ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [[คุณหนูมือใหม่]] fic: TVXQ

    ลำดับตอนที่ #7 : Special :My Memory 2:

    • อัปเดตล่าสุด 22 ต.ค. 49


    หลายวันผ่านไป ฉันว่าฉันคงเริ่มปรับตัวเข้ากับที่นี่ได้มากขึ้นแล้วล่ะ  วันๆฉันก็ช่วยป้าอันทำความสะอาดบ้าน  ตัดหญ้า รดน้ำต้นไม้ ให้อาหารเจ้าไทโน บางทีก็ไปซื้อของใช้ที่ซุปเปอร์มาเกตแถวบ้านแทนป้าอัน เป็นการทำความคุ้นเคยกับสถานที่ไปในตัว  ส่วนลุงเฮนรี่ฉันจะเจอเขาแค่ตอนเช้า และตอนเย็นหลังจากกลับจากทำงานเท่านั้น คงจะงานยุ่งมากๆ  และวันนี้ก็เป็นอีกวันที่เรานั่งพร้อมหน้ากันที่โต๊ะอาหารเย็น  ฉันกำลังใช้ส้อมม้วนสปาเก็ตตี้ในจานอย่างตั้งใจ

    เอมม่า ฉันหาโรงเรียนให้เธอได้แล้วนะ  พรุ่งนี้เริ่มไปเรียนได้เลย

    คำพูดของลุงทำให้ฉันหยุดกึ๊ก.....

    พรุ่งนี้เลยเหรอคะ??

    ใช่  พรุ่งนี้ตื่นเช้าหน่อยนะ ฉันจะไปส่งเธอเอง

    แต่ว่าหนูยัง......เอ่อ  ก็ได้ค่ะ

    ฉันรับปากไปเพราะเกรงใจลุงกับป้า  ฉันมาอยู่ที่นี่ในฐานะผู้อาศัยต้องไม่ทำให้เขาลำบากใจ นี่เป็นคำสอนของแม่ฉันจำได้ขึ้นใจ

    ----------------------------------------------------------------------------------------

    รุ่งขึ้นป้าอันปลุกฉันแต่เช้า แล้วจับฉันแต่งตัว ชุดที่ป้าอันเลือกให้เป็นเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกระโปรงลายสก๊อตสีน้ำตาลสั้นพอดีเข่า  มันคงจะดูดีกว่านี้ถ้าป้าอันไม่จับฉันเปียผม2ข้างแบบพจมานแห่งบ้านทรายทอง ToT ฉันส่องกระจกแล้วอนาถตัวเองจริงๆ  หลังทานอาหารเช้าเสร็จฉันก็ตามลุงเฮนรี่ไปขึ้นรถ

    โชคดีนะจ๊ะ ที่โรงเรียนคงสนุกแน่ ป้าอันโบกมือให้ฉัน

     

     

    ลุงเฮนรี่ขับรถเร็วพอสมควร คงเพราะรีบไปทำงานละมั้ง ไม่นานก็มาถึงโรงเรียน ฉันคิดดูแล้วระยะทางจากบ้านมาถึงโรงเรียนก็ไม่ไกลเลย วันหลังฉันจะลองเดินมาเองดูบ้างจะได้ไม่ลำบากลุงมาส่งทุกวัน

    ถึงแล้ว ลงซิ ลุงสะกิดบอกฉัน

    ฉันก้าวลงจากรถ สิ่งแรกที่ฉันสัมผัสได้คือสายตาเป็นสิบๆคู่ที่จับจ้องฉันอยู่  ฉันมองไปรอบๆก็เห็นนักเรียนหลายคนหยุดมองฉัน บ้างก็จับกลุ่มซุบซิบกันแล้วชี้มาที่ฉัน  ให้ตายเถอะโรบิ้น!!  ฉันประหม่าแทบก้าวขาไม่ออก  ลุงเฮนรี่เข้ามาโอบไหล่ฉันแล้วพาฉันเดินเข้าไปที่ตึก  ระหว่างทางฉันเอาแต่เดินก้มหน้า สักพักเราก็มาถึงห้องๆหนึ่ง ฉันเดาว่าเป็นห้องทำงานของอาจารย์นะ เพราะมีโต๊ะทำงานตั้งอยู่ แต่มีแค่ตัวเดียวและเป็นโต๊ะใหญ่ด้วยท่าทางคนที่อยู่ในห้องนี้คงจะตำแหน่งสูงพอควร

     

    ไฮ โจดี้ ผมพาหลานมาแล้วนะ ลุงเฮนรี่เอ่ยทักผู้หญิงผมขาวท่าทางเหมือนคุณนายที่ก้มหน้าเซ็นต์เอกสารบางอย่าง

    อ้าว เฮนรี่ที่รัก คุณนั่นเอง เธอโผเข้ามาสวมกอดลุงเฮนรื ฉันอยากรู้จัถ้าป้าอันมาเห็นจะว่าไง

    นี่เอมม่า หลานสาวของภรรยาผม เอมม่านี่คุณโจดี้ เป็นอาจารย์ใหญ่ของที่นี่นะ

    หวัดดีค่ะ หนูชื่อเอมม่าค่ะ

    โอ้ว....หน้าตาน่ารัก แถมพูดเพราะอีกนะเนี่ย เดี๋ยวชั้นจะให้คนพาไปที่ห้องเรียนนะจ๊ะ

    เอ่อ  ผมต้องรีบไปทำงานนะจ๊ะ ฝากเอมม่าด้วย แล้วเจอกัน ลุงเฮนรี่เดินออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว ทิ้งฉันไว้กับคุณโจดี้ตามลำพัง

    เดี๋ยวฉันมานะจ๊ะ แล้วคุณโจดี้ก็เดินออกไปข้างนอกห้องอีกคน ไม่นานเธอก็กลับเข้ามาพร้อมท่าทางหัวเสีย

    พวกนั้นไม่รู้หายไปไหนกันหมด เดี๋ยวฉันพาเธอไปเองละกันตามมาซิจ๊ะ

     

     

    นี่จ๊ะ ห้องของเธอ

    แล้ว ทำไมไม่เห็นมีใครเลยล่ะคะ??

    ฉันกำลังงงกับห้องเรียนที่ว่างเปล่า  คิดว่าจะเหมือนในหนังซะอีกที่เวลามีนักเรียนใหม่เข้ามา  อาจารย์จะยืนแนะนำตัวหน้าห้องฉันอุตสาห์คิดประโยคทั้งคืนเลยนะ  แต่ตอนนี้จะให้ฉันพูดให้ใครหน้าไหนฟังกันล่ะ

    เด็กโง่เอ้ย....ก็นี่มันยังไม่ถึงเวลาเรียนนี่จ๊ะ ใครเค้าจะมากันล่ะ  เป็นอย่างนี่เองเหรอ

    แล้วฉันต้องนั่งตรงไหนคะ

    ตรงไหนก็ได้ แล้วแต่ใจเธอจ๊ะ  ฉันมีงานรออยู่ขอตัวก่อนนะ ขอให้มีความสุขกับที่นี่ แล้วเจอกันสาวน้อย

    ฉันโค้งตัวให้หล่อนเพื่อเป็นการขอบคุณ  ถ้าเป็นที่เมืองไทยฉันคงจะไหว้งามๆสักรอบแต่ที่นี่ ไหว้ไปฝรั่งคงจะงงตายเลย  ฉันสอดส่ายสายตามองหาตำแหน่งเหมาะๆ ฉันอยากนั่งข้างหลังห้องนะ  หลังสุดยิ่งดีเพราะฉันยังไม่อยากเผชิญหน้ากับอาจารย์หัวทอง ขออยู่เงียบๆดีกว่า  ฉันถูกใจกับโต๊ะที่อยู่หลังสุดตรงมุมห้องข้างประตู เลยตัดสินใจจะยึดเป็นฐานที่มั่น  แต่พอนั่งลงไปก้นยังไม่ทันร้อนเลย  มีบางอย่างทำให้ฉันตกใจ

     

    เน่ะ!!  ยัยคนตัวเหลือง  ใครใช้ให้เธอมานั่งตรงนั้น 

     

    มันเป็นเสียงของเด็กผู้ชายตัวโต  ผิวสีดำสนิท ผมหยิกติดหนังหัว เขาทำท่าไม่สบอารมณ์อย่างแรง

     

    ตรงนั้นมันที่ของไมค์นะ เธอกล้ามาก  นายหัวทองผอมอย่างกะไม้เสียบลูกชิ้นอีกคนพูดขึ้น

     

    เอ่อ....ฉันไม่รู้ มีคนบอกฉันว่านั่งที่ไหนก็ได้นี่ ฉันกลั้นใจทำเสียงแข็งตอบไป

     

    กล้าขึ้นเสียงเหรอ  เธอได้เจ็บตัวแน่  เด็กอ้วน หน้าตกกระอีกคนพูดพร้อมง้างกำปั้นใส่ฉัน 

     

    อ๊ายยยยย....ใครก็ได้ช่วยหนูที..

     

    กริ๊งงงงงงงงงงงงง...........  เสียงสัญญาณดังขึ้น

     

    ฝากไว้ก่อนเถอะยัยขี้เหร่  รีบๆย้ายก้นไปนั่งที่อื่นไป๊..  เขาผลักหลังฉันอย่างแรงทำให้ฉันไม่ทันตั้งตัว

     

    โครมม.....    ฉันล้มลง หัวไปโดนมุมโต๊ะ   โอ๊ยย เจ็บจังเลย ฉันขอสาบานว่าฉันต้องแก้แค้นมันแน่ถ้ามีโอกาส มาว่าฉันขี้เหร่ นายมันก็ไม่ได้น่ามองนักหรอก ไอ้อ้วนอัปลักษณ์

     

    ตอนนี้คนเริ่มทยอยเข้ามาในห้องกันมากแล้ว ฉันลุกขึ้นไปนั่งโต๊ะข้างหน้าต่าง ให้ไกลจากผู้ชายน่าเกลียดสามคนนั้น  ฉันแอบมองเห็นอีตายักษ์ผิวดำนั่งตรงที่เดิมของฉัน ตานั่นคงจะชื่อไมค์  ให้ตายเถอะโรบิ้น เค้าหน้าโหดเหมือนไมค์ ไทสันไม่มีผิด

     

    หวัดดีสาวโหด

    หยาบคายที่สุด  ใครมาทักฉันแบบนี้นะ ฉันหลังขวับไปมอง

     

    นายตาตี่!!”  นายนั่นโค้งให้ฉันเล็กน้อยพร้อมยิ้มอย่างไร้เดียงสา

     

    นั่งด้วยคนนะ

     

    เชิญซิ  ฉันไม่ได้เป็นคนออกตังค์ซื้อโต๊ะนี่ซะหน่อย อยากนั่งก็นั่ง ฉันพูดเสียงดังแล้วหันไปทางนายไมค์  ไทสัน เผื่อว่าตานั่นจะรู้สึกอะไรบ้าง แต่ก็เปล่าประโยชน์ สมองคงจะกลวงจนคิดไม่ทันว่าฉันพูดประชดอยู่

     

    โหย....ไม่น่าเชื่อเลย ว่าเธอมาเข้าเรียนที่นี่น่ะ ฉันไม่ค่อยมีเพื่อนเป็นเอเชียเลยนะเธอรู้มั้ย อันที่จริงแล้ว.....  สีหน้าเขาดูเศร้าลงไปอย่างทันตา

     

    แล้วอะไรล่ะ  พูดค้างๆคาๆ เสียรม เฮ้อ...  ฉันหาวไปหนึ่งรอบ ก็เมื่อคืนนอนไม่หลับน่ะซิ

     

    ที่จริงแล้ว ฉันไม่มีเพื่อนเลย  ฉัน...ฉัน ฮึกๆๆ

     

    ฮะ..ฮะ..ฮ่าๆๆ นายกำลังจะร้องไห้เหรอ ฮ่าๆๆ

     

    ฮือๆๆๆ....แง้......  TToTT 

    บ้าชะมัดเลย นายตาตี่กำลังร้องไห้โฮ  สาวผมบลอนด์ข้างๆเริ่มมองหน้าฉันแปลกๆ  ฉันไม่น่าไปสะกิดต่อมน้ำตาของนายนี่เลย  ใครจะไปคิดว่าเรื่องแค่นี้จะทำให้ผู้ชายร้องไห้ได้ล่ะ

     

    นี่นายหยุดร้องได้มั้ย คนอื่นมองใหญ่แล้ว เดี๋ยวเค้าก็เข้าใจผิดว่าฉันรังแกนายหรอก เอ้า...นี่เช็ดน้ำตานายซะ ฉันยื่นผ้าเช็ดหน้าสีขาวผืนโปรดของฉันให้เขา

     

    ขะ..ขอบคุณ..เอ้ยขอบใจมากนะ  พรืดดดด..

     

    กรี๊ดดดดด ใครใช้ให้นายเอาไปเช็ดขี้มูกกันเล่า นายงั่งเอ้ย

    ตอนนี้คนที่ควรร้องไห้น่าจะเป็นฉันมากกว่า  ผ้าเช็ดหน้าที่แม่ฉันอุตสาห์ปักให้กับมือ ต้องมาแปดเปื้อนน้ำมูกของใครก็ไม่รู้ TTOTT

     

    ขอโทษนะ  แล้วฉันจะซักให้  แหงซิมันเป็นสิ่งที่นายต้องทำ แต่ใครจะไปกล้าใช้อีกล่ะ

     

    วันนี้ทั้งวันฉันแทบไม่ได้เรียน เพราะนายตาตี่เอาแต่ถามคำถามกับฉัน ถ้านับแล้วคงจะได้มากกว่าร้อยด้วยซ้ำ  เขาซักประวัติฉันด้วย ตั้งแต่ชื่อจริง ชื่อเล่น ชื่อพ่อแม่(เอาไปทำไรก็ไม่รู้) และอื่นๆอีกมากมาย ดูๆไปเขาก็เป็นคนที่ร่าเริงสดใส ดูไร้เดียงสา ไม่มีพิษภัย ตอนเที่ยงฉันกับนายตาตี่ก็ไปทานอาหารที่โรงอาหารด้วยกัน  เขาบอกให้ฉันนั่งรอที่โต๊ะสักพักก็เดินยิ้มแฉ่งมาพร้อมอาหารมากมาย

    นี่นายจะกินหมดนี่เลยเหรอ  นายมันเป็นคนรึเปล่าเนี่ย

     

    ก็ฉันไม่รู้ว่าเธอชอบอะไรนี่นา

     

    นายเลยเอามาหมดเนี่ยนะ

     

    แฮ่ๆ...  นายตาตี่ยิ้มจนปากแทบฉีกถึงหู ใจจริงฉันอยากจะด่านายมากกว่านี้ แต่พอนึกถึงตอนนายร้องไห้ขี้มูกโป่งแล้วฉันกลัวขึ้นมาทันที

     

    ฉันขอแค่เบอร์เกอร์นี่  แล้วก็น้ำส้ม ที่เหลือนายจัดการ

     

    หา.....เอาจริงเหรอฉันไม่ไหวนะ

     

    อ้าว ก็นายเอามาก็ต้องรับผิดชอบซิ

     

    คร๊าบบบคุณผู้หญิง ทานละน๊า งั่มๆๆ

    อิอิอิ  นายนี่กินได้น่ารักจัง ฉันนั่งมองเขาจัดการกับอาหารที่กองเต็มโต๊ะไปเรื่อยๆ พลางนึกถึงเรื่องที่เขาบอกว่าไม่มีเพื่อนเลย  ทำไมนะเขาก็ดูเป็นคนดี น่ารักด้วยซ้ำไป

     

    นี่ฉันถามอะไรหน่อยนะ แต่นายต้องสัญญาว่าจะไม่ร้องไห้เหมือนตอนเช้า

     

    อ๋ามอะไอเอ๋อเขาพูดทั้งๆที่เบอร์เกอร์ยังเต็มปาก

     

    นายรีบกลืนมันลงไปก่อนได้มั้ย

     

    เอื๊อก...อ่า....ถามอะไรเหรอ

     

    ก็สัญญาก่อนว่าจะไม่ร้องไห้

     

    โอเคคร๊าบบบ

     

    ที่นายว่า ไม่มีเพื่อนเลยน่ะจริงเหรอ??

     

    .......  รอยยิ้มจางหายไปจากใบหน้าของเขาทันที

     

    เอ่อ...ไม่ถามก็ได้ ฉันขอโทษนะ เราเปลี่ยนเรื่องดีกว่า แหะๆๆ

     

    ไม่เป็นไรหรอก  เป็นความจริงที่ฉันไม่มีเพื่อนเลยคนอื่นไม่มีใครอยากคบกับฉัน เพราะฉันมันอ่อนแอ ทำอะไรก็ไม่เป็นซักอย่าง  โถ..นายตาตี่ผู้น่าสงสาร

     

    ใครว่าล่ะ นายน่ารักดีออกแล้วนายก็ปาหนังสือพิมพ์แม่นจะตายไป โดนหัวฉันเต็มๆ

     

    อ๊ะ...จริงเหรอเธอว่างั้นเหรอ

     

    แน่นอน  แล้วถ้านายบ่นว่าไม่เพื่อนอีกฉันจะถือว่านายไม่เห็นฉันอยู่ในสายตา รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าเขาอีกครั้ง  สีหน้าดีใจเหมือนเด็กๆที่ใสซื่อบริสุทธิ์

     

    เธอยอมเป็นเพื่อนกับฉันเหรอ  จริงๆนะ ไม่ได้หลอกกันนะ  เย้ๆๆๆ เรื่องนี้ต้องบอกให้เคจังรู้ด้วยเขากระโดดขึ้นลงๆอยู่ใกล้ๆฉัน

     

    อ๊าย....นายนั่งลงเดี๋ยวนี้นะ คนมองกันทั้งโรงอาหารแล้ว

    เคจังเป็นใครกันนะ  พ่อของนายรึไง แต่นั่นก็ยังไม่สำคัญเท่านายทำฉันอับอายได้ตั้ง 2ครั้งภายในวันเดียว  นี่ฉันคิดถูกรึเปล่าเนี่ยที่คบคนแบบนี้เป็นเพื่อน

     

    อ้อ....เอมม่าเธอมีชมรมอยู่ยัง??

     

    จำเป็นต้องเข้าด้วยเหรอ

     

    ไม่เชิงนะ  แต่เธอคงต้องนั่งเหงาหลับตอนบ่ายนี้ถ้าเธอไม่หาชมรมอยู่ เพราะวันนี้ช่วงบ่ายจะเป็นช่วงกิจกรรมน่ะ  เอ้อ....เธอมาอยู่ชมรมบาสฯกับฉันมั้ย  ถ้าเธออยู่ด้วยนะเราสามคนจะได้มาเล่นบาสฯด้วยกัน

     

    นายหมายถึงใครที่ว่าสามคนน่ะ?

     

    ก็ ฉัน เธอแล้วก็เคจัง

     

    เคจังเป็นใคร??

     

    อา....เคจังเป็นเพื่อนคนเดียวของฉันอ่ะ  จริงด้วย!!ฉันลืมไปว่าวันนี้เขาไม่มาเรียน เกิดอะไรขึ้นกับเขารึเปล่านะ  เพิ่งคิดได้เหรอว่าเพื่อนนายไม่มาเรียนน่ะ 

     

    ท่าทางเป็นห่วงกันจิ๊ง..เป็น ฟ.แฟนกันเหรออออฉันถามเสียงสูงปรี๊ด

     

    มะ....มะ....ม่ายช่ายน๊า.....เคจังเป็นเพื่อนฉัน

     

    ไม่ใช่แล้วทำไมนายต้องหน้าแดงด้วย  ให้ตายเถอะฉันไม่ได้พูดเล่นนะ นายตาตี่แก้มแดงเป็นแตงโมเลย (เค้ามีแต่แดงเป็นลูกตำลึง -_-“ )

     

    ก็..ฉัน...ฉันยังไม่มีแฟนนิ  เขาพูดเสียงอยู่ในลำคอราวกับกลัวฉันจะได้ยิน  แต่โทษทีฉันได้ยินแจ่มเลยล่ะ

    อะไรน๊า....ไม่ได้ยิน พูดอีกทีซิ

     

    ฉันม่ายมีแฟนนน ได้ยินยางงงง

     

    โอ้....ให้ตายเถอะโรบิ้นหน้านายแดงหนักกว่าเดิมอีก หูก็แดงด้วยนะ ฮ่าๆๆ นายแตงโมหน้าแด๊ง.....แดง

     

    ง๊า....ฉันไม่คุยกับเธอแล้ว เจอกันที่โรงยิมละกัน

    นายตาตี่ใช้สองมือปิดหน้าแล้ววิ่งหนีไป ฉันไม่คิดจะตามหรอกนะปล่อยให้ไปสงบสติอารมณ์สักพักคงดีกว่า คนอะไรตลกชะมัด ต่อไปนี้ฉันรู้แล้วล่ะว่าแกล้งใครสนุกที่สุด อิอิอิ

     

     

    เสียงดนตรีอันไพเราะล่องลอยตามสายลม เข้ามากระทบโสตประสาทของฉัน 

    เพราะจัง  มาจากไหนนะ  ฉันพึมพำกับตัวเองหลังจากถูกนายตาตี่ทิ้งให้อยู่คนเดียว  ขาของฉันราวกับต้องมนต์สะกดให้เดินตามเสียงนั้นไปเพื่อหาแหล่งกำเนิดของมัน

     

    ณ ห้องๆหนึ่ง ภาพเบื้องหน้าฉันคือชายหนุ่มผมสีน้ำตาลเข้ม ยาวระต้นคอ จมูกโด่งรับกับใบหน้ารูปไข่เรียวสวย นิ้วทั้งสิบของเขากำลังกรีดกรายอยู่เหนือเปียโนสีขาวหลังงาม 

     

    กรี๊ดดด.....หล่อลากดินเลยค่า  ฉันได้แต่ตะโกนในใจ เพราะจิตสำนึกของกุลสตรีช่วยห้ามไว้ได้ทัน

     

    ฉันยืนทำตาละห้อยฟังเขาเล่นเปียโนอยู่ห่างๆ  กลัวว่าถ้าเข้าไปใกล้กว่านี้จะทำให้เขาเสียสมาธิ

     

     

    เด็กน้อย  อยู่ตรงนั้นจะรู้เรื่องเหรอ เข้ามานี่ซิ 

    อ๊ากกก เขาพูดกับฉันด้วย  แต่ว่าทำไมต้องเรียกฉันว่าเด็กน้อยด้วยนะ  เขาเป็นรุ่นพี่ฉันแค่ 5 ปีเองเพราะเขากำลังเรียนไฮสกูลล์ปีสุดท้าย (เค้าเรียกว่าห่างกันหลายปีเลยเจ๊เอมม่า)  ชื่อของเขาคือ ราฟาเอล โอ๊ยๆๆ ให้ตายเถอะพ่อยอดเทวดาของฉัน  ฉันนั่งฟังเขาเล่นเปียโนสลับกับที่เขาสอนฉันเล่น  มีความสุขชะมัดแต่ไม่รู้เพราะได้เล่นเปียโนหรือเพราะคนสอนเปียโนกันแน่  ฉันตัดสินใจได้แล้วล่ะว่าฉันจะอยู่ชมรมอะไร

     

    เธอมาอยู่ชมรมบาสฯกับฉันมั้ย  ถ้าเธออยู่ด้วยนะเราสามคนจะได้มาเล่นบาสฯด้วยกัน เสียงนายตาตี่ตามมาหลอกหลอนฉัน  ตายแล้วฉันลืมนายนั่นไปสนิทเลยป่านนี้แล้วยังจะรอฉันอยู่มั้ยเนี่ย

    ฉันขอตัวก่อนนะคะ  ไว้จะมาใหม่

    ย่อมได้เสมอ  ราฟาเอลพูดก่อนส่งยิ้มหวานบาดใจมาให้ฉัน

     

     

     

     

     

    ฉันวิ่งมาที่โรงยิมเพราะคิดว่านายตาตี่น่าจะอยู่ที่นี่  แต่ก็เจอแค่ความว่างเปล่า เฮ้อ....ฉันผิดนัดนายซะแล้ว ขอโทษจริงๆนะ

     

    ไอ้พวกบ้า  ยะ....อย่าเข้ามานะ แกก็รู้ว่าถ้าฉันเจ็บพวกแกจะเป็นยังไง  เสียงใครคนหนึ่งดังมาจากด้านหลังโรงยิม   ฉันไม่อยากสนใจหรอกนะถ้าเสียงนั้นไม่คุ้นหูฉันเหลือเกิน

    บอกว่าอย่าเข้ามาไง อ๊ากกก....ช่วยด้วยย มันจะฆ่าช๊านนน  ประโยคนี้คุ้นๆ  ไอ๊หยา..นายตาตี่นี่นา

    ฉันรีบวิ่งไปสังเกตการณ์อย่างลับๆอยู่ที่มุมหนึ่ง 

    ฮ่าๆๆๆ ใครจะมาช่วยแกได้วะ  นายกุ้งแห้งหัวทองตะคอกใส่หน้านายตาตี่ ที่ตอนนี้กำลังนั่งตัวสั่นอยู่ท่ามกลางแก๊งค์อันธพาลของนายไมค์ ไอ้พวกนี้ละที่เคยแกล้งฉัน

    แหกปากเข้าไป  ไอ้หมาบ้าญี่ปุ่นมันคงจะได้ยินอยู่หรอก ไอ้งั่งเอ้ย ไอ้อ้วนอัปลักษณ์กำลังร่วมด้วยช่วยกันซ้ำเติม  นายทำไมปล่อยให้พวกมันรังแกอย่างนี้ละนายตาตี่

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×