คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : เนตรดาวพยากรณ์
แม้แสงขาลจะบอกความต้องการของตนไว้ก่อนแล้ว ว่าเขาต้องการเสื้อผ้าแค่สามชุดเท่านั้น แต่การให้พลรบเป็นผู้จัดการธุระในครั้งนี้ ทำให้แสงขาลได้ชุดเพิ่มขึ้นมาอีกสอง และกางเกงขาสั้นอีกหนึ่ง พร้อมบรรดาข้าวของอีกจิปาถะ และเมื่อเดินเลือกซื้อของจนบ่ายคล้อย หญิงแท้ ๆ คนเดียวในกลุ่มเริ่มบ่นกระปอดกระแปด
“ไม่ต้องห่วงน่า ของแค่นี้ขนหน้าแข้งท่านพลเอกพนาไม่ร่วงหรอก” พลรบปลอบกึ่งเย้า เพราะเริ่มจะรู้ตัวว่าตนเองเลือกของแบรนด์เนมมามากเกินความจำเป็น แถมแต่ละชิ้นสีฉูดฉาดล่อตาล่อใจ ของที่อยากได้เมื่อซื้อกันคนละสองชิ้นก็ปาเข้าไปครึ่งโหล ได้โปรโมชั่นราคาพิเศษสุด ๆ ทำเอาพลรบมือไม้สั้น ส่งเสียงอืมอาอยู่ในคอเป็นระยะ
“ฉันไม่ได้ใช้เงินคุณพ่อย่ะ แล้วก็ห่วงหน้าแข้งตัวเองนี่ละ เมื่อยจนจะก้าวขาไม่ออกแล้ว” มินตราหน้างอง้ำ เริ่มกอดอกด้วยอาการไม่สบอารมณ์
“น่า...ของฉันน่ะหมดแล้ว เหลือก็แต่ของคุณแสงขาลเขา” พลรบเอาเสื้อแจคเก็ตสีดำมาลองทาบกับตัวของแสงขาล และแอบใช้ปลายนิ้วกดลงที่มัดกล้ามแน่น ๆ บนหน้าอกของชายหนุ่มอย่างรวดเร็ว “ตัวนี้ไม่มีโปรโมชั่น แพงหน่อยแต่ฉันว่าเหมาะ” พลรบทำท่าทางคิดหนัก สายตาก็ไล่สำรวจไปทั่วร่างกำยำ “อืมม์ ไปห้องลองดีกว่า ประเดี๋ยวไม่พอดี เสียดายเงินแย่”
“แน่ะ ๆ” มินตราหลิ่วตาล้ออย่างรู้ทัน
“นี่ฉันคิดจริง ๆ นะมินนี่ แจ๊คเก็ตอีกสักตัวน่าจะดี เผื่อจำเป็นต้องใช้สวมทับเสื้อผ้าที่ซื้อมา ก็ดูสุภาพขึ้นทันที”
มินตราพยักหน้าส่ง ตัดความรำคาญ “ตัวสุดท้ายให้จริงนะ” ร่างเล็กทิ้งน้ำหนักทั้งหมดลงบนเก้าอี้รับแขกของร้าน วางถุงข้าวของสารพัดขนาด กองบนพื้นรายรอบปลายเท้า มองแผ่นหลังกำยำของสองร่างที่เดินลิ่วเข้าห้องลองเสื้อ นึกอยู่ในใจว่า อันที่จริงแค่เสื้อแจคเก็ตตัวนอก ลองใส่เสียในร้านเลยก็หมดเรื่อง ไม่รู้ว่าเพื่อนซี้อยากบริการอย่างไม่ขาดตกบกพร่องตามปกตินิสัย หรือเป็นเพราะอยากเห็นมัดกล้ามจะๆ ของแสงขาลกันแน่ พอคิดว่าประเด็นหลังน่าจะมีน้ำหนักมากกว่าประเด็นแรก มินตราก็แอบยิ้มออกมาคนเดียว
ผิดกับพลรบ ซึ่งดูเคร่งเครียดขึ้นในทันทีที่เข้าห้องลองเสื้อ ท่าทีที่เขาแสดงใส่แสงขาลผิดกันราวกับเป็นคนละคนจากเมื่อครู่ เวลานี้ผู้กองพลรบไม่มีเค้าของความเป็น ‘เพื่อนสาว’ ของมินตราเหลืออยู่แม้แต่น้อย
“มินนี่ เล่าให้คุณฟังแล้วใช่ไหมว่า ผมมีอาชีพอะไร” พลรบยืนจังก้า กอดอกเผชิญหน้ากับแสงขาล ดวงตาของทั้งสองฝ่ายจ้องโต้ตอบกันอย่างเปิดเผย ไม่มีวี่แววความอ่อนโยน หรือจริตจะกร้านหลงเหลือ ผู้กองหนุ่มรู้สึกเช่นเดียวกับตอนปฏิบัติหน้าที่ แม้ว่าจะไม่ได้อยู่ในเครื่องแบบก็ตาม
“ตำรวจ” เขาตอบเรียบๆ ตะแคงหน้ามองเพื่อนใหม่อย่างแปลกใจในที่ท่าที่เห็น
“ปกติมินนี่ไม่เคยถูกใครหลอกง่ายๆ คุณบอกผมมาดีกว่า ว่าคุณใช้กลอะไร หรือเอายาอะไรใส่ให้เพื่อนผมกิน มินนี่ถึงได้เชื่อคุณ”
“คุณหมายถึงเรื่องที่ผมเป็นเสือหรือเปล่า คุณตำรวจ” แสงขาลเรียกเขาอย่างห่างเหินบ้าง
“ใช่” พลรบตอบเสียงหนักแน่น “หรือคุณมีเรื่องไม่ชอบมาพากลมากกว่านี้”
แสงขาลถอนใจ “ผมไม่อยากทำแบบนี้เลย และอยากให้ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย” พูดจบชายหนุ่มก็ถอดเสื้อออกอย่างรวดเร็ว เขาสูดหายใจลึกพยายามกดเก็บเสียงคำราม ที่ร่ำจะเปล่งออกจากลำคอ ผ่อนลมหายใจออกช้า ๆ เพื่อรับกับสภาพร่างกายที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
“คุณพระ”
นายตำรวจหนุ่มเบิกตากว้าง ยกสองมือกุมไว้เหนือริมฝีปาก จริตแบบ ‘เพื่อนสาว’ เริ่มกลับมา แต่ก็ยังพยายามควบคุมสติให้มั่น สำรวจความเปลี่ยนแปลงทุกอณูร่างกายของผู้ชายตรงหน้าอย่างตั้งอกตั้งใจ เรื่องเหลือเชื่อที่เคยคิดว่ามีแต่เพียงในภาพยนตร์กำลังเกิดขึ้นต่อหน้า บางอย่างที่เต็มไปด้วยความอัศจรรย์ กำลังปรากฏขึ้นในระยะประชิดตัว
พลรบนั่งก้มหน้าไล่ดูรายชื่อกว่าสิบชื่อที่นักพยากรณ์คนงามส่งให้ เพียงไล่สายตาผ่าน ๆ ก็พบว่าหลายชื่อเป็นชื่อสะกดยาก จนต้องตั้งใจอ่านดี ๆ แต่เขาก็ไม่ได้หยุดสายตาเพื่อจะอ่านชื่อใดเป็นพิเศษ จะว่าไปแล้วเขาแทบไม่มีกะจิตกะใจเลือกชื่อใหม่ให้ตัวเองเลยในยามนี้เลยด้วยซ้ำ เพราะทั้งหมดในสมองยามนี้เต็มไปด้วยเรื่องประหลาดเมื่อนาทีก่อนที่เขาได้เห็นมากับตา ชายหนุ่มจึงพับกระดาษรายชื่อทบไปมาแล้วเก็บไว้ในกระเป๋าอย่างเรียบร้อย
“ผมยังตัดสินใจตอนนี้ไม่ได้ ต้องขอเวลาอีกสักพักครับ”
เจ้าของร้านพยากรณ์ เป็นสาววัยในวันยี่สิบปลาย ๆ แต่งตัวเก๋ทันสมัย คล้าย ๆ กับบรรยากาศของร้าน เนตรดาวตัวจริงดูสวยเปรี้ยวกว่าที่เห็นตามสื่อต่าง ๆ พอควร หล่อนเป็นนักพยากรณ์รุ่นใหม่ ที่ผู้คนเริ่มคุ้นหน้าทางโทรทัศน์ สมญานามที่รู้จักกันทางสื่อต่างๆ คือ ‘เนตรดาว พยากรณ์’ ซึ่งเป็นชื่อเดียวกันกับร้านพยากรณ์แห่งนี้ ร้านเล็ก ๆ อยู่ในมุมที่ไม่โดดเด่นนักของห้าง แต่เป็นที่รู้กันว่าไม่เคยว่างเว้นจากลูกค้า หากไม่นัดไว้ล่วงหน้าไม่มีหวังได้เจอเจ้าของร้านอย่างแน่นอน นอกจากจะเป็นร้านที่รับพยากรณ์แล้วยังมีของตกแต่งร้านค่อนข้างเก่ แปลกตา ซึ่งหลายชิ้นก็มีราคาขายติดเอาไว้ด้วย
มินตราขออนุญาตเดินดูข้าวของรอบ ๆ ร้าน รู้สึกถึงความมีรสนิยมที่ผสมกันได้อย่างลงตัว ทั้งตะวันตกและเอเชียข้าวของทุกชิ้นดูเป็นทั้งสินค้าและเครื่องประดับได้ในคราวเดียวกัน ในร้านไม่มีกลิ่นอายของความเข้มขลัง ดังเช่นร้านขายเครื่องรางทั่วๆ ไป ไม่มีรูปพระเกจิใด ๆ ออกจะดูคล้ายร้านที่ขายงานศิลปะเสียมากกว่า นอกเสียจากแมวดำที่เจ้าของร้านเลี้ยงไว้ คือสิ่งมีชีวิตเพียงอย่างเดียวที่ทำให้มินตรารู้สึกว่าดูเหมาะสมกับเป็นสัตว์เลี้ยงของนักพยากรณ์อยู่บ้าง
“ตามสบายค่ะผู้กอง” เนตรดาวปล่อยให้แมวดำกระโดดออกจากอ้อมกอด
ทั้งที่พลรบเป็นลูกค้าของเนตรดาว แต่มินตรากลับสังเกตเห็นว่าดวงตาพราวของเจ้าของร้าน ทอดวางอยู่ที่ใบหน้าของแสงขาลบ่อยกว่าลูกค้าของตัวเอง เจ้าแมวดำกระโดดขึ้นมายืนบนที่ท้าวแขนของเก้าอี้ตัวที่แสงขาลนั่งอยู่ พอชายหนุ่มเอามือเคาะที่ต้นขาตัวเองเบา ๆ เจ้าเหมียวก็โดดลงไปในตักกว้างของหนุ่มแปลกหน้า ซุกขดตัวเหมือนคุ้นเคยกัน
“ปกติเจ้าเบงกอลหยิ่งมากค่ะ ไม่เคยอ้อนลูกค้าคนไหนของเนตรเลย” เนตรดาวถือโอกาสหยอดตาหวานใส่แสงขาล ทว่าชายหนุ่มกลับก้มหน้าลงยิ้มให้เจ้าแมวน้อย แววผิดหวังเลยฉาบวุบขึ้นในดวงตาพราวคู่งาม
“ตัวเมียนี่ ทำไมชื่อเบงกอล” แสงขาลก้มหน้าพูด มือใหญ่ไล้ไปมาที่ใต้คางแมวสาว
เนตรดาวตีความว่าเขาถามเจ้าของแมว เลยตอบเสียงใส “เธอดูมีอำนาจ มาดดีตลอดเวลา เลยคิดว่าเรียกแบบนี้เหมาะดีน่ะค่ะ”
เห็นได้ชัดว่าแสงขาลตั้งใจจะสื่อสารกับเจ้าเหมียวจริงๆ เขาไม่เงยหน้าไม่สบตาอีกฝ่าย ดังคู่สนทนาไร้ตัวตน เจ้าของแมวหงุดหงิดเล็กๆ รู้สึกไม่คุ้นชินในการเมินเฉยของเพศตรงข้าม หล่อนเยียวยาความรู้สึกตัวเองด้วยการเปลี่ยนคู่สนทนา หันไปหานายตำรวจหนุ่ม “เรื่องที่ทำนายไปเมื่อครั้งที่แล้ว เป็นอย่างไรบ้างคะผู้กอง”
พลรบนึกอยู่ครู่เดียว พอทบทวนคำพยากรณ์ของเนตรดาวได้ ก็เผลอยกมือทาบอก “แม่นอย่างตาเห็นครับ ที่คุณเนตรทายไว้ว่าผมต้องเจอเรื่องประหลาดที่สุดรอบปี” สิ่งที่ผู้กองไม่ได้พูดออกไปคือ อาจารย์เนตรดาวทายไม่ตรงนักเพราะมันไม่ได้แปลกที่สุดในรอบปีเท่านั้น ไม่ว่าจะปีที่ผ่านมา หรือต่อให้ในอนาคต ก็คงไม่สามารถมีเรื่องไหนแปลกประหลาดกว่าเรื่องที่เขาเพิ่งเจอเมื่อครู่
มินตราลอบค้อนด้วยความหมั่นไส้ อีกใจก็นึกสมน้ำหน้าเพื่อนรัก เวลาหล่อนพูดอย่างตื่นตระหนก เพื่อนกลับไม่เชื่อ ถึงขนาดต้องลงทุนพิสูจน์ด้วยตัวเอง ต้องออกจากปากหมอดู อะไรๆ จึงดูน่าเชื่อ น่าตื่นตะลึง น่ามหัศจรรย์ไปเสียหมด โชคดีที่พลรบมักควบคุมอารมณ์ได้เก่งเสมอ ไม่อย่างนั้นหล่อนคงเห็นนายตำรวจหนุ่มวิ่งกรีดร้องออกมาจากห้องลองเสื้อ ให้คนในร้านแตกตื่น จนได้กลายเป็นข่าวดังเอาเสียวันนี้แล้ว
“ยังไม่หมดเท่านั้นหรอกค่ะ หลังจากนี้ยังมีเรื่องชุลมุนไม่จบสิ้น” เนตรดาวพยากรณ์อย่างมั่นใจ
พลรบยักไหล่ “อาชีพของผมมันมีแต่เรื่องชุลมุนจนชินเสียแล้วละครับอาจารย์ แต่ถ้าหากพูดถึงเรื่องแปลกละก็ ผมหวังว่าคงไม่มีเรื่องอะไรแปลกไปกว่าที่ผมเจอเมื่อครู่อีกแล้ว”
“เครื่องรางสักชิ้นไหมคะ บรรเทาลางร้ายให้กลายดี อย่างพวกหินสีตอนนี้ก็กำลังนิยม ใครเปลี่ยนชื่อกับเนตรเดือนนี้ ได้หินมงคลหนึ่งชิ้นด้วย” เนตรดาวแนะนำ ปรายตามองไปยังตู้โชว์เครื่องรางที่ตั้งอยู่ด้านหน้าร้าน
มินตรากำลังก้มๆ เงยๆ เดินวนดูข้าวของในตู้โชว์อยู่ มีทั้งที่เป็นตุ๊กตารูปร่างแปลก ๆ หินสี ยันต์ของฮินดู และยันต์รูปดาวหกแฉกที่ดูเป็นเครื่องรางตะวันตก นอกจากนั้นยังมีของรูปร่างแปลกตาอีกหลายชิ้นที่สัตวแพทย์สาวไม่รู้จัก
“สนใจไหมล่ะหล่อน” พลรบชะเง้อคอถามเพื่อนรัก แม้ว่าเขาจะเจ้าสำอางค์และช่างแต่งตัว แต่ก็ไม่ค่อยชอบใส่เครื่องประดับอื่นใดนอกจากนาฬิกา “ฉันมีโปรโมชั่นจากการเปลี่ยนชื่อนะ”
มินตราเงยหน้าจากของในตู้โชว์ตอบกลับเพื่อน “ดีเลย สนอยู่อันหนึ่ง”
“ชิ้นไหนคะ” เจ้าของร้านเดินมายืนใกล้ ๆ
“นั่นค่ะ” มินตราจิ้มนิ้วชี้เคาะเบา ๆ ที่กระจกตู้โชว์ “ที่เป็นแหวน สีแปลกๆ ในกล่องกำมะหยี่นั่น” มินตรารู้สึกว่าของชิ้นนั้นมันทั้งสะดุดตาและคุ้นตาเหลือเกิน เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน
“ชิ้นนั้นแถมไม่ได้ค่ะ” เนตรดาวพูดพลางหัวเราะ แต่ก็ยังไขกุญแจเปิดตู้โชว์ หยิบของที่กำลังพูดถึงขึ้นมาส่งให้มินตรา “ไพฑูรย์ค่ะ ฝรั่งเรียกกันว่า แคทอาย หายากนะคะน้ำดีแบบนี้ แถมตัวเรือนเป็นงานแฮนเมดทำจากทองคำขาวด้วย”
“เคยอ่านเจอว่าไพฑูรย์เหมาะกับคนราศีมีน มินนี่เกิดราศีนี้พอดีค่ะ แต่สวยและเม็ดใหญ่ขนาดนี้คงแพงเอาเรื่อง” จ้องไปจ้องมาก็พลันนึกขึ้นได้ ว่าทำไมเธอจึงคุ้นตานัก
“แสงขาล ดูนี่สิ เหมือนของนายเปี๊ยบเลย”
คนถูกเรียกละมือจากการเกาคางแมวดำ มินตรารู้สึกว่าเจ้าแมวขนเงาส่งสายตาไม่พอใจให้หล่อน ดวงตาวาวเหลืองอมเขียวสุกอร่ามของมัน เหมือนกับสีของอัญมณีที่อยู่ในมือของมินตราเวลานี้ หญิงสาวได้คำตอบทันทีว่าทำไมมันจึงมีชื่อว่าตาแมว
แสงขาลถกเสื้อแขนยาวขึ้น ไม่มีใครได้ทันสังเกตเห็นเครื่องประดับเพียงชิ้นเดียวในร่างกายเขา แม้แต่พลรบที่เหมือนจะเห็นตอนที่เขาถอดเสื้อเมื่อครู่ แต่ยามนั้นมีสิ่งอื่นที่เขาสนใจมากกว่ากำไล กำไลทองคำขาว ซึ่งประดับด้วยอัญมณีสีเหลืองอมเขียว ทุกสายตาในร้านพากันจับจ้องไปที่เครื่องประดับที่ข้อมือของชายหนุ่ม
“แหวน กับกำไล เข้าชุดกันเลย” พลรบมองของทั้งสองชิ้นสลับไปมา เพื่อเปรียบเทียบ ของสองชิ้นออกแบบมาเหมือนกัน แตกต่างกันแค่ที่ขนาด แม้เขาจะไม่มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องอัญมณีแม้แต่น้อย แต่ก็พอจะมองออกว่าเป็นพลอยสีสวย ซึ่งน่าจะราคาสูงเอาการอย่างที่เพื่อนรักว่า
“ของเข้าชุดกัน ยังไม่น่าแปลกเท่าได้เห็นไพฑูรย์เม็ดใหญ่ขนาดนั้น” เนตรดาวรู้สึกว่าอัญมณีชิ้นที่อยู่ในร้าน สีสวยงามแปลกตา และเป็นของหายากแล้ว ทว่าของที่ชายหนุ่มครอบครองกลับมีชิ้นใหญ่กว่า นั่นหมายถึงมูลค่าของมันย่อมสูงขึ้นไปอีกหลายเท่าตัว
“แหวนวงนี้ มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” คำถามที่แสงขาลเอ่ยออกมา มีเพียงเนตรดาวเท่านั้นที่ตอบได้ เขาจ้องมองแหวนสีเงินวงงาม แม้ยังไม่ได้รับคำตอบจากเจ้าของร้าน แต่เขาก็มั่นใจว่าเขารู้จักมันดีกว่าใครทั้งหมดในที่นี้
“ซื้อมาจากเมืองกาญค่ะ แต่อย่าถามต่อนะคะว่าตรงไหน ร้านอะไร อำเภออะไร เนตรรู้เท่านี้เพราะไม่ได้เป็นคนซื้อ” เนตรดาวดักคอ
“ผมอยากได้” แสงขาลโพล่งความต้องการตนเอง สีหน้าเรียบๆ แต่น้ำเสียงเหมือนจะสั่งมากกว่าบอกความต้องการเฉยๆ
“เอ่อ... ดีนะ ที่ไม่ได้ช้อปนาน ยังพอมีเงินเหลือ” ผู้กองตบกระเป๋าเป้ใบเล็กที่พกติดตัวเสมอ นึกถึงเงินฟ่อนใหญ่ที่แสงขาลมอบไว้ให้นอนอุ่นจนตุงเต็มเป้ของเขา
“เนตรคิดเท่ากับราคาที่ซื้อมาแล้วกันค่ะ ไม่เอากำไร”
“อ้าว เอาแบบนั้นเลยหรือครับอาจารย์” พลรบยิ้มกริ่ม ถามไปทั้งที่นึกรู้มุกนักพยากรณ์สาวอยู่ในใจ รู้สึกนับถือความฉะฉานมีปฏิภาณ ที่นอกจากจะเป็นแม่หมอแล้วยังเป็นแม่ค้าได้อย่างกลมกลืน
เนตรดาวยิ้มพราย “แม้ผู้กองจะไม่ได้เป็นแขกประจำแต่คุณแม่กับพี่สาวของผู้กองน่ะ เป็นผู้มีอุปการะคุณที่อุดหนุนต่อเนื่องมานานปี สำหรับผู้กอง แค่นี้ยังน้อยไปค่ะ”
“อ้อ ขอบคุณครับ แต่อันนี้ของคุณแสงขาลเขานะครับ” พลรบออกตัวเพราะไม่นึกอยากให้หมอดูคนงามมาทวงบุญคุณกันภายหลัง
“ราคาพิเศษให้เพื่อนผู้กอง ก็เหมือนได้ให้ผู้กองนั่นล่ะค่ะ เนตรน่ะใจดี” เนตรดาวปรือตาหวานส่งให้แสงขาล “และ พิเศษแด่ลูกค้าใหม่ เผื่อว่าเพื่อนผู้กองติดใจร้านนี้ จะแวะเวียนมาอีก”
มินตราอารมณ์ขุ่นๆ ขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ หล่อนบอกกับตัวเองว่าอาจจะเป็นเพราะแสงขาลดันซื้อแหวนวงนั้นตัดหน้า แต่ด้วยเห็นว่าเขามีของที่เข้าชุดกันอยู่ก่อนแล้ว จึงเป็นเหตุผลที่พอจะอภัยได้ ก็ได้แต่หวังว่าอารมณ์ขุ่นมัวนี้จะเกิดขึ้นเพราะเรื่องแหวนจริงๆ อย่างน้อยมินตราก็ยังเหลือของอีกชิ้นที่พลรบรับปากว่าให้ พอนึกขึ้นได้เลยเอ่ยทวงจากเจ้าของร้าน “ลดให้พิเศษแบบนี้แล้วของโปรโมชั่นยังได้อยู่ไหมคะ”
“ให้สิคะ ของที่ให้เป็นพิเศษ กับของแถมคนละอย่างกัน” เจ้าของร้านตอบอย่างมีนัย ทำเอาคนฟังเริ่มไม่อยากได้ขึ้นมาดื้อๆ
“ของแถมอยู่กองนี้ค่ะ” เนตรดาวกรีดมือขาวผายไปทางอีกด้านของตู้โชว์
มินตราเกือบจะออกปากสละสิทธิ์ด้วยความหมั่นไส้ ทว่าสายตาก็เหลือบไปเห็นเครื่องประดับชิ้นหนึ่งที่รูปร่างดูคล้ายดิ่ง หรือลูกข่างปลายเรียวแหลมซึ่งทำจากหินสีสวยแปลกตา แม้ความสวยเงางามจะไม่เหมือนกับแคทอาย ด้วยสีสันและพื้นผิวให้ความรู้สึกเข้มแข็งกว่า อีกทั้งลวดลายเป็นริ้วที่ประดับอยู่ ก็เหมือนลายไม้ที่วาดอยู่บนเนื้อหิน ดูเก๋ น่าพึงใจ
“คตไม้สักค่ะ เรียกอีกชื่อว่าไทเกอร์อาย” เจ้าของร้านบอกเหมือนรู้ว่ามินตรามองของชิ้นนั้นอยู่ “ที่ใส่สร้อยเอาไว้แบบนี้เพราะเอามาทำเป็นแพนดูลั่ม”
“ไทเกอร์อาย แค่ฟังชื่อก็ผ่านแล้ว เพื่อนผมมันเลือกชิ้นนี้ละครับอาจารย์ หล่อนสะสมทุกอย่างที่เกี่ยวกับเสือ” พลรบสรุปให้แทนเพื่อน
มินตราหน้าร้อนผ่าว แอบชำเลืองมองไปทางแสงขาล เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มมัวแต่พินิจพิเคราะห์อยู่กับแหวนวงน้อยที่เนตรดาวส่งให้ หล่อนก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก
ด้านผู้กองพลรบไม่ทันได้คิดว่าเรื่องที่พูดจะทำให้เพื่อนรักรู้สึกอย่างไร เขาแค่นึกประหลาดใจน้อยๆ เชื่อมโยงถึงเรื่องการแปลงกายเป็นเสือลายพาดกลอนตัวใหญ่ จะมาเปลี่ยนชื่อก็เจอเจ้าแมวที่ชื่อเบงกอลเข้า ชื่อก็บ่งบอกว่าหมายถึงเสือ แล้วไหนจะยังหินชื่อไทเกอร์อายอีก เขาอยากจะถามนักพยากรณ์เสียเหลือเกินว่า นอกจากปีนี้จะตรงกับปีขาลแล้ว วันนี้ยังเป็นวันขาลด้วยหรือไงกัน
ความคิดเห็น