คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่ 3 คำพยากรณ์
“ที่ นี่มันที่ไหนเนี่ย” ยา มาโตะพูดพลางมองบรรยากาศโดยรอบที่มีแต่กลุ่มหมอกควัน อะไรกัน...นี้เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง จำได้ว่าเมื่อกี้เขายังนอนหลับอยู่ในห้องนอนของเขาที่พระราชวังของซุสบนเขา โอลิมปัสอยู่เลยนี่นา
กรอบแกรบ~
เสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลังยามาโตะพร้อมกับมีเงาดำวิ่งผ่านข้างหลังเขา
“นั่น ใคร” เสียงทุ้มของบุรุษหนุ่มผู้เป็นเจ้าของใบหน้าอันหล่อเหลาเอ่ยขึ้นเมื่อรู้สึก ว่าตนเองถูกใครบางคนจับจ้อง เงาดำวิ่งผ่านหน้าเขาหายเข้าไปในสายหมอก ยามาโตะวิ่งตามเงาดำไปด้วยความสงสัยใคร่รู้แต่แล้วเงาดำที่เขาตามเข้ามากลับ หายไป ผู้ที่ปรากฏตรงหน้าคือบุรุษสวมผ้าคลุมหน้าไว้ในมือของเขาถือดอกกุหลาบสีแดง สวยงามไว้ดอกหนึ่ง
“คุณเป็นใคร” ยามาโตะร้องถาม
“ข้าเป็นใคร เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้ แต่ข้ามีของจะให้เจ้า” บุรุษผ้าคลุมดำเอ่ย
“อะไร” โอรส แห่งเจ้าท้องฟ้าเอ่ยถาม ชายผู้คลุมใบหน้ายื่นดอกกุหลาบสีแดงสวยงามให้ยามาโตะ ซึ่งเขาก็รับมันไว้แต่ก็โดนหนามกุหลาบแหลมคมบาดฝ่ามือข้างขวาจนต้องทิ้ง กุหลาบลงพื้น โลหิตสีเขียวไหลออกจากบาดแผลลงสู่พื้น ยามาโตะเอามืออีกข้างกดแผลไว้ สีหน้าแสดงความเจ็บปวดราวกับว่าถูกตัดแขนตัดขา
“ทำไม ไม่บอกก่อนว่ามันมีหนาม!” ยามาโตะพูด มองคู่กรณีด้วยสีหน้าไม่พอใจจะเอาเรื่อง แต่บุรุษตรงหน้าไม่คิดอะไร เขากลับยิ้มเยาะก่อนจะพูดเป็นนัยว่า
“กุหลาบ...ก็ เปรียบเสมือนหญิงงาม ไอ้ความงามนี้แหละที่ทำให้ทั้งเทพเจ้า มนุษย์ หรือแม้แต่พวกอสูรต้องพังพินาศมานักต่อนักแล้ว ฉะนั้น...ข้าขอเตือนอย่าไว้ใจใคร แม้กระทั่งหญิงที่เจ้าจะรับเป็นชายา”
“พูดเรื่องอะไร ฉันไม่เห็นเข้าใจ” ยามาโตะเอ่ย รู้สึกงงมากกับความหมายที่อีกฝ่ายต้องการสื่อ บุรุษตรงหน้าส่ายศีรษะก่อนจะบอกว่า
“ตอน นี้เจ้าอาจจะยังไม่เข้าใจ แต่เมื่อเวลานั้นมาถึงเจ้าจะเข้าใจคำพูดของข้า แต่อย่าลืม...อย่าไว้ใจใครเด็ดขาด” คำพูดเตือนของบุรุษปริศนาค่อยๆเบาลงพร้อมกับกลุ่มหมอกควันค่อยๆจางลงเรื่อยๆ จนกระทั่งยามาโตะสะดุ้งตื่นด้วยเสียงนาฬิกาปลุก ลุกขึ้นนั่งก็พบว่าตัวเขายังอยู่ในห้องนอนที่พระราชวังบนเขาโอลิมปัสไม่ได้ อยู่ในกลุ่มหมอกควันอย่างเมื่อครู่ แสดงว่าเขาฝันไปงั้นเหรอ...เป็นฝันที่แปลกจริงๆ
ยา มาโตะยกมือข้างขวาขึ้นจะเช็ดเหงื่อบนใบหน้า แต่แล้วก็ชะงักเมื่อเห็นรอยบาดแผลฝ่ามือขวาที่ยังเต็มไปด้วยโลหิตสีเขียว เขาเหลือบไปมองที่พื้นเห็นกุหลาบสีแดงสวยงามแต่ที่ก้านของมันมีหนามแหลมที่ ยังชุ่มเลือดสีเขียวเช่นเดียวกับในฝัน
“เฮ้ย!!” ยามาโตะร้องตกใจหน้าซีดเผือด
“ฝันเหรอ?” จ้าวแห่งท้องนภาเอ่ยถามเมื่อเจ้าลูกชายตัวแสบมาเล่าเรื่องที่เขาฝันถึงชายปริศนามาเตือนให้ระวังตัว อย่าไว้ใจใคร
“ครับ พ่อ มันเป็นฝันที่แปลกมาก แปลกจริงๆ ไม่เคยฝันอย่างนี้มาก่อนเลย” บุรุษหนุ่มผู้มีใบหน้าละม้ายคล้ายซุสพูด พลางนึกถึงความฝันและดอกกุหลาบสีแดงสวยงาม นึกแล้วยังอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมชายปริศนาคนนั้นต้องมาเตือนเขา แล้วใครกันล่ะที่เขาไว้ใจไม่ได้
“พ่อคิดว่ายังไงครับ”
“พ่อ ยังไม่รู้ ต้องเรียกเทพหยั่งรู้มาทำนาย บางที...ความฝันของแกอาจจะไม่ใช่ฝันก็ได้” ซุสบ อก ซึ่งผู้เป็นบุตรชายก็อดเห็นด้วยไม่ได้ เพราะถ้าเป็นความฝันจริงแล้วเหตุใดที่ฝ่ามือของเขาจะมีแผลอย่างในฝัน แล้วไหนจะดอกกุหลาบเปื้อนเลือดนั่นอีก คิดแล้วก็มองมือขวาที่มีผ้าพันแผลพันอยู่รอบๆ
“เจ้า ไปตามเทพพยากรณ์มา ข้าอยากรู้เรื่องความฝันของลูกชายข้า” จ้าวแห่งนภาหันไปสั่งทหารคนหนึ่ง ทหารคนนั้นโค้งศีรษะน้อมรับคำบัญชาของเจ้านายแล้วรีบเดินออกไป สักพักหนึ่งก็กลับมาพร้อมกับบุรุษวัยกลางคนซึ่งมีสองหัวและแต่ละหัวมีดวงตา สีน้ำเงินคนละข้าง ศีรษะแรกชื่อ ‘ซาซึมะ’ ส่วนศีรษะที่สองชิ่อ ‘เก็นไน’ บุรุษสองหัวผู้นี้คือเทพพยากรณ์คนใหม่ที่ซุสแต่งตั้งแทนเทพอะพอลโล เนื่องจากเห็นใจที่อะพอลโลต้องทำหน้าที่หนักชักดวงอาทิตย์ขึ้นทุกเช้า และแม้ว่าตอนนี้ไทจิจะทำหน้าที่ชักดวงอาทิตย์แทนอะพอลโลแล้ว แต่ซุสก็ไม่ประสงค์จะแต่งตั้งอะพอลโลกลับมาเป็นเทพพยากรณ์อีก
“สวัสดีขอรับองค์มหาเทพผู้ยิ่งใหญ่ มีอะไรให้พวกข้ารับใช่รึ” ซาซึมะถาม
“นั่น สิ นายท่าน แต่นายท่านเรียกมาก็ดี ข้าจะได้ไม่กัดกับไอ้ซาซึมะจนตาย” เก็นไนพูดขึ้นมาบ้าง นั่นทำเอาซาซึมะฉุนมาก เอาศีรษะตาเดียวของตนโขกศีรษะอีกฝ่ายอย่างแรงจนเก็นไนมึน เก็นไนสะบัดศีรษะตาเดียวให้หายมึนก่อนจะโขกหัวใส่ซาซึมะเช่นกัน จนเกือบจะทำให้ทั้งสองทะเลาะกันต่อหน้าซุส แต่ยามาโตะห้ามไว้เสียก่อน
“พอ แล้วๆ หยุดทั้งคู่นั่นล่ะ มาเข้าเรื่องกันดีกว่า” ยามาโตะเอ่ยอย่างรำคาญ เจอเจ้าสองหัวนี้ทีไร...พวกมันต้องทะเลาะกันทุกครั้ง ส่วนซาซึมะและเก็นไนเกรงใจเจ้านายจึงยอมหยุด
“ขอ อภัยขอรับ ว่าแต่พวกท่านทั้งสองตามข้ามาพบเรื่องอะไรรึขอรับ” เก็นไนและซาซึมะถามพร้อมกัน ยามาโตะจึงเล่าความฝันของตนให้เทพพยากรณ์สองหัวฟัง
“เป็น ไงบ้าง...ความฝันของฉันน่ะ” บุตร ชายแห่งซุสถาม เทพพยากรณ์สองหัวไม่ตอบอะไร ดวงตาทั้งสองของเทพพยากรณ์ปิดลง ก่อนจะเบิกตาโพลงขึ้นอีกครั้งพร้อมมีรัศมีสีเขียวเปล่งออกมาจากดวงตา เสียงของซาซึมะและเก็นไนนั้นแหบแห้งและรวมเป็นเสียงเดียวกัน
“ฝันนั้น ไม่สิ...ไม่ใช่ฝัน...แต่มันเป็นลางบอกเหตุ...ข้าเห็น...ข้ารู้...ข้าเห็นแล้ว...เห็นแล้ว...”
“เห็นเหรอ...เห็นอะไร!” สองพ่อลูกถามขึ้นพร้อมกันโดยบังเอิญ เทพพยากรณ์ไม่ตอบคำถามของสองพ่อลูกแต่พูดด้วยน้ำเสียงคล้ายคนละเมอว่า
“ในยามที่ดวงอาทิตย์หลับใหลไม่สิ้นสุด...
สองผู้มีอำนาจจักเผชิญหน้ากับสิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าความตาย
อำนาจแห่งสามมหาเทพจักสำแดงเดช
ก่อเกิดไฟแห่งความพินาศ โลกจักถล่ม
หนึ่งเทพเจ้าถูกตัดวิญญาณโดยสตรีผู้เลอโฉม
ทางเลือกหนึ่งจักดับลมหายใจแห่งวีรบุรุษ
ยุคทองแห่งเหล่าเทพเจ้าจักดำรงอยู่หรือดับสูญ”
พูด ได้แค่นั้นดวงตาสีเขียวมรกตเปล่งประกายก็พลันเลือนหายไปพร้อมกับสติของเทพ พยากรณ์สองศีรษะกลับมา โอรสแห่งซุสรีบถามความหมายของคำพยากรณ์บทเมื่อครู่ทันทีด้วยความสงสัย
“ไอ้คำพยากรณ์เมื่อกี้น่ะ หมายความว่ายังไง ฉันไม่เข้าใจ” ยามาโตะถาม
ก็ แน่ล่ะ...ดวงอาทิตย์หลับได้ที่ไหนกันล่ะ สองผู้มีอำนาจในคำพยากรณ์นั้นหมายถึงใครกัน อำนาจสามมหาเทพก็จริงอยู่ว่าบรรดามหาเทพทั่วโลกจะมีอิทธิฤทธิ์มากมาย แต่ก็ในประวัติศาสตร์ก็ไม่เคยปรากฏว่ามีมหาเทพทั้งสามองค์ใช้พลังพร้อมกัน แล้วเทพเจ้าผู้ถูกตัดวิญญาณโดยสตรีผู้เลอโฉม...หมายความว่ายังไง เทพเจ้าถูกตัดวิญญาณได้ที่ไหนกันล่ะก็เทพเจ้าไม่มีวิญญาณนี่นา มีแต่ร่างกายทิพย์ แล้วคำว่าทางเลือกในคำพยากรณ์นั่นหมายถึงอะไรแล้ววีรบุรุษที่จะถูกฆ่าคนนั้นเป็นใครกัน...แล้วประโยคสุดท้ายนั่น...ยุคทองแห่งเหล่าเทพเจ้าจักดำรงอยู่หรือดับสูญนั่นหมายความว่ากำลังจะถูกทำลายงั้นเหรอ แต่ใครกันล่ะที่ต้องการทำลายเหล่าเทพเจ้า คำพยากรณ์นั้นกำลังบอกอะไรกันแน่ มันกำลังจะเกิดอะไรขึ้น
“ม...เมื่อกี้ ข้าพูดอะไรไปบ้าง...โอย...” เก็น ไนถามท่าทางมึนงง จำไม่ได้ว่าเขากับซาซึมะพยากรณ์อะไรไว้บ้าง มือสองข้างกุมศีรษะทั้งสองไว้ เขามักจะปวดหัวอย่างรุนแรงทุกครั้งที่พยากรณ์อะไรออกไป แล้วเขาจะจำอะไรไม่ได้เลยว่าพูดอะไรไว้บ้าง
“เมื่อกี้...คำพยากรณ์ที่ท่านพูดมันหมายถึงอะไร พวกท่านสองคนบอกว่าในยามที่ดวงอาทิตย์หลับใหลไม่สิ้นสุด สองผู้มีอำนาจจักเผชิญหน้ากับสิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าความตาย อำนาจแห่งสามมหาเทพจักสำแดงเดช ก่อเกิดไฟแห่งความพินาศ โลกจักถล่ม หนึ่งเทพเจ้าถูกตัดวิญญาณโดยสตรีผู้เลอโฉม ทางเลือกหนึ่งจักดับลมหายใจแห่งวีรบุรุษ ยุคทองแห่งเหล่าเทพเจ้าจักดำรงอยู่หรือดับสูญ” บุตรแห่งเจ้าท้องฟ้าถามอีกครั้ง ทั้งเก็นไนและซาซึมะมองหน้ากันก่อนจะหันกลับไปมองสองพ่อลูกแล้วตอบคำถามว่า
“ข้าก็ไม่รู้...ข้าจำอะไรไม่ได้เลย ข้าจำได้แค่ว่าเห็นกองทัพสองทัพกำลังต่อสู้ห้ำหั่นกันอย่างดุเดือดแค่นั้น”
“สงคราม เหรอ สงครามอะไร” ยา มาโตะถามต่อ จะมีสงครามอะไรเกิดขึ้นอีกล่ะ ก็ในเมื่อสงครามครั้งสุดท้ายของเทพเจ้าคือสงครามเมืองทรอย*นี่ นา แล้วหลังจากสงครามครั้งนั้นเหล่าเทพเจ้าก็แทบจะไม่ได้ทำสงครามอีก นอกจากจะเป็นสงครามภายในที่วิวาทกันเองเท่านั้นล่ะ แล้วสงครามกับพวกอสูรก็แทบจะไม่มีแล้วด้วย
“ข้า ก็ไม่ทราบขอรับ ไม่ทราบจริงๆ แต่คำพยากรณ์มักไม่ผิดเพี้ยน ข้าคิดว่าพวกท่านควรจะเตรียมการซ้อมรบไว้บ้างก็ดี เพื่อความไม่ประมาท” ซาซึมะแนะนำ ซึ่งซุสก็เห็นด้วย
“นั่น สินะ ยามาโตะ” เจ้าแห่งท้องฟ้าหันไปเรียกบุตรชายของตนที่กำลังหน้าเครียดเหมือนกำลังครุ่น คิดบางอย่างในใจ เขาไม่ได้ยินที่เป็นบิดาเรียกจนซุสต้องเรียกซ้ำรอบที่สอง
“ยามาโตะ!”
“ค...ครับ ท่านพ่อ” บุรุษหนุ่มผู้เป็นเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาสะดุ้งตื่นจากภวังค์หันมามองบิดาของ ตน รีบปรับสีหน้าเป็นปรกติก่อนจะฝืนยิ้มแล้วถาม
“อะไรครับท่านพ่อ เรียกผมทำไม”
“พ่อจะให้เจ้านำบรรดาญาติพี่น้องและเหล่าทหารของพวกเราไปฝึกซ้อมอาวุธและการรบให้พร้อม บางทีอาจจะมีสงครามเกิดขึ้นจริงๆก็ได้”
“ค...ครับ ท่านพ่อ ผมจะรีบจัดการให้ ผมขอตัวก่อนนะ จะรีบไปจัดการตามที่พ่อสั่ง” แล้วบุรุษหนุ่มผู้เป็นเจ้าของใบหน้าอันหล่อเหลาก็ลุกขึ้นสะบัดผ้าคลุมแล้ว เดินออกไปจากห้องของซุส หลังจากยามาโตะออกไปแล้วซุสก็เหลือบเห็นดอกกุหลาบสีแดงงดงามที่เปื้อนโลหิต สีเขียวที่ตกอยู่บนพื้นเหมือนที่ยามาโตะเล่าให้ฟังเมื่อครู่
“สงสัย ยามาโตะจะลืมไว้ เอาไปคืนดีกว่า” ซุส ทำท่าจะลุกขึ้นจากโซฟา แต่แล้วสายตาก็เหลือบไปเห็นตัวอักษรกรีกสลักอยู่บนกลีบดอก สายตาเลื่อนผ่านข้อความนั้นอย่างรวดเร็วแล้วหัวใจเขาก็แทบจะหล่นไปอยู่ ตาตุ่ม เขาต้องรีบทำอะไรสักอย่างก่อนที่มันจะเกิดขึ้นตามที่ข้อความนี้ว่าไว้
ตั้งใจ จะไปที่ลานซ้อมรบเพื่อเรียกประชุมพลแต่ระหว่าทางเขาก็ได้ยินเสียงกรีดร้อง ของนางกำนัลคนหนึ่งดังมาจากอุทยานด้านข้างวังของเจ้าแห่งท้องฟ้า ก็รีบวิ่งไปดู
“ท่านหญิง!! ระวังตกค่ะ!!”
“เกิดอะไรขึ้น” ยามาโตะวิ่งเข้ามา นางกำนัลก็ชี้ไปบนต้นไม้ที่ธิดาองค์เล็กแห่งอะโฟรไดท์กำลังปีนขึ้นไปเพื่อเก็บดอกไม้สีรุ้ง
เธอ เอื้อมมือไปอีกนิดเดียวจะเก็บดอกไม้สีรุ้งได้แต่ดันเหยียบถูกใบไม้ที่ชุ่ม น้ำลื่นไถลตกจากต้นไม้ เสียงกรีดร้องด้วยความตกใจของทั้งนายหญิงและบ่าวดังขึ้น ยามาโตะรีบทิ้งของทุกอย่างวิ่งเข้ารับร่างบางได้อย่างทันท่วงที
ร่างเล็กตกจากต้นไม้ลงสู่อ้อมแขนใหญ่อย่างปลอดภัย เด็ก สาวกอดคอชายหนุ่มแน่นอย่างกลัวตก เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นดวงตาหวานก็สบเข้ากับดวงตาคมที่เปล่งประกายฉายแววความ รัก ใบหน้าหวานกับใบหน้าคมคายหล่อเหลาห่างกันไม่มากนัก ลมหายใจอุ่นเป่ารดกัน หัวใจดวงน้อยของเธอก็เกิดอาการหวั่นไหวขึ้นมาทันที
“เอ่อ..เป็น อะไรรึเปล่า” ยา มาโตะถามเสียงอ่อนโยน ขณะที่มือหนาโอบร่างบางกระชับมั่น ฮิคาริหน้าแดงขึ้นมาทันทีที่ได้ยินเสียงทุ้มหล่อบาดใจ ก่อนจะรีบกลบเกลื่อนอารการเขินด้วยการบอกว่า
“ไม่ เป็นไรค่ะ ขอบคุณที่ช่วยรับไว้” ฮิ คาริกล่าวขอบคุณขณะที่ยามาโตะปล่อยเธอลง ธิดาแห่งเทพีความรักรีบปัดเศษไม้ที่ติดชายกระโปรงสีขาวออก ก่อนจะหันไปเห็นชายหนุ่มผมสีทอง สวมชุดไปรเวท ใบหน้าละม้ายคล้ายอะโฟรไดท์กำลังเดินมาโดยมีหญิงสาวหน้าตาสวยงามมากเกาะแขน มาด้วย สีหน้าของบุคคลทั้งสองกำลังร่าเริง หยอกเย้ากันไปมาท่าทางเหมือนสามีภรรยา ฮิคาริก็ผละจากยามาโตะวิ่งไปหาบุรุษผู้มาใหม่
“พี่อีรอสคะ!” เด็กสาวเอ่ยนามของผู้มาเยือน ก่อนจะกระโดดกอดด้วยความดีใจ ซึ่งบุรุษหนุ่มคนนั้นก็กอดตอบเช่นกัน ก่อนจะผละเธอออกเบาๆ
“เป็นยังไงบ้าง คาริน้องสาวพี่ สบายดีเหรอ ไม่เจอกันนานเลยนะ สวยขึ้นเยอะเลยนะเรา” บุรุษ ผู้มีนามว่า ‘อีรอส’ เอ่ย ถาม อีรอสผู้นี้คือบุตรชายของเทพีอะโฟรไดท์กับเทพแอรีส เขาเป็นเทพแห่งความรักเช่นเดียวกับอะโฟรไดท์ ซึ่งบางครั้งทุกคนรู้จักเขาในนาม ‘คิวปิด’** ส่วนหญิงสาวที่มากับเขานั้น เธอคือภรรยาของเขามีนามว่า ‘ไซคี’***
“คา ริสบายดีค่ะ แล้วพวกพี่ๆล่ะคะไปเที่ยวกันที่ดินแดนแอสการ์ด****มา สนุกมั้ยคะ” เด็กสาวเอ่ยถามเสียงร่าเริงขณะที่มือยังกอดพี่ชายต่างบิดาไม่ปล่อย ทำให้ทั้งยามาโตะชักสีหน้าไม่พอใจ เริ่มเกิดอาการหึงฮิคาริที่กอดอีรอสไม่ยอมปล่อย ส่วนไซคีก็หึงอีรอสเช่นกัน
“นี้ปล่อยกันได้แล้วล่ะค่ะ แหม...กอดกันซะกลม จนนึกว่าจะรวมร่างกันซะแล้ว”ไซคีประชดเข้าให้ ทำให้ฮิคารินึกฉุนกระทบกระเทียบกลับบ้าง
“ก็คนมันคิดถึงนี่นะ ไม่เจอกันนาน ไม่ได้เกาะติดแจชนิดที่ว่าเธอไปไหน ฉันไปด้วยสักหน่อย แล้วอีกอย่างนะ พี่น้องเขาจะคุยกัน คนอื่นไม่ เกี่ยว” คำพูดของผู้เป็นน้องสาวของสามีทำเอาไซคีแทบอยากจะกรี๊ดแล้วเข้าไปตบสั่งสอน เธอไม่ชอบน้องสาวของสามีมาก เพราะเมื่อก่อนอีรอสทั้งรักและหลงเธอ ยอมเธอทุกอย่างแต่เมื่ออะโฟรไดท์ให้กำเนิดฮิคาริ จิตใจของอีรอสก็เอาแต่จดจ่ออยู่กับน้องสาวต่างพ่อ ไม่ค่อยสนใจเธอเช่นแต่ก่อนทำให้เธอรู้สึกอิจฉาริษยาฮิคาริอย่างมาก นี้ถ้าไม่เกรงใจบรรดาเทพโอลิมปัสที่เป็นเครือญาติข้างสามีนะ...เธอคงกำจัดฮิ คาริไปนานแล้ว!
“พี่ อีรอสคะ กลับพระราชวังแห่งความรักกันเถอะค่ะ ท่านแม่ กับท่านพ่อของพี่ แล้วก็บรรดาพี่น้องรอต้อนรับพี่อยู่นะคะรีบไปกันเถอะ” ว่าแล้วฮิคาริก็ดึงอีรอสไปขึ้นรถลีมูซีนสีชมพูที่มีภาษากรีกสลักตรงตัวรถว่า ‘เทพีแห่งความรักจงเจริญ’ ส่วนไซคีก็รีบเดินตามไปขึ้นรถลีมูซีนสีชมพูเช่นกัน ยามาโตะมองตามรถที่แล่นออกไปจนลับตา
“เฮ้อ...เธอนี้มันน่ารักจริงๆ เธอคนนี้แหละ...ที่จะเป็นชายาของเรา” ยา มาโตะพูดแล้วความฝันที่ชายปริศนามาเตือนเขาว่า อย่าไว้ใจ ‘หญิงงาม’แม้กระทั่งหญิงที่เขาจะรีบเป็น ‘ชายา’ แต่...ฮิคาริน่ะเหรอ...จะทำให้ชีวิตของเขาต้องพังพินาศ ไม่จริงหรอก! ฮิคาริจะทำให้เขามีชีวิตต่างหาก และเป็นชีวิตที่จะมีแต่ความสุข
“ท่านยามาโตะครับ” ทหารคนหนึ่งวิ่งมาหาบุรุษหนุ่ม ก่อนจะกระซิบอะไรบางอย่างที่ข้างหูของยามาโตะ
“ได้...ฉันจะไปที่สภาโอลิมเปียนเดี๋ยวนี้”
ณ ไร่องุ่นไดโอนีซุส ข้างพระราชวังไดโอนีซุส
บรรดา องุ่นพรรณดีที่มีสวยสดงดงามทั้งสีเขียว สีม่วง และสีม่วงอมแดงเรียงรายอยู่บนเถาอย่างสวยงามราวกับมีคนมาตั้งใจจัดเรียงมัน ไว้ให้เป็นระเบียบเรียบร้อย บรรดาคนงานมีทั้งเทพเจ้าองค์เล็กๆ เลือดผสม เซนทอร์ และแซเทอร์กำลังทำงานของแต่ละคนด้วยความขยันขันแข็ง
“นี่ๆ อย่าทำอย่างนั้นสิ เดี๋ยวองุ่นก็ช้ำหมดหรอก” เสียงหวานของเด็กหนุ่มร่างบางผู้เป็นเจ้าของผมสั้นสีน้ำตาล ดวงตาสีแดงทับทิมสวยงามรับกับใบหน้าสวยหวานที่เหมือนสตรีมากกว่าจะเป็นชาย ชาตรี เขาสวมชุดคาวบอย บุคลิกเหมือนเจ้าของไร่กำลังตำหนิคนงานคนที่กำลังจับองุ่นพวงหนึ่งอย่างแรง
เขาผู้นี้มีนามว่า ‘มัตสึดะ ทาคาโตะ’ โอรสองค์เล็กแห่งไดโอนีซุส เทพเจ้าแห่งองุ่นและการทำไวน์ และทาคาโตะผู้นี้ก็เป็นเจ้าของไร่ไดโอนีซุสซึ่งไร่นี้เขาได้รับมาจากไดโอนี ซุสผู้เป็นพ่อของเขา
“ขอ โทษครับนายท่าน ผมจะระวังให้มากกว่านี้ครับ” ผู้เป็นคนงานเอ่ยขอโทษกับเจ้านายอย่างจริงใจ ก่อนจะหันกลับมาทำงานของตนเองต่อ ส่วนทาคาโตะก็เดินตรวจไร่องุ่นพลางอ่านเอกสารเกี่ยวกับราคาองุ่นที่พุ่งขึ้น ไม่หยุดหย่อน
เพล้ง!! โคร่ม!!
เสียง ดังโครมครามนั้นทำให้เด็กหนุ่มหน้าหวานชะงักละสายตาจากเอกสารทั้งหมด หันมองที่มาของเสียงก็พบว่ากำแพงไร่ของเขาถูกทำลายโดยอะไรบางอย่าง ถัดจากกำแพงที่พังทลายมาไม่ห่างกันนักมีรถแทรกเตอร์สีเขียวคันหนึ่งยี่ห้อ ‘โอลิมปัส วีโก้’ มี แต่ฝุ่นมอมแมมเขรอะเต็มไปหมด และที่สำคัญข้างใต้รถแทรกเตอร์คือเถาองุ่นที่ตั้งอยู่ข้างกำแพงล้มระเนระนาด องุ่นที่ทาคาโตะปลูกไว้เละเหลือแต่น้ำ
“อ...องุ่น ของฉัน!! ไม่นะ!!” ทา คาโตะทิ้งเอกสารทั้งหมด ไม่สนใจราคงราคามันแล้ว เขารีบวิ่งไปดูองุ่นที่เละเหลือแต่น้ำ มองมันอย่างเสียดายก่อนจะปีนขึ้นไปรถแทรกเตอร์จะเอาเรื่องเจ้าของรถ
“เฮ้ย!!” เสียงเจ้าของรถแทรกเตอร์ร้องขึ้นตกใจกับภาพตรงหน้า เด็ก หนุ่มร่างสูงผู้เป็นเจ้าของใบหน้าหล่อคมคาย ดวงตาสีเทาอมเขียว สวมเสื้อม่อฮ่อมสีน้ำเงินคาดผ้าขาวม้าแบบชาวนาไทยชะโงกหน้ามองทาคาโตะ เขาคนนี้ชื่อ ‘ลี เจนเรีย’ บุตรแห่งดีมิเทอร์ เทพีแห่งการเกษตรและธัญญาหาร
“นี้นาย!” ทาคาโตะปีนขึ้นมาบนรถแทรกเตอร์ท่าทางเหมือนจะเอาเรื่อง
“ นายทำอะไรลงไป รู้ตัวมั้ยเนี่ย!!” เด็กหนุ่มผู้เป็นเจ้าของไร่องุ่นเริ่มโวยวาย เมื่อเห็สภาพไร่ของตนส่วนหนึ่งราบเป็นหน้ากลองเพราะรถแทรกเตอร์สีเขียวคัน นี้
“ฉันขอโทษ” เจนเรียกล่าวขอโทษ
“แค่คำขอโทษอย่างเดียวคงไม่พอมั้ง จ่ายค่าเสียหายมาดีกว่า” แล้วทาคาโตะก็แบมือไปทางเจนเรีย เจนเรียคิดในใจไม่น่าตั้งเกียร์อัตโนมัติไว้แล้วหลับเลยเรา ดูสิเนี่ย ต้องจ่ายเงินค่าเสียหายจนได้
“จ่าย มา” ทา คาโตะยันคำเดิม บุตรแห่งดีมิเทอร์ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง หยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาเพื่อจะหยิบเงินให้ทาคาโตะเพื่อชดใช้ค่าเสียหาย แต่ยังไม่ทันได้จ่าย ทหารเอกแห่งซุสก็วิ่งหน้าตาตื่นตระหนกเข้ามา
“นายท่านครับ!! องค์มหาเทพเรียกประชุมพลด่วนครับ! ที่สภาโอลิมเปียน อ้อ! ท่านเจนเรียก็ต้องไปด้วยนะครับ”
เจ้าของไร่องุ่นไดโอนีซุสหันมามองบุตรแห่งดีมิเทอร์ ก่อนจะบอกด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยจะพอใจและเต็มใจนักว่า
“เรื่อง ระหว่างเราขอยุติไว้เท่านี้ก่อนละกันนะ ไปสภาโอลิมเปียนก่อน แล้วฉันจะกลับมาทวงหนี้นายแน่นอน! ฉันสาบานเลย!” ท่าทางเอาเรื่องของเด็กหนุ่มผู้เป็นเจ้าของไร่องุ่นทำเอาบุตรแห่งเทพีการ เกษตรถึงกับกลืนน้ำลายด้วยความหวาดเสียว เพราะเคยได้ยินกิตติศัพท์มาว่าถ้าบุตรแห่งไดโอนีซุสจะเอาเรื่องกับใครก็จะ ตามจองล้างจองผลาญให้ถึงที่สุด
ณ สภาโอลิมเปียน
สภา แห่งนี้มันคือห้องโถงขนาดใหญ่มหึมา ประกอบไปด้วยบัลลังก์สิบสองหลังสำหรับเทพเจ้าสิบสององค์เรียงตัวเป็นรูป เกือกม้าตั้งอยู่ใจกลางห้อง ตามผนังห้องประดับประดาไปด้วยเพชรนิลจินดาที่ส่งตรงจากนรกใต้พิภพ อีกทั้งผนังรอบห้องก็ประดับไปด้วยภาพถ่ายเทพเจ้าโอลิมปัสทุกองค์
เทพเจ้า กลุ่มใหญ่หลายร้อยองค์กำลังถกเถียงกันเรื่องความฝันของยามาโตะ เรื่องข้อความที่สลักอยู่ที่กลีบกุหลาบและเรื่องคำพยากรณ์ของเทพพยากรณ์ซาซึ มะและเก็นไน เทพเจ้ากลุ่มนั้นประกอบไปด้วยเหล่าเทพเจ้าจากดินแดนแอสการ์ด เหล่าเทพเจ้าจากเขาพระสุเมรุ***** เทพเจ้าจากอียิปต์ เทพเจ้าจากจีน เทพเจ้าจากญี่ปุ่น เทพเจ้าจากเมโสโปเตเมีย เทพเจ้าจากเปอร์เซีย และเทพเจ้าจากที่อื่นๆอีกมากมาย
“เฮ้...หยุดเถียงกันก่อน...” เสียงตะโกนของซุสดูท่าจะไม่ได้ผล เพราะบรรดาผู้นำเทพเจ้ากลุ่มต่างๆยังคงถกเถียงกันไปมา
“ข้าบอกให้หยุด!!” เสียงทรงพลังของซุสทำให้ทุกอย่างสงบลง ทุกคนหันมามองเจ้าแห่งท้องนภาของชนชาติกรีกเป็นตาเดียวกัน
ปัง!!
ประตู ห้องโถงเปิดออกพร้อมกับยามาโตะ ไทจิ ทาเครุ ฮิคาริ โคจิ โคอิจิ ทาคาโตะ เจนเรีย ทาคุยะ โทม่า และอิซึมิเดินเข้ามาในชุดประจำชาติกรีก ความหล่อบาดใจของบรรดาบุรุษหนุ่มและความงดงามของสองเทพีผู้มาเยือนสร้างความ ตะลึงให้กับเหล่าเทพเจ้าจากชนชาติอื่นๆ
“พวกเจ้ามาช้า” ซุสตำหนิ
“ขออภัยค่ะ องค์มหาเทพผู้ยิ่งใหญ่” ธิดาแห่งเทพีอะโฟรไดท์และธิดาแห่งเทพีอาร์เทมีสกล่าวขอโทษ
“ขออภัยครับ องค์มหาเทพผู้ยิ่งใหญ่” บรรดาเทพเจ้าหนุ่มผู้มาเยือนกล่าวขอโทษ
“เอาเถอะ ตอนนี้มีเรื่องด่วน ข้าจะยังไม่ลงโทษพวกเจ้า” ซุสเอ่ย ทำให้บรรดาผู้มมาใหม่ถอนหายใจโล่งอกนึกว่าจะโดนอาญา
“แต่ว่าเรื่องด่วนอะไรเหรอขอรับ” ยามาโตะเอ่ยถาม
“อ่าน นี้สิ” ซุสยื่นกุหลาบสีแดงที่เปื้อนเลือดสีเขียวแต่แห้งกรังไปแล้วให้ยามาโตะ เขารับกุหลาบมาอย่างระมัดระวัง
“นี้ มัน...กุหลาบที่ผมเล่าให้พ่อฟังนี้ครับ” ยา มาโตะพูด ซึ่งซุสก็พยักหน้ารับ ยามาโตะไล่สายตาตามตัวอักษรกรีกโบราณที่สลักตรงกลีบดอกแล้วลำคอ ตีบตันใบหน้าหล่อเหลาซีดเผือด โทม่าสงสัยเลยหยิบมาอ่านออกเสียงให้ทุกคนฟัง
“คำเตือนถึงเหล่าเทพเจ้าผู้ยิ่งใหญ่
อย่า คิดว่าพวกท่านจะยิ่งใหญ่ตลอดกาล อันสัจจธรรมว่ามีเกิดก็ต้องมีดับไป...เกียรติยศของพวกเจ้าเป็นเพียงเปลือก นอกที่พวกข้าจะทำลายให้ย่อยยับ! จงระวังตัวให้ดี! ข้าจะทำให้โอลิมปัสย่อยยับ เขาพระสุเมรุจะราบเป็นหน้ากลอง แอสการ์ดจะเหลือเพียงเถ้าธุลีดิน สวรรค์แห่งจีนจะไร้ซึ่งแสงสว่าง สวรรค์แห่งญี่ปุ่นจะเหลือเพียงความมืดมิด สวรรค์แห่งไอยคุปต์******จะยับเยิน ยุคเทพเจ้าจะสิ้นสุด พวกข้าจะกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง!
ด้วยความปรารถนาดี
จาก
Phos
มิตรผู้ไร้ตัวตน”
เกร็ดความรู้
*สง ครามเมืองทรอย เป็นสงครามหนึ่งในมหากาพย์อีเลียดของโฮเมอร์(กวีชาวกรีก ผู้ริเริ่มตำนานเทพเจ้ากรีก) เนื้อเรื่องว่าด้วยการที่เหล่าเทพเจ้ากรีกเข้าร่วมสงครามฝ่ายเมืองทรอย รบกับชาวเอเคียนหรือชาวกรีก สงครามเมืองทรอยเป็นสงครามจริงในประวัติศาสตร์กรีก ปัจจุบันเมืองทรอยอยู่ในประเทศตุรกี
**อี รอส เป็นบุตรของเทพีอะโฟรไดท์ที่เกิดกับเทพแอรีส แต่บางตำราก็กล่าวว่าเป็นบุตรของเทพเฮอร์มีสกับเทพีอาร์เทมีส บางตำราก็ว่าเป็นบุตรของเทพเฮอร์มีสกับเทพีอะโฟรไดท์ ในตำนานของโรมันเรียกอีรอสว่า ‘คิวปิด’
***ไซคี เป็นธิดาของพระราชาองค์หนึ่ง และเป็นภรรยาของอีรอส ทั้งคู่มีธิดาด้วยกันหนึ่งคนชื่อ ‘เดลิซิโอ’
****ดินแดนแอสการ์ด เป็นดินแดนของเหล่าเทพเจ้าแอเซียร์ ซึ่งเป็นเทพเจ้าในความเชื่อของชาวนอร์สหรือชาวสแกนดิเนเวีย
***** เขาพระสุเมรุ เป็นดินแดนของเหล่าเทพเจ้าในศาสนาพราหมณ์-ฮินดู
****** ไอยคุปต์เป็นคำเรียกชาวอียิปต์ในสมัยโบราณ
ความคิดเห็น