คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #20 : ไกรทอง ตอนที่16 (แก้ไข)
เนื่องจากเคยเอ่ยปากเป็นมั่นเหมาะว่าจะงานจัดงานทำบุญครั้งใหญ่เพื่อสิริมงคลแก่ครอบครัว วันนี้ที่บ้านของเศรษฐีคำจึงได้มีผู้คนจำนวนหลายมากทั้งชายและหญิงมารวมตัวกันช่วยจัดเตรียมสถานที่ในการจำงานบุญครั้งใหญ่ ทั้งที่ถูกจ้างมาและทั้งที่เต็มใจมาช่วยงาน ขนาดเศรษฐีขวานและครอบครัวก็ยังเกณฑ์กำลังคนที่บ้านมาช่วยงานและเป็นหัวเรือใหญ่อีกแรงช่วยจัดเตรียมงานอีกคน...ถึงแม้ว่าจะเป็นการช่วยเพราะเกรงใจหลวงตาคงก็ตาม ด้วยเหตุนี้การเตรียมงานจึงถือว่ารุดหน้าไปเร็วมากเพราะด้วยแรงสามัคคีของทุกคน
ไกรทอง ทองดำแบ่งกำลังพวกคนงานผู้ชายมาช่วยกันลงแรงถางหญ้า ลงต้นไม้ จัดการสถานที่อยู่ลานหน้าบ้านและไปช่วยลงแรงจัดสถานที่กันที่บริเวณวัด ส่วนพวกผู้หญิงไปร่วมไม้ร่วมมือกันทำอาหารคาวหวานอยู่ที่ครัวไฟด้านบนและหลังบ้าน
ทุกคนต่างร่วมแรงกันคนละไม้ละมือท่ามกลางอากาศร้อนระอุในยามบ่าย ถึงอากาศจะโหดร้ายจนเหงื่อไหลโทรมกายแต่ใบหน้าทุกคนยังยิ้มแย้มทำงานไปคุยเล่นหัวกันไปไม่มีบ่น...ยกเว้นอยู่คนเดียวที่มักจะชอบบ่น ‘ร้อนๆ’ ไปตามเรื่องตามราวของมันให้คนข้างๆรำคาญหูเล่น
ไกรทองก้มหน้าก้มตาใช้เสียมถอนหญ้าพยายามไม่สนใจเสียงหวี่ๆข้างหูให้หงุดหงิด อากาศร้อนจนตัวแดง แต่ไอ้แมงหวี่ตัวนี้มันดันเสือกส่งเสียงร้องหวี่ๆไม่เลิกไม่ราจนเขาอดไม่ได้ที่จะ...
พลั่ก! ด้ามเสียมหนักๆถูกกระแทกเข้าใส่หัวไอ้แมงหวี่จนร้อง ‘อ๊าก’ หัวคะมำจนแทบจูบกองหญ้า
ทองดำยกมือลูบหัวป้อยๆพร้อมกับส่งสายตาตัดพ้อใส่เพื่อนรักด้วยแววตาน่าสงสาร ซึ่งไกรทองดันทำหน้ามึนไม่รู้ไม่ชี้จนเพื่อนสีถ่านน้อยใจแกล้งทำท่ากระเง้ากระงอด จิกตาแฝงจริตมารยาค้อนใส่เต็มวงและคราวนี้ศอกยาวๆด้านข้างกระทบโดนสีข้างมันพลั่กใหญ่จนต้องเสียหลักลงไปนอนตะแคงกับพื้นเต็มๆ
“กูรำคาญ”
สั้นได้ใจความเหลือเกินไอ้พิกุลทอง มึงทำกับกูได้ลงคอนะ
ไกรทองส่งสายตาลอยหน้าลอยตาประมาณว่า ‘มึงจะทำไมกู’ ทำให้ทองดำใช้ด้ามเสียมแหย่กระทุ้งใส่คืนเพือนรักบ้างให้หายเคือง ซึ่งอีกฝ่ายก็ไม่ยอมอยู่เฉยใช้ด้ามเสียมตัวเองกันด้ามเสียมอีกอันเอาไว้ไม่ยอมแพ้
ระหว่างที่เพื่อนรักกำลังจะเปิดฉากตีกันตาย สองศรีพี่น้องคนสวยเดินถือถือขันน้ำใบโตลงมาจากบนเรือนพร้อมกับสาวใช้สองสามคนมาที่ลานบ้านท่ามกลางแดดร้อนในยามบ่าย
“วันนี้อากาศร้อนมากพ่อกับแม่เลยให้ฉันกับน้องเอาน้ำมะพร้าวมาแจกให้ทุกคนดื่มแก้กระหายจ๊ะ”
คนงานพากันหยุดมือจากการทำงาน ทยอยมารับน้ำมะพร้าวไปดื่มกันคนละแก้วไม้ไผ่กันอย่างกระหายและเอ่ยชื่นชม สรรเสริญน้ำใจของเจ้าของบ้านที่มอบมาให้ไม่ขาดปาก
ส่วนตะเภาแก้ว ตะเภาทองนั้นค่อยๆถือขันน้ำขนาดย่อมๆสองใบเดินแยกมาให้สองหนุ่มที่ยืนคอยอยู่ต่างหาก
“นี่จ๊ะพี่ไกร พี่ทองดำ”
ทองดำไม่คิดอะไรมากรับน้ำมะพร้าวยกดื่มอย่างชื่นใจ ต่างจากไกรทองที่กระอึกกระอักไม่กล้ารับขันใส่น้ำมะพร้าวมาจากมือตะเภาแก้ว...ไม่ใช่ว่าเด็กหนุ่มจะเคยไม่รับรู้ถึงสายตาที่มองมา แต่เขารักน้องแก้วเหมือนน้องสาวแท้ๆคนหนึ่งไม่ต่างจากน้องทอง ครั้นจะให้ทำดีด้วยก็เกรงว่าจะเป็นการให้ความหวังเกินไป จนน้องไม่สามารถตัดใจจากเขา แล้วยอมเปิดรับความรักจากคนที่ดีกว่า...ข้าจะไม่ให้น้องแก้วรู้สึกต่อข้าถลำลึกไปมากกว่านี้อีกแล้ว
...ดีว่าไอ้เพื่อนรักมันรู้ใจเลยอาสารับขันใบน้อยมาถือไว้แทน แล้วค่อยยื่นส่งให้อีกทอดหนึ่ง เด็กหนุ่มเลยเบาใจยอมรับน้ำมะพร้าวขันนี้ดื่มแก้ร้อน
ระหว่างที่ดื่มอยู่นั้นไกรทองสังเกตุเห็นว่าหญิงสาวเริ่มมีสีหน้าเจื่อนลงจึงเกรงว่าเจ้าหล่อนจะคิดมาก เขาเลยจำใจต้องรีบเอ่ยปากแก้ตัวเป็นความนัยเพื่อให้คลายใจ “เกรงใจลุงคำแย่เลย”
ทองดำมองหน้าเพื่อนมองขันน้ำมะพร้าวในมือ...เอามาแจกแต่กรองน้ำมะพร้าวให้อย่างดีมีลอยดอกมะลิด้วย...คิดไปก็เกาหัวไป...ยังดีที่อุตส่าห์เผื่อน้ำใจกรองและลอยดอกมะลิมาเผื่ออีกขัน...ไอ้ไกรเอ๋ยไอ้ไกร กูควรอิจฉาหรือสงสารมึงดีวะ
“ไม่ต้องเกรงใจหรอกจ๊ะ พ่อกับแม่เห็นทุกคนเหนื่อยๆเลยให้แจกน้ำมะพร้าวดื่มแก้ร้อน”
ไกรทองไม่กล่าวตอบอะไรอีกนอกจากแสร้งยิ้มอือๆออๆไปตามน้ำ “น้องแก้วลุงคำไปไหนเสียละ ยังไม่เห็นหน้าเลยนะวันนี้”
“วันนี้แม่บอกว่าพ่อมีคนมาหานะจ๊ะ”
“คนมาหา?ใครเหรอ?” ทองดำผินหน้าไปถามตะเภาทองตามนิสัยคนชอบสอดรู้สอดเห็น
แฝดคนน้องเมื่อโดนถามก็ทำท่าครุ่นคิดจริงจังแล้วส่ายหัว “ไม่รู้จ๊ะเพราะพ่อพาไปคุยในสวนระหว่างคุมคนงานไปด้วยเลยไม่เห็นหน้า แต่ฉันเคยได้ยินแม่เปรยๆว่าเป็นเพื่อนของพี่นันมาขอทำงานด้วย”
ตะเภาแก้วสังเกตุเห็นแววตาใคร่รู้ของไกรทองก็รู้สึกสะท้านในใจ...ขอเพียงเป็นเรื่องของพี่นัน พี่ไกรก็มักจะต้องให้ความสนใจเสมอเลย...เพราะเหตุใดกันพี่ถึงกระหายอยากรู้เรื่องพี่นันมากขนาดนี้จนไม่เหมือนพี่ไกรคนเดิม
ซึ่งไม่ต่างจากทองดำที่เหล่มองเจ้าเพื่อนตัวดีบ่นงึมงำคนเดียวกับตัวเอง แล้วนึกขำขันในใจ ‘มึงนี่ยังถามหาไม่เลิกไม่ลาเลยเนอะ’
ไกรทองมองเห็นร่างสูงใหญ่ของเศรษฐีคำเดินถือไม้ตะพดมุ่งตรงมาทางนี้พอดี โดยมีเจ้านัน ไอ้นัน พี่นันของใครต่อใครและหัวของใครบางคนเดินตามหลังมาด้วย ซึ่งเด็กหนุ่มไม่เข้าใจว่าทำไมทุกคนถึงต้องยืนอ้าปากนิ่งค้างยามที่เจ้าบ้านเดินผ่าน
ชายกลางคนรับไหว้สองหนุ่มละเอ่ยปากถามเรื่องเตรียมงานกันพอเป็นพิธี ก่อนจะผายมือแนะนำใครบางคนที่ก้าวเดินมายืนข้างๆให้พวกเขาได้มีโอกาสรู้จัก “นี่เป็นคนงานใหม่จะมาทำงานอยู่ที่นี้ชื่อ ชาละวัน ”
เงียบสนิทแม้แต่ลมยังไม่ขยับ...ไม่มีเสียงพูดคุยหรือกระซิบกันให้ได้ยินเลยแม้แต่นิดเดียวนอกจากเสียงสูดลมหายใจเพราะตกตะลึงกับความหล่อเหลา...ไม่ใช่ต้องพูดว่างดงามเลยต่างหาก...ไม่สวย ไม่รูปงาม ...มันคือคำว่างดงามจริงๆ
โครงรูปหน้าสวยได้รูป ดวงตาสองชั้นหวานซึ้งปานน้ำผึ้งเดือนห้า จมูกโด่งเป็นสันงาม ริมฝีปากอวบอิ่มเป็นสีแดงระเรื่อ ผมดำเป็นเงาปานขนอีกายาวจนเลยไหล่ ใบหน้ายิ้มแย้มดูอ่อนโยนช่วยส่งเสริมให้เจ้าตัวดูงดงามจนคนที่ได้มองแทบจะลืมหายใจ
ผิวพรรณก็ข๊าว ขาวดั่งหยวกกล้วย เกิดมายังไม่เคยเห็นใครผิวขาวสวยเท่าเจ้าหนุ่มนี่มาก่อนเลย...ใครช่วยบอกทีว่าบุรุษที่ยืนยิ้มอวดฟันขาวเรียงสวยนี้เป็นคนธรรมดาเหมือนเช่นพวกเรา มิใช่เทพบนสรวงสรรค์ลงมาเดินเล่นในโลกมนุษย์ให้หัวใจปั่นป่วนหัวใจเล่น
นันที่ยืนมองดูอาการตะลึงจนตาค้างของทุกคนแล้วแอบหัวเราะเบาๆ...ใครบ้างที่เห็นเพื่อนของข้าคนนี้แล้วจะไม่ตกตะลึง ขนาดเศรษฐีคำที่แทบมองไม่เห็นหัวใครพอเห็นหน้าชาละวัน ยังมาแอบกระซิบถามเขาออกมาตรงๆเลยว่าใช่เทวดาหรือปล่าว
ทางชายเจ้าของบ้านเองก็เข้าใจทุกคนดีที่ได้เผลอแสดงอาการกันเช่นนี้ออกมาให้เห็น แต่จะมีรู้สึกขุ่นเคืองใจบ้างก็ตรงที่ลูกสาวเนี่ยแหละ ตะเภาแก้วนั้นยังพอมีสำรวมกิริยาบ้างผิดด้านกับตระเภาทองที่จ้องมองเจ้าหนุ่มคนงามด้วยสายตาและท่าทางเคลิบเคลิ้มหลงใหลไม่มีปิดบัง...สงสัยต้องให้แม่เข้มงวดกับลูกทองอีกสักหน่อยมีอย่างที่ไหน เป็นสาวเป็นแส่แท้ๆแต่กับจ้องมองผู้ชายไม่วางตา
แต่เรื่องนี้เอาไว้ก่อน เขาต้องจัดการหาที่อยู่ให้เจ้าวันเสียก่อน เพราะดูจากอาการลูกสาวแล้วคงให้พักอยู่ในบ้านเหมือนคนงานอื่นๆ ก็กลัวว่าสักวันจะคำนินทาครหาให้เป็นที่สนุกปาก...เขาจึงต้องตัดไฟเสียแต่ต้นลมเพื่อกันไม่ให้ควันมันลอยไปตามลมจนเกิดความเสียหาย
“พอดีช่วงนี้ข้ามีเรื่องต้องไว้วานเจ้านันไปทำธุระแทนข้าที่หมู่บ้านอื่นเลยอยากขอให้...” เศรษฐีคำมองดูรอบด้านก่อนมาจบลงที่ไกรทอง “เอ็งแล้วกันเจ้าไกรคอยดูแล ช่วยเหลือเจ้าวันแทนเจ้านันจนกว่ามันจะกลับมาทีนะ”
เสียงลุงคำปลุกไกรทองให้กลับมามีสติอีกครั้งก่อนจะชี้มาที่ตัวเอง “ห๊ะ! ฉัน? เอ่อ ...ดะ...ได้จ๊ะลุงคำ”
นันเดินเข้ามาตบบ่าเด็กหนุ่มพร้อมเอ่ยปากฝากฝังไหว้วานเต็มที่ ส่วนไอ้ความเกรงใจที่ควรจะมีในกมลสันดาลนะเหรอไม่มี๊ ไม่มีหรอก ขอแค่มีคนมาดูแลแทนเขาได้นะจะยังไงเขาก็เห็นดีด้วย “ดูแลเพื่อนข้าหน่อยนะ นอกจากเอ็งแล้วข้าไม่ไว้ใจใคร”
“อ้าว อ้าว... แล้วฉันล่ะพี่นัน ฉันก็ไว้ใจได้เหมือนกันน้า”
พี่นันของไอ้น้องทองดำทำสีหน้าเหยียดๆประมาณว่า ‘เอ็งนะเหรอ’ เล่นเอาพ่อสีถ่านโวยวายโหลงเหลงใส่จนกลายเป็นศึกน้ำลายระหว่างสองหนุ่มพี่น้องต่างพ่อต่างแม่กันไปโดยปริยาย ซึ่งเศรษฐีคำก็เห็นมาจนชินตาเลยไม่สนใจ ปล่อยให้กัดกันต่อไป...เดี๋ยวก็เหนื่อยเลิกราไปเอง ขี้เกียจห้ามให้เสียเวลา และถ้าพวกมันสองตัวยังไม่หยุดกัดกันก็ค่อยเอาน้ำสาดเอาแล้วกัน
“ช่วงนี้คงต้องให้เจ้าวันไปพักอยู่กับเอ็งไปก่อน รอเจ้านันกลับมาแล้วค่อยให้ทั้งสองคนไปพักอยู่ด้วยกัน แต่กระต๊อบมันหลังเล็กครั้นจะให้อยู่กันสองคนก็จะคับแคบ ถ้าลุงจะขอให้เจ้าวันอยู่กับเอ็งไปตลอด...เอ็งจะตกลงไหมเจ้าไกร?”
ตอนแรกเด็กหนุ่มทำท่าปฎิเสธไม่อยากตอบตกลง แต่พอสายตาดันชำเลืองไปเห็นชายคนงามส่งยิ้มหวานเยิ้มมาให้เพื่อสร้างมิตรไมตรี ไกรทองก็เกิดอาการบื้อใบ้ไปชั่วขณะ หลงใหลไปกับความงามตรงหน้าจนเผลอพยักหน้า เอ่ยปากตกลงคำขอเศรษฐีคำเหมือนคนโดนสะกด
แต่เพราะไกรทองมีน้ำใจงามกับทุกคนที่เดิดร้อนอยู่แล้ว จึงทำให้คนอื่นๆไม่ได้คิดอกุศลเป็นอื่นจนเอาไปบอกเล่ากันให้สนุกปาก...นับว่าโชคดีอยู่นะ ไม่อยากจะคิดถ้าชาวบ้านเอาไปพูด เรื่องราวอาจจะลุกลามขยายใหญ่จนเลอะเทอะหาความจริงไม่เจอ เผลอๆบางทีเด็กหนุ่มอาจจะถูกมองว่าเป็นพวกผิดเพศให้เป็นที่รังเกียจจนถูกอับเปหิไปอยู่ที่อื่นก็เป็นได้
“งั้นตอนนี้ข้าอนุญาตให้เอ็งพาเจ้าวันไปดูที่หลับที่นอน...มาเหนื่อยๆคงอยากจะพักผ่อนให้สบายกาย ไว้พรุ่งนี้ค่อยให้เจ้าไกรพามาทำงานนะ”
ไกรทองแอบชำเหลืองมองคนยิ้มหวานด้วยอาการหวาดระแวง...ไม่เข้าใจตัวเองเลยจริงๆ ว่าทำไมถึงรู้สึกกลัวพี่ชายคนนี้ ทั้งๆที่ออกจะดูเป็นคนดีแท้ๆแต่ใจกลับนึกหวาดกลัวคล้ายกับตัวเองเป็นเหยื่อที่กำลังถูกสัตว์ร้ายจ้องมองก็ไม่ปาน... สงสัยเพราะไม่เคยเจอคนงามขนาดนี้ล่ะมั้งแถมยังเป็นผู้ชายด้วย เลยเข้าใจว่าแววตาหวานๆที่มองมามันน่ากลัว ‘พี่ชายคนนี้เพิ่งมาอยู่ใหม่เลยยังไม่คุ้นที่และยังไม่มีที่อาศัยหลับนอนเป็นของตัวเอง ถ้าเราจะทำตั้งแง่กับพี่เขาก็ใจดำเกินไปล่ะ เพราะฉะนั้นเลิกคิดอะไรพิสดารได้แล้ว...เลิกคิด...เลิกคิด’
“ได้จ๊ะลุงคำ”
เด็กหนุ่มยกมือไหว้ลาเศรษฐีคำกลับบ้านไปก่อน และพอจะบอกลาคนอื่นบ้าง ไกรทองก็ได้แต่หน่ายใจกับความชุลมุนเบื้องหน้า ที่กำลังเกิดทั้งสงครามน้ำลายของสองหนุ่มที่ยังคงสาดใส่กันไม่หยุด...อะไรกันลุงคำคุยกับข้าตั้งนานสองนาน ไอ้ทองดำกับพี่นันยังไม่เลิกกัดกันอีกเรอะ? สงสัยงานนี้คงต้องให้ลุงคำสาดน้ำใส่เสียจริงๆล่ะมั้งถึงจะเลิกกัดกัน
ชาวบ้านคนอื่นก็ยังยืนอ้าปากค้างหลงใหลได้ปลื้มในความงามของชาละวันไม่ยอมหาย ส่วนน้องแก้วก็ลากน้องทองเดินขึ้นเรือนไปตอนไหนไม่รู้.... ทั้งสองเลยจำใจต้องกลับไปโดยไม่ล่ำลาเพื่อนหรือใครอีก
นี่แค่วันนี้ยังเกิดเรื่องวุ่นวายได้ถึงเพียงนี้ ไม่อยากจะคิดถึงวันอื่นเลยว่าจะมีความโกลาหลอะไรเกิดขึ้นให้ปวดหัวอีก สงสัยคงต้องต้มยามาดื่มสักหม้อแก้ปวดหัว
ระหว่างทางที่ทั้งสองกำลังเดินกลับบ้าน ชาวบ้านหลายคนที่ไม่ได้ไปช่วยงานบ้านเศรษฐีคำครั้นพอได้พบเห็นความงามของชาละวันต่างก็พากันแสดงอาการเชกเช่นเดียวกันคือ อ้าปากค้างอยู่กับที่เหมือนก้อนหิน จ้องมองความงามตาไม่กระพริบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสาวน้อยสาวใหญ่ ทั้งแก่และไม่แก่พอได้เจอรอยยิ้มทักทายของชายหนุ่มเข้าไป ล้วนเกิดอาการเข่าอ่อน หมดแรงยืนไม่ไหวกันเป็นทิวแถวตลอดทางจนมาถึงบ้านของไกรทอง
บ้านนี้เป็นบ้านเก่าของพ่อที่ทิ้งไว้ให้เด็กหนุ่ม เมื่อตอนยังเด็กเขาไปอาศัยอยู่กับหลวงตาที่กุฎิวัด โดยที่บ้านหลังนี้ลุงคำอาสาดูแลจัดการให้เหมือนตอนที่พ่อกับเขายังอยู่ที่คุ้งใต้ จนเขาอายุครบสิบหกพอที่จะดูแลตัวเอง ทำงานเป็น จึงขออนุญาตหลวงตาออกมาอยู่คนเดียวแต่ก็ยังคอยเทียวไปช่วยงานที่วัดอยู่เสมอไม่เคยขาด
บ้านหลังนี้ต่างจากบ้านของชาวบ้านทั่วไปตรงที่มันมีลักษณะภายนอกคล้ายเรือกระเชง ยิ่งตั้งอยู่ริมท่าน้ำก็ยิ่งดูคล้ายเรือเข้าไปใหญ่ ลานบ้านดูสะอาดโล่งตาไม่มีหญ้าขึ้นแซมให้เห็น มีแคร่ไม้ไผ่ตั้งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่หน้าตัวบ้าน...แสดงให้เห็นว่าเจ้าของบ้านเป็นคนเอาการเอางานน่าดู เพราะบ้านดูสวยงามสะอาดตาน่าอยู่ยิ่งนัก
“เชิญขึ้นมาบนบ้านก่อนนะ” ไกรทองเชิญชายหนุ่มลองขึ้นไปดูห้องหับที่จะอยู่หลับนอน เพื่อดูว่ายังขาดเหลืออะไรและคนที่มาอยู่จะพอใจหรือไม่
ก้าวแรกที่เหยียบบนพื้นบ้านหลังนี้ ชาละวันรู้สึกชอบใจพอสมควรในความเรียบง่ายและกว้างขวางของที่นี่ บนบ้านมีห้องหับแยกไว้สองห้องต่างจากบ้านของชาวบ้านทั่วไปที่จะมีห้องหับแยกไว้เพียงห้องเดียวที่จะนิยมไว้ให้ลูกสาวนอนด้านใน ...แบบนี้ค่อยดูเป็นส่วนตัวหน่อย ถึงจะไม่เรื่องมากเรื่องที่หลับนอน แต่ยังไงก็ย่อมอยากจะได้พื้นที่ที่เป็นของตัวเองอยู่บ้างเพื่อความสะดวก
ยิ่งโดยเฉพาะตรงชานหน้าบ้าน ชายหนุ่มดูพออกพอใจเป็นพิเศษกับความโปร่งสบาย มีสายลมเย็นๆจากท่าน้ำพัดพามาให้คลายร้อยเย็นสบายเป็นระยะ ช่างเหมาะสมสำหรับนิสัยขี้ร้อนอย่างเขายิ่งนัก
“บ้านน่าอยู่มาก” ชาละวันยิ่งสำรวจมองยิ่งถูกใจจนอดเอ่ยปากชมไม่ได้
“เป็นบ้านเก่าของพ่อนะ เอ่อ พี่จะเรียกฉันว่า เจ้าไกร ไอ้ไกร เหมือนคนอื่นก็ได้นะฉันไม่ถือ”
ชาละวันมองคนอ่อนเยาว์กว่าด้วยสีหน้าอ่อนโยน “จ๊ะ น้องไกรทอง”
น้องไกรทอง...
“พี่ชาละวัน”
“หือ?”
ไกรทองสะดุ้งตกใจตะปบปากตัวเอง...บ้าจริง ข้าเผลอพูดอะไรออกไปเนี่ย
“อะไร...เรียกพี่ว่า พี่ชาละวันก็ถูกแล้วน้องไกรทองจะตกใจไปทำไม? หรือถ้าชื่อพี่มันยาวไปจะเรียกแค่พี่วันเหมือนเศรษฐีคำก็ได้พี่ไม่ว่า”
คนงามยิ้มอย่างไม่ถือสาแต่ไอ้คนเรียกกลับหัวเราะแหะๆ...ถูกของพี่เขากูจะตกใจทำไมวะ เป็นเพื่อนพี่นันก็แสดงว่าอายุมากกว่าสมควรเรียกพี่ถึงจะถูก ว่าแต่ไอ้ภาพเลือนๆรางๆเมื่อกี้ที่ผุดขึ้นมาในหัวมันคืออะไร...บ่ะ! ช่างมันเถอะ สงสัยอากาศจะร้อนจัดเลยเบลอๆ
“ชื่อพี่ยาวไปจริงๆนั่นแหละ แต่ฉันรู้สึกว่าเรียกพี่ชาละวันจะถนัดปากกว่า ...ชื่อฉันเองก็ยาวเรียกว่าไกรสั้นๆก็ได้”
ชาละวันส่ายหน้าไม่ยอม “พี่เองก็รู้สึกว่าเรียกน้องไกรทองนั้นถนัดปากกว่าเหมือนกัน”
เมื่อเจ้าตัวยืนยันและตัวเองก็ยืนยันที่จะเรียกกันแบบนี้ เด็กหนุ่มจึงไม่เอ่ยปากคัดค้านอะไรเพราะคนเรานั้นถนัดสิ่งใดไม่เหมือนกัน ถ้าไม่เหนือบ่ากว่าแรงก็ไม่เป็นไร และที่สำคัญ.....
เขาคุ้นเคยกับคำว่าน้องไกรทองและพี่ชาละวันมากกว่า...พิกลจริงๆลยเรา
“จากนี้ไปพี่ฝากตัวด้วยนะน้องไกรทอง”
“จ๊ะ พี่ชาละวัน”
รอยยิ้มนุ่มนวลที่ส่งมาให้อีกครั้ง ช่างดูขับเน้นให้ใบหน้างดงามเกิดความสว่างสดใสเพิ่มขึ้นอีกเป็นเท่าตัว จนไกรทองรู้สึกตาพร่าเลือนกับแสงสว่างนี้...หัวใจก็เต้นเร็ว ใบหน้าร้อนวูบวาบจนคล้ายอาการคนเป็นไข้ ..ไม่ใช่แค่ที่หน้าหรอกนะ แต่เป็นทั้งตัวต่างหากที่ร้อน
วันนี้ข้าเป็นบ้าอะไรวะเนี่ย ร้อยวันพันปีไม่เคยใจเต้นกับผู้ชายคนไหนหรือเคยเกิดมีอาการวิปริตเช่นนี้มาก่อนเลยนะ แต่ทำไม๊ ทำไมข้าถึงได้แสดงอาการเยี่ยงนี้กับพี่ชาละวันได้...ดูสิดู หัวใจข้าเต้นแรงขึ้นมาอีกแล้ว คราวนี้ไม่ยอมหยุดด้วย ข้าจะทำยังไงดีมันถึงจะสงบ
...เฮ้อ! หนังตาขวาข้ามันชักจะมีอาการกระตุกๆไม่ยอมหยุด เอ...โบราณเขาว่าไว้ ขวาร้าย ซ้ายดี
...ขอร้องล่ะพี่ชาละวัน หยุดส่งยิ้มหวานบาดใจมาให้ฉันได้แล้ว ฉันรู้สึกอยากจะเป็นลมแล้วนะ กว่าพี่นันจะกลับมาฉันจะตายก่อนไหมเนี่ย
ความคิดเห็น