คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : ไกรทอง ตอนที่12 (แก้ไข)
กาลเวลาหมุนเวียนผลัดเปลี่ยนไป จากฤดูกาลหนึ่งไปสู่อีกฤดูกาลหนึ่ง ร้อนเปลี่ยนเป็นฝน ฝนเปลี่ยนเป็นหนาว หมุนวนซ้ำไปมาอยู่เช่นนี้ เผลอพริบตาเดียวกาลเวลาก็ผ่านมาสิบกว่าปี
ทุกสิ่งบนโลกล้วนไม่เที่ยง ไม่มีสิ่งใดยั่งยืนอยู่ได้โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลง ขนาดต้นหญ้าเล็กๆก็ย่อมไม่เหมือนเดิม ฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือสัตว์ก็ย่อมต้องมีการแปรเปลี่ยนไปตามกาลเวลา
ภายในอาณาบริเวณที่เป็นเขตหวงห้ามแห่งนี้นับตั้งแต่หน้าทางเข้ามาจรดไปถึงส่วนด้านในสุด มีเหล่าทวารยืนเฝ้ากันอยู่อย่างเคร่งครัด ซึ่งทั้งหมดล้วนแต่ก็เป็นองค์รักษ์ฝีมือดีที่ถูกคัดเลือกและได้รับการฝึกปรือกันมาอย่างโชกโชน พวกเขาทั้งหมดล้วนแต่มีรูปร่างสูงใหญ่ ใบหน้านิ่งดูไร้อารมณ์ จนทำให้นางกำนัลหลายคนที่มีหน้าถวายการรับใช้เป็นประจำ ยังต้องเผลอสะดุ้งหวาดกลัวทุกครั้งยามเมื่อได้พบหน้าของเหล่าองค์รักษ์กลุ่มนี้
แต่มาตอนนี้เหล่าองค์รักษ์ที่ยืนทำหน้าดุดันประจำตำแหน่ง ต่างก็พากันใจไขว้เขวแอบชำเลืองมองแขกผู้มาเยือนของผู้เป็นนายเหนือหัวด้วยสายตาลุ่มหลงเถิดทูนต่อความงามของนาง
แม้จะเป็นสิ่งที่ไม่สมควรจะกระทำ แต่ชายใดเหล่าจะกล้าเมินเฉยให้แก่ความงามของสตรีผู้นี้ได้ลงคอ
เหล่าองค์รักษ์ที่ยืนทำท่าขึงขังอยู่ด้านหน้าประตูห้องบรรทมต่างพากันแอบชำเลืองมองแขกผู้มาเยือนนายเหนือหัวของตนด้วยสายตาลุ่มหลงเถิดทูนต่อความงามของนาง
ผมดำขลับตรงยาวถึงกลางหลังช่วยขับเน้นให้ผิวขาวเนียนของหญิงสาวดูกระจ่างใสเปล่งประกาย ริมฝีปากอวบอิ่มแดงระเรื่อโดยไม่จำเป็นต้องเสริมเติมแต่งใดๆ ส่วนรูปร่างก็งามหาที่ติมิได้แม้จะดูไม่เย้ายวนใจแต่ก็งามสง่าสมกับที่เกิดมาเป็นขัตติยะ
“เขาอยู่ด้านในใช่หรือไม่?”
องค์รักษ์นายหนึ่งก้มหัวลงด้วยท่าทางขึงขังก่อนจะตอบว่า“ขอรับ”
“อืม”
“ช้าก่อนขอรับ” ทหารใจกล้าผู้หนึ่งรีบปรี่กายเข้ามาขวาง ป้องกันไม่ให้คนนอกเข้าไปด้านในรบกวนการพักผ่อนของผู้เป็นนายเหนือหัว...พวกเขาคือองค์รักษ์ของท่านผู้นั้น ย่อมต้องฟังคำสั่งของท่านเพียงผู้เดียว
“นี่เจ้ากล้าขวางข้า เจ้าก็รู้ว่าข้าเป็นใคร” หญิงงามสูงศักดิ์รู้สึกเดือดดาลเป็นยิ่งนักที่ถูกคนต่ำศักดิ์กว่ากล้าขัดใจกีดกันไม่ให้นางเข้าไป...
“ข้าน้อยทราบขอรับแต่ถ้าไม่มีคำสั่งจากนายเหนือหัว ข้าน้อยก็ย่อมต้องขออภัยที่จะขอเสียมารยาทกับพระนาง”
ทหารกล้าแสดงเจตจำลงแน่วแน่ออกมาอย่างไม่นึกกลัวตาย ที่กล้าขัดกับผู้ที่ยศศักดิ์สูงล้ำกว่าตน ถึงแม้จะเป็นการเสียมารยาทแต่คำพูดทุกคำขององค์รักษ์นายนี้ก็ล้วนมีเหตุผล จนทำให้หญิงสาวยืนนิ่งไร้เสียงโต้กลับ
ถึงในใจจะกราดเกรี้ยวอยากระบายโทสะ แต่นางก็นับว่าฉลาดที่เลือกไม่แสดงอารมณ์ออกมาตามที่ใจนึก เปิดเผยนิสัยเอาแต่ใจให้ผู้ใดได้เห็น โดยเฉพาะเหล่าชายหนุ่มเนื้อแน่น
นางเผยรอยยิ้มหวานหยดย้อย หวังโปรยเสน่ห์ให้เจ้าหนุ่มทื่อผู้นี้ เพื่อหวังให้มันลุ่มหลงไปกับความงามของตนจนต้องยอมเปิดทางให้แต่โดยดี
แม้ใจจะรู้สึกพ่ายแพ้ต่อความงามตรงหน้า แต่สำหรับองค์รักษ์ข้างกายหน้าที่ก็คือหน้าที่ ความจงรักภักดีคือสิ่งสำคัญที่ หากใจมัวแต่หลงอยู่ในกิเลส ข้าก็ไม่สมควรจะยืนอยู่ตรงจุดนี้
“ขอประทานอภัย พระนางเข้าไปมิได้”
“เจ้า! อยากตายมากนักใช่ไหม?” ในที่สุดหญิงสาวก็หมดความอดทน ยืนชี้หน้าคาดโทษเจ้าคนต่ำศักดิ์ที่กล้าใจนางซ้ำแล้วซ้ำเล่า
แต่ยังไม่ทันสตรีนางนี้จะได้เอ่ยคำสั่งลงโทษ ก็มีเสียงทุ้มดังมาจากด้านใน เอ่ยอนุญาตให้แขกที่ไม่ได้รับเชิญสามารถเข้ามา
หญิงสาวยิ้มเยาะอย่างถูกใจ หันมามองเจ้าองค์รักษ์ผู้นี้ด้วยสายตาหมายมาด...เจ้าองค์รักษ์ผู้กล้า ข้าจะจดจำเจ้าไว้ไม่มีวันลืม
มือเรียวงามผลักบานประตูเข้าไปอย่างถือวิสาสะโดยที่เหล่าองค์รักษ์ทั้งหลายทำได้เพียงแค่ยืนมองกันตาปริบๆ...
“วิมาลาเหตุใดเจ้าจึงถือวิสาสะบุกเข้ามาในเขตหวงห้ามโดยที่ไม่เอ่ยขออนุญาตจากข้า”
เสียงทุ้มนุ่มทรงอำนาจเอ่ยถามผู้บุกรุก ถึงแม้จะฟังดูเนิบนาบแต่นางรู้ดีว่าบุรุษตรงหน้าคงกำลังรู้สึกหงุดหงิดในการกระทำอุกอาจของนาง ซึ่งถ้าเปลี่ยนจากนางเป็นผู้อื่นคนผู้นั้นคงถึงกับต้องทรุดตัวสั่นงันงกด้วยความรักตัวกลัวตายหรือบางทีอาจจะนอนสลบแน่นิ่งไปเลยก็ได้
หญิงสาวค่อยๆกรีดกรายเข้าไปใกล้บุรุษร่างสูงผู้ทรงสง่าที่ยืนอยู่ตรงกลางของห้อง อืม...ถึงจะดูน่ากลัวไปบ้างแต่เขาที่เป็นแบบนี้ช่างน่าเกรงขาม สูงส่งเหนือกว่าผู้ใดที่ข้าเคยพบเจอ
“ข้าเป็นใคร เจ้าเป็นใคร ผู้ใดย่อมรู้ดีถึงสถานะของเราทั้งคู่ ความจริงด้วยตามศักดิ์ของข้า ข้านั้นสามารถเข้ามาในห้องเจ้าได้ทุกเวลาอยู่แล้ว...จริงหรือไม่?”
คำพูดที่ถือดีและการปั้นน้ำเสียงหวานหยดของนาง ช่างกระตุ้นอารมณ์หงุดหงิดของเขาให้เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม จนใจเดือดพล่านเสียยิ่งกว่าน้ำเดือด เขาอยากจะโยนนางออกไปให้พ้นๆหน้าเสียจริงๆ เอาชนิดที่ไม่ต้องกลับมาให้เห็นหน้ากันอีกเลยตลอดชีวิตยิ่งดี
...คนกำลังจะพักผ่อนให้สบายกาย ยังมีหน้าแสดงอำนาจบาตรใหญ่บุกเข้ามาก่อกวน หาเรื่องร้อนหู ร้อนใจมาให้ข้าอีก
แม้จะรู้สึกไม่สบอารมณ์กับการกระทำของนางมากแค่ไหน เขาก็เลือกที่จะนิ่งเงียบแล้วทำหน้าเฉยชาเหมือนเก่า ดูราวกับว่าไม่นึกใส่ใจกับสิ่งใดทั้งสิ้นแม้กระทั่งเสียงหัวเราะเยาะเบาๆที่ดังเล็ดลอดออกมาให้ได้ยิน
“เหตุใดเจ้าจึงต้องการจะเข้ามาหาข้าวิมาลา”
ชายหนุ่มพยายามข่มกลั้นอารมณ์รีบเอ่ยถามถึงจุดประสงค์การมาที่แท้จริงของสตรีผู้นี้ให้เรื่องมันจบๆไป เพื่อที่เขาจะได้หาข้ออ้างไล่นางออกไปโดยเร็ว
มือขาวเรียวบรรจงลูบไล้ท่อนแขนแกร่งของเขาไปมาด้วยจริตจก้านเป็นเชิงยั่วยวน “ใจร้ายจังเลยนะ...ข้าก็มาในฐานะคู่หมั้นของเจ้าอย่างไรเล่า”
มืองามเปลี่ยนจากลูบไล้ท่อนแขนค่อยๆขยับเคลื่อนไปตามต้นแขน หัวไหล่ โดยที่ปากของนางยังคงเจือยแจ้วต่อไปโดยไม่นำพาสนใจสายตาคมกริบที่มองมือหญิงสาวอย่างไม่พอใจ
“อีกไม่นานท้าวรำไพ ท่านปู่ของเจ้าจะมีการทำพิธีมอบบัลลังค์คุ้งเหนือให้แก่เจ้า ข้าในฐานะคู่หมั้นย่อมต้องมาอยู่แล้ว อย่าลืมสิ ...ท่านชาละวันองค์รัชทายาทแห่งคุ้งเหนือ”
ชาละวันปรายตามองวิมาลาองค์หญิงแห่งคุ้งใต้ผู้เป็นสายเลือดที่เหลืออยู่เพียงหนึ่งเดียวของท้าวพันตาและท้าวพันวัง...หึ คู่หมั้นงั้นเรอะก็แค่การหมั้นหมายทางการเมือง
“ไร้สาระ”
“น่าสนุกดีออก ข้าแทบจะรอจนถึงวันนั้นไม่ไหวอยู่แล้ว”
กุมภีร์หนุ่มหลับตาข่มอารมณ์หงุดหงิดไว้อย่างสุดความสามารถ...สตรีนางนี้ช่างน่ารำคาญยิ่งนัก วุ่นวายน่ารำคาญดังเช่นแมงหวี่แมงวันไม่ปาน
วิมาลาไม่สนใจอารมณ์หงุดหงิดของคู่หมั้นหนุ่ม นางเคลื่อนกายมาด้านหน้าของชาละวันด้วยท่วงท่างดงามแกมเย้ายวนเพื่อหวังยั่วอารมณ์ใครบางคนให้ลุกโชน ....ซึ่งก็ลุกขึ้นมาจริงเสียด้วย....แต่เป็นไฟแห่งโทสะนะไม่ใช่ไฟตัณหา
“เราทั้งสองนั้นสนิทสนมกันมากแค่ไหนเจ้าย่อมน่าจะรู้นะชาละวัน”
มือของกุมภีร์สาวช่างอยู่ไม่สุขเสียจริงๆ จากที่เคยลูบไล้แขนและไหล่ ก็ย้ายมาโอบกอดเอวชาละวันแล้วซบหน้าลงซุกไซร้อยู่แผงอกแกร่งอย่างคลั่งไคล้และหลงใหล
อา...เขาช่างงามสง่าแสนทรงอำนาจอะไรเช่นนี้ จะมีสตรีนางใดเล่าที่สามารถต่อสู้ต้านทานเสน่ห์ของชายหนุ่มผู้นี้ได้ ขอเพียงแค่ได้สบตาสักครั้งทั้งใจและกายล้วนอ่อนระทวยยอมพลีกาย ใจให้อยู่ใต้แทบฝ่าเท้าคู่นี้ไปชั่วนิรันดร์
การกระทำถึงเนื้อถึงตัวเช่นนี้ใช่ว่าจะมีเป็นครั้งแรก ซึ่งแต่ละครั้งชาละวันก็ยังคงนึกรำคาญกับการถึงเนื้อถึงตัวของวิมาลาแบบนี้อยู่ร่ำไป
...ข้าอยากบีบขยี้แมลงวันตัวนี้ให้บี้แบนตายคามือนัก ...ถ้าไม่ใช่เพราะผลประโยชน์ที่ต้องการจากเจ้าแล้วล่ะก็ แม้แต่หน้านี้ข้ายังไม่นึกอยากจะมองให้เสียเวลา
“เรื่องที่ฝากไว้เป็นเช่นไรบ้าง”
วิมาลากระหวัดเกี่ยวโอบรอบคอโน้มใบหน้าอีกฝ่ายลงมาประชิดแล้วกระซิบข้างหูด้วยน้ำเสียงหวานทรงเสน่ห์
“แหม...เรื่องที่เจ้าบอกข้าย่อมทำตามอยู่แล้วไม่ต้องห่วง”
ริมฝีปากงดงามเป็นกระจับจูบปากเคร่งขรึมเบาๆหนึ่งที ซึ่งเป็นการกระทำที่อุกอาจเกินกว่าพญากุมภีร์หนุ่มจะยอมอดทนให้กับนางได้อีกต่อไป
แต่ทว่าถึงชาละวันจะนึกโกรธวิมาลามากแค่ไหน ตัวเขาก็ทำได้เพียงแค่ผละตัวหนีออกห่างแล้วเลือกยืนหันหลังหนีคู่หมั้นสาวอย่างนึกรังเกียจ
“ทุกอย่างจะต้องไม่มีสิ่งใดผิดพลาด”
แทนที่วิมาลาจะโกรธกับการกระทำอันหักหาญน้ำใจแบบนี้ กุมภีร์สาวกลับเลือกที่จะทรุดนั่งลงบนแท่นบรรมทมชายหนุ่มอย่างถือสิทธิ์ เรียวขาขาวผ่องแสนงามยกพาดทับขางามอีกข้างพร้อมกับเอนกายพิงหมอนอิงด้านข้างเล็กน้อยให้สบายตัว ยิ่งส่งเสริมให้ท่วงท่าของนางดูเย้ายวนใจกว่าเดิมร้อยเท่าพันทวี
“แน่นอนข้ารับรอง”
“แล้วเมื่อไรทางนั้นจะติดต่อมา”
วิมาลาหัวเราะเบาๆแล้วจึงเอ่ยวาจาแกล้งหยอกเย้า
“ใจร้อนเสียจริงนะชาละวัน”
ชั่วพริบตานั้นพญากุมภีร์หนุ่มได้หันกลับมามองคู่หมั้นสาวด้วยแรงกดดันอันน่ากลัว แต่ถึงยังไงวิมาลาก็คือวิมาลานอกจากจะไม่สะทกสะท้านกับจิตสังหารที่ได้รับ หนำซ้ำนางยังใจกล้าเดินเข้าไปโอบกอดซบหน้าลงบนแผ่นหลังพญากุมภีร์หนุ่ม สูดดมกลิ่นกายของชายหนุ่มโดยไร้ซึ่งความอาย
“รอแค่คำสั่งจากเจ้าเท่านั้นพวกนั้นจึงจะเริ่มเคลื่อนไหวทันที”
“ก็ดี”
ชาละวันดึงมือที่กอดเขาอยู่ออกอย่างไม่แยแส ด้วยเพราะตัวเขาเริ่มสุดจะทนกับสตรีนางนี้เต็มทีแล้ว
“ข้าจะขึ้นไปปะปนกับพวกมนุษย์ด้านบนเพื่อปูทางเอาไว้ ส่วนเจ้าแค่รอคอยสัญญาณจากข้าแล้วส่งมอบคำสั่งให้พวกนั้นดำเนินตามแผนการทันที”
ด้านบนงั้นเหรอ...แววตาของวิมาลาเปล่งประกายสดใสขึ้นมาทันที
“น่าสนุกนะขอข้าไปด้วยสิ”
ชาละวันเดินหันหลังจากไปอย่างไม่นึกแยแส สร้างความเดือดดาดใจให้วิมาลาไม่น้อยเหมือนกัน
เมื่อลับหลังชาละวันแล้ววิมาลาก็ได้ดีดนิ้วมือเรียกใครบางคนออกมา
“ส่งข่าวไปให้ทางนั้นทราบ ว่าอีกไม่นานข้ากับชาละวันจะเดินทางไปเยี่ยมเยียนพวกเขาอย่างสมเกียรติในฐานะคู่หมั้นหมาย”
เงาปริศนาเมื่อได้รับคำสั่งจากเจ้านายก็หายวับไปในความมืดทันที
“ชาละวันข้านั้นรู้ว่าสิ่งที่เจ้าต้องการนั้นคือสิ่งใด ซึ่งตัวข้าเองพร้อมที่จะตอบสนองและช่วยเหลือไม่มีอิดออด โดยต้องแลกกับการที่เจ้าต้องอุทิศตนเพื่อข้าบ้างก็เท่านั้นเอง...ยุติธรรมดีออกนะจริงไหม?”
เชอะ! ถ้าคิดว่าจะสามารถสลัดข้าให้หลุดนะ เจ้าคงต้องเหนื่อยหน่อยล่ะนะพ่อคนเก่ง
ชาละวันรีบเดินดุ่มๆไปที่เขตหวงห้ามอีกแห่งหนึ่ง ด้วยอาการหัวเสียอย่างหนัก
คู่หมั้นงั้นเรอะ...เจ้าคงคิดว่าแค่ตำแหน่งคู่หมั้นจะสามารถมีอำนาจเหนือข้าได้งั้นสินะ เจ้าคิดผิดแล้ววิมาลา ไว้รอให้ข้าดำเนินแผนการเสร็จสมบูรณ์เมื่อไร เจ้าก็จะหมดประโยชน์ต่อข้าทันที
หึ! สตรีหน้าชัง คงคิดว่าตนเองยิ่งใหญ่เหลือคณา ถึงได้ผยองทำตัวให้สูงกว่าข้า....คิดจะข่มข้าอย่าหวังเลย
“พวกเจ้าแบ่งกันเฝ้าที่ทางเข้ากับหน้าห้องข้าไว้ให้ดี อย่าให้ใครหน้าไหนมารบกวนข้า” ชาละวันชี้มือมาที่องค์รักษ์คนกล้าออกคำสั่งมอบหมายอำนาจให้อย่างเต็มที่ “นอกจากมือซ้ายกับมือขวาข้าแล้ว ใครหน้าไหนกล้าย่างเท้าเข้ามาจับโดยนออกไปได้ทันที”
“ขอรับ”
ก่อนที่ข้าจะขึ้นไปคงต้องวางแผนให้รอบคอบเพื่อป้องกันการผิดพลาดในระหว่างที่ไม่อยู่ ....โดยเฉพาะตาเฒ่าภามนั่นข้าจะยิ่งประมาทไม่ได้ เพราะหากขืนชะล่าใจแม้แต่เพียงนิดเดียว แผนการทั้งหมดที่ข้าวางไว้คงจะล้มพังไม่เป็นท่า ดีไม่ดีอาจจะพ่ายแพ้ให้แก่ศัตรูโดยไม่รู้ตัว
การทำศึกในครั้งนี้ข้าจะต้องเป็นผู้ชนะ...ผู้ชนะแค่เพียงผู้เดียวเท่านั้น
“อีกไม่นานเราสองคนก็จะได้พบกันแล้วนะ.....ไกรทอง”
ความคิดเห็น