว์ร้ายจ้องมองก็ไม่ปาน... สงสัยเพราะไม่เคยเจอคนงามขนาดนี้ล่ะมั้งแถมยังเป็นผู้ชายด้วย   เลยเข้าใจว่าแววตาหวานๆที่มองมามันน่ากลัว พี่ชายคนนี้เพิ่งมาอยู่ใหม่เลยยังไม่คุ้นที่และยังไม่มีที่อาศัยหลับนอนเป็นของตัวเอง  ถ้าเราจะทำตั้งแง่กับพี่เขาก็ใจดำเกินไปล่ะ  เพราะฉะนั้นเลิกคิดอะไรพิสดารได้แล้ว...เลิกคิด...เลิกคิด


    ได้จ๊ะลุงคำ


    เด็กหนุ่มยกมือไหว้ลาเศรษฐีคำกลับบ้านไปก่อน  และพอจะบอกลาคนอื่นบ้าง   ไกรทองก็ได้แต่หน่ายใจกับความชุลมุนเบื้องหน้า ที่กำลังเกิดทั้งสงครามน้ำลายของสองหนุ่มที่ยังคงสาดใส่กันไม่หยุด...อะไรกันลุงคำคุยกับข้าตั้งนานสองนาน  ไอ้ทองดำกับพี่นันยังไม่เลิกกัดกันอีกเรอะ?  สงสัยงานนี้คงต้องให้ลุงคำสาดน้ำใส่เสียจริงๆล่ะมั้งถึงจะเลิกกัดกัน 


    ชาวบ้านคนอื่นก็ยังยืนอ้าปากค้างหลงใหลได้ปลื้มในความงามของชาละวันไม่ยอมหาย  ส่วนน้องแก้วก็ลากน้องทองเดินขึ้นเรือนไปตอนไหนไม่รู้.... ทั้งสองเลยจำใจต้องกลับไปโดยไม่ล่ำลาเพื่อนหรือใครอีก


    นี่แค่วันนี้ยังเกิดเรื่องวุ่นวายได้ถึงเพียงนี้  ไม่อยากจะคิดถึงวันอื่นเลยว่าจะมีความโกลาหลอะไรเกิดขึ้นให้ปวดหัวอีก  สงสัยคงต้องต้มยามาดื่มสักหม้อแก้ปวดหัว


    ระหว่างทางที่ทั้งสองกำลังเดินกลับบ้าน  ชาวบ้านหลายคนที่ไม่ได้ไปช่วยงานบ้านเศรษฐีคำครั้นพอได้พบเห็นความงามของชาละวันต่างก็พากันแสดงอาการเชกเช่นเดียวกันคือ   อ้าปากค้างอยู่กับที่เหมือนก้อนหิน   จ้องมองความงามตาไม่กระพริบ   โดยเฉพาะอย่างยิ่งสาวน้อยสาวใหญ่   ทั้งแก่และไม่แก่พอได้เจอรอยยิ้มทักทายของชายหนุ่มเข้าไป   ล้วนเกิดอาการเข่าอ่อน  หมดแรงยืนไม่ไหวกันเป็นทิวแถวตลอดทางจนมาถึงบ้านของไกรทอง


    บ้านนี้เป็นบ้านเก่าของพ่อที่ทิ้งไว้ให้เด็กหนุ่ม   เมื่อตอนยังเด็กเขาไปอาศัยอยู่กับหลวงตาที่กุฎิวัด   โดยที่บ้านหลังนี้ลุงคำอาสาดูแลจัดการให้เหมือนตอนที่พ่อกับเขายังอยู่ที่คุ้งใต้   จนเขาอายุครบสิบหกพอที่จะดูแลตัวเอง  ทำงานเป็น  จึงขออนุญาตหลวงตาออกมาอยู่คนเดียวแต่ก็ยังคอยเทียวไปช่วยงานที่วัดอยู่เสมอไม่เคยขาด


    บ้านหลังนี้ต่างจากบ้านของชาวบ้านทั่วไปตรงที่มันมีลักษณะภายนอกคล้ายเรือกระเชง    ยิ่งตั้งอยู่ริมท่าน้ำก็ยิ่งดูคล้ายเรือเข้าไปใหญ่   ลานบ้านดูสะอาดโล่งตาไม่มีหญ้าขึ้นแซมให้เห็น   มีแคร่ไม้ไผ่ตั้งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่หน้าตัวบ้าน...แสดงให้เห็นว่าเจ้าของบ้านเป็นคนเอาการเอางานน่าดู  เพราะบ้านดูสวยงามสะอาดตาน่าอยู่ยิ่งนัก


    เชิญขึ้นมาบนบ้านก่อนนะ”  ไกรทองเชิญชายหนุ่มลองขึ้นไปดูห้องหับที่จะอยู่หลับนอน  เพื่อดูว่ายังขาดเหลืออะไรและคนที่มาอยู่จะพอใจหรือไม่


    ก้าวแรกที่เหยียบบนพื้นบ้านหลังนี้  ชาละวันรู้สึกชอบใจพอสมควรในความเรียบง่ายและกว้างขวางของที่นี่  บนบ้านมีห้องหับแยกไว้สองห้องต่างจากบ้านของชาวบ้านทั่วไปที่จะมีห้องหับแยกไว้เพียงห้องเดียวที่จะนิยมไว้ให้ลูกสาวนอนด้านใน ...แบบนี้ค่อยดูเป็นส่วนตัวหน่อย   ถึงจะไม่เรื่องมากเรื่องที่หลับนอน  แต่ยังไงก็ย่อมอยากจะได้พื้นที่ที่เป็นของตัวเองอยู่บ้างเพื่อความสะดวก


    ยิ่งโดยเฉพาะตรงชานหน้าบ้าน  ชายหนุ่มดูพออกพอใจเป็นพิเศษกับความโปร่งสบาย  มีสายลมเย็นๆจากท่าน้ำพัดพามาให้คลายร้อยเย็นสบายเป็นระยะ   ช่างเหมาะสมสำหรับนิสัยขี้ร้อนอย่างเขายิ่งนัก


    บ้านน่าอยู่มาก ชาละวันยิ่งสำรวจมองยิ่งถูกใจจนอดเอ่ยปากชมไม่ได้


    เป็นบ้านเก่าของพ่อนะ เอ่อ พี่จะเรียกฉันว่า  เจ้าไกร ไอ้ไกร เหมือนคนอื่นก็ได้นะฉันไม่ถือ


    ชาละวันมองคนอ่อนเยาว์กว่าด้วยสีหน้าอ่อนโยน  “จ๊ะ น้องไกรทอง


    น้องไกรทอง...


    พี่ชาละวัน


    หือ?”


    ไกรทองสะดุ้งตกใจตะปบปากตัวเอง...บ้าจริง ข้าเผลอพูดอะไรออกไปเนี่ย


    อะไร...เรียกพี่ว่า  พี่ชาละวันก็ถูกแล้วน้องไกรทองจะตกใจไปทำไม? หรือถ้าชื่อพี่มันยาวไปจะเรียกแค่พี่วันเหมือนเศรษฐีคำก็ได้พี่ไม่ว่า


    คนงามยิ้มอย่างไม่ถือสาแต่ไอ้คนเรียกกลับหัวเราะแหะๆ...ถูกของพี่เขากูจะตกใจทำไมวะ เป็นเพื่อนพี่นันก็แสดงว่าอายุมากกว่าสมควรเรียกพี่ถึงจะถูก ว่าแต่ไอ้ภาพเลือนๆรางๆเมื่อกี้ที่ผุดขึ้นมาในหัวมันคืออะไร...บ่ะ! ช่างมันเถอะ สงสัยอากาศจะร้อนจัดเลยเบลอๆ


    ชื่อพี่ยาวไปจริงๆนั่นแหละ  แต่ฉันรู้สึกว่าเรียกพี่ชาละวันจะถนัดปากกว่า  ...ชื่อฉันเองก็ยาวเรียกว่าไกรสั้นๆก็ได้


    ชาละวันส่ายหน้าไม่ยอม พี่เองก็รู้สึกว่าเรียกน้องไกรทองนั้นถนัดปากกว่าเหมือนกัน


    เมื่อเจ้าตัวยืนยันและตัวเองก็ยืนยันที่จะเรียกกันแบบนี้   เด็กหนุ่มจึงไม่เอ่ยปากคัดค้านอะไรเพราะคนเรานั้นถนัดสิ่งใดไม่เหมือนกัน   ถ้าไม่เหนือบ่ากว่าแรงก็ไม่เป็นไร  และที่สำคัญ.....


    เขาคุ้นเคยกับคำว่าน้องไกรทองและพี่ชาละวันมากกว่า...พิกลจริงๆลยเรา


    จากนี้ไปพี่ฝากตัวด้วยนะน้องไกรทอง


    จ๊ะ พี่ชาละวัน


    รอยยิ้มนุ่มนวลที่ส่งมาให้อีกครั้ง  ช่างดูขับเน้นให้ใบหน้างดงามเกิดความสว่างสดใสเพิ่มขึ้นอีกเป็นเท่าตัว  จนไกรทองรู้สึกตาพร่าเลือนกับแสงสว่างนี้...หัวใจก็เต้นเร็ว   ใบหน้าร้อนวูบวาบจนคล้ายอาการคนเป็นไข้ ..ไม่ใช่แค่ที่หน้าหรอกนะ  แต่เป็นทั้งตัวต่างหากที่ร้อน


    วันนี้ข้าเป็นบ้าอะไรวะเนี่ย ร้อยวันพันปีไม่เคยใจเต้นกับผู้ชายคนไหนหรือเคยเกิดมีอาการวิปริตเช่นนี้มาก่อนเลยนะ แต่ทำไม๊   ทำไมข้าถึงได้แสดงอาการเยี่ยงนี้กับพี่ชาละวันได้...ดูสิดู   หัวใจข้าเต้นแรงขึ้นมาอีกแล้ว   คราวนี้ไม่ยอมหยุดด้วย   ข้าจะทำยังไงดีมันถึงจะสงบ


    ...เฮ้อ! หนังตาขวาข้ามันชักจะมีอาการกระตุกๆไม่ยอมหยุด   เอ...โบราณเขาว่าไว้   ขวาร้าย  ซ้ายดี


    ...ขอร้องล่ะพี่ชาละวัน  หยุดส่งยิ้มหวานบาดใจมาให้ฉันได้แล้ว  ฉันรู้สึกอยากจะเป็นลมแล้วนะ   กว่าพี่นันจะกลับมาฉันจะตายก่อนไหมเนี่ย

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×