ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ไกรทอง ชาละวันxไกรทอง (yaoi)

    ลำดับตอนที่ #6 : ไกรทอง ตอนที่ 3 (แก้ไข)

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 7.03K
      54
      1 มี.ค. 58

     

    อากาศยามเช้าวันนี้ช่างเย็นสบายท้องฟ้าปลอดโปร่งไร้เมฆบัง  เด็กเล็กทั้งหลายพากันวิ่งเล่นสนุกสนานเต็มบริเวณลานวัด  ส่วนชาวบ้านทั้งหนุ่มทั้งสาวและผู้เฒ่าผู้แก่พากันนั่งพับเพียบพนมมือตั้งใจฟังเทศน์ ฟังธรรมอยู่บนศาลา  ยิ่งวันนี้เป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาชาวบ้านนั้นก็ยิ่งตั้งอกตั้งฟังเพื่อรับผลบุญ ผลกุศลให้เต็มที่

     

    พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้แล้วอย่างชัดเจนว่า เกิดมาในโลกมนุษย์นั้นมีแต่ความทุกข์หาความสุขจริงๆไม่ได้ คนมีเงินมีทองมากมายก่ายกองก็เต็มไปด้วยความทุกข์ ที่ไม่มีเงินต้องหาเช้ากินค่ำ หาค่ำกินเช้า ก็มีแต่ความทุกข์ ไม่มีคนไหนมีความสุขอย่างแท้จริง

     

    ความทุกข์  ความยาก  ความลำบากมีตั้งแต่อยู่ในท้องแม่ถ้าท่านย้อนจำความได้ตอนที่คุดคู้อยู่ในท้องมาจะมีความ สุขอะไรเล่า

     

    ดังเช่นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงแก่พระอานนท์ว่า

     

    ต้องแก้ซิ   ต้องแก้ปัญหาให้หมดไป   เหตุเกิดที่ไหน  ต้องแก้ที่นั่น

     

    เราก็ตั้งจิตบำเพ็ญ  จิตภาวนา  กำหนดจิตด้วยการทำงาน  จิตก็แสดงออกด้วยปัญญาจริงต่อการงาน  จริงต่อหน้าที่  จริงต่อวาจา  จริงต่อบุคคล  จริงต่อความดี

     

    คนที่ไม่เคยฝึกกรรมฐานไว้ จิตจะสงบยาก สาเหตุที่จิตไม่สงบมี 8ประการ คือ 1.มีไม่พอ  2.ถูกเบียดเบียนจิตใจ      3.โรคภัยไข้เจ็บเบียดเบียน  4.อวัยวะไม่ตั้งอยู่ในความปกติ  5.สิ่งแวดล้อมดึงไปในทางชั่ว 6.ครอบครัวไม่มีความสุข  7.มีเวลาว่างมากเกินไป  8.มัวเมาอบายมุข

     

    ขอให้โยมตั้งใจทำกรรมฐาน อย่าทำจิ้มๆจ้ำๆ ต้องกำหนดสติอยู่ตลอดเวลา กระทั่งกลับไปอยู่บ้าน ต้องทำที่บ้านด้วย  กำหนด ตา หู จมูก ลิ้น กายใจ ยืน เดิน นั่ง นอน เหลียวซ้าย แลขวา คู้แขน เหยียดขา กำหนดกายเวทนาจิตธรรมให้ครบ เดินไปไหนต้องตั้งสติไว้ จะได้รู้วาระจิตของตนและของคนอื่น จะได้แก้ปัญหาตรงนั้น ไม่ใช่แก้ปัญหาไปเอาเจ้ามาเข้าทรงเป็นที่พึ่งแล้วไหว้ผีสางกัน

     

    และนี้ก็คือหนทางดับทุกข์  ดับปัญหาต่างๆ ถึงแม้จะไม่จางหายหรือหมดสิ้นไป แต่อย่างน้อยก็อาจจะสามารถบรรเทาเบาบางลงได้บ้าง   เจริญพรเถิดโยมทั้งหลาย

     

    สาธุ” 

     

    เสียงตอบรับการฟังเทศนาดังขึ้นอย่างพร้อมเพียง เหล่าชาวบ้านต่างพากันก้มกราบลาและทยอยเดินออกจากศาลาลงไปร่วมงานด้านล่าง  ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มอิ่มเอิบกับรสพระธรรมกันถ้วนหน้า

     

    ครั้นเมื่อเห็นว่าชาวบ้านบางตาลงไปมากแล้ว ชายคนหนึ่งจึงได้พาเด็กชายตัวน้อยคลานเข้าไปหาพระสงฆ์ชรารูปหนึ่งที่ยังคงนั่งอยู่บนธรรมมาส

     

    นมัสการขอรับหลวงตา

     

    เด็กน้อยเห็นพ่อก้มกราบเจ้าตัวน้อยก็ก้มกราบตามด้วยกริยาอันนอบน้อม  ทำให้พระชรามองดูอย่างนึกเอ็นดูก่อนจะเบนสายตามองชายอีกคนด้วยแววตาอ่อนโยนปนโศก

     

    เอ็งสบายดีรึขุนไกร

     

    สบายดีขอรับหลวงตา...หลวงตาละขอรับสบายดีรึไม่?”

     

    ข้าสบายดีขอบใจนะที่เป็นห่วง

     

    ชายที่นามว่าขุนไกรยิ้มเล็กน้อยกับความห่วงใยที่ท่านยังคงมีให้เสมอมาไม่เคยเปลี่ยนแปลง

     

    กระผมพาไกรทอง  ลูกชายของกระผมมากราบหลวงตานะขอรับ

     

    พระชรานึกย้อนไปถึงเมื่อครั้งที่เคยได้รับจดหมายจากขุนไกร ที่เขียนส่งข่าวจากคุ้งใต้มาหาว่าตัวมันนั้นได้ลูกชายคนหนึ่ง

     

    อือ...มองดูดีๆแล้วเจ้าไกรทองก็ดูมีเค้าเหมือนเจ้าขุนไกรจริงๆ ทั้ง ตา จมูกปาก ส่วนผิวพรรณคงได้แม่มาสินะ

     

    นึกออกแล้ว...โตขึ้นเยอะเลยนะ ไกรทอง

     

    ไกรทองไม่ตอบอะไรนอกจากนั่งมองพระชราด้วยความสนอกสนใจ  ผิวหนังเหี่ยวย่นบ่งบอกสังขารที่บัดนี้ได้ล่วงโรยไปตามกาลเวลา  แต่ถึงกระนั้นตามร่างกายท่านยังคงมีรอยสักเมื่อครั้งอดีตปรากฎอยู่เต็มร่างกายไม่ได้เลือนจางหายไปแสดงให้เห็นว่าตอนหนุ่มๆท่านนั้นเก่งกล้าสามารถเพียงใด

     

    แววตาสนใคร่รู้ของเด็กน้อยที่มองมา  ท่านก็ไม่ว่าอะไรนอกจากยิ้มในแววตาอย่างเอ็นดู แล้วหันไปพูดคุยสารทุกข์สุกดิบกับขุนไกรแทน

     

    กระผมเห็นว่าเจ้าไกรมันโตพอที่จะเดินทางไกลได้แล้ว  กระผมจึงได้พามันมาหาท่านที่คุ้งเหนือนี่ละขอรับ

     

    ขอบใจแต่ไม่เห็นต้องลำบากลำบนเดินทางมาถึงที่นี่ก็ได้นะขุนไกร

     

    แต่กระผมอยากจะพามันมากราบตาแท้ๆของมัน  ก่อนที่หลวงตาจะเข้าไปธุดงค์ในป่าหลังจากออกพรรษานี้ขอรับ

     

    ใช่.....ไกรทองเคยได้ยินพ่อบอกให้ฟังเสมอว่า ตัวเขาเองก็ยังมีหลวงตาเป็นญาติอีกคนหนึ่ง ท่านชื่อว่าหลวงตาคงตอนนี้บวชเป็นเจ้าอาวาสวัดอยู่คุ้งเหนือ

     

    พ่อ...ถ้าเรามีญาติอยู่คุ้งเหนือแล้วทำไม เราถึงไม่อยู่ที่คุ้งเหนือด้วยกันละ? อยู่คุ้งใต้ทำไม?

     

    ไกรทองเคยถามคำถามนี้กับพ่อหลายครั้ง และก็จะได้คำตอบแบบเดิมๆทุกครั้งว่า เพราะพ่ออยากมาสร้างหลักสร้างฐานกับแม่เอ็งที่คุ้งใต้นะสิวะถามได้

     

    แต่สิ่งหนึ่งที่เขาสงสัยคือ  ทำไมเวลาพ่อตอบคำถามนี้จะต้องหลบสายตาทุกครั้งราวกับมีเรื่องปิดบังอะไรไว้อยู่

     

     “ถ้างั้นก็ขอขอบใจที่เอ็งยังนึกถึงกันอยู่...เอาล่ะตอนนี้เอ็งพาลูกลงไปร่วมทำบุญกับชาวบ้านด้านล่างกันดีกว่านะ

     

    หลวงตาคงเห็นว่าสมควรแก่เวลาที่ท่านต้องขอตัว  และที่สำคัญวันนี้เป็นงานใหญ่ครั้นจะให้หลานชายตัวน้อยมานั่งฟังผู้ใหญ่พูดกันทั้งวันคงจะเบื่อ สู้ให้เจ้าขุนพาลูกไปเที่ยวเล่นกับชาวบ้านให้สนุกสนานย่อมจะดีกว่า ...ถ้าวันไหนคิดถึงค่อยให้พ่อมันพามาหาก็ได้

     

    ถ้าเช่นนั้นกระผมคงต้องขอกราบลาล่ะขอรับ...จริงสิไหนๆก็มาถึงที่นี่ทั้งที ถ้าไม่แวะไปเยี่ยมไอ้คำให้มันเห็นหน้า มีหวังด่ากระผมไม่ยอมหยุดยันเจ้าไกรจะบวชแน่ๆ”  หลวงตาคงยกปากยิ้มเล็กๆเห็นด้วยกับชายหนุ่ม

     

    แต่ก่อนที่สองพ่อลูกจะคลานออกไป  หลวงตาคงได้ยื่นของสำคัญสิ่งหนึ่งออกมาให้แก่ขุนไกร

     

    ตะกรุดนิขอรับ

     

    ช่วงนี้เอ็งกำลังมีเคราะห์กรรมอย่างหนักเข้ามาในชีวิต...เอ็งจงเอาตะกรุดนี้ไปคล้องคอเอาไว้เพื่อจะได้แคล้วคลาดจากภยันอันตรายทั้งปวง”  ...ข้าคงได้แต่หวังว่าตะกรุดอันนี้จะสามารถช่วยเอ็งให้รอดพ้นจากกรรมเก่าได้ดั่งคำพูดของข้า  เพราะแท้ที่จริงผู้ที่ผูกบ่วงทั้งหมดนั้นคือข้า  ส่วนเอ็งและผู้อื่นล้วนเป็นผู้รับผลกระทบจากกรรมของข้าทั้งสิ้น

     

    ขุนไกรรับมาสวมใส่คออย่างเชื่อฟังแล้วจึงค่อยๆคลานออกไป  โดยที่ทั้งสองพ่อลูกไม่ได้สังเกตเห็นความกังวลใจบางอย่างจากในแววตาของหลวงตาคง

     

    เมื่อเจ้าตัวเล็กก้าวเท้าลงมาจากศาลาฟังธรรมที่เงียบสงบ  ก็ลงมาพบกับเสียงหัวเราะและรอยยิ้มสนุกนานบนใบหน้าของชาวบ้านที่ล้วนเดินกันไปมาขวักไขวจนเต็มลานวัดจนถึงท่าน้ำ

     

    สิ่งที่ไกรทองเห็นในยามนี้คือ ภาพของชาวบ้านชายวัยฉกรรณ์หลายคนกันช่วยกันอัญเชิญ พระประธานพระพุทธรูปประจำวัดใส่ลงบุษบกในตัวเรือแล้วแห่ไปตาม แม่น้ำ  โดยมีชาวบ้านที่อยู่บนฝั่งพาโยนดอกบัวหรือไม่ก็ข้าวต้มลูกโยน   ที่เป็นข้าวต้มมัดห่อด้วยใบมะพร้าวแทนใบตอง ให้ตกในเรือหน้าพระพุทธรูปกันอย่างครื้นเครง

     

    พ่อ ชาวบ้านเขาทำอะไรกันอยู่เหรอ?”  ไกรทองแหงนหน้ามองอย่างไม่เข้าใจและไม่เคยเห็นประเพณีเช่นนี้

     

    อ๋อ!สิ่งที่ลูกเห็นอยู่นั่นนะเราเรียกว่า พิธีรับพระนิยมทำในเขตหมู่บ้านที่ติดกับแม่น้ำ ลำคลอง  ถือว่าเป็นพิธีสำคัญอีกอย่างหนึ่งในวันออกพรรษา  ที่หมู่บ้านเราไม่มีให้เห็นหรอกมีแต่ที่หมู่บ้านนี้แหละที่นิยมจัดประเพณีนี้

     

    ไกรทองยืนชะเง้อมองดูเหล่าเด็กน้อยวัยใกล้เคียงกันกำลังสนุกสนานกับการโยนดอกบัว โยนข้าวต้ม ใส่ตัวเรือ

     

    ลูกอยากลองโยนดอกบัวดูไหม?”

     

    เด็กน้อยเงยหน้ามองพ่อก่อนจะส่ายหน้าเป็นเชิงปฏิเสธ ...เขาไม่อยากเข้าไปเบียดคนเยอะแยะ   แค่ยืนดูตรงนี้ก็เพียงพอแล้ว

     

    ท่าทางเฉยเมยไม่นิยมเข้าร่วมสนุกสนานตามวัย  ทำให้คนเป็นพ่อต้องฉงน...ลูกกูคนนี้ไปได้นิสัยเก็บตัวมาจากใครว่ะ  หรือจะเป็นนิสัยส่วนตัว...อืม...ไม่ได้ๆหากปล่อยทิ้งไว้เดี๋ยวจะชอบเก็บตัวอยู่คนเดียว

     

    ถ้าลูกไม่อยากไปก็ไม่เป็นไร  งั้นพ่อจะพาลูกไปหาเพื่อนของพ่อแล้วกันนะ...ไม่เจอหน้ากันหลายปีผมมันคงจะล้านเป็นขุนช้างไปแล้วแน่ๆ”  ขุนไกรเอ่ยนินทาสหายคนสนิทที่ห่างหายกันไปนานด้วยอารมณ์คึกคัก  ยิ่งนึกถึงวันคืนเก่าๆที่เที่ยวลากมันไปสร้างวีรกรรมเสียทั่วหมู่บ้านจนเป็นที่กล่าวขาน

     

    ...คิดถึงไอ้คำจริงๆ  จากข่าวล่าสุดเห็นว่าได้ลูกสาวฝาแฝดอ่อนวัยกว่าเจ้าไกรสักขวบปีเห็นจะได้  

     

    ลุงคำนะเหรอ?

     

    ใช่  พ่ออยากให้ลูกเจอเจ้านั่น เผื่อในวันข้างหน้าลูกจะพึ่งพาอาศัย”  เจ้าน้อยยืนกอดอกครุ่นคิดตามวิสัยที่ชอบทำ  จนขุนไกรต้องแอบหัวเราะในใจกับท่าทางเกินวัยของลูกชาย...หยั่งกับตาแก่ตัวน้อยๆเลยวุ้ย

     

    ไปวันอื่นได้ไหมจ๊ะ  วันนี้ไกรอยากให้พ่อพาไปที่บ้านของเรามากกว่า

     

    บ้าน?...หลังนั้นนะเหรอ?

     

    บ้านหลังเก่าที่เขาเคยอาศัยอยู่...บ้านที่เต็มไปด้วยความทรงจำ  ...ทั้งเงียบเหงายามที่ต้องอยู่เพียงผู้เดียว... ทั้งสุขที่เคยมีคนรักเคียงข้างกาย ...และเสียใจที่ได้เคยกระทำผิดพลาด

     

    เขายอมทิ้งอดีตทุกอย่างไว้ที่นี่เพื่อจะได้ไม่ต้องคิดถึงมัน...แม้จะไม่เคยทำสำเร็จก็ตาม 

     

    นะจ๊ะพ่อจ๋า  ไกรทองอยากเห็น”  ขุนไกรมองสายตาแวววาวบริสุทธิ์ใสของลูกรัก...มันถึงเวลาแล้วใช่ไหม?ที่เขาจะต้องเผชิญหน้ากับอดีตที่เคยวิ่งหนี...ไม่ใช่สิ  เขาควรจะต้องทำใจไว้แล้วหลังจากที่ตัดสินใจพาลไกรทองกลับมาที่หมู่บ้าน

     

    มือสากอบอุ่นจูงมือเล็กนิ่มพาเดินไปยังสถานที่ที่ลูกอยากจะไป  งั้นเราไปที่บ้านกันเถอะ

     

    ในบริเวณไม่ไกลกันนัก ท่ามกลางผู้คนมากมายปรากฎให้เห็นเด็กผู้ชายวัยประมาณสิบสอง สิบสามขวบกำลังยืนถือดอกบัวพนมมืออธิษฐานด้วยใบหน้าและราศีเจิดจรัสกว่าคนทั่วไป  ช่างดูโดดเด่นจับตาแม้จะอยู่ในชุดชาวบ้านธรรมดาๆ

     

    แม้อายุจะยังน้อยแต่หน้าตากลับงดงามจนแยกเพศแทบไม่ออก  หากแม้นเจ้าตัวไม่ได้อยู่ในชุดผู้ชายย่อมต้องถูกเข้าใจว่าเป็นเด็กผู้หญิงแน่ๆ...ไม่เคยเห็นหน้าค่าตา สงสัยจะเป็นเด็กจากหมู่บ้านอื่น 

     

    ท่านชาละวันขอรับได้เวลาที่เราจะกลับกันแล้วนะขอรับ

     

    เด็กชายปรายตามองผู้เอ่ยเตือนทางด้านหลังอย่างนึกเหนื่อยหน่าย...กว่าจะหาโอกาสขึ้นมาด้านบนได้  ข้าว่าจะไปเดินเล่นสักหน่อย  ...แต่ถึงยังงั้นชาละวันก็พยักหน้าเป็นเชิงบอกว่า เข้าใจแล้วและจึงค่อยโยนดอกบัวในมือไปที่หน้าองค์พระก่อนจะเดินจากไป

     

    แม้จะน่าเสียดายที่อดเที่ยวแต่ช่างมันเถอะ  ไว้วันหลังแล้วกัน...

     

     น้องทองดูพวกเขาสิ  แข่งดำน้ำกันใหญ่เลย ...น่าสนุกจังเลยนะ” 

     

    เสียงแหลมเล็กเรียกเด็กหญิงข้างกายคอยชี้ชวนให้ดูสิ่งน่าสนใจ ก็พบว่าเจ้าหล่อนยืนเหม่อมองไปอีกทิศทางหนึ่งที่ โดยที่ไม่สนใจเสียงร้องเรียกของเธอเลยสักนิด

     

    น้องทอง”  เอ๊! น้องเรานี่แปลกจริงๆเรียกชื่อเสียงขนาดนี้ก็ยังไม่ได้  ...ทางนั้นมีอะไรน่าสนใจงั้นรึ?

     

    น้องตะเภาทอง!!!

     

    เจ้าของชื่อสะดุ้งตกใจรีบหันกลับมาหาเด็กหญิงหน้าตาคล้ายคลึงกับตนเองยืนจ้องมองมา

     

    ตกใจหมดเลย มีอะไรเหรอพี่แก้วเรียกซะเสียงดังเชียว?”

     

    น้องต่างหากเป็นอะไรหรือปล่าว พี่เห็นน้องยืนเหม่อมองหาอะไรอยู่นานแล้ว  เจออะไรน่าสนใจเข้าเหรอ?

     

    ตระเภาทองเอ่ยปากพึมพำเบาๆว่า ไม่มีอะไร’...แม้จะรู้ว่าคำถามนั้นไม่มีอะไรแอบแฝงแต่เธอก็รู้สึกเขินอายที่จะกับสบตากับพี่สาว  จึงเลือกรีบเดินหนีจากไปแทน

     

     เดี๋ยวสิ! น้องทองรอพี่ด้วย

     

    ขณะนั้นเองขุนไกรก็พาเจ้าลูกชายตัวน้อยเดินลัดเลาะมาตามลิ่งตลิ่งข้างลำคลองจากวัดมาจนถึงบ้านหลังหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ติดกับลำคลองสายเล็กๆ   บ้านหลังนี้มีขนาดกำลังพอดีไม่ใหญ่ไม่เล็ก สร้างจากไม้ทั้งหลังมีระเบียงดูน่าอยู่ดี   

     

    แปลกจัง  ทั้งที่ข้าจากไปอยู่คุ้งใต้นานตั้งหลายปีแต่ตัวบ้านกลับไม่ดูทรุดโทรมเลยสักนิด  ขนาดหญ้ารอบบ้านก็ยังถูกถางเสียจนโล่งเตียน...สงสัยต้องเป็นไอ้คำแน่ๆที่ช่วยดูแลระหว่างที่ข้าไม่อยู่  ช่างสมกับเป็นเพื่อนรักของข้าจริงๆ

     

     ขุนไกรเดินเข้าไปลูบตัวบ้านด้วยความรู้สึกแสนอาลัยและคิดถึงยิ่งนัก

     

    ที่นี่ล่ะไกรทอง......บ้านของพ่อ” 

     





              

                                 *****************ความรู้ท้ายตอน***************

                 วิธีทำกระทงพร้อมภาพประกอบจะเอามาลงวันหลังนะค่ะคือมันมีปัญหากับการลงภาพนิดหน่อย   แต่ถ้าอยากรู้ว่าการทำกระทงทั้งสามแบบนั้นทำยังไงให้ดูที่เว็บนี้นะค่ะ



    http://talk.mthai.com/topic/78541

     

    http://www.baanmaha.com/community/thread50239.html

     

    https://www.gotoknow.org/posts/423982

     

    https://www.gotoknow.org/blog/baitong-nfe

     

     
     
     





              
     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×