ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เรื่องเล่า ทำ ธรรม..^^

    ลำดับตอนที่ #3 : วัดหนองป่าพงมีดีตรงไหน? ตอนที่..๑..

    • อัปเดตล่าสุด 23 มี.ค. 56


    ฉันไปวัดที่มีชื่อเสียงมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกๆๆๆๆๆๆๆๆๆ......   มา >0<

    อ่ะ   คุณลองคิดดูสิคะ....  ว่า.....

    วัด....  ที่เป็นที่รู้จักระดับโลก  น่าจะวิจิตรพิสดารขนาดไหน?

    วัด..... ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นวัดนานาชาติ  คงจะอลังการสุดๆ

    และวัด...... ที่มีลูกศิษย์หลากหลายเชื้อชาติ ก็คงจะเต็มไปด้วยเครื่องอำนวยความสะดวกมากมาย.........

    .......

    ............. หากท่านคิด... เหมือนกับฉัน......

    ........

    คุณคิดผิดแล้วค่ะ!!!!

    ..........

    ภาพแรกที่เห็น..... พร้อมกับคำที่พุดขึ้นในความคิด.... “ป่าช้า” ชัดๆ

    ขับรถเข้าไปในเขตวัด....

    100  เมตร     200  เมตร      300      400       500  เมตร......

    เย๋ย!!!?!!!!.......

    นี่ตรูมาถูกที่หรือเปล่าว่ะ?  =.=; .........

    ซ้ายก็ต้นไม้     ขาวก็ต้นไม้     หน้าก็ต้นไม้.......

    มีแต่ต้นไม้   แล้วก็ต้นไม้...... 

    ตึกหลังโตๆ  หายไปไหนเนี๊ยะ!!!!!   O.0

    .......

    พอเข้าไปลึกๆ หน่อย....  ถึงเจอศาลาวัด...... .....

    แอบถอนหายใจโล่งอก..... 

    นึกว่ามาผิดที่^^  

    ................

    แต่......

    อย่าเพิ่งดีใจไป...  เพราะเราแค่มองเห็นศาลาอยู่ไกลลิบๆ  ต่อจากนั้นคุณต้องเดินเท้าเข้าไปข้างในอีกประมาณ 500 เมตร...  ถึงจะถึงตัวศาลาวัดจริงๆ

    เพราะ ห้ามรถเข้า!!!

    กรีดร้องดังๆ ในใจ  แอบสมน้ำหน้าตัวเอง เหอๆ =_=;

    ย๊ากกกกกกกกกกกกกกกกก.......

    ฉันต้องแบกกระเป๋าเดินเข้าไปหรือเนี๊ยะ........เ นี๊ ยะ..... ยยยยย.....  กรรม!!!!

    ถ้าคุณขนของสารพัดอย่างมาเพื่อปฏิบัติธรรม.....

    คุณคิดผิด!!!!

    เพราะน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นตามจำนวนสิ่งของ มันจะถ่วงให้คุณท้อตั้งแต่อยู่หน้าวัดแล้ว!

    ดังนั้น

    หากใครจะนำสิ่งของเกินจำเป็นมาโปรดพิจารณาดูอีกทีเพื่อสวัสดิภาพของท่านค่ะ^^  ...................

    .........

    สิ่งที่เป็นลักษณะเด่นของวัดหนองป่าพง  ที่ชัดเจนที่สุด  มีอยู่  4  ข้อ คือ

    ข้อที่  1  คือ “การมองถึงคุณค่าที่แท้จริง”

    ทุกสิ่งทุกอย่างในวัดหนองป่าพง.....  มีแต่คำว่า “จำเป็น” เท่านั้น  สิ่งใดที่เกินจำเป็นตัดทิ้ง!!!

    ตัวอย่างที่เห็นชัดมากคือ “ศาลาวัด”  

    ศาลาวัดของที่นี่เป็นเพียง ศาลาไม้ยกสูง  ลมโกรกโปร่งสบาย.....

    พื้นเป็นหินอ่อนขัด  เพื่อความมั่นคงและง่ายต่อการทำความสะอาด.....

    รอบนอกศาลาเป็นชานหินอ่อนยื่นออกมาเพื่อให้คนได้นั่ง  ได้ใช้สอยประโยชน์อื่นๆ.....

    องค์พระประธานที่ตั้งอยู่ในศาลา เป็นเพียงพระพุทธรูปองค์โตๆ  เหมือนๆ กับวัดอื่นๆ ในชนบทแถบภาคอีสาน.... ไม่ได้ตกแต่งให้วิจิตรพิสดาร  หรือประดับด้วยเพชรนิลจินดาใดๆ........

    บนเพดานไม่ได้ประดับด้วยโคมระย้า.......  มีเพียงพัดลมโครงเหล็ก 2 ใบพัด ที่ห้อยลงมาเพื่อบรรเทาความร้อนเท่านั้น!!!.......

    ขนาดของศาลาวัด.....  จุคนได้ประมาณ  300  คน เท่านั้น!!!!

    (เล็กกว่าหอประชุมโรงเรียนอีกง่ะT^T)

    เหตุที่เป็นเช่นนั้น......  เพราะว่า....

    เพียงเท่านี้ ก็เพียงพอแล้วกับ “ศาลาวัด”

    เพราะคุณค่าที่แท้จริงของศาลาวัด  คือ.....  สถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา เช่น สวดมนต์    ถวายเครื่องบูชา  เทศน์  ฟังธรรม สนทนาธรรม ฯลฯ 

    ดังนั้น ศาลาวัด จึงไม่จำเป็นต้องสร้างให้ใหญ่โต หรือประดับให้วิจิตรตระการตาแต่อย่างใด  มีเท่านี้ ก็ปฏิบัติธรรมได้แล้ว........

    สุดยอด....  สุดยอดจริงๆ.....

    .................................................................................................................................

    ยัง.... ยัง ไม่หมดเท่านี้......

    เท่าที่มองเห็น.....  ในส่วนของฆราวาส.....  

    มีแค่ ศาลาวัด  กับโรงครัว  ที่เป็นพื้นปูนยกหลังคา.....  มีที่ล้างจาน....  เท่านั้น...

    ตึกใหญ่ๆ...  ไม่มี!!!

    ในส่วนของสงฆ์......

    ไม่มีบ้านหลังโตๆ ของพระ

    ไม่มีบ้านปูนสมัยนิยม....... 

    ไม่มีบ้านหลังงามๆ  ติดแอร์เย็นๆ

    มองเข้าไปในส่วนที่พักของพระ....... 

    เป็นเพียงบ้านไม้เก่าๆ  ยกขึ้นหลังเดี่ยวๆ  พอนอนได้เพียงคนเดียว (และห้ามดิ้นด้วย...  เดี๋ยวหัวชนฝา^^)   และที่พักแต่ละหลัง ชุกตัวอยู่ในป่า

    จนแทบจะแยกไม่ออกว่า อันไหนบ้าน อันไหนต้นไม้ O.0

    เพราะ... คุณค่าที่แท้จริงของที่พักสงฆ์ คือ  พักผ่อนและภาวนา 

    ดังนั้น  พวกสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ ที่ไม่เกี่ยวกับการภาวนา เช่น  ความสวยงามของบ้าน  ขนาดของบ้าน  หรือทีวี  ตู้เย็น  แอร์  เครื่องซักผ้า  รถยนต์ เครื่องเล่นต่างๆ ก็ไม่จำเป็นต้องมี!!!!

    สุดยอด......   เยี่ยมไปเลย!!!

    .....................................................................................................

    อ่ออีกตัวอย่างหนึ่ง....... คือ ที่วัดหนองป่าพง....

    พระท่านจะฉันอาหารในบาตรเท่านั้น!!!

      คือ พระท่านจะตักอาหารทุกอย่างลงในบาตร แล้วค่อยฉัน  ซึ่งจะทำให้รวมกันเป็นเนื้อเดียว

    ไม่ว่า....  วันนั้นจะมีอาหารแสนอร่อย  หรือ หลากหลายชนิดขนาดไหน...

    พอตักไปรวมกัน.....  มันก็.... นะ

    หมดสภาพของความน่ากินไปหมดเลย.... (ไม่เชื่อ  ลองไปทำดูที่บ้านก็ได้นะคะ  อิอิ)

    ซึ่งการทำอย่างนี้  เพื่อให้รู้ถึง  คุณค่าของอาหาร คือ การรับประทานเพื่อต่อหายใจ เพื่อให้มีกำลังในการบำเพ็ญภาวนาเท่านั้น!!!

    มิใช่เพื่อ ความเอร็ดอร่อย

    มิใช่เพื่อ ความสนุกสนาน

    มิใช่เพราะความอยาก

    เยี่ยม!!!

    ...................................................................

    นี่แหล่ะ คือ การเห็นคุณค่าที่แท้จริงของสิ่งต่างๆ 

    ......................................................

    มาที่วัดหนองป่าพง...

    ท่านจะเห็นต้นไม้ใหญ่ แทนซุ้มประตูโขงที่อลังการ แสนวิจิตร (ประตูโขง = ประตูเข้าวัด)

    มาที่วัดหนองป่าพง......

    ท่านเห็นป่า  แทน กำแพงวัดที่งดงาม

    มาวัดหนองป่าพง......

    ท่านจะเห็น ดงแมกไม้  แทน ตึกหรูหรา พิสดาร

    มาวัดหนองป่าพง.......

    ท่านจะใกล้ชิด ธรรมชาติและตัวตนของท่านเอง......

    .......................

    จริงๆนะ....^^

    นี่... ถ้าไม่รู้มาก่อนว่า วัดหนองป่าพง เป็นวัดที่มีชื่อเสียงไปไกลถึงต่างประเทศ.....

    พอมาเห็น.... ก็คงจะคิดว่าเป็นวัดป่าทั่วๆ ไป.....  

    เพราะคุณค่าที่แท้จริงของวัดนั้น.....

    ไม่ใช่อยู่ที่สิ่งภายนอก.....

    แต่อยู่ที่ “การปฏิบัติของพระ”  และ “ใจของอุบาสก/อุบาสิกา”

    หากพระปฏิบัติดี  วัดก็ดี

    หากใจของคนมาวัดดี  วัดก็ดี

    ........................................

    (อีก  3  ข้อ ขอติดไว้ตอนหน้านะคะ)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×