คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : ไกรทอง ตอน คำสัญญา 100%
ราตรียามดึกช่างเงียบเหงาวังเวงนัก สายลมอ่อนพัดโชยแผ่ว เสียงหรีดริ่งเรไรคอยร้องขับขานกล่อมผู้คนให้พากันหลับไหล
แต่ภายใต้ความมืดมิดกลับปรากฎให้เห็นเด็กชายตัวน้อยนั่งกอดเข่าซุกตัวอยู่ใต้ต้นดอกปีบสถานที่แห่งความทรงจำระหว่างเขากับพี่ชาละวัน
แววตากลมโตนั้นหม่นทื่อไร้ซึ่งแสงประกายสดใส น่ากลัวว่าถ้าเกิดมีชาวบ้านคนใครผ่านมาพบเข้าคงได้โกยแน่บเพราะเข้าใจผิดนึกว่ามีผีมานั่งหลอกหลอนจนจับไข้หัวโกร๋นเป็นแน่แท้
สายลมยามค่ำคืนมันช่างหนาวบาดใจเหลือเกิน...หนาว...หนาวเสียจนยากจะข่มตาให้หลับลงได้
“พ่อจ๋า...พ่อไม่รักไกรทองเล้วเหรอ?พ่อถึงได้ทิ้งไกรทองให้อยู่คนเดียว”
ดวงตากลมโตแหงนหน้ามองแสงดาวที่ส่องประกายบนฟากฟ้าแล้วพลันนึกถึง
...พ่อ.....คนสำคัญที่สุดของเขา...
ไกรทองไม่รู้ว่าพ่อเป็นอะไรไปนับจากวันที่ปราบจระเข้ยักษ์ลงได้พ่อก็เริ่มมีนิสัยเปลี่ยนไป
“พ่อฮะ วันนี้สอนไกรทองปราบจระเข้หน่อยนะ”
“ไว้วันหลังนะลูกวันนี้พ่อรู้สึกล้าๆยังไงชอบกลขอพ่อนอนเอนหลังเอาแรงสักงีบนะ”
“ฮะ...พ่อ...”
ไกรทองยืนมองแผ่นหลังที่พ่อนอนหันตะแคงมาให้อย่างนึกฉงนสงสัย...หมู่นี้ทำไมพ่อดูเซื่องซึมไม่ร่าเริงยิ้มแย้มสดใส นิสัยกระฉับกระเฉงที่เคยมีอยู่เหลือเฟือก็กลายเป็นเฉื่อยชาจนหลายครั้งพ่อจะดูเนือยๆไม่มีกระจิตกระใจหยิบนู่นจับนี่เหมือนแต่ก่อน
โดยเฉพาะตอนกินข้าวท่าทางของพ่อดูคล้ายคนฝืนใจกินเพราะพ่อกินแค่สองถึงสามคำก็เริ่มอิ่มไม่กินต่อ
“พ่ออิ่มแล้วเหรอ?”
ผู้เป็นพ่อมองสีหน้าเป็นห่วงของลูกสลับกับมองอาหารตรงหน้าแล้วพยายามยิ้มออกมาให้ดูแจ่มใสที่สุด
“ปล่าวหรอกลูกพ่อยังไม่อิ่ม”
ขุนไกรจำใจต้องแสร้งเปิบข้าวเข้าปากต่อไปทั้งๆที่แทบจะฝืนกลืนลงคอไม่ลง
แต่เพื่อลูกเขาต้องยืนหยัดต่อไปให้ได้...ต้องยืน...ให้ได้
นานวันเข้าไกรทองเริ่มสังเกตเห็นความผิดแปลกไปของพ่อชัดเจนยิ่งขึ้น...พ่อดูซูบผอมลงส่วนสีหน้าก็ดูหมองคล้ำไม่ผ่องใสและบางครั้งเขายังเคยแอบเห็นพ่อไปนั่งร้องไห้คนเดียวอยู่เสมอตรงท่าน้ำ
ถึงจะไม่เข้าใจสาเหตุของน้ำตาแต่ไกรทองมักจะสัมผัสได้ว่าพ่อเจ็บ...พ่อทรมาณ...จนต้องมาแอบหลั่งน้ำตาตรงนี้อยู่บ่อยครั้ง
และหลายครั้งที่เขาอยากมีความกล้าเข้าไปหาพ่อ อยากถามว่าพ่อเจ็บตรงไหน ปวดที่ใด ทำไมพ่อต้องร้องไห้
ยิ่งนับวันร่างกายของพ่อยิ่งอ่อนแอลงเรื่อยๆจนถึงขนาดต้องล้มหมอนนอนเสื่อนานนับเดือนอาการก็ยังไม่ดีขึ้นขนาดหลวงตาคงมาช่วยเหลือดูอาการให้นั้นยังส่ายหน้าบอกว่ารักษายากเต็มทีทำได้ดีที่สุดเพียงแค่ต้มยาให้ดื่มเพื่อพยุงอาการไว้ไม่ให้ทรุดลงไปมากกว่านี้
ถึงหลวงตาจะบอกไว้แบบนี้แต่ไกรทองไม่ยอมท้อถอย หมั่นต้ม เคี่ยวยาที่หลวงตาให้มา คอยเฝ้าไข้ดูแลพ่ออย่างดีที่สุดเท่าที่กำลังสองมือและสองแขนเล็กๆนี้จะทำได้
ส่วนเรื่องข้าวปลาอาหารนั้นไม่ต้องเป็นห่วงเพราะมีชาวบ้านทั้งหลายคอยหยิบยื่นน้ำใจมาให้อย่างไม่ขาดสายทำให้สองพ่อลูกสามารถประคับประคองกันต่อไปได้ไม่ลำบาก
“พ่อต้องหายนะ”
ขุนไกรไม่ตอบอะไรนอกจากยิ้มเป็นกำลังใจให้ลูกน้อย
และแล้วความพยายามของไกรทองนั้นเริ่มจะเห็นผลเมื่ออาการของพ่อเริ่มดีขึ้นตามลำดับ
พ่อกินข้าวได้มากกว่าเก่า สีหน้ามีน้ำมีนวลขึ้นและที่สำคัญพ่อสามารถประคองตัวลุกขึ้นมานั่งคุยเป็นเพื่อนเขาได้แล้ว
ถ้าพ่อลุกขึ้นมานั่งได้แบบนี้แสดงว่าอีกไม่นานพ่อต้องใกล้กลับมาแข็งแรงเป็นปกติแล้วแน่ๆ...ไกรทองดีใจจังเลย
แต่ทุกอย่างมักตรงข้ามกับสิ่งที่ตาเห็นอยู่เสมอเพราะฝืนพยายามลุกขึ้นมานั่งคุยเป็นเพื่อนลูกเลยเป็นเหตุให้แต่เดิมร่างกายที่อ่อนแออยู่แล้วเริ่มมีความอ่อนเพลียออกมาให้เห็นทางแววตาแต่ขุนไกรก็ยังฝืนทรมาณทำตัวเป็นปกติเพื่อป้องกันไม่ให้เจ้าตัวเล็กนั้นตื่นตระหนกตกใจ
“ไกรทอง”
“ฮะพ่อ”
“ลูกรับปากได้ไหมว่าถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับพ่อขอให้ลูกไปอยู่กับหลวงตาเพื่อที่ลูกจะได้ขออาศัยพึ่งของท่านนะลูก”
พอได้ยินพ่อพูดแบบนี้แล้วไกรทองรู้สึกใจหายจนพูดไม่ออก ขุนไกรเหมือนรู้ใจลูกชายจึงโอบกอดร่างเล็กไว้แนบอกพลางทอดถอนใจ
“พ่อจะไม่จากไกรทองไปไหนใช่ไหม?”
เสียงสั่นเครือของลูกยิ่งทำให้ขุนไกรใจสะท้านจนต้องโอบกอดลูกน้อยแน่นกว่าเดิม
ขอเพียงมีพ่ออยู่เคียงข้างไกรทองแบบนี้ต่อไป...ไกรทองก็ไม่อยากได้อะไรอีกแล้ว
ไกรทองต้องการแค่พ่อเท่านั้นจริงๆ.....
..แล้วทำไม.....
พ่อถึงยังจากไกรทองไป...จากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับคืนมาอีก
..พ่อจ๋า.....
ยิ่งคิดเจ้าตัวเล็กก็ยิ่งหม่นหมองลงหนักกว่าเก่า จมจ่อมอยู่กับตัวเองจนไม่รู้สึกถึงการมาเยือนของใครบางคน
“น้องไกรทอง”
ดวงตากลมเบิกกว้างเป็นเท่าตัวเมื่อเงยหน้าขึ้นมาพบเจอกับคนที่เขาเฝ้ารอว่าจะได้มาพบกันอีกครั้งหนึ่ง
“พี่ชาละวัน”
ไกรทองรู้สึกไปเองหรือปล่าวนะว่าสีหน้าของพี่ชาละวันดูสิ้นหวัง เจ็บปวดทั้งๆที่อีกฝ่ายยังดูยิ้มแย้มอบอุ่นเหมือนเดิม
ชาละวันทรุดตัวลงนั่งข้างกายเด็กน้อยก่อนจะยกมือลูบหัวทุยน้อยๆตามนิสัยปกติที่เขาชอบทำเป็นประจำกับน้องไกรทอง
“ทำไมน้องไกรทองถึงได้มานั่งอยู่ที่นี่คนเดียวยามกลางค่ำกลางคืนเช่นนี้เล่า?”
“ก็ไกรทองไม่อยากอยู่ที่กุฎิหลวงตาแต่ไกรทองก็ไม่อยากกลับไปที่บ้าน...ไกรทองถึงได้นั่งอยู่ที่นี่ยังไงละ”
“กุฎิ?แล้วทำไมน้องถึงไปอยู่ที่กุฎิได้ล่ะ”
ชาละวันขมวดคิ้วนึกสงสัย...ระหว่างที่เขาขาดการติดต่อกับน้องไกรทองไปมันต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นแน่ๆ
“พ่อตายแล้ว...”
ปากเล็กๆเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือทำให้มือที่ลูบหัวไกรทองอยู่หยุดนิ่งชะงักเมื่อได้ยินคำตอบชัดเจนเต็มสองรูหู
'พ่อตายแล้ว'
คำพูดประโยคเพียงแค่ประโยคเดียวทำให้ชาละวันนึกย้อนไปถึงตนเองในวันนั้น...วันที่หัวใจของเขาแตกสลายเหมือนกับน้องไกรทองในวันนี้เหลือเกิน
เขาเมื่อไม่นานมานี้ที่เอาแต่นั่งมองโลงศพแล้วร้องไห้จมอยู่กับความโศกเศร้าเสียใจกับการตายของพ่ออย่างไม่ยอมกิน ไม่ยอมนอน ไม่ยอมทำอะไรทั้งนั้น
ชาละวันนั่งร่ำไห้อย่างไม่อาจยอมรับและทำใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า
เขานั่งจมอยู่กับความคิดและคำถามที่เฝ้าเวียนถามกับตัวเองไม่รู้จบ...ใครเป็นฆ่าพ่อ...ใครฆ่าพ่อของเขา...
ซึ่งทำให้ท้าวรำไพต้องถอนหายใจอยู่หลายครั้งด้วยความกลุ้มใจ
นับแต่นำศพโคจรกลับมาชาละวันก็เอาแต่ตรอมใจ...ช่างน่าเป็นห่วงนัก
ใช่ว่าเขาจะไม่เจ็บปวดกับการจากไปของลูกชายแต่เพราะการที่ผ่านโลกมานานเลยทำให้เขารู้จักที่จะปล่อยวางแล้วก้าวเดินต่อไปข้างหน้าโดยละทิ้งความเจ็บปวดไว้เบื้องหลัง
ต่างจากชาละวันหลานยังเด็กย่อมไม่คุ้นชินกับการสูญเสียถ้าขืนปล่อยทิ้งไว้ย่อมอาจเกิดผลร้ายมากกว่าดี
ท้าวรำไพตบบ่าหลานชายพลางเอ่ยกล่าวเตือนสติให้อีกฝ่ายรู้จักเงยหน้าขึ้นมาสู้กับความเป็นจริงตรงหน้ามากกว่าที่จะหนีอย่างคนขี้ขลาด
“การสูญเสียเป็นเช่นไรปู่รู้ดียิ่งเมื่อเราได้สูญเสียคนที่รักด้วยแล้วมันช่างเจ็บปวดอ้างว้างแทบตายทั้งเป็น ความรู้สึกนี้ปู่เจอมาหมดแล้วรวมถึงตอนนี้ด้วย...แต่นี่แหละคือชีวิตมันมีทั้งสุข ทั้งทุกข์ การพรากจาก ความสมหวัง โศกเศร้า คละเคล้ากันไปซึ่งต่อไปเจ้าจะได้หัดเรียนรู้...จงลุกยืนหยัดขึ้นมาสู้อย่ายอมแพ้จมอยู่กับความทุกข์เพียงอย่างเดียว...เชื่อปู่เวลาจะคอยช่วยเยียวยาบาดแผลในใจหลานให้ดีขึ้นเอง”
ท้าวรำไพตบบ่าหลานชายอีกครั้งก่อนเดินจากไป
เขาเชื่อชาละวันเป็นเด็กฉลาดย่อมจะต้องเข้าใจในสิ่งที่พูดออกไปแน่นอน
และก็เป็นเช่นนั้นคำพูดเตือนสติของผู้เป็นปู่สอนให้ชาละวันรู้ว่าต่อให้เสียใจกับการที่ต้องเสียพ่อไปมากแค่ไหนก็ไม่สมควรทำร้ายตัวเองจนทำให้ผู้คนรอบข้างต้องเป็นกังวลแบบนี้
ตัวเขานั้นเติบใหญ่รู้ความพอที่จะมีกำลังสู้รบตบมือกับความเสียใจผิดกับเด็กน้อยอย่างน้องไกรทองที่ยังเยาว์วัยเกินกว่าขะเข้าใจและทำใจกับการที่ต้องสูญเสียคนสำคัญไป
“ไกรทองไม่อยากกลับบ้าน...บ้านที่ไม่มีพ่ออยู่มันดูน่ากลัว...ไกรทอง...คิดถึงพ่อ...ฮือๆ...คิดถึงมากๆเลย...ฮือๆๆๆ”
เฮ้อ!เหตุฉไนหยดน้ำตาเพียงหยดเดียวของน้องถึงกรีดเชือดเฉือนหัวใจพี่จนแสบร้อน เจ็บปวด ทุรนทุราย เยี่ยงนี้
ชาละวันดึงร่างเล็กเข้าโอบกอดประคับประคองเอาไว้ในอ้อมอกอย่างทะนุถนอมราวกับของมีค่าแสนรักแสนหวง
“ชู่ว...น้องไกรทองคนดีของพี่เจ้าหยุดร้องเสียเถิดนะ”
กลิ่นกายผิวเนื้อที่ห่อหุ้มร่างกายเขาเอาไว้มันช่างคล้ายกลิ่นกายของพ่อเหลือเกินยิ่งกลายเป็นการกระตุ้นท่อน้ำตาให้ไหลทะลักหนักกว่าเดิมเป็นเท่าตัว
“ฮือๆๆๆ...พ่อจ๋า...ฮือๆๆ”
ชาละวันก้มหน้ามองเด็กชายตัวน้อยในอ้อมแขนที่ซุกอกเขาร้องไห้ไม่ยอมลืมหูลืมตา...อา เจ้าในเวลานี้ช่างดูบอบบางน่าปกป้องยิ่งนัก...พี่จะปลอบขวัญเจ้าเช่นไรดีหนอ...น้องถึงจะยอมคลายหายจากการโศกเศร้ากลับมาเป็นน้องไกรทองแสนน่ารักคนเดิมของพี่ชาละวัน
ความรู้สึกสงสารเริ่มทำให้ใจชาละวันหวั่นไหวจนอดใจที่จะโน้มหน้าก้มลงจูบไกรทองไม่ได้
ริมฝีปากงามบดเบียดริมฝีปากเล็กนุ่มอย่างมัวเมาและลุ่มหลงไม่ยอมหยุด
ไกรทองนั้นตกใจจนหยุดร้องไห้เมื่อปากพี่ชาละวันแนบประกบเข้ากับของเขา สัมผัสที่แปลกใหม่สร้างความตระหนกตกใจจนต้องดิ้นรนหนีจากอ้อมแขนแต่ชาละวันก็ไม่ยอมให้เจ้าตัวเล็กดิ้นหนีพ้นร่างสูงกว่าโอบกระชับร่างเล็กให้แนบแน่นกว่าเก่าก่อนจะประคองใบหน้าเล็กไว้ด้วยอุ้งมืออย่างทะนุถนอมมิให้ช้ำแล้วค่อยๆพยายามตักตวงเอาความหอมหวานจากเจ้าตัวเล็กอย่างใจเย็นด้วยริมฝีปากและปลายลิ้นไกรทองเลิกดิ้นรนขัดขืนเคลิบเคลิ้มไปกับรสสัมผัสที่ชาละวันมอบให้
จวบจนกำปั้นเล็กๆทุบระรัวเรียกร้องเพราะไร้ซึ่งอากาศหายใจนั่นแหละชาละวันถึงยอมถอนริมฝีปากออกมาอย่างอ้อยอิ่งนึกเสียดายความหอมหวานนุ่มลิ้นนี้แต่ยังไม่วายฉวยโอกาสฟัดแก้มแดงป่องทั้งซ้ายและขวาเสียจนแก้มแทบช้ำถึงจะพอใจ
“พี่ขอโทษนะที่ไม่ได้ไปร่วมงานศพของพ่อน้อง”
หลังจากฟื้นคืนได้สติกลับมาไกรทองก็เอาแต่ก้มหน้างุดหลบลี้สายตาพราวประกายเจ้าเล่ห์ด้วยความรู้สึกประหลาดพลางเช็ดคราบน้ำตาด้วยอาการขัดเขิน
เพราะจูบเมื่อกี้นี้ที่ยังคงเหลือร่องรอยสัมผัสตรงที่ยังไม่ได้จางหายไปไหนจากปากกับแก้มจนเจ้าตัวเล็กรู้สึกร้อนผ่าวไปทั่วทั้งหน้า
“มะ...เป็นเป็นไรไกรทองเข้าใจ”
เสียงหัวใจในอกเต้นรัวเร็วบ้าคลั่งเลยทำให้ไกรทองรู้สึกหูอื้อไปหมดจนไม่ได้ยินเสียงหัวเราะชอบใจของชาละวันที่กำลังมองอาการขวยเขินของเจ้าตัวเล็กอย่างอารมณ์ดีสุดๆ
ชาละวันช้อนร่างเล็กมาไว้บนตักก่อนจะชนหน้าตัวเองเข้ากับหน้าผากเล็กๆไม่ยอมให้ให้ไกรทองก้มหน้าหลบตาเขาอีกต่อไปดวงตาเรียวงามจ้องลึกเข้าไปในแววตาสุกใสสวยงามและใสซื่อบริสุทธิ์ เขาชอบทุกอย่างที่ไกรทองมีขอเพียงแค่ได้เห็นสิ่งสวยงามเล็กๆนี้ความสดใสร่าเริงก็กลับคืนมาหาเขาอีกครั้ง...เพราะเจ้าตัวเล็กแท้ๆเลยน้า
“แล้วเช่นนี้น้องไกรทองจะทำอย่างไรต่อไป กลับคุ้งใต้รึ?”
เด็กน้อยตรงหน้าส่ายหัวเบาๆด้วยกิริยาน่ารัก น่าฟัดให้จมเขี้ยวเหลือเกิน
“ไกรทองจะมาอยู่กับหลวงตาที่วัดนี้จนกว่าไกรทองจะโตเป็นผู้ใหญ่”
“งั้นก็ดีสิพี่เองยังนึกเป็นห่วงอยู่เลยเชียวว่าน้องจะไปอยู่กับใครและใช้ชีวิตยังไงต่อไป”
ชาละวันจูบปลายจมูกเล็กเบาๆก่อนจะคลอเคลียซุกไซร้ใบหน้าไม่ยอมห่างจนไกรทองต้องหดคอหนีด้วยความจั๊กจี้นิดหน่อย
เพราะได้พี่ชาละวันช่วยปัดเป่าหรอกนะความทุกข์ในใจของไกรทองถึงได้หายไป...พ่อจ๋า พ่อไม่ต้องเป็นห่วงไกรทองแล้วนะ ไกรทองไม่ได้รู้สึกว่าอยู่คนเดียวอีกต่อไปแล้วเพราะอย่างน้อยไกรทองก็ยังมีหลวงตาคอยดูแลและมีพี่ไกรทองอยู่ใกล้ๆ...ไกรทองไม่เหงาแล้ว
“จากนี้ไปไกรทองจะมาเล่นกับพี่ชาละวันทุกวันเลยนะ”
มือที่หยอกล้อหยิกแก้มนิ่มไปมาหยุดนิ่งไม่ขยับก่อนจะพูดออกมาด้วยท่าทีลำบากใจ
“ไม่ได้หรอกพี่ม่เล่นกับน้องไม่ได้”
“ทำไมล่ะ?”
“พี่ต้องไปอยู่ที่อื่นสักพักอีกนานกว่าจะกลับมาที่คุ้งเหนือ”
ไกรทองซุกตัวกอดชาละวันไว้แน่นพลางเอ่ยออกมาด้วยเสียงสั่นๆ
“พี่ชาละวันจะทิ้งไกรทองไปอีกคนเหรอ?”
ชาละวันลูบหลังไกรทองเบาๆแล้วจูบที่ขมับ
“ปล่าวพี่ไม่ได้ทิ้งไกรทอง”
ไกรทองช้อนตามองหน้าคมด้วยแววตาออดอ้อนน่ารัก
“ถ้างั้นพี่ชาละวันจะจากไกรทองไปทำไม?”
“พี่ไปเพราะจำเป็นและเมื่อทุกอย่างสำเร็จเรียบร้อยพี่ก็จะรีบกลับมาหาน้องทันที”
เจ้าตัวเล็กทำปากมุ่ยแก้มพองไม่พอใจ
“แล้วพี่ชาละวันจะไปนานแค่ไหน?”
“อาจจะ หนึ่งปี สองปี หรือนานกว่านั้น”
“นานขนาดนั้นเลยเหรอ?”
ชาละวันกอดร่างเล็กๆเอาไว้อย่างหลวมๆแล้วจูบเบาๆที่แก้มแดงๆหนึ่งที
“ถึงจะนานแต่พี่สัญญาว่าพี่จะกลับมาหาน้องไกรทองให้เร็วที่สุด”
...พี่จะกลับมาสะสางทุกสิ่งให้มันเรียบร้อย...ใครมันทำอะไรเอาไว้มันต้องชดใช้...
นิ้วก้อยเล็กๆยื่อนออกมาเพื่อความมั่นใจก่อนจะมีนิ้วก้อยเรียวยาวยื่นมาเกี่ยวเอาไว้พร้อมกับใบหน้าคมงามก้มหน้าลงจูบเบาๆบนนิ้วก้อยที่ไขว้เกี่ยวกันอยู่เป็นคำมั่นสัญญา...ว่าจะกลับมา...
จากนั้นชาละวันจึงเริ่มทำการเชยชิมความหอมหวานจากปากเล็กอีกครั้งและครั้งนี้ไกรทองก็ยอมหลับตาพริ้มด้วยความยินยอมพร้อมใจไปกับจูบอันอ่อนโยนแสนหวานนี้โดยไม่มีขัดเขิน
“พี่จะรีบกลับมาหาน้องไกรทองให้เร็วที่สุด”
“ไกรทองจะรอพี่ชาละวันนะ”
************************** (^^)(_ _)(^^) **************************
เขียนหวานไม่ค่อยเก่งเลยทำได้แค่นี้แหละค่า...ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านนะค่ะที่ยังไม่ทิ้งชาละวันไกรทองไป อิอิ
รักนะจุ๊บๆอย่าลืมเม้นกันเยอะเด้อจร้า บาย
ความคิดเห็น