ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ไกรทอง ชาละวันxไกรทอง (yaoi)

    ลำดับตอนที่ #14 : ไกรทอง ตอนที่10 (แก้ไข)

    • อัปเดตล่าสุด 31 มี.ค. 58


     โคจรแอบสังเกตเห็นรอยร้าวเส้นเล็กๆที่ได้ปรากฏขึ้นตรงมุมหนึ่งของตะกรุดอยู่นานแล้ว  ซึ่งถ้าหากไม่มองให้ดีๆก็จะไม่มีทางเห็นรอยร้าวบางๆเส้นนี้แน่   

     

    ยิ่งพอมาตอนนี้จากเส้นร้าวเล็กๆเริ่มขยายรอยร้าวยาวขึ้นเรื่อยๆ   จนเขานึกกลัวว่าถ้าหากตะกรุดเส้นนี้เกิดทนแรงอาคมไม่ไหว  แล้วแตกสลายไปร่างกายของเขาคงจะต้องกลับมาถูกครอบงำอีกครั้ง

     

    นับว่ายังโชคดีที่ขุนไกรยังไม่ทันสังเกตเห็น   หาไม่แล้วเจ้าเด็กน้อยคงแตกตื่นหาเรื่องทำอะไรเกินตัวอีกเป็นแน่...ข้าล่ะนึกเป็นห่วงจริงๆ  ว่าถ้าหากไม่มีข้าแล้วใครจะมาคอยปรามไม่ให้เจ้าใจร้อน  หุนหันพลันแล่นอีก

     

    เราสองคนอยู่ในถ้ำนี้ต่อไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร   ถ้ายังไงลองว่ายน้ำกลับขึ้นบนฝั่งไปหาหลวงตาที่เป็นเจ้าของตะกรุดขอให้ท่านช่วยเหลือกันเถอะ"

     

     “นั่นสินะ  ขุนไกรนึกเห็นดี  เห็นงามด้วยกับความคิดอันรอบคอบของร่างสูง ลืมนึกถึงตรงจุดนี้ไปเลย  ดีนะที่โคจรเอ่ยเตือนสติขึ้นมา    ถ้างั้นพวกเราคงต้องรีบไปหาหลวงตาให้จัดการกับไอ้ควันดำพวกนี้ให้สิ้นซากไปเลยดีกว่า'

     

    เมื่อมีความคิดตรงกัน   โคจรจึงค่อยๆพยุงร่างบอบช้ำของขุนไกรก้าวเดินไปอย่างช้าๆ   กันไม่ให้กระเทือนกับบาดแผลตามร่างกายอีกฝ่ายให้มากที่สุด    ทั้งๆที่ในตอนแรกโคจรอาสาจะอุ้มให้แทนการเดินเท้า  แต่กลับโดนขุนไกรตะคอกใส่ด้วยหน้าแดงกร่ำว่า เสือก!

     

    เจ็บหนักจนเดินไม่ไหวแท้ๆ  ยังจะมาหน้าบางอีกนะพ่อคนเก่ง

     

    พญากุมภีร์แอบมองเสี้ยวหน้าขุนไกรด้วยแววตาดีใจระคนปวดใจ...จากกันนานหลายปีนึกว่าชาตินี้จะไม่ได้เห็นหน้ากันอีกเสียแล้ว     เมื่อเห็นว่าเจ้ายังอยู่สุขสบายดีข้าก็ดีใจ  ต่อจากนี้ไปข้าคงไม่มีสิ่งติดค้างในใจให้ต้องห่วงเจ้าอีกแล้ว

     

    และเมื่อทั้งคู่เดินมาถึงหน้าปากทางถ้ำ   โคจรก็ได้ตัดสินใจที่จะยุติเรื่องเลวร้ายทั้งหมดด้วยตัวของเขาเอง

     

    ขุนไกร"  เจ้าของชื่อหันหน้ามามองคนเรียกพร้อมกับขมวดคิ้วให้อย่างไม่เข้าใจ...จู่ๆจะมาเรียกชื่อทำไม?  

     

    นับว่าช่างเป็นความคิดที่ผิดมหันต์นักที่เขาเผลอเงยหน้าจ้องตากับโคจร   ดวงตาสีเขียวงดงามจงใจจ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาลสุกใส  จนมองเห็นกระทั่งเงาสะท้อนได้ในดวงตาคู่นี้...

     

    ...อย่าโทษข้าเลยนะ  ข้าจำเป็นต้องเช่นนี้จริงๆ  ดวงใจของข้า

     

    ขุนไกร...จงฟังคำสั่งข้า...  ด้วยคำสั่งสั้นๆเพียงแค่ประโยคเดียว  ก็สามารถทำให้ชายหนุ่มยืนนิ่งแข็งค้างอยู่ในอ้อมแขนของโคจร  เหมือนกับว่าร่างกายได้ถูกมัดตรึงแน่นจนขยับตัวไม่ได้   

     

    นี่มันอะไรกันโคจร!?”  ร่างของข้าเป็นอะไรไป ทำไม? มันถึงไม่ขยับ

     

    ข้อมือหนาชูตะกรุดที่มีรอยร้าวลึกขึ้นมาเพื่อให้ขุนไกรมองเห็นได้ชัดถนัดตา ตอนนี้อำนาจของตะกรุดใกล้ต้านทานอาคมชั่วร้ายไม่ไหวแล้ว   ซึ่งถ้าหากอำนาจพุทธคุณของตะกรุดนี้หมดฤทธิ์ลงเมื่อใด  อาคมดำมือนั่นก็จะมีอำนาจกลับเข้ามาควบคุมตัวข้าให้ออกอาละวาดไล่ฆ่าเจ้าและผู้คนบริสุทธิ์อีกครั้ง   ข้าจึงจำเป็นต้องตัดไฟตั้งแต่ต้นลม

     

    ขุนไกรชักเริ่มสังหรณ์ใจไม่ค่อยดีกับคำพูดและท่าทีที่เปลี่ยนไปของโคจรตัดไฟแต่ต้นลม  เจ้าคิดจะทำอะไร?"  เจ้าบอกข้ามาสิ  ว่าเจ้าจะไม่ทำเช่นนั้น  บอกข้ามาสิ...บอกมา

     

    คิ้วเข้มทั้งสองขมวดเข้าหากัน  ยิ่งทำให้ดวงหน้าหล่อเหลาดูเคร่งขรึมกว่าที่เคยเป็น  ดวงตาเขียวใสทอแสงประกายวาววับเฉกเช่นผีร้ายเยี่ยงนี้มันทำให้บรรยากาศรอบตัวแลดู เย็นชา น่ากลัว

     

    เจ้าจงชักมีดหมอที่เหน็บอยู่ข้างกายออกมา

     

    มือข้างหนึ่งชักมีดหมอที่เหน็บอยู่ข้างเอวออกมากระชับให้มั่นถือคอยตามคำสั่ง ใบหน้าของขุนไกรเต็มไปด้วยความสงสัยแกมหวาดกลัว  กับการกระทำของคนรักที่ยังคงยืนสงบนิ่ง  แสดงสีหน้าที่ฉายแววเด็ดเดี่ยวชัดเจน

     

    ...ถ้าสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไปนี้ไม่ผิดจากความคิดของเขาแล้วละก็

     

    ขุนไกรจงเอามีดหมอของเจ้ามาจ่อตรงหัวใจของข้าบัดเดี๋ยวนี้”  ใบหน้าซีดขาวของขุนไกรมองสีหน้าเคร่งขรึมอย่างนึกใจหาย...เจ้าคิดจะปลิดชีพตัวเองจริงๆหรือนี่  เจ้าคงไม่ได้ล้อข้าเล่นหรอกใช่ไหม?

     

    ชายหนุ่มพยายามบังคับไม่ให้จ่อมีดตามคำสั่งของโคจรแต่เขาก็ทำไม่ได้   ร่างกายมันไม่ยอมทำตามความคิดของเขาเลยสักนิด....ปลายมีดหมอแหลมคมจ่อเข้าตรงที่อกด้านซ้าย  ตรงตำแหน่งของหัวใจพญากุมภีร์พอดิบพอดี  พร้อมที่จะลงมือแทงเข้าไปได้ทุกเมื่อตามที่อีกฝ่ายต้องการ

     

     “โคจรพวกเรายังมีหลวงตาที่จะพอช่วยแก้ไขเรื่องนี้อยู่นะอย่าลืมสิ

     

    พญากุมภีร์ส่ายหน้าปฎิเสธความหวังดีของขุนไกรทิ้งไปโดยไม่ยอมคิดตรึกตรองเลยสักนิด

     

    เวทย์สะกดใจเป็นอาคมขั้นสูง  ถ้าผู้ใดโดนครอบงำหรือสิงสู่จิตใจยากนักที่จะกลับคืนมาเป็นเหมือนเดิมได้ นอกเสียจากผู้สะกดจะถอนออกให้เอง...

     

    ความจริงอันโหดร้ายจากปากคนรักทำให้ลำคอของเขาแห้งผาก ลิ้นแข็งค้างจนแทบพูดไม่ออก

     

    ตะกรุด...เรายังมีตะกรุดปกป้องเจ้าอยู่

     

    เจ้าก็เห็นแล้วว่าตะกรุดมีรอยร้าวใกล้แตกสลายเต็มที  เหลือแค่รอเวลานับถอยหลังเท่านั้น

     

    ถ้า...ถ้าพวกเรารีบขึ้นไปหาหลวงตาตอนนี้ท่านจะต้องหาทางช่วยได้แน่ๆ

    สถานการณ์คับขันแบบนี้ทำให้ความคิดของขุนไกรช่างดูเลอะเลือนจนคิดหาทางออกที่ดีกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว...ถ้าเป็นหลวงตาที่เคยเป็นอาจารย์ของเขา  ท่านย่อมต้องสามารถแก้เรื่องร้ายให้กลายเป็นดีได้แน่ๆ

     

    อย่าพยายามดิ้นรนต่อไปอีกเลยขุนไกร...สำหรับข้ามีแค่ความตายเท่านั้นที่จะหยุดยั้งการนองเลือดครั้งนี้ลงได้

     

    สองมือหนากุมมือที่ถือมีดหมอเตรียมจะแทงเข้าไปตรงก้อนเนื้อที่เรียกว่าหัวใจ ทั้งสองต่างจ้องตาประสานกัน...สายตาคู่หนึ่งส่องประกายเด็ดเดี่ยวเข้มแข็งยอมรับความตาย  ผิดกับสายตาหนึ่งคู่ที่หวาดกลัวไม่อยากให้อีกฝ่ายต้องตาย.....แม้จะต่างอารมณ์  ต่างความรู้สึก  แต่ทว่าภายในดวงตาของทั้งคู่กลับสะท้อนเงาของกันและกัน

     

    เชื่อข้าเถอะนะโคจรอย่าได้ทำแบบนี้เลย  ขุนไกรยังพยายามโน้มน้าวความคิดและการกระทำแสนโหดร้ายนี้ทิ้งไป  เขาทำใจยอมรับไม่ได้จริงๆ   ที่จะต้องมาเห็นคนรักตายต่อหน้าต่อตาแบบนี้

     

    แต่โคจรก็ยังเป็นโคจร   ร่างสูงไม่ยืนกรานไม่ยอมรับข้อเสนอนี้...เพราะทางเลือกที่มีเพียงแค่สองทาง  คือถ้าข้าไม่ตายก็ต้องเป็นเจ้าที่ต้องตายจากข้าไป  ....ข้าขอเลือกให้เจ้ามีชีวิตรอดจะดีกว่า

     

    พญากุมภีร์กระชับมืออีกฝ่ายแน่นขึ้นอีก  นี่เป็นทางออกที่ดีที่สุด  อย่าเสียใจที่ข้าตายเลยนะขุนไกร  ร่างกายของข้าในเวลานี้ยังอ่อนแอเกินไป  ย่อมไม่มีทางต้านทานมนต์ดำร้ายแรงเช่นนี้ได้   หากจะให้เลือกข้าก็ขอให้เจ้าเป็นผู้ลงมือสังหาร  ดีกว่าที่ข้าจะเป็นผู้ลงมือสังหารเจ้า 

     

    โคจร...  ผู้ชายคนนี้เพื่อเขาแล้วถึงกับยอมตายเชียวเหรอ...เจ้ารักข้ามากขนาดนี้เลยเหรอโคจร ฮึก...ถ้าไม่เป็นเพราะข้าไม่มีความกล้าพอที่จะเลือกเจ้า   เราสองคนคงไม่ต้องมาเจ็บปวดกันแบบนี้...ฮึกๆ...มันอาจจะช้าเกินไปที่จะมาบอกตอนนี้...โคจร...ข้ารักเจ้า...รักที่มีต่อเจ้าซึ่งไม่เคยเลือนหายไปจากใจของข้าเลยแม้สักครั้งเดียว

     

    คำสารภาพรักที่เฝ้าคอยมานานแสนนานในที่สุดเขาก็ได้ยินเสียที   ถึงจะช้าสักไปหน่อยแต่ยังดีที่ข้าได้ยินจากปากของคนที่รัก  แม้ว่าข้าจะตายไปแล้ว  คำว่ารักคำนี้  ก็จะยังคงสลักลึกอยู่ในหัวใจของเขาทุกชาติไป

     

    ขุนไกร...ข้าขอให้คำสัตย์สาบานต่อหน้าเจ้า ณ ตอนนี้และตรงนี้...ไม่ว่าจะกี่ภพกี่ชาติขอให้ข้าได้รักเจ้า อยู่เคียงเจ้าตลอดไป  ทดแทนที่ในชาตินี้ที่เราทั้งสองไม่ได้อยู่เคียงคู่กัน"

     

    สิ้นคำสาบานโคจรตัดสินใจแทงมีดหมอปักลงบนหัวใจอย่างไม่รอช้า   เลือดสีแดงไหลรินออกมาจากหัวใจพญากุมภีร์ผสมปนกับหยาดน้ำตาของขุนไกรที่หลั่งไหลจนเป็นหนึ่งเดียวกัน

     

    เวรกรรมอันใดกันหนอ...ถึงทำกับพวกเราเช่นนี้เพราะอะไรจึงต้องให้เราสองคนได้มาฆ่ากันเองแบบนี้  โชคชะตาพลัดพรากกันยังไม่พอ  เมื่อได้กลับมาพบหน้ากันก็ต้องมาจากกันตลอดกาล

     

    เมื่อเห็นว่าร่างที่มันจะต้องสิงสู่ได้ถูกทำลายลง   กลุ่มควันดำที่เคยล้อมอยู่รอบกายพลันสลายหายวับไปในอากาศ...ข้าบอกแล้วตาเฒ่าชั่วเช่นเจ้าไม่มีทางที่ได้ใช้ประโยชน์จากร่างกายข้า   ทำร้ายผู้คนบริสุทธิ์และคนที่ข้ารักได้หรอก

     

    ยิ่งสีสันของเลือดแดงเข้มเปื้อนเต็มสองมือ  หัวใจของขุนไกรก็แทบแหลกสลายเป็นเสี่ยงๆ  ตายตามคนรักไป

     

    'ดีแล้วที่เป็นแบบนี้หาก มนต์ดำเหล่านี้จะควบคุมข้าให้ฆ่าเจ้า...ข้าขอยอมตายดีกว่า'  

     

    โคจรส่งยิ้มอ่อนโยนให้ขุนไกรก่อนจะดึงเข้ามาก่อนอย่างแนบแน่นเป็นครั้งสุดท้าย

     

    ข้ารักเจ้า...ขุนไกร

     

    โคจรใช้กำลังเฮือกสุดท้ายที่เหลืออยู่   กลายร่างเป็นจระเข้ยักษ์พาร่างบาดเจ็บของขุนไกรว่ายขึ้นไปด้านบนก่อนที่ลมหายใจของเขาจะหมดลง

     

    อดทนอีกนิดนะขุนไกร ข้าตายไม่เป็นไรขอเพียงเจ้ารอดก็พอ

     

    และเมื่อทันทีที่เขาสามารถพาร่างของคนรักโผล่ขึ้นมาบนพื้นดินได้อย่างอยู่รอดปลอดภัย   พญากุมภีร์แห่งคุ้งเหนือผู้เกรียงไกรก็ได้หมดลมหายใจนอนหลับตาลงอย่างหมดห่วง

     

    ' เจ้าปลอดภัยแล้วที่รักของข้า'

     

    โคจร!!!

     

    ขุนไกรไม่รับรู้ถึงหรือได้ยินสิ่งใดทั้งสิ้น  ขนาดตอนที่ลูกชายโผเข้ากอดตัวเขาด้วยความดีใจหรือแม้แต่เสียงไชโยโห่ร้องดีใจของชาวบ้านที่สามารถปราบจระเข้ร้ายตัวนี้ลง   เขาก็ยังไม่รู้สึก   เพราะทุกสิ่งรอบตัวสำหรับเขาในตอนนี้  มันเป็นเพียงแค่ธาตุอากาศ  ไม่รู้สึกถึงตัวตน  มองไม่เห็น  จับต้องไม่ได้   ...มีเพียงสิ่งเดียวที่เขารู้คือหัวใจที่เคยเต้น  มันได้หยุดเต้นตายตามโคจรไปแล้ว

     

    เหตุใดเจ้าจึงโง่เง่าเช่นนี้  เจ้ามันโง่...มันโง่  โง่จริงๆ

     

    นับตั้งแต่แรกพบจนถึงตอนนี้   เจ้าทำเพื่อข้ามาโดยตลอดทั้งๆที่ข้าไม่เคยทำอะไรเพื่อเจ้าเลยสักอย่าง...ทำไมเจ้าต้องทำเพื่อข้าได้ถึงขนาดนี้ ทำไม ทำไม...เจ้าจึงรักข้าได้มากขนาดนี้โคจร

     

    'เหตุใดเจ้าจึงนอนยิ้มเช่นนั้น...ใยเจ้าไม่โกรธไม่แค้นข้าเลย...ทำไม...เจ้ารักข้าถึงเพียงนี้เชียวหรือ'

     

    สายตาของเขามองไปยังร่างจระเข้ยักษ์ที่นอนหลับตาตายอยู่ตรงริมฝั่งแม่น้ำไม่วางตา.....ข้าเสียใจ   เสียใจเสียจนร้องไห้ไม่ออก  เมื่อได้มองเจ้าแบบนี้   เจ้าเคยว่าแต่ข้าหุนหัน  พลันแล่น  ทั้งๆที่เจ้าเองก็ไม่ได้อะไรกับข้าเลยสักนิด

     

    ...เจ้าไม่เคยรู้ว่าข้าไม่อยากให้เจ้าตาย   ข้าอยากให้เจ้ามีชีวิตอยู่   ถึงแม้ว่าข้าจะไม่ได้พบเจอเจ้าตลอดชีวิตข้าก็ยอม

     

    อาการบาดเจ็บทั้งกายและใจหนักหนาจนเกินกว่าร่างกายจะรับไหว   ขุนไกรจึงมีอาการทรุดหนักลงท่ามกลางความตกใจของชาวบ้านและไกรทอง

     

    แต่ก่อนที่สองตาจะปิดลง   ขุนไกรมองเห็นร่างสูงใหญ่คุ้นตาของคนรักส่งมายิ้มให้เขาอย่างอบอุ่น  เป็นนิสัยที่ชอบทำเสมอเมื่ออยู่กับเขา...คนเรายามเมื่อที่อยู่กับคนรัก  จะทำสีหน้าบึ้งตึงไปทำไม  สู้ยิ้มให้กันบ่อยๆ  เพราะถ้าวันหนึ่งที่ต้องจากกัน  เราจะได้มีความทรงจำดีๆเก็บไว้ในหัวใจตลอดไป

     

    'ข้ารักเจ้านะขุนไกร'

     

    ยามที่วิญญาณของโคจรได้เดินลับหายจากไป  สติทั้งหมดของขุนไกรก็ได้หายไปด้วยเช่นกัน

     

    'โคจร.....'

     

    ไม่มีอีกแล้วพญากุมภีร์แห่งคุ้งเหนือนามว่าโคจร...เขาผู้นั้นไม่มีตัวตนอยู่บนโลกใบนี้อีกแล้ว...ไม่มีอีกแล้ว...

     

    'โคจรไม่ว่าข้าจะเกิดเป็นอะไรก็ขอให้ข้าเลือกเจ้าและรักเจ้า...ทุกชาติไป'

     

    สายลมพัดโชยโอบอุ้มร่างหมดสติของชายหนุ่มและร่างพญากุมภีร์เอาไว้  ราวกับเทพยดา  สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายรับรู้ถึงในคำสัตย์สาบานนี้   ซึ่งคำสาบานที่แน่วแน่ของทั้งคู่จะยังคงอยู่  ติดตัวตราบไปชั่วนิจนิรันดร์ 

     

    ทางด้านพญากุมภีร์หลังจากที่ได้ลาจากคนรักเป็นที่เรียบร้อยแล้ว   ดวงวิญญาณของโคจรกำลังยืนพินิจถนนสีขาวบริสุทธิ์ที่ทอดแสงเป็นทางยาวไกลลับสุดสายตานี้นะรึที่เขาเรียกว่าความตาย

     

    มนุษย์มักจะชอบสงสัยเกี่ยวกับความตาย...ตายแล้วไปไหน...ตายแล้วจะเป็นยังไง...ทำไมคนเราต้องตายและโลกหลังความตายเป็นเช่นไร ซึ่งคำถามพวกนี้คือคำถามที่ไม่มีใครสามารถจะให้คำตอบได้อย่างชัดเจน เพราะคำถามที่ไม่มีคำตอบแบบนี้เลยเป็นเหตุให้ผู้คนส่วนใหญ่ล้วนต่างหวาดกลัวต่อความตาย

     

    กลัวอะไร...กลัวสิ่งที่ไม่เคยรู้  ไม่เคยสัมผัส...กลัวจะต้องสูญเสียและจากลาของรักไป...รวมทั้งกลัวที่จะต้องเผชิญหน้ากับคำพิพากษาในโลกหลังความตายตามความเชื่อที่มีมาช้านาน  เมื่อความกลัวบังเกิดการตายจึงเป็นเรื่องอัปมงคลไม่ควรนึกถึงและเอ่ยถึงมันอย่างเด็ดขาด

     

    อืม...จะว่าไปข้าเองก็ยังไม่ได้ไปบอกลาท่านพ่อและเจ้าลูกชายของข้าเลยนี่หว่า...คิดไปแล้วก็น่าขำ  อุตส่าห์ได้เจอคนรักทั้งทีกลับต้องมาตายจากกัน   แถมยังไม่มีเวลาสั่งเสียคนในครอบครัวอีกต่างหาก

     

    เอาไว้ชาติหน้าลูกจะกลับมาทดแทนคุณท่านพ่อ  และกลับมาอยู่ดูแลเจ้าใหม่นะชาละวัน....โดยเฉพาะชาละวันหวังว่าเจ้าคงจะเข้าใจพ่อนะ  กับสิ่งที่พ่อได้ทำลงไป   อย่าแค้น   อย่าโทษใคร   เพราะนี่คือชะตาของพ่อเอง

     

    ถ้าสวรรค์นรกมีจริงจระเข้บาปหนาเช่นข้าจะได้ไปอยู่ที่ใดกันหนอ”  นี่แหละสิ่งที่เขาควรจะวิตกในตอนนี้  ว่าเจ้าเส้นทางสีขาวนี้จะพาวิญญาณ์เขาไปที่ไหน...ถ้าเป็นสวรรค์ก็ดี  แต่ถ้าเป็นนรกคงต้องรับโทษทัณฑ์หนักสักหน่อยละนะ...ก็เล่นทำบาปเอาไว้เยอะ  ไม่ทำก็ไม่ได้   หน้าที่กับความจำเป็นบังคับล้วนๆ

     

    แต่เอาว่ะ  ....กลัวอะไรก็แค่นรก  ทำผิดก็ต้องยอมรับผิด  นี่แหละถึงจะสมเกิดมาเป็นพญากุมภีร์ผู้เกรียงไกร

     

    มึงคงไม่ได้ไปไหนทั้งนั้นไอ้โคจรไม่ว่าจะเป็นสวรรค์หรือนรก  ถ้ากูไม่อนุญาตให้มึงไป

     

    ขาทั้งสองที่กำลังจะก้าวเดินพลันหยุดชะงักค้าง  เมื่อมองเห็นชายชราร่างผอมเกร็งยืนยิ้มเหี้ยมเกรียมขวางทางด้านหน้า  ไม่ให้เขาได้ไป

     

    นึกแล้วว่าต้องเป็นเจ้า...

     

    หืม...ไม่เลวยังจำข้าได้อยู่  นึกว่ามึงจะแกล้งทำเป็นลืมกู

     

    เหตุใดข้าจะกล้าลืมเลือนได้ลงคอ ในเมื่อเจ้าคือ  ท่านภามอดีตมหาเสนาบดี ผู้เคยมียศศักดิ์ดำรงตำแหน่งรับใช้ใกล้ชิด  จนเปรียบดั่งเป็นมือขวาของอดีตผู้ปกครองคุ้งใต้คนก่อน..

     

    พญากุมภีร์จ้องมองชายชราอย่างนึกสมเพชเวทนาอยู่ในใจ...เพราะความลุ่มหลงมัวเมาในอดีตแท้ๆ ถึงทำให้ผู้ที่เคยแสนดีน่าเกรงขาม  จึงตกต่ำกลายมาเป็นชายใจเหี้ยมน่าอดสูเช่นนี้

     

    ชายชราแหงนคอหัวเราะร่าเสียงดังก้องฟ้า  ซึ่งหากฟังจากน้ำเสียงแล้วมันช่างคล้ายเสียงกึ่งเย้ยหยันกึ่งประชดประชัน อย่างคับแค้นใจจนรู้สึกพรรณาออกมาเป็นคำพูดไม่ได้

     

    อดีต...หึ หึ อดีตที่มันไม่น่าจดจำแต่ก็จำใจต้องจำฝังลึกลงไปถึงกระดูกดำ  เพื่อไม่ให้กูลืมความเจ็บปวดจนแทบอยากตายในครั้งนั้น

     

    ท่านจึงแก้แค้นโดยการควบคุมข้าให้ฆ่าชาวบ้านผู้บริสุทธิ์   ไม่สิชาวบ้านเหล่านั้นเป็นแค่เหยื่อล่อขุนไกรให้มาปราบข้า...ท่านอยากเห็นข้าเจ็บปวดเพราะฆ่าคนรักของตัวเอง

     

    เฒ่าภามส่งเสียงหัวเราะในลำคอ  ก่อนจ้องเขม็งมองโคจรด้วยสายตาอยากหักคอให้ตายคามือก็ไม่ปาน

     

    เออ!แผนกูเกือบสมบูรณ์แล้วแท้ๆ   ถ้าไม่มือที่สามยื่นมือเข้ามาสอดจนมึงนึกรู้ทันชิงปลิดชีพตายไปเสียก่อน

     

    หนอย!ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้น  อีกนิดเดียวเท่านั้นทุกอย่างก็จะสำเร็จเป็นไปตามแผนที่วางเอาไว้   หากไม่ใช่ไอ้พระหัวโล้นนั่นแท้ๆแผนของกูถึงได้พินาศย่อยยับไปหมด...มันน่าเจ็บใจจริงๆ

     

    ถ้าเช่นนั้นท่านติดตามดวงวิญญาณเช่นข้ามาด้วยเหตุผลประการใด  คงไม่ใช่จะมาขอโทษข้าหรอกกระมั้ง”  เขาไม่นึกคาดหวังอะไรดีๆจากคนเช่นนี้หรอก  เพราะบางคนต่อให้ความตายมาอยู่ตรงหน้าก็ยังไม่สำนึกว่าผิดบาปที่เคยได้ทำลงไป   เหมือนตาเฒ่านี่ที่เลือกแต่จะจดจำว่าใครทำร้ายตัวเองให้เจ็บช้ำยังไง  แต่กลับไม่ยอมจดจำว่าตัวเองทำสิ่งชั่วร้ายอะไรไว้กับใครบ้าง

     

    ข้าไม่เคยทำสิ่งใดผิดทำไมถึงต้องมาขอโทษ  มีแต่มึงที่ต้องชดใช้ให้กับกู!”

     

    ความอาฆาตมาดร้ายของท่านมันช่างน่าสมเพชยิ่งนัก

     

    ไม่ต้องพูดมากยังไงมึงต้องเป็นทาสกู  ยิ่งมึงในตอนนี้เป็นแค่วิญญาณธรรมดาไร้ซึ่งฤทธิ์เดชมาขัดขืน แสดงว่าโชคชะตายังเข้าข้างกูให้ได้มีโอกาสแก้แค้นพวกมึง

     

    ...ถึงมึงจะตายกลายเป็นผี กูก็ต้องเอามึงมาไปเป็นทาสรับใช้กูไปชั่วนิรันดร์ ...มือเหี่ยวย่นกางกว้างคล้ายดั่งกรงเล็บหมายขยุ้มดึงเอาดวงวิญญาณของโคจรมาไว้ในอุ้งมือ

     

     แม้จะรู้ว่าสู้ไม่ได้   แต่ชายชาตินักรบไหนเลยจะยอมศิโรราบให้กับผู้ที่ทำความชั่ว  ถึงวิญญาณจะต้องแดกดับเขาก็จะไม่ยอมเป็นทาสผู้ใดเด็ดขาด

     

    แต่ทว่าการต่อสู้ระหว่างทั้งคู่ยังไม่ทันเริ่ม  จู่ๆก็มีแสงสีขาวปริศนาทรงพลานุภาพพุ่งโจมตีเข้าใส่  จนร่างพ่อมดเฒ่า  จนกระเด็นหงายหลังไปไกลหลายวา

     

    เฒ่าภามลุกขึ้นยืนด้วยความมึนงงสับสน....เมื่อตะกี้มันอะไรกัน? ใครบังอาจมาลอบกัดกูหรือว่าจะเป็นไอ้พระนุ่งเหลืองนั่นอีกแล้ว

     

    ถึงผู้มาใหม่จะไม่ใช่ศัตรูคู่อาฆาตดังที่คาดการณ์ไว้    แต่ก็นับว่าเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่ไม่เคยคาดคิดว่าท่านจะมาอยู่ที่นี่  มายืนมือไขว้หลังอยู่ตรงหน้าพวกเขาทั้งสอง 

      

    ท่านผู้นี้นุ่งกระโจงเบนสีขาวสะอาดตา  มีผมและหนวดเป็นสีขาวล้วน  โดยที่ผมนั้นมัดเป็นมวยด้านหลังแบบพราหมณ์  รูปร่างสูงทะนงองอาจคงไว้ซึ่งอำนาจที่เปี่ยมล้น  ไม่ได้ดูแก่ชราดั่งเช่นสีผม  ส่วนใบหน้าแม้ภายนอกจะดูเคร่งครึมจริงจัง  ซึ่งถ้าลองสังเกตมองดูให้ดีแล้ว  ภายใต้ความดุดันก็มักจะมีความโอบอ้อมอารีแฝงไว้อยู่  

     

    เมื่อรู้ว่าเป็นผู้ใดที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือให้รอดพ้น  พญากุมภีร์ก็รีบทรุดลงนั่งคุกเข่าก้มกราบแทบเท้าท่านด้วยความเคารพยำเกรงทันที   ผิดกับเฒ่าภามที่ยังคงยืนกำหมัดแน่น  ตัวสั่นเทิ้มทั้งตัวด้วยอารมณ์โทสะและแรงแค้นอยู่กับที่  ไม่ยอมแสดงความเคารพท่าน  

     

    ...มึงมีดีอะไรไอ้โคจร   เหตุฉไนจึงมีแต่คนมาคอยช่วยเหลือให้ต้องหนีรอดกูได้ทุกครั้ง  ทั้งที่มึงไม่ให้คนดี  มึงมันเป็นเลวชั่วช้า

     

     ไว้พระเถอะไอ้โคจร...อ้าว! ว่าไงไอ้ภามไม่เห็นหัวมึงตั้งหลายปียังกัดไม่ปล่อยเหมือนหมาไม่มีเปลี่ยนเลยนะ

     

    คำพูดกระทบกระเทียบแดกดันประโยคหลังยิ่งเพิ่มแรงโกรธในใจจนแทบไหม้เป็นจุณ พ่อมดเฒ่าโกรธชายชราตรงหน้ามาก มาก มากจน.....ลืมนึกถึงฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ

     

    ท่านทำเกินไปแล้วเจ้าพ่อองครักษ์

     

    อา...ใช่แล้ว...ชายชรานุ่งขาวห่มขาวท่านนี้คือเจ้าพ่อองครักษ์ผู้คอยปกปักษ์คุ้มครองคุ้งใต้  ผู้ที่โคจร  เฒ่าภามและใครต่อใครในเผ่าพันธุ์กุมภีร์  หรือแม้แต่เผ่าพันธุ์อื่นต่างก็รู้จักท่านดี 

     

    เจ้าพ่อองครักษ์เอามือไขว้หลังผินหน้าไปมองเฒ่าภามด้วยสายตารู้เท่าทัน

     

    ข้านะรึทำเกินไป...ข้าเพียงแค่มาช่วยเหลือไอ้โคจรมันเท่านั้นเอง

     

    เฒ่าชราถลึงตาปูโปนมองอย่างแค้นเคือง   จนลืมแล้วสิ้นถึงสถานะต่ำต้อยของตนเองกับสถานะสูงส่งของบุรุษท่านตรงหน้า

     

    นี่มันเป็นเรื่องความแค้นระหว่างข้ากับไอ้โคจร  เจ้าพ่อองครักษ์เช่นท่านไม่ควรเข้ามาก้าวก่าย

     

    เมื่อจบคำพูดถือดีของชายร่างผอมเกร็ง   จากแววตาอารีของเจ้าพ่อองครักษ์กลับกลายเป็นหน้าเคร่งขรึมลง  แล้วเอ่ยด่าสวนตอกหน้ากลับไปว่า

     

    ไอ้ภาม! มึงมันใจบาปหยาบช้าผู้เขาตายไปแล้ว   มึงนั้นยังมาอาฆาตไม่ยอมเลิกราคิดจะรุกรานเขาอีก กูอยากรู้จริงๆว่าจิตใจของมึงมันทำด้วยอะไร

     

    แต่เรื่องนี้มันหาเกี่ยวกับท่านไม่

     

    ทำไมจะไม่เกี่ยวในเมื่อกูมีหน้าที่คอยดูแลเหล่าดวงวิญญาณทุกดวงให้ไปสู่เส้นทางที่ถูกต้อง มึงนั่นแหละที่ต้องถอยไปไม่งั้นจะหาว่ากูไม่เตือน

     

    ด้วยสายตาเอาจริงประกอบกับท่าทางทรงอำนาจทำให้พ่อมดเฒ่าเริ่มมีทีท่าลังเล...จริงอยู่ว่าเขานั้นมีอิทธิมีอำนาจมากมายแต่ก็มิอาจเทียบชั้นกับท่านผู้นี้ได้   หากฝืนดันทุรังสู้ก็มีแต่จะตายเปล่า   เหมือนเอาไม้ซีกไปงัดไม้ซุง   ถอยไปตั้งหลักก่อนจะดีกว่า

     

    เมื่อนึกคิดคำนวนถึงความเสี่ยงที่จะต่อสู้แพ้อีกฝ่ายนั้นมีมากว่า เฒ่าภามจึงทำได้แค่กัดฟันกรอดที่จำใจต้องปล่อยโคจรให้รอดพ้นก่อนจะลี้หนีหายไป

     

    ขอบพระคุณเจ้าพ่อองครักษ์มากนะขอรับ  ที่ช่วยเหลือมิให้ข้าตกเป็นทาสรับใช้ของคนชั่วเช่นนั้น

     

    ไม่เป็นไรเอ็งมันคนดีข้าจึงมาคุ้มครอง  แต่ก็หาใช่มาช่วยเพียงอย่างเดียวหรอกนะ...เพราะมีผู้ฝากไหว้วานข้าให้มาพาเอ็งไปพบ

     

    ใครรึขอรับ

     

    ชายชราไม่ตอบแต่พยักหน้าให้อีกฝ่ายลุกเดินตามมา

     

    เจ้าพ่อองครักษ์พาวิญญาณของโคจรล่องลอยลัดเลาะเข้าป่าลึกไปเรื่อยๆ  ไม่เร่งรีบ  ไม่เนิบนาบ จวบจนปรากฏภาพต้นไม้ใหญ่ยืนเด่นเป็นสง่าอยู่หนึ่งต้น ปรากฏว่ามีพระภิกษุชราหนึ่งรูปกำลังนั่งสมาธิอยู่ ใต้ต้นไม้นั้น   เมื่อได้ลองเพ่งมองดูดีๆแล้วโคจรก็จำได้ทันทีว่าพระรูปนั้นคือผู้ใด

     

    สองตาที่หลับนิ่งค่อยๆลืมขึ้นมาเมื่อรับรู้ได้ถึงการมาเยือนของโคจรและเจ้าพ่อองครักษ์

     

    วิญญาณพญากุมภีร์ก้มลงกราบภิกษุชราด้วยความรู้สึกเลื่อมใสศรัทธาโดยไม่นึกถือทิฐิอดีตเมื่อครั้งเก่าก่อน

     

    นมัสการขอรับหลวงตา

     

    เจริญพรเถิดโยม

     

    หลวงตามองดูวิญญาณตรงหน้าด้วยแววตาสงบเยือกเย็น  ดั่งเช่นวิญญาณของโคจรที่นั่งพนมมือมองภิกษุชราด้วยดวงจิตอันสงบนิ่งเช่นเดียวกัน  โดยมีเจ้าพ่อองครักษ์ที่เฝ้ามองบุคคลทั้งสองอย่างอิ่มเอมใจอยู่เงียบๆ

     

    นานมากแล้วนะที่อาตมาไม่ได้มานั่งสนทนากับโยมแบบนี้นับตั้งแต่เหตุการณ์ในครั้งนั้น

     

    ขอรับ...นานมากแล้วจริงๆ

     

    ภิกษุชรานิ่งเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจเอ่ยวาจาที่ติดค้างอยู่ในใจท่านมาตลอดหลายสิบปีออกมา... 

     

    ถ้าอาตมาจะขอร้องให้โยมอโหสิกรรมกับอดีตที่เคยอาตมาและผู้อื่นที่เคยกระทำสิ่งไม่ดีทั้งหมดไว้กับโยมในอดีต.....โยมจะให้สิ่งที่อาตมาขอได้หรือไม่?

     

    คราวนี้กลายเป็นฝั่งโคจรบ้างที่ต้องนั่งนิ่งเงียบไป  จนทำให้บรรยากาศในป่าที่เงียบสงัดยิ่งกลายเป็นเงียบเข้าไปอีก   จนทำให้เจ้าพ่อองครักษ์ที่ยืนมองอยู่ห่างๆยังนึกใจเสีย   กลัวว่าโคจรจะไม่ยอมละทิฐิในอดีตยอมอโหสิกรรมตามคำขอของหลวงตาคง

     

    ...โคจรเอ๋ยถ้าเจ้าไม่ยอมอโหสิกรรมให้อภัยกับเรื่องราวในอดีต พวกเจ้าทุกคนก็ต้องเกิดมาเวียนว่ายสร้างเวรสร้างกรรมวนเวียนกันไม่มีจบหลายภพหลายชาติเป็นแน่แท้   ข้าขอภาวนาให้เจ้าตัดสินใจได้ถูกต้องด้วยเถอะนะ

     

    เหตุใดกระผมต้องอโหสิกรรมให้หลวงตาและผู้อื่นด้วยละขอรับ

     

    โคจรก้มกราบหลวงตาคงเพื่อแสดงถึงความเลื่อมใส ศัทธา ในผ้าเหลืองและผู้ถือศีล  ไร้ซึ่งความเกลียด  ความชิงชังในหัวใจ

     

     ในเมื่อกระผมลืมสิ้นเรื่องบาดหมางในอดีตของเราทุกคนไปจนหมดสิ้นนานแล้ว

     

    ทั้งคำตอบและการกระทำของโคจรที่แสดงออกมา   ทำให้เจ้าพ่อองครักษ์ถึงกับเผลอถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เชกเช่นเดียวกับหลวงตาคงที่ยิ้มรับคำตอบนี้ด้วยความสบายใจ...เท่านี้บ่าสองข้างที่ถูกถ่วงหนักอยู่ก็ได้ถูกยกออกไปเสียที   ช่างเบาสบายเหลือเกิน

     

    แค่นี้อาตมาก็พอใจแล้ว

     

    หลวงตาคงกล่าวไว้แค่นี้แล้วเริ่มหลับตานั่งสมาธิแผ่เมตตาให้กับโคจรต่อไป   ทำเอากุมภีร์หนุ่มก้มลงกราบลาอย่างรู้สึกปิติยินดีและซาบซึ้งกับการได้รับผลบุญอันยิ่งใหญ่ที่ได้รับจากจากภิกษุชรา

     

    ข้านามโคจรขอตั้งจิตอธิษฐานให้ห่วงโซ่กรรมบ่วงนี้จงสิ้นสุด ณ ที่ตรงนี้เถิดอย่าได้ทักถอ  คล้องเป็นบ่วงยาวไปถึงชาติต่อไปเลยเถิด

     

    ...สาธุ...

     

     

    **************************************

    สาธุด้วยคน   ที่เขียนตอนแบบนี้ขึ้นมาเพราะอยากให้ทุกคนบนโลกใบนี้เลิกโกรธ  เลิกเกลียดกันจังเลย
    เพราะมองไปทางไหนก็มีแต่คนทะเลาะกัน  ด่ากัน   ไม่พอใจกัน
    จนน่าอึดอัดกันไปหมด  

    ไรเตอร์ก็ชอบโมโห  ชอบบ่นนะ  แต่แป๊ปเดียวก็หาย  ไม่รู้จะโกรธกันนานๆไปทำไม
    หนักใจตัวเองด้วย  เลยขี้เกียจโกรธนาน

    ปล.ขอยืนยันคำเดิม  มันค่อยมีมาม่าหรอกเรื่องนี้  แต่จะมีก็แค่คลุกคลิกเล็กน้อย
    ให้บีบหัวใจเล่น  เพราะไม่ต้องต้มน้ำนะ

    ส่วนใครนึกภาพเจ้าพ่อองค์รักษ์ไม่ออก  ก็ขอให้ลองไปหาดูละครไทยเก่าดูนะเรื่องปู่โสมเฝ้าทรัพย์
    ที่กบ  สุวนันท์เล่นเป็นตัวเอกนะจ๊ะ  แล้วจะรู้ว่าปู่โสมเท่และพูดคำคมเจ๋งแค่หน่าย
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×