คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ ภาวะจำยอม
จับหัวใจใส่อักษรา
Novel lover
บทนำ
ภาวะจำยอม
เสียงเพลงสไตล์นุ่มนวลตามจังหวะเปียโนดังห่างออกไปไม่ไกลจากมือซ้ายที่วางบนแป้นคีย์บอร์ด พลอยให้ต้องชะงักการกดแป้นอักษรอิเล็กทรอนิกส์ลง ก่อนเอื้อมไปคว้าเครื่องสื่อสารไร้สายมากดรับการเรียกเข้าพร้อมกับรอยยิ้มสดใสพรายบนใบหน้า
แต่เพียงฟังประโยคบอกเล่าที่ส่งผ่านมาไม่กี่ประโยค ทั้งน้ำเสียงและรอยยิ้มก็พลันแปรเปลี่ยนชนิด หน้ามือเป็นหลังคาโลก
“หา !? พี่ตู่กรุณาพูดช้าๆ ชัดๆ ให้ไหมฟังอีกรอบได้มั้ยคะ?”
มือซ้ายข้างถนัดที่ถือโทรศัพท์สีเงินเครื่องจิ๋วของฉันอ่อนแรงจนเจ้าเครื่องสื่อสารเล็กๆ แทบจะหล่นลงบนพื้นหลังจากได้ยินคำบอกเล่าจากปากหัวหน้ากองบรรณาธิการสำนักพิมพ์ครั้งแรกจบ
“อืม...พอดีทางกอง บก. ประชุมกัน ได้ผลสรุปว่า จะทำนิยายชุดพิเศษรับช่วงวาเลนไทน์น่ะ โดยให้นักเขียนจับคู่เขียนนิยายสลับตอนกันในหนึ่งเล่ม” เสียงทุ้มนุ่มราบเรียบราวกับไม่ได้ตื่นเต้นไปกับเสียงแหลมปรี๊ดจากปากหญิงสาวแสนบอบบาง ส่งผ่านคลื่นโทรศัพท์มาอีกระลอก
“อะ...อันนี้รู้แล้วค่ะ แต่อยากได้ยินประโยคถัดไปน่ะ”
นี่แกล้งบื้อหรือว่าเซ่อจริงๆ กันแน่ หา...พี่แว่น !! -“-*
“ก็...เอ็งต้องจับคู่กับนายอินทรชิต ก็...เท่านั้น”
อ่ะ...อันนี้แหละที่เป็นปัญหาใหญ่ !!! -“-**
“แล้ว...ทำไมต้องให้ไหมไปจับคู่กะอีตาราหูหน้าดำบ้าบอนั่นด้วยล่ะพี่ตู่ !!!” คราวนี้เสียงแหบต่ำออกแนวฮาร์ดคอร์จากเรียวปากบางส่งผ่านคลื่นไป จนนึกเห็นใบหน้าต้นสายเบ้พร้อมกับถอยโทรศัพท์ข้างหูออกห่างๆ กันความสั่นสะเทือนระดับ 50 เดซิเบล
“เฮ้ย !! เบาๆ สิวะ อูย...” เสียงตอบกลับมาอีกไม่นานบ่งบอกอาการปวดร้าวเยื่อบางๆ ชั้นนอกของหูอย่างชัดเจนหลังฟังจบ
“ก็ใครใช้ให้เอ็งกับไอ้หนุ่มหน้าตายนั่นไม่มาประชุมตอนเขาจับคู่กันน่ะ ห๊ะ !!?”
“อ่า...”
จะว่าไปแล้ว วันนั้นฉันก็กะจะไปประชุมด้วยอยู่หรอก แต่เจ้าใบหม่อน แมวสีขาวดำตัวโปรด ดันท้องเสียนอนแอ้งแม้งจะตายอยู่รอมร่อ เลยต้องพามันไป โรงพยาบาลสัตว์ซะก่อน...ก็เลย...
“ง่า...แล้ว...ไม่มีคนอื่นที่จะให้ไหมจับคู่แล้วเหรอพี่ตู่ อย่างไอ้น้องจี พี่อิ๋ว น้องพร งี้อ่ะ” พยายามเบี่ยงเบนประเด็นด้วยน้ำเสียงที่ออดอ้อนเต็มที่
ให้หัวเด็ดตีนขาด ฉันก็ไม่ยอมเขียนนิยายร่วมกับอีตาหน้ายักษ์ นั่นแน่ๆ ชัวร์ป้าบ !! ฮึ !! -“-*
“ไอ้น้องจีกับพี่อิ๋วของแกน่ะ เขาจับคู่กันไปตั้งแต่ปีมะโว้แล้ว...ป่านนี้เขียนออกมาได้สักกุรุตแล้วมั้ง? ส่วนน้องพร...” ถึงตรงนี้พี่ชายใส่แว่น ร่างบึ้ก หัวหน้ากอง บก.ทำเสียงเคลิ้มราวกับเห็นใบหน้าน้องพรในระยะประชิดเชียว
ใช่ซี๊...ก็น้องพรน่ะทั้งขาว ทั้งสวยนี่หว่า -_-‘
“พี่ให้ลองเขียนจับคู่กับนักเขียนชายคนใหม่...จะได้ช่วยน้องตรวจดูงานอีกแรง”
“ง่า...แล้ว ชมพู่ล่ะ?” -_-“
“ไปกับชานมแล้วเว้ย !!” พี่ตู่ส่งเสียงรำคาญคนชอบต่อรองแถมเรื่องมาก มากเรื่อง
“ไม่ต้องมาต่อรองพี่ซะให้ยาก กรุณาพึงสังวรเอาไว้ว่า ที่เอ็ง...ไอ้คุณหนอนไหมได้เขียนจับคู่กับนายอินทรชิต นั่นก็เพราะ...เอ็งกับมันนั่นแหละที่ไม่มาประชุม !!”
“แง้ !!...พี่ตู่ใจร้ายที่สุด !!!” อยากจะร้องไห้ออกมาจริงๆ นะเนี่ย ถ้าไม่ติดตรงที่เข็มไมล์บอกอายุชี้ไปเกือบถึงหลักสามแถมยังเคยทำตัวเป็นผู้ทรงความรู้ให้คำปรึกษากับน้องๆ ที่อยากเป็นนักเขียนอาชีพล่ะก็...
“ไม่มีใครใจร้ายกับเอ็งหรอก ไอ้ไหม แต่ถ้า...หนึ่งเดือนก่อนวาเลนไทน์ กอง บก. ไม่ได้ต้นฉบับสุดเนี้ยบ อย่างที่เคยเห็น มากองบนโต๊ะทำงานพี่ล่ะก็...บอกได้เลยว่า คุณหนอนไหมกับนายราหูอะไรนั่นของเอ็งน่ะ อาจจะต้องไปหาเพนิซิลลินครีมมารักษาอาการเน่าบนหัวทั้งคู่แน่ๆ เข้าใจมั้ย?”
“ง่า...” โดนขู่แบบนี้ฉันถึงกับอ้าปากค้างพูดอะไรไม่ออก
ตายละหว่า...เพนิซิลลินครีมมันเป็นหลอดยังไง ไม่เคยเห็น !!!? 0_o”
“เงียบ...ก็แปลว่า...โอเค งั้นอีกสามเดือนพี่จะรอต้นฉบับนะจ๊ะสุดสวย...ติ๊ด” ท้ายประโยคก่อนอีตาพี่แว่นบึ้กวางหูไป...รู้สึกว่าเหมือนได้ยินเสียงอะไรที่ฟังดูคล้าย...ฮี่ๆๆ ...นะ -_-‘
“อีตาพี่ตู่บ้า !! อีตาแว่นถึก !! อีตา...แน่จริงอย่าเพิ่งวางสิเฟ้ย งึ่มๆๆ...แง่งๆๆ ฮือๆๆๆๆ...” T^T
โฮ...ให้ฉันทำงานกับแฟรงเกนสไตน์หน้าตาน่ากลัวแต่นิสัยอ่อนโยนสุดๆ ยังจะดีกว่าต้องมาทำกับ ไอ้...นายอินทรชิต ไอ้ราหูสารพัดอมที่ชอบนั่งปั้นหน้ายักษ์ทั้งวี่ทั้งวัน ไม่สนใจกับความเร็วรอบของโลกตัวนี้ซะอีก ฮือๆๆ TT^TT
ตายแน่ ยัยหนอนไหม งานนี้ท่าทางเพนิซิลลินครีมทั้งร้านขายยาจะไม่พอทาหัวเน่าๆ ของเธอแน่ๆ
ง่า...แล้ว...มันมีอย่างอื่นที่ใช้แทนกันได้รึเปล่าเนี่ย? ลืมถามอีตาพี่บึ้กซะสนิท 0_o’
โอ๊ย...นอกเรื่องแล้ว นอกเรื่อง !! ตอนนี้ต้องหาวิธีทำให้หัวไม่เน่า ไม่ใช่ไปหายามาทาแก้เซ่ !! โธ่... T^T
คิดหาทางออกให้กับปัญหาชีวิตได้ ไม่ลังเลที่จะเหลือบไปมองกระดานไวท์บอร์ดขนาดสองฟุตที่ห้อยต่องแต่งข้างคอมพิวเตอร์ มองหาเบอร์ที่ไม่อยากจะคิดเลยว่าชาตินี้จะได้ใช้ประโยชน์
...081-7948867 อีตาหน้ายักษ์ แบร่ !!!...
“ฮะๆๆ” เห็นรูปวงกลมมีหูตาแถมแลบลิ้นปลิ้นตาต่อท้ายคำเรียกขานนายนั่น จากลายมืออันวิจิตรบรรจงแกมหมั่นไส้แล้วให้ต้องหัวเราะออกมาได้ทุกทีสิน่า
เอาวะ ! เป็นไงเป็นกัน ฉันไม่ยอมให้พี่ตู่หาหนอนมาใส่บนหัวยัยหนอนไหมเพิ่มหรอก แค่นี้ก็ไต่กันยั้วเยี้ยแล้ว !! -“-‘
...ติ๊ดๆๆ...
...แต๊ว แตว แต่ว แตว แต๊ว แตว แต่ว แตว...ปัญญาคนหนุ่มมองการณ์ไกล เติบใหญ่อยู่ในแดนกันดาร อุตส่าห์ฝ่าฟันใฝ่ความรู้ ได้เรียนมหา’ลัย...
ง่า...นี่มันคอลลิ่งเมโลดี้ประเทศไหนฟะ? ไหงฉันไม่เคยได้ยินมาก่อน... 0_o”
“สวัสดีครับ” เออ...รับซะที -_-‘
“เอ่อ...นี่ฉัน-ไหม-นะ...” ทั้งที่ตลอดเวลาเกือบหนึ่งปี ไม่เคยจะลงรอยกะหมอนี่ ทำไมฉันต้องเป็นคนโทรหาเขาก่อนนะ? แต่ถ้ารอ คุณชายกรุงลงกาโทรมา ฉันคงต้องกินยาระงับประสาทเป็นกำแน่ๆ -“-
“เอ่อ...สงสัยจะโทรผิดแล้วครับ ผมไม่ใช่หลวงพ่อวัดไหน ถ้าจะถวายเพลคงต้องโทรเบอร์อื่นนะครับคุณสีกา”
“อ่ะ...” ริมฝีปากบางๆ บนใบหน้าอ้าค้างทันทีที่ฟังจบ เหลือบมองนาฬิกาตั้งโต๊ะข้างคอมฯ ด้วยสีหน้าเหลอเห็นเข็มสั้นชี้เลข 11 เข็มยาวอยู่เลข 12 พอดิบพอดี
ใช่ !! นี่เวลาพระฉันเพล แต่ฉันโทรหานาย
“ฉันบอกว่า ชื่อ ไหม ไม่ได้ถามว่าจะฉันไหม (โว้ย) !!” คนอะไรชอบทำหน้าเหมือนผีดิบไม่พอ ยังกวนประสาทชะมัด !!!
“ไหม...ไหมไหนล่ะ?”
อ๊ะ...ชื่อไหมมันโหลนักรึไง !? -“-*
“หนอนไหม...-“-* คนที่เป็นนักเขียนสำนักพิมพ์เดียวกับคุณนั่นแหละ...” พยายามข่มเสียงให้ปกติที่สุดแต่ฟันกรามดันกัดกรอดจนกลายเป็นเสียงต่ำๆ ลอดไรฟันออกมาซะนี่
เย็นไว้ เย็นไว้ ยัยหนอนไหม อย่าเพิ่งโผล่หน้าไปงับคอหมอนั่นทางโทรศัพท์... “-*
“หนอนไหม...อ๋อ...แล้วมีธุระอะไรกับผมหรือครับ?” เสียงตอบกลับมาแบบเรียบสุดๆ ทำเอาต้องเบะหน้าด้วยความเบื่อกับลีลาการเก๊กหล่อทั้งที่จริงไม่เห็นจะหล่อสักกะนิดของหมอนี่ออกมา
“ก็...เรื่องเขียนนิยายสลับตอนในเล่มเดียวของสำนักพิมพ์น่ะ พี่ตู่ยังไม่ได้โทรบอกคุณอีกรึไง?”
เอาน่า...ยังไงๆ ก็ต้องทำงานกับหมอนี่ พูดดีๆ ด้วยแค่ครั้งสองครั้งคงไม่ถึงกับล้มลงชักด้วยพิษลมบ้าหมูหรอกยัยหนอนไหม -_-‘
“อ๋อ...เรื่องนั้นพี่ตู่โทรบอกตั้งแต่เมื่อวานแล้ว...”
จบคำพูดที่ดูเหมือนไม่ได้ใส่ใจกับโลกสักวินาทีของอีตานั่น ลมหมุนงวงช้างขนาดน้องๆ ทอร์นาโดก็ปั่นขึ้นมาจากความรู้สึกในใจก่อนจะมาออแล้วพ่นออกทางหูทั้งสองข้างทันที
“แล้วคุณไม่รู้จักโทรมาบอกฉันรึไง ห๊ะ !!? ทำไมต้องให้สุภาพสตรีแสนสวยอย่างฉันเป็นคนโทรถาม !!! งึ่มมม...” -“-***
“หึๆๆ” แล้วนี่จะหัวเราะในคอ ทำบ้าอะไรยะ !? “-** “ก็...ผมคิดว่า ยังไงๆ คุณก็ต้องโทรมาน่ะสิ ถึงไม่ได้โทรไป...”
อ๊ะ!! หมอนี่ !! ยวนขนาดนี้ ท่าทางจะอยากจะเห็นของชำร่วยงานศพตัวเองซะแล้วล่ะมั้ง? -“-*
“นี่อีตาคุณราหูอมดาวอังคาร ฉันพูดกับคุณดีๆ นะ ไม่กวนประสาทตึงๆ ของฉันสักวันได้มั้ยเนี่ย!!?”
“อืม...ผมก็ว่าตั้งแต่คุณโทรมา ผมยังไม่ได้เอ่ยคำที่ฟังดูแล้วทำให้คุณเสียหายออกมาสักคำเลยนะครับ คุณหนอนชาเขียว เอ๊ย!! หนอนไหม...”
กะ...กรี๊ดดดดดด กล้าดียังไงมาเปลี่ยนชื่อฉันเป็นเจ้า ชิเหม่โจได๋ ห๊ะ !! -“-*** “อะ...อีตาราหูสารพัดอม อีตาหน้าดำ อีตาหน้ายักษ์ อีตา...”
“เออแฮะ...พวกผู้หญิงเนี่ยพอโดนเขาว่าคืนให้หน่อยก็รับไม่ได้ ทั้งๆ ที่เป็นฝ่ายตั้งฉายาให้คนอื่นก่อนแท้ๆ”
“อ่ะ...”
เสียงหัวเราะทุ้มต่ำในลำคอดังผ่านมา ปรามฉายาสารพัดร้อยแปดที่พยายามขุดออกมาจากส่วนลึกในสมอง หยุดปากบางๆ ที่กำลังจะตั้งนามปากกาประหลาดๆ ให้อ้าค้างอยู่อย่างนั้น
“สรุปว่าคุณโทรมาชวนผมทะเลาะ หรือว่าจะคุยเรื่องงานกันล่ะครับ ผมจะได้ทำตัวถูก” เสียงพรึ่บพรั่บเหมือนกำลังรื้อเอกสารดังลอดมาตามสายพร้อมน้ำเสียงเฉยชาแบบที่ฉันได้ยินจากอีตาบ้าหน้าตายนี่เป็นประจำ
“อะ...คุยเรื่องงานสิ (ฟะ) -_-‘ ก็...พี่ตู่เล่นขู่ฉันซะขนาดนั้นน่ะ” T^T
“อืม...แต่ที่ผมคุยกับพี่ตู่เมื่อวาน ไม่เห็นแกจะขู่ตรงไหน ก็แค่บอกว่าให้ผมลองเขียนนิยายเรื่องยาวดูบ้าง...ก็เท่านั้น”
“......” ฮือ...พี่ตู่ใจร้าย...ทีกับน้องสาวสุดสวย พูดยังกับจะส่งเข้าโรงเชือด T^T
“ผมว่า...ท่าทางคุณจะไปทำอะไรให้แกไม่พอใจ อย่างเช่น...พูดว่าไม่อยากจะทำงานร่วมกับผม อะไรทำนองนั้น ก็เลยโดนคาดโทษซะมากกว่า”
“ง่ะ...” อีตานี่ท่าทางจะเป็นร่างทรงของพญาราหูจริงอย่างนามปากกาเขาแหงๆ รู้ได้ไงหว่า ? ทั้งๆ ที่ฉันเพิ่งวางหูจากพี่ตู่เมื่อกี๊แล้วก็กลั้นใจโทรหาเขานี่ล่ะ เอ...หรือว่าอีตาพี่แว่นถึกจะโทรไปบอกให้รู้ตัวก่อน 0_o”
“อะ...คุณรู้ได้ยังไง? หรือว่าพี่ตู่โทรบอก?” ~_~’
“หึๆ ทำยังกับผู้หญิงห้าวๆ ตรงๆ แบบคุณจะอ่านยากกว่าภาษาบาลี สันสกฤตที่ผมอ่านอยู่ทุกวันนี่ ซะเหลือเกินนะ คุณหนอนไหม...”
น้ำเสียงเจือกลิ่นไอของผู้ชนะส่งมาให้รู้สึกเหมือนกำลังอ่านความคิดในหัวคนอย่าง ‘ยัยหนอนไหม’ ออก จนต้องรีบปรามก่อนจะได้นับสัตว์มีเคราเขาโค้งแทนเจ้าตัวปุกปุยไร้เขาก่อนนอน
“นี่ๆ ให้มันน้อยๆ หน่อยเหอะคุณ ได้ทีขี่แพะมาเป็นฝูงเลยนะ” -_-‘
“ฮะๆๆ ว่างๆ ผมว่าคุณลองหาหนังสือพวก สามก๊ก ไม่ก็แนวปรัชญามาอ่านซะหน่อยก็ดีนะ อ่านแต่พวกคอมเมดี้มากๆ มันไม่ค่อย... ‘ประเทืองปัญญา’ สักเท่าไหร่...”
อะ...อีตานี่ มารู้ว่าชอบอ่านหนังสือแนวไหนกับฉันอีก !! แล้ว...ไอ้ตอนท้ายประโยคมันหมายความว่ายังไงกันยะ !!?
“หนะ...หนอย...อีตา...” -“-*
“หยุด...คิดสักนิด ชีวิต...จะได้ราบรื่น” น้ำเสียงเรียบๆ แฝงกระแสเย้ยเยาะที่ส่งมา ยิ่งทำให้อารมณ์ขุ่นเริ่มข้นคลั่กก่อนจะเหนียวเป็นโคลน
“อีตาบ้า !! คุณมัน ไอ้ตัวกวนโอ๊ยชัดๆ !!” เสียงดังกว่า 30 เดซิเบลส่งไปหาคู่สายทันทีที่ฟังอีกฝ่ายพูดจบ ถ้านายอินทรชิตอะไรนั่นมาอยู่ตรงหน้า คงได้เห็นคิ้วเรียวๆ ขมวดเข้าหากันพร้อมกับใบหน้าที่ดูเหมือนยักษีของฉันตอนนี้แน่ๆ -“-**
“อ๊ะ !! ผมก็แค่เตือนคุณเท่านั้นเอง ไม่ได้ไปกวนอะไรซะหน่อย หรือว่ากับการเตือนด้วยความหวังดีต่ออนาคตนักเขียนอาชีพของคุณ เป็นการกวน เฮ้อ...อายุก็มากแล้ว...แต่หน่วยการประมวลผลส่วนกลางในซิลิเบรลัมกลับไม่ได้พัฒนาตามเอาซะเล๊ย !!”
“อะ...ไอ้...นี่ หลอกด่าฉันเรอะ !!?” หนอย...มาว่าสมองฉันไม่พัฒนาแบบนี้ มัน...งึ่ม...แง่งๆๆ !! -“-**
“เอ๋า...ก็...มันจริงมั้ยล่ะ? ปล่อยให้อารมณ์ครอบงำเหตุผล จนลืมไปเลยว่าที่โทรมาน่ะ เพราะเรื่องงาน...”
ง่ะ...งาน จริงสิ งาน นี่ฉันมัวมาทะเลาะกับไอ้คนปากเสียหน้าตายคนนี้อยู่ทำไมเนี่ย? คุยเรื่องงานให้จบๆ แล้ววางไปเลย ไม่ต้องฟังหมอนี่กวนให้เจ็บใจก็ดีแล้วเชียว
นึกถึงเรื่องงานได้ พยายามราดน้ำรดลงกองไฟ หันมาพูดกับเขาดีๆ อีกครั้ง ก่อนที่จะหาหนอนใส่หัวตัวเองโดยพี่ตู่พร้อมจะยัดเยียดให้อีกเป็นล้านตัว
“เอ่อ...ทางสำนักพิมพ์เขาอยากได้นิยายรักหวานๆ กุ๊กกิ๊กๆ น่ะ”
“เรื่องนั้น...รู้แล้วล่ะครับ”
อืม...รู้ได้รู้ดี สงสัยชาติที่แล้วเป็นนกรู้ รู้มันไปหมด -_-‘
“ฉันก็เลยอยากเขียนให้เป็นบรรยากาศหวานๆ กึ่งเศร้าสักหน่อย” พยายามข่มอารมณ์ขุ่นให้ลดลงด้วยความต้องการให้เรื่องโปรเจ็คต์ใหม่ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี อย่างน้อยก็ได้รับปากพี่ตู่เอาไว้แล้วก่อนหน้า
“เอาเป็นว่า...นางเอกเป็นลูกสาวประธานบริษัทส่งออก ส่วนพระเอกก็เป็น...”
“ศิลปิน ที่ชอบอ่านหนังสือแนวปรัชญา”
ง่ะ...มันเข้ากันตรงไหนฟะ !? -_-“ คนละเรื่องเลยนะนั่นน่ะ... “ไม่เอา พระเอกเป็นลูกชายบริษัทคู่แข่งสิ ถึงจะสมกัน”
“แต่ผมว่า เอาพระเอกที่ไม่ค่อยสมกับนางเอก จะได้เหมือนดอกฟ้าอยู่ไกลเกินเอื้อมสำหรับหมาวัด อืม...น่าจะดีกว่า”
“อืม...” คิดๆ ไปที่นายหน้ายักษ์นี่พูดมาก็มีเหตุผลแฮะ -_-‘ “...ก็...ดีเหมือนกัน อ่านแล้วจะได้ให้ความรู้สึกที่ดูเหมือนไกลๆ “
“แล้วคาแร็กเตอร์นางเอกของคุณเป็นยังไงบ้างล่ะ?” เขาถามเป็นการเป็นงาน ได้ยินเสียงลากอะไรแกรกๆ ผ่านทางโทรศัพท์เข้าหูมา ท่าทางอีตานั่นกำลังจะจดข้อมูลอยู่
“สวย น่ารัก ผมยาวสีดำ นัยน์ตาดำแฝงแววเศร้าเอาไว้ เพราะโดนบังคับให้ทำนู่นนี่ตามคำสั่งพ่อแม่ ส่วนพระเอก...อ่า...”
มาถึงตรงนี้กลับวาดภาพพระเอกฉบับนายราหูไม่ออกเอาซะเลย ก็ฉันเขียนแต่พระเอกมาดนุ่ม หล่อ แมน กวนนิดๆ มาตลอดนี่นา
“พระเอก เซอร์ๆ หนวดเครารกรุงรัง”
กรรม...-_-‘ สาบานได้นะว่านี่น่ะพระเอก ไม่ใช่ขุนโจร...โปรเจ็คต์นี้จะรอดรึเปล่าเนี่ย?
“นี่คุณ...ฉันให้ช่วยคิดคาแร็กเตอร์พระเอกนะ ไม่ใช่โจร...”
“อ้าว...แล้วพระเอกน่ะโกนหนวดโกนเคราไม่เป็นเหมือนชาวบ้านชาวช่องหรือครับ? คุณหนอนไหม...”
ง่า...อะไรของเขาเนี่ย คิดอะไรอยู่ ?
“แล้ว...ถ้างั้น...ยังไงต่อ?” -_-‘
“คือ...พระเอกเขารักงานศิลปะแต่โดนบังคับให้เรียนอย่างอื่น พอไม่ยอมก็เลยโดนไล่ออกจากบ้าน เศร้าพอมั้ย ?”
“อืม...ก็ดี จะได้แมทช์กับนางเอกส่วนนึง เอ...แต่นางเอกเป็นถึงลูกสาวประธานบริษัทใหญ่นะ แล้วสองคนจะเจอกันยังไงล่ะ?”
“นางเอก...รวย...อืม...งั้นเอาเป็นไปเจอกันที่เมืองนอก...” เขาเสนอ
“อ้าว...แล้วพระเอกโดนไล่ออกจากบ้าน ใครจะส่งไปเรียนเมืองนอก หา...คุณราหูอมจันทร์...” ท้ายประโยคฉันลากเสียงลงให้เรียบต่ำกับความไม่สมเหตุสมผลของนิยายเรื่องเพี้ยนๆ แบบที่ได้ยิน
“ก็...พระเอกอยู่เมืองนอกอยู่แล้ว เขาเป็นลูกครึ่งไทยกับ...” ดูเหมือนเขาเองก็พยายามใช้สมองอย่างหนักเหมือนกัน ถึงได้เงียบไปแล้วก็โพล่งออกมาต่อ
“...อังกฤษ”
โอ้... OoO!! คราวนี้เล่นอังกฤษโน่นเลยรึ? แล้ว...ยัยหนอนไหมต้องไปเรียนภาษาเพิ่มรึเปล่าเนี่ย ?
“อืม...ก็ดีเหมือนกัน งั้นเรามาช่วยกันคิดพล็อตเรื่องกันเถอะ”
“เอ่อ...เรื่องพล็อต...ผมยกให้ผู้เชี่ยวชาญอย่างคุณคิดดีกว่า ผมไม่ถนัด”
นั่นไง...ฮี่โธ่...นึกว่าจะเก่งได้สักกี่น้ำ พอมาเจอแนวที่ไม่ใช่ตัวเองถนัดก็จอดเหมือนกันล่ะว้า...ฮี่ๆๆ ^-^ แต่...เอ๋...0_o’
งั้น...ก็แปลว่า ฉันต้องเขียนเอง วางพล็อตเองหมดน่ะสิ นายนี่มิต้องนั่งๆ นอนๆ สบายใจเฉิบงั้นรึ? 0_o”
“ไม่ได้ๆ โปรเจ็คต์ก็บอกไว้ว่าคุณกับฉันต้องช่วยกันคิดช่วยกันทำ เรื่องอะไรมาโยนให้ฉันคนเดียวยังงี้ล่ะ (โว้ย) !! เอาเปรียบกันนี่ (หว่า) !!” -“-*
“เปล่านี่ ก็แค่คุณเขียนพล็อตเรื่องมา ผมสานต่อเป็นตอนๆ ตามแบบผมแค่นั้นเอง...รับรองว่าไม่ให้หลุดเฟรมหรอกครับ”
จะคิดมากไปรึเปล่า ฉันว่าเหมือนเห็นนายราหูหน้ามืดนั่นยิ้มมุมปากแถมส่งสายตาเหมือนบอกเป็นนัย ‘เพิ่งรู้ตัวเรอะ...คุณหนอนไหม’ ผ่านสมองไปแวบๆ 0_o’
กรี๊ดดดดดดด...ไอ้จอมเอาเปรียบ !! หน้าตาก็พอไปวัดไปวาได้ ทำไมนิสัยเสียยังงี้ !! -“-*
“นั่นแหละ มันเอาเปรียบ (โว้ย) รู้ไว้ซะ !!” -“-**
“แหม...จะพูดจะจากับผู้หลักผู้ใหญ่น่ะ ใช้เสียงให้มันนุ่มๆ หน่อยได้มั้ยครับ ขอร้องล่ะ นึกว่าเห็นแก่มนุษยธรรมของโลกเหอะ...”
อ่า...หมอนี่เริ่มกวนฉันอีกแล้ว พูดดีด้วยได้ไม่กี่คำ -“-* “นี่...คุณมันก็แค่อายุมากกว่าฉันปีเดียว ผู้หย่งผู้ใหญ่ตรงไหน ? ชิ !!”
“อายุจริงน่ะใช่ แต่อายุสมอง...ก็...รู้ๆ กันอยู่”
กรี๊ดดดดดดด มัน...มัน...ด่าฉันอีกแล้ว !! “อะ...ไอ้...” -“-***
“อ่ะนะ...เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าพวกเรียนจบอักษรฯ จากมหาวิทยาลัยชื่อดังระดับประเทศ เขาใช้สรรพนามเรียกคนอายุมากกว่า ว่า...อะไรนะ อ๋อ...’ไอ้’...” เสียงหัวเราะในลำคอแบบที่ฉันเกลียดสุดๆ ส่งออกมาตัดความคิดที่กำลังจะสรรเสริญเขาด้วยสรรพนามแทนคนไข้จิตเวช
แต่เสียใจ ไม่ทันแล้วเฟ้ย !! “อะ...อีตาบ้า !! รู้ได้ยังไงว่าฉันจบจากที่ไหนมา ห๊ะ !!” -“-*
“ความจริง...ถึงผมจะดูเหมือนเฉยๆ กับทุกๆ อย่าง แต่กับคุณที่ทำเบ้าตาผมเขียวไปหลายวันเนี่ย...ท่าทางคงต้องให้ความใส่ใจเป็นพิเศษหน่อยล่ะ”
ฮึ่ม...พูดเรื่องเก่าขึ้นมายังเจ็บใจไม่หาย โดนแค่นั้นมันยังน้อยไปด้วยซ้ำสำหรับคนลามกๆ หน้าตายแบบหมอนี่!!
“สมน้ำหน้า!! ใครบอกให้มาจับก้นฉันล่ะ คนลามก !!” -“-*
“เอ...ผมว่าวันนั้นผมยังไม่ได้ทันอธิบายอะไรเลยนะ คุณหันมาปุ๊บ กำปั้นน้อยๆ ก็ส่งมาหาเบ้าตาผมปั๊บ ทั้งๆ ที่ผมไม่ได้อยากแต๊ะอั๋งคุณซะหน่อย”
“หนอย...ลูกผู้ชายยังไงกัน (วะ) ทำแล้วไม่ยอมรับแบบนี้ !!?” -“-**
“ก็...บอกอยู่นี่ไงว่าผมไม่ได้อยากแต๊ะอั๋งคุณ มันเป็นอุบัติเหตุ...อีกอย่างน่ะ ผอมๆ บางๆ อย่างคุณ นั่นก็ไม่มี นี่ก็ไม่เห็น น่าแต๊ะอั๋งตรงไหน”
กรี๊ดดดดดดด...ดูถูก...ดูถูกสาวสวยอย่างฉันแบบนี้ได้ไง !! -“-* “อะ...อะ...ไอ้...”
“จุ๊ๆๆ เอาน่าคุณ...แตะนิดแตะหน่อย ไม่เสียไม่หายไปไหนหรอก นานๆ จะมีคนมาแตะสักที เอ...หรือว่าหวงไว้ให้ใครแตะคนเดียว แต่...เท่าที่รู้ คุณเตรียมจะจองหมู่บ้าน Golden Beam Village เอาไว้แล้วไม่ใช่เหรอ? คุณหนอนไหม...ฮะๆๆ”
“อะ...ไอ้...ไอ้บ้า!!! ไอ้โรคจิต!!! ติ๊ด...” ในที่สุดฉันก็สรรเสริญไอ้คนที่น่าจะอยู่โรงพยาบาลจิตเวชส่งท้ายก่อนจะผละมือถือออกแล้วจิ้มแรงๆ ไปที่ปุ่มตัดการสนทนาอย่างหัวเสียสุดๆ -“-**
แต่เมื่อกลับมาคิดทบทวนเรื่องราวทั้งหมด กับสภาพจำใจต้องทำตามผู้บังคับบัญชาอย่างเสียไม่ได้แล้ว ใบหน้ายิ้มเยาะของ ‘นายอินทรชิต’ ก็วนเวียนกลับมาให้เจ็บใจที่ต้องฝืนทำงานร่วมกับเขาครั้งนี้
ฮือ...ไอ้คนปากเสีย ไอ้สุภาพโจร ไอ้แมงกะจั๊ว ไอ้...ไอ้...คิดไม่ออกแล้ว...แง้... T^T
งือๆๆ...ไอ้พี่ตู่แว่นถึก ทำไมต้องให้น้องสาวแสนสวยมาทำงานกับไอ้คนบ้าแบบนี้ !! คอยดูนะลงไปงานหนังสือครั้งหน้าที่กรุงเทพฯ เมื่อไหร่ จะบอกให้น้องพรหักอกให้ตายไปเลย !!! ฮือๆๆ... TT^TT
ความคิดเห็น