คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : chapter :3: ออกเดินทาง Let's goo..
นาฬิกาปลุกดังขึ้นตอน 7โมงเช้าตรงเป๊ะ ตามเวลาที่ฉันตั้งไว้ ถึงแม้ฉันจะชอบขว้างมันทิ้งบ่อยๆเวลาที่ฉันรำคานเสียงปลุกยามเช้าของมัน แต่มันก็ไม่เคยลืมทำหน้าที่ของตัวเอง ฉันรีบอาบน้ำแปรงฟัน แล้วลงไปที่ห้องอาหาร ฉันเห็นพ่อกับแม่นั่งอยู่ที่โต๊ะก่อนแล้ว จึงเข้าไปทักทาย
"อรุณสวัสดิ์ค่ะ คุณพ่อคุณแม่" ฉันเอ่ยพร้อมยิ้มอย่างอารมณ์ดี
.......................... ไม่มีสัญญาณตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก เป็นอะไรกันไปนะสองคนนี้ หรือว่าทะเลาะกันเรื่องไปเกาหลีของฉันตั้งแต่เมื่อวานยังไม่จบอีกเหรอ ให้ตายเถอะโรบิ้น ฉันไม่ชอบบรรยากาศแบบนี้เลย อึดอัดชะมัด
"พ่อคะแม่คะ คือว่า หนูไม่ไปก็ได้นะคะ ถ้าพ่อไม่สบายใจล่ะก็"
"ไม่ได้นะลูก ลูกต้องไป" แม่เริ่มพูดบ้างแล้ว
"ก็ มันก็แค่งานฉลองธรรมดา ไม่ไปก็คงไม่มีผลกระทบกับธุรกิจของเรามั้งคะ เราก็บอกเค้าไปว่าเราไปไม่ได้จริงๆ เค้าคงเข้าใจ" ฉันพยายามโน้วน้าวใจแม่อย่าสุดฤทธิ์ อะไรที่ทำให้พ่อไม่สบายใจอ่ะ ฉันไม่อยากทำที่สุด ก็ฉันรักพ่อนี่นา
"มันสำคัญมากนะลูก ลูกต้องไปเกาหลีเพราะ......"แม่นิ่งไปทำท่าคิดเหมือนหาเหตุผล "เพราะทางโน้นเค้าช่วยเหลือเราไว้มาก ไม่ไปก็น่าเกลียดน่ะนะ เหอะๆๆ"แม่ทำเป็นหัวเราะกลบเกลื่อน
"ผมไปทำงานละนะ"พ่อวางถ้วยกาแฟลงแล้วคว้าสูทที่พาดกับเก้าอี้ "พ่อว่าลูกตามใจแม่เค้าเถอะ อย่าให้แม่เค้าลำบากใจ" หลังจากพ่อเดินออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งฉันนั่งเอ๋ออยู่กับแม่
"นี่ตกลงว่าพ่อเค้าให้หนูไปเหรอคะ" แม่ยิ้มพลางพยักหน้าเล็กน้อยเป็นคำตอบ "แต่ว่าหนูต้องไปคนเดียวนะ แม่ไปด้วยไม่ได้จริงๆ" "ค่ะแม่ หนูรู้แต่ว่าหนูยังไม่รู้อะไรเกี่ยวกับธุรกิจของแม่เลยนะคะ หนูกลัวว่าถ้าไปแล้วจะทำอะไรไม่ถูกน่ะ" ฉันบอกแม่อย่ากังวล
"งั้นวันนี้ลูกไปที่โรงงานกับแม่นะจ๊ะ แม่จะอธิบายให้ฟังเอง"
ฉันมาที่โรงงานกับแม่ นี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่ปิดเทอมที่ฉันยอมมาโรงงาน คนงานทุกคนคงแปลกใจไม่น้อย บางคนก็ไม่รู้จักฉันเพราะเพิ่งเข้ามาทำงานได้ไม่นาน แต่พวกรุ่นเก่าๆ คงจะสั่งสอนแล้วล่ะว่า "นี่คือคุณหนูเอมวลี ลูกสาวคนโตของเจ้าของโรงงานนี้" เวลาที่ฉันเดินผ่านทุกคนจึงยิ้มและก้มหัวให้เล็กน้อยเป็นการทักทาย โรงงานของแม่ถือว่าเป็นโรงงานขนาดไม่ใหญ่มาก(ในความคิดของฉันนะ)มีคนงานประมาณ 200 กว่าคนได้ แต่แม่ก็ยังบ่นว่าทำงานส่งไม่ค่อยจะทัน ฉันเดินตามแม่มาจนถึงห้องทำงานที่อยู่ชั้นบนของโรงงานส่วนผลิต จากห้องนี้มองลงไปผ่านกระจกบานใหญ่ จะมองเห็นคนงานเป็นร้อยกำลังง่วนกับการตัดเย็บเสื้อผ้า
"ลูกมานั่งซิ" "ค่ะแม่"ฉันเดินไปนั่งลงที่เก้าอี้โดยมีโต๊ะทำงานตัวใหญ่กั้นกลางระหว่างฉันกับแม่ไว้ คราวนี้ละฉันจะได้รู้เรื่องของบริษัทลูกค้าของแม่ซะทีจะเป็นยังไงบ้างนะ
"อันที่จริงแล้ว เกี่ยวกับทางโน้น แม่ไม่รู้อะไรเลยจ๊ะ" ว๊ายยย...กำแท้ๆ ฉันแทบตกเก้าอี้น่ะ
"แม่ไม่รู้เรื่องของเค้าแล้วแม่ทำธุรกิจกับเค้ามาตั้งหลายปีเนี่ยนะ เกิดเค้าเบี้ยวไม่จ่ายเงินขึ้นมาล่ะ แม่จะไปตามเค้ายังไงค๊า"
"ยังไงเค้าก็ไม่เบี้ยวแม่หรอกจ๊ะ"
"แม่จะแน่ใจได้ยังไงคะ เงินน่ะไม่เข้าใครออกใครนะคะ"
"เอาน่า คนคุ้นเคยแม่ไว้ใจเค้า เค้าก็ไม่เคยทำอย่างที่ลูกว่าซักครั้งเลยนะ"
เฮ้อ นี่ล่ะคะแม่ฉัน นี่เค้าคิดว่าตัวเองเล่นขายของอยู่รึไงเนี่ย ปรากฎว่าสิ่งที่ฉันรู้เกี่ยวกับบริษัทที่เกาหลี คงไม่ต่างจากแม่ฉันเท่าไร ฉันขอเรียกว่านายทุนละกัน นายทุนคนนี้เป็นลูกค้าเก่าแก่ ชอบในฝีมือการตัดเย็บเสื้อผ้าของแม่ ขนาดว่ากลับไปเกาหลีแล้วยังใช้บริการของแม่อยู่ แรกๆก็สั่งตัดใส่เอง หลังๆเริ่มส่งแบบมาให้ตัดตามสั่ง จากนั้นมันก็มากขึ้นๆ ได้ข่าวว่าเค้าเปิดเป็นห้องเสื้อสร้างแบรนด์ของตัวเอง จนประสบความสำเร็จมากมายในเกาหลี สินค้าขายเกลี้ยงแทบไม่เหลือในสต๊อก แล้วโรงงานที่ฉันมานั่งอยู่นี่ก็เป็นเงินลงทุนจากลูกค้าคนนี้ แต่ดันยกให้ใช้ชื่อแม่ฉันเป็นเจ้าของซะนี่(อะไรจะใจดีปานน๊าน) แล้วก็เหมือนกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ครอบครัวเรามีได้ทุกวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นบ้าน(ที่ฉันชอบคิดว่ามันเป็นโรงแรมทุกที) รถยุโรปยี่ห้อดัง โรงงานฯ ก็เพราะนายทุนคนนี้ ฉันหวังว่าไปเกาหลีครั้งนี้คงได้รู้อะไรเกี่ยวกับนายทุนคนนี้เยอะขึ้นล่ะ ถ้าเค้าเป็นพวกหว่านพืชหวังผล ฉันจะได้บอกให้คุณแม่แสนซื้อของฉันระวังไว้
--------------------------------------------------------------------------------------------
เวลา 3 ทุ่ม ณ ห้องนั่งเล่น
"นี่แอม ฉันใช้คอมหน่อยเด่ะ"
"โห...คุณพี่ครับ จะขอร้องคนอื่นน่ะพูดให้มันเพราะๆกว่านี้หน่อยซิครับ"
"กวนนะแก คอมนี่ของแกคนเดียวซะที่ไหนล่ะ จะให้ใช้ดีๆมั้ยห๋า..." ฉันเริ่มรำคานไอ้น้องชายตัวดีนี่ขึ้นมา ถ้าฉันไม่มีธุระจำเป็นจริงๆล่ะก็ ฉันไม่มายุ่งกับมันหรอก
"พี่จะทำอะไรล่ะ"
"ส่ง E-mail หาเพื่อน แค่ฉบับเดียวเอง ไม่นานหรอก"
"ก็ได้ ห้ามนานนะ"
"เออ รู้น่า"
To
..นายตาตี่
สบายดีมั้ย เหมือนฉันเพิ่งถามนายไปเมื่อไม่กี่วันนี้เองนี่นะ แต่ก็อยากถามอีก หวังว่าคงสบายดีนะ ฉันมีเรื่องจะบอก มันต้องทำให้นายตื่นเต้นและดีใจสุดๆไปเลย เชื่อเหอะเพราะฉันก็เป็นแบบนั้น ถ้านายอยู่ใกล้ๆคงจะตอบว่า "เธอหาแฟนได้แล้วใช่มะ ถึงดีใจขนาดนี้" และหลังจากนั้นนายก็จะโดนฉันตบเข้าที่ท้ายทอยด้วยความรัก นายเดาผิดแล้วล่ะ ฉันกำลังจะบอกว่า พรุ่งนี้ฉันจะไปเกาหลีแล้วนะ ฉันไปทำธุระแทนแม่น่ะ นายรีบส่งที่อยู่กับเบอร์โทรที่ติดต่อได้ของนายมาให้ฉันด่วนเลยนะ อย่าลืมนะ เข้าใจ๋?
ฉันคลิกที่ปุ่ม send เป็นอันจบพิธี เจ้าหมอนั่นจะเมล์กลับมาก่อนที่เราจะเดินทางรึเปล่านะ ตาตี่เป็นเพื่อนที่ฉันสนิทที่สุดตอนอยู่อเมริกา แล้วยังเคยช่วยเหลือฉันเอาไว้มาก ถ้าไม่มีนายตาตี่คนนั้น ฉันก็อาจไม่มีชีวิตรอดมาจนทุกวันนี้ก็ได้ ตั้งแต่แยกจากกันฉันก็ยังติดต่อกับตาตี่ทางเมล์ตลอด แทบจะรู้ทุกความเคลื่อนไหวของกันและกันเลยล่ะ
"พี่ เสร็จยังอ่ะ เสร็จแล้วก็ลุกดิ ผมจะเล่น มานั่งเหม่ออยู่ได้" เจ้าแอมพูดไปก็เบียดฉันจนแทบตกเก้าอี้ แกไม่ได้เล่นซักวันมันจะตายมั้ยหา
"ฉันขึ้นไปนอนแล้วนะ" ฉันพูดแทนการบอกราตรีสวัสดิ์
"จะนอนแล้วเหรอพี่ งั้นผมไปด้วย มีเรื่องจะคุยกับพี่ นะนะ"
"งั้นฉันขึ้นไปก่อนละกัน แกเล่นเสร็จก็ตามไป ฉันจะไม่ล๊อคห้อง"
ฉันเดินขึ้นมาถึงห้องแล้วทิ้งตัวลงนอนบนเตียง เฮ้อ...พรุ่งนี้แล้วซินะ ที่ต้องไปเกาหลี ไม่ได้กลัวที่ต้องไปต่างประเทศคนเดียวนะ มันชินซะแล้ว แต่ที่กังวลน่ะคือเรื่องลูกค้าของแม่น่ะซิ เค้าจะต้อนรับเรายังไง พวกนั้นเป็นคนแบบไหน แล้วไหนจะเรื่องพ่อกับแม่ที่มีอาการแปลกๆเวลาพูดถึงเมืองกิมจินั่น โอ๊ย ยิ่งคิดยิ่งปวดหัว ฉันนอนหลับตาเพื่อพักสายตาสักครู่ ได้ยินเสียงเปิดประตูเข้ามา
"แอมเหรอ"ฉันถามทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจ "อืม ผมเอง" เจ้าแอมพูดจบก็ลงมานอนข้างๆฉัน ตอนนี้เราสองคนนอนแผ่หราอยู่บนเตียง ฉันเห็นเจ้าแอมดวงตาเลื่อนลอยมองเพดานอย่างไร้จุดหมาย
"ไง ไอ้น้องชายมีไรจะพูดเหรอ ทำหน้าตาแบบนี้แสดงว่ามีเรื่องคิดมากแน่นอน อกหักล่ะซิ"
"................................." มันนิ่งไม่ตอบฉัน นี่ฉันพูดแทงใจดำมันขนาดนั้นเลยเหรอ
"แอม อกหักจริงเหรอ" ถึงมันจะชอบกวนฉัน แต่เห็นมันเงียบๆไปแบบนี้ฉันก็ใจไม่ดีนะ
"ไม่ใช่อ่ะพี่ เรื่องที่พี่จะไปเกาหลีน่ะ ผมรู้สึกแปลกๆยังไงไม่รู้ซิ"
"แปลกยังไงเหรอ นั่นแน่...แกกลัวจะคิดถึงฉันใช่มั้ยเวลาที่ฉันไม่อยู่ โอ๋ๆๆที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง เดี๋ยวเจ๊กอดให้หายคิดถึงไว้ก่อนเลยอ่ะ มามะ" ไม่น่าเชื่อมันยอมให้ฉันกอดโดยไม่ขัดขืนสักนิด ถ้าเป็นเวลาปกติถึงแม้มันจะชอบพูดว่าอยากให้ฉันกอดขนาดไหน แต่พอเอาเข้าจริงๆ ฉันไม่มีทางได้ถูกตัวมันหรอก ไม่รู้จะหวงเนื้อหวงตัวไปถึงไหน แถมยังชอบบอกว่ามันไม่ใช่เด็กๆเหมือนเมื่อก่อนแล้วนะ ก็มันน่ะอายุตั้ง 18แล้วก็โตเป็นหนุ่มแล้ว เกิดใครมาเห็นก็อายแย่ซิ
"พี่เอม ผมแอบได้ยินพ่อกับแม่คุยกัน เรื่องคนเกาหลีน่ะ เห็นบอกว่าถึงเวลาคืนให้เขาแล้ว แต่ผมก็ยังนึกไม่ออกอยู่ดีว่า คืนอะไรแล้วคืนให้ใคร มันจะเกี่ยวกับเรื่องไปเกาหลีของพี่ครั้งนี้มั้ย"
"อืม พี่ก็ไม่รู้เหมือนกันนะ อ๋อ....สงสัยแม่ยืมเงินเค้ามามั้ง แล้วก็คงจะถึงเวลาคืนเงิน เหอะๆๆ พี่เดาเอานะ ก็น่าจะเป็นเรื่องนี้"
"พี่ครับ เคยคิดเล่นๆมั้ยว่า ถ้าพี่ไปแล้วไม่ได้กลับมา เอ่อไม่ได้หมายถึงตายนะ ผมหมายถึงไม่ได้กลับเมืองไทยอ่ะ พี่จะทำยังไง" ฉันเริ่มรู้สึกว่าเจ้านี่ชักจะเป็นเอามาก เป็นห่วงพี่สาวถึงขนาดนี้เลยเหรอ
"พี่ก็.....หาแฟนหล่อๆ แต่งงานเป็นสะใภ้กิมจิไปเลย 5555 แกอย่าซีเรียดหน่อยเลยเจ้าแอม ฉันไปแป๊บเดียวเดี๋ยวก็กลับ จะซื้อของฝากมาให้ด้วย เด็กน้อยเอ้ย"
ฉันพูดพลางขยี้ผมเจ้าแอมเล่น ฉันนั่งมองหน้ามันชัดๆ เจ้าแอมโตขึ้นมาก เป็นหนุ่มหล่อเชียว แถมยังสูงกว่าฉัน ความสูงของมันน่าจะเฉียดๆ 180 แล้วล่ะ แต่ต่อให้แกโตยังไง แกก็ยังเป็นเด็กน้อยของพี่อยู่ดี
---------------------------------------------------------------------------------------
รุ่งขึ้นที่สนามบิน ทุกคนมาส่งฉันซึ่งกำลังจะเดินทางไปเกาหลี ฉันจัดการเอกสารทุกอย่างจนเรียบร้อย ไปที่ประตูทางออก แล้วจึงหันไปล่ำลากับทุกคน
"พ่อคะ แม่คะหนูไปก่อนนะ หนูจะทำให้ดีที่สุดค่ะ เสร็จงานจะรีบกลับมานะ"
"ลูกแม่ ดูแลตัวเองดีๆนะลูก ไม่ว่าจะเกิดอะไรจำไว้ว่าแม่รักลูกนะ" แม่พูดแปลกๆ ทำไมไม่เห็นเหมือนครั้งที่ฉันจะไปอเมริกาเลย ตอนนั้นแม่ดูมีความสุขมาก แต่ไหงตอนนี้ฉันจะไปแค่เกาหลี แล้วก็ไปไม่กี่วัน ทำไมแม่ต้องทำท่าอาลัยอาวรณ์ขนาดนั้น
"เอ่อ....พ่อไปรอที่รถนะ" พูดจบพ่อรีบเดินจากไปทันที ฉันยังไม่ทันได้ลาพ่อเลย
"เจ้าแอม พี่ไปก่อนนะ อย่าห่วงเลยเดี๋ยวพี่ก็กลับ"
"ครับผมจะรอนะ อย่าลืมของฝากด้วยล่ะ"
"เออน่า ใกล้เวลาแล้วเดี๋ยวตกเครื่องไปนะคะ" ฉันหันหลังกลับไปพูดกับทุกคนเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะวิ่งเข้าไปที่ประตูทางออก
ผู้โดยสารข้างฉันเป็นหนุ่มชาวอังกฤษที่อัธยาศัยดีมาก ทั้งฉันและเขาคุยกันถูกคอ ฉันได้ฟังเขาเล่าประสบการณ์การเดินทางท่องเที่ยวของเขา ไปประเทศโน้นประเทศนี้จนเพลิน เผลอหลับไปเมื่อไรไม่รู้ตัวเลย ฉันตื่นขึ้นอีกทีเมื่อเขาสะกิดฉันให้เตรียมตัวก่อนเครื่องจะลงจอด เมื่อลงมาถึงสนามบิน เขาเอ่ยลาฉันอย่างสุภาพ แต่ก็ยังไม่ลืมถามอย่างเป็นห่วงว่าฉันกำลังจะไปไหน เอาแล้ว....เอมม่าเอ๋ย นี่เรากำลังจะไปไหนล่ะเนี่ย ฉันเริ่มหมุนรอบตัว 360° ผู้คนเดินกันให้ควั่ก ระหว่างที่ฉันกำลังมืดแปดด้านอยู่นั้น....
"สวัสดีค่ะ คุณเอมวลีใช่ไหมคะ" ฉันหันหลังกลับมา พบต้นตอของเสียง เป็นผู้หญิงตัวเล็ก สูงไม่น่าเกิน 160 ผมบ๊อบสั้นสีดำขลับ แต่งตัวเหมือนสาวออฟฟิสทั่วไป ดูท่าทางเป็นคนคล่องแคล่วและมั่นใจในตัวเองสูง พูดง่ายๆก็คือ บุคลิกดี แถมหน้าตายังสวยอีกต่างหาก ฉันคงจ้องเธอมากไป เธอเลยมองหน้าฉันด้วยสีหน้าสงสัย??
"คุณคะ คุณเอมวลีใช่รึเปล่าคะ"
"อ้อ...เอ่อๆ ใช่ค่ะ คุณคือ...."
"ดิฉัน "คิมซังฮี" ค่ะ ฉันเป็นคนที่ Shim Group ส่งมาดูแลคุณค่ะ จากนี้ฉันจะเป็นคนติดตามคุณ มีอะไรใช้ฉันได้ตลอดเวลาค่ะ อ้อคุณเรียกฉัน เจนี่ก็ได้นะคะสะดวกกว่า ส่งกระเป๋าให้คนของฉันช่วยถือดีกว่านะคะ"
Shim Group นี่สงสัยจะเป็นบริษัทของลูกค้าคนนั้นแน่เลย ไม่งั้นคงไม่ส่งคนมาดูแลฉันหรอกฉันนึกในใจ ยังไม่ทันไรชายร่างยักษ์ก็เข้ามาคว้ากระเป๋าของฉันไป อีตาคนนี้ถ้าไปเจอข้างนอกฉันคงจะคิดว่าเป็นมือปืน รึไม่ก็มาเฟีย พี่แกเล่นใส่สูทสีดำ นี่ถ้าสวมแว่นดำอีกนิดล่ะใช่เลย แต่อย่าเลยนะเดี๋ยวคนจะเข้าใจผิดกันไปหมด คิดว่าฉันเป็นเจ้าแม่มาเฟียซะเอง
"คุณคงเหนื่อยฉันจะพาคุณไปที่พักเลยละกันนะคะ" เจนี่เริ่มวางแผนชีวิตให้ฉันตั้งแต่แรกเจอ
"ค่ะ ดีเหมือนกัน" ฉันตอบอย่างเนือยๆ แล้วฉันจึงเดินตามเธอออกจากสนามบินไป
To Be Continue..........................
************************************************************************
ความคิดเห็น